เผิงกวงฉี่พูดติดตลกเห็นผมหงอกที่ขมับของเผิงกวงฉี่ ถังว่านหลี่ก็มุมปากกระตุกเล็กน้อย และรีบโกบมือพูดว่า:“คุณเผิงกวงฉี่ล้อเล่นแล้วครับ บุญคุณที่คุณช่วยเหลือพวกเราให้ตั้งหลักปักฐานที่เมืองเจียงโจว พวกเรายังไม่ได้ตอบแทนเลยนะครับ!”“ไม่เป็นไรไม่เป็นไร เรื่องเล็กทั้งนั้น”เผิงกวงฉี่หรี่ตายิ้มและโบกมือ จากนั้นค้ำไม้เท้านั่งลงที่ด้านข้างของถังว่านหลี่ เขายิ้มถามว่า:“บาดแผลของหลานถังหว่านไม่เป็นไรใช่ไหม?”“ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไร”ถังว่านหลี่รีบพยักหน้า“หึหึ สหายหลินเก่งทั้งแพทย์ทั้งบู๊ มีเขาลงมือ บาดแผลที่รุนแรงแค่ไหนก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”เผิงกวงฉี่พูดชื่นชม:“ในเมื่อเขาเคยดึงผมที่ใกล้ตายกับมาจากพญายมได้”ในตอนนี้เอง พ่อค้าที่อยู่ด้านข้างหาโอกาสเหมาะเจาะ รีบเข้ามาแล้วพูดว่า:“คุณผู้ชายท่านนี้ ตอนนี้พวกเราต่างกำลังเดิมพันกันว่าบุคคลลึกลับคนนั้นจะสามารถสู้กับคุณชายเฝิงอวี้อู่ได้กี่ยก ไม่ทราบว่าคุณสนใจไหมครับ?”พ่อค้าคนนี้ฉลาดปราดเปรื่องเขารู้ดีว่าคนเหล่านี้ที่อยู่แถวหน้าต่างเป็นเถ้าแก่ใหญ่ และคนมีเงิน ดังนั้นมาหาพวกเขาเดิมพันนั้นถูกต้องแล้วยังไงก็สามารถทำเงินได้ก้อนใหญ่“
“หึ ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นฉันก็จะพนันช่องทางนี้”เผิงกวงฉี่หยิบเช็คใบหนึ่งออกมาภายใต้สายตางุนงงของทุกคน เขียนตัวเลขศูนย์ที่น่าเวียนหัวไว้เหนือช่องใส่ตัวเลข“ฉันพนันห้าร้อยล้านบาท”ได้ยินเผิงกวงฉี่พูดจำนวนตัวเลขออกมาอย่างนิ่งเฉย พ่อค้าตกใจจนทรุดนั่งลงบนพื้นไม่เสียแรงที่เป็นเผิงกวงฉี่ เมื่อออกหน้าก็น่าหวาดกลัวถึงขั้นนี้เงินเดิมพันในตอนนี้มีไม่ถึงสองพันห้าร้อยล้านบาทเผิงกวงฉี่เพียงคนเดียวก็มีการสนับสนุนหนึ่งในห้าส่วนเต็มๆ ทำให้ผู้ชมที่อยู่รอบๆ เผิงกวงฉี่พากันสูดหายใจเข้าอย่างแรงแต่ไม่นานนัก พวกเขาก็ตั้งสติกลับมาได้“นี่…เผิงกวงฉี่ลงพนันช่องทางไหน?”“ช่องทางที่สี่!”“อะไรนะ? เผิงกวงฉี่คนนี้แก่จนเลอะเลือนเหรอ?”“จริงด้วย ทำไมเขาถึงคิดว่าคุณชายเฝิงอวี้อู่ถึงแพ้ล่ะ?”“พวกคุณไม่เข้าใจ พวกเขาไม่ได้สนใจว่าจะแพ้หรือชนะด้วยซ้ำ ออกเงินเยอะขนาดนี้ ก็เพื่อที่จะเป็นจุดสนใจ”“เป็นจุดสนใจบ้าบออะไร เงินเยอะขนาดนี้ให้คนอื่นฟรีๆ มีแต่จะทำให้คนคิดว่าเขาโง่เขลา”เสียงวิพากษ์วิจารณ์ระคนหัวเราะดังขึ้นไม่หยุดเผิงกวงฉี่ก็ไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่ เพียงแค่ยังคงพูดคุยกับถังว่านหลี่ ระหว่างสองคนมีเสีย
