“เอาล่ะ สิ่งเจ้าพูดก็มีเหตุผล”ซูอวี้เออร์แสดงสีหน้าเย็นชาเมื่อใดก็ตามที่นึกถึงใบหน้ายินดีของเซี่ยเชียนฮวันยามได้ของพระราชทาน นางก็รู้สึกขุ่นเคืองในใจ แทบรอไม่ไหวที่จะได้เห็นเซี่ยเชียนฮวันหายไปจากโลกนี้นี่ไม่ใช่ฤดูกาลที่ดีที่สุดสำหรับการแพร่ระบาดแต่ในเมื่อนางกับท่านหญิงหยวนหลี่อยากจะกำจัดเซี่ยเชียนฮวันไปเร็วๆ ก็ต้องใช้แผนที่เตรียมไว้ล่วงหน้าก่อนเวลา“อวิ๋นซี เจ้าไปหยิบของมา”ซูอวี้เออร์หันไปสั่งอวิ๋นซียกชายกระโปรงขึ้นแล้วเดินลงไปที่ชั้นล่าง เมื่อกลับมาก็ถือกรงติดมือมาด้วย ก่อนจะวางตรงหน้าท่านหญิงหยวนหลี่ภายในกรงเต็มไปด้วยหนูอ้วนท้วมแต่สิ่งที่แตกต่างไปจากหนูทั่วไปคือ หนูเหล่านี้มีสีขนแปลกๆ มันเป็นสีเทาเงินท่านหญิงหยวนหลี่มองหนูอ้วนท้วมสีเทาเงินที่วิ่งพล่านอยู่ในกรงเหล่านั้น แล้วขมวดคิ้ว นางรู้สึกคลื่นไส้ และไม่อยากมองไปมากกว่านี้“ทุกตัวทำเครื่องหมายไว้แล้วใช่หรือไม่?” ซูอวี้เออร์ถาม“เรียนนายหญิง ทำไว้แล้วเจ้าค่ะ”อวิ๋นซีปิดปากและจมูกด้วยผ้าเช็ดหน้า หยิบไม้แท่งหนึ่งขึ้นมา แล้วจิ้มไปที่ตัวของหนูเหล่านั้น เพื่อแสดงเครื่องหมายออกมานางจงใจรักษาระยะห่างจากกรงหนูราวกั
เซียวเย่หลันพาซูอวี้เออร์มาทานอาหารเที่ยงกับพระสนมหมิงสนมหมิงเห็นเซี่ยเชียนฮวันมาปรากฏตัวขึ้นมา ก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไร เพียงบอกสาวใช้ว่า “เพิ่มตะเกียบอีกคู่”“แค่ก ไม่ต้องเจ้าค่ะ ความจริงข้าทานอาหารมาแล้ว...”อาหารมื้อนี้ เซี่ยเชียนฮวันไม่อยากเข้าร่วมเลยจริงๆแต่พูดไม่ทันขาดคำ เสียงท้องของนางก็ร้องดัง “โครกคราก” ทำให้บรรยากาศที่น่าอึดอัดใจอยู่แล้วยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ “เจ้ากลัวข้าจะวางยาพิษในอาหารหรือ”หมิงเฟยเงยหน้าขึ้นมาด้วยสายตาที่มืดมนเซี่ยเชียนฮวันไม่มีทางเลือก นางเดินไปนั่งที่เก้าอี้ว่าง คิดจะทานสักคำสองคำพอเป็นพิธีแล้วจากไปเซียวเย่หลันมีสีหน้าตายด้าน ส่วนซูอวี้เออร์ทำสีหน้านางชาเขียว นอกจากนี้ยังมีสนมหมิงที่แผ่กลิ่นไอผีสาวเป็นระยะๆ...อาหารดีแค่ไหน ก็กลืนไม่ลง“ท่านอ๋องไม่เคยบอกหม่อมฉันเลย ว่าเสด็จแม่ชอบอาหารมังสวิรัติ เสด็จแม่นับถือพุทธหรือเพคะ?”ซูอวี้เออร์ทำตัวออดอ้อนกับเซียวเย่หลันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และพยายามจะดึงพระสนมหมิงเข้ามาร่วมด้วย เพื่อกันเซี่ยเชียนฮวันเป็นคนนอกในครอบครัวนี้สนมหมิงหยิบตะเกียบขึ้นมา กล่าวเสียงเรียบเฉยว่า “ข้าไม่ได้นับถือพุทธ เพียงแต่เห็น
