โชคดีที่อวี๋จื่อเสวียนเด็กสาวคนนี้มีนิสัยที่ไม่กลัวฟ้ากลัวดินจริงๆ มีเรื่องอะไรเธอกล้าลุยหมดเธอพยักหน้าให้หลินเฟิง ยื่นมือของตัวเองออกไป มือข้างซ้ายข้างขวาง้างออก ตบไปที่ใบหน้าของซือหม่าเหวินสองครั้งดัง “เพียะเพียะ”และเมื่อตบออกไปสองครั้งนี้ ทำให้บุคคลระดับสูงของตระกูลซือหม่าทุกคนกลั้นหายใจในทันทีคนจำนวนมากต่างส่งสายตาไปทางซือหม่าเผิงหัวในเมื่อซือหม่าเผิงหัวมีชื่อเสียงในการถือหางลูกชายอย่างมากลูกชายของตัวเองถูกคนตบต่อหน้าแบบนี้ ไม่ต่างกับการตบหน้าเหี่ยวย่นของเขาเลยแต่ทว่าเดิมคิดว่าตบหน้าสองครั้งก็จบแล้วคนของตระกูลซือหม่าเหวินกลับเห็นอวี๋จื่อเสวียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เธอไม่ได้ปล่อยซือหม่าเหวินไป แต่กลับปล่อยกำลังภายในออกมา เข้าไปเตะต่อยซือหม่าเหวินที่ล้มพับอยู่บนพื้นอวี๋จื่อเสวียนต่อยไปด้วย และยังตะโกนด่าทอไปด้วย“กระทืบคนเลวอย่างนายให้ตายไปซะ!”“นายรังแกพ่อของฉันนับว่ามีความสามารถอะไรกัน?!”“วันนี้ฉันจะต้องให้บทเรียนที่ทำให้นายจดจำไปจนวันตาย!”มองดูอวี๋จื่อเสวียนกระทืบลูกชายของตนเองโดยไม่ได้ออมมือแม้แต่นิด สีหน้าของซือหม่าเผิงหัวเหมือนกับกินแมลงวันเข้าไปเขาอยากจะ
“ลาก่อน”สุดท้าย ซือหม่าเผิงหัวประสานมือไปทางหลินเฟิง ถือว่าเป็นการบอกลาแล้วถึงแม้เป็นการบอกลาแต่ในดวงตาของซือหม่าเผิงหัวมีสีหน้าที่เป็นอันตรายแวบผ่านไป เหมือนกับจดจำใบหน้าของหลินเฟิงให้ลึกในสมองของตัวเองหลินเฟิงก็ไม่ได้หวาดกลัว เขาโบกมือ เหมือนกับปัดป่ายแมลงวัน แม้แต่มองก็ยังขี้เกียจจะมองพวกเขาด้วยซ้ำ“อาจารย์หลิน คุณ...คุณสุดยอดจริงๆ เลย!”เห็นคนของตระกูลซือหม่าจากไป อวี๋จื่อเสวียนขยับมาด้านหลินเฟิง ตื่นเต้นจนไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรแล้ว ในดวงตากลับมีความเลื่อมใสเต็มเปี่ยมแวบผ่านไปถึงแม้ก่อนหน้านี้เธอก็คิดว่าหลินเฟิงเก่งกาจมาก ถึงขั้นที่มีเกี่ยวข้องกับตระกูลหนึ่งในสี่ตระกูลร่ำรวยของเมืองจิงแต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะสุดยอดกว่าที่ตัวเองคิดเอาไว้อีกถึงขั้นที่บีบบังคับให้ตระกูลซือหม่าหนึ่งในสี่ตระกูลร่ำรวยของเมืองจิง มาขอโทษพวกเขาถึงที่ได้โดยเฉพาะเพื่อให้เธอระบายความโมโห ยังต่อยคุณชายซือหม่าไปยกหนึ่งนั่นเป็นคุณชายตระกูลซือที่ทั้งเมืองจิงไม่มีใครกล้าแตะต้องเชียวนะ! นึกไม่ถึงว่าจะถูกเธอต่อไปยกหนึ่ง!”อีกทั้งคนของตระกูลซือหม่าก็ยังไม่กล้าพูดอะไรความรู้สึกแบบนี้ สะใจจริงๆ!“หึ.
