“องค์รัชทายาทได้ยินหรือไม่? นางหมายความว่าจะพาท่านลงหลุม" องค์ชายรองหัวเราะขึ้นด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยองค์รัชทายาทเห็นแววตาท่าทางของเซี่ยเชียนฮวันที่ดูตื่นเต้นกระตือรือร้น ไม่เหมือนกับว่ากำลังพูดปด ในใจจึงรู้สึกสงสัยหรือเจ้าเจ็ดจะยังไม่ตาย...“ทหาร พาตัวนางไป!"ในขณะที่องค์รัชทายาทกำลังสับสนลังเลอยู่นั้น องค์ชายรองก็ได้เริ่มออกคำสั่ง!คนกลุ่มหนึ่งพุ่งกายเข้ามากดบ่าของเซี่ยเชียนฮวันเอาไว้ ดึงดันกันไปมาเพื่อต้องการลากตัวนางออกไป“พวกเจ้าอย่าลงไม้ลงมือ นางกำลังตั้งครรภ์!” องค์รัชทายาทไม่อาจทนดูต่อไปได้อีก จึงตั้งใจจะเข้าห้ามแต่คนเหล่านั้นกลับฟังคำพูดขององค์ชายรองเพียงคนเดียว แสร้งทำหูทวนลมกับคำสั่งขององค์รัชทายาทองค์ชายรองหรี่ตาลง สู้ตนใช้โอกาสนี้ทำลายเลือดเนื้อเชื้อไขของเซียวเย่หลันทิ้งเสียดีหรือไม่?จากนั้นเพียงแค่บอกว่าเซี่ยเชียนฮวันเข้ามารั้งเอาไว้เอง ไม่ทันระวังจึงทำให้นางตกเลือดผลักความผิดไปยังตัวนางเอง“ไม่ได้ยินคำที่องค์รัชทายาทสั่งหรือ พระชายาอ๋องตั้งครรภ์อยู่ พวกเจ้าระมัดระวังด้วย” องค์ชายรองจงใจเอ่ยขึ้นเสียงดังคนเหล่านั้นรับรู้ได้ทันทีถึงความหมายขององค์ชายร
“เจ้าเจ็ด เจ้า เจ้า เกิดเรื่องใดขึ้นกับเจ้า เหตุใดไม่กลับมาเสียแต่แรก ทำเอาพวกเราคิดว่าเจ้าตายไปแล้วเสียอีก”ซูอวี้เออร์เอ่ยขึ้นอย่างตะกุกตะกักหากคนที่อยู่ตรงหน้านี้คือเซียวเย่หลัน แล้วผู้ที่อยู่ในโลงศพคือใคร??หรือจะเป็นจริงตามที่เซี่ยเชียนฮวันพูด เป็นเพียงแค่ชาวซีเหลียงคนหนึ่ง?!ให้ตายสิหากนำร่างของชาวซีเหลียงส่งเข้าไปในสุสานจักรพรรดิ คงเป็นเรื่องน่าขัน อับอายขายหน้าไปทั่วหล้าอย่างแน่แท้!เซียวเย่หลันไม่ได้สนใจคำพูดของซูอวี้เออร์ เขาเดินเข้ามาข้างกายเซี่ยเชียนฮวัน แล้วใช้มีดตัดเชือกที่ข้อมือนาง“เจ้า......”เซี่ยเชียนฮวันนวดข้อมือของตน ขณะที่กำลังจะเอ่ยบางอย่างออกมา นางก็สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่ท้องอย่างแรง!นางเอามือกุมท้อง เหงื่อออกทั่วร่างชั่วพริบตาเดียว นางก็รู้สึกว่าโลกกำลังหมุน ภาพตรงหน้ามืดลงเป็นลมไปในทันที...เซียวเย่หลันเข้ามาอุ้มนางเอาไว้“เซียวฉง หากลูกในท้องของเซี่ยเชียนฮวันเป็นอะไรขึ้นมา ข้าจะคิดบัญชีกับเจ้า”เขามองไปทางซูอวี้เออร์ซูอวี้เออร์ตัวสั่นสะท้าน รีบอธิบายว่า “ไม่เกี่ยวอันใดกับข้า! เสด็จพ่อรับสั่งให้ข้าคุ้มกันเจ้าจนฝังร่างลงดิน ข้าเพียงเห็นแก