“ฉึก!”เซี่ยเชียนฮวันมัวแต่คิดจะเข้าไปผลักเซียวเย่หลัน นางลืมดูเศษแก้วที่ใต้เท้าและเหยียบเข้าอย่างไม่ทันระวัง เจ็บเสียจนแทบทรงตัวไม่อยู่เสี้ยววินาทีนั้น เซียวเย่หลันยื่นมือออกไปรับเศษที่ลอยมาทางเซี่ยเชียนฮวันไว้ท่ามกลางอากาศ“ซี้ด...”เซี่ยเชียนฮวันล้มลงบนร่างของเซียวเย่หลัน ในใจหวาดกลัวเล็กน้อยนางเงยหน้าขึ้นมองเขา “มือเจ้าได้รับบาดเจ็บ”“ไม่เป็นไร”แม้ว่าเซียวเย่หลันจะคว้าเศษนั้นเอาไว้ได้ แต่นิ้วมือของเขาก็ถูกบาด เลือดไหลราวกับสายน้ำเมื่อเห็นดังนั้น การโจมตีของหมิงเฟยจึงหยุดลง นางยืนอยู่ที่เดิม สายตาจับจ้องมายังพวกเขาพลางเหนื่อยหอบทันใดนั้นเอง ก็มีเสียง “โอ๊ย” ดังขึ้นมาจากด้านข้างเป็นซูอวี้เออร์นั่นเองนางเห็นว่าเซี่ยเชียนฮวันเข้าไปช่วยบังเซียวเย่หลันเอาไว้ ส่วนตนไม่ได้ทำอะไรเลยจึงรู้สึกว่าไม่ดีนัก จากนั้นรีบก้มลงไปหยิบเศษแก้วแล้วกรีดไปที่เท้าของตนเซียวเย่หลันรีบลุกขึ้นไปพยุงซูอวี้เออร์ซูอวี้เออร์น้ำตาไหลนองหน้า "ท่านอ๋องเพคะ เดิมทีข้าน้อยตั้งใจจะเข้าไปช่วยบังไว้ แต่ไม่ทันระวังจึงทำให้...""เอาเถิด อย่าร้องไห้ไป"เซียวเย่หลันเห็นบาดแผลที่เท้าของซูอวี้เออร์ เขาก็ข
“หากไม่ยินยอม แล้วเหตุใดก่อนหน้านั้นเจ้าจึงให้ความร่วมมือกับข้านัก?"เซียวเย่หลันเงยหน้าขึ้นมองเซี่ยเชียนฮวันซึ่งกำลังอยู่ในอารมณ์โมโห แต่ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขายังคงนิ่งดังเดิมเซี่ยเชียนฮวันนึกถึงความเจ็บปวดในครั้งนั้นขึ้นมาได้นางกัดริมฝีปากล่างของตน "ครั้งนั้นเป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญ... เจ้า เจ้าลืมเรื่องราวในคืนนั้นไปเสียเถิด”"เรื่องบังเอิญ? หึๆ เห็นได้ชัดว่าเจ้าวางแผนยั่วยวนข้าอย่างสุดกำลัง"แววตาเซียวเย่หลันเต็มไปด้วยความเยาะเย้ยเซี่ยเชียนฮวันอัดอั้นใจแต่ไม่รู้จะคัดค้านเช่นไร นางจึงทำได้เพียงตะเบ็งเสียงแข็งว่า "เจ้า... เจ้าเป็นถึงจ้านอ๋อง กลับมาถือสาเรื่องบนเตียงเช่นนี้ ไม่รู้สึกน่าอายบ้างหรือ?"นางไม่อยากคุยกับเซียวเย่หลันถึงเรื่องนี้อีก และไม่อยากใกล้ชิดกับเขามากกว่านั้นดังนั้นนางจึงพยายามดิ้นรน กำหมัดแล้วต่อยไปทางพญามัจจุราชที่อยู่ตรงหน้าหมัดของเซี่ยเชียนฮวันที่บางเบาไร้เรี่ยวแรงต่อยไปยังร่างของเขา แววตาของเซียวเย่หลันเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาเข้ามากำข้อมือนางเอาไว้ น้ำเสียงแหบแห้งกล่าวว่า "เจ้าเอาเรื่องมากกว่าชื่อเล่นซูอวี้เออร์จริงๆ ""หา? เช่นนั้นเจ้าก็ไปหาแม่นา
“แต่คนจากพระราชวังไปรายงานว่าท่านไม่สบาย ให้ข้าเดินทางเข้าวังมาถูกอาการแก่ท่านป้า"เซี่ยเชียนฮวันและไทเฮาจ้องตากันด้วยความสงสัยบัดนี้กงกงที่เข้าไปรายงานก็ไม่อยู่ที่นี่เมื่อครุ่นคิดแล้ว นางรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไปแต่ก็บอกไม่ถูกไทเฮาตบลงไปที่มือของนางเบาๆ ยิ้มแล้วกล่าวว่า “คาดว่าอาจเป็นเพราะเมื่อวานข้าไอออกมาสองหน คนบางคนคงคิดต้องการใช้เจ้ามาเอาอกเอาใจข้า จึงได้กระทำเช่นนั้น”“ดังนั้นการที่ให้ข้าเดินทางเข้าวัง ไม่ใช่ความคิดของท่านป้าหรือเพคะ?" เซี่ยเชียนฮวันตกตะลึง“ในใจข้านั้นคิดถึงและอยากเจอเจ้า แต่ข้าพูดไม่ออก คนในพระราชวังอาจไม่มีความสามารถใด แต่การคาดเดาความคิดจิตใจข้าและการเยินยอช่างเก่งกาจ"ด้านนอกหน้าต่างมีแสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามา บริเวณหางตาของไทเฮาเหมือนมีแสงทองแสนอบอุ่น นําความเงียบสงบหลังจากต่อต้านลมฝนมาเป็นเวลาหลายปีเซี่ยเชียนฮวันพยักหน้า แต่ในใจยังคงรู้สึกตะขิดตะขวงเพียงแต่นางไม่ได้กล่าวออกมาถือเสียว่าดารเดินทางเข้าวังครั้งนี้เป็นโอกาสได้เข้ามาเยี่ยมเยียนไทเฮาทั้งสองคนเปลี่ยนหัวข้อสนทนาถึงเรื่องราวทั่วไป เมื่อท้องฟ้าเริ่มมืดลง เซี่ยเชียนฮวันจึงได้กล่า
เมื่อได้ยินเสียงสนทนาที่ไกลออกไป เซี่ยเชียนฮวันจึงพอจะคาดเดาได้คร่าวๆ คนที่หลอกนางเข้าวังมาคือเซียวหมิงเซียน แต่เซียวหมิงเซียนช่างโง่เขลาและใจร้อน ด้วยเกลียดแค้นนางสุดหัวใจ จึงคิดหาวิธีนี้มาแก้แค้นนางแต่กลับถูกเฉิงกุ้ยเฟยรู้เรื่องเข้าเสียก่อนเฉิงกุ้ยเฟยใช้โอกาสนี้คิดแผนการสกปรกโสโครกขึ้นมาจัดการนางพวกนางต้องการทำให้เซี่ยเชียนฮวันแปดเปื้อน จากนั้นบังคับให้นางอยู่ในกำมือ!“หลินซวี่...”เซี่ยเชียนฮวันเอ่ยเรียกองครักษ์ลับด้วยน้ำเสียงแหบแห้งท่ามกลางความมืดมิด ไร้คนตอบรับเซี่ยเชียนฮวันจึงนึกขึ้นได้ว่าหลินซวี่เคยบอกไว้ ในวังผู้มีวิทยายุทธสูงส่งมากมาย องครักษ์ลับเช่นเขาไม่อาจเข้าไปได้ จึงรออยู่ที่นอกประตูวังนี่อาจเป็นเหตุผลที่เซียวหมิงเซียนหลอกนางเข้ามาจัดการในวังให้ตายสิ นางรู้ว่าเฉิงกุ้ยเฟยใจกล้า แต่ไม่คิดว่าพวกนางจะใจกล้าเพียงนี้ อาศัยความโปรดปรานของฮ่องเต้ นางกล้าจะลงมือกับพระชายาอ๋องได้!“แกร๊ก”ทันใดนั้น เซี่ยเชียนฮวันได้ยินเสียงประตูถูกเปิดออกชายคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาเขาย่างกายมาข้างเตียงอย่างรวดเร็วแล้วนั่งลงเบาๆ ยื่นมือออกมาลูบไล้แขนของเซี่ยเชียนฮวันเซี่ยเชีย
