แต่ทว่าหลินเฟิงที่อยู่ข้างๆ กลับพบเห็นบ่อยจนชินตาแล้ว“ไม่จำเป็นต้องสนใจเธอ ก็แค่ตัวตลกคนหนึ่งก็เท่านั้น”หลินเฟิงโบกมือ และเรียกเผิงกวงฉี่ให้อ้อมจางซิน เข้าไปในห้องทำงานของหลี่ฮุยหราน“เอ๊ะ เดี๋ยวสิ”จู่ๆ จางซินก็ก้าวเดินเข้ามา ขวางทางของเผิงกวงฉี่“คุณมีธุระอะไรไหมครับ?”เผิงกวงฉี่เห็นในดวงตาของผู้หญิงคนนี้เต็มไปด้วยความดูถูก ในใจก็รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเขาเป็นถึงเศรษฐีอันดับหนึ่งที่มีชื่อเสียงของหัวตงปกติแล้วใครกล้าใช้ท่าทางแบบนี้ปฏิบัติต่อเขากัน?“ให้ฉันเดาดูนะ คุณคงไม่ใช่เผิงกวงฉี่เศรษฐีอันดับหนึ่งของหัวตงที่หลินเฟิงเชิญมาหรอกนะ?”จางซินพูดไปพูดมา ก็ตั้งใจเคลื่อนสายตาไปที่ตัวหลินเฟิง“ถูกต้อง ผมเองครับ”เผิงกวงฉี่พยักหน้าเรียบๆ“จางซิน ฉันเตือนเธอให้เจียมตัวหน่อย อย่าหาเรื่องใส่ตัว”หลินเฟิงขมวดคิ้วตวาดเสียงเย็นชา“ไม่ไม่ไม่ ฉันจะหาเรื่องใส่ตัวได้ยังไงล่ะ!”จางซินหัวเราะเยาะ จ้องมองเผิงกวงฉี่ที่อยู่ตรงหน้า จากนั้นส่งเสียงจุ๊ปากพูดด้วยความประหลาดใจ:“นายพูดสิ หลินเฟิง นายจ้างนักแสดงมาทำไมถึงไม่จ้างคนที่เป็นมืออาชีพหน่อย หาคนที่สีหน้าซีดเซียว เหมือนวินาทีต่อไปจะนอน
ถึงแม้ว่าเผิงกวงฉี่จะทำธุรกิจมานานหลายปี ถึงจะสุขุมล้ำลึกและมีความอดทนสูงมาก แต่โดยธรรมชาติเขาจะไม่โต้เถียงกับจางซินเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆอย่างแบบนี้แต่ตอนนี้ สิ่งจางซินพูดออกมาอย่างนี้ นั่นก็เป็นการยั่วยุหลินเฟิงและสถานะของเขาโดยเฉพาะ“เอ๊ะ คุณหลิน วันนี้ผมยังต้องพิสูจน์สักหน่อย”เมื่อเห็นว่าหลินเฟิงเข้ามาขวาง เผิงกวงฉี่ก็ยกมือขึ้นมาห้ามหลินเฟิง แล้วหยิบบัตรสีทองออกมาจากในกระเป๋า แสงสีทองส่องประกาย จนทำให้หลาย ๆคนต้องตาพร่ากันอยู่ครู่หนึ่ง“นี่คืออะไรนะ?”จางซินขมวดคิ้ว เธอไม่รู้จักบัตรทองที่อยู่ในมือของเผิงกวงฉี่“นี่คือเอกลักษณ์เฉพาะของเผิงกวงกรุ๊ปของเรา ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์ของบัตรทองที่มีไว้สำหรับการตรวจสอบตัวตนระดับชั้นสูงสุดของเผิงกวงกรุ๊ปของเรา ผู้ที่มีบัตรทองนี้ สามารถใช้จ่ายที่เผิงกวงกรุ๊ปของเราได้ฟรีทั้งหมด”หลังจากพูดสิ่งนี้จบ เผิงกวงฉี่ก็ชี้ไปที่จางซิน ด้วยใบหน้าที่สลักอยู่บนบัตรทอง ก่อนจะยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า:“คุณจาง คุณลองดูใบหน้าที่สลักอยู่บนบัตรใบนี้สิ ว่ามันคล้ายกับผมขนาดไหน?”“คล้ายขนาดไหน?”จางซินรับบัตรทองของเผิงกวงฉี่มา แล้วเปรียบเทียบทั้งหน้าและหลัง ก่อนที่
