“จวิ้นเอ๋อร์! เรื่องนี้สำคัญมาก เจ้าต้องคิดให้ชัดเจนก่อนพูด!”มหาดเล็กเซวี่ยดูเข้มงวด และขัดจังหวะคำพูดของเซวี่ยจวิ้นเสียงดังดูเหมือนเขาไม่เต็มใจอย่างยิ่งที่จะยอมรับความจริงที่เซวี่ยจวิ้นบอกไม่รู้ว่าเป็นเพราะก่อนหน้านี้ พุ่งเป้าไปที่เซี่ยเชียนฮวันและเซียวเย่หลันมากเกินไปหรือไม่ หลังจากที่ความจริงเผยออกมาจึงพยายามรักษาหน้าเอาไว้ หรือมีเหตุผลอื่นแม่เซวี่ยกล่าวเสียงเข้มว่า “ท่านพูดแรงไปแล้วนะ ไม่ง่ายเลยที่จวิ้นเอ๋อร์จะได้สติขึ้นมา ถ้าหากนางกลัวขึ้นมาอีกล่ะ จะทำยังไง”“ท่านแม่ ข้าสบายดี”เซวี่ยจวิ้นมีสีหน้าสงบ แต่ร่างกายกลับเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าสุดขีดเดิมทีนางกลัวพ่อของนางจากก้นบึ้งของหัวใจ แต่ตอนนี้นางดูเหมือนเป็นคนละคนแล้ว คงเป็นเพราะเหนื่อยทั้งกายและใจ จึงไม่มีกำลังที่จะกลัวใครอีกต่อไป“พระชายาจ้านข้ารู้สึกเสียใจจริงๆ ที่ท่านถูกจำคุกโดยไร้ความผิดเพราะข้า”เซวี่ยจวิ้นมองเซี่ยเชียนฮวันด้วยแววตาที่ซับซ้อนเซี่ยเชียนฮวันใจสั่นไหว และเดินเข้าไปปลอบนาง “เจ้าไม่จำเป็นต้องเสียใจ ข้าควรจะขอบคุณที่เจ้ายืนขึ้นและพูดแทนข้า ช่วยข้าชำระชื่อเสียงของข้า”หลังจากนั้นนางก็ลดเสียงลงอีกคร
“ฝ่าบาททรงพระปรีชา หม่อมฉันพูดความจริงทุกคำ!”เสียงของหญิงสาวผสมกับความอ้างว้างเล็กน้อย จนคนฟังแทบทนไม่ได้อย่างไรก็ตาม ในบรรดาผู้คนที่อยู่ตรงนั้น ใครก็ตามที่มีความฉลาดเล็กน้อย ก็สามารถบอกได้ว่าทัศนคติของนางนั้นแปลก และนางกำลังซ่อนบางสิ่งเอาไว้นางซ่อนความลับอะไรเอาไว้ และทำไมถึงไม่กล้าบอกพวกเขา ซึ่งไม่มีใครทราบฮ่องเต้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพยักหน้าช้าๆ “ช่างเถอะ ส่งคดีนี้ให้ศาลต้าหลี่สอบสวนต่อไป เนื่องจากพระชายาจ้านถูกใส่ร้าย ดังนั้นจึงพ้นผิด”เจ้าหน้าที่ศาลต้าหลี่โค้งคำนับรับคำสั่งมหาดเล็กเซวี่ยที่อยู่อีกด้านเหมือนไม่พอใจเล็กน้อยแม้ฮ่องเต้จะตัดสินว่าเซี่ยเชียนฮวันไม่มีความผิด แต่มหาดเล็กเซวี่ยกลับไม่ขอโทษเซี่ยเชียนฮวันสำหรับความหยาบคายก่อนหน้านี้ แต่กลับมองนางอย่างเย็นชา ราวกับว่านางเป็นคนผิด “เจ้าเจ็ดและสะใภ้เจ็ด อีกสักพักไปพบข้าที่ห้องทรงพระอักษร”ฮ่องเต้มีรับสั่งเซี่ยเชียนฮวันกับเซียวเย่หลัน แล้วจากไปโดยเอามือไพล่หลังเซี่ยเชียนฮวันไม่มองเซียวเย่หลัน แต่หันกลับมาช่วยเซวี่ยจวิ้นที่ยังคงหวาดกลัวอยู่“เข้าเฝ้าฝ่าบาทครั้งแรก เลี่ยงไม่ได้ที่จะตื่นตระหนก” นางเอ่ยปลอบ “เจ
