ไม่รอให้สยงอวี่ส่งเสียงกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งจนเสร็จ หลินเฟิงก็เหยียบลงไปอีกครั้ง บดขยี้จนข้อเท้าของเขาแตกละเอียด“อ้ากกกก!”สยงอวี่ส่งเสียงร้องอนาถที่แทบจะขาดใจออกมาอีกครั้งตอนนี้ ในที่สุดเขาก็รู้สึกกลัวแล้วเพราะว่าหลินเฟิงยังคงลงมือต่อไปโดยไม่สนเบื้องหลังของเขา นี่มีสองเหตุผลอย่างแน่นอนข้อแรก เบื้องหลังของหลินเฟิงใหญ่เกินเขาข้อที่สอง หลินเฟิงถึงแม้ผู้ที่อยู่เบื้องหลังจะสู้เขาไม่ได้ แต่ก็ตัดสินใจแล้วที่จะฆ่าเขาให้ตายสองจุดนี้ ไม่ว่าพูดจากจุดไหนเขาสยงอวี่ต่างก็จบไม่สวยดังนั้นภายใต้การกระตุ้นของความเจ็บปวดอย่างรุนแรง สยงอวี่ขอร้องอ้อนวอนหลินเฟิงอย่างบ้าคลั่งและพูดว่า:“ผม…ผมยอมแพ้ ผมยอมแพ้ ขอร้องคุณ อย่าฆ่าผมนะ อย่าฆ่าผมนะครับ!”สัมผัสได้ถึงฝ่าเท้าที่อยู่บนลำคอของตัวเอง สยงอวี่เผยความหวาดกลัวออกมาถ้าหากหลินเฟิงเหยียบลงมาแบบนี้ เช่นนั้นชีวิตน้อยๆ ของเขาก็ไม่รอดแล้วจริงๆ!”“หึ…”สัผัสได้ว่าฝ่าเท้าที่อยู่ท้ายทอยของเขาถูกยกออกสยงอวี่ถือว่าโล่งออกแล้ว แต่จากน้น อาการปวดอย่างรุนแรงบริเวณฝ่ามือและข้อเท้า ทำให้เขาสบถด่าอย่างบ้าคลั่งในใจ “แม่งเอ๊ย…ไอ้ชาติชั่ว!”“สารเลว
“ขอ…ขอโทษครับ คุณ…หลินเฟิง เราฟังคำยุยงของผู้หญิงคนนั้น ถึงได้ลงมือกับรุ่นน้องหลินเสวี่ยฮุ่ย พวกเราไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะครับ!”เซี่ยตงโปเห็นสภาพที่น่าอนาถของสยงอวี่ ยังจะกล้าอวดเก่งที่ไหนกัน เขาคุกเข่าลงและก้มลงกราบหลินเฟิงเพื่อขอความเมตตาโดยตรง“ผู้หญิงคนนั้น? ใคร?”หลินเฟิงหรี่ตาลง ตวาดถามเสียงเย็นชา“คนที่ชื่อหลี่ซืออวี่ เธอบอกว่าเธอกับรุ่นน้องฮุ่ยหรานรู้จักกันมานาน”เซี่ยตงโปรีบปัดความรับผิดชอบส่วนหลินเฟิงในตอนที่ได้ยินชื่อนี้ สีหน้าก็เกิดความโมโหขึ้นมาทันทีในดวงตาของหลินเสวี่ยฮุ่ยก็เผยความโมโหและความสิ้นหวังออกมา“ถุย! ที่แท้ก็เป็นหลี่ซืออวี่ มิน่าพวกนายเหมือนกับเตรียมกันไว้ล่วงหน้าแล้ว!โจวเสี่ยวหางกลับสบถด่าเสียงดังเธอรู้สึกโมโหเพื่อนสนิทในอดีตคนนี้อย่างถึงที่สุด“หึ เดิมคิดว่าฉันไว้ชีวิตเธอ ก็ใจกว้างมากพอแล้ว แต่ตอนนี้ดูแล้ว…เธอรนหาที่ตายเอง งั้นก็ช่วยไม่ได้แล้ว”หลินเฟิงหน้าตาเย็นชา คำพูดดุดันออกมาจากปากเขารู้อยู่แล้วว่าหลี่ซืออวี่คนนี้โกรธแค้นเขา แต่คิดไม่ถึงว่าหลี่ซืออวี่จะร้ายกาจถึงขั้นลงมือกับเพื่อนสนิทในอดีตของตัวเองคนแบบนี้ เก็บไว้ก็จะเป็นพิษภัยส่วนหล