แต่เมื่ออยู่ข้าง ๆหลินเฟิง จะต้องไว้หน้าหลินเฟิง“คุณหลิน คุณคิดว่าควรจะทำอย่างไรดี?”“ผม.....”ขณะที่หลินเฟิงกำลังจะพูด ประตูห้องทำงานของหลี่ฮุ่ยหรานก็ถูกผลักเปิดออกมาทันทีหลี่ฮุ่ยหรานที่ได้ยินการเคลื่อนไหวที่ทางเดินก็รีบออกไปเมื่อเธอมองเห็นจางซิน แววตาก็อึมครึ้มลงด้วยความโกรธทันที และเกือบจะเป็นลม ทำไมยัยนี่สร้างปัญหาให้เธออีก“หลินเฟิง คุณกลับมาแล้ว”แต่ตอนนี้อยู่ต่อหน้าคนนอก หลี่ฮุ่ยหรานก็ไม่สามารถปล่อยให้ตัวเองเสียมารยาทได้เธอพยักหน้าให้หลินเฟิงเล็กน้อย ก่อนจะเดินอ้อมจางซิน แล้วมองไปที่เผิงกวงฉี่พร้อมกับเอ่ยถามว่า :“ท่านนี้คือ?”“ผมเป็นนักแสดงที่ได้รับการว่าจ้างจากคุณหลินในราคาที่สูงลิ่ว ให้มารับบทเป็นเผิงกวงฉี่ คนที่ร่ำรวยเป็นอันดับหนึ่งในหัวตง”เมื่อได้ยินคำแนะนำนี้จากสุภาพบุรุษที่ไม่ธรรมดาคนนี้ หลี่ฮุ่ยหรานก็ตะลึงทันที แต่เธอก็ฉลาดมาก เพียงแค่เหลือบมองไปทางจางซิน ก็เข้าใจได้ทันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้นที่นี่“เฮ้อ...ตัวซวย”หลี่ฮุ่ยหรานจับใหน้าผากแต่แทบจะในทันที หลี่ฮุ่ยหรานก็แสดงรอยยิ้มออกมาอย่างชำนาญ พร้อมกับทันทายเผิงกวงฉี่ว่า : “คิดไม่ถึงว่าเถ้าแก่เผิงจะม
“หากพบว่าครั้งต่อไปคุณไม่เคารพคุณหลินอีก หรือกระทำที่มากเกินไป ก็อย่ามาโทษผม ต่อให้เป็นประธานหลี่ก็ไม่สามารถปกป้องคุณได้!”หลังจากที่พูดจบ เผิงกวงฉี่ก็ตะคอกก่อนจะจากไปสิ่งนืทำให้จางซินถอนหายใจด้วยความโล่งอกในที่สุดเธอมองไปทางหลินเฟิง เพื่อจะโต้กลับด้วยแววตาที่ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ แต่เมื่อคิดถึงคำเตือนของเผิงกวงฉี่ เธอก็ทำได้เพียงก้มหัวลงอย่างรวดเร็วเท่านั้น“เอาล่ะ เธอรีบไปเถอะ บริษัทเล็ก ๆของฉันแห่งนี้ไม่สามารถรองรับคนใหญ่โตแบบเธอได้หรอก ถ้าหากมีครั้งหน้าอีก ใคร ๆก็ไม่สามารถปกป้องเธอได้อีกแล้ว!”หลี่ฮุ่ยหรานพูดอย่างเฉยเมย จากนั้นก็ตามเผิงกวงฉี่ไปจะเหลือเพียงแค่หลินเฟิงและจ้าวเว่ยเท่านั้น“คุณหลิน ผมมีเรื่องด่วนที่นี่ ที่คุณจำเป็นต้องรู้.....”สีหน้าของจ้าวเว่ยดูรีบร้อน ตั้งแต่เมื่อครู่ที่เขาอดกลั้นมาโดยตลอด “สถานการณ์เร่งด่วน?” หัวใจของหลิน
