“หึ.....”หลินเฟิงยิ้มเล็กน้อยและโบกมือไปมา แสดงให้เห็นว่าไม่ได้คิดอะไรหลังจากจบเรื่องราว มิตรภาพของหลินเฟิงก็เพิ่มขึ้น“เอาล่ะ งั้นยาหยกโมราเม็ดนี้ก็จะเป็นของอาจารย์โปในราคาหนึ่งแสนห้าหมื่นล้าน!”เผิงกวงฉี่ประกาศเสียงดังลั่นส่วนบรรดาแขกที่มาร่วมงานที่ด้านล่างเวทีก็พากันปรบมือกันอย่างใจลอยในเมื่อนี่มันคือหนึ่งแสนห้าหมื่นล้านเลยนะ!พูดว่าโยนทิ้งก็โยนทิ้งออกไปแถมยังทำเพื่อยาเม็ดเล็ก ๆอย่างนี้นี่มันไร้เหตุผลเกินไปแล้วเมื่อยาเม็ดนี้ได้พบกับเจ้าของแล้ว การประมูลเพื่อการกุศลก็ดำเนินต่อไปอย่างไรก็ตามเพราะว่าราคายาอายุวัฒนะของหลินเฟิงนั้นสูงอย่างมาก หลังจากนั้นสิ่งของและของขวัญที่นำออกมาประมูลก็ไม่ได้ดึงดูดความสนใจของใครอีกเลยการประมูลเพื่อการกุศลทั้งหมดจึงสิ้นสุดลงเช่นนี้เมื่อออกจากโรงแรงมา ก็ฟ้ามืดเสียแล้วเผิงกวงฉี่ยังอยากเลี้ยงข้าวหลินเฟิง แต่หลินเฟิงกลับต้องการกลับไปปรับการหายใจและฝึกซ้อมให้เร็วที่สุด ดังนั้นจึงไม่ได้อยู่ต่อเมื่อเห็นหลินเฟิงออกไปอย่างรับร้อน เผิงกวงฉี่ก็คว้าแขนของหลินเฟิงไว้ พร้อมกับกระซิบว่า :“สหายหลิน จากนี้ไปพวกเราก็เรียกพี่น้องกัน หากมีใครบา
คิดถึงตรงนี้ หลินเฟิงมองไปทางเผิงกวงฉี่แล้วพูดว่า:“พี่เผิงรู้ว่า ผมคนนี้นั่งไม่ติด ยิ่งเกลียดงานที่ซับซ้อน ดังนั้นไม่เหมาะสมจะเป็นผู้อำนวยการอะไร”“เหรอครับ? งั้นก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว…”สายตาของเผิงกวงฉี่เผยความเสียดายออกมาเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้บีบบังคับแต่หลินเฟิงเปลี่ยนเรื่อง ยิ้มพูดว่า:“แต่ว่า ที่ผมมีตัวเลือกที่ไม่เลวอยู่คนหนึ่ง”“ใครครับ?”เผิงกวงฉี่นิ่งอึ้ง“น้องสาวของผม หลินเสวี่ยฮุ่ย”“หลินเสวี่ยฮุ่ย?”เผิงกวงฉี่พูดชื่อนี้เสียงเบา จากนั้นขมวดคิ้วพูดว่า:“ในฐานะผู้อำนวยการ จะต้องมีทักษะทางการแพทย์ที่มีความน่าเชื่อถือ น้องสาวของคุณ…”“วางใจเถอะครับ น้องสาวของผมสำเร็จการศึกษาจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเจียงหลิง อีกทั้งจะถ่ายทอดวิชาแพทย์ให้เธอ ต้องสามารถทำหน้าที่ได้”ได้ยินการรับรองแบบนี้ของหลินเฟิงขนาดนี้ คิ้วที่ขมวดของเผิงกวงฉี่ถึงได้คลายออก และพยักหน้าพูดอย่างพึงพอใจ:“ในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นผู้อำนวยการคนใหม่ของโรงพยาบาลเมืองเจิ้งเต๋อก็ยืนยันแล้ว น้องสาวของคุณจะมารับตำแหน่งได้เมื่อไหร่ครับ?”“หนึ่งเดือนแล้วกัน”หลินเฟิงครุ่นคิด และให้เวลาที่ชัดเจน“ได้ครับ”เผ
หลังจากที่ถามจ้าวเฉียวอวิ๋นแม่ของเธอ จ้าวเฉียวอวิ๋นมีท่าทางเหมือนไม่รู้อะไรสักอย่างเช่นนั้นมีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวนั่นก็คือหลินเฟิงพี่หลินเฟิงเป็นคนเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอเช่นนั้นพูดแบบนี้แล้ว ร่างกายของเธอก็ถูกพี่หลินเฟิง…”ดังนั้นหลินเสวี่ยฮุ่ยจึงอยู่ในถาวะเขินอายและหวาดกลัว เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาหลายต่อหลายครั้ง อยากจะโทรศัพท์หาหลินเฟิง แต่ทุกคร้ังต่างไม่กล้าโทรออกไปและตอนนี้ เธอได้ยินหลินเฟิงบอกว่าจะมารับเธอไปเมืองเจิ้งเต๋อนั่นก็หมายความว่า พี่หลินเฟิงจะ…จะรับผิดชอบเธองั้นเหรอ?หลินเสวี่ยฮุ่ยถือโทรศัพท์เอาไว้ด้วยมือข้างเดียว อีกมือหนึ่งเปลี่ยนรองเท้าคนทั้งคนหูตาแดง ยืนอึ้งอยู่ที่เดิม“เสวี่ยฮุ่ย? เสวี่ยฮุ่ย!จนกระทั่งในโทรศัพท์ เสียงเรียกของหลินเฟิงดังขึ้นเรื่อยๆ หลินเสวี่ยฮุ่ยถึงได้ตั้งสติกลับมาแต่ตอนนี้เธอพบว่าบนใบหน้าของเธอไม่รู้ว่าทำไมถึงมีรอยยิ้มที่มีความสุขนี่จึงทำให้เธอรู้กระอักกระอ่วน และรีบตอบรับหลินเฟิง“พี่หลินเฟิง ค่ะ ฉันอยู่ ฉันอยู่”“พี่จะมารับฉันใช่ไหม ได้ค่ะ ฉันจะ…เอ๊ะ ไม่ใช่ไม่ใช่…”ได้ยินเสียงของหลินเสวี่ยฮุ่ยที่อยู่อีกด้านของโทรศัพท
“อ่อ พวกเขาน่ะเหรอ”โจวเสี่ยวหงเบะปากดูถูก พูดอย่างรู้สึกเซ็งว่า:“พวกเขาเป็นรุ่นพี่ที่จบเร็วกว่าพวกเราสองสามปี ถูกพวกต้วนหย่าถงเรียกมา บอกว่าสามารถช่วยพวกเราจัดการปัญหาเรื่องฝึกงานได้”“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้”หลินเสวี่ยฮุ่ยพยักหน้า ไม่รอให้เธอพูดต่อ ชายคนหนึ่งที่ใบหน้าเต็มไปด้วยตอหนวดเครา เดินเข้ามาด้วยเจตนาไม่ดีอย่างเห็นได้ชัดนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ด้านข้างหลินเสวี่ยฮุ่ยตามใจชอบ“รุ่นน้องคนนี้ ไม่ทราบว่าเธอชื่ออะไรเหรอ?”เขามองหลินเสวี่ยฮุ่ยตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างเปิดเผย และขยับเข้าใกล้หลินเสวี่ยฮุ่ยไม่หยุด“รุ่นพี่ ฉัน…ฉันชื่อหลินเสวี่ยฮุ่ย”หลินเสวี่ยฮุ่ยหลบเลี่ยงเล็กน้อย และขมวดคิ้วพูดแนะนำตัวเอง“อ๊ะ หลินเสวี่ยฮุ่ยเหรอ ชื่อนี้เพราะจัง”รุ่นพี่คนนี้หัวเราะร่า ชี้ไปทางตัวเองแล้วพูดว่า:“พี่ชื่อเซี่ยตงโป เป็นรุ่นพี่รุ่นที่แล้วของพวกน้อง ทำงานอยู่ในแผนกอายุรกรรม โรงพยาบาลเจียงโจวแห่งที่ 2”“คนนั้นชื่อว่าชุยหยาง เขาอยู่ในแผนกโรคกระดูกของโรงพยาบาลเจียงโจวแห่งที่ 1”“ส่วนคนนั้นชื่อว่าเวินเจียเหลียง เขาเปิดโรงพยาบาลเล็กๆ ของตัวเองอยู่ที่เมืองหนิงโจว”คนที่ถูกแนะนำ ต่างยิ้มพยัก