วันนี้พวกเขาอ่อนปวกเปียกเกินไปจริงๆ คิดไม่ถึงว่าจะก้มกราบขอร้องอ้อนวอนหลินเฟิงต่อหน้าทุกคนแค่นี้ก็เพียงพอที่จะจารึกในอดีตอันมืดมนได้แล้วจำเป็นต้องกู้ศักดิ์ศรีกลับมาโดยเฉพาะสยงอวี่ ยอมรับการดูถูกเหยียดหยามแบบนี้ก็เพื่อที่จะรอดชีวิตพูดได้ว่า ถ้าหากมีกำลังเพียงพอ สยงอวี่อยากจะโทรศัพท์ไปหาพ่อของเขาตอนนี้ ให้พ่อของเขาส่งคนมากแต่เขารู้ดีว่าพ่อยุ่งกับงานราษฎร์งานหลวง ปกติไม่มีเวลามาสนใจเรื่องเล็กของเขาแบบนี้อีกทั้งในโทรศัพท์ก็ไม่มีทางพูดเกลี้ยกล่อมอะไรได้ จำเป็นต้องให้พ่อของเขาเห็นสภาพย่ำแย่ของเขาในตอนนี้ ถึงจะให้พ่อของเขาลงมือได้คิดแบบนี้ สยงอวี่ก็รู้สึกมีความมั่นใจ และพูดอย่างเย็นชาว่า:“พวกนาย ขับรถพาฉันกลับไปส่งที่สยงซื่อกรุ๊ปเมืองเจิ้งเต๋อเดี๋ยวนี้ ฉันจะให้พ่อเห็นว่าลูกชายของเขาอยู่ที่ข้างนอกได้รับความไม่เป็นธรรมแบบไหน!”“สิ่งที่สูญเสีย คือศักดิ์ศรีของเขา!”“ครับ พี่สยง!”เซี่ยตงโปและคนอื่นๆ ต่างมองตากัน และรู้สึกดีใจอย่างมากทันทีต้องรู้ไว้ว่า เบื้องหลังของสยงซื่อกรุ๊ปมีบุคคลยิ่งใหญ่ สนับสนุนพวกเขาอยู่ลับๆ นั่นก็คือตระกูลหลงของเมืองจิง!”ถ้าหากตระกูลหลงลงมือหลินเ
หลินเสวี่ยฮุ่ยที่กำลังยื่นคอแอบฟังอยู่ด้านข้าง เมื่อเห็นหลินเฟิงวางสาย ก็รีบเบือนหน้าหนีก่อนจะแกล้งทำท่าทางไม่รู้อะไรเลยโดยปกติแล้วการกระทำแบบนี้ปิดบังหลินเฟิงไม่ได้แต่หลินเฟิงกลับไม่ได้ตำหนิ แล้วยื่นมือไปลูบหัวของเธอพร้อมกับหัวเราะเบาๆจากนี้ไปหลินเสวี่ยฮุ่ยก็จะได้รับการแต่งตั้งเป็นลูกศิษย์ของตัวเองลูกสาวของอาจารย์ตัวเองกลายเป็นลูกศิษย์ของตัวเอง แต่ไม่ใช่ศิษย์น้องในบางแง่มันก็ไม่เหมาะสมนิดหน่อยจริง ๆนั่นแหละ“เหอะ แส่ไม่เข้าเรื่องจริงๆ...”ในขณะนี้ หลินเฟิงก็ได้ยินเสียงพึมพำที่คาดไม่ถึงดังขึ้นมาไกล ๆเขาหันกลับไปมอง ก่อนจะเห็นเด็กสาวที่มีผมยาวและแต่งหน้าจัดมากคนหนึ่งถ้าหากรูปลักษณ์หน้าตาให้คะแนนเต็มสิบเป็นมาตรฐานเธออาจจะได้คะแนนมากสุดแค่สี่คะแนน แต่พึ่งพาเครื่องสำอาง ก็ยังพอทำคะแนนได้เจ็ดคะแนนแต่สำหรับหลินเสวี่ยฮุ่ย ต่อให้แต่งหน้าเบา ๆก็ยังมีคะแนนถึงแปดจุดห้าคะแนน หรืออาจจะถึงเก้าคะแนนเลยด้วยซ้ำเมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเธอ หลินเฟิงก็ขมวดคิ้วขึ้นโจวเสี่ยวหางเป็นคนตรงไปตรงมา เธอก็ได้ยินเสียงพึมพำอย่างคลุมเครือเช่นเดียวกัน ก่อนจะตะโกนออกมาอย่างเย็นชาว่า :“ต้วนหย่าถ