เห็นท่าทางแบบนี้ของพี่เลี่ยง เนี่ยหมิงกับเก่อหงเหมยต่างเงียบเสียง ไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้น“ทำไมไม่พูดล่ะ?!”พี่เลี่ยงสีหน้าหงุดหงิด “ตอนนี้กลายเป็นใบ้แล้วงั้นเหรอ?”“พี่เลี่ยง”เนี่ยหมิงไอแห้งๆ ยิ้มร่าพูดว่า: “เรื่องเมื่อครู่นี้ อันที่จริงผมล้อเล่นกับพี่น่ะครับ อันที่จริงไม่มีใครหาเรื่องพวกเรา”“ใช่ใช่ใช่ พี่เลี่ยง เมื่อครู่ลูกชายของฉันพูดเล่นกับคุณน่ะค่ะ!”เก่อหงเหมยก็ยิ้มและโค้งตัวแสดงความเคารพ“แม่งเอ๊ย!”พี่เลี่ยงโบกมือตบหน้าเนี่ยหมิงอย่างแรงเสียงดัง “เพียะ” และพูดด้วยความโมโห:“เมื่อครู่ฉันเพิ่งจะถูกคนเหยียดหยามมา เตรียมจะเรียกคนมาระบายอารมณ์ ตอนนี้แกบอกฉันว่าเมื่อครู่แกหลอกฉันงั้นเหรอ?”“แม้แต่นายก็มาหาความสุขจากฉันงั้นเหรอ?”พูดถึงตรงนี้ พี่เลี่ยงโบกมือพูดด้วยความเย็นชา:“พรุ่งนี้นายไม่ต้องมาแล้ว ผู้จัดการของเทียนจวิ้นเอ็นเตอร์เทนเมนท์จำกัดฉันจะหาคนอื่นมาแทน”“ไสหัวไปซะ!”ได้ยินว่าตำแหน่งที่ตัวเองได้มาอย่างยากลำบากถูกปลด เนี่ยหมิงร้อนใจทันที เขาไม่สนการดึงทึ้งของแม่ตัวเอง รีบพูดขึ้นว่า:“พี่เลี่ยง ไม่ใช่ว่าผมหลอกพี่ คนที่ผมมีเรื่องด้วย คุณ...”เสียงยิ่งอยู่ยิ่งเบ
แต่ทว่าหลินเฟิงกลับไม่ได้ประหลาดใจเพราะว่าหลินเฟิงรู้ตั้งนานแล้วว่าพวกเขาสองแม่ลูกเมื่อครู่แอบฟังอยู่ข้างนอก ได้ยินบทสนทนาของตระกูลซือหม่ากับเขาแล้วแต่ว่าเดิมทีหลินเฟิงคิดว่าพวกเขาจะหนีไปทันที แต่คิดไม่ถึงว่าจะกลับมาอีก“เป็นเขา!”เห็นหลินเฟิงสีหน้างุนงงงวย เก่อหงเหมยจึงชี้ไปทางพี่เลี่ยงที่อยู่ตรงประตู และฟ้องร้องว่า:“คุณหลิน เดิมพวกเราไม่กล้ารบกวนคุณอีก แต่พี่เลี่ยงของตระกูลซือหม่ากลับคุมตัวลูกชายของฉัน จะให้เขามาคิดบัญชีกับคุณให้ได้”“เชี่ย!”พี่เลี่ยงที่อยู่นอกประตูได้ยินคำฟ้องร้องของเก่อหงเหมย สีหน้าเปลี่ยนไปเป็นสีตับหมูทันทีเขาจะไปรู้ได้ยังไงว่าสองแม่ลูกนี้มีเรื่องกับหลินเฟิง?ถ้าหากเขารู้ว่าพวกเขามีเรื่องกับหลินเฟิง เช่นนั้นไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่มีทางย้อนกลับมา หาเรื่องหลินเฟิงจู่ๆ พี่เลี่ยงก็คิดถึงคำพูดติดๆ ขัดๆ ของเนี่ยหมิงคนที่พวกเขามีเรื่องด้วย ตัวเองสู้ไม่ไหวเดิมคิดว่าพึ่งพาเบื้องหลังตระกูลซือหม่าของตัวเอง เป็นไปได้ยังไงที่จะมีคนที่สู้ไม่ได้? แต่คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะหมายถึงหลินเฟิงตอนนี้พี่เลี่ยงมีความคิดที่จะฆ่าคนแล้วด้วยซ้ำ“คุณหลิน พวกเราถูกบังคับนะครับ!
