เผิงกวงฉี่ก็ฉลาดแกมโกงเหมือนกันเขาฉวยโอกาสตอนที่ทุกคนไม่มีใครตอบสนอง แล้วจู่ ๆก็เสนอราคาสองหมื่นห้าพันล้านทันทีถึงแม้อาจารย์โปจะเพิ่งพิสูจน์ไปแล้วก็ตามว่ายาหยกโมราเม็ดนี้เป็นของจริงแต่สำหรับเรื่องการยืดอายุนี้ ผู้คนต่างก็ไม่ค่อยอยากจะเชื่อนอกจากนี้ เผิงกวงฉี่ก็ยังบริจาคเงินจำนวนมากถึงสองหมื่นห้าพันล้านมันก็ทำให้คนทั้งหมดเงียบกริบทันทีเมื่อเห็นฉากนี้ เผิงกวงฉี่ก็รู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก และในขณะที่เขากำลังจะประกาศว่ายาหยกโมราเม็ดนี้เป็นของตัวเอง อาจารย์โปกลับลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วลุกขึ้นยืน“ยาหยกโมราเม็ดนี้มีความสำคัญอย่างมาก ต้องขออภัยคุณเผิงกวงฉี่ที่ผมต้องเข้ามาแทรก”หลังจากที่พูดจบ อาจรย์โปก็ยกมือขึ้นพร้อมกับพูดว่า :“ผมขอเดิมพันทรัพย์สินทั้งหมดของผม หนึ่งแสนห้าหมื่นล้าน”“อะไรนะ?!”“หนึ่งแสนห้าหมื่นล้าน?!”เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ แขกผู้มีเกียรติทุกคนต่างก็สูดหายใจลึก ๆถึงแม้ว่าผู้คนที่นั่นทั้งหมด จะไม่ได้ขาดแคลนเงินก็ตามแต่การเอาเงินหนึ่งแสนห้าหมื่นล้านจากทรัพย์สินทั้งหมดไปเดิมพันกับยาเม็ดเล็ก ๆเม็ดเดียวที่ไม่แน่ใจว่าจะได้ผลหรือเปล่า ก็ถือเป็นเรื่องสุดโต่งเกินไปส
“หึ.....”หลินเฟิงยิ้มเล็กน้อยและโบกมือไปมา แสดงให้เห็นว่าไม่ได้คิดอะไรหลังจากจบเรื่องราว มิตรภาพของหลินเฟิงก็เพิ่มขึ้น“เอาล่ะ งั้นยาหยกโมราเม็ดนี้ก็จะเป็นของอาจารย์โปในราคาหนึ่งแสนห้าหมื่นล้าน!”เผิงกวงฉี่ประกาศเสียงดังลั่นส่วนบรรดาแขกที่มาร่วมงานที่ด้านล่างเวทีก็พากันปรบมือกันอย่างใจลอยในเมื่อนี่มันคือหนึ่งแสนห้าหมื่นล้านเลยนะ!พูดว่าโยนทิ้งก็โยนทิ้งออกไปแถมยังทำเพื่อยาเม็ดเล็ก ๆอย่างนี้นี่มันไร้เหตุผลเกินไปแล้วเมื่อยาเม็ดนี้ได้พบกับเจ้าของแล้ว การประมูลเพื่อการกุศลก็ดำเนินต่อไปอย่างไรก็ตามเพราะว่าราคายาอายุวัฒนะของหลินเฟิงนั้นสูงอย่างมาก หลังจากนั้นสิ่งของและของขวัญที่นำออกมาประมูลก็ไม่ได้ดึงดูดความสนใจของใครอีกเลยการประมูลเพื่อการกุศลทั้งหมดจึงสิ้นสุดลงเช่นนี้เมื่อออกจากโรงแรงมา ก็ฟ้ามืดเสียแล้วเผิงกวงฉี่ยังอยากเลี้ยงข้าวหลินเฟิง แต่หลินเฟิงกลับต้องการกลับไปปรับการหายใจและฝึกซ้อมให้เร็วที่สุด ดังนั้นจึงไม่ได้อยู่ต่อเมื่อเห็นหลินเฟิงออกไปอย่างรับร้อน เผิงกวงฉี่ก็คว้าแขนของหลินเฟิงไว้ พร้อมกับกระซิบว่า :“สหายหลิน จากนี้ไปพวกเราก็เรียกพี่น้องกัน หากมีใครบา
