“ขอ…ขอโทษครับ คุณ…หลินเฟิง เราฟังคำยุยงของผู้หญิงคนนั้น ถึงได้ลงมือกับรุ่นน้องหลินเสวี่ยฮุ่ย พวกเราไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะครับ!”เซี่ยตงโปเห็นสภาพที่น่าอนาถของสยงอวี่ ยังจะกล้าอวดเก่งที่ไหนกัน เขาคุกเข่าลงและก้มลงกราบหลินเฟิงเพื่อขอความเมตตาโดยตรง“ผู้หญิงคนนั้น? ใคร?”หลินเฟิงหรี่ตาลง ตวาดถามเสียงเย็นชา“คนที่ชื่อหลี่ซืออวี่ เธอบอกว่าเธอกับรุ่นน้องฮุ่ยหรานรู้จักกันมานาน”เซี่ยตงโปรีบปัดความรับผิดชอบส่วนหลินเฟิงในตอนที่ได้ยินชื่อนี้ สีหน้าก็เกิดความโมโหขึ้นมาทันทีในดวงตาของหลินเสวี่ยฮุ่ยก็เผยความโมโหและความสิ้นหวังออกมา“ถุย! ที่แท้ก็เป็นหลี่ซืออวี่ มิน่าพวกนายเหมือนกับเตรียมกันไว้ล่วงหน้าแล้ว!โจวเสี่ยวหางกลับสบถด่าเสียงดังเธอรู้สึกโมโหเพื่อนสนิทในอดีตคนนี้อย่างถึงที่สุด“หึ เดิมคิดว่าฉันไว้ชีวิตเธอ ก็ใจกว้างมากพอแล้ว แต่ตอนนี้ดูแล้ว…เธอรนหาที่ตายเอง งั้นก็ช่วยไม่ได้แล้ว”หลินเฟิงหน้าตาเย็นชา คำพูดดุดันออกมาจากปากเขารู้อยู่แล้วว่าหลี่ซืออวี่คนนี้โกรธแค้นเขา แต่คิดไม่ถึงว่าหลี่ซืออวี่จะร้ายกาจถึงขั้นลงมือกับเพื่อนสนิทในอดีตของตัวเองคนแบบนี้ เก็บไว้ก็จะเป็นพิษภัยส่วนหล
วันนี้พวกเขาอ่อนปวกเปียกเกินไปจริงๆ คิดไม่ถึงว่าจะก้มกราบขอร้องอ้อนวอนหลินเฟิงต่อหน้าทุกคนแค่นี้ก็เพียงพอที่จะจารึกในอดีตอันมืดมนได้แล้วจำเป็นต้องกู้ศักดิ์ศรีกลับมาโดยเฉพาะสยงอวี่ ยอมรับการดูถูกเหยียดหยามแบบนี้ก็เพื่อที่จะรอดชีวิตพูดได้ว่า ถ้าหากมีกำลังเพียงพอ สยงอวี่อยากจะโทรศัพท์ไปหาพ่อของเขาตอนนี้ ให้พ่อของเขาส่งคนมากแต่เขารู้ดีว่าพ่อยุ่งกับงานราษฎร์งานหลวง ปกติไม่มีเวลามาสนใจเรื่องเล็กของเขาแบบนี้อีกทั้งในโทรศัพท์ก็ไม่มีทางพูดเกลี้ยกล่อมอะไรได้ จำเป็นต้องให้พ่อของเขาเห็นสภาพย่ำแย่ของเขาในตอนนี้ ถึงจะให้พ่อของเขาลงมือได้คิดแบบนี้ สยงอวี่ก็รู้สึกมีความมั่นใจ และพูดอย่างเย็นชาว่า:“พวกนาย ขับรถพาฉันกลับไปส่งที่สยงซื่อกรุ๊ปเมืองเจิ้งเต๋อเดี๋ยวนี้ ฉันจะให้พ่อเห็นว่าลูกชายของเขาอยู่ที่ข้างนอกได้รับความไม่เป็นธรรมแบบไหน!”“สิ่งที่สูญเสีย คือศักดิ์ศรีของเขา!”“ครับ พี่สยง!”เซี่ยตงโปและคนอื่นๆ ต่างมองตากัน และรู้สึกดีใจอย่างมากทันทีต้องรู้ไว้ว่า เบื้องหลังของสยงซื่อกรุ๊ปมีบุคคลยิ่งใหญ่ สนับสนุนพวกเขาอยู่ลับๆ นั่นก็คือตระกูลหลงของเมืองจิง!”ถ้าหากตระกูลหลงลงมือหลินเ