โรงพยาบาลเมืองเจิ้งเต๋อคืออะไร?นั่นคือหนึ่งในโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในหัวตงเลยนะ! ถือเป็นโรงพยาบาลหนึ่งในสามของเมืองเจิ้งเต๋อจึงเหนือกว่าโรงพยาบาลเจียงโจวอย่างมาก!“ศาสตราจารย์หลิน คุณไม่ได้ตั้งใจล้อพวกเราเล่นใช่ไหม?”ต้วนหย่าถงเอ่ยด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อว่า :“แม้แต่คุณชายสยงอวี่ก็ไม่ได้แน่ใจมากขนาดนี้ บอกว่าจะส่งพวกเราไปฝึกงานที่โรงพยาบาลเมืองเจิ้งเต๋อ คุณมีเส้นสายนี้หรือเปล่า?”“อืม ไม่จำเป็นต้องสงสัยหรอก ผมมีแน่”หลินเฟิงพยักหน้าเล็กน้อย เพื่อให้ทุกคนสบายใจ จากนั้นก็ชี้ไปที่หลินเสวี่ยฮุ่ยและพูดขึ้นว่า :“อีกทั้งผู้อำนวยการคนต่อไปของโรงพยาบาลเมืองเจิ้งเต๋อก็ยืนอยู่ต่อหน้าพวกคุณแล้ว ในเมื่อเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน พวกคุณยังคิดว่าเรื่องฝึกงานยังเป็นเรื่องใหญ่อยู่อีกไหม?”“อ๊ะ? ผู้อำนวยการของโรงพยาบาลเมืองเจิ้งเต๋อ?”ทุกคนในที่นั้นต่างก็ตกตะลึงเพราะในเวลานี้ที่หลินเฟิงชี้ไป ก็คือหลินเสวี่ยฮุ่ยที่มีหน้าตาตกตะลึง“พี่หลินเฟิง? ฉัน...ฉันเป็นผู้อำนวยการ?”หลินเสวี่ยฮุ่ยพูดอะไรไม่ออกภายใต้สายตาที่จ้องมองอย่างเหม่อลอย เธอก็ส่ายหน้าอย่างแรงราวกับลูกกระพรวน“ไม่ได้ไม่ได้ พี่หลินเฟิ
เงียบสงัดห้องส่วนตัวเงียบสงัดโดยสิ้นเชิงถ้าหากพูดว่า เมื่อครู่หลินเฟิงพูดว่าเขียนจดหมายให้พวกเธอ ให้พวกเธอไปฝึกงานที่โรงพยาบาลเจิ้งเต๋ออย่างน้อยก็ยอมเชื่อแต่ตอนนี้ หลินเฟิงไม่เพียงพูดว่าให้หลินเสวี่ยฮุ่ยเป็นผู้อำนวยการของโรงพยาบาลเจิ้งเต๋อ ยังพูดว่าอะไรนะ นี่คือผลลัพธ์ที่เขาเจรจากับเผิงกวงฉี่เผิงกวงฉี่เศรษฐีอันดับหนึ่งของหัวตง ใครบ้างไม่รู้ ใครบ้างไม่เห็น?หลินเฟิงคุยโวอย่างหน้าไม่อายอยู่ตรงนี้ บอกว่าให้หลินเสวี่ยฮุ่ยเป็นผู้อำนวยการ การตัดสินใจครั้งนี้เป็นผลจากการหารือระหว่างเขากับเผิงกวงฉี่งั้นเหรอ?เขามีสถานะอะไร?หรือว่ายังสามารถกำหนดการตัดสินใจของเผิงกวงฉี่ได้?ได้ฟังถึงตรงนี้ ต้วนหย่าถงก็ไม่หัวเราะเยาะแล้ว แต่กลับเป็นไร้ความรู้สึกแทนเธอยื่นมือออกไปหิ้วกระเป๋า ลุกขึ้นยืนจะเดินออกไป“พวกเธอฟังคนคุยโวที่นี่ต่อไปเถอะ ฉันจะกลับแล้ว ฉันไม่อยากเสียเวลาอยู่กับพวกเธอที่นี่”เห็นต้วนหย่าถงจะกลับไป ยังมีผู้หญิงอีกสองคนก็ยืนขึ้นเช่นกันพวกเขารู้สึกผิดหวังต่อหลินเฟิงโดยสิ้นเชิงในเมื่อสามารถพูดแบบนี้ออกมาได้ ในความทรงจำส่วนตัวของพวกเธอ หลินเฟิงจะต้องมีปัญหาทางสมองอะไรที่ร