ถ้าหากหมดแล้ว งั้นผู้นำจะถามขึ้นมา...แต่เฝิงอวี้อู่กลับไม่สนใจ แล้วพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายว่า:“ไม่ต้องสนใจมากขนาดนั้นหรอก รีบไปจัดการซะ!”“ฉันจะต้องทำให้คนของเมืองเจิ้งเต๋อได้เห็นว่า ตระกูลเฝิงของฉันเป็นตระกูลที่ศิลปะการต่อสู้แข็งแกร่งที่สุดในหัวตงทั้งหมด!”คนรับใช้ไม่กล้าที่จะขัดคำสั่ง แล้วรีบหันหลังจากไป“พี่ใหญ่ อย่าวู่วามสิ ถ้าอย่างนั้นหลินเฟิง... จริง ๆ...ไม่ใช่คนที่จะล่วงเกินได้จริง ๆนะ พี่ต้องคิดให้ดี ๆก่อนนะ!”ในขณะนี้ เมื่อเห็นพฤติกรรมที่วู่วามของพี่ใหญ่ของตัวเอง เฝิงไฉ่เสวียนก็รีบเข้าไปขวางทันที“พี่ พี่อยู่ข้างใครกันแน่? พี่ไม่ใช่คนตระกูลเฝิงของเราหรอกเหรอ?”เฝิงไฉ่อิ๋งมองไปที่พี่สาวของตัวเองด้วยสีหน้าหงุดหงิด“แต่ว่า....”“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น”เฝิงอวี้อู่พูดขึ้นมาอย่างเย็นชา เพื่อหยุดคำพูดของเฝิงไฉ่เสวียน ก่อนจะกำหมัดแน่นแล้วพูดว่า :“ถ้าเรื่องนี้หลุดลอดออกไปมันจะทำให้ผู้คนต้องหัวเราะเยาะ!”“คนทั่วทั้งหัวตงเชื่อว่าฉันเฝิงอวี้อู่จะสามารถเอาชนะศัตรูได้ แต่กลับเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของฉันที่ทำลายศักดิ์ศรีของฉันซะเอง”“ไฉ่เสวียน วันนี้เธอจับตาดูให้ดี!”
พิธีกรคนนี้จงใจลากเสียงให้ยาวให้เหมือนกับการแข่งขันชกมวยหรือมวยปล้ำและเห็นเพียงแค่คุณชายตระกูลเฝิงที่แต่งตัวสีฟ้าอมเขียวเดินออกมาจากหลังเวทีอย่างช้า ๆในขณะนี้เฝิงอวี้อู่ที่ยืนตัวตรง ผมที่ยาวสยาย ดวงตาที่มีประกายดวงดาวที่เข้ากับใบหน้าที่เย็นชา เมื่อมองครั้งแรก ก็สามารถบอกได้เลยว่าเป็นลูกหลานของตระกูลศิลปะการต่อสู้โบราณที่มีชื่อเสียงมีความสง่างามและท่าทางที่เหมือนกับคนในสมัยโบราณที่มีอำนาจการปรากฏตัวขึ้นในครั้งนี้ ทำเอาสาว ๆที่อยู่โดยรอบส่งเสียงกรี๊ดขั้นมาทันที ราวกับได้เห็นไอดอลที่ชื่นชอบถึงขนาดมีหญิงสาวที่กรีดร้องจนเป็นลมท่ามกลางฝูงชน และถูกช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลไปทันที“ชายหนุ่มรูปงามที่มีรูปร่างสง่าผ่าเผย คนนี้ก็คือ นักบู๊หนุ่ม อันดับสองของลำดับสวรรค์ ของประเทศมังกรในตอนนี้ ! คุณชายใหญ่จากตระกูลเฝิง เฝิงอวี้อู่!”พิธีกรก็ชื่นชมตัวเองอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อยและเฝิงอวี้อู่ก็เหมาะที่จะได้รับคำชมเหล่านี้อยู่แล้ว เขายืนอยู่ที่เดิมด้วยท่าทีที่ท้าทายและเคร่งขรึม ราวกับบรรยากาศความแข็งแกร่งที่แสดงออกมานั้น แม้กระทั่งผู้ชมที่อยู่ไกลที่สุดก็ยังสัมผัสถึงมันได้“เอ่อ....”เมื
เอ๊ะ?”สยงเทียนคังหันหน้าไปก็เห็นร่างหนึ่งกระโดดเหยียบไหล่ของผู้ชมเข้ามา ทันใดนั้นใบหน้าก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจและความยินดี“ฮ่าฮ่า ไอ้หมอนั่นคนนี้มาแล้วจริง ๆด้วย!”เมื่อสยงเทียนคังมองเห็นใบหน้าของหลินเฟิง ก็รู้สึกใกล้ชิดมากกว่าการได้เจอกับญาติพี่น้อง ที่รู้สึกดีใจอย่างมาก“ปัง!”