เฝิงอวี้อู่โมโหจนปอดแทบระเบิดเฝิงอวี้อู่ที่สง่าผ่าเผย ถ้าหากเรื่องการขอความเมตตาถูกแพร่งพรายออกไป เขาจะต้องกลายเป็นเรื่องตลกในสังคมอย่างแน่นอน“เฝิงไฉ่เซวียนล่ะ?”เฝิงอวี้อู่สายตาเย็นชาเคลื่อนไหว มองไปทางน้องเล็กของตัวเองเมื่อเห็นว่าพี่ใหญ่ของเธอโมโหแล้วจริงๆเฝิงไฉ่อิ๋งรีบพูดว่า:“เธอถูกพ่อคุมตัวไว้แล้ว จะถูกลงโทษโดยกฏของตระกูล ห้าสิบแส้” “หึ!”ได้ยินถึงตรงนี้ เฝิงอวี้อู่ส่งเสียงไม่พอใจออกมาและพูดว่า:“ห้าสิบแส้นี้ ค่อยฟาดพรุ่งนี้ก็ยังไม่สาย!”“พี่ใหญ่ หมายความว่ายังไง?”เฝิงไฉ่อิ๋งนิ่งอึ้งเล็กน้อยพี่สาวของเธอมีความผิดฐานกบฏ ฟาดห้าสิบครั้งยังถือว่าน้อยไป“ฉันจะให้เฝิงไฉ่เซวียนได้เห็น วันพรุ่งนี้ฉันจะเหยียบไอ้คนชั้นต่ำไว้ที่ใต้เท้ายังไง!”“ให้เฝิงไฉ่เซวียนยอมรับการถูกฟาดห้าสิบครั้งด้วยความเต็มใจ!”พูดจบ เฝิงอวี้อู่ก็เดินไปยังจุดที่ผู้นำตระกูลเฝิงอยู่”หลังจากเฝิงไฉ่อิ๋งตกตะลึง ในใจเหม่อลอยเล็กน้อยทันทีเป็นเพราะเธอเคยเจอหลินเฟิงเทียบกับพี่ชายของเธอ คนที่ชื่อหลินเฟิงคนนั้นสงบนิ่งอย่างมากสงบนิ่งจนถึงขั้นไม่ปกติ“หรือว่าพี่ไฉ่เซวียนพูดไม่ผิด?”ในหัวเพิ่งเกิดความ
“หึหึ ไม่ต้องห่วง”สยงเทียนคังยิ้มและพูดขึ้นว่า :“แม้จะเป็นการแกแค้นเพื่อหลานชายและลูกชายของผม ผมก็จะไม่ทำให้เรื่องนี้ผิดพลาดเลยแม้แต่น้อย”หลังจากที่หยุดไปชั่วครู่ สยงเทียนคังก็พูดขึ้นด้วยความเสียดายเล็กน้อยว่า:“เพียงแต่น่าเสียดายที่ ลูกน้อง ดินน้ำลมไฟทั้งสี่ของผม ต่างก็ตกอยู่ในมือของหลินเฟิง คน ๆนี้ต้องมีพลังมากกว่าที่พวกเราคิดไว้”“จริงนั่นแหละ”หลงซวี่จวินก็พยักหน้าเห็นด้วยเดิมทีก็คิดว่าเด็กคนนี้เป็นแค่ขั้นเซียนเทียนต้าหยวนหม่านแต่หลังจากที่ลูกน้องของสยงเทียนคังตายไป หรือแม้แต่หลานชายก็ยังตายด้วยน้ำมือของหลินเฟิง หลงซวี่จวินก็เริ่มรู้สึกหวาดกลัวหลินเฟิงขึ้นมาเล็กน้อยเห็นได้อย่างชัดเจนว่า เขาประเมินหลินเฟิงต่ำไปในเมื่อเป็นอย่างนี้ งั้นก็ลองใช้กลอุบายเล็ก ๆน้อย ๆละกันบังเอิญเกิดขึ้นกับตระกูลเฝิงและหลินเฟิงขึ้นพอดี แล้วเขาก็แค่ใส่ไฟระหว่างพวกเขาได้ยินมาว่าผู้นำของตระกูลเฝิงคนนี้เป็นนักบู๊ที่อยู่ในช่วงปลายของแดนแปรภาพถ้าหากเขารู้ว่าลูกชายของตัวเอง ต่อสู้กับหลินเฟิงอย่างตรงไปตรงมา แต่กลับถูกหลินเฟิงลอบฆ่าตายเขาจะต้องไม่ยอมแพ้อย่างแน่นอนและพาคนทั้งหมดของตระกูลเฝ