“แต่ถ้ามีจดหมายแนะนำมันต่างกัน”เซี่ยตงโปหัวเราะอย่างเย็นชาพูดว่า:“เพียงแค่ไปฝึกงานสักเดือนหนึ่ง ก็ได้สัมผัสกับผู้ป่วยโดยตรง ใช้เวลาไม่กี่ปี ก็ได้เลื่อนตำแหน่ง”“ฉันถึงกับเสียสละตัวเอง เปิดทางลัดให้พวกเธอ แบบนี้จะเรียกว่าขายตัว แลกกับจดหมายแนะนำได้ยังไงกัน?”“จริงด้วยเสี่ยวหาง”ต้วนหย่าถงที่อยู่ไม่ไกลลุกขึ้น พูดอย่างเรียบเฉยว่า:“นี่เป็นโอกาสที่พวกรุ่นพี่พยายามหามาให้พวกเรา พวกเราจะต้องกุมเอาไว้ให้ดี อีกทั้ง…ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรไหม?”“ให้แฟนก็ถือว่าให้ ให้รุ่นพี่ก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?”“ไสหัวไป!”โจวเสี่ยวหางพูดด่าทอว่า:“ต้วนหย่าถง เธอคิดใครก็เหมือนกับเธอจริงๆ งั้นเหรอ?”“ตอนที่แฟนของเธอทำงานหาเงินอยู่ข้างนอก ส่งเธอเรียนมหาวิทยาลัย เขารู้ไหมว่าตอนนี้เธอจะทำอะไร?”“ขายร่างกายของตัวเอง หลอกลวงความรักของแฟนเธอ เธออย่ามาชี้โบ๊ยชี้เบ๊ต่อหน้าพวกเรา!““หุบปาก!”ต้วนหย่าถงยืนขึ้นมา ดิ้นเหมือนแมวที่ถูกเหยียบหางเธอตวาดพูดว่า:“ถึงม้เขาจะส่งเสียฉันเรียนมหาวิทยาลัย แต่ตอนนี้สถานะของฉันกับเขาแตกต่างกันแล้ว!”“เขาก็เป็นแค่แรงงานชั้นต่ำ ต่อไปฉันจะเป็นถึงหัวหน้าแพทย์ที่โรงพยาบาล!
”พี่หลินเฟิง…”เสื้อผ้าของหลินเสวี่ยฮุ่ยกำลังถูกฉีกขาด เห็นประตูห้องส่วนตัวถูกคนถีบออก ในดวงตาของเธอก็เผยความตื่นเต้นออกมาทันทีแต่…“หึ พวกสารเลว ไม่รอให้ฉันมาถึง ก็อดทนไม่ไหวจนลงมือแล้วงั้นเหรอ?”คนที่เข้ามาเป็นผู้ชายผิวคล้ำ สีหน้าไม่เป็นมิตรคนหนึ่งดูอายุ น่าจะมีอายุประมาณสามสิบ ไม่ถือว่าเยอะมากและด้านหลังเขา ยังมีคนตามเข้ามาอีกสามสี่คนประตูเมื่อครู่นี้ ถูกพวกเขาถีบออก“อ๊ะ…อ๊ะขอโทษด้วยจริงๆ ครับพี่สยง!”เห็นคนที่มาถึง ชุยหยางรีบเผยรอยยิ้มประจบประแจงออกมา อย่ากล้าที่จะยึกยักเซี่ยตงโปก็รีบปล่อยหลินเสวี่ยฮุ่ย และยืนอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยกับเวินเจียเหลียง ทั้งสามคนเมื่ออยู่ต่อหน้าพี่สยงที่ว่า ก็เหมือนกับเด็กที่นอนสอนง่าย“ไม่ใช่พี่หลินเฟิง…”ในใจของหลินเสวี่ยฮุ่ยเผยความผิดหวังออกมาแต่ไม่นานเธอก็ตั้งสติกลับมาได้ทุกครั้งที่เจออันตราย เธอมักจะคิดถึงหลินเฟิงเป็นคนแรกเธอพึ่งพาอาศัยเขามากเกินไปแล้วใช่ไหม?ไม่รอให้หลินเสวี่ยฮุ่ยตั้งสติได้ พี่สยงก็เดินมาที่ด้านข้างของหลินเสวี่ยฮุ่ย เผยรอยยิ้มดีใจออกมา และยื่นมือออกมาเชิดคางของหลินเสวี่ยฮุ่ย“จุ๊จุ๊จุ๊ ไม่เลวไม่เลว ส
หลังจากการตัดสินใจอันเจ็บปวดหลินเสวี่ยฮุ่ยทำได้เพียงฝืนพยักหน้า“ฮ่าฮ่าฮ่า ดี คนที่มีวิจารณญาณคือคนฉลาด!”พูดจบ สยงอวี่โบกมือพูดว่า:“มาเถอะ เลือกคนละคน!”“อย่าแย่งกับฉัน! เชี่ย นังร่าน แกกล้าตบฉันเหรอ?”