หลินเฟิงลงสู่เวทีอย่างมั่นคง และทุกคนที่มองไปทางนาฬิกาเหนือจัตุรัสเมืองเจิ้งเต๋อนั้นและระยะเวลาที่เจ้าภาพประกาศก็เหลือสิบนาทีเท่านั้นหลินเฟิงตั้งใจเข้ามาในสนามแข่งตรงเวลา“ยังไง? คิดได้แล้วเหรอ? ฉันยังคิดว่าคุณจะหนีหายไปแล้วซะอีก”เมื่อเฝิงอวี่อู่เห็นหลินเฟิงกระโดดเข้ามาแบบนี้ ก็หรี่ตาลง และมองออกว่าหลินเฟิงมีความแข็งแกร่งอะไรบางอย่างอยู่“ฮ่าฮ่า แวะไปอีกที่หนึ่งจึงทำให้เสียเวลาไปเล็กน้อย แต่ยังดีที่มาทัน”หลินเฟิงยิ้มกว้างจนเห็นฟันสีขาว“เหอะ!”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เฝิงอวี้อู่ก็ทำเสียงต่ำออกมา โดยที่ไม่ได้พูดอะไรหลินเฟิงมองไปทางเจ้าภาพ ก่อนจะเอ่ยถามอย่างใจเย็นว่า :“เป็นอย่างไร เริ่มได้หรือยัง?”“เอ่อ...”เจ้าภาพมองไปที่หลินเฟิงกับเฝิงอวี้อู่ จากนั้นก็มองไปที่สยงเทียนคัง ที่ดูจะโล่งอกในส
“ไม่ได้ ไม่ได้ นี่มันจะเกินไปแล้ว”หลินเฟิงประท้วงกับพิธีกรว่า:“ทำไมมีแค่เฝิงอวี้อู่คนเดียวที่เอาชนะผมได้ล่ะ? ไม่มีโอกาสที่ผมจะชนะเขาได้ในสิบยกบ้างงั้นเหรอ?”เมื่อได้ยินอย่างนี้ พิธีกรก็ตกตะลึงไปเล็กน้อยเฝิงอวี้อู่ที่รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยอยู่ไกล ๆก็ตกตะลึงเช่นเดียวกัน เมื่อได้ยินคำพูดนี้ทันใดนั้นใบหน้าของเฝิงอวี้อู่ก็ปรากฏรอยยิ้มเยาะออกมา“ไอ้หนู แกคิดว่าแกเป็นใคร?”เขามองหลินเฟิงขึ้นลง แล้วหัวเราะเยาะพร้อมกับเอ่ยขึ้นมาว่า :“แกคิดว่าจะเอาชนะฉันได้ในสิบยกงั้นเหรอ? ถึงฉันจะต่อให้แกสิบยก แกก็ไม่สามารถแตะได้แม้แต่ปลายเสื้อของฉันหรอก!”“มันก็ไม่แน่หรอก”หลินเฟิงยกนิ้วขึ้นมาโบกไปมา ก่อนจะเผยรอยยิ้มสนุกสนานจากนั้นเขาก็กำชับว่า :“ผมก็อยากวางเดิมพันเหมือนกัน ผมขอเดิมพันสองพันห้าร้อยล้านบาทว่าผมจะต้องชนะอย่างแน่นอน!”เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเฟิง ผู้ชมต่างก็ตกตะลึงกันทั้งหมดเมื่อหลินเฟิงพูดจบ เงินเดิมพันที่ปรากฏอยู่ไกล ๆก็มีการเปลี่ยนแปลง แล้วหลินเฟิงก็พยักหน้าด้วยความพอใจ“อย่างนี้ค่อยยุติธรรมหน่อย!”เมื่อได้ยินหลินเฟิงที่ราวกับกำลังถ่วงเวลาอยู่ เฝิงอวี้อู่ที่อยู่ตรงข้าม
หลินเฟิงสามารถต่อต้านได้อย่างแข็งแกร่ง ถึงขนาดสามารถที่จะหักขาของเฝิงอวี้อู่ได้ด้วยเพียงพลิกฝ่ามืออย่างง่ายดายแต่หลินเฟิงก็ไม่อยากจะทำอย่างนั้นเขามีความคิดเป็นของตัวเองความแข็งแกร่งของเฝิงอวี้อู่นั้นไม่เลวเลยจริง ๆและความแข็งแกร่งที่แท้จริงน่าจะอยู่ในช่วงระดับกลางของแดนแปรภาพ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหลินเฟิง ก็ไม่ได้เป็นภัยคุกคามแต่อย่างใดการท้าดวลครั้งนี้ หลินเฟิงไม่ได้ตั้งเป้าไปที่เฝิงอวี้อู่เลยเป้าหมายของเขาจริง ๆก็คือ ตระกูลสยง สยงเทียนคังและหลงซวี่จวินที่อยู่ด้านข้างสยงเทียนคัง“ปัง!”