ที่แท้นางก็คือองค์หญิงสี่ เซียวหมิงหลัน!เซี่ยเชียนฮวันตะลึงงันไปพักใหญ่ ก่อนพยักหน้าแล้วพูดว่า “พี่หญิงสี่”นางจำได้ว่าองค์หญิงสี่ได้แต่งงานกับชายหนุ่มรูปงามผู้หนึ่ง แต่งงานกับสามีและเลี้ยงดูลูกๆ ของนางในจวนองค์หญิง ปกติแล้วไม่สนใจเกี่ยวกับโลกภายนอก“หมิงหลัน ผู้คนล้วนบอกว่าพระชายาจ้านเป็นสตรีที่งดงามที่สุดในเมืองหลวง และไม่มีใครเทียบนางได้ ในที่สุดท่านก็ได้พบกับนางในวันนี้ นางสมควรได้รับชื่อเสียงของนางจริงๆ” หลี่จิ้งหย่ากล่าวยิ้มๆนางกอดแขนเซียวหมิงหลัน และเรียกขานอย่างสนิทสนม เห็นได้ชัดว่ามีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันมากเซียวหมิงหลันยิ้มบางๆ และพูดว่า “ก็แค่นั้นแหละ”การประเมินที่ตรงไปตรงมาและหยาบคายนี้ ทำให้เซี่ยเชียนฮวันอดสะดุ้งไม่ได้ก็แค่นั้น?หมายความว่านางดูธรรมดา และไม่สมกับชื่อเสียงของนางเหรอ?นี่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่นางแต่งงานกับเซียวเย่หลันที่มีบางคนไม่ชอบหน้าตาของนาง!หลี่จิ้งหย่ากลับหัวเราะแล้วกล่าวว่า “เจ้าชอบตัวตนที่สูงส่งและสง่างามเช่นดอกบ๊วยมาโดยตลอด ส่วนพระชายาจ้านนั้นงดงาม แต่ก็ฉูดฉาดเหมือนดอกโบตั๋น ข้าไม่คิดว่านางจะดึงดูดสายตาของเจ้าได้”“มันดูฉูดฉาด
เซียวหมิงหลันรู้สึกสะเทือนใจเล็กน้อยหลังจากได้ยินคำพูดของเซี่ยเชียนฮวันนางหันศีรษะมามองดูผู้หญิงที่สวยโดดเด่นเกินไปอีกครั้ง“ดูเหมือนเจ้าจะไม่ได้โง่เขลาอย่างที่ข่าวลือพูดกัน เจ้ายังมีความคิดของตัวเองอยู่บ้าง”เซียวหมิงหลันมองไปที่เซี่ยเชียนฮวันขณะพูดเซี่ยเชียนฮวันยิ้มและพูดว่า “พี่หญิงสี่ชมเกินไปแล้ว ข้าเพียงแต่แสดงความคิดเห็นของตัวเองเล็กน้อย ไม่ได้มีเจตนามุ่งเป้าไปที่พี่หญิงสี่”“พระชายาจ้าน ความคิดของท่านกับความคิดของหมิงหลานนั้น เป็นความแตกต่างระหว่างหิมะขาวฤดูใบไม้ผลิกับชาวบาตอนใต้” หลี่จิ้งหย่ากล่าวเสียงเบา“ชาวบาตอนใต้เป็นปุถุชนธรรมดา ส่วนหิมะขาวฤดูใบไม้ผลินั้นฟังดูสง่างาม แต่ในความคิดเห็นของข้า ไม่มีความแตกต่างระหว่างทั้งสองอย่าง เช่นเดียวกับที่เราสวมใส่เสื้อผ้าราคาแพง แต่เราอาจไม่ได้สูงส่งไปกว่าขอทาน”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างใจเย็นในทางกลับกันหลี่จิ้งหย่ากลับพูดอย่างกังวล ดวงตาเมล็ดซิ่งเบิกกว้างขึ้น “ท่านเอาพวกเรา...เอาองค์หญิงหมิงหลานไปเทียบกับขอทานงั้นหรือ?!”“สุนัขถูกฆ่าในแต่ละวัน แต่คนคิดลบที่สุดคือนักวิชาการ ฮูหยินหลี่ เจ้าไม่จำเป็นต้องดูถูกคนธรรมดานักหรอก ยิ่งไ