“นายทำได้ไม่เลว วางใจได้ ฉันหลินเฟิงไม่ใช่คนที่ไม่รักษาคำพูด นี่คือยาแก้พิษ นายทานเข้าไป สามารถแก้พิษในร่างกายของนายได้ชั่วคราว”“ขอบคุณครับคุณหลิน”จ้าวเว่ยรับมาด้วยความเคารพครู่หนึ่ง หลินเฟิงก็พูดต่อว่า: “ฉันดูแล้วนายก็ฝึกวิทยายุทธศิลปะการต่อสู้ด้วยเหรอ?”“เอ่อ...”จ้าวเว่ยเกาศีรษะอย่างกระอักกระอ่วน และฝืนยิ้มพูดว่า:“เคยเรียน แต่พรสวรรค์ของผมไม่เพียงพอ เคยเรียนแค่ท่วงท่าผิวเผินเท่านั้น ดังนั้น...”“อืม”หลินเฟิงยื่นยาเม็ดนี้ให้เขา พร้อมทั้งพยักหน้าพูดว่า:“นี่คือยาอมตะเลือดราชันย์ สามารถเพิ่มพลังชีวิตในร่างกายให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นได้ ถึงแม้จะไม่ถึงขั้นทำให้โครงกระดูกมีเนื้องอกขึ้นมา หรือชุบชีวิตคนตายได้ แต่ผลลัพธ์ก็พอๆกัน”“ครั้งหน้าฝึกวิทยายุทธการต่อสู้ นายก็กลืนยาเม็ดนี้เข้าไป เพียงพอที่จะทำให้นายเข้าสู่การเป็นยอดฝีมือกำลังภายในได้”“ขอบคุณคุณหลินมากๆ ครับ!”จ้าวเว่ยรับยาเม็ดนี้มาด้วยความตื่นเต้น ในสายตาของเขาเต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจวิชาศิลปะการต่อสู้ผิวเผินบนตัวของเขา ได้รับมาจากหลงเซียวแน่นอนอยู่แล้วในตอนที่เขาแสดงออกว่าเขาเรียนรู้ช้ามาก หลงเซียวกลับมีท่าทางที่ไม่
ในที่สุดกัวโหย่งคังก็ยอมรับความพ่ายแพ้ถึงแม้ว่าจะเห็นแก่หน้าของเผิงกวงฉี่ แต่หลี่ฮุ่ยหรานก็รู้ว่าครั้งนี้ เธอสามารถรับช่วงหลี่ซื่อกรุ๊ปได้เร็วขนาดนี้ และทำให้ปัญหาที่แก้ยากหมดไปด้วยเช่นกันทุกอย่างล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับหลินเฟิงอย่างไรก็ตามคนสำคัญอย่างหลินเฟิงก็ไม่ได้หยุดอยู่ที่หลี่ซื่อกรุ๊ปนานเกินไปหลังจากที่เขาได้ยินว่ากัวโหย่วคังยอมรับความพ่ายแพ้ ก็ยิ่งรู้สึกวางใจ และส่งมอบหลี่ซื่อกรุ๊ปให้กับหลี่ฮุ่ยหรานและเผิงกวงฉี่แล้วเขาก็รีบขับรถไปทางเมืองจิง“หลินเฟิง ถังหว่านไม่ให้ฉันบอกคุณเรื่องของตระกูลถัง...ตอนนี้มันซับซ้อนมาก”หลินเสวี่ยเยี่ยน เแม่ของถังหว่านร้องไห้ผ่านทางโทรศัพท์พร้อมกับพูดว่า :“ดูเหมือนว่าพ่อของเขาจะถูกวางยาพิษแล้วหมดสติไป พวกเราอยากจะถามเขาว่าเมื่อคืนวานมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น แต่ก็ไม่มีวิธีอื่น”“ทางพันธมิตรบู๊ขอแค่ให้พวกเราส่งคนให้ และหากยังเป็นแบบนี้ต่อไป ตระกูลถังก็คงจะไม่สามารถทนต่อความกดดันได้อีกแล้ว”“คุณน้า คุณไม่ต้องร้อนใจ”หลินเฟิงถือพวงมาลัยด้วยมือข้างหนึ่ง โดนที่มืออีกข้างถือโทรศัพท์อยู่ พร้อมกับพูดอย่างใจเย็นว่า :“ถังหว่านล่ะ? ตอนนี้เธอถึงเมื