“ดี”เฝิงอวี้อู่พยักหน้า ก่อนจะพูดว่า :“ในเมื่อฉันมาแล้ว งั้นโจรชั่วตัวน้อยหลินเฟิงจะต้องตายโดยที่ไม่มีที่ฝังศพอย่างแน่นอน แล้วหลังจากนี้ คุณชายสยงเทียนคังโปรดอย่าลืมสัญญาที่ให้กันในวันนี้ละ”“ไม่ลืมไม่ลืม”สยงเทียนคังโบกมือไปมาจากนั้นก็นำทางพร้อมกับพูดขึ้นว่า :“ถ้าอย่างนั้นคุณชายเฝิงอวี้อู่จะให้เกียรติกันได้หรือเปล่า?”“ฮ่าฮ่า เห็นแก่หน้าของผู้นำตระกูลสยง ผมต้องรับอย่างแน่นอน”เฝิงอวี้อู่หัวเราะขึ้นมาเล็กน้อยจากนั้นทุกคนก็ขึ้นรถที่สยงเทียนคังจัดเตรียมไว้ให้โดยเฉพาะอย่างไรก็ตามพวกเขาก็ไม่รู้ว่าหลังจากที่คนตระกูลเฝิงขึ้นรถไปแล้ว สยงเทียนคังจะแสดงรอยยิ้มเยาะเย้ยอย่างโหดร้ายออกมา“ไอ้เด็กสารเลว แกยังกล้ามาเสแสร้งต่อหน้าฉันอีกนะ”“เดี๋ยวแกจะต้องเดือดร้อนแน่!”ไม่นานรถหรูที่ทุกคนนั่งโดยสารก็เข้าไปในโรงแรมหรูในเครือของสยงซื่อกรุ๊ปในงานเลี้ยงต้อนรับเมื่อเห็นเฝิงอวี้อู่ดื่มไวน์ชื่อดังที่ตัวเองใส่ส่วนผสมลงไปโดยไร้การป้องกัน รอยยิ้มบนใบหน้าของสยงเทียนคังก็ยื่งลึกขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม เฝิงไฉ่เสวียนที่อยู่เงียบ ๆด้านข้างเฝิงอวี้อู่มาโดยตลอด ตอนนี้กลับเริ่มแสดงสีหน้าสงส
“ฉันเชื่อในตัวพี่หลินเฟิง เขาไม่เคยโกหกฉัน ดังนั้นหากบอกว่าสามารถเอาชนะเฝิงอวี้อู่คนนั้นได้ ก็ต้องเอาชนะเขาได้อย่างแน่นอน!”และในตอนนี้ หลินเสวี่ยฮุ่ยก็แสดงความคิดเห็นที่แตกต่างออกมาเมื่อได้ยินคำพูดของหลินเสวี่ยฮุ่ย หลินเฟิงก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาเล็กน้อยแน่นอนว่ายังมีอีกคนที่เชื่อมั่นในตัวเขาอยู่“ฉันจะไม่แพ้การท้าดวลในวันนี้”“สิ่งเดียวที่จะต้องระวังไว้ก็คือตระกูลสยงที่จะมาสร้างปัญหา พวกคุณต้องระวังเอาไว้ให้ดี”หลินเฟิงกำชับกับหญิงสาวทั้งสองก่อนจะหยิบจดหมายท้าดวลที่อยู่บนโต๊ะ แล้วสวมชุดสูทเดินออกไปจากวิลล่าเมื่อเห้นว่าหลินเฟิงมั่นใจมากขนาดนี้แล้ว หลี่ฮุ่ยหรานกับถังหว่าก็ไม่มีอะไรจะพูดอีกเดิมทีพวกเธออยากจะไล่ตามไป แต่หยินหลิง ผู้นำกลุ่มพันธมิตรบู๊ ก็ค่อย ๆเดินเข้ามา แล้วยื่นมือออกไปห้ามหญิงสาวทั้งสองคน“พี่หลินเฟิงให้ฉันมาปกป้องพวกคุณไว้”หลังจากที่ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมาหลายวัน หยินหลิงกัยทั้งสองสาวก็เริ่มที่จะคุ้นเคยกันแล้ว“หยิงหลิง คุณคิดว่าหลินเฟิงจะสามารถเอาชนะคุณชายของตระกูลเฝิงคนนั้นได้หรือเปล่า?”“ใช่แล้ว ได้ยินมาว่าคุณชายตระกูลเฝิงคนนั้นเป็นถึงอันดับสองของลำดับสว
“เอาล่ะเอาล่ะ ที่เยว่หรูพูดก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล ในเมื่อนั่นเป็นถึงยอดฝีมือนักบู๊อันดับสองของหัวตง ต่อให้หลินเฟิงเก่งแค่ไหน เกรงว่าก็เอาชนะเขาไม่ได้หรอก”“ก็ไม่แน่หรอกนะ”หลี่กงเฉิงเงยหน้าขึ้นพูดอย่างภาคภูมิใจ:“สามีคนนี้ของฮุ่ยหรานสร้างความมหัศจรรย์ได้เก่งที่สุดแล้ว พวกเราในฐานะคนของตระกูลหลี่ พวกเราต้องยืนอยู่หลังเขาอยู่แล้ว”“ต่อให้พ่ายแพ้ พวกเราก็ต้องปกป้องเขาอย่างเต็มที่”“อืม…”หลี่ไห่หงลูบเคลา พยักหน้าทั้งรอยยิ้ม“หลินเฟิงน่ะ เขาเพียงแค่ได้ไปยืนอยู่บนเวทีปะลองแห่งนี้ ก็เป็นหน้าเป็นตาให้ตระกูลหลี่แล้ว”ตัดคนของตระกูลหลี่เมืองเจียงหนานออกไปถังว่านหลี่กับหลินเสวี่ยเยี่ยนของตระกูลถังก็เดินทางมาที่นี่หลินเสวี่ยเยี่ยนกวาดสายตามองเงาของลูกสาวตัวเอง แต่ก็หาไม่พบ“ว่านหลี่ ทำไมหว่านเอ๋อร์ถึงไม่มา?”