หลินเสวี่ยฮุ่ยที่กำลังยื่นคอแอบฟังอยู่ด้านข้าง เมื่อเห็นหลินเฟิงวางสาย ก็รีบเบือนหน้าหนีก่อนจะแกล้งทำท่าทางไม่รู้อะไรเลยโดยปกติแล้วการกระทำแบบนี้ปิดบังหลินเฟิงไม่ได้แต่หลินเฟิงกลับไม่ได้ตำหนิ แล้วยื่นมือไปลูบหัวของเธอพร้อมกับหัวเราะเบาๆจากนี้ไปหลินเสวี่ยฮุ่ยก็จะได้รับการแต่งตั้งเป็นลูกศิษย์ของตัวเองลูกสาวของอาจารย์ตัวเองกลายเป็นลูกศิษย์ของตัวเอง แต่ไม่ใช่ศิษย์น้องในบางแง่มันก็ไม่เหมาะสมนิดหน่อยจริง ๆนั่นแหละ“เหอะ แส่ไม่เข้าเรื่องจริงๆ...”ในขณะนี้ หลินเฟิงก็ได้ยินเสียงพึมพำที่คาดไม่ถึงดังขึ้นมาไกล ๆเขาหันกลับไปมอง ก่อนจะเห็นเด็กสาวที่มีผมยาวและแต่งหน้าจัดมากคนหนึ่งถ้าหากรูปลักษณ์หน้าตาให้คะแนนเต็มสิบเป็นมาตรฐานเธออาจจะได้คะแนนมากสุดแค่สี่คะแนน แต่พึ่งพาเครื่องสำอาง ก็ยังพอทำคะแนนได้เจ็ดคะแนนแต่สำหรับหลินเสวี่ยฮุ่ย ต่อให้แต่งหน้าเบา ๆก็ยังมีคะแนนถึงแปดจุดห้าคะแนน หรืออาจจะถึงเก้าคะแนนเลยด้วยซ้ำเมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเธอ หลินเฟิงก็ขมวดคิ้วขึ้นโจวเสี่ยวหางเป็นคนตรงไปตรงมา เธอก็ได้ยินเสียงพึมพำอย่างคลุมเครือเช่นเดียวกัน ก่อนจะตะโกนออกมาอย่างเย็นชาว่า :“ต้วนหย่าถ
โรงพยาบาลเมืองเจิ้งเต๋อคืออะไร?นั่นคือหนึ่งในโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในหัวตงเลยนะ! ถือเป็นโรงพยาบาลหนึ่งในสามของเมืองเจิ้งเต๋อจึงเหนือกว่าโรงพยาบาลเจียงโจวอย่างมาก!“ศาสตราจารย์หลิน คุณไม่ได้ตั้งใจล้อพวกเราเล่นใช่ไหม?”ต้วนหย่าถงเอ่ยด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อว่า :“แม้แต่คุณชายสยงอวี่ก็ไม่ได้แน่ใจมากขนาดนี้ บอกว่าจะส่งพวกเราไปฝึกงานที่โรงพยาบาลเมืองเจิ้งเต๋อ คุณมีเส้นสายนี้หรือเปล่า?”“อืม ไม่จำเป็นต้องสงสัยหรอก ผมมีแน่”หลินเฟิงพยักหน้าเล็กน้อย เพื่อให้ทุกคนสบายใจ จากนั้นก็ชี้ไปที่หลินเสวี่ยฮุ่ยและพูดขึ้นว่า :“อีกทั้งผู้อำนวยการคนต่อไปของโรงพยาบาลเมืองเจิ้งเต๋อก็ยืนอยู่ต่อหน้าพวกคุณแล้ว ในเมื่อเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน พวกคุณยังคิดว่าเรื่องฝึกงานยังเป็นเรื่องใหญ่อยู่อีกไหม?”“อ๊ะ? ผู้อำนวยการของโรงพยาบาลเมืองเจิ้งเต๋อ?”ทุกคนในที่นั้นต่างก็ตกตะลึงเพราะในเวลานี้ที่หลินเฟิงชี้ไป ก็คือหลินเสวี่ยฮุ่ยที่มีหน้าตาตกตะลึง“พี่หลินเฟิง? ฉัน...ฉันเป็นผู้อำนวยการ?”หลินเสวี่ยฮุ่ยพูดอะไรไม่ออกภายใต้สายตาที่จ้องมองอย่างเหม่อลอย เธอก็ส่ายหน้าอย่างแรงราวกับลูกกระพรวน“ไม่ได้ไม่ได้ พี่หลินเฟิ
เงียบสงัดห้องส่วนตัวเงียบสงัดโดยสิ้นเชิงถ้าหากพูดว่า เมื่อครู่หลินเฟิงพูดว่าเขียนจดหมายให้พวกเธอ ให้พวกเธอไปฝึกงานที่โรงพยาบาลเจิ้งเต๋ออย่างน้อยก็ยอมเชื่อแต่ตอนนี้ หลินเฟิงไม่เพียงพูดว่าให้หลินเสวี่ยฮุ่ยเป็นผู้อำนวยการของโรงพยาบาลเจิ้งเต๋อ ยังพูดว่าอะไรนะ นี่คือผลลัพธ์ที่เขาเจรจากับเผิงกวงฉี่เผิงกวงฉี่เศรษฐีอันดับหนึ่งของหัวตง ใครบ้างไม่รู้ ใครบ้างไม่เห็น?หลินเฟิงคุยโวอย่างหน้าไม่อายอยู่ตรงนี้ บอกว่าให้หลินเสวี่ยฮุ่ยเป็นผู้อำนวยการ การตัดสินใจครั้งนี้เป็นผลจากการหารือระหว่างเขากับเผิงกวงฉี่งั้นเหรอ?