ขณะที่หลินเฟิลเบี่ยงตัวหลบ ลูกเตะของเฝิงอวี้อู่ ทำให้เวทีท้าดวลชั่วคราวทั้งหมดพังทลายไปครึ่งหนึ่งและเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเฝิงอวี้อู่“อะไรนะ?!”เฝิงอวี้อู่เหลือบมองด้วยความตกตะลึง หรือว่าหลินเฟิงจะมีความสามารถอยู่บ้าง ถึงได้สามารถหลบหลีกวิชาการต่อสู้ตระกูลเฝิงของเขาได้?จากนั้นสีหน้าของเขาก็ค่อย ๆเปลี่ยนจากอึมครึมกลายเป็นดุร้ายสิ่งนี้ทำให้เขานึกถึงเมื่อสองปีก่อนตอนที่ตัวเองมีความทะเยอทะยาน ก็ได้พบเจอกับจอมมารจากสำนักหลงผาน ตอนนั้นเขาก็หลบการโจมตีของตัวเองแบบนี้เ
ในตอนที่ผู้ชมทั่วทั้งงานตกตะลึงอย่างมาก กับความพ่ายแพ้ของเฝิงอวี้อู่ จากนั้นเสียงตะโกนของเฝิงอวี้อู่ ทำให้ผู้ชมทั้งงานตกอยู่ในสภาวะเงียบสงัด“อะไรนะ?เฝิงอวี้อู่ถูกวางยาพิษงั้นเหรอ?”“เป็นไปได้ยังไง…ถูกวางยาตอนไหน?”“ไอ้หมอนั่นเป็นคนเลวทรามต่ำช้าจริงๆ ถือโอกาสตอนที่พวกเราไม่สังเกต แอบวางแผนลอบทำร้ายคุณชายใหญ่ตระกูลเฝิง!”ได้ยินคำวิพากษ์วิจารณ์ หลินเฟิงเหมือนกับคาดการณ์ไว้ได้ตั้งนานแล้ว จึงแบมือยิ้มพูดกับเฝิงอวี้อู่:“นายอย่าเข้าใจผิด จัดการนายไม่จำเป็นต้องวางยาพิษด้วยซ้ำ”“พูดไร้สาระ!”เฝิวอวี้อู่พูดอย่างโมโหว่า:“ในเมื่อไม่ใช่นาย ก่อนที่การต่อสู้จะเริ่มต้นนายรู้ได้ยังไงว่าฉันจะล้ม?!”ขณะพูด เฝิงอวี้อู่โมโหจนหัวใจบีบรัด บวกกับพิษในร่างกายออกฤทธิ์ ทำให้พ่นเลือดออกมาต่อหน้าทุกคน และหมดสติไป“พี่ใหญ่!”เฝิงไฉ่อิ๋งรีบพุ่งขึ้นมาบนเวทีประลอง เขย่าร่างของเฟิงอวี้อู่ไม่หยุด และด่าทอหลินเฟิง:“ฉันดูไม่ผิด คนที่แอบวางยา ก็คือนายนั่นแหละไอ้คนเลวทรามต่ำช้า!”“หลินเฟิง นายใจกล้ามาก!”ในตอนที่หลินเฟิงจะชี้แจง สยงเทียนคังที่อยู่ด้านล่างเวทีลุกยืนขึ้น ชี้หน้าหลินเฟิงพูดด้วยความโมโหว่า:“
“บ้าเอ๊ย ฉันไม่สามารถทนได้จริงๆ ติดต่อน้องหลินให้ฉัน ฉันจะเข้าแทรกแซงเรื่องนี้ด้วย!”...วันต่อมาในบาร์ใต้ดินแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของเมืองจิงจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียที่สวมหมวกและหน้ากากไว้ และดูเรียบง่ายมากรีบเดินทางมาที่นี่ ที่นี่คือ “สถานที่นัดพบ” ที่หลงซิ่วพูดถึงควบคู่ด้วยเสียงดนตรีอันไพเราะและฝูงชนที่เต้นรำจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียเดินผ่านทางเดินและมองเห็นหลงซิ่วกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ พร้อมคาบบุหรี่อยู่ในปากเมื่อเห็นว่าอิ่นนั่วเจียมาจริง ๆ ดวงตาของหลงซิ่วก็เป็นประกายบุหรี่ในปากของเขาหล่นลงพื้นโดยไม่รู้ตัวแม้ว่าอิ่นนั่วเจียจะสวมเพียงชุดเดรสยีนส์ซึ่งทำให้เธอดูเป็นเด็กสาวมากในวันนี้ แต่หุ่นที่น่าสะพรึงกลัวของเธอก็ยังทำให้ หลงซิ่วที่กำลังนั่งอยู่ตรงโต๊อย่างไม่ใส่ใจก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ"เชี่ย ไม่เสียแรงที่เป็นซูเปอร์สตาร์ประเทศมังกรจริงๆ นะ!"