“หืม? ใครกันที่ช่วยเจ้าไว้ ข้าจะตบรางวัลให้อย่างงาม!”ฮ่องเต้รู้สึกสนใจเรื่องนี้ขึ้นมาเซียวเย่หลันคุกเข่าลง กล่าวด้วยน้ำเสียงต่ำทุ้มว่า “ขออภัยพ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ หากลูกจะทูลขอรางวัลให้แก่คนผู้นั้นสักข้อหนึ่ง”“เจ้าลองว่ามา”ฮ่องเต้ยิ้มขึ้นผู้ที่ช่วยบุตรชายของเขาไว้ อยากได้สิ่งใดล้วนมิใช่ปัญหาต่อให้เป็นการแต่งตั้งตำแหน่งโหวหรือเจวี๋ยเซียวเย่หลันเม้มริมฝีปากบาง ๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นช้า ๆ “ลูกประสงค์ให้แต่งตั้งซูอวี้เออร์ให้เป็นพระชายารองพ่ะย่ะค่ะ”“ว่าอย่างไรนะ?”ฮ่องเต้ได้ยินดังนี้ รอยยิ้มก็หุบลงทันใด แทนที่ด้วยการขมวดคิ้วอย่างไม่พึงพอใจแต่เมื่อเห็นแก่เซียวเย่หลันที่เพิ่งผ่านพ้นความเป็นความตายมาหวุดหวิด เขาจึงไม่ได้โมโห ได้แต่ส่ายหน้ากล่าวว่า “เจ้าเจ็ด เจ้าควรรู้ดีว่าซูอวี้เออร์มีตัวตนแสนต่ำต้อย คนเช่นนั้นหากขึ้นเป็นพระชายารอง จะเป็นที่ขายหน้าของราชวังเราหนา”“ลูกเข้าใจความหมายของเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ แต่คนที่ช่วยลูกไว้ ก็คือซูอวี้เออร์”เซียวเย่หลันก้มหน้าลงฮ่องเต้ตกตะลึง “เป็นนางได้อย่างไร?”“หากไม่มีนาง ต่อให้ลูกมีชีวิตอยู่ ก็อาจกลายเป็นเพียงผู้ไร้ความสามารถเช่นขยะคนหนึ่ง บ
พระสนมหมิงเฟยตาแดงระเรื่อ แม้จะทาหน้าด้วยแป้ง แต่ก็ยังเห็นอาการบวมเล็กน้อยนางเดินเข้าไปหาเซียวเย่หลันอย่างรวดเร็ว อ้าแขนกว้างและกอดเขาแน่นฮ่องเต้เห็นฉากที่สองแม่ลูกพบหน้า ในใจก็รู้สึกสะเทือนใจขึ้นมา เขาตบไหล่หมิงเฟยและเซียวเย่หลันเบาๆ ก่อนจะโอบกอดพวกเขาเข้าด้วยกันหัวใจมนุษย์นั้นสุดแท้จะหยั่งถึงก่อนจะเกิดคลื่นลม ทัศนคติของฮ่องเต้ที่มีต่อสองแม่คู่นี้ก็ราบเรียบมากแต่ตอนนี้เขากับหมิงเฟยผ่านความเจ็บปวดกับการสูญเสียลูกชายร่วมกัน การเกือบจะสูญเสียเซียวเย่หลันและได้กลับคืนมานั้น ทำให้ความห่วงใยที่มีต่อพวกเขา ดูจะหนักแน่นมากขึ้น“หลันเอ๋อร์ ถ้าเจ้าอยากแต่งตั้งซูอวี้เออร์เป็นพระชายารอง ข้าจะไม่คัดค้าน” หลังจากหมิงเฟยปล่อยเซียวเย่หลัน นางก็ถอนหายใจออกมาเซียวเย่หลันขมวดคิ้ว “เงื่อนไขคือ?”“เจ้าไม่เด็กแล้วนะ แต่ตำแหน่งรองพระชายาทั้งสองตำแหน่งกลับว่างเปล่า ตอนนี้ซูอวี้เออร์ได้ไปที่หนึ่ง ส่วนอีกที่ควรจะหาคนมารับโดยเร็วที่สุด ด้วยวิธีนี้จึงจะแผ่กิ่งก้านสาขาของเจ้า และบรรเทาความกังวลของฝ่าบาทได้”หมิงเฟยระบุเงื่อนไขของนาง“ความหมายของเสด็จแม่คือ นอกจากอวี้เออร์แล้ว ยังต้องแต่งอีกหนึ่ง