คิดถึงตรงนี้ หลินเฟิงมองไปทางเผิงกวงฉี่แล้วพูดว่า:“พี่เผิงรู้ว่า ผมคนนี้นั่งไม่ติด ยิ่งเกลียดงานที่ซับซ้อน ดังนั้นไม่เหมาะสมจะเป็นผู้อำนวยการอะไร”“เหรอครับ? งั้นก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว…”สายตาของเผิงกวงฉี่เผยความเสียดายออกมาเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้บีบบังคับแต่หลินเฟิงเปลี่ยนเรื่อง ยิ้มพูดว่า:“แต่ว่า ที่ผมมีตัวเลือกที่ไม่เลวอยู่คนหนึ่ง”“ใครครับ?”เผิงกวงฉี่นิ่งอึ้ง“น้องสาวของผม หลินเสวี่ยฮุ่ย”“หลินเสวี่ยฮุ่ย?”เผิงกวงฉี่พูดชื่อนี้เสียงเบา จากนั้นขมวดคิ้วพูดว่า:“ในฐานะผู้อำนวยการ จะต้องมีทักษะทางการแพทย์ที่มีความน่าเชื่อถือ น้องสาวของคุณ…”“วางใจเถอะครับ น้องสาวของผมสำเร็จการศึกษาจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเจียงหลิง อีกทั้งจะถ่ายทอดวิชาแพทย์ให้เธอ ต้องสามารถทำหน้าที่ได้”ได้ยินการรับรองแบบนี้ของหลินเฟิงขนาดนี้ คิ้วที่ขมวดของเผิงกวงฉี่ถึงได้คลายออก และพยักหน้าพูดอย่างพึงพอใจ:“ในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นผู้อำนวยการคนใหม่ของโรงพยาบาลเมืองเจิ้งเต๋อก็ยืนยันแล้ว น้องสาวของคุณจะมารับตำแหน่งได้เมื่อไหร่ครับ?”“หนึ่งเดือนแล้วกัน”หลินเฟิงครุ่นคิด และให้เวลาที่ชัดเจน“ได้ครับ”เผ
หลังจากที่ถามจ้าวเฉียวอวิ๋นแม่ของเธอ จ้าวเฉียวอวิ๋นมีท่าทางเหมือนไม่รู้อะไรสักอย่างเช่นนั้นมีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวนั่นก็คือหลินเฟิงพี่หลินเฟิงเป็นคนเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอเช่นนั้นพูดแบบนี้แล้ว ร่างกายของเธอก็ถูกพี่หลินเฟิง…”ดังนั้นหลินเสวี่ยฮุ่ยจึงอยู่ในถาวะเขินอายและหวาดกลัว เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาหลายต่อหลายครั้ง อยากจะโทรศัพท์หาหลินเฟิง แต่ทุกคร้ังต่างไม่กล้าโทรออกไปและตอนนี้ เธอได้ยินหลินเฟิงบอกว่าจะมารับเธอไปเมืองเจิ้งเต๋อนั่นก็หมายความว่า พี่หลินเฟิงจะ…จะรับผิดชอบเธองั้นเหรอ?หลินเสวี่ยฮุ่ยถือโทรศัพท์เอาไว้ด้วยมือข้างเดียว อีกมือหนึ่งเปลี่ยนรองเท้าคนทั้งคนหูตาแดง ยืนอึ้งอยู่ที่เดิม“เสวี่ยฮุ่ย? เสวี่ยฮุ่ย!จนกระทั่งในโทรศัพท์ เสียงเรียกของหลินเฟิงดังขึ้นเรื่อยๆ หลินเสวี่ยฮุ่ยถึงได้ตั้งสติกลับมาแต่ตอนนี้เธอพบว่าบนใบหน้าของเธอไม่รู้ว่าทำไมถึงมีรอยยิ้มที่มีความสุขนี่จึงทำให้เธอรู้กระอักกระอ่วน และรีบตอบรับหลินเฟิง“พี่หลินเฟิง ค่ะ ฉันอยู่ ฉันอยู่”“พี่จะมารับฉันใช่ไหม ได้ค่ะ ฉันจะ…เอ๊ะ ไม่ใช่ไม่ใช่…”ได้ยินเสียงของหลินเสวี่ยฮุ่ยที่อยู่อีกด้านของโทรศัพท