หลงซิ่วอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบเธอกับถานหง หลังจากคิดดู นี่มันไม่ใช่คนระดับเดียวกันด้วยซ้ำ!แม้ว่าถานหงจะเป็นราชินีเพลงประเทศมังกร หน้าตาก็คล้ายๆกันแต่เมื่อเทียบกับอิ่นนั่วเจียสาวสวยที่อยู่แต่ในจอ ถานหงยังด้อยกว่าเยอะมากเพียงแค่ออร่าอันส
สำนักงานใหญ่กลุ่มเผิงกวง เมืองจิงขณะนั้นเผิงกวงฉี่กำลังคาบซิการ์ไว้ในปากอย่างเรื่อยเปื่ยอ ฟังการโต้เถียงขัดแย้งระหว่างตัวแทนจากทั่วทุกแห่งในการประชุมแม้ว่าเผิงกวงฉี่จะดูเป็นปกติ แต่ในใจเขากลับโกรธมากพวกขยะพวกนี้ได้แต่โทษกันไปมา และต่างคนต่างหาผลประโยชน์แม้แต่เผิงกวงฉี่ก็ยังคิดว่า ควรจะกำจัดคนไร้ประโยชน์เหล่านี้ และส่งเสริมให้คนอื่นขึ้นมาเป็นผู้นำภูมิภาคดีไหมขณะที่กำลังคิดแบบนี้ โทรศัพท์มือถือของเผิงกวงฉี่ก็ดังขึ้นกะทันหันเสียงโทรศัพท์ทำให้ห้องประชุมเงียบลงทันที“คุณหลินโทรมาครับ คุณเผิงกวงฉี่”ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ ยื่นโทรศัพท์ให้ด้วยความเคารพเมื่อคิดว่าเป็นหลินเฟิง เผิงกวงฉี่ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมากไม่พูดไม่ได้ว่ายาหยกโมราของหลินเฟิงมีประสิทธิภาพมากจริงๆ ควบคู่กับน้ำพุร้อนที่เจียงโจว ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองดูหนุ่มลงเรื่อย ๆ และร่างกายก็เต็มไปด้วยกำลังวังชาแม้แต่ผู้หญิงคนใหม่ที่หามาช่วงนี้ ก็ไม่สามารถทำให้เขาพึงพอใจได้ช่วงนี้เขากำลังคิดว่าควรจะหาเพิ่มอีกสักหน่อย เพื่อสร้างทายาทให้กับตระกูลเผิงของเขาสองเดือนที่แล้ว นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่กล้าคิดมาก่อนด้วยซ้ำ“ฮัลโหล
“ฉันจะโอนเงินสองหมื่นห้าพันล้านบาทเข้าบัญชีของคุณทันที ทางที่ดีคุณให้อิ่นนั่วเจียออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ปโดยเร็วที่สุด ให้เธอมาพบฉันที่เมืองจิง”"ฮ่าฮ่าฮ่า......"ถานหงที่อยู่ปลายสายหัวเราะอย่างโอเวอร์“ฉันต้องการให้อิ่นนั่วเจียคุกเข่าอยู่แทบเท้าฉัน! ยังมีหลินเฟิง ฉันจะทำให้หลินเฟิงและหลี่ซื่อกรุ๊ปบ้าบออะไรนั่นได้ชำระในสิ่งที่ควรจ่าย!”หลังจากพูดจบโทรศัพท์ก็วางสายไปและภายในเวลาไม่กี่นาที ข้อความเงินสดเข้าบัญชีจำนวนสองหมื่นห้าพันล้านบาทก็ปรากฏบนโทรศัพท์มือถือของจวงฉุนทันทีเมื่อมองดูข้อความบนโทรศัพท์ ลมหายใจของจวงฉุนก็เร็วขึ้นอย่างมาก เขาไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้ในชีวิตของเขามาก่อนแต่เมื่อเขาเงยหน้ามองไปทางหลินเฟิง ก็รู้สึกเหี่ยวเฉาทันทีเขารู้ว่าเงินจำนวนนี้จะไม่มีวันมาถึงเขาด้วยซ้ำ อีกทั้งเรื่องที่อิ่นนั่วเจียเข้าร่วมตระกูลหลงเป็นเรื่องโกหกทั้งหมดเขาแค่อยากหลอกเอาเงินก้อนนี้มาจากหลงซิ่ว เพื่อใช้รักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ก็เท่านั้นเอง“ตอนนี้โอนเงินก้อนนี้เข้าบัญชีของหลี่ซื่อกรุ๊ปเถอะ”หลินเฟิงไม่พูดมาก บังคับจวงฉุนให้ดำเนินการบนโทรศัพท์มือถือของเขาโดยตรงหลังจากนั้นไม่นาน เงิน
