“พวกแกกล้ารังแกฉันแบบนี้ พวกแกจบเห่แน่!”หานเข่อเอ๋อร์โกรธมากจนเกือบจะเสียสติ เธอหัวเราะเสียงดังอย่างบ้าคลั่ง:“รอพี่ชายของฉันพาคนมา พวกแกไม่มีใครสามารถหลบหนีได้ พวกแกทุกคนจะต้องตาย!”“หึ…”คิดไม่ถึงว่าหลินเฟิงกลับไม่รู้สึกกลัวสักนิดเขาเพียงแค่ยิ้มเยาะ เขาคว้าอวี้จื่อเสวียนที่กำลังจะพุ่งเข้าไปด้วยมือข้างหนึ่ง และพูดอย่างเฉยเมยว่า:“งั้นคุณควรจะรีบหน่อย บางทีตอนนี้เขาอาจจะอยู่ใกล้ ๆ ไม่ได้จากไปไกลก็ได้”“แกอยากตายเร็วๆใช่มั้ย? ได้ ฉันจะสนองแก!”โทรศัพท์ของหานเข่อเอ๋อร์เชื่อมสายแล้วเสียงที่เอื่อยเฉื่อยกังออกมาจากโทรศัพท์ที่อยู่ในมือ“ฮัลโหล เข่อเอ๋อร์ โทรหาผมมีธุระอะไร?”“พี่เหวิน ฉัน…ฉันถูกคนตบ เรื่องนี้คุณจะจัดการไหม?”เสียงของหานเข่อเอ๋อร์เปลี่ยนจากตะคอกเป็นออดอ้อนทันทีเปลี่ยนไปอย่างเร็วมาก ทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์หางตากระตุก“พี่ชาย” ที่หานเข่อเอ๋อร์พูดถึงนั้นคงจะไม่ใช่พี่ชายตามความหมายปกติ“หือ? มีคนกล้าแตะต้องเธอ? หรือว่าเธอไม่ได้บอกชื่อของฉันซือหม่าเหวินไปเหรอ?”เสียงของซือหม่าเหวินแฝงไปด้วยความสงสัย“บอกแล้ว แต่พี่เหวิน กองถ่ายของที่นี่เหมือนจะไม่มีใครยอ
เธอมองไปทางอวี๋จื่อเสวียนกับหลินเฟิงด้วยความเหลือเชื่อ ในสายตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและร้อนรนแตกต่างกับท่าทางกำเริบเสิบสานเมื่อครู่โดยสิ้นเชิง หานเข่อเอ๋อร์ในตอนนี้สัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวที่แท้จริงแล้วคิดไม่ถึงผู้ชายคนนี้เป็นคนที่แม้แต่คุณชายซือหม่ายังไม่กล้ามีเรื่องด้วย เบื้องหลังของเขาจะน่าหวาดกลัวขนาดไหนกัน?!ไม่น่าแปลกใจที่เมื่อครู่ตอนเธอยั่วโมโหหลินเฟิงคนของกองถ่ายใช้สายตาเห็นใจมองดูเธอยังมีคนบอกว่าเธอคิดสั้นในตอนนี้หานเข่อเอ๋อร์ถึงได้เข้าใจสักทีหานเข่อเอ๋อร์ถือโทรศัพท์เอาไว้ด้วยความสั่นเทา และพูดเสียงสั่นว่า:“พี่เหวิน ขอร้องคุณล่ะ ช่วยฉันด้วย ฉัน...ฉันยังไม่อยากตาย พี่เหวิน เป็นพี่ที่โทรศัพท์หาผู้กำกับ ให้เขาเพิ่มบทให้ฉันไม่ใช่เหรอ?”“นี่แสดงว่าคุณยังให้ความสำคัญกับฉันใช่ไหมคะ?”“ผู้กำกับอะไร เพิ่มบทอะไร เรื่องบ้าบออะไร ฉันไม่รู้เรื่อง!”เสียงของซือหม่าเหวินเต็มไปด้วยความหงุดหงิด“นับตั้งแต่วันนี้ ห้ามโทรมาหาฉันอีก พวกเราพอแค่นี้ ใครก็ไม่เคยเจอใครทั้งนั้น ได้ยินแล้วยัง?!”“อ๊ะ?!”สัมผัสได้ถึงความร้อนรนและเด็ดขาดในน้ำเสียงของซือหม่าเหวิน ตอนนี้หานเข่อเอ๋อร์