องค์ชายรองต้องการสังหารเขา แต่ละครั้งที่โจมตีล้วนเป็นจุดสำคัญแต่ชายผู้นั้นมีวิทยายุทธสูงส่งกว่าองค์ชายรองเขาปกป้องเซี่ยเชียนฮวันพลางต่อสู้กับองค์ชายรองไปด้วย ก็ไม่ใช่เรื่องยากเซี่ยเชียนฮวันถูกชายชุดดำโอบไว้ในอ้อมกอด นางรู้สึกไม่คุ้นชินจึงระมัดระวังเป็นพิเศษ นางกระซิบถามว่า “เจ้าเป็นใคร?”“ลืมข้าเร็วเช่นนี้เชียว?”น้ำเสียงของชายหนุ่มถามด้วยรอยยิ้ม เสียงของเขาเปลี่ยนไปดูห้าวขึ้นแต่เซี่ยเชียนฮวันก็จำเขาได้ในทันที“เป็นเจ้า?!”เซี่ยเชียนฮวันตกตะลึงยิ่งนักเขาก็คือชายปิดหน้าผู้ลึกลับคนนั้น!“เชียนฮวัน เจ้าช่างเนื้อหอมเหลือเกิน ไม่ว่าชายใดล้วนต้องการเจ้า”ชายปิดหน้าหัวเราะเบาๆ แล้วใช้พัดปัดการโจมตีขององค์ชายรองหากเทียบกับการโจมตีเอาจริงเอาจังขององค์ชายรองแล้ว เขาทำเพียงป้องกัน ไม่ได้โจมตีกลับ ดูไม่มีจุดประสงค์ทำร้ายองค์ชายรอง“เจ้าเป็นมือสังหารจากที่ใดกันแน่? เหตุใดจึงไม่โจมตี?!” องค์ชายรองตะโกนถามชายปิดหน้าส่งเสียงหึๆ ออกมา ไม่ได้ตอบคำถามขององค์ชายรองเขากระซิบกับเซี่ยเชียนฮวันเบาๆ “ข้าจะรั้งเขาไว้ เจ้ารีบหนีไป”ต่อให้เขาวิทยายุทธเขาสูงกว่าองค์ชายรองมาก แต่การต้องปกป้อ
ในครั้งนี้ เป็นความรู้สึกคุ้นเคยของเซี่ยเชียนฮวันนางถอนหายใจออกมาแม้ว่าตอนนี้สติสัมปชัญญะของนางจะดูคลุมเครือ แต่ก็ยังคงรู้และเข้าใจว่าคนที่อยู่ข้างกายตอนนี้คือเซียวเย่หลัน...“เจ้าถูกวางยางั้นหรือ?"ข้างหูเซี่ยเชียนฮวันมีเสียงของชายหนุ่มดังขึ้น ฟังจากน้ำเสียงพอจะเดาได้ว่าตอนนี้เขาคงขมวดคิ้วด้วยท่าทางไม่พอใจนางจับไปที่บ่าของเขา ลมหายใจเหนื่อยหอบเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า "องค์ชายรอง เฉิงกุ้ยเฟยและองค์หญิงแปด วางแผนเรื่องนี้""มียาแก้พิษหรือไม่"บัดนี้เซียวเย่หลันไม่ได้วิ่งตามคนร้าย แต่กลับคลำไปที่เอวของเซี่ยเชียนฮวันเขาจำได้ว่านางไปไหนมาไหนมักเอายาไปด้วย เช่นยาว่านหลิงที่สามารถถอนพิษได้ทุกชนิด"มะ ไม่มี..."เซี่ยเชียนฮวันส่ายหน้าก่อนหน้าที่จะเดินทางออกจากวังหย่งโซ่ว ยาที่นางมีล้วนถวายแก่ไทเฮาหมดแล้วที่สำคัญก็คือ การที่เซียวเย่หลันเข้ามาสัมผัสนางในตอนนี้ ราวกับไฟอันร้อนรุ่มทำให้นางรู้สึกร้อนรนทรมานกว่าเดิม!“เจ้า เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้นะ..."เซี่ยเชียนฮวันทนไม่ไหวอีกต่อไป นางจับมือเขาเอาไว้แน่นเซียวเย่หลันสัมผัสได้ถึงความร้อนจากฝ่ามือของนางที่แผ่ซ่านออกมา ริมฝีปากจึงเผยอขึ้นเล