และในตอนนี้ ก็เหลือเพียงโจวเสี่ยวหางกับหลินเสวี่ยฮุ่ยที่อยู่ในห้องส่วนตัวหลินเฟิงมองไปทางหลินเสวี่ยฮุ่ย พร้อมกับยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า :“เสวี่ยฮุ่ย ฉันคิดจะใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือน สอนทักษะการแพทย์แบบโบราณของประเทศมังกรให้กับเธอ จากนั้นก็จะให้เธอไปเรียนรู้และฝึกฝนการปฏิบัติจริงด้วยตัวเธอเอง คิดว่าเป็นอย่างไร?”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หลินเสวี่ยฮุ่ยก็ตาเป็นประกายเธอเคยเห็นทักษะทางการแพทย์ของหลินเฟิงมาแล้ว หากเธอสามารถเรียนรู้ทักษะทางการแพทย์ของหลินเฟิงได้จริง ๆ ถ้าอย่างนั้นก็คงจะสามารถช่วยเหลือพี่หลินเฟิงได้อย่างแน่นอนเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หลินเสวี่ยฮุ่ยก็พยักหน้าราวกับลูกไก่จิกข้าว“ได้”หลังจากเห็นหลินเสวี่ยฮุ่ยตอบรับ หลินเฟิงก็ดีใจอย่างมาก“เมื่อเป็นแบบนี้ ตอนที่เธอได้เป็นผู้อำนวยการ ก็จะมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น”“พี่หลินเฟิง ทำไมพี่ถึงยังพูดแบบนี้อยู่ล่ะ.....?”เห็นได้ชัดว่า หลินเสวี่ยฮุ่ยไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองเกี่ยวกับสิ่งที่หลินเฟิงพูดนักแต่หลินเฟิงกลับไม่ได้ใส่ใจก่อนจะยิ้มพร้อมกับลูบหัวของเธอ บอกให้เธอตั้งใจเรียนก่อน ส่วนเรื่องผู้อำนวยการเขาจะจัดการเองแล้วในเวลานี้โจวเ
“คำสั่งของฉันงั้นเหรอ?”หลินเฟิงส่ายหน้า“นั่นไม่ใช่คำสั่งของฉันหรอก แต่เป็นสำนักเสินฉือที่ต้องการฆ่าปิดปาก ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉัน”“นายโกหก!”หลี่ซืออวี่แผดเสียงพูดว่า :“ถ้าไม่ใช่เพราะนาย ฉันจะมาถึงบ้านตระกูลไป๋กับนายได้ยังไง แล้วฉันจะกลายเป็นอย่างนี้ได้ยังไง!”“หุบปาก!”เมื่อฟังถึงตรงนี้ หลินเฟิงก็โกรธขึ้นมาเช่นกัน“ถ้าหากไม่ใช่เพราะเธอวางแผนหลอกฉัน แล้วให้ฉันรับผิดชอบ ฉันจะไปหาหลักฐานที่ตระกูลไป๋ทำไมล่ะ?!”“ถ้าหากเธอยอมรับเร็วกว่านี้ เรื่องมันก็ไม่กลายเป็นอย่างในตอนนี้หรอก!”“แล้วจากนั้น ที่ตระกูลไป๋ เธอก็ได้ล่อลวงพ่อของไป๋ชิงเฉี่ยน เรื่องพวกนี้ เรื่องไหนบ้างที่ไม่ได้เกิดจากตัวเธอเอง?!”“ทำร้ายเธองั้นเหรอ?”“ฉันไปทำร้ายเธอเมื่อไรกัน?!”หลังจากที่หลินเฟิงตะโกนอย่างโมโหออกมา หลี่ซืออวี่ก็ก้มหน้าลงแต่ความเกลียดชังในแววตาก็ไม่ได้ลดลงไปเลยหลินเฟิงมองท่าทางนี้ของเธอ ก็รู้ว่าหลี่ซืออวี่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้แล้ว เธอถูกความเกลียดชังครอบงำไปจนหมดแล้วเขาเมตตาหลี่ซืออวี่มากที่สุดแล้ว แต่เธอกลับไม่สำนึกเลยแม้แต่น้อยความลังเลใจ ทิ้งระเบิดเวลาที่ไม่รู้ว่าจะระเบิดเมื่อไรเอาไ