“หลินเฟิงยังไม่มาเลย คุณตื่นเต้นอะไร?”ถังว่านหลี่ยังคงจิตใจสงบนิ่ง แต่ในสายตากลับซ่อนความร้อนรนเอาไว้เล็กน้อยถึงแม้ในใจของเขาจะกระวนกระวาย แต่ยังพูดปลอบใจภรรยาของตัวเองว่า:“วางใจเถอะ ที่ผมมาในครั้งนี้ก็เพราะได้รับคำสั่งจากพี่ใหญ่”“ถ้าหากเฝิงอวี้อู่แข่งแพ้ชนะสูงต่ำกับหล
แต่จนปัญญา ถังว่านหลี่ก็สามารถเข้าใจได้ในเมื่อเฝิงอวี้อู่มีชื่อเสียงมายาวนานอัจฉริยะหนุ่มอันดับหนึ่งของลำดับสวรรค์ มีเกียรติยศโอบล้อม ตั้งแต่วัยเด็กจนถึงปัจจุบันกำเนิดในตระกูลเฝิง มีพรสวรรค์โดดเด่น เป็นบุคคลที่มีความสามารถในสังคม ในอดีตยังเคยเป็นตัวเลือกผู้นำกลุ่มพันธมิตรบู๊ชื่อเสียงแบบนี้ แค่เอาออกมาเฉยๆ สามารถสร้างความตกตะลึงให้กับฝูงชนได้คนประเภทนี้ ใครกล้าเป็นศัตรูกับเขาล่ะ?ถ้าหากไม่ได้ปรากฏจอมมารของสำนักหลงผานคนนั้นออกมาเฝิงอวี้อู่ต้องเป็นยอดฝีมือแดนแปรภาพที่อายุน้อยที่สุด ในประวัติศาสตร์ของทั้งประเทศมังกอย่างแน่นอนดังนั้นในตอนที่รู้เรื่องราวภายใน และเบื้องลึกของเฝิงอวี้อู่ จึงไม่มีใครสามารถมั่นใจในตัวหลินเฟิงได้ต่อให้เป็นคนข้างกายเขาก็ยังรู้สึกว่าค่อนข้างยากในเมื่อระดับของเฝิงอวี้อวู่นั้นสูงเกินไปหลินเฟิงมีนิสัยไม่ค่อยเปิดเผยตัวเสมอ ถึงขั้นไม่มีชื่อเสียงอะไร เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ตระกูลเฝิงและตระกูลสยงยังสร้างเรื่องใหญ่โตถูกใส่ความว่าเป็นคนเลวทรามต่ำช้ายิ่งทำให้ไม่มีใครเชียร์หลินเฟิงแม้ว่าจะเป็นการเดิมพันสดก็ตาม ก็ไม่มีใครเปิดช่องเดิมพันให้หลินเฟิง
เผิงกวงฉี่พูดติดตลกเห็นผมหงอกที่ขมับของเผิงกวงฉี่ ถังว่านหลี่ก็มุมปากกระตุกเล็กน้อย และรีบโกบมือพูดว่า:“คุณเผิงกวงฉี่ล้อเล่นแล้วครับ บุญคุณที่คุณช่วยเหลือพวกเราให้ตั้งหลักปักฐานที่เมืองเจียงโจว พวกเรายังไม่ได้ตอบแทนเลยนะครับ!”“ไม่เป็นไรไม่เป็นไร เรื่องเล็กทั้งนั้น”เผิงกวงฉี่หรี่ตายิ้มและโบกมือ จากนั้นค้ำไม้เท้านั่งลงที่ด้านข้างของถังว่านหลี่ เขายิ้มถามว่า:“บาดแผลของหลานถังหว่านไม่เป็นไรใช่ไหม?”“ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไร”ถังว่านหลี่รีบพยักหน้า“หึหึ สหายหลินเก่งทั้งแพทย์ทั้งบู๊ มีเขาลงมือ บาดแผลที่รุนแรงแค่ไหนก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”เผิงกวงฉี่พูดชื่นชม:“ในเมื่อเขาเคยดึงผมที่ใกล้ตายกับมาจากพญายมได้”ในตอนนี้เอง พ่อค้าที่อยู่ด้านข้างหาโอกาสเหมาะเจาะ รีบเข้ามาแล้วพูดว่า:“คุณผู้ชายท่านนี้ ตอนนี้พวกเราต่างกำลังเดิมพันกันว่าบุคคลลึกลับคนนั้นจะสามารถสู้กับคุณชายเฝิงอวี้อู่ได้กี่ยก ไม่ทราบว่าคุณสนใจไหมครับ?”พ่อค้าคนนี้ฉลาดปราดเปรื่องเขารู้ดีว่าคนเหล่านี้ที่อยู่แถวหน้าต่างเป็นเถ้าแก่ใหญ่ และคนมีเงิน ดังนั้นมาหาพวกเขาเดิมพันนั้นถูกต้องแล้วยังไงก็สามารถทำเงินได้ก้อนใหญ่“