ประโยคเหน็บแนมนี้ แซะทั้งเซียวหมิงเซียนและเหล่าสตรีสูงศักดิ์ทั้งหมดสีหน้าของพวกนางพลันเปลี่ยนไปอย่างมาก“เซี่ยเชียนฮวัน เจ้ากล้าดูหมิ่นข้าหรือ” เซียวหมิงเซียนพูดด้วยความโมโห“ข้าแค่เปรียบเทียบเท่านั้นเอง องค์หญิงแปดคงไม่ใจแคบขนาดนั้นหรอกกระมัง นี่โมโหจริงๆ หรือ? ดูเหมือนว่า องค์หญิงสี่จะอดทนและใจกว้างกว่ามาก”เซี่ยเชียนฮวันกระตุกยิ้มที่มุมปาก ทุกคำพูดล้วนแล้วแต่เหยียบย่ำเซียวหมิงเซียน โดยการยกเซียวหมิงหลานมาเปรียบเทียบในแง่ของความอาวุโส เซียวหมิงหลานมีอายุมากกว่านาง จึงไม่อาจเยาะเย้ยนางได้อีกทั้งตัวตนเช่นเซียวหมิงเซียน จะสามารถแตะต้องได้ง่ายงั้นหรือ?“หึ ข้าจะไม่โกรธ วันนี้เป็นวันดีที่ได้มาชมดอกบ๊วย ดังนั้นข้าจะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเจ้า”เซียวหมิงเซียนระงับความโกรธของนางดูเหมือนว่า นางพยายามหลีกหนีจากการถูกเปรียบเทียบกับเซียวหมิงหลานเซียวหมิงหลานค่อนข้างเยือกเย็น นางยิ้มน้อยๆ แล้วกล่าวว่า “ได้ยินว่าน้องแปดเลือกเขยขวัญอันต้องใจได้แล้ว และทูลขอพระราชโองการเสกสมรสกับเสด็จพ่อ จริงหรือไม่?”“จริงเพคะ เสด็จพี่ทรงรอบรู้จริงๆ”เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เซียวหมิงเซียนก็เลิกคิ้วอย่างภ
“น้องสะใภ้ พบกันอีกแล้วนะ”เซียวจ้านเดินมาหาเซี่ยเชียนฮวัน และกล่าวทักทายนางอย่างเป็นธรรมชาติเซี่ยเชียนฮวันยิ้มแล้วพยักหน้า “สวัสดีท่านพี่ห้า”“เอ๋ พี่สะใภ้กับพี่ห้าสนิทสนมกันตั้งแต่เมื่อไหร่ พี่เจ็ดทราบเรื่องนี้หรือไม่?”หลังจากเซียวหมิงเซียนพูดคุยกับสามีในอนาคตเสร็จ เมื่อได้ยินเสียงของเซี่ยเชียนฮวัน นางก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับมาพูดจาเหน็บแนมเป็นที่ทราบกันดีว่า องค์ชายห้าเป็นคนโรแมนติกและต่อต้านสังคมเล็กน้อยเซียวหมิงเซียนจงใจพูดจาเช่นนี้ เพื่อกระตุ้นจินตนาการของผู้อื่น และทำลายชื่อเสียงของเซี่ยเชียนฮวันและเป็นไปตามที่นางคาดหวัง ทุกคนต่างมองเซี่ยเชียนฮวันและเซียวจ้านอย่างละเอียด คล้ายกับสงสัยว่าพวกเขามีความสัมพันธ์ที่ไม่เหมาะสมกันหรือไม่“น้องแปดระมัดระวังคำพูดและการกระทำของตัวเองเสียบ้าง เจ้าสวมหมวกเขียวให้จ้านอ๋องโดยไม่มีเหตุผล ระวังจะโดนโกรธเอาได้”เซียวจ้านหุบยิ้ม และมองเซียวหมิงเซียนอย่างมีความหมายใบหน้าของเซียวหมิงเซียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย และรู้สึกเจ็บที่กระดูกสันหลังโดยไม่รู้ตัว บทเรียนอันแสนเจ็บปวดจากการถูกตีในวันนั้น ยังคงชัดเจนในใจของนาง“ข้าแค่ล้อเล่น สวมหมวกเขีย