คิดได้ถึงตรงนี้ ถังหว่านก็หัวเราะแหะๆสิบนาทีต่อมาหลินเฟิงที่อาบน้ำเสร็จ ก็มายืนตรงเหมือนต้นไผ่อยู่ที่ภายในห้องทำงานของประธานหลี่ และรายงานการทำงานกับประธานหลี่แต่ทว่ารายงานไปรายงานมา หลี่ฮุ่ยหรานกลับจ้องมองท่อนล่างของหลินเฟิงด้วยความเหม่อลอยถังหว่านสังเกตเห็น จึงปิดปากหัวเราะอยู่ข้างๆ“ตอนนี้กองกำลังใต้ดินของเมืองเจิ้งเต๋อถูกแผนกรักษาความปลอดภัยของเรารวมเข้าด้วยกันแล้ว ดังนั้นคุณไม่ต้องเป็นกังวลปัญหาด้านความปลอดภัย หากมีความเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย คนของแผนกรักษาความปลอดภัยก็จะมารายงานเอง”หลินเฟิงถูกหลี่ฮุ่ยหรานจ้องมองจนรู้สึกหวาดเสียวแต่ก็ยังทำหน้าที่ของตัวเองให้เสร็จสิ้นก่อน“อ่ออืม”เมื่อเห็นว่าหลินเฟิงไม่พูดอยู่นาน หลี่ฮุ่ยหรานถึงได้มีสติกลับมา และพยักหน้าพูดว่า:“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้เอง ช่วงปลอดภัยของพวกคุณในช่วงนี้…เอ๊ะไม่ใช่สิ แผนกความปลอดภัย…”การพลั้งปากของหลี่ฮุ่ยหรานเปิดโปงความคิดในใจของเธอถังหว่านระเบิดหัวเราะขึ้นมากะทันหัน เธอหัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง และมีน้ำตาไหลออกมาหลินเฟิงก็ถอยหลังไปหลายก้าวด้วยความกระอักกระอ่วนสำหรับหลี่ฮุ่ยหราน ประธานสาวสวยผู้แสนเย็น
“คุณเนี่ยนะ!”หลินเฟิงรู้อยู่แล้วว่า นี่คือความอยากเอาชนะที่แปลกประหลาดระหว่างหลี่ฮุ่ยหรานกับถังหว่านดังนั้นหลินเฟิงยื่นมือออกไป ตีบั้นท้ายงอนเด้งของถังหว่านที่นอนหมอบอยู่บนตัวเขาเหมือนกับปลาหมึกถือว่าลงโทษที่เธอหลอกใช้เขามายั่วโมโหหลี่ฮุ่ยหราน โดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจากเขาแต่สัมผัสที่เต็มไปด้วยความยืดหยุ่น ทำให้หลินเฟิงเกือบจะอดใจไม่ไหวหลินเฟิงรีบพูดขึ้น:“ถังหว่าน หลี่ฮุ่ยหรานมาหาคุณ เธอต้องมีธุระสำคัญแน่นอน ทางที่ดีคุณไปคุยกับเธอหน่อย”“อื้ม”ถังหว่านปล่อยหลินเฟิงออกด้วยท่าทางเบื่อๆ เซ็งๆ จากนั้นตอนที่เปิดประตูก็กะพริบตาให้หลินเฟิงและยิ้มพูดว่า:“ที่รัก ครั้งหน้าออกแรงหน่อยนะ”“แค่กแค่กแค่ก...”หลินเฟิงมองดูบั้นท้ายงอนเด้งของถังหว่าน จึงสำลักน้ำลาย และไออย่างรุนแรงเป็นอย่างที่คิด เรื่องราวไม่ได้ง่ายดายแบบนั้นในตอนที่เสียงรองเท้าส้นสูงของหลี่ฮุ่ยหรานจะหายไปตรงทางเดิน ถังหว่านเปิดประตูห้องของหลินเฟิง ยื่นหน้าออกไป โบกมือให้หลี่ฮุ่ยหรานที่อยู่ไกลออกไปแล้วพูดว่า:“นี่ หลี่ฮุ่ยหราน อย่ารีบร้อนขนาดนั้นสิ จะมาเข้าร่วมด้วยกันไหม?”“แค่กแค่กแค่ก...”หลินเฟิงไออย่างรุนแรงย