เขามีสถานะอะไร?หรือว่ายังสามารถกำหนดการตัดสินใจของเผิงกวงฉี่ได้?ได้ฟังถึงตรงนี้ ต้วนหย่าถงก็ไม่หัวเราะเยาะแล้ว แต่กลับเป็นไร้ความรู้สึกแทนเธอยื่นมือออกไปหิ้วกระเป๋า ลุกขึ้นยืนจะเดินออกไป“พวกเธอฟังคนคุยโวที่นี่ต่อไปเถอะ ฉันจะกลับแล้ว ฉันไม่อยากเสียเวลาอยู่กับพวกเธอที่นี่”เห็นต้วนหย่าถงจะกลับไป ยังมีผู้หญิงอีกสองคนก็ยืนขึ้นเช่นกันพวกเขารู้สึกผิดหวังต่อหลินเฟิงโดยสิ้นเชิงในเมื่อสามารถพูดแบบนี้ออกมาได้ ในความทรงจำส่วนตัวของพวกเธอ หลินเฟิงจะต้องมีปัญหาทางสมองอะไรที่ร
และในตอนนี้ ก็เหลือเพียงโจวเสี่ยวหางกับหลินเสวี่ยฮุ่ยที่อยู่ในห้องส่วนตัวหลินเฟิงมองไปทางหลินเสวี่ยฮุ่ย พร้อมกับยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า :“เสวี่ยฮุ่ย ฉันคิดจะใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือน สอนทักษะการแพทย์แบบโบราณของประเทศมังกรให้กับเธอ จากนั้นก็จะให้เธอไปเรียนรู้และฝึกฝนการปฏิบัติจริงด้วยตัวเธอเอง คิดว่าเป็นอย่างไร?”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หลินเสวี่ยฮุ่ยก็ตาเป็นประกายเธอเคยเห็นทักษะทางการแพทย์ของหลินเฟิงมาแล้ว หากเธอสามารถเรียนรู้ทักษะทางการแพทย์ของหลินเฟิงได้จริง ๆ ถ้าอย่างนั้นก็คงจะสามารถช่วยเหลือพี่หลินเฟิงได้อย่างแน่นอนเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หลินเสวี่ยฮุ่ยก็พยักหน้าราวกับลูกไก่จิกข้าว“ได้”หลังจากเห็นหลินเสวี่ยฮุ่ยตอบรับ หลินเฟิงก็ดีใจอย่างมาก“เมื่อเป็นแบบนี้ ตอนที่เธอได้เป็นผู้อำนวยการ ก็จะมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น”“พี่หลินเฟิง ทำไมพี่ถึงยังพูดแบบนี้อยู่ล่ะ.....?”เห็นได้ชัดว่า หลินเสวี่ยฮุ่ยไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองเกี่ยวกับสิ่งที่หลินเฟิงพูดนักแต่หลินเฟิงกลับไม่ได้ใส่ใจก่อนจะยิ้มพร้อมกับลูบหัวของเธอ บอกให้เธอตั้งใจเรียนก่อน ส่วนเรื่องผู้อำนวยการเขาจะจัดการเองแล้วในเวลานี้โจวเ
“คำสั่งของฉันงั้นเหรอ?”หลินเฟิงส่ายหน้า“นั่นไม่ใช่คำสั่งของฉันหรอก แต่เป็นสำนักเสินฉือที่ต้องการฆ่าปิดปาก ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉัน”“นายโกหก!”หลี่ซืออวี่แผดเสียงพูดว่า :“ถ้าไม่ใช่เพราะนาย ฉันจะมาถึงบ้านตระกูลไป๋กับนายได้ยังไง แล้วฉันจะกลายเป็นอย่างนี้ได้ยังไง!”“หุบปาก!”เมื่อฟังถึงตรงนี้ หลินเฟิงก็โกรธขึ้นมาเช่นกัน“ถ้าหากไม่ใช่เพราะเธอวางแผนหลอกฉัน แล้วให้ฉันรับผิดชอบ ฉันจะไปหาหลักฐานที่ตระกูลไป๋ทำไมล่ะ?!”“ถ้าหากเธอยอมรับเร็วกว่านี้ เรื่องมันก็ไม่กลายเป็นอย่างในตอนนี้หรอก!”“แล้วจากนั้น ที่ตระกูลไป๋ เธอก็ได้ล่อลวงพ่อของไป๋ชิงเฉี่ยน เรื่องพวกนี้ เรื่องไหนบ้างที่ไม่ได้เกิดจากตัวเธอเอง?!”