“ทูลพระชายา อยู่หนิงโจว”ซืออวี้สวี่ตอบเสียงเนิบนาบหนิงโจว?เซี่ยเชียนฮวันจำได้ว่า บ้านเกิดที่หญิงอ้วนกล่าวถึงก็คืออำเภอถังอู่ เมืองจิงโจว ซึ่งสถานที่สองแห่งนี้แตกต่างจากหนิงโจวคงเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ“อวี้สวี่ เจ้าไม่จำเป็นต้องตอบคำถามนาง เมื่อก่อนนางเคยมีชื่อเสียงเรื่องบ้าผู้ชายในเมืองหลวงมาก่อน ไม่แน่ว่าอาจจะคิดอะไรบางอย่างกับเจ้า” เซียวหมิงเซียนกระตุกแขนเสื้อของซืออวี้สวี่ ด้วยสีหน้าไม่พอใจยังไม่ทันได้แต่งงาน นางก็เริ่มแสดงท่าทีเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ ห้ามสามีติดต่อกับผู้หญิงคนอื่นมากเกินไปอย่างเข้มงวด“นั่นคงจะไม่ได้” ซืออวี้สวี่แสดงสีหน้าทำอะไรไม่ถูกออกมา“เจ้าเพิ่งมาอยู่เมืองหลวงได้ไม่นาน ดังนั้นจึงไม่รู้ แต่เมื่ออยู่ไปนานๆ เข้าจะรู้ว่าชื่อเสียงของนางนั้นแย่แค่ไหน”เซียวหมิงเซียนเหลือบมองเซี่ยเชียนฮวันอย่างดูแคลนแวบหนึ่งอย่างไรก็ตาม ยิ่งนางพูดแบบนี้มากเท่าไร มันก็ยิ่งกระตุ้นความคิดที่จะตอบโต้ของเซี่ยเชียนฮวันมากขึ้นเท่านั้นเซี่ยเชียนฮวันพูดอย่างจงใจว่า “โบราณว่าไว้ว่าอย่าถามถึงที่มาของวีรบุรุษ ข้าได้ยินมาว่าจอหงวนคนปัจจุบันมาจากครอบครัวที่ยากจน ดังนั้นจึงเจาะจงถามขึ
“ไม่ได้สนิทกันมากนัก ข้าแค่มีเพื่อนฝูงมากมาย หากพูดไม่น่าฟังหน่อยก็คือทำเพื่อความอยู่รอด ข้าเพิ่งดื่มกับซืออวี้สวี่แค่ไม่กี่ครั้งก่อนหน้านี้”เซียวจ้านตอบกลับเซี่ยเชียนฮวันถามอีกครั้งว่า “ซืออวี้สวี่เคยแต่งงานมาก่อนหรือไม่?”“น้องสะใภ้ คำถามของเจ้าน่าสนใจมาก” เซียวจ้านยิ้ม “ด้วยนิสัยเอาแต่ใจของน้องแปด เจ้าคิดว่านางจะยอมแต่งงานกับบุรุษที่เคยแต่งงานมาก่อนหรือไม่?”“มีเหตุผล”เซี่ยเชียนฮวันหัวเราะ แต่ความสงสัยในใจยังคงยากที่จะขจัดออกไปอยู่ดีไม่ได้การล่ะนางต้องหาโอกาสทดสอบสักครั้งหากมีคนอื่นอยู่ด้วย เกรงว่าซืออวี้สวี่จะไม่บอกความจริง นางต้องหาโอกาสอยู่กันตามลำพัง “พี่ห้า ท่านยินดีช่วยข้าสักอย่างหรือไม่?”เซี่ยเชียนฮวันชั่งใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนจะคิดว่าเรื่องนี้จำเป็นต้องมีผู้ช่วยเซียวจ้านเผยสีหน้าตกใจ เหมือนคาดไม่ถึงว่าเซี่ยเชียนฮวันจะขอความช่วยเหลือจากเขา แต่เขาก็กล่าวอย่างไม่ลังเลใจว่า “เมื่อน้องสะใภ้ขอ ข้าก็ยินดีช่วย”“เหตุใดจึงตอบตกลงเร็วเช่นนี้ หรือท่านไม่กลัวว่าข้าจะเรียกร้องมากเกินไป” เซี่ยเชียนฮวันยิ้มเซียวจ้านหัวเราะเบาๆ “น้องสะใภ้จิตใจดีมีเมตตา และเป็นคนยุติธรร
เซียวเย่หลัน?!ทั้งสองต่างสะดุ้งตกใจ คนหนึ่งเงยหน้าขึ้น อีกคนหันศีรษะกลับไป และทั้งคู่ก็เห็นเงาร่างหนึ่งที่คล้ายเทพอสูรใต้แสงจันทร์“เซี่ยเชียนฮวัน เจ้ากล้ามาก” เซียวเย่หลันค่อยๆ เดินเข้ามา “ฉวยโอกาสที่ข้าไม่อยู่ ก็วิ่งมาพบชายอื่นที่นี่อย่างนั้นหรือ หือ?”