“อ่อ พวกเขาน่ะเหรอ”โจวเสี่ยวหงเบะปากดูถูก พูดอย่างรู้สึกเซ็งว่า:“พวกเขาเป็นรุ่นพี่ที่จบเร็วกว่าพวกเราสองสามปี ถูกพวกต้วนหย่าถงเรียกมา บอกว่าสามารถช่วยพวกเราจัดการปัญหาเรื่องฝึกงานได้”“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้”หลินเสวี่ยฮุ่ยพยักหน้า ไม่รอให้เธอพูดต่อ ชายคนหนึ่งที่ใบหน้าเต็มไปด้วยตอหนวดเครา เดินเข้ามาด้วยเจตนาไม่ดีอย่างเห็นได้ชัดนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ด้านข้างหลินเสวี่ยฮุ่ยตามใจชอบ“รุ่นน้องคนนี้ ไม่ทราบว่าเธอชื่ออะไรเหรอ?”เขามองหลินเสวี่ยฮุ่ยตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างเปิดเผย และขยับเข้าใกล้หลินเสวี่ยฮุ่ยไม่หยุด“รุ่นพี่ ฉัน…ฉันชื่อหลินเสวี่ยฮุ่ย”หลินเสวี่ยฮุ่ยหลบเลี่ยงเล็กน้อย และขมวดคิ้วพูดแนะนำตัวเอง“อ๊ะ หลินเสวี่ยฮุ่ยเหรอ ชื่อนี้เพราะจัง”รุ่นพี่คนนี้หัวเราะร่า ชี้ไปทางตัวเองแล้วพูดว่า:“พี่ชื่อเซี่ยตงโป เป็นรุ่นพี่รุ่นที่แล้วของพวกน้อง ทำงานอยู่ในแผนกอายุรกรรม โรงพยาบาลเจียงโจวแห่งที่ 2”“คนนั้นชื่อว่าชุยหยาง เขาอยู่ในแผนกโรคกระดูกของโรงพยาบาลเจียงโจวแห่งที่ 1”“ส่วนคนนั้นชื่อว่าเวินเจียเหลียง เขาเปิดโรงพยาบาลเล็กๆ ของตัวเองอยู่ที่เมืองหนิงโจว”คนที่ถูกแนะนำ ต่างยิ้มพยัก
“แต่ถ้ามีจดหมายแนะนำมันต่างกัน”เซี่ยตงโปหัวเราะอย่างเย็นชาพูดว่า:“เพียงแค่ไปฝึกงานสักเดือนหนึ่ง ก็ได้สัมผัสกับผู้ป่วยโดยตรง ใช้เวลาไม่กี่ปี ก็ได้เลื่อนตำแหน่ง”“ฉันถึงกับเสียสละตัวเอง เปิดทางลัดให้พวกเธอ แบบนี้จะเรียกว่าขายตัว แลกกับจดหมายแนะนำได้ยังไงกัน?”“จริงด้วยเสี่ยวหาง”ต้วนหย่าถงที่อยู่ไม่ไกลลุกขึ้น พูดอย่างเรียบเฉยว่า:“นี่เป็นโอกาสที่พวกรุ่นพี่พยายามหามาให้พวกเรา พวกเราจะต้องกุมเอาไว้ให้ดี อีกทั้ง…ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรไหม?”“ให้แฟนก็ถือว่าให้ ให้รุ่นพี่ก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?”“ไสหัวไป!”โจวเสี่ยวหางพูดด่าทอว่า:“ต้วนหย่าถง เธอคิดใครก็เหมือนกับเธอจริงๆ งั้นเหรอ?”“ตอนที่แฟนของเธอทำงานหาเงินอยู่ข้างนอก ส่งเธอเรียนมหาวิทยาลัย เขารู้ไหมว่าตอนนี้เธอจะทำอะไร?”“ขายร่างกายของตัวเอง หลอกลวงความรักของแฟนเธอ เธออย่ามาชี้โบ๊ยชี้เบ๊ต่อหน้าพวกเรา!““หุบปาก!”ต้วนหย่าถงยืนขึ้นมา ดิ้นเหมือนแมวที่ถูกเหยียบหางเธอตวาดพูดว่า:“ถึงม้เขาจะส่งเสียฉันเรียนมหาวิทยาลัย แต่ตอนนี้สถานะของฉันกับเขาแตกต่างกันแล้ว!”“เขาก็เป็นแค่แรงงานชั้นต่ำ ต่อไปฉันจะเป็นถึงหัวหน้าแพทย์ที่โรงพยาบาล!