“ทำร้ายเธองั้นเหรอ?”“ฉันไปทำร้ายเธอเมื่อไรกัน?!”หลังจากที่หลินเฟิงตะโกนอย่างโมโหออกมา หลี่ซืออวี่ก็ก้มหน้าลงแต่ความเกลียดชังในแววตาก็ไม่ได้ลดลงไปเลยหลินเฟิงมองท่าทางนี้ของเธอ ก็รู้ว่าหลี่ซืออวี่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้แล้ว เธอถูกความเกลียดชังครอบงำไปจนหมดแล้วเขาเมตตาหลี่ซืออวี่มากที่สุดแล้ว แต่เธอกลับไม่สำนึกเลยแม้แต่น้อยความลังเลใจ ทิ้งระเบิดเวลาที่ไม่รู้ว่าจะระเบิดเมื่อไรเอาไ
“อะไรนะ?”เมื่อได้ยินถึงตรงนี้ ท่าทางของหลงซวี่จวินก็ไม่พอใจเล็กน้อย“ผมไม่ได้แจ้งพวกคุณไปก่อนหน้านี้แล้วงเหรอ? เพื่อเรื่องนี้ ได้แจ้งทางเมืองเจิ้งเต๋อไม่ให้ประกาศเรื่องสร้างถนนเพื่อปิดบังอำพรางให้พวกคุณด้วย”“ผ่านไปนานขนาดนี้แล้วเพราะอะไรที่ดินผืนนี้ถึงยังไม่ได้มาครอบครอง?”เมื่อเผชิญหน้ากับการตำหนิของหลงซวี่จวิน สยงเทียนคังก็เหงื่อแตกพลั่ก พร้อมกับท่าทางที่กระอักกระอ่วน“คุณหลงซวี่จวิน ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่ยอมซื้อ แต่เป็นเพราะหลี่ซื่อกรุ๊ปไม่ยอมอ่อนข้อให้”“คนที่พวกเราส่งไป ต่างก็ถูกหลี่ซื่อกรุ๊ปจัดการหมด”“แถมสถานการณ์ในเมืองเจิ้งเต๋อช่วงนี้ก็ค่อนข้างวุ่นวายด้วย”“หือ? พวกคุณทำอะไรกับหลี่ซื่อกรุ๊ปไม่ได้เลยงั้นเหรอ? วุ่นวาย? มันวุ่นวายยังไง?”หลงซวี่จวินคิดว่าสยงเทียนคังตั้งใจจะถ่วงเวลาไว้อยากได้ผลประโยชน์เพิ่มเติมจากตระกูลหลงอีก“รายงานคุณหลงซวี่จวิน ช่วงนี้หลี่ซื่อกรุ๊ปเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก และดำเนินกิจการวงการค้าได้ดีมากในเมืองเจิ้งเต๋อ”“อีกอย่าง เจี้ยนหงกรุ๊ปที่เป็นหนึ่งในสามบริษัทใหญ่ในเมืองเจิ้งเต๋อ โจวเสวี่ยโหลวและโจวเจี้ยนโหลวต่างก็ตายโดยไม่ทราบสาเหตุกันทั้งหมด”
“บ้าเอ๊ย ฉันไม่สามารถทนได้จริงๆ ติดต่อน้องหลินให้ฉัน ฉันจะเข้าแทรกแซงเรื่องนี้ด้วย!”...วันต่อมาในบาร์ใต้ดินแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของเมืองจิงจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียที่สวมหมวกและหน้ากากไว้ และดูเรียบง่ายมากรีบเดินทางมาที่นี่ ที่นี่คือ “สถานที่นัดพบ” ที่หลงซิ่วพูดถึงควบคู่ด้วยเสียงดนตรีอันไพเราะและฝูงชนที่เต้นรำจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียเดินผ่านทางเดินและมองเห็นหลงซิ่วกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ พร้อมคาบบุหรี่อยู่ในปากเมื่อเห็นว่าอิ่นนั่วเจียมาจริง ๆ ดวงตาของหลงซิ่วก็เป็นประกายบุหรี่ในปากของเขาหล่นลงพื้นโดยไม่รู้ตัวแม้ว่าอิ่นนั่วเจียจะสวมเพียงชุดเดรสยีนส์ซึ่งทำให้เธอดูเป็นเด็กสาวมากในวันนี้ แต่หุ่นที่น่าสะพรึงกลัวของเธอก็ยังทำให้ หลงซิ่วที่กำลังนั่งอยู่ตรงโต๊อย่างไม่ใส่ใจก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ"เชี่ย ไม่เสียแรงที่เป็นซูเปอร์สตาร์ประเทศมังกรจริงๆ นะ!"