รอยยิ้มบนใบหน้าของเซี่ยเชียนฮวันแข็งทื่อเล็กน้อยหรือว่าฮ่องเต้ไม่พอใจกับสิ่งที่นางทำ?“เจ้าเจ็ด เจ้ามีประสบการณ์ในการสอบสวนนักโทษ เจ้ามีความคิดเห็นอย่างไร” ฮ่องเต้พยักหน้าให้เซียวเย่หลันเซียวเย่หลันไม่เกรงใจ และพูดตรงๆ ว่า “ลูกคิดว่าสิ่งที่เซวี่ยจวิ้นพูดนั้นไม่เป็นความจริงเลย เมื่อพิจารณาจากพฤติกรรมของนาง มันเหมือนกับว่ามีคนบีบบังคับนางลับหลัง และบังคับให้นางโกหก”“เดี๋ยวก่อน ท่านคงไม่ได้สงสัยว่าข้าบีบบังคับนางหรอกนะ?”เซี่ยเชียนฮวันอดพูดแทรกไม่ได้!เซียวเย่หลันเหลือบมองนางแล้วพูดว่า “ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ทำ มิฉะนั้นถ้าหากการสอบสวนออกมา ผลที่ตามมาจะร้ายแรง”“เอาล่ะ ท่านแค่ไม่เชื่อว่าข้าบริสุทธิ์ ไม่ว่าหลักฐานจะมากขนาดไหนก็ตาม ข้าทำงานอย่างหนักเพื่อค้นหาหลักฐาน แต่มันก็ไม่ดีเท่าคำพูดของคนอื่น!”เซี่ยเชียนฮวันโกรธมาก ถ้าไม่ใช่เพราะอยู่ต่อหน้าฮ่องเต้ นางคงอยากจะฉีกใบหน้าหล่อเหลาของเซียวเย่หลันออกซูอวี้เออร์ทำเรื่องไม่ดี แค่อธิบายสักสองสามคำ ทุกคนก็จะเชื่อนางแล้วนางล่ะ?แม้ว่านางจะถูกใส่ร้าย และพยายามอย่างหนักเพื่อค้นหาหลักฐานทุกอย่างเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนาง แต่สุดท้ายน
หลังจากที่เซี่ยเชียนฮวันนึกออก สีหน้าของนางก็ยิ่งดูแปลกไปนางหยุดพูดไปชั่วขณะ“พูดต่อไปสิ” ฮ่องเต้เตือนนาง“เพคะ...ลูกสะใภ้ขอให้ทหารองค์รักษ์ของเสด็จพ่อแกล้งทำเป็นพวกอันธพาล ลักพาตัวเซวี่ยจวิ้นจากรถม้า และพานางไปยังสถานที่ที่เกิดเหตุ เพื่อให้นางได้สัมผัสกับสิ่งที่เกิดขึ้นในครั้งนั้นอีกครั้ง และกระตุ้นให้นางฟื้นความทรงจำขึ้นมา”เซี่ยเชียนฮวันอธิบายสถานการณ์ในหมู่บ้านอี้ให้แก่ฮ่องเต้อย่างคร่าว ๆฮ่องเต้พยักหน้าขณะฟัง ก่อนพูดพึมพำว่า “เดิมทีวิธีนี้ยังสามารถใช้รักษาโรคได้ สะใภ้เจ็ด เจ้ามีพฤติกรรมคล้ายหมอผีตั้งแต่อายุยังน้อย”“ลูกสะใภ้มิกล้าเปรียบเทียบ”เซี่ยเชียนฮวันรู้สึกละอายใจนางเรียนรู้เพียงเล็กน้อย แล้วกล้าจะเปรียบเทียบกับบรรพบุรุษหมอผีของนางได้อย่างไร?เซียวเย่หลันกลับขมวดคิ้วและถามว่า “ความหมายของเจ้าคือ แม้แต่ตอนที่เจ้าปลอมตัวเป็นสตรีผู้นั้น เซวี่ยจวิ้นก็ยังไม่สามารถฟื้นความทรงจำของนางได้อย่างเต็มที่ แล้วเหตุใด นางถึงกลายเป็นปกติหลังจากที่ข้ามา นี่มันไม่สมเหตุสมผลเลย”ฮ่องเต้กล่าว “อาจเป็นเพราะนางต้องการเวลาเพื่อสงบสติอารมณ์ก็ได้”“เสด็จพ่อพูดถูก แต่มีความเป็นไปได้อีกอย
“เจ้าเจ็ด ถึงแม้ว่าครั้งนี้เจ้าจะไม่ได้รับสาวงามกลับบ้าน แต่เจ้าก็ได้พบคนทรยศที่มีเจตนาชั่วร้ายแทนข้า ซึ่งถือได้ว่ามีผลงาน”ฮ่องเต้ครุ่นคิด บางทีอาจกำลังคิดว่าจะจัดการกับมหาดเล็กเซวี่ยอย่างไรในฐานะโอรสสวรรค์ สิ่งที่เขารังเกียจที่สุดคือผู้ใต้บัญชาที่มีความคิดที่ซับซ้อนมากเกินไป และรวมกลุ่มกันเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวโดยเฉพาะครั้งนี้ มหาดเล็กเซวี่ยกล้าที่จะรวมตัวกับขุนนางคนอื่นๆ เพื่อกำหนดเป้าหมายไปที่เซียวเย่หลันนั่นคือองค์ชายสิ่งที่เขาทำ ถือเป็นการละเมิดข้อห้ามของฮ่องเต้เซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้วและพูดว่า “เสด็จพ่อ สิ่งที่ข้าเพิ่งพูดไปเป็นเพียงการคาดเดาของลูกสะใภ้เท่านั้น หากต้องการหาหลักฐานที่แท้จริง และค้นหาว่าใครสมรู้ร่วมคิดกับมหาดเล็กเซวี่ย เกรงว่าจะต้องใช้เวลาสักระยะ”“ข้าจะจัดการกับเขาตอนนี้ ไม่จำเป็นต้องมีหลักฐาน”ฮ่องเต้พูดอย่างเย็นชาประโยคนี้ทำให้เซี่ยเชียนฮวันได้สติขึ้นมาในทันทีใช่แล้ว...ชายวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้า ควบคุมความเป็นความตายของคนในใต้หล้า หากเขาต้องการจะจัดการกับใครสักคน แค่ขยับมือแล้วประทับตราเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องแสดงหลักฐานเลยนี่คืออำนาจของฮ่องเต
เซียวเย่หลันมองรถม้าที่เซี่ยเชียนฮวันนั่งเขาลังเลเล็กน้อยช่างเถอะ...อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงคนนั้นไม่มีเหตุผล พูดไปก็ไร้ประโยชน์พวกเขาต่างแยกย้ายกันกลับจวนหารู้ไม่ว่า เมื่อซูอวี้เออร์ที่อยู่ในจวนทราบข่าวว่าเซี่ยเชียนฮวันพ้นผิด นางก็โกรธจัดจนฉีกพัดออกเป็นชิ้นๆ“นางสารเลวนั่นช่างโชคดีจริงๆ ถูกขังในสำนักคุมประพฤติมาหลายวัน แต่ก็เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และเด็กในท้องนางก็ไม่ได้ถูกทรมานเลยสักนิด”ซูอวี้เออร์ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโหโอกาสฟ้าประทานเช่นนี้ แต่ไม่คาดคิดว่า สวรรค์จะไม่ช่วยนางมากกว่านี้อวิ๋นซีที่อยู่ข้างๆ ก็เอ่ยปลอบว่า “นายหญิงไม่ต้องกังวล ท้องของพระชายาใหญ่ขนาดนั้น ยังมีเวลาเหลืออีกครึ่งปี บ่าวไม่เชื่อว่านางจะคลอดบุตรได้อย่างปลอดภัย”“ข้าแค่เกรงว่าทารกในครรภ์จะมั่นคง ข้าอยากให้นางเจ็บครรภ์ก่อนกำหนด มิฉะนั้นมันจะยากขึ้นอย่างแน่นอน” ซูอวี้เออร์พูดอย่างเย็นชาอวิ๋นซีเกิดความคิดขึ้นมาว่า “นายหญิงสามารถทำตรงกันข้าม ให้อาหารเสริมแก่พระชายามากๆ เลี้ยงดูทารกในครรภ์ เมื่อถึงเวลาคลอดบุตร ทารกในครรภ์ก็จะใหญ่เกินกว่าจะคลอดได้โดยธรรมชาติ”“ด้วยวิธีนี้ นายหญิงจะได้รับชื่อเสียงที่ดี ส่วน
“ตอนนี้หนาวแล้ว เจ้าจะไปไหนล่ะ”เซียวเย่หลันรู้สึกประหลาดใจฤดูหนาวมาถึงแล้ว และวันส่งท้ายปีเก่าก็กำลังใกล้เข้ามา ซึ่งเป็นเวลาที่หนาวที่สุดของปีทุกคนล้วนอยู่ในบ้านรอบกองไฟเพื่อให้ความอบอุ่น แต่อวี้เออร์กลับต้องการออกไปข้างนอกซูอวี้เออร์หน้านิ่งไม่เปลี่ยน น้ำเสียงอ่อนโยนกล่าวว่า “ได้ยินมาว่ามีสวนบ๊วยที่สวยงามแห่งหนึ่งในอำเภอถานใกล้เมืองหลวง ผู้รู้หนังสือหลายคนชอบไปที่นั่น เพื่อเพลิดเพลินกับดอกบ๊วยและดื่มชาในฤดูหนาว