ในเมื่อเมื่อวานหลินเฟิงฝากฝังเรื่องไว้กับเธอเธอไม่กล้าลืมหรอกเมื่อมาถึงหน้าคฤหาสน์ จางเจียหนิงรายงานชื่อของสำนักไป๋เกาในทันทีคนรับใช้ไม่กล้าเฉยเมย รีบเชิญจางเจียหนิงเข้าไปในคฤหาสน์เมื่อมาถึงห้องรับแขก คนรับใช้พูดอย่างสุภาพ: “คุณหนูจาง คุณรออยู่ตรงนี้สักครู่นะคะ ฉันไปรายงานนายท่านเดี๋ยวนี้ค่ะ”จางเจียหนิงพยักหน้าติดต่อกัน: “ค่ะ รบกวนคุณด้วยค่ะ”ผ่านไปครู่หนึ่ง หลี่ไห่ซานเดินค้ำไม้เท้าลงมาจากชั้นสองด้านหลังมีจางกุ้ยหลานกับหลี่เหวินเชาตามมาด้วย“คุณปู่ช้า ๆ หน่อยค่ะ”เมื่อคืนหลังจากที่จางกุ้ยหลานนัดเดทกับเพื่อนเก่าสมัยเรียน คนทั้งคนดูกะปรี้กะเปร่าอย่างมาก และอารมณ์ดีเป็นพิเศษมีความใจกว้างต่อคุณปู่เพิ่มขึ้นเยอะมากเดิมทีเธอยังอยากนอนต่ออีก แต่เมื่อได้ยินว่าคนที่มาคือหลานสาวของจางเต๋อหลิน เธอก็ไม่กล้าเฉยเมย จึงตามคุณปู่ลงมาชั้นล่างด้วยกันถึงขั้นที่เรียกลูกชายของตัวเองให้ตื่นขึ้นมาจางเจียหนิงเห็นคนตระกูลหลี่ลงมาก็รีบลุกขึ้นยืน“คุณปู่ตระกูลหลี่ สวัสดีค่ะ ฉันคือจางเจียหนิงของสำนักไป๋เกา”“ไอหยา เจียหนิง รีบนั่ง รีบนั่ง มาที่นี่ก็เหมือนกับบ้านของตัวเอง อย่าเกรงใจเด็ดขาด”
จางเจียหนิงตกใจอย่างมากคิดไม่ถึงว่าจางกุ้ยหลานจะอารมณ์ขึ้นถึงขนาดนี้ในใจแอบคิดเอาเอง หลินเฟิงมีความแค้นอะไรกับเธอกันแน่นะ?จางกุ้ยหลานใบหน้าดุดัน ด่าเสร็จจึงนึกขึ้นได้ว่าจางเจียหนิงยังอยู่ สีหน้าเปลี่ยนไปทันทีเธอหัวเราะแห้ง ๆ: “คุณหนูจาง ฉันไม่ได้ตะคอกใส่คุณนะคะ”“คุณไม่รู้หรอกค่ะ หลินเฟิงคนนั้นคืออดีตสามีของฮุ่ยหราน อยู่ฟรีกินฟรีที่ตระกูลหลี่ของเราสามปี”“ไม่หาเงินแม้แต่สตางค์เดียว มีแต่ฮุ่ยหรานของพวกเราเลี้ยงดูเขา เป็นคนไร้ค่าจริง ๆ เลย”จางเจียหนิงมุมปากกระตุกเล็กน้อย: “คุณน้าวางใจได้ค่ะ ฉันไม่บอกเขาแน่นอน”ดูท่าหลินเฟิงคิดได้รอบคอบมาก โชคดีที่ตัวเองไม่ได้พูดว่ายานี้หลินเฟิงเป็นคนทำขึ้นมาไม่อย่างนั้นจางกุ้ยหลานคนนี้คงจะนำยาไปโยนทิ้งจริง ๆ ก็ได้ในตอนนี้คุณปู่ตระกูลหลี่กระแอมขึ้นมา และถลึงตาใส่จางกุ้ยหลาน: “หลินเฟิงก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นเหมือนกับที่เธอพูด”“เอาเถอะ คุณปู่ คุณอย่าช่วยพูดจาแทนหลินเฟิงเลย หรือที่ฉันพูดไม่ใช่เรื่องจริงเหรอคะ?” จางกุ้ยหลานกลอกตามองบนในตอนนี้หลี่เหวินเชาขยับเข้ามาใกล้ และมองจางเจียหนิงอย่างละลาบละล้วง: “คุณหนูจาง ไม่ทราบว่าคุณมีแฟนแล้วยังครับ