“ดูเหมือนว่าคุณจะได้เจอกับอิ่นนั่วเจียจริงๆ นะ”หลงซิ่วที่อยู่ปลายสายพูดอย่างใจเย็นว่า:“ผมลืมบอกคุณไปว่าตอนนี้อิ่นนั่วเจียเป็นสมาชิกของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว เธอเต็มใจที่จะออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ป และร่วมมือกับตระกูลหลงของเราจริงๆ เหรอ?”เมื่อได้ยินสิ่งที่หลงซิ่วพูดจวงฉุนสั่นสะเทือนไปทั้งตัวเกือบหัวใจวายเพราะความโมโหในที่สุดเขาก็ได้ลิ้มรสว่าการถูกหลอกเป็นอย่างไรหากหลงซิ่วเล่าเบื้องหลังของอิ่นนั่วเจียให้เขาฟังก่อนหน้านี้เขาจะพาผู้คนมาที่นี่เพื่อมาหาอิ่นนั่วเจีย และตกหลุมพรางได้ยังไง?ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะพูดอะไรอีกแล้วร่องรอยแห่งความโกรธเริ่มผุดขึ้นในใจของจวงฉุนหากพูดว่าเมื่อครู่เพียงแค่โกหกหลงซิ่ว เขาก็มีความกดดันอยู่ไม่น้อยเมื่อเขาได้ยินว่าหลงซิ่วปกปิดเรื่องของอิ่นนั่วเจียกับเขา เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีหากคุณไม่ได้บอกผมให้ชัดเจนก่อนที่คุณจะจากไปผมจำเป็นต้องตกไปอยู่ในมือของหลินเฟิงงั้นเหรอ?จวงฉุนตัดสินใจ คำพูดก็ราบรื่นมากขึ้น“ใช่ครับ คุณอิ่นนั่วเจียบอกผมเอง แต่ว่า...”"แต่ว่าอะไร?"หลงซิ่วที่ปลายสายโทรศัพท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย“แต่คุณอิ่นนั่วเจียบอกว่าเธอได้เซ็น
จวงฉุนคิดว่าคำพูดนี้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติขณะที่จวงฉุนกำลังจมอยู่กับจินตนาการของเขา หลินเฟิงก็ยื่นมือออกไปและโบกไปมาตรงหน้าจวงฉุน“การปล้นทำลายของพวกนายในครั้งนี้ ได้ทำลายสินค้าของหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันมูลค่าสองหมื่นห้าพันล้านบาทเต็มๆ เพียงแค่นายสามารถชดเชยเงินสินค้าเหล่านี้ให้เราได้ ฉันก็จะไม่ถือสาเอาความ”"สองหมื่นห้าพันล้านบาท?"เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ อิ่นนั่วเจียที่อยู่ข้างๆ ก็เปิดริมฝีปากสีแดงของเธอออกครู่หนึ่ง เธอก็ส่ายหัวอย่างจนปัญญาหลินเฟิงกำลังพยายามกรรโชกเงินอยู่เหรอ!"เป็นไปไม่ได้!"เห็นได้ชัดว่าจวงฉุนก็ตกใจกับจำนวนเงินมหาศาลนี้อย่าว่าแต่ยี่สิบห้าล้านบาทเลย แม้แต่ห้าพันล้านบาทเขาก็ยังไม่มี จะอุดรูโบ๋นี้ได้อย่างไรหลินเฟิงรีดไถมากเกินไปจริงๆ“แน่นอนว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันไม่สนใจเงินจำนวนน้อยๆ นี้ แต่ฉันแค่อยากเห็นท่าทางของคุณ”“เป็นไงบ้าง?”หลินเฟิงจ้องมองจวงฉุนด้วยความสนใจอย่างยิ่ง ต้องการดูว่าคนๆ นี้จะหาเงินได้มากเท่าไหร่เพื่อเอาชีวิตรอดได้ในเมื่อเสียหายหนึ่งหมื่นล้านบาท หลินเฟิงต้องหาชดเชยมาจากที่อื่น"ดี...ดีครับ!"จวงฉุนรู้ดีว่าวันนี้เขาไม่มีสิทธิ์ต่อรองกับหลิ