“ผม...ทราบแล้วครับ”ซือหม่าเหวินหางตากระตุกอย่างแรงก่อนกลับไป เขายังถลึงตาใส่หานเข่อเอ๋อร์ที่คุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยความตกใจจนตัวอ่อน จากนั้นส่งเสียงไม่พอใจในลำคอและจากไปและท่าทางแบบนี้ของซือหม่าเหวิน ทำให้เกิดการซุบซิบกันของเจ้าหน้าที่ในกองถ่าย“แม่เจ้า เมื่อเรียกก็มา พอกวักก็ไป คุณหลินคนนี้เห็นคุณชายของตระกูลซือหม่าเป็นอะไร?”“ฉันไม่เคยเห็นคุณชายซือหม่าเหวินจะถ่อมตัวขนาดนี้มาก่อน”“พวกเธอได้ยินแล้วยัง? เขายังสั่งสอนคุณชายซือหม่าเหวินด้วย!”“ไร้สาระ คุณดูคุณชายซือหม่าเหวินสิ แม้แต่ตอบโต้กลับก็ยังไม่กล้า!”“บ้าไปแล้ว บ้ามากๆ!”“หึ!”อวี๋จื่อเสวียนเห็นท่าทางกลับไปของซือหม่าเหวิน เธอกำมือแน่น พูดอย่างอวดดีว่า:“ไอ้หมอนั่นครั้งนี้ทำตัวว่าง่ายแล้วจริงๆ ไม่งั้นวันนี้ฉันจะต้องหาข้ออ้าง กระทืบเขาแรงๆ อีกสักยก!”คำพูดแบบนี้ของอวี๋จื่อเสวียนทำให้เจ้าหน้าของกองถ่ายตัวแข็งทื่อ“อีก?”ตามที่อวี๋จื่อเสวียนพูดเธอเคยกระทืบคุณชายซือหมาเหวินท่านนี้อย่างแรงด้วยงั้นเหรอ?นักเขียนบทที่อยู่ข้างๆ รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองจะหยุดเต้น เด็กคนนี้ในกองถ่ายของเขาเป็นใครกันแน่นะ!ไม่น่าแปลกที่เธอจ
“ฉันกลับหนีไปโดยไม่สนใจใคร เป็นแบบนี้ทุกครั้ง ขอโทษนะคะ”ตอนที่พูดคำนี้ อวี๋จื่อเสวียนเบือนหน้ามองไปทางนอกหน้าต่างดูออกได้ว่าเธอยังเขินอายเล็กน้อย“ต่อไปฉันจะฟังพวกคุณ อยู่ที่ในบ้านอย่างว่าง่าย พอใจแล้วยัง?”เห็นเด็กคนนี้จู่ๆ รู้ความแล้วหลินเฟิงกลับไม่เคยชินเล็กน้อยแต่พูดตามตรงชีพจรมังกรของเด็กคนนี้ยังถือว่าอำพรางได้แนบชิดมาก ยอดฝีมือทั่วไปได้ไป ถ้าหากไม่มีความรู้ด้านยาเหมือนกับหลินเฟิง ก็ไม่แน่ว่าจะสามารถมองออกได้หลินเฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า:“กลับไปครั้งนี้ ไปหาพี่ฮุ่ยหรานกับพี่ถังหว่านของเธอ ให้ทางด้านพวกเธอเตรียมเอกสาร ย้ายบริษัทบันเทิงของหลี่ซื่อกรุ๊ปไปที่เมืองเจิ้งเต๋อ”“ฉันออกเงินทุน พวกเธอจัดซื้ออุปกรณ์รับสมัครคนมีความสามารถ ไม่ทำบริษัทบันเทิงทั่วไปแล้ว แต่ลงทุนทำบริษัทภาพยนตร์และแผ่นเสียงโดยตรงเลย”มองไปยังปากเล็กๆ ของอวี๋จื่อเสวียนที่เปิดกว้างขึ้นเรื่อยๆ หลินเฟิงก็หัวเราะออกมาและยิ้มพูดว่า:“จ้องฉันทำไม? กำลังแค่นี้ฉันยังสามารถเอาออกมาได้ ต่อไปบริษัทแห่งนี้ก็มอบให้เธอกับอิ่นนั่วเจียจัดการดูแลแล้ว”“ได้กำไรแล้วอย่าลืมแบ่งเงินปันผลให้ฉัน”“ได้!”อวี