“ฉันรีบร้อนอยู่แล้ว แต่เขาก็ไม่ใช่คนประเภทนั้นน่ะสิ ถ้าเขามีความสามารถได้ครึ่งหนึ่งของหลินเฟิง ฉันก็มีหน้าไปสู่ขอให้”หลี่เหวินเชาพูดอย่างไม่พอใจ: “คุณปู่ ในสายตาของคุณ ผมเทียบหลินเฟิงไม่ได้ขนาดนั้นเชียวเหรอ?”“ฉันดูแล้วคุณปู่สมองเลอะเลือนแล้ว หน้าของหลานสาวคุณถูกคนเอามีดกรีดจนเป็นแบบนั้นแล้ว ไม่ใช่เพราะหลินเฟิงเหรอ” จางกุ้ยหลานก็ไม่พอใจคุณปู่ขมวดคิ้วพูด: “เรื่องนี้ทำไมถึงโทษหลินเฟิงได้ล่ะ? อีกอย่างหลินเฟิงไหว้หวานสำนักไป๋เกาให้ทำยารักษาฮุ่ยหรานแล้วไม่ใช่เหรอ”“ฮ่าฮ่าฮ่า......”จางกุ้ยหลานหัวเราะเสียงดัง: “คุณคิดอะไรอยู่น่ะ? หลินเฟิงมีคุณสมบัติอะไรให้จางเต๋อหลินทำยาให้?”“งั้นจางเต๋อหลินรู้ได้อย่างไรว่าฮุ่ยหรานได้รับบาดเจ็บ? หรือเป็นเพราะพวกเธอไปบอกจางเต๋อหลินเหรอ?”คุณปู่เชื่อมั่นว่าเบื้อหลังเรื่องนี้ ต้องเป็นเพราะหลินเฟิงได้ออกแรงแล้วจางกุ้ยหลานสองมือกอดอกพูดเย้ยหยัน: “นั่นเป็นเพราะเลี่ยวกั๋วต้งเพื่อนเก่าสมัยเรียนของฉันโทรศัพท์ไปหาจางเต๋อหลิน เขาถึงได้รับปากรักษาให้ฮุ่ยหราน”“เลี่ยวกั๋วต้ง ใครกัน?” คุณปู่ขมวดคิ้วถามจางกุ้ยหลานพูดอย่างภาคภูมิใจ: “เพื่อนเก่าของฉันคนหนึ่ง ต
หลี่ฮุ่ยหรานมีความมั่นใจกลับมาเหมือนกับในอดีตทันที รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าอีกครั้ง“พี่......ตอนนี้พี่เปลี่ยนไปสวยกว่าเมื่อก่อนอีก” หลี่เหวินเชาอดชื่นชมไม่ได้“จิ๊จิ๊ ไม่เสียแรงที่เป็นลูกสาวของจางกุ้ยหลาน สวยหยาดเยิ้มโดยธรรมชาติ นี่ไม่สวยกว่านังจิ้งจอกถังหว่านคนนั้นเยอะเลยเหรอ” จางกุ้ยหลานพูดอย่างถือดีเลี่ยวกั๋วต้งที่อยู่ด้านข้างก็พยักหน้าติดต่อกัน: “นั่นแน่นอนอยู่แล้ว ตอนที่คุณเป็นสาวเป็นถึงดาวโรงเรียนเชียวนะ ฮุ่ยหรานไม่มีทางแย่อยู่แล้ว”ในใจของเขาอดตกตะลึงกับความมหัศจรรย์ในวิชาการแพทย์ของจางเต๋อหลินไม่ได้ และก็ยิ่งตกตะลึงกับความสวยของหลี่ฮุ่ยหรานน่าเสียดายที่ตัวเองไม่ได้เป็นวัยรุ่นอีกต่อไปแต่ว่า......ก็ไม่บอกสักหน่อยว่าโคแก่กินหญ้าอ่อนไม่ได้นี่นา!จางกุ้ยหลานสะกิดลูกสาวที่ดื่มด่ำอยู่กับความสวยงาม: “ฮุ่ยหราน ลูกยังไม่รีบขอบคุณคุณลุงเลี่ยวอีก”“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณลุงเลี่ยวไหว้วานเส้นสายไปหาจางเต๋อหลิน หน้าของลูกไม่รู้ว่าจะหายดีตอนไหนด้วยซ้ำ”หลี่ฮุ่ยหรานโค้งคำนับและพูดขอบคุณ: “ขอบคุณค่ะลุงเลี่ยว”“จ้า ไม่ต้องเกรงใจ ไม่ต้องเกรงใจ......เรื่องเล็กแค่นี้ไม่ควรค่าแก่การเอ่ยถึง”เลี