ผู้ชายที่เข้ามาในห้องก็ทยอยเข้ามาทีละคน ลงไม้ลงมือต่อเพื่อนนักเรียนสาวของหลินเสวี่ยฮุ่ย ถึงขั้นที่มีบางคนจะพาไปที่โรงแรมโดยตรงเผชิญหน้ากับสถานการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นข้างหน้าหลินเสวี่ยฮุ่ยหลับตาลงด้วยความสิ้นหวังที่นอกห้องส่วนตัว ในกลุ่มบอดี้การ์ดเหล่านี้ ยังมีผู้หญิงคนหนึ่งที่มีผ้าพันแผลพันรอบร่างกายและมีสีหน้าชั่วร้ายเธอก็คือเพื่อนรักของหลินเสวี่ยฮุ่ยก่อนหน้านี้หลี่ซืออวี่หลี่ซืออวี่ตั้งแต่อยู่ที่ตระกูลไป๋ ถูกจงเจว๋ของสำนักเสินฉือทำร้ายจนบาดเจ็บหนัก เมื่อเธอตื่นมาก็เกลียดแค้นต่อตระกูลไป๋กับหลินเฟิงเข้ากระดูกดำต่อให้เวลาที่พักผ่อนสองเดือนกว่าๆ ตอนนี้เธอก็ทำได้แค่พอเดินได้เท่านั้นดังนั้นเธอยิ่งรู้สึกเกลียดหลินเฟิงหลี่ซื่ออวี่รู้กฎเกณฑ์ของคณะแพทยศาสตร์ผู้สำเร็จการศึกษาของทุกปี เพื่อที่จะหาที่ฝึกงาน มีเด็กผู้หญิงจำนวนมากที่ต่างขายร่างกายของตัวเองแลกกับจดหมายแน
“หือ?!”ได้ยินเสียงของหลินเสวี่ยฮุ่ย หลินเฟิงตั้งตัวได้ทันทีดูท่าหลินเสวี่ยฮุ่ยถูกคนควบคุมตัวไว้!ในตอนที่บอดี้การ์ดได้ยินคำสั่ง แล้วกรูกันเข้ามาหาเขาหลินเฟิงก็ได้ยินอย่างชัดเจนว่ามีคนที่อยู่ในห้องด่าเป็นคำหยาบ และตบหน้าของหลินเสวี่ยฮุ่ยอย่างแรงทำไมคนที่ถูกตบคือหลินเสวี่ฮุ่ย?เพราะหลินเฟิงได้ยินเสียงครางของหลินเสวี่ยฮุ่ยตอนถูกตบ“พวกแกรนหาที่ตาย!”หลินเฟิงดวงตาเปลี่ยนไปแดงก่ำทันทีเขาระเบิดเสียงออกมา และเข้าไปบีบคอของบอดี้การ์ดคนนั้น เหมือนกับบีบเต้าหู้ก้อนหนึ่งจนเละและเติมพลังชี่แท้ลงในร่างไร้วิญญาณของบอดี้การ์ดคนนั้นโดยตรง เตะไปยังบอดี้การ์ดคนอื่นๆ ที่พุ่งเข้ามา“ตู้ม!”ด้วยการระเบิดของร่างกายอย่างรุนแรง เลือดสดกระเด็นไปทั่ว บอดี้การ์ดที่อยู่ใกล้ๆ ส่งเสียงกรีดร้องทันทีกระดูกที่ระเบิดออกมาจากศพพุ่งทะลุร่างกายของพวกเขา แต่ละคนร้องอนาถและล้มลงบนพื้น“อะไรกัน?!”บอดี้การ์ดคนอื่นๆ เห็นฝีมือที่น่าหวาดกลัวของหลินเฟิง สีหน้าซีดขาวทันที ทุกคนต้องการที่จะหลบหนีเหมือนคนคลุ้มคลั่งแต่ทว่าหลินเฟิงจะให้โอกาสพวกคนชั่วเหล่านี้ได้อย่างไรเขาตะโกนเสียงเย็นชา และพุ่งเข้าไปในหมู่
“แม่งเอ๊ย พวกแกบังอาจมาก กล้าแตะต้องฉัน พวกแกรู้ไหมว่าลุงของฉันเป็นใคร?”“คนที่อยู่เบื้องหลังคุณลุงของฉันคือตระกูลหลง ถ้าหากพวกแกกล้าลงมือต่อฉันที่นี่…”ได้ยินสยงก้วนยังกล้าพูดข่มขู่ทุกคนอยู่ตรงนี้ ดินไม่พูดพร่ำทำเพลง เข้าไปเหยียบนิ้วมือของสยงก้วนโดยตรงเสียงดังแกร่กเหยียบจนนิ้วมือแตกหัก“อ๊ากกกกก!”นิ้วมือเชื่อมต่อหัวใจความเจ็บปวดแสนสาหัสทำให้สยงก้วนกุมฝ่ามือของตัวเองเอาไว้ นอนหมอบอยู่บนพื้นกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งด้วยความเจ็บปวด“คุณชายสยง ตอนนี้อยากจะคุยกับผมดีๆ แล้วยัง?”หลินเฟิงก้มตัวลง ถามด้วยสีหน้านิ่งเฉย“คุย…คุยแม่งสิ! แกคอยดูเถอะ…คอยดูเถอะ!”