ข้าจึงอยากเห็นมันเหมือนกัน”“เจ้ายังคงสง่างาม”เซียวเย่หลันยิ้มน้อยๆ คิ้วที่ขมวดก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลงเขาชื่นชมความอ่อนโยน มีคุณธรรม และพรสวรรค์ของซูอวี้เออร์สตรีที่สูงส่งมีความสามารถควรเป็นเหมือนซูอวี้เออร์แทนที่จะเป็นเหมือนผู้หญิงบางคนที่พึ่งพาทักษะแพทย์ที่ไม่ธรรมดา และภูมิใจมากจนตาไปแปะอยู่บนศีรษะ แม้แต่สามีของตัวเองก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์“ท่านอ๋องไปดูกับอวี้เออร์นะ”ซูอวี้เออร์จับแขนของเซียวเย่หลัน และแสดงท่าทีออดอ้อนเซียวเย่หลันพยักหน้า “ตกลง ช่วงนี้ข้าไม่ได้อยู่กับเจ้ามากนัก ข้าจะพาเจ้าไปชมดอกบ๊วยในอีกไม่กี่วัน”“เยี่ยมมาก”แผนการของซูอวี้เออร์ประสบค
เมื่อได้อยู่ในสถานที่อันหนาวเย็นและโดดเดี่ยวเช่นนั้นครั้งหนึ่ง ก็จะไม่อยากไปที่นั่นอีกเลยนางจำได้ว่าอาหารในคุกมีกลิ่นเหม็นแค่ไหนและยังจำได้ว่าถูกผู้คุมหยอกล้อและสร้างความอัปยศมากเพียงใด หลังจากโชคดีออกมาได้ ก็มาเห็นฉากที่เซียวเย่หลันถูกรายล้อมไปด้วยนางรำและกำลังดื่มสุราสิ่งเหล่านี้ทิ้งร่องรอยที่ลบไม่ออกไว้ในใจของนางนางจะไม่ลืมไปตลอดชีวิต“พั่บ——”ทันใดนั้นนกน้อยบนยอดไม้ก็กระพือปีกบินจากไป ทำลายความเงียบงันระหว่างทั้งสองคนเซี่ยเชียนฮวันรู้สึกประหลาดใจ จึงยื่นมือออกแล้วตะโกนว่า “เจ้าอย่าเพิ่งไป ข้ายังพูดไม่จบเลยนะ!”“เมื่อครู่เจ้ากำลังคุยกับนกน้อยตัวนั้นอยู่หรือ...”เซียวเย่หลันลดสายตาลง น้ำเสียงของเขาดูเหมือนจะแหบแห้งกว่าปกติ พร้อมกับมีอาการฝืดเคืองแต่เซี่ยเชียนฮวันไม่ได้สังเกตเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในอารมณ์ของชายคนนั้น ทั้งยังพูดด้วยความโกรธว่า “ใช่ เพราะท่านอ๋องมา มันจึงตกใจกลัวจนหนีไป”“หากเจ้ามีคนอื่นที่ชอบ ก็สามารถบอกข้าได้ตามตรง ไม่จำเป็นต้องพูดกับนกก็ได้”เซียวเย่หลันถอนหายใจเขาอยากรู้ว่า ผู้ชายแบบไหนที่สามารถเปลี่ยนหัวใจของเซี่ยเชียนฮวันสตรีบ้าผู้ชายคนนี้ได้
“มันมาจากไหน?”เซียวเย่หลันถามเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว “ตงไหล!”“ตงไหล...”พอได้ยินชื่อสถานที่นี้ สีหน้าของเซียวเย่หลันก็ขรึมลงเล็กน้อย เขานึกถึงคนๆ หนึ่งเซี่ยเชียนฮวันเอ่ยชื่อของคนที่อยู่ในความคิดของเขาทันที “รู้สึกว่าบังเอิญมากใช่หรือไม่? ยาที่พวกฆาตกรให้เหยื่อกินเป็นผลผลิตพิเศษจากตงไหล ประจวบเหมาะกับตอนที่พวกเขาจับคนร้ายแถบชานเมืองนั้น ฉินจีที่มีสมญานามว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งตงไหลถูกส่งตัวไปที่วังหลัง” “ช่างบังเอิญมากจริงๆ”เซียวเย่หลันจ้องไปที่หญ้าที่ส่งกลิ่นคาวปลาตายบนโต๊ะ นิ้ววางอยู่เหนือริมฝีปากแล้วบีบจมูกเบาๆเรื่องราวมากมายจริงๆเขาไม่รู้สึกว่าพวกนี้เป็นเรื่องบังเอิญทั้งสองเรื่องนี้ อย่างไรเสียก็ต้องเกี่ยวข้องกันเซี่ยเชียนฮวันพูดว่า “แล้วก็ ข้าให้เพื่อนไปสืบดูแล้ว เป็นเพราะหญ้าโช่วผิงถูกคนเข้าใจว่าเป็นยายืดอายุขัย มีจอมยุทธ์มากมายที่จะใช้มันกลั่นเป็นยาเพื่อใช้บำรุงสำหรับการฝึกยุทธ์”“เพื่อนเจ้าคนไหน? ผู้ชายหรือผู้หญิง?”