เมื่อเห็นหลินเฟิงไม่ได้หวาดกลัวก้วนอวี่กรุ๊ปกับคุณชายหลูด้วยซ้ำ ผู้หญิงก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟทันที“ไอ้หนุ่ม อย่ามาโทษว่าฉันไม่ได้เตือนแกนะ!”“ที่เมืองจิง แม้แต่สี่ตระกูลที่ร่ำรวยก็ยังต้องไว้หน้าก้วนอวี่กรุ๊ป หากวันนี้เธอไม่คุกเข่าขอโทษ เกรงว่าจะรักษาชีวิตน้อย ๆของนายไว้ไม่ได้แล้ว!”“หึ พูดจาใหญ่โตดีนะ”หลินเฟิงไม่ได้หวาดกลัวคำขู่ของเธอหรอกเขาจ้องมองคุณชายหลูที่เกือบจะล้มไปกับพื้นเพราะความเมา ทั้งรู้สึกดูถูกชายหนุ่มจากตระกูลใหญ่ ที่เอาแต่เสวยสุขและไม่ยอมทำงานทำการแบบนี้“ไอ้...ไอ้หนุ่ม แกรู้ไหมว่าพี่ชายของฉันเป็นใคร?”“พี่ชายของฉันก็คือหลูข่ายหยวนดาบคลั่งแห่งสำนักจิ่วเซียว หากวันนี้แกกล้ากลับไปแบบนี้ละก็ ฉัน...ฉันจะไม่ปล่อยแกไปแน่...”หลังจากที่ฟังคนขี้เมาคุยโวโอ้อวดเกี่ยวกับผู้ที่อยู่เบื้องหลังของตัวเอง หลินเฟิงฟังมานานพอสมควร เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา แล้วโทรหาจ้าวเทียนหวาให้เขาส่งคนเข้ามาจัดการอุบัติเหตุในครั้งนี้แล้วเขาก็เดินจากไปพร้อมกับอวี๋จื่อเสวียนก่อนที่จะแยกจากไป คุณชายหลูก็ยังตะโกนอยู่เรื่อย ๆว่า “แกไสหัวกลับมานะ ถ้าแกแน่จริงก็อย่าไปสิวะ แม่งเอ้ย....”“เอ๊ะเอ๊
“เพื่อที่จะเอาเปรียบเราตอนที่เราไม่ทันได้ระวัง ร่วมมือกับอีกาแห่งเมืองหนานไห่ มากวาดล้างตระกูลถังของพวกเราให้สิ้นซาก”“น่าขำ!”เมื่อได้คำพูดนี้ หลินเฟิงก็ไม่พอใจเล็กน้อยช่างเป็นหมาป่าที่เลี้ยงไม่เชื่องจริง ๆ ถ้าหากหลินเฟิงตั้งใจจะให้ตระกูลถังตายจริง ๆ ถ้าอย่างนั้นตระกูลถังก็คงจะจบเห่ไปนานแล้วจะรอมาถึงตอนนี้ทำไม?ดูเหมือนว่าตระกูลถังจะยังมีปัญหาภายในอยู่นับตั้งแต่ที่ถังเจี้ยนหยวนประกาศปิดธุรกิจสาขาย่อยในที่ต่าง ๆตระกูลหลักของตระกูลถังก็ยังรับเอาสมาชิกจำนวนไม่น้อยมาจากภายนอก จึงส่งผลให้อิทธิพลของตระกูลถังเจือจางลงไปมากเมื่อมีคนพูดถึงกันมากขึ้น โดยธรรมชาติแล้วก็จะมีคนที่คัดค้านมากขึ้นเช่นกัน ถึงแม้ความแข็งแกร่งของตระกูลถังจะพุ่งขึ้นสูง แต่สิ่งที่ต้องชดใช้กลับเห็นได้อย่างชัดเจน“สามี ในเมื่อคุณอยู่ที่เมืองจิง ทำไมคุณถึงไม่พักที่ตระกูลถังสักพักล่ะ? ลุงของฉันรับสมัครคนแปลก ๆทุกประเภทมาตลอดในช่วงนี้ เพื่อเอาไว้ป้องกันการโจมตีอย่างกะทันหันของอีกาแห่งเมืองหนานไห่”ถังหว่านถามลองเชิงเธอไม่แน่ใจว่าหลินเฟิงยังจะเต็มใจเข้าไปข้องเกี่ยวกับความวุ่นวายของตระกูลถังหรือเปล่า ในเมื่อตอน
“ใช่แล้ว แน่นอนว่าฉันรู้ถึงความแข็งแกร่งของศิษย์พี่ของฉันดี ไม่ต้องพูดถึงอีกาแห่งเมืองหนานไห่หรืออีกาแห่งเมืองตงไห่เลย ทั้งหมดจะต้องพ่ายแพ้ให้กับดาบของศิษย์พี่ของฉัน”และชายอีกสองคนก็ยังคุยโวโอ้อวดด้วยใบหน้าที่ชื่นชมอีกด้วยถึงแม้หลินเฟิงจะไม่ชอบคำพูดที่ไร้สาระอะไรแบบนี้แต่เพื่อรักษาหน้าของถังเจี้ยนหยวนและถังหว่าน เขาก็ยังคงยิ้มและจับมือกับไท่สื่อทงคนนั้น“ผมคือหลินเฟิง ยังไม่มีสำนักหรือกลุ่มอะไร....