“ที่รัก ฉันรู้สึกว่าไม่ได้เจอคุณนานมากแล้ว”“ฉันคิดถึงคุณจะตายแล้ว!”“นี่เพิ่งจะผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ไม่ใช่เหรอ...”หลินเฟิงจนปัญญาอย่างมากรอให้เขาเกี่ยวไรผมของถังหว่านออก มองดูอย่างละเอียด พบว่ารอยแผลเป็นบนใบหน้าของถังหว่านหายดีแล้วรอยประทับสีแดงที่น่าเกลียดก็หายไปจนหมดเกลี้ยงอีกทั้งเป็นเพราะประสิทธิภาพของยาขี้ผึ้งของเขา ผิวหนังตรงบริเวณใบหน้าของถังหว่านไม่เพียงไม่มีรอยแผลเป็นใดๆถึงขั้นที่ยังเปลี่ยนไปขาวสะอาดเหมือนหยก เรียบเนียนเหมือนไหม ราวกับว่ากำลังส่องสว่างระยิบระยับ บริเวณแก้มก็โปร่งใสและแดงระเรื่อเหมือนกับเด็กทารกที่ริมฝีปากก็ไม่จำเป็นต้องใช้ลิปสติกอะไรมาตกแต่งแค่หน้าสด ก็สามารถฆ่าสาวสวยของประเทศมังกรได้เก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์แล้วครั้งนี้ได้พบหน้า ถังหว่านแอบแซงหน้าหลี่ฮุ่ยหรานไปแล้ว“หึหึ คุณหนูตระกูลถังตอนนี้ยิ่งอยู่ยิ่งสวยแล้วนะ”หลังจากที่มองดูใบหน้าของถังหว่านอย่างละเอียด หลินเฟิงให้การประเมินที่สูงมากถังหว่านรู้สึกดีใจอย่างมาก และพูดชื่นชมว่า:“นี่ไม่ใช่เพราะฉันมีสามีที่ดีหรอกเหรอ?”“ไม่สู้?”ถังหว่านเหลือบมองไปตรงเตียงที่อยู่ด้านหลัง ลมหายใจหอมเหมือนดอ
“งั้น.....”สยงเทียนคังกลอกตาไปมา ก่อนจะถามลองเชิงว่า:“คุณหลงซวี่จวิน หากลูกน้องของผมทั้งหมดตายด้วยฝีมือของหลินเฟิงคนนั้น...”“ฉันก็จะลงมือ”หลงซวี่จวินดูเหมือนจะอ่านความคิดของสยงเทียนคังออก แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ ก่อนจะจ้องสยงเทียนคังและพูดอย่างเย็นชาว่า :“หลินเฟิงที่อยู่ในขั้นเซียนเทียนต้าหยวนหม่าน ระดับความแข็งแกร่งนี้ บางทีอาจจะเป็นใหญ่ที่หัวตงได้ แต่ที่เมืองหนานไห่ กลับไม่นับประสาอะไรเลย”“งั้นดีมากเลยครับ!”สยงเทียนคังรู้สึกดีใจอย่างมากหากมีหลงซวี่จวิน เจ้าสำนักหลงผานคนนี้ลงมือ หลินเฟิงอะไรกัน ต่อให้นักบู๊ทั้งหมดของเมืองเจิ้งเต๋อมารวมตัวกัน ก็ไม่อาจจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้เมื่อเห็นสีหน้าที่ดีใจของสยงเทียนคัง หลงซวี่จวินก็ส่งเสียงออกมาอย่างเย็นชา และพูดอย่างเฉยชาว่า :“ที่ฉันมาที่นี่ก็เป็นเพราะคำสั่งของเจ้าสำนักเป็นหลัก และที่มาที่เมืองเจิ้งเต๋อก็เพื่อควบคุมการขุดค้นชีพจรมังกร เพราะเหตุนี้ ฉันจึงสามารถที่จะช่วยคุณจัดการคนที่ขวางทางได้”“แต่อย่าคิดว่าฉันจะฟังคำสั่งของคุณ”เมื่อได้ยินแบบนี้ สยงเทียนคังก็ด่าทอในใจ แต่ภายนอกกลับแสดงรอยยิ้มพร้อมกับพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า..