จุดสนใจของเซียวเย่หลันอยู่ตรงนี้เซี่ยเชียนฮวันกลอกตามองบนอย่างไม่สบอารมณ์ “เถ้าแก่เนี้ยที่หอฮัวเยว่!”“อืม”ผู้หญิง เช่นนั้นเซียวเย่ห
ซูอวี้เออร์สีหน้าแข็งค้างสมควรตายคิดไม่ถึงเลยว่าพวกโจรโฉดพวกนี้จะได้รับข่าวสารว่องไวเพียงนี้!นางยังนึกว่า พวกเขาควรจะเป็นพวกโจรกระจอกในยุทธภพ ไม่ค่อยมีความเข้าใจเกี่ยวกับราชวงศ์นัก และนางเพิ่งตั้งครรภ์ไม่นาน จากภายนอกแล้วก็ดูไม่ออกหากเป็นเช่นนี้ นางในตอนนี้ก็กลายเป็นแกะน้อยเข้าถ้ำเสือแล้วสิ??ในขณะที่ซูอวี้เออร์เหงื่อเปียกชุ่มไปทั้งตัวและกำลังคิดว่าจะรับมือต่ออย่างไรนั้น หัวหน้าชุดขาวก็เงยหน้าขึ้นแล้วหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆๆ ไม่ต้องเป็นกังวลไป!”“เป้าหมายของพวกเราคือหญิงตั้งครรภ์ท้องโต เจ้าที่เพิ่งท้องแบบนี้ ทารกในครรภ์ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเลย ไม่มีประโยชน์อะไรกับเราสักนิด” อีกคนหนึ่งพูดเสียงเย็น หัวหน้าชุดขาวตบไปที่บ่าของพรรคพวกตัวเอง “เอาล่ะ อย่าทำให้นางตกใจไปเลย พวกเรากำลังต้องการเลือดเนื้อเชื้อไขของราชวงศ์ต้าเซี่ยพอดี นางยังช่วยพวกเราได้อีกมาก”สีหน้าของพรรคพวกคนนั้นแสดงออกถึงความแปลกใจเล็กน้อยแต่ ที่แห่งนี้ คำพูดของหัวหน้าคนเดียวที่ถือเป็นคำตัดสินสูงสุดเขาได้ตัดสินใจจะร่วมมือกับซูอวี้เออร์แล้วซูอวี้เออร์เผยรอยยิ้มที่พึงพอใจออกมา “ตอนนี้ท่านอ๋องจะออกลาดตระเวนทุกคืน
ก่อนหน้านี้ เซียวจ้านได้พูดคุยกับนางหลายครั้งได้แสดงออกให้เห็นถึงความในใจอยู่บ้างแต่นางกลับไม่รู้เลยว่า เซียวจ้านนั้นแท้จริงแล้วไม่ได้เป็นคนเอาแต่เล่นไม่เอาอ่าวอย่างที่เผยให้เห็นในรูปลักษณ์ภายนอก ตอนเด็กเขาก็ผ่านความเจ็บปวดมาไม่น้อยแต่พวกนั้นต่างก็เป็นการพูดคุยเปิดใจทั่วไปเซี่ยเชียนฮวันยืนยันได้ว่าระว่างนางกับเซียวจ้านนั้นไม่มีการข้ามเส้น มากที่สุดก็เรียกได้ว่าเป็นเพื่อน ไม่ได้เป็นเหมือนที่เซียวเย่หลันคิดนางแค่นเสียงเหอะ “เซียวเย่หลัน ข้าว่านะ เพราะเจ้าเคยแอบขโมย พอมองใครก็รู้สึกว่าเป็นโจรเสียหมด”“ข้าไม่เคยขโมยของใคร” เซียวเย่หลันถูกทำให้โกรธจนขำแล้วเซี่ยเชียนฮวันยกมุมปาก “ตัวเจ้ามีหญิงสาวมากมาย ซูอวี้เออร์นั้นข้าไม่นับแล้ว ยังมีหลี่จิ้งหย่าที่ชอบพอกันมาตั้งแต่เด็ก ผู้อื่นแต่งงานกับองค์ชายสองแล้ว เจ้ายังไปติดพันนางยากจะอธิบายได้ชัดเจนอยู่เลย”“เป็นเพราะว่าจิตใจของท่านอ๋องเองไม่บริสุทธิ์ ดังนั้น ถึงได้รู้สึกว่าระหว่างข้ากับองค์ชายห้านั้นพิเศษอย่างไรล่ะ”เซียวเย่หลันน้ำเสียงเย็นเยียบ “ตัวข้าไม่เคยติดพันกับหลี่จิ้งหย่าจนอธิบายไม่ได้”“งั้นหรือ? เช่นนั้นวันนั้นที่ข้าเห็น