”พี่หลินเฟิง…”เสื้อผ้าของหลินเสวี่ยฮุ่ยกำลังถูกฉีกขาด เห็นประตูห้องส่วนตัวถูกคนถีบออก ในดวงตาของเธอก็เผยความตื่นเต้นออกมาทันทีแต่…“หึ พวกสารเลว ไม่รอให้ฉันมาถึง ก็อดทนไม่ไหวจนลงมือแล้วงั้นเหรอ?”คนที่เข้ามาเป็นผู้ชายผิวคล้ำ สีหน้าไม่เป็นมิตรคนหนึ่งดูอายุ น่าจะมีอายุประมาณสามสิบ ไม่ถือว่าเยอะมากและด้านหลังเขา ยังมีคนตามเข้ามาอีกสามสี่คนประตูเมื่อครู่นี้ ถูกพวกเขาถีบออก“อ๊ะ…อ๊ะขอโทษด้วยจริงๆ ครับพี่สยง!”เห็นคนที่มาถึง ชุยหยางรีบเผยรอยยิ้มประจบประแจงออกมา อย่ากล้าที่จะยึกยักเซี่ยตงโปก็รีบปล่อยหลินเสวี่ยฮุ่ย และยืนอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยกับเวินเจียเหลียง ทั้งสามคนเมื่ออยู่ต่อหน้าพี่สยงที่ว่า ก็เหมือนกับเด็กที่นอนสอนง่าย“ไม่ใช่พี่หลินเฟิง…”ในใจของหลินเสวี่ยฮุ่ยเผยความผิดหวังออกมาแต่ไม่นานเธอก็ตั้งสติกลับมาได้ทุกครั้งที่เจออันตราย เธอมักจะคิดถึงหลินเฟิงเป็นคนแรกเธอพึ่งพาอาศัยเขามากเกินไปแล้วใช่ไหม?ไม่รอให้หลินเสวี่ยฮุ่ยตั้งสติได้ พี่สยงก็เดินมาที่ด้านข้างของหลินเสวี่ยฮุ่ย เผยรอยยิ้มดีใจออกมา และยื่นมือออกมาเชิดคางของหลินเสวี่ยฮุ่ย“จุ๊จุ๊จุ๊ ไม่เลวไม่เลว ส
หลังจากการตัดสินใจอันเจ็บปวดหลินเสวี่ยฮุ่ยทำได้เพียงฝืนพยักหน้า“ฮ่าฮ่าฮ่า ดี คนที่มีวิจารณญาณคือคนฉลาด!”พูดจบ สยงอวี่โบกมือพูดว่า:“มาเถอะ เลือกคนละคน!”“อย่าแย่งกับฉัน! เชี่ย นังร่าน แกกล้าตบฉันเหรอ?”ผู้ชายที่เข้ามาในห้องก็ทยอยเข้ามาทีละคน ลงไม้ลงมือต่อเพื่อนนักเรียนสาวของหลินเสวี่ยฮุ่ย ถึงขั้นที่มีบางคนจะพาไปที่โรงแรมโดยตรงเผชิญหน้ากับสถานการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นข้างหน้าหลินเสวี่ยฮุ่ยหลับตาลงด้วยความสิ้นหวังที่นอกห้องส่วนตัว ในกลุ่มบอดี้การ์ดเหล่านี้ ยังมีผู้หญิงคนหนึ่งที่มีผ้าพันแผลพันรอบร่างกายและมีสีหน้าชั่วร้ายเธอก็คือเพื่อนรักของหลินเสวี่ยฮุ่ยก่อนหน้านี้หลี่ซืออวี่หลี่ซืออวี่ตั้งแต่อยู่ที่ตระกูลไป๋ ถูกจงเจว๋ของสำนักเสินฉือทำร้ายจนบาดเจ็บหนัก เมื่อเธอตื่นมาก็เกลียดแค้นต่อตระกูลไป๋กับหลินเฟิงเข้ากระดูกดำต่อให้เวลาที่พักผ่อนสองเดือนกว่าๆ ตอนนี้เธอก็ทำได้แค่พอเดินได้เท่านั้นดังนั้นเธอยิ่งรู้สึกเกลียดหลินเฟิงหลี่ซื่ออวี่รู้กฎเกณฑ์ของคณะแพทยศาสตร์ผู้สำเร็จการศึกษาของทุกปี เพื่อที่จะหาที่ฝึกงาน มีเด็กผู้หญิงจำนวนมากที่ต่างขายร่างกายของตัวเองแลกกับจดหมายแน
“บ้าเอ๊ย ฉันไม่สามารถทนได้จริงๆ ติดต่อน้องหลินให้ฉัน ฉันจะเข้าแทรกแซงเรื่องนี้ด้วย!”...