“เฮ้อ....”เมื่อเห็นหลินเฟิงพยักหน้าให้กับตัวเองแล้ว หยินหลิงก็เหมือนกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก พร้อมกับนิ้วของเธอที่ถือกระบี่ก็ผ่อนคลายลงอย่างมาก“ผู้นำ เมื่อครู่ชายคนนั้นคือ....”“เขาเป็นศิษย์พี่ของฉัน”เห็นได้ชัดว่าหยินหลิงไม่ต้องการที่จะพูดมากไปกว่าแค่ประโยคนี้“ศิษย์พี่....”ผู้อาวุโสที่อยู่ด้านข้างครุ่นคิด ก่อนจะพึมพำกับตัวเองว่า :“ศิษย์พี่ที่นามสกุลหลิน......ฉันเหมือนกับจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว....”หยินหลิงเหลือบมองผู้อาวุโสที่กำลังพูดกับตัวเอง แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธหรือยืนยัน“ปัง!”หลินเฟิงเตะประตูห้องโถงประชุมให้เปิดออกในเวลานี้ห้องโถมประชุมของตระกูลถังเต็มไปด้วยผู้คน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่พอใจอย่างมากกับวิธีการเข้ามาที่หยาบคายของหลินเฟิงถึงขนาดที่หลาย ๆคนอยากจะดุด่าทันที“เอาล่ะ” ถังเจี้ยนหยวนที่ถูกหลินเฟิงทำให้ตกใจเช่นกัน แต่เขาก็ตอบสนองกลับมาอย่างรวดเร็ว และใช้สายตาเพื่อหยุดไม่ให้คนรอบตัวตำหนิเรื่องในคราวนี้ร้ายแรงเกินไปมันเกี่ยวข้องกับคำแถลงและการเจริญและเสื่อมถอยของตระกูลถังไม่ใช่เวลาที่จะมาปฏิบัติตามมารยาทและศีลธรรม ถังเจี้ยนหยวนก้านไปข้างหน้า ก่อนจ
“เอาล่ะคุณน้า ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาระบายอารมณ์นะ ตอนนี้พวกเราต้องหาคำตอบให้ชัดเจนว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น”หลินเฟิงว้าวุ่นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะดึงหลินเสวี่ยเยี่ยนออกไป“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”ถังว่านหลี่เหลือบมองผู้คนที่อยู่โดยรอบ แล้วทำสีหน้าสงสัยก่อนจะตบศีรษะ พร้อมกับนึกคิดย้อนความทรงจำและขมวดคิ้วพูดว่า :“ไม่ถูกสิ ฉันไม่ใช่ตัวแทนตระกูลถังไปเข้าร่วมงานเลี้ยงตอนเย็นของลูกสาวผู้ว่ารัฐมนตรีประจำเมืองจิงงั้นเหรอ? ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่ได้ล่ะ?” “เป็นถังจวินที่พาคุณกลับมา”ถังเจสี้ยนหยวนมองไปที่ชายร่างสูงที่ร่างกายแข็งแรง วัยสามสิบกว่าปีที่อยู่ด้านข้าง“ถังจวิน?”ถังว่านหลี่ตกตะลึง ถังจวินคนนี้คือหัวหน้าหน่วยลับของตระกูลถัง เป็นลูกบุญธรรมของคุณปู่ตระกูลถัง ที่ได้มอบนามสกุลถังให้หากคระกูลถังส่งหน่วยลับไปช่วยชีวิตตัวเองกลับมา ถ้าอย่างนั้นเรื่องราวก็คงจะซับซ้อนแล้ว “อาถัง คุณยังจำงานเลี้ยงตอนเย็นเมื่อวานว่ามันเกิดอะไรขึ้นได้ไหม?”“งานเลี้ยงเมื่อวาน?”ถังว่านหลี่พยายามนึกให้ออก ก่อนจะส่ายหัวด้วยความเจ็บปวดและพูดว่า :“ฉันจำได้แค่ว่าฉันดื่มเหล้าของหลงเซียวที่มายื่นให้ด้วยความเคารพไปหนึ