แม้ว่าตอนกลางคืนจะมืดมิด และร่างกายของเขานั้นสูงใหญ่ แต่ก็ยากที่จะมองเห็นสีหน้าของเขาได้ชัดเจน ทว่า ความเย็นชาที่เล็ดลอดออกมาจากร่างกายของเขา ก็แทรกซึมเข้าไปในอากาศ ทำให้สวนบ๊วยที่มีกลิ่นหอมตอนกลางคืน กลายเป็นนรกขึ้นมาหลังจากที่เซี่ยเชียนฮวันหายตกใจ นางก็สงบลงอย่างรวดเร็ว แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “ท่านกับซูอวี้เออร์ออกมาเที่ยวเล่นกัน แล้วจะสนใจทำไมว่าข้ามาทำอะไรที่นี่”“เจ้าเลยจงใจแก้แค้นข้ากับอวี้เออร์ที่ออกมาเที่ยวเล่น ด้วยการจงใจทำสิ่งนี้งั้นหรือ”ในที่สุดเซียวเย่หลันก็เดินเข้ามาหาพวกเขาทั้งสองเวลานี้ ซืออวี้สวี่กลัวมากจนเข่าอ่อนและแทบจะคุกเข่าลง“ท่านอ๋องทรง...ทรงเข้าใจผิด...”เขาอาจเป็นผู้ที่ได้รับการทดสอบกับฮ่องเต้เป็นการส่วนตัว แต่ต่อหน้าจิตสังหารของเซียวเย่หลัน เขาก็ไม่อาจระงับความหวาดกลัวได้เลย ซ้ำยังตัวสั่นไม่
“ใช่ ทำไมพระชายาถึงเป็นเช่นนี้ ช่างไร้เหตุผลเหลือเกิน”“ข้ากับอวี้สวี่เข้าร่วมการทดสอบหน้าพระที่นั่งด้วยกัน เขาเป็นสุภาพบุรุษอย่างแน่นอน คิดว่าพระชายาจ้านคงเข้ามาวุ่นวายกับเขา จึงนำมาสู่สถานการณ์เช่นนี้”“จ้านอ๋องช่างน่าสงสารจริงๆ แต่งกับสตรีที่ชอบสร้างปัญหาเข้าบ้าน!”“องค์หญิงแปดมีพี่สะใภ้เช่นนี้ ช่างน่าสงสารยิ่งนัก!”พอหลี่จิ้งหย่าเปิดประเด็น ทุกคนก็พากันวิพากษ์วิจารณ์เซี่ยเชียนฮวัน กล่าวหานางว่าประพฤติตัวไม่เหมาะสมเมื่อเซียวหมิงเซียนได้รับการสนับสนุนจากความคิดเห็นของสาธารณชน จึงเต็มไปด้วยความมั่นใจ นางตะโกนเสียงดังว่า “ถูกต้อง เจ้ารีบขอโทษข้ามาซะ และรับปากว่า ต่อจากนี้จะไม่พูดคุยกับอวี้สวี่อีก!”“สิ่งที่องค์หญิงพูดนั้นตลกจริงๆ ในฐานะพระชายา จากนี้ไปหากข้าพบสวามีของท่านบนถนนแล้วไม่ทักทาย จะไม่ถูกติฉินนินทายิ่งกว่าเดิมหรือ” เซี่ยเชียนฮวันพูด“ข้าไม่สน ผู้หญิงที่มีจิตใจสกปรกอย่างเจ้า ควรอยู่ห่างจากสามีของข้า!”“เซียวหมิงเซียน!”เสียงตำหนินั้นมาจากเซียวเย่หลันต่อหน้าผู้คนมากมาย นางกลับใช้วาจาดูถูกพระชายาของเขา เท่ากับตบหน้าเขา!“ผู้ที่มีความคิดสกปรกมันคือเจ้าต่างหาก” เซียวเ
“มันมาจากไหน?”เซียวเย่หลันถามเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว “ตงไหล!”“ตงไหล...”พอได้ยินชื่อสถานที่นี้ สีหน้าของเซียวเย่หลันก็ขรึมลงเล็กน้อย เขานึกถึงคนๆ หนึ่งเซี่ยเชียนฮวันเอ่ยชื่อของคนที่อยู่ในความคิดของเขาทันที “รู้สึกว่าบังเอิญมากใช่หรือไม่? ยาที่พวกฆาตกรให้เหยื่อกินเป็นผลผลิตพิเศษจากตงไหล ประจวบเหมาะกับตอนที่พวกเขาจับคนร้ายแถบชานเมืองนั้น ฉินจีที่มีสมญานามว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งตงไหลถูกส่งตัวไปที่วังหลัง” “ช่างบังเอิญมากจริงๆ”เซียวเย่หลันจ้องไปที่หญ้าที่ส่งกลิ่นคาวปลาตายบนโต๊ะ นิ้ววางอยู่เหนือริมฝีปากแล้วบีบจมูกเบาๆเรื่องราวมากมายจริงๆเขาไม่รู้สึกว่าพวกนี้เป็นเรื่องบังเอิญทั้งสองเรื่องนี้ อย่างไรเสียก็ต้องเกี่ยวข้องกันเซี่ยเชียนฮวันพูดว่า “แล้วก็ ข้าให้เพื่อนไปสืบดูแล้ว เป็นเพราะหญ้าโช่วผิงถูกคนเข้าใจว่าเป็นยายืดอายุขัย มีจอมยุทธ์มากมายที่จะใช้มันกลั่นเป็นยาเพื่อใช้บำรุงสำหรับการฝึกยุทธ์”“เพื่อนเจ้าคนไหน? ผู้ชายหรือผู้หญิง?”