“ข้าเป็นหมอผู้เชี่ยวชาญ ไม่กลัวหรอก”เซี่ยเชียนฮวันปากแข็ง ดึงฝ่ามือออกจากมือของเซียวเย่หลันแล้วเริ่มชันสูตรศพทีละร่างหญิงสาวพวกนี้ตายเพราะเสียเลือดมากเกินไปพวกนางถูกกรีดร่างทั้งเป็น วิธีการทารุณมากแต่ที่แปลกคือ ภายในร่างของพวกนางกลับมีร่องรอยของยาอยู่ แต่ไม่ได้ถูกพิษอย่างที่เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพพูดพอเจ้าเมืองเห็นเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ เขาจึงบีบจมูกแล้วเดินไปด้านหน้าถามขึ้นว่า “พระชายาอ๋อง ท่านสังเกตพบสิ่งใดหรือไม่?”“จากที่ข้าสังเกต แทนที่จะพูดว่าพวกนางถูกพิษ ควรพูดว่าก่อนตาย พวกนางถูกคนกรอกยาชนิดหนึ่งให้กิน ไม่ถึงกับขั้นส่งผลร้ายต่อร่างกายมากนัก แต่ในเมื่อฆาตกรจะฆ่าพวกนางอยู่แล้ว เหตุใดต้องมากเรื่อง กรอกยาพวกนางด้วยเล่า”จุดที่เซี่ยเชียนฮวันคิดไม่ตกก็คือจุดนี้ในกระเพาะของทุกร่างล้วนมีเศษซากยาชนิดนี้เท่ากับว่า เรื่องนี้สำหรับฆาตกรแล้วเป็นขั้นตอนที่ขาดไม่ได้สำหรับฆาตกร ขั้นตอนนี้มีประโยชน์ต่อพวกเขาสูงสุดเซียวเย่หลันขมวดคิ้วเล็กน้อย “ยาชนิดนี้ทำขึ้นมาจากอะไรหรือ?”“น่าจะมีประโยชน์เพียงช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แต่รายละเอียดต่างๆ ต้องรอให้ข้านำตั
“ใครน่ะ?!”เซี่ยเชียนฮวันตกใจเดินไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงมาอยู่ด้านหลังของนาง!พอนึกถึงเรื่องที่สตรีมีครรภ์หายตัวไปในช่วงนี้ ใจของเซี่ยเชียนฮวันก็เต้นตึกๆๆ รัวเป็นกลอง นางหันตัวขวับกลับมา นางก็ราดน้ำที่อยู่ในมือออกไปจนหมดจากนั้น...นางได้ทำให้ผมดกดำและเสื้อผ้าของเซียวเย่หลับเปียกไปหมดเซียวเย่หลันถูกน้ำราดทั้งหน้า หมดคำจะพูด ใช้มือเช็ดถูกแล้วพูดเสียงเย็น “การระมัดระวังตัวตลอดเวลานั้นเป็นเรื่องดี แต่ก็ไม่ต้องกลัวเป็นกระต่ายตื่นตูมไป”“ใครให้เจ้ามาไม่ให้เสียงสักนิดล่ะ มาอย่างกับผี ตกใจหมดเลย” เซี่ยเชียนฮวันเองก็อารมณ์ไม่ดี “แต่ก่อนเจ้าไม่มาโรงหมอไม่ใช่หรือ วันนี้วิ่งแจ้นมาที่นี่ทำไม?”“หากไม่ใช่เพราะเจ้าเมืองซุ่นเทียนมาขอแล้วขออีก ข้าเองก็คร้านจะมา”เซียวเย่หลันแสดงท่าทางรังเกียจเต็มที่ หยิบเอาผ้าออกมาเช็ดหน้าเซี่ยเชียนฮวันไม่เข้าใจ “เจ้าเมืองซุ่นเทียนขอร้องเจ้า? เขาเองก็อยากซื้อครีมบำรุงให้ฮูหยินของตนหรือ?”“พบศพเหยื่อสาวแถวชานเมืองหลวง ฝ่ายชันสูตรบอกว่าพวกนางถูกพิษ แต่ไม่สามารถตรวจสอบได้แน่ชัดว่าเป็นพิษจากอะไร เจ้าเมืองซุ่นเทียนก็เลยอยากขอให้เจ้าช่วย”เซียวเย่หลันพูดอธิบายส