วันต่อมาในบาร์ใต้ดินแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของเมืองจิงจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียที่สวมหมวกและหน้ากากไว้ และดูเรียบง่ายมากรีบเดินทางมาที่นี่ ที่นี่คือ “สถานที่นัดพบ” ที่หลงซิ่วพูดถึงควบคู่ด้วยเสียงดนตรีอันไพเราะและฝูงชนที่เต้นรำจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียเดินผ่านทางเดินและมองเห็นหลงซิ่วกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ พร้อมคาบบุหรี่อยู่ในปากเมื่อเห็นว่าอิ่นนั่วเจียมาจริง ๆ ดวงตาของหลงซิ่วก็เป็นประกายบุหรี่ในปากของเขาหล่นลงพื้นโดยไม่รู้ตัวแม้ว่าอิ่นนั่วเจียจะสวมเพียงชุดเดรสยีนส์ซึ่งทำให้เธอดูเป็นเด็กสาวมากในวันนี้ แต่หุ่นที่น่าสะพรึงกลัวของเธอก็ยังทำให้ หลงซิ่วที่กำลังนั่งอยู่ตรงโต๊อย่างไม่ใส่ใจก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ"เชี่ย ไม่เสียแรงที่เป็นซูเปอร์สตาร์ประเทศมังกรจริงๆ นะ!"หลงซิ่วอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบเธอกับถานหง หลังจากคิดดู นี่มันไม่ใช่คนระดับเดียวกันด้วยซ้ำ!แม้ว่าถานหงจะเป็นราชินีเพลงประเทศมังกร หน้าตาก็คล้ายๆกันแต่เมื่อเทียบกับอิ่นนั่วเจียสาวสวยที่อยู่แต่ในจอ ถานหงยังด้อยกว่าเยอะมากเพียงแค่ออร่าอันส
สำนักงานใหญ่กลุ่มเผิงกวง เมืองจิงขณะนั้นเผิงกวงฉี่กำลังคาบซิการ์ไว้ในปากอย่างเรื่อยเปื่ยอ ฟังการโต้เถียงขัดแย้งระหว่างตัวแทนจากทั่วทุกแห่งในการประชุมแม้ว่าเผิงกวงฉี่จะดูเป็นปกติ แต่ในใจเขากลับโกรธมากพวกขยะพวกนี้ได้แต่โทษกันไปมา และต่างคนต่างหาผลประโยชน์แม้แต่เผิงกวงฉี่ก็ยังคิดว่า ควรจะกำจัดคนไร้ประโยชน์เหล่านี้ และส่งเสริมให้คนอื่นขึ้นมาเป็นผู้นำภูมิภาคดีไหมขณะที่กำลังคิดแบบนี้ โทรศัพท์มือถือของเผิงกวงฉี่ก็ดังขึ้นกะทันหันเสียงโทรศัพท์ทำให้ห้องประชุมเงียบลงทันที“คุณหลินโทรมาครับ คุณเผิงกวงฉี่”ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ ยื่นโทรศัพท์ให้ด้วยความเคารพเมื่อคิดว่าเป็นหลินเฟิง เผิงกวงฉี่ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมากไม่พูดไม่ได้ว่ายาหยกโมราของหลินเฟิงมีประสิทธิภาพมากจริงๆ ควบคู่กับน้ำพุร้อนที่เจียงโจว ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองดูหนุ่มลงเรื่อย ๆ และร่างกายก็เต็มไปด้วยกำลังวังชาแม้แต่ผู้หญิงคนใหม่ที่หามาช่วงนี้ ก็ไม่สามารถทำให้เขาพึงพอใจได้ช่วงนี้เขากำลังคิดว่าควรจะหาเพิ่มอีกสักหน่อย เพื่อสร้างทายาทให้กับตระกูลเผิงของเขาสองเดือนที่แล้ว นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่กล้าคิดมาก่อนด้วยซ้ำ“ฮัลโหล
“ฉันจะโอนเงินสองหมื่นห้าพันล้านบาทเข้าบัญชีของคุณทันที ทางที่ดีคุณให้อิ่นนั่วเจียออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ปโดยเร็วที่สุด ให้เธอมาพบฉันที่เมืองจิง”"ฮ่าฮ่าฮ่า......"ถานหงที่อยู่ปลายสายหัวเราะอย่างโอเวอร์“ฉันต้องการให้อิ่นนั่วเจียคุกเข่าอยู่แทบเท้าฉัน! ยังมีหลินเฟิง ฉันจะทำให้หลินเฟิงและหลี่ซื่อกรุ๊ปบ้าบออะไรนั่นได้ชำระในสิ่งที่ควรจ่าย!”