“เจ้าเจ็ด ข้าวสามารถกินมั่วได้ แต่คำพูดจะพูดมั่วๆ ไม่ได้!”องค์ชายรองตื่นตระหนกและมองไปรอบๆ เพราะเกรงว่าคำพูดเซียวเย่หลันอาจจะถูกคนอื่นได้ยินเข้าเมื่อเห็นว่าฮ่องเต้ยังไม่ออกมา เขาก็รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย“ข้าสาบานด้วยเกียรติของเสด็จแม่ ข้ากับชาวซีเหลียงไม่ได้เกี่ยวข้องกัน! ข้าฟังพวกเขาไม่ออกเลยด้วยซ้ำ อีกอย่าง ข้าไม่จำเป็นต้องสมรู้ร่วมคิดกับพวกเขา!”ตระกูลมารดาของเขาก็แข็งแกร่งพออยู่แล้ว ทําไมต้องล่อหมาป่าเข้ามาในบ้านอีกความผิดนี้ เขาไม่รับอย่างแน่นอน!เซียวเย่หลันมองท่าทางตื่นตระหนกขององค์ชายรอง “ข้ายังไม่ได้พูดเลยว่าท่านสมรู้ร่วมคิดกับชาวซีเหลียง”“เจ้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นรึ?”“การร่วมมือกับศัตรูไม่ใช่เรื่องง่าย และท่านไม่ได้มีสมองขนาดนั้น”“……”องค์ชายรองคิดไม่ถึงว่า เซียวเย่หลันจะด่าเขาอ้อมๆเซียวเย่หลันกล่าวเสียงเรียบ “เรื่องนี้อธิบายได้ว่าชาวซีเหลียงเข้าใจสถานการณ์ในราชสำนักของต้าเซี่ยเป็นอย่างดี พวกเขารู้ว่าควรจะเขียนชื่อใคร และไม่ควรเขียนชื่อใคร”“มีคนสมรู้ร่วมคิดกับพวกเขาจริงๆ และคนคนนี้น่าจะอยู่ข้างท่าน”กล่าวจบ เซียวเย่หลันก็ปรายตามององค์ชายหกที่อยู่ข้างๆ
ซูอวี้เออร์?ทำไมเป็นซูอวี้เออร์ที่ช่วยเขา?เซี่ยเชียนฮวันไม่เข้าใจ!นางมึนงง พิงเสาเตียงอย่างอ่อนแรง แต่เสี่ยวตงกลับไม่ทันสังเกต นางยังคงพล่ามต่อไปว่า“แม่นางซูแค่โชคดี บังเอิญพบกับท่านอ๋อง และวันนั้นก็ร้องไห้เสียงดังกว่าใคร นางไม่คิดว่าท่านอ๋องจะรอดด้วยซ้ำ พระชายาต่างหากที่เป็นคนผูกจิตกับท่านอ๋องอย่างแท้จริง ผู้หญิงคนนั้นอาศัยอะไรได้เป็นพระชายารอง...”เสี่ยวตงยิ่งพูดก็ยิ่งโมโหนางรู้สึกว่าท่านอ๋องไม่คุ้มค่ากับความรู้สึกของเซี่ยเชียนฮวัน“พระชายา ท่านจะไปไหน?” เมื่อนางเงยหน้าขึ้น ก็เห็นเซี่ยเชียนฮวันตัวสั่นลุกออกจากเตียง จึงตกใจวิ่งไปประคองเซี่ยเชียนฮวันสะบัดมือออกจากนาง พูดเสียงแหบแห้งว่า “ข้าจะไปถามเซียวเย่หลันด้วยตัวเอง”“นี่...”“เขาคิดว่าซูอวี้เออร์ช่วยเขา อ่า เขาคิดว่าซูอวี้เออร์ช่วยเขา...”เซี่ยเชียนฮวันพึมพำไม่หยุด ทันใดนั้นก็หัวเราะออกมามุมปากของนางก็ยกยิ้มขึ้นมา ดวงตาเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน นางหัวเราะให้เซียวเย่หลัน รึไม่ก็หัวเราะให้ตัวเองปรากฏว่าสองสามวันที่อยู่ในกระท่อมมุงจากนั่น ที่ซึ่งพวกเขามีความสุขและรู้สึกอบอุ่นที่ได้อยู่ด้วย ทั้งหมดเป็นแค่ความฝัน สุดท้