“หึ ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นฉันก็จะพนันช่องทางนี้”เผิงกวงฉี่หยิบเช็คใบหนึ่งออกมาภายใต้สายตางุนงงของทุกคน เขียนตัวเลขศูนย์ที่น่าเวียนหัวไว้เหนือช่องใส่ตัวเลข“ฉันพนันห้าร้อยล้านบาท”ได้ยินเผิงกวงฉี่พูดจำนวนตัวเลขออกมาอย่างนิ่งเฉย พ่อค้าตกใจจนทรุดนั่งลงบนพื้นไม่เสียแรงที่เป็นเผิงกวงฉี่ เมื่อออกหน้าก็น่าหวาดกลัวถึงขั้นนี้เงินเดิมพันในตอนนี้มีไม่ถึงสองพันห้าร้อยล้านบาทเผิงกวงฉี่เพียงคนเดียวก็มีการสนับสนุนหนึ่งในห้าส่วนเต็มๆ ทำให้ผู้ชมที่อยู่รอบๆ เผิงกวงฉี่พากันสูดหายใจเข้าอย่างแรงแต่ไม่นานนัก พวกเขาก็ตั้งสติกลับมาได้“นี่…เผิงกวงฉี่ลงพนันช่องทางไหน?”“ช่องทางที่สี่!”“อะไรนะ? เผิงกวงฉี่คนนี้แก่จนเลอะเลือนเหรอ?”“จริงด้วย ทำไมเขาถึงคิดว่าคุณชายเฝิงอวี้อู่ถึงแพ้ล่ะ?”“พวกคุณไม่เข้าใจ พวกเขาไม่ได้สนใจว่าจะแพ้หรือชนะด้วยซ้ำ ออกเงินเยอะขนาดนี้ ก็เพื่อที่จะเป็นจุดสนใจ”“เป็นจุดสนใจบ้าบออะไร เงินเยอะขนาดนี้ให้คนอื่นฟรีๆ มีแต่จะทำให้คนคิดว่าเขาโง่เขลา”เสียงวิพากษ์วิจารณ์ระคนหัวเราะดังขึ้นไม่หยุดเผิงกวงฉี่ก็ไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่ เพียงแค่ยังคงพูดคุยกับถังว่านหลี่ ระหว่างสองคนมีเสีย
“บ้าเอ๊ย ฉันไม่สามารถทนได้จริงๆ ติดต่อน้องหลินให้ฉัน ฉันจะเข้าแทรกแซงเรื่องนี้ด้วย!”...วันต่อมาในบาร์ใต้ดินแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของเมืองจิงจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียที่สวมหมวกและหน้ากากไว้ และดูเรียบง่ายมากรีบเดินทางมาที่นี่ ที่นี่คือ “สถานที่นัดพบ” ที่หลงซิ่วพูดถึงควบคู่ด้วยเสียงดนตรีอันไพเราะและฝูงชนที่เต้นรำจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียเดินผ่านทางเดินและมองเห็นหลงซิ่วกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ พร้อมคาบบุหรี่อยู่ในปากเมื่อเห็นว่าอิ่นนั่วเจียมาจริง ๆ ดวงตาของหลงซิ่วก็เป็นประกายบุหรี่ในปากของเขาหล่นลงพื้นโดยไม่รู้ตัวแม้ว่าอิ่นนั่วเจียจะสวมเพียงชุดเดรสยีนส์ซึ่งทำให้เธอดูเป็นเด็กสาวมากในวันนี้ แต่หุ่นที่น่าสะพรึงกลัวของเธอก็ยังทำให้ หลงซิ่วที่กำลังนั่งอยู่ตรงโต๊อย่างไม่ใส่ใจก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ"เชี่ย ไม่เสียแรงที่เป็นซูเปอร์สตาร์ประเทศมังกรจริงๆ นะ!"หลงซิ่วอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบเธอกับถานหง หลังจากคิดดู นี่มันไม่ใช่คนระดับเดียวกันด้วยซ้ำ!แม้ว่าถานหงจะเป็นราชินีเพลงประเทศมังกร หน้าตาก็คล้ายๆกันแต่เมื่อเทียบกับอิ่นนั่วเจียสาวสวยที่อยู่แต่ในจอ ถานหงยังด้อยกว่าเยอะมากเพียงแค่ออร่าอันส