ในเวลาสองวันมานี้ ในที่สุดหลินเฟิงก็ได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขไม่เพียงหลินเฟิง ในที่สุดหลี่ฮุ่ยหรานก็มีเวลาพักผ่อนที่หาได้ยากเช่นกันทั้งสองคนดูหนังและเดินเล่นไปทั่ว เดินเที่ยวเล่นที่สวนสาธารณะของเมืองจิง และไปเที่ยวชมจุดท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของเมืองจิงในที่สุดทั้งสองคนก็หาความรู้สึกในตอนที่แต่งงานในอดีตกลับมาได้แล้วแน่นอนว่า ช่วงเวลาที่เอื่อยเฉื่อยแบบนี้ไม่ได้อยู่นานเท่าไหร่นักสามวันหลังจากที่อาอวี๋พักอยู่ที่โรงพยาบาลหลินเฟิงก็ได้รับข้อมูลจากศิษย์น้องหญิงของตัวเองผ่านโทรศัพท์“คืนนี้ บาร์ลับทางทิศตะวันตกของเมือง”มองดูประโยคสั้นๆ บนหน้าจอโทรศัพท์ สายตาของหลินเฟิงเปลี่ยนไปเฉียบคมขึ้นมาทันทีสามารถจับจุดอ่อนของตระกูลหลงได้หรือไม่ และเปลี่ยนแปลงความคิดของถังเจี้ยนหยวน ก็ต้องดูคืนนี้เขากำชับหลี่ฮุ่ยหรานให้อยู่ในบ้านอย่างว่าง่าย เขากลับจะออกไปข้างนอก ไม่ช่วยถังหว่านให้หลุดพ้นจากพันธนาการของตระกูลถังหลี่ฮุ่ยหรานเชื่อฟังอย่างมาก และกำชับหลินเฟิงว่าต้องรักษาความปลอดภัยหลินเฟิงออกไปข้างนอกในตอนบ่ายเขามาถึงบาร์ลับที่อยู่บนข้อความก่อนล่วงหน้าบาร์ลับที่ว่ากันนั้นดูไม่ไม่ธรร
เห็นได้ชัดว่าหลงเซียวมีความหงุดหงิดเล็กน้อย“มีอีกเรื่องหนึ่ง...เกรงว่าจะพาความแปลกใจมาให้คุณเล็กน้อย คุณหลิน ออกมาเถอะ”อีกาแห่งเมืองหนานไห่มองไปทางจุดมืดของเคาน์เตอร์“หือ? คุณหลิน?! หรือว่าจะเป็น หลินเฟง?!”ได้ยินคำพูดของอีกาแห่งเมืองหนานไห่ สีหน้าของหลงเซียวก็งุนงงอย่างมาก เธอเหลือบมองอีกา และก็มองไปทางผู้ชายคนนั้นที่เดินออกมาจากจุดมืดด้วยความงุนงงทันทีหลินเฟิงได้ยินเสียงเรียกของศิษย์น้องหญิง เข้าใจความหมายของเต่าได้ในทันที
สีหน้าหลงยวนไร้ความรู้สึก ก่อนจะพากลุ่มบอดี้การ์ดเดินเข้าไปในบาร์ “เกิดอะไรขึ้น? หลงเซียวล่ะ?”เมื่อเผชิญหน้ากับคำถามของหลงยวน พนักงานเสิร์ฟก็ตกใจจนขาสั่น และพูดอย่างตะกุกตะกักว่า“ผม....ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน คุณชายหลงยวน ผมจำได้แค่ว่าคุณหนูหลงเซียวบังเอิญพบเจอกับอีกาแห่งเมืองหนานไห่เท่านั้น”“จากนั้นผมก็หมดสติไป”“พอผมฟื้นขึ้นมา คุณหนูหลงเซียวก็หายไปแล้ว“......”เมื่อได้ยินคำพูดที่หวาดกลัวของพนักงานเสิร์ฟ ดวงตาของหลงยวนก็กระตุกเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเขาโกรธมากต้องรู้ว่า บาร์ลับเป็นทรัพย์สมบัติใต้ดินของตระกูลหลงเป็นสถานที่ที่หลงยวนบริหารด้วยตัวเอง สถานที่ที่ติดต่อกับลำดับมืดกับออกคำสั่งภารกิจปัจจัยด้านความปลอดภัยก็จะสูงที่สุดแน่นอนว่าคนนอกไม่รู้เรื่องนี้ และจะรู้สึกเพียงแค่ว่าที่แห่งนี่เป็นบาร์เล็ก ๆที่ไม่เด่นอะไรแต่ต่อให้เป็นอย่างนี้ ก็คาดไม่ถึงว่าจะยังสามารถเฝ้ามองคน ๆหนึ่งให้หายตัวไปได้ ไม่เป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์เลย“กล้องวงจรล่ะ?”