ด้วยเหตุนี้ ทุกคนในตระกูลถังจึงทำได้เพียงเฝ้าดูถังว่านหลี่ถูกนักบู๊กลุ่มพันธมิตรสองคนลากออกไปอย่างรุนแรงโดยช่วยอะไรไม่ได้“พ่อเอ๊ย!”หลินเสวี่ยเยี่ยนอยากจะไล่ตามไป แต่กลับถูถังเจี้ยนหยวนขวางเอาไว้“น้องสะใภ้ ฉันรู้ว่าคุรไม่สบายใจ แต่.....อย่าเศร้าไปเลย พวกเราจะต้องหาหลักฐานให้เจอโดยเร็วที่สุด....” เมื่อถังเจี้ยนหยวนพูดออกมาแบบนี้ สีหน้าของตัวเขาเองก็ดูทำอะไรไม่ถูกอย่างยิ่ง และไม่มีสิทธิ์เกลี้ยกล่อมอะไรได้“หยิงหลิง!”หลินเฟิงไล่ตามออกไป โดยที่ทุกคนในตระกูลถังต่างก็ไม่ทันสังเกตการตะโกนของหลินเฟิงทำให้หยินหลิงตกตะลึงไปชั่วครู่ เธอชะงักเล้กน้อย ก่อนที่รอยยิ้มแข็ง ๆจะปรากฏบนใบหน้าก่อนจะค่อย ๆหันหลังกลับไปถ้าเป็นไปได้ หยินหลิงก็ไม่อยากเจอหลินเฟิงในสถานการณ์แบบนี้สิ่งนี้จะทำให้เธอดูเหมือนเป็นคนเลือดเย็นอย่างไม่ต้องสงสัยหลังจากแยกทางกันมานาน เธอก็ไม่อยากทิ้งความรู้สึกไม่ดีแบบนี้ไว้ในใจของหลินเฟิง“พี่....หลินเฟิง มีอะไรหรือเปล่า?”“เขา”หลินเฟิงยื่นนิ้วไปชี้ถังว่านหลี่ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยดีนักว่า :“อาถังว่านหลี่ เขาถูกใส่ร้ายจริง ๆ”“เขาถูกวางยาพิษปรสารท ไม่
“ไม่ได้นะ ท่าผู้นำ ไม่สามารถปล่อยอาว่านหลี่ไปกับพวกเขาได้!”“ใช่แล้วท่านผู้นำ อย่างมากพวกคุณกับพวกเขาจะต้องต่อสู้กันจนตายทั้งสองฝ่าย!”“ใช่ พวกเราไม่กลัวตาย!”เมื่อเห็นกลุ่มศิษย์น้องของตระกูลถังที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง ทันใดนั้นใบหน้าของถังเจี้ยนหยวนก็เย็นชาขึ้นมาทันที“สู้กันจนตายทั้งสองฝ่าย? เหอะ พูดง่ายนักนะ!”“พวกแกเคยคิดหรือเปล่า หากต้องมีปัญหากับผู้ว่ารัฐมนตรีเมืองจิง แล้วตระกูลถังของพวกเราจะมีผลกระทบขนาดแค่ไหน?!”“ไม่ต้องพูดว่าพวกเรายากที่จะรับมือกับนักบู๊ไของกลุ่มพันธมิตรบู๊ได้ ราวกับผู้ว่าโกรธ แล้วระดมกำลังทหารไปทั่งทั้งเมืองจิงอย่างนั้นตระกูลถังของเราคงจะจบลงอย่างแท้จริงแล้ว!”“ถึงตอนนั้น...”ถังเจี้ยนหยวนมองไปรอบ ๆ ก่อนจะพูดอย่างเฉยเมยว่า :“พวกเราไม่เพียงแต่จะล้างความอัปยศไม่ได้แล้ว แต่ยังถูกฆ่าด้วยน้ำมือของคนอื่น!”“ศัตรูของพวกเรา คงจะกังวลที่พวกเราไม่หาเรื่องตายไปซะ”“เขาหวังว่าพวกเราจะปะทะกับกลุ่มพันธมิตร!”ถังเจี้ยนหยวนตะโกนประโยคนี้ออกมา ทันใดนั้นก็ทำให้คนตระกูลถังทุกคนที่อยู่โดยรอบตกใจกันทันที“แต่ว่า....ท่านผู้นำ แล้วพวกเราจะยอมรับความพ่ายแพ่งั้นเหรอ?”