“รู้สิ ทำไมหรือ?”เซี่ยเชียนฮวันตะลึงตอนที่อยู่โรงหมอ นางได้ยินพวกชาวบ้านถกเถียงกันราวกับว่ามีหญิงสาวมากมายที่ถูกจับตัวหรือว่า ที่ฮ่องเต้เรียกตัวเซียวเย่หลันไปห้องทรงพระอักษรก็เพราะจะให้เขาตรวจสอบเรื่องนี้เซียวเย่หลันพูดเสียงทุ้มว่า “สตรีที่ถูกพวกเขาจับตัวไปล้วนเป็นสตรีมีครรภ์” “อะไรนะ???”เซี่ยเชียนฮวันอดตกใจไม่ได้!ตามหลักแล้ว สตรีที่ถูกจับตัวไปควรเป็นหญิงสาวอายุน้อย เหตุใดจึงเป็นสตรีมีครรภ์ล่ะ?“ตอนนี้ คนในเมืองหลวงในใจกระวนกระวาย เสด็จพ่อได้ออกประกาศห้ามออกจากเคหะสถานยามค่ำคืนแล้ว นับจากวันนี้เป็นต้นไป ข้าต้องนำทหารออกไปลาดตระเวนทุกคืน จนกว่าจะจับตัวพวกผู้ร้ายพวกนั้นได้”เซียวเย่หลันมองไปทางเซี่ยเชียนฮวันปราดหนึ่ง ยื่นมือไปบีบแก้มนาง “เจ้าดูแลเด็กน้อยในท้องของเจ้าให้ดี ช่วงนี้อย่าออกไปวิ่งพล่านที่ไหน ได้ยินไหม”“อื้อ”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างว่าง่ายไม่แปลกที่เซียวเย่หลันไม่ยอมให้นางช่วยที่แท้ก็เพราะแค่มีครรภ์ก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว เพื่อปกป้องเด็กน้อยในท้อง นางต้องไม่เอาตัวเข้าไปเสี่ยงเซี่ยเชียนฮวันไม่ได้พูดเรื่องไปช่วยอีกนางติดตามเซียวเย่หลันกลับจวนอ๋อง แล้ว
หลังจากที่ได้เห็นฉากพยานแมวในเหตุการณ์กับตาตัวเองแล้ว สุดท้ายฉินจีก็ยอมรับด้วยตัวเองแล้ว นางคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้ ตัวสั่นเทิ้มสีพระพักตร์ของฮ่องเต้เคร่งขึมดูแล้ว เป็นเหมือนดั่งที่เจ้าห้าพูดจริงๆ ด้วย ฉินจีตั้งใจปล่อยแมวไปทำให้เซี่ยเชียนฮวันตกใจไม่ว่าตอนนี้เขาจะลำเอียงรักและเอ็นดูฉินจีมากเพียงใด เรื่องนี้ข้องเกี่ยวกับลูกหลานของราชวงศ์ ไม่สามารถทำตัวเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ได้เหมือนเรื่องที่พวกนางสนมทั้งหลายแก่งแย่งความรักกัน เซียวเย่หลันเดินออกมา จ้องไปที่ฉินจีอย่างเย็นชา “ขอเสด็จพ่อลงโทษอย่างสาหัสด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“ถ่ายทอดคำสั่ง ลำดับศักดิ์ของฉินจีลดขั้นลงเหลือเพียงไฉหนี่ว์ ถูกกักบริเวณในหอหลิวอินเป็นเวลาสามวัน ห้ามออกจากประตู”ฮ่องเต้กุมขมับ ไม่ได้มองไปทางฉินจีที่มีท่าทีน่าสงสารอีกทั้งลดลำดับศักดิ์ ทั้งถูกกักบริเวณ ถือว่าเป็นการให้เกียรติเซียวเย่หลันกับเซี่ยเชียนฮวันมากแล้ว เซี่ยเชียนฮวันยิ้มตาหยี “ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่ทรงให้ความยุติธรรมเพคะ”จากนั้น นางก็หันไปทางเซียวจ้าน ในดวงตาเรียวเล็กมีประกายแสงแสดงถึงความจริงจัง “และต้องขอบคุณน้องห้าด้วยที่พูดผดุงความยุติธรรมแก่ข้า”“น้