หลงยวนสงบลงเล็กน้อย ก่อนจะมองไปที่บริกร“กล้องวงจร...”บริกรเหลือบมองกล้องวงจรปิดที่ตรงมุมห้องด้วยความลำบากใจ กล้องวงจรปิดที่ควรจะอ
“อีกาแห่งเมืองหนานไห่ได้พึ่งพาตระกูลถังของฉันแล้ว บอกเรื่องราวระหว่างคุณกับอีกาแห่งเมืองหนานไห่ให้พวกเราได้รับรู้ทั้งหมดแล้ว”“......”หลงยวนกำหมัดแน่นดังกร่อบแกร่บ เขารู้ว่า แผนการร้ายที่เขาวางแผนมานานขนาดนี้พังทลายจนถึงที่สุดแล้ว“ผู้นำตระกูลถัง หลงเซียวล่ะ?”หลงยวนก็ไม่ได้เสแสร้งอีก ใช้น้ำเสียงเย็นชาถามขึ้นมา“หลงเซียวถูกพวกเราคุมตัวเองไว้ก่อน ถึงเวลา คนของตระกูลหลงถอนตัวออกจากธุรกิจทั้งหมดของตระกูลถังของฉัน พวกเราค่อยให้คุณหลงเซียวกลับไปที่ตระกูลหลง”คำข่มขู่ของถังเจี้ยนหยวนทำให้หลงยวนเกือบจะอดกลั้นไม่ไหว ต่อโต๊ะกระจกที่อยู่ตรงหน้าจนแตกเขาคิดไม่ถึงจริงๆตระกูลถังจะกล้าต่อต้านตระกูลหลงของพวกเขาอีกทั้งไม่เพียงต่อต้าน ยังกล้าลักพาตัวคนของตระกูลหลงของพวกเขา ย้อนกลับมาข่มขู่พวกเขา“ได้ได้ได้...ผู้นำตระกูลถัง ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นผมก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว”“ถ้าหากหลงเซียวอยู่ในมือของพวกคุณแล้วเกิดอะไรขึ้น ตระกูลหลงของผมไม่มีทางปล่อยพวกคุณไปแน่”“เก็บแรงไว้เถอะ คุณชายหลงชวน”น้ำเสียงของถังเจี้ยนหยวนเต็มไปด้วยความเหน็บแนม เขาพูดอย่างนิ่งเฉยว่า:“พ่อของนายรู้เรื่องเหล่านี้ที่น
“อย่างน้อยเมื่อฉันตาย ก็ตายเหมือนมนุษย์คนหนึ่ง”“ไม่ใช่ถูกทำเหมือนกับสุนัขตัวหนึ่ง”“......”เมื่อเห็นแบบนี้ หลินเฟิงก็ตกตะลึงไปชั่วครู่เมื่อทั้งสองคนเดินผ่านระเบียงทางเดิน แล้วผลักประตูห้องทำงานขนาดใหญ่ของโจวเจี้ยนโหลวให้เปิดออก ทันใดนั้นก็เห็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยร่างใหญ่โตยี่สิบกว่าคนอยู่ภายในสำนักงานในจำนวนนั้นมียอดฝีมืออยู่มากมายพวกเขาทั้งหมดต่างก็ยืนเรียงกันอยู่ทั้งสองข้างโต๊ะของผู้ชายคนหนึ่ง ราวกับจงใจรอใครสักคนมา“หึหึ ยินดีต้อนรับ หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป ได้ยินมาว่าคุณมีธุระกับผมงั้นเหรอ? ชายคนหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายกับโจวเซวียโหลวอยู่เล็กน้อย แต่ดูเด็กกว่าไม่กี่ปีอย่างเห็นได้ชัด กำลังนั่งอยู่ที่ด้านหลังโต๊ะเขามีกล้องยาสูบไม้อยู่ในปากพร้อมกับจ้องมองไปที่หลี่เหวินเชาและหลินเฟิงด้วยรอยยิ้มเยาะ“คุณก็คือโจวเจี้ยนโหลวงั้นเหรอ?”