หลินเฟิงกระแอมเสียงเบา: “ผมกับเธอไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่ในฐานะบอดี้การ์ดของคุณ แน่นอนว่าจะต้องปกป้องคุณ ผมจะลงไปเดี๋ยวนี้”“คุณเนี่ยนะปากแข็งมากจริง ๆ” ถังหวั่นขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพูดขึ้นไม่นานนัก หลินเฟิงลงมาถึงชั้นล่าง ถังหว่านกับฉินอิ๋งได้รอเป็นเวลานานเมื่อขึ้นรถ ถังหว่านก็ยิ้มพูด: “คุณว่าวันนี้หลี่ฮุ่ยหรานจะมาไหมนะ?”หลินเฟิงคำนวณเวลา เมื่อวานหลี่ฮุ่ยหรานน่าจะได้รับยาของตัวเองแล้วใบหน้าของเธอน่าจะฟื้นคืนสู่สภาพเดิมแล้ว“น่าจะไปมั้ง”ไม่นานนัก ทั้งสามคนก็มาถึงไซต์งานที่รกร้างตรงเขตซีเฉิงรอบด้านมีริบบิ้นสีแดงผูกอยู่เต็มไปหมด บนพื้นยังปูพรมแดงอีกด้วยเถ้าแก่หลายคนในเมืองเจียงโจวก็มาร่วมครึกครื้นที่รกร้างแห่งนี้ จึงคึกคักขึ้นมาหลังจากถังหว่านจอดรถก็มองหลินเฟิงผ่านกระจกมองหลังแล้วถามขึ้น: “อีกเดี๋ยวฉันจะไปคบค้าสมาคมกับเถ้าแก่คนอื่น ๆ หน่อย คุณจะไปด้วยกันไหม?”“ช่างเถอะ ผมไม่ชอบพูดคุยเรื่อยเปื่อย ให้ฉินอิ๋งไปกับคุณเถอะ มีเรื่องอะไรคุณค่อยเรียกผม”ถังหว่านพยักหน้า: “ได้ งั้นคุณเดินเล่นตามสบาย มีอะไรฉันจะติดต่อคุณ”หลินเฟิงพยักหน้าเมื่อถังหว่านลงจากรถก็ถูกเถ้าแก่จำนวนหลายค
แน่นอนว่าหวางเส้าหลงไม่เชื่อที่จางกุ้ยหลานพูด และคิดว่าเธอก็แค่คุยโวโอ้อวดโบกไม้โบกมืออย่างทนไม่ไหว: “พอแล้วๆ อย่ามาทำให้ผมชักช้าอยู่ตรงนี้”พูดจบก็โอบเอวแฟนสาวหุ่นนางแบบเดินจากไปจางฮุ้ยหลานยังอยากจะแก้ตัวอีกสักหน่อย และหลินเฟิงที่อยู่ข้างๆ ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา: “เขาขี้เกียจสนใจคุณ แต่คุณยังจะเสนอหน้าทำดีกับเขาอีก”“นายเงียบไปเลยนะ นี่มันเกี่ยวอะไรกับนาย?”จางฮุ่ยหลานถลึงตาดุใส่เขาถังหว่านในเวลาก็ถือไมโครโฟนเดินขึ้นมากลางเวทีใบหน้าเผยรอยยิ้มด้วยความเป็นอาชีพ: “วันนี้เป็นพิธีตัดริบบิ้นเปิดโครงการซีเฉิง ก่อนอื่นฉันอยากแนะนำพาร์ตเนอร์ของฉันสักหน่อยค่ะ...”“ประธานกรรมการของหลี่ซื่อกรุ๊ป คุณหลี่ฮุ่ยหราน...”ถังหว่านพูดจบเสียงปรบมือด้านล่างเวทีก็ดังกึกก้องขึ้นในทันทีเห็นเพียงหลี่ฮุ่ยหรานสวมกระโปรงยาวสีฟ้า และเดินจับชายกระโปรงเดินขึ้นไปอย่างช้าๆหวางเส้าหลงปรบมือแบบส่งไปที แต่เมื่อเขาเห็นใบหน้ารูปไข่สวยไร้ที่ติของหลี่ฮุ่ยหรานตกตะลึงจนกรามแทบค้างดวงตาคู่นั้นจ้องมองหลี่ฮุ่ยหรานด้วยความที่ไม่ยากจะเชื่อ“นี่...นี่แม่งเป็นไปได้ไง?”เขาเห็นกับตาว่าแผลเป็นจากคมมีดบนหน้
นับตั้งแต่ที่ไดนาสตี้บาร์ครั้งก่อน ทำให้รู้จักหน้าคร่าตาของหวางเส้าหลงเธอก็รังเกียจหวางเส้าหลงมากเหมือนกันแม้หลินเฟิงจะเป็นคนไร้ประโยชน์ไปบ้าง แต่อย่างน้อยก็ไม่เหมือนหวางเส้าหลงที่จอมปลอมขนาดนั้นตัวเธอเองมองคนผิดไปแล้วจริงๆหวางเส้าหลงรู้ว่าหลี่ฮุ้ยหรานยังโกรธอยู่จึงหัวเราะเหอะๆ แล้วพูดขึ้น: “ฮุ้ยหราน ที่ผ่านมาผมไม่ดีเอง ผมไม่ควรเอาดีเข้าตัวเลย”“ผมรับรองว่าต่อไปนี้จะไม่ทำแบบนี้อีกเป็นอันขาด คุณให้โอกาสผมอีกครั้งเถอะนะ”หลี่ฮุ้ยหรานหัวเราะด้วยเย็นชา: “โอกาสอะไร? ที่ผ่านมาเราก็ไม่ได้เป็นเพื่อนสนิทอะไรกันไม่ใช่เหรอ?”