หลังจากพูดจบโทรศัพท์ก็วางสายไปและภายในเวลาไม่กี่นาที ข้อความเงินสดเข้าบัญชีจำนวนสองหมื่นห้าพันล้านบาทก็ปรากฏบนโทรศัพท์มือถือของจวงฉุนทันทีเมื่อมองดูข้อความบนโทรศัพท์ ลมหายใจของจวงฉุนก็เร็วขึ้นอย่างมาก เขาไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้ในชีวิตของเขามาก่อนแต่เมื่อเขาเงยหน้ามองไปทางหลินเฟิง ก็รู้สึกเหี่ยวเฉาทันทีเขารู้ว่าเงินจำนวนนี้จะไม่มีวันมาถึงเขาด้วยซ้ำ อีกทั้งเรื่องที่อิ่นนั่วเจียเข้าร่วมตระกูลหลงเป็นเรื่องโกหกทั้งหมดเขาแค่อยากหลอกเอาเงินก้อนนี้มาจากหลงซิ่ว เพื่อใช้รักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ก็เท่านั้นเอง“ตอนนี้โอนเงินก้อนนี้เข้าบัญชีของหลี่ซื่อกรุ๊ปเถอะ”หลินเฟิงไม่พูดมาก บังคับจวงฉุนให้ดำเนินการบนโทรศัพท์มือถือของเขาโดยตรงหลังจากนั้นไม่นาน เงิน
“ดูเหมือนว่าคุณจะได้เจอกับอิ่นนั่วเจียจริงๆ นะ”หลงซิ่วที่อยู่ปลายสายพูดอย่างใจเย็นว่า:“ผมลืมบอกคุณไปว่าตอนนี้อิ่นนั่วเจียเป็นสมาชิกของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว เธอเต็มใจที่จะออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ป และร่วมมือกับตระกูลหลงของเราจริงๆ เหรอ?”เมื่อได้ยินสิ่งที่หลงซิ่วพูดจวงฉุนสั่นสะเทือนไปทั้งตัวเกือบหัวใจวายเพราะความโมโหในที่สุดเขาก็ได้ลิ้มรสว่าการถูกหลอกเป็นอย่างไรหากหลงซิ่วเล่าเบื้องหลังของอิ่นนั่วเจียให้เขาฟังก่อนหน้านี้เขาจะพาผู้คนมาที่นี่เพื่อมาหาอิ่นนั่วเจีย และตกหลุมพรางได้ยังไง?ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะพูดอะไรอีกแล้วร่องรอยแห่งความโกรธเริ่มผุดขึ้นในใจของจวงฉุนหากพูดว่าเมื่อครู่เพียงแค่โกหกหลงซิ่ว เขาก็มีความกดดันอยู่ไม่น้อยเมื่อเขาได้ยินว่าหลงซิ่วปกปิดเรื่องของอิ่นนั่วเจียกับเขา เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีหากคุณไม่ได้บอกผมให้ชัดเจนก่อนที่คุณจะจากไปผมจำเป็นต้องตกไปอยู่ในมือของหลินเฟิงงั้นเหรอ?จวงฉุนตัดสินใจ คำพูดก็ราบรื่นมากขึ้น“ใช่ครับ คุณอิ่นนั่วเจียบอกผมเอง แต่ว่า...”"แต่ว่าอะไร?"หลงซิ่วที่ปลายสายโทรศัพท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย“แต่คุณอิ่นนั่วเจียบอกว่าเธอได้เซ็น
จวงฉุนคิดว่าคำพูดนี้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติขณะที่จวงฉุนกำลังจมอยู่กับจินตนาการของเขา หลินเฟิงก็ยื่นมือออกไปและโบกไปมาตรงหน้าจวงฉุน“การปล้นทำลายของพวกนายในครั้งนี้ ได้ทำลายสินค้าของหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันมูลค่าสองหมื่นห้าพันล้านบาทเต็มๆ เพียงแค่นายสามารถชดเชยเงินสินค้าเหล่านี้ให้เราได้ ฉันก็จะไม่ถือสาเอาความ”"สองหมื่นห้าพันล้านบาท?"เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ อิ่นนั่วเจียที่อยู่ข้างๆ ก็เปิดริมฝีปากสีแดงของเธอออกครู่หนึ่ง เธอก็ส่ายหัวอย่างจนปัญญาหลินเฟิงกำลังพยายามกรรโชกเงินอยู่เหรอ!"เป็นไปไม่ได้!"