หลินเฟิงไม่ได้หวาดกลัวต่อการเผชิญหน้ากับเหล่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่กดดันอยู่รอบ ๆเลยแม้แต่น้อย แต่กลับเดินไปช้า ๆที่ด้านหน้าโต๊ะของโจวเจี้ยนโหลวแทน“ใช่แล้ว ผมเอง”โจวเจี้ยนโหลวพยักหน้า“ที่ผมมาหาคุณวันน
“อ่อ?”เมื่อได้ยินแบบนี้ บอดี้การ์ดก็ตกตะลึงไปชั่วครู่ ก่อนจะสลับหันไปมองเพื่อนที่อยู่ข้าง ๆ แล้วทั้งคู่ต่างก็ประหลาดใจกันเล็กน้อย“คิดไม่ถึงเลยว่าหมาอย่างนายจะเก่งขนาดนี้!”พนักงานรักษาความปลอดภัยกล่าวชื่นชมว่า :“ดีมาก ดีมาก รองประธานโจวยังบอกพวกเราเป็นพิเศษว่า ถ้าถึงเวลาแล้ว ก็ไปเอาหัวหมาของนายได้เลย”“หาก คิดแบบนี้พวกเราก็ประหยัดแรงไปได้มากเลยทีเดียว”“หึหึ ยินดีครับ ยินดี”หลี่เหวินเชาพยักหน้าอย่างประจบสอพลอ“ได้ นายเข้าไปเถอะ” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเปิดทางให้ พร้อมกับชี้ไปที่ลิฟต์ที่ตกแต่งด้วยสีทองอร่าม ซึ่งอยู่ตรงห้องโถง“ขอบคุณมากพี่ชาย หึหึ...ขอบใจนะ ขอบใจ”หลี่เหวินเชาอ่อนน้อมอย่างมาก พร้อมกับก้มหัวและพยักหน้าขอบคุณไม่หยุด แต่ทว่า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกลับไม่ซาบซึ้ง ทั้งยังเยาะเย้ยว่า :“ใครเป็นพี่ชายกับแกว่ะ? แกก็เป็นแค่หมาพนันที่ถูกประธานโจวเลี้ยงเท่านั้น ยังจะเรียกพวกเราว่าพี่น้องอีก แกคู่ควรงั้นเหรอ?”“หึหึ....ไม่ ไม่คู่ควร ต้องขอโทษด้วย ขอโทษด้วยนะ...”หลี่เหวินเชายังคงพยักหน้าพร้อมกับยิ้มอย่างไร้ศักดิ์ศรีอย่างไรก็ตาม เมื่อหลินเฟิงต้องการที
เขาจำได้ว่าจิ่วเทาเคยแนะนำตัวกับเขา คนของแก๊งทลายโลหิตน้อยที่สุด แต่แข็งแกร่งมากที่สุดมีนักบู๊จำนวนไม่น้อยโดยเฉพาะยังมีพี่น้องตระกูลหานแต่พี่น้องตระกูลหานถูกเขากำจัดไปแล้ว“ทำไมเหรอ? หัวหน้าหลิน คุณมีเรื่องกับแก๊งทลายโลหิตงั้นเหรอครับ?”ได้ยินคำถามลองเชิงของจิ่วเทาในโทรศัพท์ หลินเฟิงพูดอย่างมั่นใจว่า:“ถูกต้อง ฉันกำลังเตรียมตัวจะไปเจี้ยนหงกรุ๊ป ไปพบรองประธานของเจี้ยนหงกรุ๊ป นายบอกว่าที่นี่เป็นถิ่นของแก๊งทลายโลหิต งั้นนายก็พาคนมาที่นี่หน่อย”“ได้เลยครับ!”แทบจะไม่ลังเลเลยจิ่วเทาตอบรับได้เด็ดขาดอย่างมาก และก็ตะโกนเสียงดังในโทรศัพท์:“พรรคพวก มีงานมาแล้ว หัวหน้าหลินจะไปทำลายที่ซ่อนของแก๊งทลายโลหิต คนที่ขยับเขยื้อนได้ ตามฉันไป!”“ไม่ต้องระดมกำลัง”หลินเฟิงได้ยินการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของจิ่วเทา จึงรีบเอ่ยปากพูดว่า:“มาแค่ไม่กี่คนก็พอแล้ว”“อ๊ะ? ไปแค่ไม่กี่คน?”จิ่วเทาสงสัยเป็นอย่างมาก “หัวหน้าหลิน พวกเราพาคนไปไม่กี่คน นี่จะไม่เป็นการส่งของว่างให้พวกเขางั้นเหรอ?”“วางใจเถอะ ต่อกลอนกับแก๊งทลาโลหิต ฉันคนเดียวก็พอแล้ว สำหรับพวกนาย เป้าหมายก็คือมารับมือต่อถิ่นฐานของแก๊งทลายโลหิ