“ตอนนี้ ฉันถามพวกนายตอบ”หลินเฟิงค่อยๆ เดินเข้าไปหาจวงฉุน เหยียดมองลงที่ชายผู้ล้มอยู่บนพื้น และตกใจจนหน้าซีดเผือด“คุณ...คุณว่ามาครับ คุณว่า...ผม...ผมจะบอกคุณทุกอย่าง”จวงฉุนในตอนนี้รู้สึกกลัวจนสติแตก ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่“เมื่อวาน อุปกรณ์ไฮเอนด์ล็อตหนึ่งของหลี่ซื่อกรุ๊ป ถูกคนขโมยและทำลายระหว่างทาง...”“เป็นฝีมือพวกผม!”เมื่อจวงฉุนได้ยินเช่นนี้ น้ำตาก็เริ่มไหลออกมา รีบยอมรับทันทีเขากราบหลินเฟิงไม่หยุดและพูดว่า:“ขอโทษครับคุณหลิน เรื่องนี้พวกเราเป็นคนทำจริงๆ แต่เราแค่ถูกใช้เป็นปืนเท่านั้น! หลงซิ่วจากตระกูลหลงสั่งให้พวกเราทำ เขาสั่งให้พวกเราทำ พวกเราก็ไม่กล้าขัดคำสั่งนะครับ!”การได้ยินคำวิงวอนของจวงฉุนซึ่งแทบจะเป็นเหมือนการขอความเมตตาเริ่นโหย่วไฉที่อยู่ข้างๆ ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอต้องรู้ไว้ว่า ผู้ชายคนนี้เคยคุยโม้กับเขามาก่อนว่า เขาทำได้ดีแค่ไหนและเผาผลาญมันได้คล่องแคล่วแค่ไหนท่าทางหยิ่งยโส มีท่าทางเหมือน “ถูกบังคับ” ที่ไหนกัน?แต่ตอนนี้เริ่นโหย่วไฉไม่กล้าที่จะพูดอะไรเกรงว่าจะเดินตามรอยของสวีโจวการตายแบบนี้ มันน่าหวาดกลัวมากเกินไป ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยด้วยซ
“พวกเราไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋ออีกต่อไป!”“ทุกคนฟังคำสั่งของฉัน ลุย!”คำสั่งของจวงฉุนมีน้ำหนักมากกว่าคำสั่งของสวีโจวอย่างเห็นได้ชัดไม่ใช่แค่เพราะเงื่อนไขที่จวงฉุนเสนอมาดึงดูดพวกเขามากเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยรู้ถึงความสามารถของหลินเฟิงว่าเป็นอย่างไรกันแน่คนธรรมดาหลายคนรวมกันอาจเปรียบเป็นขงเบ้งได้ในความคิดของพวกเขา ความสามารถของหลินเฟิงเป็นอย่างไรกันแน่ พวกเขาก็มองไม่เห็นแต่สิ่งที่เป็นความจริงคือพวกเขากลับสามารถมองเห็นข้อได้เปรียบของพวกเขาจากจำนวนคนบวกกับพลังอำนาจของหลงซิ่วด้วยหลังจากครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ที่เดิม นักบู๊ตระกูลหลงประมาณสิบกว่าคนในที่สุดก็ตัดสินใจได้แล้ว และล้อมรอบหลินเฟิงเอาไว้ทีละคนวันนี้สู้ดูสักตั้งถ้าไม่สำเร็จก็ต้องตาย!"แม่งเอ๊ย จวงฉุนไอ้สารเลวตัวน้อย!"ในที่เกิดเหตุมีเพียงสวีโจวเท่านั้น ที่รู้ว่าการปิดล้อมครั้งนี้เป็นการไปตายโดยที่ไม่ต้องคิดด้วยซ้ำเขาเกลียดจวงฉุนมาก จนถึงขั้นมีความคิดอยากฆ่าเขาด้วยซ้ำแต่ทว่าจวงฉุนกลับแสยะยิ้มมองดูสวีโจว และพูดอย่างเย็นชา:“สวีโจว อย่าทำเป็นเสแสร้งอยู่ตรงนี้ รอให้ภารกิจในครั้งน