เห็นได้ชัดว่าจวงฉุนก็ตกใจกับจำนวนเงินมหาศาลนี้อย่าว่าแต่ยี่สิบห้าล้านบาทเลย แม้แต่ห้าพันล้านบาทเขาก็ยังไม่มี จะอุดรูโบ๋นี้ได้อย่างไรหลินเฟิงรีดไถมากเกินไปจริงๆ“แน่นอนว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันไม่สนใจเงินจำนวนน้อยๆ นี้ แต่ฉันแค่อยากเห็นท่าทางของคุณ”“เป็นไงบ้าง?”หลินเฟิงจ้องมองจวงฉุนด้วยความสนใจอย่างยิ่ง ต้องการดูว่าคนๆ นี้จะหาเงินได้มากเท่าไหร่เพื่อเอาชีวิตรอดได้ในเมื่อเสียหายหนึ่งหมื่นล้านบาท หลินเฟิงต้องหาชดเชยมาจากที่อื่น"ดี...ดีครับ!"จวงฉุนรู้ดีว่าวันนี้เขาไม่มีสิทธิ์ต่อรองกับหลิ
“ตอนนี้ ฉันถามพวกนายตอบ”หลินเฟิงค่อยๆ เดินเข้าไปหาจวงฉุน เหยียดมองลงที่ชายผู้ล้มอยู่บนพื้น และตกใจจนหน้าซีดเผือด“คุณ...คุณว่ามาครับ คุณว่า...ผม...ผมจะบอกคุณทุกอย่าง”จวงฉุนในตอนนี้รู้สึกกลัวจนสติแตก ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่“เมื่อวาน อุปกรณ์ไฮเอนด์ล็อตหนึ่งของหลี่ซื่อกรุ๊ป ถูกคนขโมยและทำลายระหว่างทาง...”“เป็นฝีมือพวกผม!”เมื่อจวงฉุนได้ยินเช่นนี้ น้ำตาก็เริ่มไหลออกมา รีบยอมรับทันทีเขากราบหลินเฟิงไม่หยุดและพูดว่า:“ขอโทษครับคุณหลิน เรื่องนี้พวกเราเป็นคนทำจริงๆ แต่เราแค่ถูกใช้เป็นปืนเท่านั้น! หลงซิ่วจากตระกูลหลงสั่งให้พวกเราทำ เขาสั่งให้พวกเราทำ พวกเราก็ไม่กล้าขัดคำสั่งนะครับ!”การได้ยินคำวิงวอนของจวงฉุนซึ่งแทบจะเป็นเหมือนการขอความเมตตาเริ่นโหย่วไฉที่อยู่ข้างๆ ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอต้องรู้ไว้ว่า ผู้ชายคนนี้เคยคุยโม้กับเขามาก่อนว่า เขาทำได้ดีแค่ไหนและเผาผลาญมันได้คล่องแคล่วแค่ไหนท่าทางหยิ่งยโส มีท่าทางเหมือน “ถูกบังคับ” ที่ไหนกัน?แต่ตอนนี้เริ่นโหย่วไฉไม่กล้าที่จะพูดอะไรเกรงว่าจะเดินตามรอยของสวีโจวการตายแบบนี้ มันน่าหวาดกลัวมากเกินไป ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยด้วยซ
“พวกเราไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋ออีกต่อไป!”“ทุกคนฟังคำสั่งของฉัน ลุย!”คำสั่งของจวงฉุนมีน้ำหนักมากกว่าคำสั่งของสวีโจวอย่างเห็นได้ชัดไม่ใช่แค่เพราะเงื่อนไขที่จวงฉุนเสนอมาดึงดูดพวกเขามากเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยรู้ถึงความสามารถของหลินเฟิงว่าเป็นอย่างไรกันแน่คนธรรมดาหลายคนรวมกันอาจเปรียบเป็นขงเบ้งได้ในความคิดของพวกเขา ความสามารถของหลินเฟิงเป็นอย่างไรกันแน่ พวกเขาก็มองไม่เห็นแต่สิ่งที่เป็นความจริงคือพวกเขากลับสามารถมองเห็นข้อได้เปรียบของพวกเขาจากจำนวนคนบวกกับพลังอำนาจของหลงซิ่วด้วยหลังจากครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ที่เดิม นักบู๊ตระกูลหลงประมาณสิบกว่าคนในที่สุดก็ตัดสินใจได้แล้ว และล้อมรอบหลินเฟิงเอาไว้ทีละคนวันนี้สู้ดูสักตั้งถ้าไม่สำเร็จก็ต้องตาย!"แม่งเอ๊ย จวงฉุนไอ้สารเลวตัวน้อย!"ในที่เกิดเหตุมีเพียงสวีโจวเท่านั้น ที่รู้ว่าการปิดล้อมครั้งนี้เป็นการไปตายโดยที่ไม่ต้องคิดด้วยซ้ำเขาเกลียดจวงฉุนมาก จนถึงขั้นมีความคิดอยากฆ่าเขาด้วยซ้ำแต่ทว่าจวงฉุนกลับแสยะยิ้มมองดูสวีโจว และพูดอย่างเย็นชา:“สวีโจว อย่าทำเป็นเสแสร้งอยู่ตรงนี้ รอให้ภารกิจในครั้งน