จุดสนใจของเซียวเย่หลันอยู่ตรงนี้เซี่ยเชียนฮวันกลอกตามองบนอย่างไม่สบอารมณ์ “เถ้าแก่เนี้ยที่หอฮัวเยว่!”“อืม”ผู้หญิง เช่นนั้นเซียวเย่ห
ซูอวี้เออร์สีหน้าแข็งค้างสมควรตายคิดไม่ถึงเลยว่าพวกโจรโฉดพวกนี้จะได้รับข่าวสารว่องไวเพียงนี้!นางยังนึกว่า พวกเขาควรจะเป็นพวกโจรกระจอกในยุทธภพ ไม่ค่อยมีความเข้าใจเกี่ยวกับราชวงศ์นัก และนางเพิ่งตั้งครรภ์ไม่นาน จากภายนอกแล้วก็ดูไม่ออกหากเป็นเช่นนี้ นางในตอนนี้ก็กลายเป็นแกะน้อยเข้าถ้ำเสือแล้วสิ??ในขณะที่ซูอวี้เออร์เหงื่อเปียกชุ่มไปทั้งตัวและกำลังคิดว่าจะรับมือต่ออย่างไรนั้น หัวหน้าชุดขาวก็เงยหน้าขึ้นแล้วหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆๆ ไม่ต้องเป็นกังวลไป!”“เป้าหมายของพวกเราคือหญิงตั้งครรภ์ท้องโต เจ้าที่เพิ่งท้องแบบนี้ ทารกในครรภ์ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเลย ไม่มีประโยชน์อะไรกับเราสักนิด” อีกคนหนึ่งพูดเสียงเย็น หัวหน้าชุดขาวตบไปที่บ่าของพรรคพวกตัวเอง “เอาล่ะ อย่าทำให้นางตกใจไปเลย พวกเรากำลังต้องการเลือดเนื้อเชื้อไขของราชวงศ์ต้าเซี่ยพอดี นางยังช่วยพวกเราได้อีกมาก”สีหน้าของพรรคพวกคนนั้นแสดงออกถึงความแปลกใจเล็กน้อยแต่ ที่แห่งนี้ คำพูดของหัวหน้าคนเดียวที่ถือเป็นคำตัดสินสูงสุดเขาได้ตัดสินใจจะร่วมมือกับซูอวี้เออร์แล้วซูอวี้เออร์เผยรอยยิ้มที่พึงพอใจออกมา “ตอนนี้ท่านอ๋องจะออกลาดตระเวนทุกคืน
ก่อนหน้านี้ เซียวจ้านได้พูดคุยกับนางหลายครั้งได้แสดงออกให้เห็นถึงความในใจอยู่บ้างแต่นางกลับไม่รู้เลยว่า เซียวจ้านนั้นแท้จริงแล้วไม่ได้เป็นคนเอาแต่เล่นไม่เอาอ่าวอย่างที่เผยให้เห็นในรูปลักษณ์ภายนอก ตอนเด็กเขาก็ผ่านความเจ็บปวดมาไม่น้อยแต่พวกนั้นต่างก็เป็นการพูดคุยเปิดใจทั่วไปเซี่ยเชียนฮวันยืนยันได้ว่าระว่างนางกับเซียวจ้านนั้นไม่มีการข้ามเส้น มากที่สุดก็เรียกได้ว่าเป็นเพื่อน ไม่ได้เป็นเหมือนที่เซียวเย่หลันคิดนางแค่นเสียงเหอะ “เซียวเย่หลัน ข้าว่านะ เพราะเจ้าเคยแอบขโมย พอมองใครก็รู้สึกว่าเป็นโจรเสียหมด”“ข้าไม่เคยขโมยของใคร” เซียวเย่หลันถูกทำให้โกรธจนขำแล้วเซี่ยเชียนฮวันยกมุมปาก “ตัวเจ้ามีหญิงสาวมากมาย ซูอวี้เออร์นั้นข้าไม่นับแล้ว ยังมีหลี่จิ้งหย่าที่ชอบพอกันมาตั้งแต่เด็ก ผู้อื่นแต่งงานกับองค์ชายสองแล้ว เจ้ายังไปติดพันนางยากจะอธิบายได้ชัดเจนอยู่เลย”“เป็นเพราะว่าจิตใจของท่านอ๋องเองไม่บริสุทธิ์ ดังนั้น ถึงได้รู้สึกว่าระหว่างข้ากับองค์ชายห้านั้นพิเศษอย่างไรล่ะ”เซียวเย่หลันน้ำเสียงเย็นเยียบ “ตัวข้าไม่เคยติดพันกับหลี่จิ้งหย่าจนอธิบายไม่ได้”“งั้นหรือ? เช่นนั้นวันนั้นที่ข้าเห็น