ชั่วคราว”“เหอะ รอยยิ้มจอมปลอม มองดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนดีอะไร”เชียนเชียนพูดพึมพำอยู่ข้าง ๆ“คุณจะไม่จบใช่ไหม?”อวี๋จื่อเสวียนทนไม่ไหวกับผู้หญิงคนนี้ที่ใส่ร้ายหลินเฟิงตลอดเวลา จึงเบิกตากว้างใส่พร้อมกับพูดขึ้นด้วยความโมโห“ทำไม? เธอรับไม่ได้งั้นเหรอ? จะสู้กันไหมล่ะ?”ผู้หญิงที่ชื่อเชียนเชียน เห็นได้อย่างชัดเจนว่าไม่ใช่คนที่จะรับมือได้ง่าย ๆเธอชักกระบี่ยาวที่เอวของตัวเองออกมา แล้วโบกไปมาต่อหน้าอวี๋จื่อเสวียน“เอาล่ะ”ไท่สื่อทงขมวดคิ้วและไปขวางหน้าเชียนเชียน พร้อมกับขมวดคิ้วพูดว่า :“เชียนเชียน หยุดเสียมารยาทได้แล้ว!”หลินเฟิงก็ลูบหัวของอวี๋จื่อเสวียน และยิ้มขึ้นเล็กน้อย“หึหึ ท
“แล้วทำไมเธอถึงผิดสัญญาแล้วกลับมาอีกล่ะ?”ถังเจี้ยนหยวนไม่สามารถที่จะเอาเรื่องนี้มาพูดได้อย่างเปิดเผยจึงได้เอ่ยถามกับหลินเฟิงเป็นการส่วนตัวด้วยความร้อนใจ“ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจ”หลินเฟิงพูดความจริง ในเมื่อตอนนั้นศิษย์น้องหญิงของตัวเองได้สัญญากับตัวเองแล้ว หากพูดตามหลัก เธอก็ไม่น่าจะเปลี่ยนใจ“คุณแน่ใจงั้นเหรอ?”เมื่อเห็นแววตาที่สงสัยของถังเจี้ยนหยวน หลินเฟิงก็พยักหน้าอย่างจนปัญญาเขารู้ว่าถังเจี้ยนหยวนสงสัยอะไรอยู่นักธุรกิจมักขี้สงสัยตระกูลถังเป็นตระกูลที่ทำธุรกิจในประเทศมังกรมานานที่สุด และเป็นตระกูลพ่อค้าที่ประสบความสำเร็จสูงสุดด้วยเช่นกันแต่ในฐานะผู้นำตระกูลหลักของตระกูลนี้ แน่นอนว่าเป็นไม่ได้ที่หลินเฟิงจะโกหกเขาด้วยคำพูดเพียงสองสามคำแต่ตอนนี้หลินเฟิงก็ไม่มีวิธีดี ๆอะไรแล้วเช่นกันถังเจี้ยนหยวนไม่เชื่อตัวเองก็เป็นปกติ แม้แต่เขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมศิษย์น้องหญิงของตัวเองถึงต้องการที่จะจัดการกับตระกูลถังอีกครั้งหรือว่าจะถูกตระกูลหลงบังคับ?“เฮ้อ....”ถังเจี้ยนหยวนเห็นว่าหลินเฟิงก็ไม่มีเบาะแสตรงนี้เช่นกัน เขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วงและพูดขึ้นว่า :“ถ้าหากอีกาแห่งเมือ
ถ้าพูดตามเหตุผลแล้ว คนที่ออกหน้าไม่ควรจะเป็นเขา แต่เป็นหลินเฟิงถึงจะถูก แต่ท่าทางของหลินเฟิงทำให้เขาผิดหวังมากจริงๆจะมีผู้ชายทนเห็นคนอื่นพูดจาเหยียดหยามผู้หญิงของตัวเองโดยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ได้อย่างไร?พูดได้ดีขนาดนั้น บอกว่าสถานการณ์โดยรวมสำคัญกว่าแต่ความจริงก็คือไม่กล้าสินะ! ไม่กล้าที่จะสู้กับหลูข่ายหยวนไม่รู้จริงๆ ว่าคุณถังหว่านชอบผู้ชายคนนี้ตรงไหนทำให้คนผิดหวังอย่างถึงที่สุดจริงๆในตอนนี้เอง น้องชายของหลูข่ายหยวนดูเหมือนจะนึกอะไรได้ และชี้ไปที่หลินเฟิงด้วยความเหลือเชื่อ:“นายเองเหรอ?! คนที่ชนรถฉันเมื่อวานนี้!”