หลงซิ่วอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบเธอกับถานหง หลังจากคิดดู นี่มันไม่ใช่คนระดับเดียวกันด้วยซ้ำ!แม้ว่าถานหงจะเป็นราชินีเพลงประเทศมังกร หน้าตาก็คล้ายๆกันแต่เมื่อเทียบกับอิ่นนั่วเจียสาวสวยที่อยู่แต่ในจอ ถานหงยังด้อยกว่าเยอะมากเพียงแค่ออร่าอันส
สำนักงานใหญ่กลุ่มเผิงกวง เมืองจิงขณะนั้นเผิงกวงฉี่กำลังคาบซิการ์ไว้ในปากอย่างเรื่อยเปื่ยอ ฟังการโต้เถียงขัดแย้งระหว่างตัวแทนจากทั่วทุกแห่งในการประชุมแม้ว่าเผิงกวงฉี่จะดูเป็นปกติ แต่ในใจเขากลับโกรธมากพวกขยะพวกนี้ได้แต่โทษกันไปมา และต่างคนต่างหาผลประโยชน์แม้แต่เผิงกวงฉี่ก็ยังคิดว่า ควรจะกำจัดคนไร้ประโยชน์เหล่านี้ และส่งเสริมให้คนอื่นขึ้นมาเป็นผู้นำภูมิภาคดีไหมขณะที่กำลังคิดแบบนี้ โทรศัพท์มือถือของเผิงกวงฉี่ก็ดังขึ้นกะทันหันเสียงโทรศัพท์ทำให้ห้องประชุมเงียบลงทันที“คุณหลินโทรมาครับ คุณเผิงกวงฉี่”ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ ยื่นโทรศัพท์ให้ด้วยความเคารพเมื่อคิดว่าเป็นหลินเฟิง เผิงกวงฉี่ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมากไม่พูดไม่ได้ว่ายาหยกโมราของหลินเฟิงมีประสิทธิภาพมากจริงๆ ควบคู่กับน้ำพุร้อนที่เจียงโจว ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองดูหนุ่มลงเรื่อย ๆ และร่างกายก็เต็มไปด้วยกำลังวังชาแม้แต่ผู้หญิงคนใหม่ที่หามาช่วงนี้ ก็ไม่สามารถทำให้เขาพึงพอใจได้ช่วงนี้เขากำลังคิดว่าควรจะหาเพิ่มอีกสักหน่อย เพื่อสร้างทายาทให้กับตระกูลเผิงของเขาสองเดือนที่แล้ว นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่กล้าคิดมาก่อนด้วยซ้ำ“ฮัลโหล
“ฉันจะโอนเงินสองหมื่นห้าพันล้านบาทเข้าบัญชีของคุณทันที ทางที่ดีคุณให้อิ่นนั่วเจียออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ปโดยเร็วที่สุด ให้เธอมาพบฉันที่เมืองจิง”"ฮ่าฮ่าฮ่า......"ถานหงที่อยู่ปลายสายหัวเราะอย่างโอเวอร์“ฉันต้องการให้อิ่นนั่วเจียคุกเข่าอยู่แทบเท้าฉัน! ยังมีหลินเฟิง ฉันจะทำให้หลินเฟิงและหลี่ซื่อกรุ๊ปบ้าบออะไรนั่นได้ชำระในสิ่งที่ควรจ่าย!”หลังจากพูดจบโทรศัพท์ก็วางสายไปและภายในเวลาไม่กี่นาที ข้อความเงินสดเข้าบัญชีจำนวนสองหมื่นห้าพันล้านบาทก็ปรากฏบนโทรศัพท์มือถือของจวงฉุนทันทีเมื่อมองดูข้อความบนโทรศัพท์ ลมหายใจของจวงฉุนก็เร็วขึ้นอย่างมาก เขาไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้ในชีวิตของเขามาก่อนแต่เมื่อเขาเงยหน้ามองไปทางหลินเฟิง ก็รู้สึกเหี่ยวเฉาทันทีเขารู้ว่าเงินจำนวนนี้จะไม่มีวันมาถึงเขาด้วยซ้ำ อีกทั้งเรื่องที่อิ่นนั่วเจียเข้าร่วมตระกูลหลงเป็นเรื่องโกหกทั้งหมดเขาแค่อยากหลอกเอาเงินก้อนนี้มาจากหลงซิ่ว เพื่อใช้รักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ก็เท่านั้นเอง“ตอนนี้โอนเงินก้อนนี้เข้าบัญชีของหลี่ซื่อกรุ๊ปเถอะ”หลินเฟิงไม่พูดมาก บังคับจวงฉุนให้ดำเนินการบนโทรศัพท์มือถือของเขาโดยตรงหลังจากนั้นไม่นาน เงิน