สำนักงานใหญ่กลุ่มเผิงกวง เมืองจิงขณะนั้นเผิงกวงฉี่กำลังคาบซิการ์ไว้ในปากอย่างเรื่อยเปื่ยอ ฟังการโต้เถียงขัดแย้งระหว่างตัวแทนจากทั่วทุกแห่งในการประชุมแม้ว่าเผิงกวงฉี่จะดูเป็นปกติ แต่ในใจเขากลับโกรธมากพวกขยะพวกนี้ได้แต่โทษกันไปมา และต่างคนต่างหาผลประโยชน์แม้แต่เผิงกวงฉี่ก็ยังคิดว่า ควรจะกำจัดคนไร้ประโยชน์เหล่านี้ และส่งเสริมให้คนอื่นขึ้นมาเป็นผู้นำภูมิภาคดีไหมขณะที่กำลังคิดแบบนี้ โทรศัพท์มือถือของเผิงกวงฉี่ก็ดังขึ้นกะทันหันเสียงโทรศัพท์ทำให้ห้องประชุมเงียบลงทันที“คุณหลินโทรมาครับ คุณเผิงกวงฉี่”ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ ยื่นโทรศัพท์ให้ด้วยความเคารพเมื่อคิดว่าเป็นหลินเฟิง เผิงกวงฉี่ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมากไม่พูดไม่ได้ว่ายาหยกโมราของหลินเฟิงมีประสิทธิภาพมากจริงๆ ควบคู่กับน้ำพุร้อนที่เจียงโจว ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองดูหนุ่มลงเรื่อย ๆ และร่างกายก็เต็มไปด้วยกำลังวังชาแม้แต่ผู้หญิงคนใหม่ที่หามาช่วงนี้ ก็ไม่สามารถทำให้เขาพึงพอใจได้ช่วงนี้เขากำลังคิดว่าควรจะหาเพิ่มอีกสักหน่อย เพื่อสร้างทายาทให้กับตระกูลเผิงของเขาสองเดือนที่แล้ว นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่กล้าคิดมาก่อนด้วยซ้ำ“ฮัลโหล
“ฉันจะโอนเงินสองหมื่นห้าพันล้านบาทเข้าบัญชีของคุณทันที ทางที่ดีคุณให้อิ่นนั่วเจียออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ปโดยเร็วที่สุด ให้เธอมาพบฉันที่เมืองจิง”"ฮ่าฮ่าฮ่า......"ถานหงที่อยู่ปลายสายหัวเราะอย่างโอเวอร์“ฉันต้องการให้อิ่นนั่วเจียคุกเข่าอยู่แทบเท้าฉัน! ยังมีหลินเฟิง ฉันจะทำให้หลินเฟิงและหลี่ซื่อกรุ๊ปบ้าบออะไรนั่นได้ชำระในสิ่งที่ควรจ่าย!”หลังจากพูดจบโทรศัพท์ก็วางสายไปและภายในเวลาไม่กี่นาที ข้อความเงินสดเข้าบัญชีจำนวนสองหมื่นห้าพันล้านบาทก็ปรากฏบนโทรศัพท์มือถือของจวงฉุนทันทีเมื่อมองดูข้อความบนโทรศัพท์ ลมหายใจของจวงฉุนก็เร็วขึ้นอย่างมาก เขาไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้ในชีวิตของเขามาก่อนแต่เมื่อเขาเงยหน้ามองไปทางหลินเฟิง ก็รู้สึกเหี่ยวเฉาทันทีเขารู้ว่าเงินจำนวนนี้จะไม่มีวันมาถึงเขาด้วยซ้ำ อีกทั้งเรื่องที่อิ่นนั่วเจียเข้าร่วมตระกูลหลงเป็นเรื่องโกหกทั้งหมดเขาแค่อยากหลอกเอาเงินก้อนนี้มาจากหลงซิ่ว เพื่อใช้รักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ก็เท่านั้นเอง“ตอนนี้โอนเงินก้อนนี้เข้าบัญชีของหลี่ซื่อกรุ๊ปเถอะ”หลินเฟิงไม่พูดมาก บังคับจวงฉุนให้ดำเนินการบนโทรศัพท์มือถือของเขาโดยตรงหลังจากนั้นไม่นาน เงิน