ถึงแม้ว่าลูกชายของเขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัส จนทำให้เขาโกรธอยู่ในใจแต่เห็นได้ชัดเลยว่าตอนนี้ยังมีเรื่องที่สำคัญกว่า“พ่อ พ่อจะต้องแก้แค้นให้ผมนะ!”สยงอวี่ร้องไห้ตะโกนทั้งน้ำตา“ฉันรู้แล้ว แกออกไปก่อนเถอะ รักษาบาดแผลให้ดีล่ะ”สยงเทียนคังรับปากเอาไว้หลังจากที่สยงอวี่และคนอื่น ๆออกไปและประตูห้องทำงานปิดลง เลขาคนนั้นก็เอ่ยชื่อที่ทำให้สีหน้าของสยงเทียนคังตัวแข็งทื่อ“รายงานท่านประธาน หัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป ชื่อว่าหลินเฟิง เป็นชายวัยยี่สิบต้น ๆ”“หลินเฟิง?!”สยงเทียนคังอดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้างนี่ไม่ใช่คนที่เพิ่งจะทำให้ลูกชายของตัวเองพิการหรอกเหรอ?หรือว่าชื่อเหมือนกันหรือเปล่า?แต่โอกาสแบบนี้ก็มีน้อยเกินไปสยงเทียนคังมองไปทางหลงซวี่จวินที่ยืนนิ่งราวกับหินด้วยความไม่อยากจะเชื่อหลงซวี่จวินยังคงมีท่าทางที่เย็นชา เมื่อเขาได้ยินชื่อที่เลขาพูดออกมา ก็พยักหน้าและพูดว่า :“หากเป็นเขา งั้นฉันก็เข้าใจแล้ว”“คนที่อยู่เบื้องหลังของหลี่ซื่อกรุ๊ป เกรงว่าจะเป็นชายที่ชื่อว่าหลินเฟิงคนนี้”“คุณหลงซวี่จวิน คุณรู้จักหลินเฟิงคนนี้งั้นเหรอ?”สยงเทียนคังเอ่ยถามด้วยความตะลึง
“คุณชาย คุณเข้าไปไม่ได้นะครับ ท่านประธานกำลังพบแขกสำคัญอยู่ ท่านยังบอกว่าห้ามให้ใครรบกวนอีกด้วย”ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นมาอย่างกะทันหันที่ทางเดินด้านนอกของห้องทำงานไม่รอให้สยงเทียนคังได้ตั้งตัวประตูห้องทำงานของเขาก็ถูกผลักให้เปิดออก และเห็นเพียงแค่สยงอวี่ที่มีเลือดอาบและร้องไห้อย่างขมขื่น พร้อมกับถูกเซี่ยตงโปและคนอื่น ๆใช้เปลหามเข้ามา“โธ่ คุณชาย คุณเข้าไปไม่ได้นะครับ!”เลขาและพนักงานรักษาความปลอดภัยที่ยังพยายามพูดโน้มน้าวอยู่นั้นแต่เนื่องจากสยงอวี่เป็นลูกชายของสยงเทียนคัง จึงไม่ได้สนใจเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว เขาบังคับให้เซี่ยตงโปและคนอื่น ๆผลักประตูเข้าไปทันทีที่เห็นพ่อของตัวเอง สยงอวี่ก็เปิดปากและส่งเสียงร้องไห้ออกมา“พ่อ! พ่อ!”สยงอวี่เรียก “พ่อ” สองครั้งด้วยเสียงที่ดุดันอย่างมากเขาสั่นไปทั้งตัว พร้อมกับตะโกนร้องไห้และพูดว่า :“มีคนทำให้มือและเท้าของผมพิการ พ่อ จากนี้เกรงว่าผมจะต้องเป็นคนพิการแล้ว พ่อต้องจัดการให้ผมด้วยนะ!”เมื่อได้ยินเสียงโน้มน้าวที่ด้านนอก พร้อมกับเสียงของสยงอวี่สยงเทียนคังที่คิดจะต่อว่าลูกชายตาบอดของตัวเองนั้น ก็เห็นลูกชายของตัวเองกำลังนอนอยู
“อะไรนะ?”เมื่อได้ยินถึงตรงนี้ ท่าทางของหลงซวี่จวินก็ไม่พอใจเล็กน้อย“ผมไม่ได้แจ้งพวกคุณไปก่อนหน้านี้แล้วงเหรอ? เพื่อเรื่องนี้ ได้แจ้งทางเมืองเจิ้งเต๋อไม่ให้ประกาศเรื่องสร้างถนนเพื่อปิดบังอำพรางให้พวกคุณด้วย”“ผ่านไปนานขนาดนี้แล้วเพราะอะไรที่ดินผืนนี้ถึงยังไม่ได้มาครอบครอง?”เมื่อเผชิญหน้ากับการตำหนิของหลงซวี่จวิน สยงเทียนคังก็เหงื่อแตกพลั่ก พร้อมกับท่าทางที่กระอักกระอ่วน“คุณหลงซวี่จวิน ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่ยอมซื้อ แต่เป็นเพราะหลี่ซื่อกรุ๊ปไม่ยอมอ่อนข้อให้”“คนที่พวกเราส่งไป ต่างก็ถูกหลี่ซื่อกรุ๊ปจัดการหมด”“แถมสถานการณ์ในเมืองเจิ้งเต๋อช่วงนี้ก็ค่อนข้างวุ่นวายด้วย”“หือ? พวกคุณทำอะไรกับหลี่ซื่อกรุ๊ปไม่ได้เลยงั้นเหรอ? วุ่นวาย? มันวุ่นวายยังไง?”