หลี่เหวินเชาตกใจจนล้มลงบนพื้น ถึงแม้เขารู้ว่าหลินเฟิงเป็นนักบู๊ที่น่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด แต่อาคารของเจี้ยนหงกรุ๊ปนั่นเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยคนเก่งกาจ เป็นสำนักงานใหญ่ของแก๊งหมาป่าสีเลือดก่อนที่จะแบ่งแยกออกไปต่อให้พวกเขาจะไม่สามารถหาคนที่แข็งแกร่งกว่าพี่น้องตระกูลหานมาได้ แต่ในนั้นก็มีนักบู๊จำนวนไม่น้อยบวกกับอันธพาลและลูกสมุนรับจ้าง มีจำนวนเป็นร้อยเป็นพันคนนับจำนวนคน ก็สามารถทับถมเขากับหลินเฟิงจนตายได้หลี่เหวินเชากลืนน้ำลาย ไม่กล้าปฏิเสธหลินเฟิง ทำได้เพียงนั่งทรุดอยู่บนพื้นและส่ายหน้าอย่างรุนแรง แสดงออกว่าเขาไม่กล้า“หึ ในเมื่อเป็นแบบนี้ นายก็ไสหัวไปเถอะ”“เอาที่ดินไปไม่ได้ คิดว่าไม่ต้องให้ฉันลงมือ ชีวิตกระจอกๆ แบบนี้ก็คงมีคนจัดการอยู่แล้ว”หลินเฟิงหัวเราะเยาะ หันหน้าจะเดินจากไปเมื่อได้ยินคำพูดของหลินเฟิง หลี่เหวินเชานิ่งอึ้งทันทีจู่ๆ เขาก็คิดถึงใบหน้าที่เหี้ยมโหดของโจวเจี้ยนโหลว จึงตัวสั่นเทาทันทีหลินเฟิงพูดถูกถ้าหากเอาที่ดินกลับไปไม่ได้ เช่นนั้นจุดจบของเขาแค่เดาก็รู้ได้ ต้องตายเพียงทางเดียวเท่านั้นไม่ได้คิดอะไรมาก หลี่เหวินเชารีบคลานไปตรงหน้าหลินเฟิง ขวางทาง
หวังว่าเธอจะสามารถเปลี่ยนนิสัยของเธอได้ไม่ต้องเป็นแม่พระอะไร อย่างน้อยอย่าก่อปัญหาให้หลี่ฮุ่ยหราน ทำให้เธอรู้สึกไม่ดีก็พอแล้ว“ผมจะทำนะครับ”หลินเฟิงพยักหน้าอย่างจนใจ“หึ”จางซินมีท่าทีหงุดหงิด แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร จากนั้นตามจางกุ้ยหลานที่เดินจากไปส่วนหลี่เหวินเชาอยากจะถือโอกาสนี้จากไป แต่กลับถูกหลินเฟิงดึงคอเสื้อเอาไว้“ฉันให้นายกลับไปแล้วเหรอ?”ได้ยินคำพูดเย็นชาของหลินเฟิง แต่ในน้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยแรงสังหารสีหน้าของหลี่เหวินเชาหลากหลายอารมณ์ เขากระวนกระวายก่อน จากนั้นหวาดกลัว สุดท้ายก็ฝืนยิ้มออกมา“พี่…”ยังไม่ทันพูดคำว่า “เขย” ออกมา หลินเฟิงกลับตบไปที่ใบหน้าของเขา ทำให้เขาหน้ามืดตาลาย กลิ้งล้มบนพื้นหลายตลบก่อนจะลุกขึ้นนั่งบนพื้นไม่กี่วินาที ใบหน้าของหลี่เหวินเชาก็เกิดรอยช้ำขึ้นมา“พี่…พี่สะใภ้…ไม่ อย่า…”เมื่อตั้งสติได้ หลี่เหวินเชานั่งตาลายอยู่บนพื้น เห็นหลินเฟิงเดินมาทางเขาอีก เขาก็สีหน้ากระวนกระวาย หันหน้ากลับไปอยากจะคลานหนี แต่ก็ยังถูกหลินเฟิงจับเอาไว้ได้“หลี่เหวินเชา ก่อนหน้านี้ไม่ได้ข่าวของนายมาโดยตลอด ฉันยังคิดว่านายรู้จักฉลาดแล้ว ได้งานที่ดีกว่าที่ต่างถิ