“ชนรถนายเหรอ?”หลินเฟิงนิ่งอึ้งเล็กน้อยหลังจากสังเกตใบหน้าของน้องชายของหลูข่ายหยวนอย่างละเอียด เขาก็รู้ทันทีว่าผู้ชายคนนี้คือหนุ่มเจ้าชู้ที่เมาแล้วขับชนท้ายเขาเมื่อวานนี้ ตอนที่เขาและอวี๋จื่อเสวียนออกจากมาจากกองถ่ายทั้งๆ ที่เขาชนท้าย แต่จากตรงนี้มันกลายเป็นว่าหลินเฟิงชนเขา มันน่าขันเกินไปจริงๆ“หือ? อวี่ต๋า เกิดอะไรขึ้น นายรู้จักคนนั้นเหรอ”หลูข่ายหยวนหันกลับมามองน้องชายของเขาด้วยความสับสน“พี่ เขานี่แหละ เมื่อวานขับรถชนรถฉัน แถมยังไม่ขอโทษฉันด้วย เขาถึงขั้น
“ไท่สื่อทง อย่าคิดว่าผมจะกลัวคุณ”หลูข่ายหยวนกล่าวอย่างเย็นชา:“ถ้าคุณทำให้ผมโมโห พวกคุณทุกคนที่อยู่ที่นี่ก็ไม่มีทางหนีรอดไปได้ ไม่ต้องพูดถึงอาจารย์อะไรของคุณ แม้แต่บรรพบุรุษของคุณมาผมก็ไม่กลัว!”“ยังมีคุณ ผู้นำตระกูลถัง”หลูข่ายหยวนมองไปที่ถังเจี้ยนหยวนและพูดอย่างเย่อหยิ่ง:"ครั้งนี้ผมมาที่นี่ภายใต้คำสั่งของสำนักจิ่วเซียว เพื่อมาช่วยคุณฆ่าอีกาแห่งหนานไห่ แต่ถ้าคนบางคนบีบคั้นให้ผมโมโห ผมจะย้อนกลับมาช่วยอีกาแห่งหนานไห่ฆ่าพวกคุณแทน"“มันไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้”“พวกคุณลองคิดถึงผลที่จะตามมาอย่างรอบคอบ”คำพูดของหลูข่ายหยวนทำให้ถังเจี้ยนหยวนโกรธมากจนตัวสั่นไปทั้งตัวเขาถึงขั้นต้องการเรียกหน่วยลับของตระกูลถังออกมา เพื่อจับคนบ้าคลั่งเย่อหยิ่งและชอบข่มเหงผู้อื่นคนนี้ทันที“ผู้นำตระกูลถังอย่าโมโหขนาดนี้ ผมบอกแล้วว่าตราบใดที่คุณมอบคุณหนูถังให้ผม ให้ผมได้เล่นกับเธอครึ่งวัน”“ผมจะช่วยคุณจัดการกับนางอีกาแห่งหนานไห่แน่นอน พวกคุณไม่ได้ขาดทุนสักหน่อย ไม่แน่อีกสิบเดือน อาจมีลูกเพิ่มก็ได้ ฮ่าๆๆๆ...”หลูข่ายหยวนหัวเราะอย่างไร้ยางอาย“พอแล้ว!”ไท่สื่อทงตะโกนเสียงดัง ชี้ไปที่ถังหว่านแล้วพูดว่า:
“ฮ่าฮ่าฮ่า ผู้นำตระกูลถัง”เห็นไท่สื่อทงพูดไม่ออก หลูข่ายหยวนก็มองไปทางถังเจี้ยนหยวนด้วยความลำพองใจและพูดว่า:“ถ้าหากคุณให้นังหนูถังหว่าน...อ่อไม่สิครับ คุณหนูถังหว่านแต่งงานกับผม งั้นต่อไปพวกเราก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้วไม่ใช่เหรอ!”“เรื่องของตระกูลถังของพวกคุณก็ต้องเป็นเรื่องของผม”“งั้นเรื่องของผม ก็เป็นเรื่องของสำนักจิ่วสำนักจิ่วเซียว! พวกคุณคิดดู บัญชีนี้พวกคุณไม่ได้ขาดทุนนะ”ได้ยินคำพูดล่อลวงต่างๆ นานาของหลูข่ายหยวน ถังเจี้ยนหยวนยังไม่ทันได้พูด ถังหว่านก็ออกหน้าก่อนคำพูดกระชับรัดกุมของเธอ พูดออกมาแค่คำเดียว“ไสหัวไป!”คำว่าไสหัวไป ทำให้บรรยากาศที่รอบๆ แข็งทื่อทันที“เอ่อ..”