หวางเส้าหลงพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง หลี่ฮุ้ยหรานในเวลานี้ไม่คิดจะคืนดีกับเขาแล้วมองดูหลี่ฮุ้ยหรานหายไปท่ามกลางฝูงชนหวางเส้าหลงโกรธจนกัดฟันกรอดและกำหมัดแน่น ในใจก็ด่าขึ้นว่า: “เดี๋ยวได้เจอดีแน่ หลี่ฮุ้ยหราน”“ฉันช่วยให้มึงได้ร่วมมือกับตระกูลถัง ไม่คิดเลยว่ามึงแม่งยังกล้าถีบส่งฉัน”“ไม่ช้าก็เร็วฉันจะให้แกได้ชดใช้”หลินเฟิงนั่งอาบแดดอยู่บนม้านั่งตัวหนึ่งที่อยู่ด้านล่างเวทีหลี่ฮุ้ยหรานในเวลานี้ได้เดินมาจากทางด้านหลังของเขา และนั่งลงข้างๆ เขาหลินเฟิงลืมตาขึ้นอย่า
หลินเฟิงได้ยินประโยคนี้ก็ขมวดคิ้วในทันทีสู่ขอ และยังจะเป็นดองกับจางเต๋อหลินด้วยเนี่ยนะ? เหมือนจางเต๋อหลินจะมีหลานสาวที่มีอายุพอจะแต่งงานได้แค่คนเดียวด้วยสิคงไม่ใช่จางเจียหนิงหรอกนะ?เลี่ยวกั๋วต้งยิ้มเบาๆ แล้วพูดขึ้น: “เหวินเชาวางใจเถอะนะ ลุงไม่เคยลืมเรื่องนี้เลย”“ครั้งนี้ไม่ใช่แค่เป็นพ่อสื่อให้กับหนู ยังจะช่วยแนะนำงานให้กับหนูด้วย”เดิมทีเขาไม่อยากที่จะรับปากเรื่องนี้เลย แต่เมื่อคืนวานเขาคิดแผนการที่สมบูรณ์แบบขึ้นได้ซึ่งไม่เพียงจะช่วยเป็นพ่อสื่อให้กับหลี่เหวินเชา แถมยังทำให้หลี่เหวินเชาได้มีงานที่ไม่เลวงานหนึ่งทำหลี่เหวินเชาทำหน้าสีตกตะลึง: “ยังช่วยผม...หางานด้วยงั้นเหรอครับ?“งานอะไรเหรอครับ?” เขาถามขึ้นด้วยความประหลาดใจส่วนตัวเขาไม่คิดที่จะอยากทำงานเลยสักนิด หากจะต้องทำงานไม่สู้ใช้ชีวิตไปกับวันกับพี่สาวของตัวเองอยู่อย่างนั้นดีกว่าเลี่ยวกั๋วต้งยิ้มพร้อมพูดขึ้น: “ทำงานให้กับคุณหนูถัง”“ซืด...ทำงานเป็นลูกน้องของถังหว่านงั้นเหรอ?” จางกุ้ยหลานตกใจได้ทำงานอยู่ข้างกายของคุณหนูใหญ่ตระกูลถัง นั่นเป็นงานที่ใครหลายคนใฝ่หาและใช่ว่าจะได้มา“กั๋วต้ง คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะเก่งขนา
หลินเฟิงเงยหน้ามองคน ๆ นั้นอย่างเย็นชา และจู่ ๆ จ้าวเว่ยก็โกรธขึ้นมาเล็กน้อย ทำไมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนี้ถึงได้พกความมั่นใจออกมาจากบ้านมามากขนาดนี้ได้?“ฉันเชิญให้ประธานหลี่มานั่งที่นี่ เพราะฉันมีเรื่องใหญ่ที่ต้องคุยกับประธานหลี่ แกเป็นแค่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ถ้าแกทำให้การตกลงทางธุรกิจมีปัญหา แกจะชดเชยได้ไหม?!”จ้าวเว่ยพูดอย่างเย็นชา“ฉันมีคุณสมบัติเพียงพอ”หลินเฟิงแสร้งทำเป็นโง่และพยักหน้าตรง ๆ“แก….”