สยงก้วนเจ็บจนสูดลมหายใจเข้าอย่างแรง พร้อมทั้งด่าทออย่างบ้าคลั่ง“ยังกล้ากำเริบเสิบสานต่อหน้านายท่านอีกงั้นเหรอ?!”ดินเหยียบลงไปอีกครั้ง ครั้งนี้ทำให้ทั้งฝ่ามือของสยงก้วนแตกละเอียดทันที ครั้งนี้สยงก้วนเจ็บจนเกลือกกลิ้งบนพื้นน้ำเสียงก็อ่อนลงในที่สุดท้าย ถึงขั้นสะอื้นไห้เล็กน้อย“พวกแกจะทำอะไรกันแน่?! พวกแก…พวกแกกล้ามาก่อเรื่องที่ตระกูลสยง พวกแกไม่อยากมีชีวิตแล้วงั้นเหรอ?”“ผมเคยพูดแล้ว คุณชายสยง พวกเรามาซื้อบ้านอย่างเป็นมิตร”
ไม่มีทางสองจิตสองใจหลินเฟิงรู้ว่าคำพูดของสองคนนี้ไม่มีความน่าเชื่อถือเท่าไหร่นักแต่ตอนนี้พวกเขาไม่มีที่ไปแล้วไม่เพียงทำภารกิจของตระกูลสยงไม่สำเร็จ ยังเผยความลับของตระกูลสยง ไม่ต้องพูดว่าตระกูลสยงจะยอมรับพวกเขาใหม่ ตระกูลสยงไม่หาคนมาฆ่าพวกเขาสองคนก็ถือว่าเป็นเมตตามากพอแล้วหลงซวี่จวินไม่มีทางปล่อยพวกเขาเอาไว้ประการที่สองคือ ข้อเสนอที่หลินเฟิงให้กับพวกเขานั้นมีแรงดึงดูดอย่างมากในเมื่อนักบู๊ทั่วๆ ไป ไม่มีการถ่ายทอดและสืบสานใดๆ พวกเขาอยากจะฝึกบำเพ็ญ อาศัยศิลปะการต่อสู้ขั้นต่ำที่ซื้อมาจากตลาดมืดด้วยราคาที่แพงมากสำหรับวิชาศิลปะการต่อสู้ระดับสูง ต่างเป็นสมบัติล้ำค่าภายในสำนักไม่มีทางหลุดออกมาถึงตลาดมืดต่อให้มี พวกเขาก็ใช่ว่าจะมีกำลังซื้อแต่ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้วถ้าหากพวกเขาติดตามหลินเฟิงงั้นหลินเฟิงเป็นถึงยอดฝีมือขอบเขตเทพ ศิลปะการต่อสู้ที่เขาถ่ายทอดให้ ไม่มีทางที่จะเป็นขยะที่เอามาขายในตลาดมืด โดยต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลซื้อมาดังนั้นถึงแม้พวกเขาทำเพื่อตัวเอง จึงเกาะติดต้นไม้ใหญ่อย่างหลินเฟิง ถือว่าทำตามความฝันระดับสูงสุดของพวกเขาแล้วไม่มีนักบู๊คนไหนไม่อยากเลื่อนขั้นคว
“พวกนายสองคนหัวเราะอะไร?!”บอดี้การ์ดที่นำหน้ามาจ้องมองดินกับน้ำทั้งสองคนอย่างดุดัน ก่อนที่ทั้งสองจะหยุดยิ้มอย่างรวดเร็ว แล้วส่ายหน้าบ่งบอกว่าไม่มีอะไรทั้งนั้น แต่ก็ยังคงมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าอยู่ในเมื่อคนสี่คนที่ยืนอยู่ต่อหน้าบอดี้การ์ดที่อวดดีกลุ่มนี้ ต่างก็เป็นนักบู๊กันทั้งหมดแถมแต่ละคนก็มีความแข็งแกร่งจนเกินเหตุอีกด้วยคำข่มขู่ของบอดี้การ์ดเหล่านี้ จึงดูตลกมากสำหรับคนทั้งสองคนเพราะอย่างนั้นจึงทนไม่ไหวหลินเฟิงก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาถ้าหากเป็นไปได้ อันที่จริงเขาไม่อยากเกิดการปะทะกันเขาเพียงอยากจะได้วิลล่าที่เงียบสงบนี้มาครอบครอง และไม่อยากทำให้ที่นี่นองไปด้วยเลือดในเมื่อพรุ่งนี้ยังต้องไปรับเสวี่ยฮุ่ยกับฮุ่ยหรานและคนอื่นๆ มาอยู่ด้วยเพราะอย่างนั้นเขาจึงโบกมือและพาสองสามคนแยกไปทางด้านข้างประตูเหล็ก แล้วกลับไปที่ใกล้ๆรถ ท่ามกลางสายตาที่เหยียดหยามของบอดี้การ์ดพวกนั้น ก่อนจะติดต่อโทรหาเผิงกวงฉี่หลังจากรอจนเขาบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาแล้วเผิงกวงฉี่ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ“แม่ง ไอ้สารเลวนั้นมีชื่อว่าสยงก้วน เขาติดหนี้พนันและเป็นฉันที่ช่วยเขาจ่ายหนี้ พ่อของเขาหาเงินมาได้
“แต่หลี่ซื่อกรุ๊ปได้วางแผนไว้ล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นฉันจึงไม่ได้ขายให้กับพวกเขา”“หลังจากนั้นพวกเขาก็เสนอความร่วมมือที่จะพัฒนาร่วมกัน แต่ฉันก็ยังไม่ได้ตอบรับพวกเขา”“โอเค ผมรู้แล้ว”หลินเฟิงวางสายโทรศัพท์ พร้อมกับใบหน้าที่แสดงรอยยิ้มเยาะเย้ยออกมามิน่าล่ะดูเหมือนว่าที่ดินผืนนี้ที่เขาซื้อมาจากจางกุ้ยหลาน คิดไม่ถึงว่าจะได้รับความชอบเป็นพิเศษจริงๆถึงขั้นที่ชีพจรมังกรก็ยังซ่อนอยู่ในนั้นด้วยในเมื่อชีพจรมังกรตกอยู่ในมือของเขาแล้ว งั้นก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องยกให้กับคนอื่นจ่อให้ทำลายชีพจรมังกรเส้นนี้หลินเฟิงก็จะไม่ยกให้หลงซวี่จวินของตระกูลหลงเด็ดขาดหลังจากนั้นไม่นาน รถเก๋งสีดำก็จอดลงที่ข้างทางข้าง ๆกันนั้น ก็เป็นประตูเหล็กขนาดใหญ่ และเป็นวิลล่าเดี่ยวหลังหนึ่งที่มีพื้นที่กว้างขวางด้านหน้าและด้านหลังรายล้อมไปด้วยสวนดอกไม้ โรงจอดรถ สวนสาธารณะและทุก ๆอย่างที่ต้องการถึงแม้จะไม่ได้หรูหราและใหญ่โตเท่าที่เมืองจิงอย่างตระกูลถังและตระกูลจี แต่ก็มีทำเลทางภูมิศาสตร์ที่ดีอย่างมากเงียบสงบและสง่างามถึงแม้จะอยู่ห่างไกลจากตัวเมือง แต่ก็ไม่ได้ห่างไกลกันมากใช้เวลาขับรถจากอาคารหลั
“แน่นอนว่าที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังวางแผนอะไรบางอย่าง บอกว่าที่ดินผืนหนึ่งมีความสำคัญ และเพิ่งตกไปอยู่ในมือของหลี่ซื่อกรุ๊ปเมื่อไม่นานมานี้”“ตระกูลสยงพยายามที่จะซื้อมันหลายครั้ง แต่หลี่ซื่อกรุ๊ปไม่ขายให้พวกเขา ดังนั้นถึงได้.....”เมื่อได้ยินแบบนี้ หลินเฟิงก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างในความคลุมเครือ เขาคิดว่าหลงซวี่จวินของตระกูลหลงนี้ จะต้องมีเป้าหมายบางอย่างที่คล้ายคลึงกับหยินหลิงอย่างมากแน่ ๆเขาหันกลับไปมองหยินหลิง ก่อนจะขมวดคิ้วถามว่า :“หยินหลิง ก่อนหน้านี้เธอเคยพูดถึงชีพจรมังกรทางโทรศัพท์ มันเรื่องอะไรกัน?”“ชีพจรมังกร?”ทางฝั่งดินและน้ำที่อยู่ด้านหน้าก็ยืดคอเพื่อแอบฟังด้วยเช่นกันแต่ทว่า ในเวลานี้หยินหลิงกลับแสดงสีหน้าวิตกกังวลออกมา แถมยังรู้สึกกระสับกระส่ายเล็กน้อยอีกด้วย“หยินหลิง?”หลินเฟิงเรียกชื่อของเธออีกครั้ง หลังจากนั้นเธอถึงตอบสนองกลับมา“ขอโทษ พี่หลินเฟิง ฉันคิดว่า....ตอนนี้พวกเราไม่ควรไปยั่วโมโหตระกูลสยงนะ”ใครจะคิดว่า เธอเปิดปากก็โน้มน้าวให้หลินเฟิงยอมแพ้“ทำไม?”หลินเฟิงตะลึงงัน“หลงซวี่จวิน”หยินหลิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะพูดด้วยแววต