หลูข่ายหยวนยิ้มอย่างเก้ๆ กังๆ จากนั้นจึงเอามือใหญ่ของเขาแนบข้างหูของตัวเอง แสร้งทำท่าทางเป็นฟังอย่างตั้งใจ“คุณถังหว่าน เมื่อครู่เหมือนว่าผมจะได้ยินสิ่งที่คุณพูดได้ไม่ชัดเจนนัก คุณพูดอีกครั้งสิครับ”“ฉันบอกว่าไสหัวไป!”ถังหว่านพูดซ้ำโดยไม่มีความเกรงใจสักนิด จากนั้นกอดอกด้วยท่าทางหยิ่งทะนงพูดอีกว่า:“นายคิดว่านายเป็นใครกัน สัตว์เดรัจฉานไร้การศึกษา ให้ฉันแต่งงานกับนาย นายก็คู่ควรด้วยเหรอ?!”ทันที
“เรื่องของอีกาแห่งเมืองหนานไห่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น อีกไม่กี่วันอาจารย์กับอาจารย์อาจะเดินทางมาตามนัด”“ถ้าหากสหายหลูยังคงกู่ไม่กลับดังเดิม งั้นก็อย่าโทษที่ผมไม่เกรงใจคุณ!”คำพูดของไท่สื่อทงน้ำเสียงดุดันอย่างมากตอนที่เขาเอ่ยถึงอาจารย์กับอาจารย์อาของเขาขึ้นมา สีหน้าของหลูข่ายหยวนก็แย่ลงเล็กน้อยพูดตามตรงวันนี้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ รวมทั้งไท่สื่อทงเขาไม่ได้กลัวใครเลยสักคนแต่มีเพียงอาจารย์กับอาจารย์อาที่ไท่สื่อทงเอ่ยถึง ทำให้เขาเกิดความหวาดลกัวเล็กน้อยในเมื่อสำนักที่อยู่ในเมืองหนานไห่ ยังไงก็ต้องมียอดฝีมือสองสามคนควบคุมสถานการณ์ถ้าหากเขามีเรื่องกับไท่สื่อทงที่นี่ งั้นไม่แน่รอให้อาจารย์กับอาจารย์ของไท่สื่อทงมา ก็จะเกิดปัญหาที่ไม่จำเป็นขึ้นมาคิดไปคิดมา หลู่ข่ายหยวนก็เข้าใจแล้วว่า จะบาดหมางกับไท่สื่อทงไมได้ดังนั้นเขาจึงโบกมือ เปลี่ยนสีหน้าเหมือนพลิกหนังสือ เผยเขี้ยวใหญ่ออกมาและยิ้มพูดว่า:“หึหึ สหายไท่สื่อทงพูดอะไรกัน?”“ผมหลูข่ายหยวนได้รับคำสั่งจากสำนักจิ่วเซียว ให้เดินทางมาตระกูลถังเพื่อจัดการอีกาแห่งเมืองหนานไห่ ไม่ได้มาเพื่อจัดการสหาย”เมื่อพูดจบ เขาก็มองไปทางถังเจี้ยน
ไอ้นี่มันชอบทำอะไรไร้ยางอายตลอดหากวันนี้เกิดความวุ่นวายที่นี่เพราะถังหว่าน แล้วหลินเฟิงจะนิ่งดูดายได้อย่างไร?เกรงว่าก่อนที่อีกาแห่งเมืองหนานไห่จะปรากฏตัวนั้น ตระกูลถังของเขาคงจะต้อนรับพายุเลือดซะก่อนสุดท้ายถ้อยคำที่แสนดีของถังเจี้ยนหยวนนั้นก็ไม่ได้รับการเคารพสักเท่าไหร่หลูข่ายหยวนทุบโต๊ะ พร้อมกับจ้องมองถังเจี้ยนหยวนอย่างดุดัน แล้วคำรามออกมาว่า :“ผู้นำตระกูลถัง ฉันมาที่นี่ด้วยความหวังดีที่จะช่วยตระกูลถังของพวกคุณจัดการกับเคราะห์ร้าย แล้วพวกคุณปฏิบัติกับแขกแบบนี้งั้นเหรอ?”“พวกคุณดูถูกสำนักจิ่วเซียวของฉัน หรือดูถูกฉันหลูข่ายหยวน?!”ขณะที่พูด เขาก็กระทืบเท้าอย่างแรงเก้าอี้ที่อยู่ห่างจากหลูข่ายหยวนสิบเมตรก็ระเบิดขึ้นทันที จนเศษชิ้นส่วนนั้นพุ่งออกมาจำนวนมาก ส่งผลให้คนอื่น ๆที่อยู่ในที่นั้นรู้สึกไม่ปลอดภัย“เชี่ย หลูข่ายหยวนนี่มันบ้าไปแล้วจริง ๆ กล้ามาอวดดีในอาณาเขตของตระกูลถังได้ขนาดนี้!”“หึหึ คุณก็ไม่รู้ใช่ไหม? ไอ้นั่นคงรู้ว่าตอนนี้ในตระกูลถังไม่มีคนที่แข็งแกร่งแล้ว เลยมาเพื่อที่จะข่มขู่ผู้นำตระกูลถัง”“น่ารังเกียจจริง ๆ”เสียงกระซิบที่ดังขึ้นโดยรอบ ไม่อาจรบกวนความตั้ง