“เจ้ายิ้มอะไร?”ไม่รู้ทำไม เซียวเย่หลันถึงได้รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยในใจเขาเขาไม่เต็มใจที่จะมองเข้าไปในดวงตาของเซี่ยเชียนฮวันมีอารมณ์มากมายอยู่ในดวงตาคู่นั้นทุกอารมณ์เปรียบเสมือนเปลวไฟที่แผดเผาเขา ราวกับต้องการเผาคนทั้งคู่ให้กลายเป็นเถ้าถ่านด้วยกัน“ท่านอ๋องรับแม่นางซูเป็นพระชายารอง นี่เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง ข้าขอแสดงความยินดีกับพวกท่านทั้งคู่”มุมปากของเซี่ยเชียนฮวันยกขึ้นสูง ข่มกลั้นมิให้น้ำตาไหลออกมา ขณะมองไปยังชายหญิงตรงหน้าหากนี่คือความประสงค์ของสวรรค์...สวรรค์ให้นางหาเซียวเย่หลันเจอ ช่วยเหลือเขา จากนั้นก็ตัดชุดแต่งงานให้ซูอวี้เออร์ถ้าอย่างนั้นนางก็ทําได้แค่ยอมรับมันใช่หรือไม่?“ขอบคุณพี่สาว ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเหลือพี่สาวในอนาคตอย่างแน่นอน จะไม่ทำให้ท่านต้องผิดหวัง” ซูอวี้เออร์ยังคงมีรอยยิ้มที่มุมปากเพียงแต่รอยยิ้มบนใบหน้าของนางก็คือรอยยิ้มแห่งชัยชนะ และผู้ชนะก็มองไปที่ผู้แพ้เซี่ยเชียนฮวันรีบหันหลังก่อนที่น้ำตาจะร่วงลงมา นางกำหมัดแน่น หลังจากก้าวไปข้างหน้าสองก้าวก็อดไม่ได้ที่จะหยุด และถามเป็นครั้งสุดท้าย “เซียวเย่หลัน เจ้าจำได้หรือไม่ ว่า
เรือนจิ่นซิ่วซูอวี้เออร์ทำอาหารเต็มโต๊ะ กลิ่นหอมน่ารับประทาน นางวางอาหารไว้ตรงหน้าเซียวเย่หลันด้วยความมั่นใจ“ท่านอ๋อง รีบทานทั้งยังร้อนๆ เถอะ”ซูอวี้เออร์หยิบตะเกียบขึ้นมา แล้วคีบอาหารให้เซียวเย่หลันกับมือเซียวเย่หลันคีบอาหารเข้าปาก ทันใดนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยรสชาติไม่เหมือน...ทักษะการทําอาหารของซูอวี้เออร์นั้นไม่เลวเลยซึ่งอาหารเหล่านี้ ไม่สามารถพูดได้ว่าไม่อร่อยเพียงแต่ รสชาติของพวกมันไม่เหมือนตอนที่อยู่ในหมู่บ้านร้างเลย ไม่สามารถสัมผัสหัวใจของเขาได้ซูอวี้เออร์เห็นเซียวเย่หลันแสดงท่าทางแปลกๆ จึงกล่าวเสียงอ่อนว่า “ท่านอ๋อง ที่หมู่บ้านร้างไม่มีวัตถุดิบดีๆ อยู่เลย แม้แต่เครื่องปรุงก็ไม่มี พอทำอาหารออกมา รสชาติจึงแตกต่างไม่เหมือนเดิม แต่จิตใจของอวี้เออร์ที่มีต่อท่านยังคงเหมือนเดิม”“เจ้าพูดถูก”เซียวเย่หลันยิ้มน้อยๆ เริ่มขยับตะเกียบกินต่อแม่ครัวคนเดียวกัน แต่เงื่อนไขแตกต่างกัน พอทำอาหารออกมาก็ยากที่จะเหมือนกันอย่างสมบูรณ์คิดได้ดังนั้น เขาก็รู้สึกว่าตัวเองช่างไม่มีเหตุผลเสียจริงปล่อยให้ความทรงจำดีๆ ในอดีตอยู่ในใจ ไม่จำเป็นต้องบังคับให้ทำซ้ำ“ข้าได้ยินมาว่า ท่านอ๋อ