หลินเฟิงบดขยี้วิทยุสื่อสารที่อยู่ใต้เท้า ก่อนจะมองไฟที่กำลังโหมกระหน่ำอยู่ทางด้านหลัง ราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่หญิงสาวในชุดสีขาวที่เพิ่งจะปรากฏตัวที่หลี่ซื่อกรุ๊ปและไล่ล่าน้ำจนไม่มีทางตันนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นหยินหลิงผู้นำคนปัจจุบันของพันธมิตรบู๊ เรื่องราวบังเอิญแบบนี้นี่แหละหยินหลิงกับฉู่ฮวาจิ่นนั้นมีการติดต่อกันอย่างลับ ๆฉู่ฮวาจิ่นได้รู้จากหลินเฟิงว่าตระกูลสยงต้องการที่จะจัดการเขา จึงได้โทรหาหยินหลิงที่ซ่อนตัวอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋อทันทีคราวนี้เป้าหมายของหยินหลิงกับหลงซวี่จวินก็เหมือนกันทั้งหมดนี้ก็เพื่อชีพจรมังกร เมื่อหยินหลิงได้ยินว่าหลินเฟิงอาจจะตกอยู่ในอันตราย จึงรีบเข้ามาทันทีดังนั้นสายเรียกเข้าที่หลินเฟิงได้รับที่โรงจอดรถชั้นใต้ดินเมื่อสักครู่นั้นก็เป็นหยินหลิงที่โทรมาหาหลินเฟิงจึงมีความคิดเพิ่มขึ้นมาทันทีในเวลานั้นเขาให้หยินหลิงตามมา ช่วยเขาปกป้องหลี่ซื่อกรุ๊ปส่วนเขาก็ไปทำหน้าที่เป็นเหยื่อล่อ เพื่อที่จะดูว่าตระกูลสยงกำลังเล็งเป้าหมายไปที่ใครกันแน่ผลสุดท้ายแล้ว ก็ออกมาเกินความคาดหมายของหลินเฟิงคนของสยงซื่อกรุ๊ปไม่เพียงแต่จะจัดการกับเขาเท่านั้น อ
มีความเชื่อมั่นจากประสบการณ์ที่ผ่านมาพวกเขากล้าที่จะลงมือต่อหลินเฟิงคิดไม่ถึงว่า ตอนนี้ลมหายใจของหลินเฟิงที่อยู่อีกฝ่ายของโทรศัพท์ยาวเหยียด พูดจาเป็นธรรมชาติอย่าว่าแต่บาดเจ็บจนลมหายใจไม่คงที่แม้แต่ทำให้เขาหายใจหอบสักนิดก็ไม่มีพี่น้องของตัวเองสองคนตายไปแล้วการโจมตีแบบนี้ แทบจะทำให้เขาเสียสติไปในทันที“พี่ใหญ่ พี่มาสักที เร็ว…ช่วยผมด้วยไกลออกไปน้ำที่พกระเบิดอยู่เต็มตัว หายใจหอบวิ่งเข้ามา และที่ด้านหลังของเขา กลับมีผู้หญิงคนหนึ่งสวมผ้าโปร่งสีขาวถือดาบในมือไล่ตามเขามา“หึ นายก็คือพี่ใหญ่ของเขางั้นเหรอ?”ผู้หญิงคนนั้นหยุดยืนนิ่ง มองดินที่เหม่อลอยอยู่ด้วยความเย็นชา“ฉัน…”ดินอ้าปาก พบว่าตัวเองพูดอะไรไม่ออกทั้งนั้นความสามารถของหลินเฟิง ทำลายความเชื่อมั่นของเขาถ้าหากพูดว่าภายใต้ระเบิดแบบนั้น ยังคงทำร้ายเขาไม่ได้ งั้นก็มีความเป็นไปได้อย่างเดียว…“นักบู๊ขอบเขตเทพ”กินพูดพึมพำกับตัวเอง“พี่ใหญ่ พี่พูดจาเหลวไหลอะไร? รีบขวางเธอไว้สิ!”น้ำเห็นพี่ใหญ่ของตัวเองยืนเหม่ออยู่ที่เดิมเหมือนกับคนปัญญาอ่อน เขาร้อนใจจนเกือบจะสบถด่าออกมา“ฉันบอกว่า…หลินเฟิงที่เราจะจัดการ คือนักบู๊