วันต่อมาถังเจี้ยนหยวนที่อารมณ์โศกเศร้าลดน้อยลง กำลังต้อนรับจอมยุทธคนอื่นๆ อยู่ภายในห้องประชุมหลินเฟิง ถังหว่าน ไท่สื่อทงและคนอื่น ๆต่างก็อยู่กันที่นั่นพ่อบ้านของตระกูลถัง ก็เข้ามารายงานอย่างรีบร้อน“ผู้นำตระกูลถัง ที่ด้านนอกประตูมีคนต้องการพบคุณ พวกเขาอ้างว่าเป็นลูกศิษย์ของสำนักจิ่วเซียว”“สำนักจิ่วเซียว? คิดไม่ถึงว่าจะมาเร็วขนาดนี้?!”ถังเจี้ยนหยวนพูดขึ้นอย่างประหลาดใจว่า : “สมกับที่เป็นสายสัมพันธ์ของตระกูลสาขา มีประโยชน์จริงๆ เชิญพวกเขาเข้ามาเร็ว ๆ!”“ครับ”พ่อบ้านคนนี้ตอบรับแล้วหันตัวจากไปไม่นานเสียงหัวเราะดังลั่นก็ดังมาจากข้างนอกประตู แล้วมีชายร่างใหญ่ที่มีเครายาวกว่าสองเมตรเดินเข้ามาเขาสวมแว่นตากันแดดพร้อมกับถือมีดสปาต้าขนาดใหญ่เป็นมันวาว และที่ด้านหลังก็ยังมีคนติดตามมาด้วยอยู่หลายคนชายกำยำคนนี้น่าจะหนักประมาณหนึ่งร้อยกว่ากิโล เวลาเดินพื้นดินก็สั่นสะเทือนไปหมดคนจำนวนมากเห็นชายร่างกำยำคนนี้ ต่างก็สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก“นี่ไม่ใช่มีดคลั่งหลูข่ายหยวน ทำไมเขาถึงมาด้วยล่ะ?!”“เชี่ย ไอ้นี่มันเป็นโหดเหี้ยม แยกแยะไม่ออกว่าใครเป็นมิตรหรือศัตรู!”“ ทำไมตระกูลถังถึง
“แล้วทำไมเธอถึงผิดสัญญาแล้วกลับมาอีกล่ะ?”ถังเจี้ยนหยวนไม่สามารถที่จะเอาเรื่องนี้มาพูดได้อย่างเปิดเผยจึงได้เอ่ยถามกับหลินเฟิงเป็นการส่วนตัวด้วยความร้อนใจ“ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจ”หลินเฟิงพูดความจริง ในเมื่อตอนนั้นศิษย์น้องหญิงของตัวเองได้สัญญากับตัวเองแล้ว หากพูดตามหลัก เธอก็ไม่น่าจะเปลี่ยนใจ“คุณแน่ใจงั้นเหรอ?”เมื่อเห็นแววตาที่สงสัยของถังเจี้ยนหยวน หลินเฟิงก็พยักหน้าอย่างจนปัญญาเขารู้ว่าถังเจี้ยนหยวนสงสัยอะไรอยู่นักธุรกิจมักขี้สงสัยตระกูลถังเป็นตระกูลที่ทำธุรกิจในประเทศมังกรมานานที่สุด และเป็นตระกูลพ่อค้าที่ประสบความสำเร็จสูงสุดด้วยเช่นกันแต่ในฐานะผู้นำตระกูลหลักของตระกูลนี้ แน่นอนว่าเป็นไม่ได้ที่หลินเฟิงจะโกหกเขาด้วยคำพูดเพียงสองสามคำแต่ตอนนี้หลินเฟิงก็ไม่มีวิธีดี ๆอะไรแล้วเช่นกันถังเจี้ยนหยวนไม่เชื่อตัวเองก็เป็นปกติ แม้แต่เขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมศิษย์น้องหญิงของตัวเองถึงต้องการที่จะจัดการกับตระกูลถังอีกครั้งหรือว่าจะถูกตระกูลหลงบังคับ?“เฮ้อ....”ถังเจี้ยนหยวนเห็นว่าหลินเฟิงก็ไม่มีเบาะแสตรงนี้เช่นกัน เขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วงและพูดขึ้นว่า :“ถ้าหากอีกาแห่งเมือ