“จางซิน เธอทำเป็นเสแสร้งอะไร? ความคิดนี้เธอเป็นคนแรกที่เสนอออกมาไม่ใช่เหรอ?”“ถ้าไม่ใช่เพราะเธออยากกอบโกยผลประโยชน์ และแก้แค้นหลี่ฮุ่ยหรานด้วย เธอจะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? ตอนนี้เธออยากเอากลับไป? สายไปแล้ว!”หลี่เหวินเชาเห็นว่าจางซินกำลังจะหนีไป จึงคว้าเธอไว้ด้วยความโมโห และพูดว่า:“ทุกคน ดูเธอไว้ ความคิดนี้เธอเป็นคนเสนอออกมา เธอเป็นคนต้นคิด พวกเราถูกบีบบังคับ!”เมื่อเห็นว่าความโมโหของทุกคนเคลื่อนย้ายมาที่ตัวเธอ จางซินก็โมโห และพลิกมือตบหน้าหลี่เหวินเชา“แกมันสัตว์เดียรัจฉาน หลอกเงินของคุณป้าไปจนหมดก็หลบหนีไป ถ้าไม่ใช่เพราะนายเห็นว่าที่ดินผืนนี้มูลค่าเพิ่มขึ้น ถูกรองประธานเจี้ยนหงกรุ๊ปบีบคั้น นายจะกลับมาทำไม?”“ฉันบอกนายให้นะ ที่ดินผืนนี้พวกเราไม่เอา ก็ไม่เสียหายอะไรทั้งนั้น”“ส่วนนายถ้าเอาที่ดินผืนนี้ไปไม่ได้ ผ่านไปไม่กี่วันนายก็จะถูกพวกเขาฆ่าตาย!”“แกกล้าตบฉันเหรอ?!”หลี่เหวินเชากระโจนเข้าไปทันที เขาไม่สนใจเรื่องการถ่อมตัวกับผู้หญิงอะไรหรอก จึงตบตีกับจางซินต่อหน้าทุกคนทันทีส่วนจางซินก็ยื่นเล็บของตัวเองออกไป ข่วนหน้าของหลี่เหวินเชาจนเต็มไปด้วยรอยเลือด“พอแล้ว!”เมื่อเห็นคนใ
“อีกทั้งตอนนี้ฉันตัดขาดความสัมพันธ์กับหลี่ฮุ่ยหรานนังสารเลวนั่น ต่อไปฉันจะไม่ขอร้องเธออีก และก็ไม่ขอร้องพวกแกอีก!”“หญิงร้ายชายชั่ว พวกแกสมควรแล้วที่ถูกหลอก!”“ไสหัวไปซะ!”......บรรยากาศเงียบสงบจากนั้นหลินเฟิงนำโทรศัพท์ใส่กลับเข้าไปในกระเป๋าช้าๆพนักงานทุกคนของหลี่ซื่อกรุ๊ปที่อยู่ในเหตุการณ์ สีหน้าเปลี่ยนไปไม่ค่อยดีนัก ถึงขั้นที่รู้สึกอับอาย และรู้สึกผิดเพราะแค่บันทึกเสียงเมื่อครู่นี้พวกเขาก็รู้แล้วว่าจางกุ้ยหลานหลอกลวงพวกเขาเพราะจางกุ้ยหลานและคนอื่นๆ พูดว่าที่ดินผืนนั้น ถูกหลินเฟิงและหลี่ฮุ่ยหรานแย่งชิงไปแต่ในบันทึกเสียงโทรศัพท์ พวกเขาขายที่ดินผืนนั้นให้หลินเฟิง ทั้งยังเห็นหลินเฟิงเป็นคนโง่อีกด้วย พูดฉีกหน้า และดูถูกต่างๆ นานาแต่หลินเฟิงก็ไม่ได้โมโห กลับยังพูดปากเปียกปากแฉะภายหลัง ก็เป็นคำด่าทอของจางกุ้ยหลานถึงขึ้นยังเรียกลูกสาวและลูกเขยว่าหญิงร้ายชายชั่วอีกด้วยหลักฐานแน่นหนาบันทึกเสียง มีประโยชน์มากกว่าพูดจนปากเปื่อย“ตุ่บ”พนักงานของหลี่ซื่อกรุ๊ปที่โยนป้ายทำงานทิ้งเป็นคนแรกเมื่อครู่นี้คุกเข่าให้หลี่ฮุ่ยหรานทันที ริมฝีปากของเขาสั่นเทร ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงได้ม