"อะ......"จางฉุนไม่เข้าใจว่าหลินเฟิงกำลังพูดอะไร เขาพาคนเหล่านี้มาที่นี่ เป้าหมายเพียงเพื่อจับตัวอิ่นนั่วเจียไปเขารู้ว่าหลินเฟิงเป็นนักบู๊และจัดการยากสักหน่อยเพราะงั้นถึงเรียกคนของตัวเองมาแต่อะไรที่เรียกว่า “พาผู้กระทำความผิดมาตรงหน้าเขาโดยตรง” ?ในตอนนี้เอง สวีโจวที่อยู่ไกลออกไปก็คำรามออกมาอย่างกะทันหัน“นาย... ฉันจำได้ นายคือหลินเฟิง! นายคือ... นายคือคนของหลี่ซื่อกรุ๊ป! หลินเฟิงหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป!”"อะไรนะ?"เมื่อได้ยินชื่อนี้ จางฉุนก็หันหน้ามองไปที่หลินเฟิงด้วยสีหน้าที่น่าเหลือเชื่อเพราะเขาเคยได้ยินชื่อหลินเฟิงเขาได้ยินมาจากหลงซิ่วว่า ข้อห้ามประการเดียวในการปฏิบัติการครั้งนี้คือการปะทะกับหลินเฟิงตัวซวยคนนี้หลงซิ่วเตือนจางฉุนซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ระวังหลินเฟิงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะพัฒนาไปเกินความคาดหมายของเขา“โอ้? ดูท่าพวกคุณจะรู้จักผม”หลินเฟิงเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มจากนั้นรัศมีแห่งความหวาดกลัวก็ค่อยๆ แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา อุณหภูมิทั่วทั้งห้องทำงานก็ลดลงมากกว่าสิบองศาในพริบตาเดียวแม้แต่ชาที่มีไอร้อนลอยออกมาเมื่อครู่นี้บนโต๊ะ
“บ้าเอ๊ย ทนไม่ไหวแล้ว!”จวงฉุนรีบถีบประตูห้องทำงานของหัวหน้าโรงงานทันทีสิ่งแรกที่เขาเห็นคือเริ่นโหย่วไฉที่เหงื่อไหลท่วมตัวและยืนอยู่ตรงนั้นอย่างโง่เขลาและอิ่นนั่วเจียผู้มีเสน่ห์กำลังนั่งอยู่บนโซฟา“อิอิอิ…”จวงฉุนเลียริมฝีปากและเผยรอยยิ้มหื่นกามออกมาทันทีตอนนี้เขาโยนคำพูดของเริ่นโหย่วไฉไปไกลโพ้นทันที เพียงแค่จ้องมองไปที่หุบเขาที่คอเสื้อของอิ่นนั่วเจียแล้วแสยะยิ้มพูดว่า:“คุณอิ่นนั่วเจีย ผมมารับคุณแล้ว”"โอ้?"ใครจะไปรู้ว่ารอยยิ้มของจวงฉุนไม่ได้ทำให้อิ่นนั่วเจียตกใจหรืองุนงง เธอยิ้มให้จวงฉุนแล้วพูดว่า:"ฉันรอคุณมานานแล้ว""รอผม?"จวงฉุนตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะออกมา“ที่แท้คุณหญิงอิ่นนั่วเจียก็สนใจผมด้วย ดังนั้นการเตรียมการทั้งหมดนี้เกินความจำเป็นไปแล้ว!”ขณะที่จวงฉุนกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สวีโจวที่เดินเข้ามาเห็นอิ่นนั่วเจียและหลินเฟิงกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้เถ้าแก่ในห้องทำงาน สีหน้าของเขาดูตกตะลึงเล็กน้อย“พี่สวี มีอะไรหรือเปล่า?”นักบู๊ตระกูลหลงที่อยู่ด้านหลังเขาเห็นท่าทางแปลกๆ ของสวีโจว จึงรีบถามแต่สวีโจวกลับไม่สนใจคนข้างหลังเขา กลับก้าวไปข้างหน้าและคว้าแขน