“ใช่แล้ว แน่นอนว่าฉันรู้ถึงความแข็งแกร่งของศิษย์พี่ของฉันดี ไม่ต้องพูดถึงอีกาแห่งเมืองหนานไห่หรืออีกาแห่งเมืองตงไห่เลย ทั้งหมดจะต้องพ่ายแพ้ให้กับดาบของศิษย์พี่ของฉัน”และชายอีกสองคนก็ยังคุยโวโอ้อวดด้วยใบหน้าที่ชื่นชมอีกด้วยถึงแม้หลินเฟิงจะไม่ชอบคำพูดที่ไร้สาระอะไรแบบนี้แต่เพื่อรักษาหน้าของถังเจี้ยนหยวนและถังหว่าน เขาก็ยังคงยิ้มและจับมือกับไท่สื่อทงคนนั้น“ผมคือหลินเฟิง ยังไม่มีสำนักหรือกลุ่มอะไร....ชั่วคราว”“เหอะ รอยยิ้มจอมปลอม มองดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนดีอะไร”เชียนเชียนพูดพึมพำอยู่ข้าง ๆ“คุณจะไม่จบใช่ไหม?”อวี๋จื่อเสวียนทนไม่ไหวกับผู้หญิงคนนี้ที่ใส่ร้ายหลินเฟิงตลอดเวลา จึงเบิกตากว้างใส่พร้อมกับพูดขึ้นด้วยความโมโห“ทำไม? เธอรับไม่ได้งั้นเหรอ? จะสู้กันไหมล่ะ?”ผู้หญิงที่ชื่อเชียนเชียน เห็นได้อย่างชัดเจนว่าไม่ใช่คนที่จะรับมือได้ง่าย ๆเธอชักกระบี่ยาวที่เอวของตัวเองออกมา แล้วโบกไปมาต่อหน้าอวี๋จื่อเสวียน“เอาล่ะ”ไท่สื่อทงขมวดคิ้วและไปขวางหน้าเชียนเชียน พร้อมกับขมวดคิ้วพูดว่า :“เชียนเชียน หยุดเสียมารยาทได้แล้ว!”หลินเฟิงก็ลูบหัวของอวี๋จื่อเสวียน และยิ้มขึ้นเล็กน้อย“หึหึ ท
“เพื่อที่จะเอาเปรียบเราตอนที่เราไม่ทันได้ระวัง ร่วมมือกับอีกาแห่งเมืองหนานไห่ มากวาดล้างตระกูลถังของพวกเราให้สิ้นซาก”“น่าขำ!”เมื่อได้คำพูดนี้ หลินเฟิงก็ไม่พอใจเล็กน้อยช่างเป็นหมาป่าที่เลี้ยงไม่เชื่องจริง ๆ ถ้าหากหลินเฟิงตั้งใจจะให้ตระกูลถังตายจริง ๆ ถ้าอย่างนั้นตระกูลถังก็คงจะจบเห่ไปนานแล้วจะรอมาถึงตอนนี้ทำไม?ดูเหมือนว่าตระกูลถังจะยังมีปัญหาภายในอยู่นับตั้งแต่ที่ถังเจี้ยนหยวนประกาศปิดธุรกิจสาขาย่อยในที่ต่าง ๆตระกูลหลักของตระกูลถังก็ยังรับเอาสมาชิกจำนวนไม่น้อยมาจากภายนอก จึงส่งผลให้อิทธิพลของตระกูลถังเจือจางลงไปมากเมื่อมีคนพูดถึงกันมากขึ้น โดยธรรมชาติแล้วก็จะมีคนที่คัดค้านมากขึ้นเช่นกัน ถึงแม้ความแข็งแกร่งของตระกูลถังจะพุ่งขึ้นสูง แต่สิ่งที่ต้องชดใช้กลับเห็นได้อย่างชัดเจน“สามี ในเมื่อคุณอยู่ที่เมืองจิง ทำไมคุณถึงไม่พักที่ตระกูลถังสักพักล่ะ? ลุงของฉันรับสมัครคนแปลก ๆทุกประเภทมาตลอดในช่วงนี้ เพื่อเอาไว้ป้องกันการโจมตีอย่างกะทันหันของอีกาแห่งเมืองหนานไห่”ถังหว่านถามลองเชิงเธอไม่แน่ใจว่าหลินเฟิงยังจะเต็มใจเข้าไปข้องเกี่ยวกับความวุ่นวายของตระกูลถังหรือเปล่า ในเมื่อตอน