“พวกคุณเข้ามาไม่ได้!”ผู้คุ้มกันของตระกูลถังขัดขวางนักบู๊เหล่านี้อยู่ที่หน้าประตู ปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างซื่อสัตย์“ดูให้ดีนะ ในมือฉันมีหลักฐานที่ถังว่านหลี่กระทำเรื่องเลวร้าย และหมายจับที่อนุมัติลงมาโดยผู้ว่ารัฐมนตรีประจำเมืองจิง!”“ถ้าหากตระกูลถังของพวกคุณยังกล้ากีดขวางอีก เช่นนั้นก็จะเป็นศัตรูกับกลุ่มพันธมิตรบู๊ และทั้งประเทศมังกร หลีกไปซะ!”หลังจากเสียงตะโกนของหยินหลิงผู้คุ้มกันของตระกูลถังมองหน้ากันไปมาจากนั้นทำได้เพียงหลีกทางให้ด้วยท่าทางหดหู่ถ้าหากเปิดศึกกับกลุ่มพันธมิตรบู๊ การตัดสินแบบนี้พวกเขาไม่กล้าคิดเลยอีกทั้งฝ่ายที่เสียเปรียบก็คือพวกเขาพวกเขาจับคนอย่างถูกกฎหมาย หลักฐานวางอยู่ตรงหน้าพวกเขาถ้าหากกล้าขัดขืนอีก แบบนั้นก็จะเป็นการปกป้องคนผิดแล้วเห็นได้ชัดว่า หยินหลิงรอหลักฐานด้วยเวลาที่นานขนาดนี้ อันที่จริงก็เพื่อลดภัยแห่งความตายถ้าหากเมื่อครู่ไม่มีหลักฐานแล้วฝืนบุกเข้าไปที่ประตูตระกูลถังก็ต้องเกิดการสู้รบกันยกใหญ่“ไป!”หยินหลิงพาลูกน้องของกลุ่มพันธมิตรบู๊ ไม่นานนักก็มาถึงวิลล่าขนาดเล็กที่ถังว่านหลี่อาศัยอยู่“ถังว่านหลี่ตระกูลหลี่! ลวนลามหลี่เซี่ยงถง
“เอาล่ะคุณน้า ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาระบายอารมณ์นะ ตอนนี้พวกเราต้องหาคำตอบให้ชัดเจนว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น”หลินเฟิงว้าวุ่นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะดึงหลินเสวี่ยเยี่ยนออกไป“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”ถังว่านหลี่เหลือบมองผู้คนที่อยู่โดยรอบ แล้วทำสีหน้าสงสัยก่อนจะตบศีรษะ พร้อมกับนึกคิดย้อนความทรงจำและขมวดคิ้วพูดว่า :“ไม่ถูกสิ ฉันไม่ใช่ตัวแทนตระกูลถังไปเข้าร่วมงานเลี้ยงตอนเย็นของลูกสาวผู้ว่ารัฐมนตรีประจำเมืองจิงงั้นเหรอ? ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่ได้ล่ะ?” “เป็นถังจวินที่พาคุณกลับมา”ถังเจสี้ยนหยวนมองไปที่ชายร่างสูงที่ร่างกายแข็งแรง วัยสามสิบกว่าปีที่อยู่ด้านข้าง“ถังจวิน?”ถังว่านหลี่ตกตะลึง ถังจวินคนนี้คือหัวหน้าหน่วยลับของตระกูลถัง เป็นลูกบุญธรรมของคุณปู่ตระกูลถัง ที่ได้มอบนามสกุลถังให้หากคระกูลถังส่งหน่วยลับไปช่วยชีวิตตัวเองกลับมา ถ้าอย่างนั้นเรื่องราวก็คงจะซับซ้อนแล้ว “อาถัง คุณยังจำงานเลี้ยงตอนเย็นเมื่อวานว่ามันเกิดอะไรขึ้นได้ไหม?”“งานเลี้ยงเมื่อวาน?”ถังว่านหลี่พยายามนึกให้ออก ก่อนจะส่ายหัวด้วยความเจ็บปวดและพูดว่า :“ฉันจำได้แค่ว่าฉันดื่มเหล้าของหลงเซียวที่มายื่นให้ด้วยความเคารพไปหนึ