หลงซวี่จวินคิดว่าสยงเทียนคังตั้งใจจะถ่วงเวลาไว้อยากได้ผลประโยชน์เพิ่มเติมจากตระกูลหลงอีก“รายงานคุณหลงซวี่จวิน ช่วงนี้หลี่ซื่อกรุ๊ปเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก และดำเนินกิจการวงการค้าได้ดีมากในเมืองเจิ้งเต๋อ”“อีกอย่าง เจี้ยนหงกรุ๊ปที่เป็นหนึ่งในสามบริษัทใหญ่ในเมืองเจิ้งเต๋อ โจวเสวี่ยโหลวและโจวเจี้ยนโหลวต่างก็ตายโดยไม่ทราบสาเหตุกันทั้งหมด”
“คำสั่งของฉันงั้นเหรอ?”หลินเฟิงส่ายหน้า“นั่นไม่ใช่คำสั่งของฉันหรอก แต่เป็นสำนักเสินฉือที่ต้องการฆ่าปิดปาก ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉัน”“นายโกหก!”หลี่ซืออวี่แผดเสียงพูดว่า :“ถ้าไม่ใช่เพราะนาย ฉันจะมาถึงบ้านตระกูลไป๋กับนายได้ยังไง แล้วฉันจะกลายเป็นอย่างนี้ได้ยังไง!”“หุบปาก!”เมื่อฟังถึงตรงนี้ หลินเฟิงก็โกรธขึ้นมาเช่นกัน“ถ้าหากไม่ใช่เพราะเธอวางแผนหลอกฉัน แล้วให้ฉันรับผิดชอบ ฉันจะไปหาหลักฐานที่ตระกูลไป๋ทำไมล่ะ?!”“ถ้าหากเธอยอมรับเร็วกว่านี้ เรื่องมันก็ไม่กลายเป็นอย่างในตอนนี้หรอก!”“แล้วจากนั้น ที่ตระกูลไป๋ เธอก็ได้ล่อลวงพ่อของไป๋ชิงเฉี่ยน เรื่องพวกนี้ เรื่องไหนบ้างที่ไม่ได้เกิดจากตัวเธอเอง?!”“ทำร้ายเธองั้นเหรอ?”“ฉันไปทำร้ายเธอเมื่อไรกัน?!”หลังจากที่หลินเฟิงตะโกนอย่างโมโหออกมา หลี่ซืออวี่ก็ก้มหน้าลงแต่ความเกลียดชังในแววตาก็ไม่ได้ลดลงไปเลยหลินเฟิงมองท่าทางนี้ของเธอ ก็รู้ว่าหลี่ซืออวี่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้แล้ว เธอถูกความเกลียดชังครอบงำไปจนหมดแล้วเขาเมตตาหลี่ซืออวี่มากที่สุดแล้ว แต่เธอกลับไม่สำนึกเลยแม้แต่น้อยความลังเลใจ ทิ้งระเบิดเวลาที่ไม่รู้ว่าจะระเบิดเมื่อไรเอาไ
และในตอนนี้ ก็เหลือเพียงโจวเสี่ยวหางกับหลินเสวี่ยฮุ่ยที่อยู่ในห้องส่วนตัวหลินเฟิงมองไปทางหลินเสวี่ยฮุ่ย พร้อมกับยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า :“เสวี่ยฮุ่ย ฉันคิดจะใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือน สอนทักษะการแพทย์แบบโบราณของประเทศมังกรให้กับเธอ จากนั้นก็จะให้เธอไปเรียนรู้และฝึกฝนการปฏิบัติจริงด้วยตัวเธอเอง คิดว่าเป็นอย่างไร?”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หลินเสวี่ยฮุ่ยก็ตาเป็นประกายเธอเคยเห็นทักษะทางการแพทย์ของหลินเฟิงมาแล้ว หากเธอสามารถเรียนรู้ทักษะทางการแพทย์ของหลินเฟิงได้จริง ๆ ถ้าอย่างนั้นก็คงจะสามารถช่วยเหลือพี่หลินเฟิงได้อย่างแน่นอนเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หลินเสวี่ยฮุ่ยก็พยักหน้าราวกับลูกไก่จิกข้าว“ได้”หลังจากเห็นหลินเสวี่ยฮุ่ยตอบรับ หลินเฟิงก็ดีใจอย่างมาก“เมื่อเป็นแบบนี้ ตอนที่เธอได้เป็นผู้อำนวยการ ก็จะมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น”“พี่หลินเฟิง ทำไมพี่ถึงยังพูดแบบนี้อยู่ล่ะ.....?”เห็นได้ชัดว่า หลินเสวี่ยฮุ่ยไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองเกี่ยวกับสิ่งที่หลินเฟิงพูดนักแต่หลินเฟิงกลับไม่ได้ใส่ใจก่อนจะยิ้มพร้อมกับลูบหัวของเธอ บอกให้เธอตั้งใจเรียนก่อน ส่วนเรื่องผู้อำนวยการเขาจะจัดการเองแล้วในเวลานี้โจวเ