"อะ......"จางฉุนไม่เข้าใจว่าหลินเฟิงกำลังพูดอะไร เขาพาคนเหล่านี้มาที่นี่ เป้าหมายเพียงเพื่อจับตัวอิ่นนั่วเจียไปเขารู้ว่าหลินเฟิงเป็นนักบู๊และจัดการยากสักหน่อยเพราะงั้นถึงเรียกคนของตัวเองมาแต่อะไรที่เรียกว่า “พาผู้กระทำความผิดมาตรงหน้าเขาโดยตรง” ?ในตอนนี้เอง สวีโจวที่อยู่ไกลออกไปก็คำรามออกมาอย่างกะทันหัน“นาย... ฉันจำได้ นายคือหลินเฟิง! นายคือ... นายคือคนของหลี่ซื่อกรุ๊ป! หลินเฟิงหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป!”"อะไรนะ?"เมื่อได้ยินชื่อนี้ จางฉุนก็หันหน้ามองไปที่หลินเฟิงด้วยสีหน้าที่น่าเหลือเชื่อเพราะเขาเคยได้ยินชื่อหลินเฟิงเขาได้ยินมาจากหลงซิ่วว่า ข้อห้ามประการเดียวในการปฏิบัติการครั้งนี้คือการปะทะกับหลินเฟิงตัวซวยคนนี้หลงซิ่วเตือนจางฉุนซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ระวังหลินเฟิงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะพัฒนาไปเกินความคาดหมายของเขา“โอ้? ดูท่าพวกคุณจะรู้จักผม”หลินเฟิงเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มจากนั้นรัศมีแห่งความหวาดกลัวก็ค่อยๆ แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา อุณหภูมิทั่วทั้งห้องทำงานก็ลดลงมากกว่าสิบองศาในพริบตาเดียวแม้แต่ชาที่มีไอร้อนลอยออกมาเมื่อครู่นี้บนโต๊ะ
“บ้าเอ๊ย ทนไม่ไหวแล้ว!”จวงฉุนรีบถีบประตูห้องทำงานของหัวหน้าโรงงานทันทีสิ่งแรกที่เขาเห็นคือเริ่นโหย่วไฉที่เหงื่อไหลท่วมตัวและยืนอยู่ตรงนั้นอย่างโง่เขลาและอิ่นนั่วเจียผู้มีเสน่ห์กำลังนั่งอยู่บนโซฟา“อิอิอิ…”จวงฉุนเลียริมฝีปากและเผยรอยยิ้มหื่นกามออกมาทันทีตอนนี้เขาโยนคำพูดของเริ่นโหย่วไฉไปไกลโพ้นทันที เพียงแค่จ้องมองไปที่หุบเขาที่คอเสื้อของอิ่นนั่วเจียแล้วแสยะยิ้มพูดว่า:“คุณอิ่นนั่วเจีย ผมมารับคุณแล้ว”"โอ้?"ใครจะไปรู้ว่ารอยยิ้มของจวงฉุนไม่ได้ทำให้อิ่นนั่วเจียตกใจหรืองุนงง เธอยิ้มให้จวงฉุนแล้วพูดว่า:"ฉันรอคุณมานานแล้ว""รอผม?"จวงฉุนตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะออกมา“ที่แท้คุณหญิงอิ่นนั่วเจียก็สนใจผมด้วย ดังนั้นการเตรียมการทั้งหมดนี้เกินความจำเป็นไปแล้ว!”ขณะที่จวงฉุนกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สวีโจวที่เดินเข้ามาเห็นอิ่นนั่วเจียและหลินเฟิงกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้เถ้าแก่ในห้องทำงาน สีหน้าของเขาดูตกตะลึงเล็กน้อย“พี่สวี มีอะไรหรือเปล่า?”นักบู๊ตระกูลหลงที่อยู่ด้านหลังเขาเห็นท่าทางแปลกๆ ของสวีโจว จึงรีบถามแต่สวีโจวกลับไม่สนใจคนข้างหลังเขา กลับก้าวไปข้างหน้าและคว้าแขน