“เฮ้อ....”เมื่อเห็นหลินเฟิงพยักหน้าให้กับตัวเองแล้ว หยินหลิงก็เหมือนกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก พร้อมกับนิ้วของเธอที่ถือกระบี่ก็ผ่อนคลายลงอย่างมาก“ผู้นำ เมื่อครู่ชายคนนั้นคือ....”“เขาเป็นศิษย์พี่ของฉัน”เห็นได้ชัดว่าหยินหลิงไม่ต้องการที่จะพูดมากไปกว่าแค่ประโยคนี้“ศิษย์พี่....”ผู้อาวุโสที่อยู่ด้านข้างครุ่นคิด ก่อนจะพึมพำกับตัวเองว่า :“ศิษย์พี่ที่นามสกุลหลิน......ฉันเหมือนกับจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว....”หยินหลิงเหลือบมองผู้อาวุโสที่กำลังพูดกับตัวเอง แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธหรือยืนยัน“ปัง!”หลินเฟิงเตะประตูห้องโถงประชุมให้เปิดออกในเวลานี้ห้องโถมประชุมของตระกูลถังเต็มไปด้วยผู้คน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่พอใจอย่างมากกับวิธีการเข้ามาที่หยาบคายของหลินเฟิงถึงขนาดที่หลาย ๆคนอยากจะดุด่าทันที“เอาล่ะ” ถังเจี้ยนหยวนที่ถูกหลินเฟิงทำให้ตกใจเช่นกัน แต่เขาก็ตอบสนองกลับมาอย่างรวดเร็ว และใช้สายตาเพื่อหยุดไม่ให้คนรอบตัวตำหนิเรื่องในคราวนี้ร้ายแรงเกินไปมันเกี่ยวข้องกับคำแถลงและการเจริญและเสื่อมถอยของตระกูลถังไม่ใช่เวลาที่จะมาปฏิบัติตามมารยาทและศีลธรรม ถังเจี้ยนหยวนก้านไปข้างหน้า ก่อนจ
ในที่สุดกัวโหย่งคังก็ยอมรับความพ่ายแพ้ถึงแม้ว่าจะเห็นแก่หน้าของเผิงกวงฉี่ แต่หลี่ฮุ่ยหรานก็รู้ว่าครั้งนี้ เธอสามารถรับช่วงหลี่ซื่อกรุ๊ปได้เร็วขนาดนี้ และทำให้ปัญหาที่แก้ยากหมดไปด้วยเช่นกันทุกอย่างล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับหลินเฟิงอย่างไรก็ตามคนสำคัญอย่างหลินเฟิงก็ไม่ได้หยุดอยู่ที่หลี่ซื่อกรุ๊ปนานเกินไปหลังจากที่เขาได้ยินว่ากัวโหย่วคังยอมรับความพ่ายแพ้ ก็ยิ่งรู้สึกวางใจ และส่งมอบหลี่ซื่อกรุ๊ปให้กับหลี่ฮุ่ยหรานและเผิงกวงฉี่แล้วเขาก็รีบขับรถไปทางเมืองจิง“หลินเฟิง ถังหว่านไม่ให้ฉันบอกคุณเรื่องของตระกูลถัง...ตอนนี้มันซับซ้อนมาก”หลินเสวี่ยเยี่ยน เแม่ของถังหว่านร้องไห้ผ่านทางโทรศัพท์พร้อมกับพูดว่า :“ดูเหมือนว่าพ่อของเขาจะถูกวางยาพิษแล้วหมดสติไป พวกเราอยากจะถามเขาว่าเมื่อคืนวานมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น แต่ก็ไม่มีวิธีอื่น”“ทางพันธมิตรบู๊ขอแค่ให้พวกเราส่งคนให้ และหากยังเป็นแบบนี้ต่อไป ตระกูลถังก็คงจะไม่สามารถทนต่อความกดดันได้อีกแล้ว”“คุณน้า คุณไม่ต้องร้อนใจ”หลินเฟิงถือพวงมาลัยด้วยมือข้างหนึ่ง โดนที่มืออีกข้างถือโทรศัพท์อยู่ พร้อมกับพูดอย่างใจเย็นว่า :“ถังหว่านล่ะ? ตอนนี้เธอถึงเมื
“นายทำได้ไม่เลว วางใจได้ ฉันหลินเฟิงไม่ใช่คนที่ไม่รักษาคำพูด นี่คือยาแก้พิษ นายทานเข้าไป สามารถแก้พิษในร่างกายของนายได้ชั่วคราว”“ขอบคุณครับคุณหลิน”จ้าวเว่ยรับมาด้วยความเคารพครู่หนึ่ง หลินเฟิงก็พูดต่อว่า: “ฉันดูแล้วนายก็ฝึกวิทยายุทธศิลปะการต่อสู้ด้วยเหรอ?”“เอ่อ...”จ้าวเว่ยเกาศีรษะอย่างกระอักกระอ่วน และฝืนยิ้มพูดว่า:“เคยเรียน แต่พรสวรรค์ของผมไม่เพียงพอ เคยเรียนแค่ท่วงท่าผิวเผินเท่านั้น ดังนั้น...”