เมื่อเห็นการปรากฏตัวของหลินเฟิง จ้าวเว่ยก็โกรธขึ้นมาทันที“ได้ ๆ”หลี่ฮุ่ยหรานเอื้อมมือไปจัดกระโปรงสั้นของเธอให้เรียบร้อย นั่งลงข้าง ๆ หลินเฟิง และทำตัวเป็นคนกลางอย่างช่วยไม่ได้ มองไปที่จ้าวเว่ยแล้วพูดว่า“น้องฉันเอาโน้ตบุ๊คของฉันไปก่อนหน้านี้ ถ้ามันอยู่กับคุณ โปรดส่งคืนให้เจ้าของเดิมด้วย”นี่คือเรื่องที่หลี่ฮุ่ยหรานกังวลมากที่สุดในขณะนี้เพราะมีเอกสารลับที่เกี่ยวข้องกับหลี่ซื่อกรุ๊ปจำนวนมากในโน้ตบุ๊ค ซึ่งไม่ควรให้บุคคลภายนอกดูหากจ้าวเว่ยพบและขายเอกสารเหล่านี้ให้กับบริษัทคู่แข่ง หลี่ซื่อกรุ๊ปจะต้องได้รับผลกระทบอย่างหนักโดยเฉพาะอย่างยิ่งบอร์ดบริหารคนก่อน ๆ
ใบหน้าของกัวโหย่วคังกลายเป็นซีดเผือด และสุภาษิตที่ว่า 'เรื่องน่าเศร้าที่สุดคือความคิดโง่เขลา' เป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุดในการอธิบายสถานะปัจจุบันของเขาโทรศัพท์ในมือของเขาตกลงพื้นพร้อมกับเสียงดังดูเหมือนว่าการตายของกัวไฉจะสร้างความกระทบกระเทือนครั้งใหญ่ให้กับเขาเขาไม่เคยคาดคิดว่าซือหม่าเซิงจะทำร้ายลูกชายของเขาจริง ๆ และไม่มีช่องทางในการเจรจา“หลินเฟิง...เป็นบอดี้การ์ดข้างตัวประธานหลี่ไม่ใช่เหรอ? หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัย? ใคร... เขาเป็นใครกันแน่?”หลังจากพึมพำประโยคนี้อย่างเหม่อลอย กัวโหย่วคังก็เงียบไปในขณะเดียวกันที่สำนักงานใหญ่ของหลี่ซื่อกรุ๊ปหลี่ฮุ่ยหรานได้รีบกลับไปพร้อมกับหลินเฟิงเฟิงแล้วเดิมทีพวกเขาทั้งสองต้องการออกไปทานอาหารเย็นด้วยกัน แต่เธอกลับได้รับสายจากจางซินระหว่างทางในโทรศัพท์ได้แจ้งว่าแฟนใหม่ของจางซินได้ส่งโน้ตบุ๊คของหลี่ฮุ่ยหรานมาให้แล้วเมื่อหลินเฟิงและหลี่ฮุ่ยหรานรีบกลับไปที่หลี่ซื่อกรุ๊ป พวกเขาเห็นเลขาคนหนึ่งเดินเข้ามาจากออฟฟิศ และพูดอย่างอึดอัดใจว่า“ประธานหลี่ ลูกพี่ลูกน้องของคุณเพิ่งออกไปประมาณครึ่งชั่วโมงที่แล้ว เธอฝากที่อยู่ไว้และบอกว่าคุณควรไปพบเ
“เหอะ ๆ….”ในขณะนั้น ซือหม่าเซิงซึ่งเปลี่ยนเป็นใบหน้ายิ้มแย้มก็เข้ามาหาหลินเฟิง ยื่นชาชั้นเลิศให้เขา และโผล่หัวออกมาเพื่อทดสอบ“คุณหลิน ฉันเพิ่งโทรหาผู้นำตระกูลของเรา และเขาฝากให้ฉันทักทายคุณ”“เอาล่ะ ฉันเข้าใจแล้ว”หลินเฟิงตอบพร้อมพยักหน้า เขามั่นใจในความสามารถของตัวเอง จึงไม่กังวลกับกลอุบายใด ๆ ของซือหม่าเซิง เขาจิบชาและพยักหน้าเห็นด้วย“ชานี้ไม่เลว”“ฮ่า ๆ คุณหลิน ถ้าคุณชอบ ฉันจะส่งให้คุณ”“ไม่จำเป็น”หลินเฟิงปฏิเสธ เขายืดตัวอย่างขี้เกียจแล้วหันไปหาหลี่ฮุ่ยหรานและพูดว่า“กลับมาคุยกันเรื่องหนี้ที่บริษัทของนายเป็นหนี้หลี่ซื่อกรุ๊ปกันเถอะ ขอฉันดูหน่อย... ยอดรวมน่าจะ 1000 ล้าน รวมดอกเบี้ย...”