“ดูเหมือนว่าคุณจะได้เจอกับอิ่นนั่วเจียจริงๆ นะ”หลงซิ่วที่อยู่ปลายสายพูดอย่างใจเย็นว่า:“ผมลืมบอกคุณไปว่าตอนนี้อิ่นนั่วเจียเป็นสมาชิกของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว เธอเต็มใจที่จะออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ป และร่วมมือกับตระกูลหลงของเราจริงๆ เหรอ?”เมื่อได้ยินสิ่งที่หลงซิ่วพูดจวงฉุนสั่นสะเทือนไปทั้งตัวเกือบหัวใจวายเพราะความโมโหในที่สุดเขาก็ได้ลิ้มรสว่าการถูกหลอกเป็นอย่างไรหากหลงซิ่วเล่าเบื้องหลังของอิ่นนั่วเจียให้เขาฟังก่อนหน้านี้เขาจะพาผู้คนมาที่นี่เพื่อมาหาอิ่นนั่วเจีย และตกหลุมพรางได้ยังไง?ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะพูดอะไรอีกแล้วร่องรอยแห่งความโกรธเริ่มผุดขึ้นในใจของจวงฉุนหากพูดว่าเมื่อครู่เพียงแค่โกหกหลงซิ่ว เขาก็มีความกดดันอยู่ไม่น้อยเมื่อเขาได้ยินว่าหลงซิ่วปกปิดเรื่องของอิ่นนั่วเจียกับเขา เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีหากคุณไม่ได้บอกผมให้ชัดเจนก่อนที่คุณจะจากไปผมจำเป็นต้องตกไปอยู่ในมือของหลินเฟิงงั้นเหรอ?จวงฉุนตัดสินใจ คำพูดก็ราบรื่นมากขึ้น“ใช่ครับ คุณอิ่นนั่วเจียบอกผมเอง แต่ว่า...”"แต่ว่าอะไร?"หลงซิ่วที่ปลายสายโทรศัพท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย“แต่คุณอิ่นนั่วเจียบอกว่าเธอได้เซ็น
จวงฉุนคิดว่าคำพูดนี้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติขณะที่จวงฉุนกำลังจมอยู่กับจินตนาการของเขา หลินเฟิงก็ยื่นมือออกไปและโบกไปมาตรงหน้าจวงฉุน“การปล้นทำลายของพวกนายในครั้งนี้ ได้ทำลายสินค้าของหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันมูลค่าสองหมื่นห้าพันล้านบาทเต็มๆ เพียงแค่นายสามารถชดเชยเงินสินค้าเหล่านี้ให้เราได้ ฉันก็จะไม่ถือสาเอาความ”"สองหมื่นห้าพันล้านบาท?"เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ อิ่นนั่วเจียที่อยู่ข้างๆ ก็เปิดริมฝีปากสีแดงของเธอออกครู่หนึ่ง เธอก็ส่ายหัวอย่างจนปัญญาหลินเฟิงกำลังพยายามกรรโชกเงินอยู่เหรอ!"เป็นไปไม่ได้!"เห็นได้ชัดว่าจวงฉุนก็ตกใจกับจำนวนเงินมหาศาลนี้อย่าว่าแต่ยี่สิบห้าล้านบาทเลย แม้แต่ห้าพันล้านบาทเขาก็ยังไม่มี จะอุดรูโบ๋นี้ได้อย่างไรหลินเฟิงรีดไถมากเกินไปจริงๆ“แน่นอนว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันไม่สนใจเงินจำนวนน้อยๆ นี้ แต่ฉันแค่อยากเห็นท่าทางของคุณ”“เป็นไงบ้าง?”หลินเฟิงจ้องมองจวงฉุนด้วยความสนใจอย่างยิ่ง ต้องการดูว่าคนๆ นี้จะหาเงินได้มากเท่าไหร่เพื่อเอาชีวิตรอดได้ในเมื่อเสียหายหนึ่งหมื่นล้านบาท หลินเฟิงต้องหาชดเชยมาจากที่อื่น"ดี...ดีครับ!"จวงฉุนรู้ดีว่าวันนี้เขาไม่มีสิทธิ์ต่อรองกับหลิ