“ข้าเป็นหมอผู้เชี่ยวชาญ ไม่กลัวหรอก”เซี่ยเชียนฮวันปากแข็ง ดึงฝ่ามือออกจากมือของเซียวเย่หลันแล้วเริ่มชันสูตรศพทีละร่างหญิงสาวพวกนี้ตายเพราะเสียเลือดมากเกินไปพวกนางถูกกรีดร่างทั้งเป็น วิธีการทารุณมากแต่ที่แปลกคือ ภายในร่างของพวกนางกลับมีร่องรอยของยาอยู่ แต่ไม่ได้ถูกพิษอย่างที่เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพพูดพอเจ้าเมืองเห็นเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ เขาจึงบีบจมูกแล้วเดินไปด้านหน้าถามขึ้นว่า “พระชายาอ๋อง ท่านสังเกตพบสิ่งใดหรือไม่?”“จากที่ข้าสังเกต แทนที่จะพูดว่าพวกนางถูกพิษ ควรพูดว่าก่อนตาย พวกนางถูกคนกรอกยาชนิดหนึ่งให้กิน ไม่ถึงกับขั้นส่งผลร้ายต่อร่างกายมากนัก แต่ในเมื่อฆาตกรจะฆ่าพวกนางอยู่แล้ว เหตุใดต้องมากเรื่อง กรอกยาพวกนางด้วยเล่า”จุดที่เซี่ยเชียนฮวันคิดไม่ตกก็คือจุดนี้ในกระเพาะของทุกร่างล้วนมีเศษซากยาชนิดนี้เท่ากับว่า เรื่องนี้สำหรับฆาตกรแล้วเป็นขั้นตอนที่ขาดไม่ได้สำหรับฆาตกร ขั้นตอนนี้มีประโยชน์ต่อพวกเขาสูงสุดเซียวเย่หลันขมวดคิ้วเล็กน้อย “ยาชนิดนี้ทำขึ้นมาจากอะไรหรือ?”“น่าจะมีประโยชน์เพียงช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แต่รายละเอียดต่างๆ ต้องรอให้ข้านำตั
“ใครน่ะ?!”เซี่ยเชียนฮวันตกใจเดินไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงมาอยู่ด้านหลังของนาง!พอนึกถึงเรื่องที่สตรีมีครรภ์หายตัวไปในช่วงนี้ ใจของเซี่ยเชียนฮวันก็เต้นตึกๆๆ รัวเป็นกลอง นางหันตัวขวับกลับมา นางก็ราดน้ำที่อยู่ในมือออกไปจนหมดจากนั้น...นางได้ทำให้ผมดกดำและเสื้อผ้าของเซียวเย่หลับเปียกไปหมดเซียวเย่หลันถูกน้ำราดทั้งหน้า หมดคำจะพูด ใช้มือเช็ดถูกแล้วพูดเสียงเย็น “การระมัดระวังตัวตลอดเวลานั้นเป็นเรื่องดี แต่ก็ไม่ต้องกลัวเป็นกระต่ายตื่นตูมไป”“ใครให้เจ้ามาไม่ให้เสียงสักนิดล่ะ มาอย่างกับผี ตกใจหมดเลย” เซี่ยเชียนฮวันเองก็อารมณ์ไม่ดี “แต่ก่อนเจ้าไม่มาโรงหมอไม่ใช่หรือ วันนี้วิ่งแจ้นมาที่นี่ทำไม?”“หากไม่ใช่เพราะเจ้าเมืองซุ่นเทียนมาขอแล้วขออีก ข้าเองก็คร้านจะมา”เซียวเย่หลันแสดงท่าทางรังเกียจเต็มที่ หยิบเอาผ้าออกมาเช็ดหน้าเซี่ยเชียนฮวันไม่เข้าใจ “เจ้าเมืองซุ่นเทียนขอร้องเจ้า? เขาเองก็อยากซื้อครีมบำรุงให้ฮูหยินของตนหรือ?”“พบศพเหยื่อสาวแถวชานเมืองหลวง ฝ่ายชันสูตรบอกว่าพวกนางถูกพิษ แต่ไม่สามารถตรวจสอบได้แน่ชัดว่าเป็นพิษจากอะไร เจ้าเมืองซุ่นเทียนก็เลยอยากขอให้เจ้าช่วย”เซียวเย่หลันพูดอธิบายส