“ไม่ต้องคำนวณ”ซือหม่าเซิงพูดแทรกขึ้นพร้อมโบกมือพร้อมส่งยิ้มกว้างเขาเอื้อมมือไปห้ามหลินเฟิงไม่ให้คิดคำนวณต่อ และยิ้มพร้อมพูดว่า“ถือว่าเป็นการแสดงความยินดีกับประธานหลี่ที่เข้าดูแลหลี่ซื่อกรุ๊ป 1500 ล้าน 5000 ล้านถือเป็นของขวัญ และ 1000 ล้านเป็นจำนวนเงินที่ฉันเป็นหนี้บริษัทของคุณก่อนหน้านี้ คุณคิดว่ายังไง?”“โอเค”หลินเฟิงพยักหน้าหลี่ฮุ่ยหรานรู้สึกไม่สบายใจ และขมวดคิ้วพร้อมพูด“ม
การบุกเข้าไปในตระกูลซือหม่าและบังคับให้พวกเขาขอโทษ?เรื่องราวแบบนี้ถูกเล่าให้เด็ก ๆ ฟัง พวกเขาก็ยังไม่เชื่อ“เราจะได้เห็นดีกัน!”กัวไฉยิ้มอย่างเย็นชาแต่หลินเฟิงกลับเยาะเย้ย คิดว่ากัวไฉต้องการรนหาที่ตาย ไม่สามารถหยุดเขาได้และไม่ใช่หน้าที่ที่จะต้องหยุดเขาด้วยหลังจากนั้นไม่นาน ซือหม่าเซิงก็กลับมาเขากลับมาที่เก้าอี้สำนักงานด้วยท่าทางที่เคารพมากขึ้น พร้อมกับถือกาน้ำชาไว้ในมือก่อนที่เขาจะรินชา กัวไฉคลานไปตรงโต๊ะของเขาและชี้ไปที่หลินเฟิงและฟ้องว่า“พี่เซิง เด็ก….เด็กคนนี้เพิ่งดูหมิ่นตระกูซือหม่า?”“คุณไม่สามารถปล่อยเขาไปง่าย ๆ!”“โอ้?”พี่เซิงกรอกตามองและพูดอย่างใจเย็น“เขาดูหมิ่นตระกูลซือหม่ายังไง?”“เขาบอกว่า”หลังจากกลืนน้ำลาย กัวไฉก็เยาะเย้ยและพูด“เขาแค่อ้างว่ามีความแค้นกับตระกูลซือหม่า เขาบอกว่าเขาบุกเข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลซือหม่าในเมืองหลวง ทำร้ายนายน้อยของพวกเขา และบังคับให้ทั้งตระกูลขอโทษเขา!”“ถุ้ย!”กัวไฉแสร้งทำเป็นโกรธและพูดเสริม“ดูเด็กคนนี้สิ แล้วดูว่าตัวเองมีคุณค่าแค่ไหน เขากล้าที่จะกระจายข่าวลือแบบนี้ ฉันว่าเด็กคนนี้ตั้งใจหาที่ตาย พี่เซิง ได้โปรดอย่าลังเล….
ที่นอกประตู ซือหม่าเซิงลดเสียงลงเพื่อยืนยันตัวตนของหลินเฟิง ในขณะที่กัวไฉซึ่งซ่อนตัวอยู่ในมุมด้านในประตูจ้องมองหลี่ฮุ่ยหรานด้วยความประหลาดใจ“พวก...พวกแกติดสินบนพี่เซิงมาก่อนหน้างั้นเหรอ?”“พี่เซิง?”หลี่ฮุ่ยหรานรู้สึกสับสน นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับประธานของบริษัทเต๋อเซิ่งแห่งนี้ เธอจะติดสินบนเขาได้ยังไงกัน?หลี่ฮุ่ยหรานจึงมองไปที่หลินเฟิง“หากบุคคลนั้นมาจากตระกูลซือหม่าจริง เขาก็ควรจะได้ยินชื่อฉัน หากเขาได้ยินชื่อฉัน….”หลินเฟิงแสดงสีหน้าเสียใจต่อกัวไฉ“ถ้าอย่างนั้นแกก็คงโชคร้ายแล้วล่ะ”“นี่มัน... เป็นไปได้ยังไง?!”กัวไฉส่งเสียงคำรามแหบพร่า ซึ่งส่งไปที่หลี่ฮุ่ยหรานพร้อมกับพูดว่า“แกไม่ใช่ผู้นำตระกูลหลี่เล็ก ๆ ในเจียงหนานหรอกเหรอ? และแก….”เขาชี้ไปที่หลินเฟิงอีกครั้ง“แกไม่ใช่แค่บอดี้การ์ดโง่ ๆ เหรอ? เป็นไปได้ยังไงที่แกจะมีเส้นสายตระกูลซือหม่าในเมืองหลวงได้?!”“ฉันเคยมีปัญหากับตระกูลซือหม่าอยู่ช่วงหนึ่ง”เมื่อเห็นว่าหลี่ฮุ่ยหรานก็มองเขาด้วยสายตาสงสัย หลินเฟิงก็อธิบายอย่างช่วยไม่ได้:“ก่อนหน้านี้ ฉันขอให้อาอวี๋ส่งยาเป็นเครื่องบรรณาการตระกูลซือหม่าแทนฉัน แต่อาอวี๋ได้รั