“ดูเหมือนว่าคุณจะได้เจอกับอิ่นนั่วเจียจริงๆ นะ”หลงซิ่วที่อยู่ปลายสายพูดอย่างใจเย็นว่า:“ผมลืมบอกคุณไปว่าตอนนี้อิ่นนั่วเจียเป็นสมาชิกของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว เธอเต็มใจที่จะออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ป และร่วมมือกับตระกูลหลงของเราจริงๆ เหรอ?”เมื่อได้ยินสิ่งที่หลงซิ่วพูดจวงฉุนสั่นสะเทือนไปทั้งตัวเกือบหัวใจวายเพราะความโมโหในที่สุดเขาก็ได้ลิ้มรสว่าการถูกหลอกเป็นอย่างไรหากหลงซิ่วเล่าเบื้องหลังของอิ่นนั่วเจียให้เขาฟังก่อนหน้านี้เขาจะพาผู้คนมาที่นี่เพื่อมาหาอิ่นนั่วเจีย และตกหลุมพรางได้ยังไง?ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะพูดอะไรอีกแล้วร่องรอยแห่งความโกรธเริ่มผุดขึ้นในใจของจวงฉุนหากพูดว่าเมื่อครู่เพียงแค่โกหกหลงซิ่ว เขาก็มีความกดดันอยู่ไม่น้อยเมื่อเขาได้ยินว่าหลงซิ่วปกปิดเรื่องของอิ่นนั่วเจียกับเขา เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีหากคุณไม่ได้บอกผมให้ชัดเจนก่อนที่คุณจะจากไปผมจำเป็นต้องตกไปอยู่ในมือของหลินเฟิงงั้นเหรอ?จวงฉุนตัดสินใจ คำพูดก็ราบรื่นมากขึ้น“ใช่ครับ คุณอิ่นนั่วเจียบอกผมเอง แต่ว่า...”"แต่ว่าอะไร?"หลงซิ่วที่ปลายสายโทรศัพท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย“แต่คุณอิ่นนั่วเจียบอกว่าเธอได้เซ็น
จวงฉุนคิดว่าคำพูดนี้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติขณะที่จวงฉุนกำลังจมอยู่กับจินตนาการของเขา หลินเฟิงก็ยื่นมือออกไปและโบกไปมาตรงหน้าจวงฉุน“การปล้นทำลายของพวกนายในครั้งนี้ ได้ทำลายสินค้าของหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันมูลค่าสองหมื่นห้าพันล้านบาทเต็มๆ เพียงแค่นายสามารถชดเชยเงินสินค้าเหล่านี้ให้เราได้ ฉันก็จะไม่ถือสาเอาความ”"สองหมื่นห้าพันล้านบาท?"เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ อิ่นนั่วเจียที่อยู่ข้างๆ ก็เปิดริมฝีปากสีแดงของเธอออกครู่หนึ่ง เธอก็ส่ายหัวอย่างจนปัญญาหลินเฟิงกำลังพยายามกรรโชกเงินอยู่เหรอ!"เป็นไปไม่ได้!"เห็นได้ชัดว่าจวงฉุนก็ตกใจกับจำนวนเงินมหาศาลนี้อย่าว่าแต่ยี่สิบห้าล้านบาทเลย แม้แต่ห้าพันล้านบาทเขาก็ยังไม่มี จะอุดรูโบ๋นี้ได้อย่างไรหลินเฟิงรีดไถมากเกินไปจริงๆ“แน่นอนว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันไม่สนใจเงินจำนวนน้อยๆ นี้ แต่ฉันแค่อยากเห็นท่าทางของคุณ”“เป็นไงบ้าง?”หลินเฟิงจ้องมองจวงฉุนด้วยความสนใจอย่างยิ่ง ต้องการดูว่าคนๆ นี้จะหาเงินได้มากเท่าไหร่เพื่อเอาชีวิตรอดได้ในเมื่อเสียหายหนึ่งหมื่นล้านบาท หลินเฟิงต้องหาชดเชยมาจากที่อื่น"ดี...ดีครับ!"จวงฉุนรู้ดีว่าวันนี้เขาไม่มีสิทธิ์ต่อรองกับหลิ