“อืม”หลินเฟิงยื่นยาเม็ดนี้ให้เขา พร้อมทั้งพยักหน้าพูดว่า:“นี่คือยาอมตะเลือดราชันย์ สามารถเพิ่มพลังชีวิตในร่างกายให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นได้ ถึงแม้จะไม่ถึงขั้นทำให้โครงกระดูกมีเนื้องอกขึ้นมา หรือชุบชีวิตคนตายได้ แต่ผลลัพธ์ก็พอๆกัน”“ครั้งหน้าฝึกวิทยายุทธการต่อสู้ นายก็กลืนยาเม็ดนี้เข้าไป เพียงพอที่จะทำให้นายเข้าสู่การเป็นยอดฝีมือกำลังภายในได้”“ขอบคุณคุณหลินมากๆ ครับ!”จ้าวเว่ยรับยาเม็ดนี้มาด้วยความตื่นเต้น ในสายตาของเขาเต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจวิชาศิลปะการต่อสู้ผิวเผินบนตัวของเขา ได้รับมาจากหลงเซียวแน่นอนอยู่แล้วในตอนที่เขาแสดงออกว่าเขาเรียนรู้ช้ามาก หลงเซียวกลับมีท่าทางที่ไม่
“หากพบว่าครั้งต่อไปคุณไม่เคารพคุณหลินอีก หรือกระทำที่มากเกินไป ก็อย่ามาโทษผม ต่อให้เป็นประธานหลี่ก็ไม่สามารถปกป้องคุณได้!”หลังจากที่พูดจบ เผิงกวงฉี่ก็ตะคอกก่อนจะจากไปสิ่งนืทำให้จางซินถอนหายใจด้วยความโล่งอกในที่สุดเธอมองไปทางหลินเฟิง เพื่อจะโต้กลับด้วยแววตาที่ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ แต่เมื่อคิดถึงคำเตือนของเผิงกวงฉี่ เธอก็ทำได้เพียงก้มหัวลงอย่างรวดเร็วเท่านั้น“เอาล่ะ เธอรีบไปเถอะ บริษัทเล็ก ๆของฉันแห่งนี้ไม่สามารถรองรับคนใหญ่โตแบบเธอได้หรอก ถ้าหากมีครั้งหน้าอีก ใคร ๆก็ไม่สามารถปกป้องเธอได้อีกแล้ว!”หลี่ฮุ่ยหรานพูดอย่างเฉยเมย จากนั้นก็ตามเผิงกวงฉี่ไปจะเหลือเพียงแค่หลินเฟิงและจ้าวเว่ยเท่านั้น“คุณหลิน ผมมีเรื่องด่วนที่นี่ ที่คุณจำเป็นต้องรู้.....”สีหน้าของจ้าวเว่ยดูรีบร้อน ตั้งแต่เมื่อครู่ที่เขาอดกลั้นมาโดยตลอด “สถานการณ์เร่งด่วน?” หัวใจของหลิน
แต่เมื่ออยู่ข้าง ๆหลินเฟิง จะต้องไว้หน้าหลินเฟิง“คุณหลิน คุณคิดว่าควรจะทำอย่างไรดี?”“ผม.....”ขณะที่หลินเฟิงกำลังจะพูด ประตูห้องทำงานของหลี่ฮุ่ยหรานก็ถูกผลักเปิดออกมาทันทีหลี่ฮุ่ยหรานที่ได้ยินการเคลื่อนไหวที่ทางเดินก็รีบออกไปเมื่อเธอมองเห็นจางซิน แววตาก็อึมครึ้มลงด้วยความโกรธทันที และเกือบจะเป็นลม ทำไมยัยนี่สร้างปัญหาให้เธออีก“หลินเฟิง คุณกลับมาแล้ว”แต่ตอนนี้อยู่ต่อหน้าคนนอก หลี่ฮุ่ยหรานก็ไม่สามารถปล่อยให้ตัวเองเสียมารยาทได้เธอพยักหน้าให้หลินเฟิงเล็กน้อย ก่อนจะเดินอ้อมจางซิน แล้วมองไปที่เผิงกวงฉี่พร้อมกับเอ่ยถามว่า :“ท่านนี้คือ?”“ผมเป็นนักแสดงที่ได้รับการว่าจ้างจากคุณหลินในราคาที่สูงลิ่ว ให้มารับบทเป็นเผิงกวงฉี่ คนที่ร่ำรวยเป็นอันดับหนึ่งในหัวตง”เมื่อได้ยินคำแนะนำนี้จากสุภาพบุรุษที่ไม่ธรรมดาคนนี้ หลี่ฮุ่ยหรานก็ตะลึงทันที แต่เธอก็ฉลาดมาก เพียงแค่เหลือบมองไปทางจางซิน ก็เข้าใจได้ทันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้นที่นี่“เฮ้อ...ตัวซวย”หลี่ฮุ่ยหรานจับใหน้าผากแต่แทบจะในทันที หลี่ฮุ่ยหรานก็แสดงรอยยิ้มออกมาอย่างชำนาญ พร้อมกับทันทายเผิงกวงฉี่ว่า : “คิดไม่ถึงว่าเถ้าแก่เผิงจะม