“ตอนนี้ ฉันถามพวกนายตอบ”หลินเฟิงค่อยๆ เดินเข้าไปหาจวงฉุน เหยียดมองลงที่ชายผู้ล้มอยู่บนพื้น และตกใจจนหน้าซีดเผือด“คุณ...คุณว่ามาครับ คุณว่า...ผม...ผมจะบอกคุณทุกอย่าง”จวงฉุนในตอนนี้รู้สึกกลัวจนสติแตก ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่“เมื่อวาน อุปกรณ์ไฮเอนด์ล็อตหนึ่งของหลี่ซื่อกรุ๊ป ถูกคนขโมยและทำลายระหว่างทาง...”“เป็นฝีมือพวกผม!”เมื่อจวงฉุนได้ยินเช่นนี้ น้ำตาก็เริ่มไหลออกมา รีบยอมรับทันทีเขากราบหลินเฟิงไม่หยุดและพูดว่า:“ขอโทษครับคุณหลิน เรื่องนี้พวกเราเป็นคนทำจริงๆ แต่เราแค่ถูกใช้เป็นปืนเท่านั้น! หลงซิ่วจากตระกูลหลงสั่งให้พวกเราทำ เขาสั่งให้พวกเราทำ พวกเราก็ไม่กล้าขัดคำสั่งนะครับ!”การได้ยินคำวิงวอนของจวงฉุนซึ่งแทบจะเป็นเหมือนการขอความเมตตาเริ่นโหย่วไฉที่อยู่ข้างๆ ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอต้องรู้ไว้ว่า ผู้ชายคนนี้เคยคุยโม้กับเขามาก่อนว่า เขาทำได้ดีแค่ไหนและเผาผลาญมันได้คล่องแคล่วแค่ไหนท่าทางหยิ่งยโส มีท่าทางเหมือน “ถูกบังคับ” ที่ไหนกัน?แต่ตอนนี้เริ่นโหย่วไฉไม่กล้าที่จะพูดอะไรเกรงว่าจะเดินตามรอยของสวีโจวการตายแบบนี้ มันน่าหวาดกลัวมากเกินไป ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยด้วยซ
“พวกเราไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋ออีกต่อไป!”“ทุกคนฟังคำสั่งของฉัน ลุย!”คำสั่งของจวงฉุนมีน้ำหนักมากกว่าคำสั่งของสวีโจวอย่างเห็นได้ชัดไม่ใช่แค่เพราะเงื่อนไขที่จวงฉุนเสนอมาดึงดูดพวกเขามากเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยรู้ถึงความสามารถของหลินเฟิงว่าเป็นอย่างไรกันแน่คนธรรมดาหลายคนรวมกันอาจเปรียบเป็นขงเบ้งได้ในความคิดของพวกเขา ความสามารถของหลินเฟิงเป็นอย่างไรกันแน่ พวกเขาก็มองไม่เห็นแต่สิ่งที่เป็นความจริงคือพวกเขากลับสามารถมองเห็นข้อได้เปรียบของพวกเขาจากจำนวนคนบวกกับพลังอำนาจของหลงซิ่วด้วยหลังจากครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ที่เดิม นักบู๊ตระกูลหลงประมาณสิบกว่าคนในที่สุดก็ตัดสินใจได้แล้ว และล้อมรอบหลินเฟิงเอาไว้ทีละคนวันนี้สู้ดูสักตั้งถ้าไม่สำเร็จก็ต้องตาย!"แม่งเอ๊ย จวงฉุนไอ้สารเลวตัวน้อย!"ในที่เกิดเหตุมีเพียงสวีโจวเท่านั้น ที่รู้ว่าการปิดล้อมครั้งนี้เป็นการไปตายโดยที่ไม่ต้องคิดด้วยซ้ำเขาเกลียดจวงฉุนมาก จนถึงขั้นมีความคิดอยากฆ่าเขาด้วยซ้ำแต่ทว่าจวงฉุนกลับแสยะยิ้มมองดูสวีโจว และพูดอย่างเย็นชา:“สวีโจว อย่าทำเป็นเสแสร้งอยู่ตรงนี้ รอให้ภารกิจในครั้งน