“รู้สิ ทำไมหรือ?”เซี่ยเชียนฮวันตะลึงตอนที่อยู่โรงหมอ นางได้ยินพวกชาวบ้านถกเถียงกันราวกับว่ามีหญิงสาวมากมายที่ถูกจับตัวหรือว่า ที่ฮ่องเต้เรียกตัวเซียวเย่หลันไปห้องทรงพระอักษรก็เพราะจะให้เขาตรวจสอบเรื่องนี้เซียวเย่หลันพูดเสียงทุ้มว่า “สตรีที่ถูกพวกเขาจับตัวไปล้วนเป็นสตรีมีครรภ์” “อะไรนะ???”เซี่ยเชียนฮวันอดตกใจไม่ได้!ตามหลักแล้ว สตรีที่ถูกจับตัวไปควรเป็นหญิงสาวอายุน้อย เหตุใดจึงเป็นสตรีมีครรภ์ล่ะ?“ตอนนี้ คนในเมืองหลวงในใจกระวนกระวาย เสด็จพ่อได้ออกประกาศห้ามออกจากเคหะสถานยามค่ำคืนแล้ว นับจากวันนี้เป็นต้นไป ข้าต้องนำทหารออกไปลาดตระเวนทุกคืน จนกว่าจะจับตัวพวกผู้ร้ายพวกนั้นได้”เซียวเย่หลันมองไปทางเซี่ยเชียนฮวันปราดหนึ่ง ยื่นมือไปบีบแก้มนาง “เจ้าดูแลเด็กน้อยในท้องของเจ้าให้ดี ช่วงนี้อย่าออกไปวิ่งพล่านที่ไหน ได้ยินไหม”“อื้อ”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างว่าง่ายไม่แปลกที่เซียวเย่หลันไม่ยอมให้นางช่วยที่แท้ก็เพราะแค่มีครรภ์ก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว เพื่อปกป้องเด็กน้อยในท้อง นางต้องไม่เอาตัวเข้าไปเสี่ยงเซี่ยเชียนฮวันไม่ได้พูดเรื่องไปช่วยอีกนางติดตามเซียวเย่หลันกลับจวนอ๋อง แล้ว
หลังจากที่ได้เห็นฉากพยานแมวในเหตุการณ์กับตาตัวเองแล้ว สุดท้ายฉินจีก็ยอมรับด้วยตัวเองแล้ว นางคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้ ตัวสั่นเทิ้มสีพระพักตร์ของฮ่องเต้เคร่งขึมดูแล้ว เป็นเหมือนดั่งที่เจ้าห้าพูดจริงๆ ด้วย ฉินจีตั้งใจปล่อยแมวไปทำให้เซี่ยเชียนฮวันตกใจไม่ว่าตอนนี้เขาจะลำเอียงรักและเอ็นดูฉินจีมากเพียงใด เรื่องนี้ข้องเกี่ยวกับลูกหลานของราชวงศ์ ไม่สามารถทำตัวเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ได้เหมือนเรื่องที่พวกนางสนมทั้งหลายแก่งแย่งความรักกัน เซียวเย่หลันเดินออกมา จ้องไปที่ฉินจีอย่างเย็นชา “ขอเสด็จพ่อลงโทษอย่างสาหัสด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“ถ่ายทอดคำสั่ง ลำดับศักดิ์ของฉินจีลดขั้นลงเหลือเพียงไฉหนี่ว์ ถูกกักบริเวณในหอหลิวอินเป็นเวลาสามวัน ห้ามออกจากประตู”ฮ่องเต้กุมขมับ ไม่ได้มองไปทางฉินจีที่มีท่าทีน่าสงสารอีกทั้งลดลำดับศักดิ์ ทั้งถูกกักบริเวณ ถือว่าเป็นการให้เกียรติเซียวเย่หลันกับเซี่ยเชียนฮวันมากแล้ว เซี่ยเชียนฮวันยิ้มตาหยี “ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่ทรงให้ความยุติธรรมเพคะ”จากนั้น นางก็หันไปทางเซียวจ้าน ในดวงตาเรียวเล็กมีประกายแสงแสดงถึงความจริงจัง “และต้องขอบคุณน้องห้าด้วยที่พูดผดุงความยุติธรรมแก่ข้า”“น้