“ฝ่าบาท พระชายาจ้านอ๋องคงไม่ได้มีปัญหาที่ตรงนี้หรอกนะเพคะ”ฉินจีชี้ไปที่หัวของตัวเองฮ่องเต้โบกพระหัตถ์ “เอาล่ะ อย่าได้พูดเช่นนี้เลย”ฮ่องเต้ไม่ได้เอาความกับคำพูดส่งเดชของฉินจีอย่างไรเสีย การพูดตรงๆ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของฉินจี ก็เหมือนหมิงเฟยอย่างนั้นหากไม่ใช่เพราะชอบนิสัยเช่นนี้ของนาง ฮ่องเต้ก็คงไม่ลำเอียงชอบนางมากกว่าทว่า ฮ่องเต้เองก็รู้สึกว่าเซี่ยเชียนฮวันราวกับว่าสมองถูกกระทบกระเทือน กลับมาตั้งคำถามกับแมวอย่างเอาจริงเอาจัง ไม่รู้ว่านางจะมาไม้ไหนอีก“หากแมวตัวนั้นตอบคำถามของพระชายาจ้านอ๋องจริงๆ หม่อมฉันยอมรับโทษเพคะ” ฉินจีหัวเราะเยาะเย้ยเบาๆ“เจ้าเป็นคนพูดเองนะ” เซี่ยเชียนฮวันนั่งปัดมืออยู่ที่พื้น “เอาล่ะ เป็นแมวที่สัตย์ซื่อหน่อยซิ”“เหมียว เหมียว เหมียว?” เจ้าแมวขาวเอียงหัวเล็กน้อยเซียวเย่หลันเองก็ทนดูไม่ค่อยไหวแล้ว อยากจะลากตัวนางออกไปทันใดนั้น ขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าเซี่ยเชียนฮวันกำลังก่อเรื่องนั้น เจ้าแมวขาวกลับยื่นอุ้งมือออกมา!มันทำเหมือนที่เซี่ยเชียนฮวันพูดจริงๆ ด้วย ข่วนไปที่หยกห้อยเอวที่อยู่ด้านขวาผู้คนต่างสีหน้าเปลี่ยนสี“เป็นไปไม่ได้!” ฉินจีโพล่งออก
“ฝ่าบาททรงรอบรู้ หม่อมฉันเพียงแต่พูดความจริงเท่านั้น”ฉินจีหลุบตาลงฮ่องเต้มองไปที่เซียวจ้านแล้วพูดว่า “เจ้าห้า เจ้าเป็นคนมีมารยาทดีมาโดยตลอด ทำไมวันนี้ต้องมีปัญหากับฉินเออร์ด้วย”“ทูลเสด็จพ่อ ลูกไม่ได้ตั้งใจจะมุ่งเป้าไปที่ผู้ใด เพียงแต่เห็นฉินเจี๋ยอวี๋กับพระชายาจ้านอ๋องโต้เถียงกัน จากนั้นพระชายาจ้านอ๋องเกือบจะล้ม ซึ่งเลี่ยงไม่ได้ที่คนจะรู้สึกสงสัย”เซียวจ้านประกบมือคำนับแล้วกล่าวขึ้นในเวลานี้ ในที่สุดเซียวเย่หลันก็เอ่ยปากถามเซี่ยเชียนฮวันที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ล้มหรือเปล่า”“ไม่เป็นไร ไม่ตายหรอก”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างไม่สบอารมณ์เซียวเย่หลันพูดไม่ออกสตรีที่ดูอ่อนแอกันคนภายนอกแต่กับคนในบ้านกลับหยาบคายใส่คนนี้นี่เขากำลังแสดงความเป็นห่วงนางชัดๆ แต่กลับพูดจายอกย้อนกับเขา“ฉินเอ๋อเพิ่งเข้าวังไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ หากมีตรงไหนล่วงเกินสะใภ้เจ็ด พวกเจ้าก็แค่ให้อภัยก็จบแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำให้ตึงเครียดขนาดนี้”ฮ่องเต้พูดเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องการให้เรื่องนี้สงบลง ไม่ถือสาหาความผิดของฉินจีอย่างไรก็ตาม พอได้ยินเช่นนี้ฉินจีกลับตกใจเล็กน้อยเดิมทีนางคิดว่าฮ่องเต้จะไม่เพียงแต่ปกป้องนา