“ตอนนี้ ฉันถามพวกนายตอบ”หลินเฟิงค่อยๆ เดินเข้าไปหาจวงฉุน เหยียดมองลงที่ชายผู้ล้มอยู่บนพื้น และตกใจจนหน้าซีดเผือด“คุณ...คุณว่ามาครับ คุณว่า...ผม...ผมจะบอกคุณทุกอย่าง”จวงฉุนในตอนนี้รู้สึกกลัวจนสติแตก ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่“เมื่อวาน อุปกรณ์ไฮเอนด์ล็อตหนึ่งของหลี่ซื่อกรุ๊ป ถูกคนขโมยและทำลายระหว่างทาง...”“เป็นฝีมือพวกผม!”เมื่อจวงฉุนได้ยินเช่นนี้ น้ำตาก็เริ่มไหลออกมา รีบยอมรับทันทีเขากราบหลินเฟิงไม่หยุดและพูดว่า:“ขอโทษครับคุณหลิน เรื่องนี้พวกเราเป็นคนทำจริงๆ แต่เราแค่ถูกใช้เป็นปืนเท่านั้น! หลงซิ่วจากตระกูลหลงสั่งให้พวกเราทำ เขาสั่งให้พวกเราทำ พวกเราก็ไม่กล้าขัดคำสั่งนะครับ!”การได้ยินคำวิงวอนของจวงฉุนซึ่งแทบจะเป็นเหมือนการขอความเมตตาเริ่นโหย่วไฉที่อยู่ข้างๆ ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอต้องรู้ไว้ว่า ผู้ชายคนนี้เคยคุยโม้กับเขามาก่อนว่า เขาทำได้ดีแค่ไหนและเผาผลาญมันได้คล่องแคล่วแค่ไหนท่าทางหยิ่งยโส มีท่าทางเหมือน “ถูกบังคับ” ที่ไหนกัน?แต่ตอนนี้เริ่นโหย่วไฉไม่กล้าที่จะพูดอะไรเกรงว่าจะเดินตามรอยของสวีโจวการตายแบบนี้ มันน่าหวาดกลัวมากเกินไป ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยด้วยซ
“พวกเราไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋ออีกต่อไป!”“ทุกคนฟังคำสั่งของฉัน ลุย!”คำสั่งของจวงฉุนมีน้ำหนักมากกว่าคำสั่งของสวีโจวอย่างเห็นได้ชัดไม่ใช่แค่เพราะเงื่อนไขที่จวงฉุนเสนอมาดึงดูดพวกเขามากเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยรู้ถึงความสามารถของหลินเฟิงว่าเป็นอย่างไรกันแน่คนธรรมดาหลายคนรวมกันอาจเปรียบเป็นขงเบ้งได้ในความคิดของพวกเขา ความสามารถของหลินเฟิงเป็นอย่างไรกันแน่ พวกเขาก็มองไม่เห็นแต่สิ่งที่เป็นความจริงคือพวกเขากลับสามารถมองเห็นข้อได้เปรียบของพวกเขาจากจำนวนคนบวกกับพลังอำนาจของหลงซิ่วด้วยหลังจากครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ที่เดิม นักบู๊ตระกูลหลงประมาณสิบกว่าคนในที่สุดก็ตัดสินใจได้แล้ว และล้อมรอบหลินเฟิงเอาไว้ทีละคนวันนี้สู้ดูสักตั้งถ้าไม่สำเร็จก็ต้องตาย!"แม่งเอ๊ย จวงฉุนไอ้สารเลวตัวน้อย!"ในที่เกิดเหตุมีเพียงสวีโจวเท่านั้น ที่รู้ว่าการปิดล้อมครั้งนี้เป็นการไปตายโดยที่ไม่ต้องคิดด้วยซ้ำเขาเกลียดจวงฉุนมาก จนถึงขั้นมีความคิดอยากฆ่าเขาด้วยซ้ำแต่ทว่าจวงฉุนกลับแสยะยิ้มมองดูสวีโจว และพูดอย่างเย็นชา:“สวีโจว อย่าทำเป็นเสแสร้งอยู่ตรงนี้ รอให้ภารกิจในครั้งน