ถ้าหากเอาที่ดินผืนนี้กลับมาไม่ได้ ต่อให้หลี่ฮุ่ยหรานถูกล้ม ถึงขั้นที่กลายเป็นขอทาน เขาหลี่เหวินเชาก็ไม่สามารถรอดชีวิตไปได้ดังนั้นตอนนี้คนที่ร้อนใจที่สุดก็คือเขา“หลินเฟิงเขา…”หลี่ฮุ่ยหรานยังคิดคำพูดหลีกเลี่ยงไม่ออกก็ได้ยินเสียงตวาดดังขึ้นมาจากจุดไกลๆ“พอแล้ว!”ชายหนุ่มที่ร่างกายสูงโปร่งเดินเข้ามาช้าๆ เขาขยับชิดข้างกายของหลี่ฮุ่ยหราน โอบหลี่ฮุ่ยหรานเอาไว้ด้วยมือข้างเดียว และมองทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วยสายตาโกรธเคือง พูดเย็นชาว่า:“พวกคนโง่ ถูกคนหลอกใช้แล้วยังไม่รู้ตัวอีก!”“พวกคุณรู้ถึงต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวไหม?”“ฟังแค่คำพูดของฝ่ายเดียว ก็ใจดำและใส่ร้ายเจ้านนายของตัวเองแบบนี้ ฉันดูแล้ว พวกคุณทั้งหมดเป็นแค่พวกไร้ประโยชน์!”“พวกไร้ประโยชน์แบบนี้ ถ้าหากอยากจะออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ป หลี่ซื่อกรุ๊ปของเราก็ไม่เก็บพวกคุณไว้!”“ไสหัวไปให้หมด!”คนที่พูด ก็คือหลินเฟิงนั่นเองคำพูดอันทรงพลังของหลินเฟิงในเวลานี้ ทำให้ ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงเงียบลงทันทีแต่ก็มีบางส่วนในนั้นที่ไม่ปฏิบัติตาม“หึ หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ปของเรา ดูท่าคุณก็เป็นเหมือนกับที่คนอื่นพูด ทั
“ฉันคิดว่าเธอเป็นหญิงแกร่งคนหนึ่ง ก่อนหน้านี้เลื่อมใสเธอเป็นอย่างมาก แต่คิดไม่ถึงว่าเธอจะเป็นคนที่เลวทรามต่ำช้าแบบนี้!”“จริงด้วย คิดไม่ถึงว่าจะใช้ให้คนนอกมาตีแม่ของตัวเองเองอีกด้วย โหดเหี้ยมยิ่งกว่าสัตว์เดียรัจฉาน!”“ยังสู้กัวโหย่วคังก่อนหน้านี้ไม่ได้ด้วยซ้ำ!”พนักงานอีกหลายคนที่มีอารมณ์รุนแรงกว่าก็ยืนออกมาเช่นกันพวกเขาดึงป้ายทำงานออก โยนลงกับพื้น“หึ ให้เธอเป็นเจ้านายของเรา ถูกพูดออกไป คนอื่นคงคิดว่าเราเป็นเหมือนเธอ เป็นคนเนรคุณคนแบบนี้!“ฉันไม่ทำแล้ว!”“ใช่ ฉันก็ไม่ทำแล้ว!”“ติดตามคนชั่วร้ายเช่นนี้ จะมีอนาคตอะไร?!”หลังจากที่คนแรกหันหลังเดินจากไป พนักงานคนอื่นๆ ก็พากันกระตือรือร้น ดึงป้ายพนักงานที่อยู่ตรงหน้าอกออก ประกาศตัดความสัมผันธ์กับหลี่ซื่อกรุ๊ป“ประธานหลี่ ประธานทางด้านนั้นก็มีการประชุมฉุกเฉิน:ในตอนนี้ เลขาของหลี่ฮุ่ยหรานก็วิ่งเข้ามา มองหลี่ฮุ่ยหรานด้วยความเป็นห่วงและการประชุมฉุกเฉินในตอนนี้ ความหมายก็ชัดเจนเป็นอย่างมากนั่นคือจะขับไล่หลี่ฮุ่ยหรานออกจากตำแหน่ง“ไม่ใช่ พวกคุณฟังฉันนะ ความจริงไม่ใช่แบบนี้…”การโต้เถียงที่ไร้เรี่ยวแรงของหลี่ฮุ่ยหรานทว่าเธอมีแ