"อะ......"จางฉุนไม่เข้าใจว่าหลินเฟิงกำลังพูดอะไร เขาพาคนเหล่านี้มาที่นี่ เป้าหมายเพียงเพื่อจับตัวอิ่นนั่วเจียไปเขารู้ว่าหลินเฟิงเป็นนักบู๊และจัดการยากสักหน่อยเพราะงั้นถึงเรียกคนของตัวเองมาแต่อะไรที่เรียกว่า “พาผู้กระทำความผิดมาตรงหน้าเขาโดยตรง” ?ในตอนนี้เอง สวีโจวที่อยู่ไกลออกไปก็คำรามออกมาอย่างกะทันหัน“นาย... ฉันจำได้ นายคือหลินเฟิง! นายคือ... นายคือคนของหลี่ซื่อกรุ๊ป! หลินเฟิงหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป!”"อะไรนะ?"เมื่อได้ยินชื่อนี้ จางฉุนก็หันหน้ามองไปที่หลินเฟิงด้วยสีหน้าที่น่าเหลือเชื่อเพราะเขาเคยได้ยินชื่อหลินเฟิงเขาได้ยินมาจากหลงซิ่วว่า ข้อห้ามประการเดียวในการปฏิบัติการครั้งนี้คือการปะทะกับหลินเฟิงตัวซวยคนนี้หลงซิ่วเตือนจางฉุนซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ระวังหลินเฟิงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะพัฒนาไปเกินความคาดหมายของเขา“โอ้? ดูท่าพวกคุณจะรู้จักผม”หลินเฟิงเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มจากนั้นรัศมีแห่งความหวาดกลัวก็ค่อยๆ แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา อุณหภูมิทั่วทั้งห้องทำงานก็ลดลงมากกว่าสิบองศาในพริบตาเดียวแม้แต่ชาที่มีไอร้อนลอยออกมาเมื่อครู่นี้บนโต๊ะ
“บ้าเอ๊ย ทนไม่ไหวแล้ว!”จวงฉุนรีบถีบประตูห้องทำงานของหัวหน้าโรงงานทันทีสิ่งแรกที่เขาเห็นคือเริ่นโหย่วไฉที่เหงื่อไหลท่วมตัวและยืนอยู่ตรงนั้นอย่างโง่เขลาและอิ่นนั่วเจียผู้มีเสน่ห์กำลังนั่งอยู่บนโซฟา“อิอิอิ…”จวงฉุนเลียริมฝีปากและเผยรอยยิ้มหื่นกามออกมาทันทีตอนนี้เขาโยนคำพูดของเริ่นโหย่วไฉไปไกลโพ้นทันที เพียงแค่จ้องมองไปที่หุบเขาที่คอเสื้อของอิ่นนั่วเจียแล้วแสยะยิ้มพูดว่า:“คุณอิ่นนั่วเจีย ผมมารับคุณแล้ว”"โอ้?"ใครจะไปรู้ว่ารอยยิ้มของจวงฉุนไม่ได้ทำให้อิ่นนั่วเจียตกใจหรืองุนงง เธอยิ้มให้จวงฉุนแล้วพูดว่า:"ฉันรอคุณมานานแล้ว""รอผม?"จวงฉุนตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะออกมา“ที่แท้คุณหญิงอิ่นนั่วเจียก็สนใจผมด้วย ดังนั้นการเตรียมการทั้งหมดนี้เกินความจำเป็นไปแล้ว!”ขณะที่จวงฉุนกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สวีโจวที่เดินเข้ามาเห็นอิ่นนั่วเจียและหลินเฟิงกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้เถ้าแก่ในห้องทำงาน สีหน้าของเขาดูตกตะลึงเล็กน้อย“พี่สวี มีอะไรหรือเปล่า?”นักบู๊ตระกูลหลงที่อยู่ด้านหลังเขาเห็นท่าทางแปลกๆ ของสวีโจว จึงรีบถามแต่สวีโจวกลับไม่สนใจคนข้างหลังเขา กลับก้าวไปข้างหน้าและคว้าแขน