“ฝ่าบาท พระชายาจ้านอ๋องคงไม่ได้มีปัญหาที่ตรงนี้หรอกนะเพคะ”ฉินจีชี้ไปที่หัวของตัวเองฮ่องเต้โบกพระหัตถ์ “เอาล่ะ อย่าได้พูดเช่นนี้เลย”ฮ่องเต้ไม่ได้เอาความกับคำพูดส่งเดชของฉินจีอย่างไรเสีย การพูดตรงๆ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของฉินจี ก็เหมือนหมิงเฟยอย่างนั้นหากไม่ใช่เพราะชอบนิสัยเช่นนี้ของนาง ฮ่องเต้ก็คงไม่ลำเอียงชอบนางมากกว่าทว่า ฮ่องเต้เองก็รู้สึกว่าเซี่ยเชียนฮวันราวกับว่าสมองถูกกระทบกระเทือน กลับมาตั้งคำถามกับแมวอย่างเอาจริงเอาจัง ไม่รู้ว่านางจะมาไม้ไหนอีก“หากแมวตัวนั้นตอบคำถามของพระชายาจ้านอ๋องจริงๆ หม่อมฉันยอมรับโทษเพคะ” ฉินจีหัวเราะเยาะเย้ยเบาๆ“เจ้าเป็นคนพูดเองนะ” เซี่ยเชียนฮวันนั่งปัดมืออยู่ที่พื้น “เอาล่ะ เป็นแมวที่สัตย์ซื่อหน่อยซิ”“เหมียว เหมียว เหมียว?” เจ้าแมวขาวเอียงหัวเล็กน้อยเซียวเย่หลันเองก็ทนดูไม่ค่อยไหวแล้ว อยากจะลากตัวนางออกไปทันใดนั้น ขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าเซี่ยเชียนฮวันกำลังก่อเรื่องนั้น เจ้าแมวขาวกลับยื่นอุ้งมือออกมา!มันทำเหมือนที่เซี่ยเชียนฮวันพูดจริงๆ ด้วย ข่วนไปที่หยกห้อยเอวที่อยู่ด้านขวาผู้คนต่างสีหน้าเปลี่ยนสี“เป็นไปไม่ได้!” ฉินจีโพล่งออก
“ฝ่าบาททรงรอบรู้ หม่อมฉันเพียงแต่พูดความจริงเท่านั้น”ฉินจีหลุบตาลงฮ่องเต้มองไปที่เซียวจ้านแล้วพูดว่า “เจ้าห้า เจ้าเป็นคนมีมารยาทดีมาโดยตลอด ทำไมวันนี้ต้องมีปัญหากับฉินเออร์ด้วย”“ทูลเสด็จพ่อ ลูกไม่ได้ตั้งใจจะมุ่งเป้าไปที่ผู้ใด เพียงแต่เห็นฉินเจี๋ยอวี๋กับพระชายาจ้านอ๋องโต้เถียงกัน จากนั้นพระชายาจ้านอ๋องเกือบจะล้ม ซึ่งเลี่ยงไม่ได้ที่คนจะรู้สึกสงสัย”เซียวจ้านประกบมือคำนับแล้วกล่าวขึ้นในเวลานี้ ในที่สุดเซียวเย่หลันก็เอ่ยปากถามเซี่ยเชียนฮวันที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ล้มหรือเปล่า”“ไม่เป็นไร ไม่ตายหรอก”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างไม่สบอารมณ์เซียวเย่หลันพูดไม่ออกสตรีที่ดูอ่อนแอกันคนภายนอกแต่กับคนในบ้านกลับหยาบคายใส่คนนี้นี่เขากำลังแสดงความเป็นห่วงนางชัดๆ แต่กลับพูดจายอกย้อนกับเขา“ฉินเอ๋อเพิ่งเข้าวังไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ หากมีตรงไหนล่วงเกินสะใภ้เจ็ด พวกเจ้าก็แค่ให้อภัยก็จบแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำให้ตึงเครียดขนาดนี้”ฮ่องเต้พูดเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องการให้เรื่องนี้สงบลง ไม่ถือสาหาความผิดของฉินจีอย่างไรก็ตาม พอได้ยินเช่นนี้ฉินจีกลับตกใจเล็กน้อยเดิมทีนางคิดว่าฮ่องเต้จะไม่เพียงแต่ปกป้องนา