“หลิน...หลินเฟิง?!”ซือหม่าเซิงจำได้ทันทีถึงคำเตือนเป็นพิเศษ ที่ซือหม่าเผิงหัวเคยสั่งเขาในระหว่างการประชุมออนไลน์กับตระกูลหลักซือหม่าก่อนหน้านี้“นี่คือชายหนุ่มที่ชื่อหลินเฟิง ซึ่งเมืองเจิ้งเต๋อที่นายอยู่ ก็ไม่ไกลจากเจียงโจวเลย ดังนั้นฉันกังวลว่านายอาจจะไปยั่วยุเขาได้”“จดจำไว้!”“ตระกูลซือหม่าของเราไม่อยากไปยั่วยุคน ๆ นี้ในตอนนี้! หากนายไปยั่วยุเขา ก็เตรียมรับโทษของตระกูลได้เลย!”ซือหม่าเซิงสั่นไปทั้งตัว ในที่สุดเขาก็หลุดออกจากความทรงจำและเปรียบเทียบหลินเฟิงกับรูปถ่ายที่เขาจำได้อย่างระมัดระวังใช่แล้ว เป็นเขาจริง ๆ!ในขณะนี้ เหงื่อเย็น ๆ ไหลซึมออกมาจากหลังของซือหม่าเซิงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่า ทำไมซือหม่าเผิงฮวาจึงให้ความสนใจหลินเฟิงเป็นพิเศษ แต่สิ่งเดียวที่เขารู้ก็คือ ถ้าเขาไปยั่วยุหลินเฟิง เขาจะละเมิดกฏตระกูลซือหม่าอย่างแน่นอน!เมื่อถึงเวลานั้น ชะตากรรมของเขา…..เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ซือหม่าเซิงก็ตัวสั่นเทาทันทีทันใดนั้น เขาเห็นกัวไฉอยู่ข้าง ๆ พร้อมด้วยรอยยิ้มเยาะบนใบหน้า แถมกำลังยั่วยุหลินเฟิงอยู่อีก“แกพิเศษอะไร!”เลือดลมของซือหม่าเซิงพุ่งพล่าน กัวไฉโยนขี้ก้อนใหญ่มาให
“แกไม่ใช่คนเมืองนี้ใช่ไหม?”กัวไฉส่ายหัวและยิ้มพร้อมพูดว่า“แกรู้ไหมว่า กองกำลังที่ห้ามท้ายทายในเมืองเจิ้งเต๋อคือใคร หรือ... แกรู้ไหมว่าใครอยู่เบื้องหลังพี่เซิง?”“ฉันไม่รู้”คำตอบที่ซื่อตรงของหลินเฟิง ทำให้กัวไฉพูดไม่ออกไปชั่วขณะ แต่เขากลับฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว รอยยิ้มของเขาเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเยาะ“คนเบื้องหลังพี่เซิงคือตระกูลซือหม่า หนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง! ชื่อเต็มของพี่เซิงคือซือหม่าเซิง”“ตระกูลซือหม่า?!”เมื่อได้ยินชื่อนี้ สีหน้าของหลี่ฮุ่ยหรานก็เปลี่ยนไปทันทีต้องรู้ว่าตระกูลซือหม่า เป็นหนึ่งในสี่ตระกูลที่ร่ำรวยในเมืองหลวง และเป็นตระกูลที่ไม่ควรยั่วยุมากสุด รองจากตระกูลหลงหากบริษัทเต๋อเซิ่งมีตระกูลซือหม่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง การทวงเงินของหลี่ซื่อกรุ๊ปอาจเป็นไปไม่ได้ยากที่จะเอากลับคืนมา“เหอะ….”ตอนนี้ซือหม่าเซิงยังแสดงรอยยิ้มที่พึงพอใจเล็กน้อย เพราะเขาเห็นแววของความตื่นตระหนกและความสิ้นหวังบนใบหน้าของหลี่ฮุ่ยหราน“แบบนี้เป็นไง เอาเงินมา 250 ล้าน เพื่อชดเชยเวลาที่รบกวนพี่เซิงซะ แล้วเราอาจจะปล่อยพวกแกไป”“ถ้าพวกแกปฏิเสธ ฮึ่ม...”ท่าทางที่น่ารังเกียจของก