"อะ......"จางฉุนไม่เข้าใจว่าหลินเฟิงกำลังพูดอะไร เขาพาคนเหล่านี้มาที่นี่ เป้าหมายเพียงเพื่อจับตัวอิ่นนั่วเจียไปเขารู้ว่าหลินเฟิงเป็นนักบู๊และจัดการยากสักหน่อยเพราะงั้นถึงเรียกคนของตัวเองมาแต่อะไรที่เรียกว่า “พาผู้กระทำความผิดมาตรงหน้าเขาโดยตรง” ?ในตอนนี้เอง สวีโจวที่อยู่ไกลออกไปก็คำรามออกมาอย่างกะทันหัน“นาย... ฉันจำได้ นายคือหลินเฟิง! นายคือ... นายคือคนของหลี่ซื่อกรุ๊ป! หลินเฟิงหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป!”"อะไรนะ?"เมื่อได้ยินชื่อนี้ จางฉุนก็หันหน้ามองไปที่หลินเฟิงด้วยสีหน้าที่น่าเหลือเชื่อเพราะเขาเคยได้ยินชื่อหลินเฟิงเขาได้ยินมาจากหลงซิ่วว่า ข้อห้ามประการเดียวในการปฏิบัติการครั้งนี้คือการปะทะกับหลินเฟิงตัวซวยคนนี้หลงซิ่วเตือนจางฉุนซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ระวังหลินเฟิงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะพัฒนาไปเกินความคาดหมายของเขา“โอ้? ดูท่าพวกคุณจะรู้จักผม”หลินเฟิงเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มจากนั้นรัศมีแห่งความหวาดกลัวก็ค่อยๆ แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา อุณหภูมิทั่วทั้งห้องทำงานก็ลดลงมากกว่าสิบองศาในพริบตาเดียวแม้แต่ชาที่มีไอร้อนลอยออกมาเมื่อครู่นี้บนโต๊ะ
“บ้าเอ๊ย ทนไม่ไหวแล้ว!”จวงฉุนรีบถีบประตูห้องทำงานของหัวหน้าโรงงานทันทีสิ่งแรกที่เขาเห็นคือเริ่นโหย่วไฉที่เหงื่อไหลท่วมตัวและยืนอยู่ตรงนั้นอย่างโง่เขลาและอิ่นนั่วเจียผู้มีเสน่ห์กำลังนั่งอยู่บนโซฟา“อิอิอิ…”จวงฉุนเลียริมฝีปากและเผยรอยยิ้มหื่นกามออกมาทันทีตอนนี้เขาโยนคำพูดของเริ่นโหย่วไฉไปไกลโพ้นทันที เพียงแค่จ้องมองไปที่หุบเขาที่คอเสื้อของอิ่นนั่วเจียแล้วแสยะยิ้มพูดว่า:“คุณอิ่นนั่วเจีย ผมมารับคุณแล้ว”"โอ้?"ใครจะไปรู้ว่ารอยยิ้มของจวงฉุนไม่ได้ทำให้อิ่นนั่วเจียตกใจหรืองุนงง เธอยิ้มให้จวงฉุนแล้วพูดว่า:"ฉันรอคุณมานานแล้ว""รอผม?"จวงฉุนตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะออกมา“ที่แท้คุณหญิงอิ่นนั่วเจียก็สนใจผมด้วย ดังนั้นการเตรียมการทั้งหมดนี้เกินความจำเป็นไปแล้ว!”ขณะที่จวงฉุนกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สวีโจวที่เดินเข้ามาเห็นอิ่นนั่วเจียและหลินเฟิงกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้เถ้าแก่ในห้องทำงาน สีหน้าของเขาดูตกตะลึงเล็กน้อย“พี่สวี มีอะไรหรือเปล่า?”นักบู๊ตระกูลหลงที่อยู่ด้านหลังเขาเห็นท่าทางแปลกๆ ของสวีโจว จึงรีบถามแต่สวีโจวกลับไม่สนใจคนข้างหลังเขา กลับก้าวไปข้างหน้าและคว้าแขน