ในวิทยุสื่อสารมีเสียงลูกน้องของตัวเองดังขึ้นมาดินคนนั้นที่ถูกเรียกว่าพี่ใหญ่ พยักหน้าพูดว่า:“ทำได้ไม่เลว แต่ยังต้องตรวจสอบต่อไป หลินเฟิงคนนั้นความสามารถไม่ธรรมดา ไม่แน่เขาอาจจะหนีตายไปได้จริงๆ”“วางใจเถอะพี่ใหญ่ ต่อให้เขารอดมาได้ แต่ถูกระเบิดที่รุนแรงโจมตี ต่อให้เพียงพอที่จะรอดมาได้ ก็ไม่มีทางที่จะมีโอกาสต่อต้านอะไรได้แล้ว”ชายวัยกลางคนที่ชื่อว่าลมค่อนข้างสุขุมเขาพูดอย่างเรียบเฉยว่า:“ผมกับไฟจะรออยู่ที่นี่ ตรวจสอบศพด้วยตนเอง”“ดี”พี่ใหญ่ที่ชื่อดินพยักหน้า นี่เป็นวิธีที่รอบคอบที่สุด“น้ำ นายวางระเบิดเป็นยังไงบ้างแล้ว?”“พี่ใหญ่ เชี่ย ผมถูกจับได้แล้ว!”ในวิทยุสื่อสารมีเสียงหายใจหอบ เห็นได้ชัดว่าผู้ชายที่ชื่อน้ำกำลังวิ่งหนีอย่างเต็มแรง“ถูกจับได้แล้ว? นายอยู่ที่ไหน ฉันจะไปหนุนกำลังนาย!”“ผมอยู่ที่บ่อน้ำพุตรงสวนชั้นล่างของหลี่ซื่อกรุ๊ป มีผู้หญิงที่น่าหวาดกลัวมากคนหนึ่ง ตามผมมาตลอด!”“ทำยังไงผมก็สลัดเธอไม่หลุด!”“ผู้หญิงที่น่ากลัวมาก?!”ดินได้ฟังก็นิ่งอึ้งเล็กน้อยต้องรู้ว่า ความสามารถของพวกเขาสี่คนต่างอยู่ในระดับเซียนเทียนขั้นสูงสุด ถึงขั้นที่เขายังเป็นขั้นเซียนเทียนต้
“ผมจะให้คนของแผนกรักษาความปลอดภัยทั้งหมดตามมา ปกป้องหลี่ซื่อกรุ๊ป ถ้าหากพวกเขาจะจัดการผม ที่นี่ก็จะไม่เป็นอะไร”“แต่ถ้าหากผมออกไปแล้ว พวกเขาจะจัดการหลี่ซื่อกรุ๊ป งั้นก็แสดงว่าพวกเขาพุ่งเป้ามาที่หลี่ซื่อกรุ๊ป“อืม หน่วยลับของตระกูลถังที่ฉันพามาก็จะช่วยปกป้องที่นี่”ถังหว่านพยักหน้าพูด“หน่วยลับ?”หลินเฟิงนึกถึงหน่วยลับของตระกูลถังก่อนหน้านี้ พูดได้ว่าถึงแม้จะมีความสามารถ แต่ภายนอกกลับเละเทะไปหมดดังนั้นเขาก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากนักแน่นอนว่า ตอนนี้ต่อให้กำลังน้อยแค่ไหนก็ต้องให้ความสำคัญ มีพวกเขาอยู่ ก็มีการรับรองเพิ่มมากขึ้นหลินเฟิงพยักหน้า และไม่ได้เสียเวลา เขานั่งลิฟต์ลงไปยังที่จอดรถใต้ดินโดยตรงในตอนที่เขากำลังจะขึ้นรถ โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นไม่นานนัก รถออดี้คันหนึ่งก็ขับออกจากอาคารใหญ่ของหลี่ซื่อกรุ๊ปชายวัยกลางคนใช้ผ้าคลุมหน้ายืนอยู่บนอาคารสูงที่ไหลออกไป และซ่อนตัวอยู่หลังกระจกที่สะท้อนแสง เก็บกล้องส่องทางไกลที่อยู่ในมือเขาหยิบวิทยุสื่อสาร ใช้รหัสลับแจ้งเตือนเพื่อนร่วมแก๊งคนอื่นๆว่า:“หลินเฟิงออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว ย้ำ หลินเฟิงเป้าหมายได้ออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว”“ร