“อย่ากังวลไปเลยน้องกัวไฉ ฉันรับเงินของนายมาแล้ว ฉันต้องจัดการให้อย่างแน่นอน”พี่เซิงรินชาใส่ถ้วยอย่างใจเย็นและสั่งการลูกน้องของเขา "ให้พวกเขาเข้ามา!”“ครับ”เมื่อลูกน้องออกไป ไม่กี่วินาทีต่อมา หลินเฟิงและหลี่ฮุยหรานก็เข้ามาในสำนักงาน“พวกคุณ... หื้ม?!”ขณะที่พี่เซิงกำลังจะพูดกับพวกเขา เขาก็หยุดชะงักเมื่อเห็นใบหน้าของหลินเฟิง ซึ่งดูคุ้นเคยอย่างน่าประหลาดเหมมือนว่าเคยเจอที่ไหนมาก่อน“พี่เซิง? พี่เซิง? เป็นอะไรไป? ทำไมคุณถึงเหม่อไปล่ะ?”เมื่อเห็นพี่เซิงจ้องมองหลินเฟิงอย่างว่างเปล่า กัวไฉก็ขมวดคิ้วและสะกิดเขาให้กลับมาได้สติ“ฮะ? โอ้... ไม่มีอะไร ไม่มีอะไร”พี่เซิงจำได้ทันทีชายคนนี้มีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับบุคคลที่ผู้นำตระกูล เตือนไว้ว่าอย่าไปยั่วยุเด็ดขาดแม้จะรู้สึกสงสัย แต่พี่ชายเซิงก็ระงับความสงสัยของตนไว้และหันไปพูดกับหลี่ฮุ่ยหราน“อะไรกัน? ประธานคนใหม่ของกลุ่มหลี่ถึงกับมาที่บริษัทเล็ก ๆ ของฉัน เธอมีเรื่องอะไรจะคุยกับฉันงั้นเหรอ?”พี่เซิงส่ายหัวและเป่าแก้วชา ด้วยท่าทางที่ดูผ่อนคลาย“ฮึ่ม….”หลี่ฮุ่ยหรานเห็นกัวไฉอยู่ข้าง ๆ เขา ซึ่งหลี่ฮุ่ยหรานรู้จักเขาดี ก่อนหน้านี้เคย
หลี่ฮุ่ยหรานเป็นคนเด็ดขาด บอกว่าไปก็ไปไม่นาน ทั้งสองก็มาถึงทางเข้าบริษัทเต๋อเซิ่งขณะนี้ กัวไฉ ลูกชายของกัวโหยวเต๋อ อยู่ในออฟฟิศกำลังคุยกับชายหัวโล้นด้วยท่าทางดุร้าย“พี่เซิง นี่เงิน 1000 ล้าน”กัวไฉดูไม่แก่เลย แต่ท่าทางของเขาค่อนข้างซับซ้อน เขาวางเช็คบนโต๊ะแล้วผลักไปทางชายหัวโล้น“หืม? คราวนี้เกิดอะไรขึ้น? นายอยากให้ฉันเป็นคนจัดการให้ใครสักคนแทนนายเหรอ?”ดูเหมือนว่ากัวไฉจะเป็นลูกค้าประจำเหมือนกัน ทันทีที่เขารับเช็คไปข้างหน้าพี่เซิง พี่เซิงก็ไขว่ห้าง จุดบุหรี่ และถามอย่างไม่ใส่ใจ“ฮ่า ๆ ไม่มีอะไรปิดบังพี่เซิงได้จริง ๆ”กัวไฉยิ้มและพูดว่า“บริษัทของพ่อฉัน หลี่ซื่อกรุ๊ปประสบปัญหาบางอย่าง พ่อของฉันถูกพวกเขาคุมขัง”“ตระกูลหลี่มีประธานหญิงคนใหม่ ที่ต้องการควบคุมหลี่ซื่อกรุ๊ปอย่างเต็มรูปแบบ เธอขัดแย้งกับพ่อของฉัน”“พ่อของฉันตั้งใจว่า จะไม่ให้คุณพูดถึงเรื่องเงินที่ได้จ่ายไปก่อนหน้านี้ คืนกลับไปให้เธอ และจะดีที่สุดถ้าคุณสามารถหาวิธีทำให้เธออับอาย บางทีก็อาจถึงขั้น….”กัวไฉทำท่าเฉือนคอด้วยมือของเขา“บ้าเอ๊ย!”เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ พี่เซิงก็ส่งเช็ค 1000 ล้านคืนให้กัวไฉทันที ขมว