ซื่อสัตย์ต่อกัน ได้รับการยอมรับทางกฎหมาย......ในตอนที่ฟู่จิ้นหานพูดประโยคเหล่านี้ออกมา ท่าทีของเขานั้น ดูเป็นความมุ่งมั่นที่มาพร้อมกับความมั่นใจเย่ถิงเซินไม่เคยเห็นท่าทีแบบนี้ของเขามาก่อน เขาค่อนข้างรู้จักตัวตนของฟู่จิ้นหานดี เขาเป็นคนที่เย่อหยิ่ง แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยสนใจเรื่องที่ต้องพิสูจน์ตัวเองต่อหน้าผู้อื่นต่อให้จะเป็นตอนที่เขาได้รับตำแหน่งผู้นำฟู่ซือกรุ๊ปก็ตาม เขาก็ไม่เคยเปิดเผยให้ใครรู้เลยด้วยซ้ำแต่ตอนนี้ ท่าทีของเขากลับดูภูมิใจมากความภูมิใจของเขานั้นทำให้เย่ถิงเซินลืมนึกถึงความหมายในคำพูดของเขาก่อนหน้านี้ไปชั่วขณะหลังจากนั้นไม่นาน เย่ถิงเซินก็กลับมามีสติสัมปชัญญะอีกครั้ง แล้วจึงค่อย ๆ วิเคราะห์สิ่งที่เขาจะสื่อซื่อสัตย์ต่อกัน ได้รับการยอมรับจากกฎหมาย......เหมือนว่าเย่ถิงเซินจะนึกอะไรออก สีหน้าก็เปลี่ยนทันที แต่ปฏิกิริยาแรกของเขาคือเขาไม่เชื่อจะเป็นไปได้ยังไง?มันจะเป็นแบบที่เขาคิดไปได้ยังไง?ซื่อสัตย์ต่อกัน ความสัมพันธ์ที่ได้รับการยอมรับจากกฎหมาย สามีภรรยา!ฮึ......คิ้วของเย่ถิงเซินขมวดเป็นปม เขาจ้องมองฟู่จิ้นหาน และต้องการคำยืนยันของทุกคำพูด “นายหมายความว่า
บางทีภาพที่ถ่ายออกมาส่งผ่านอารมณ์ออกมาได้ค่อนข้างชัด ชายคนนี้หล่อมากจริง ๆ ทั้งรูปร่าง หน้าตา ต่างก็ตรงกับรสนิยมด้านสุนทรียภาพของเธอมีหลายครั้ง ที่เวลาเธอเปิดผ่านรูปหนึ่งไป แต่ก็อดไม่ได้ที่จะพลิกกลับมาชื่นชมรายละเอียดของแววตาให้ภาพนั้นอีกครั้งเลือกไปเลือกมา แม้แต่หัวใจเองก็เริ่มเต้นรัวขึ้นเรื่อย ๆไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ในความอีนุงตุงนังนั้น ในที่สุดเธอก็เลือกออกมาได้หนึ่งใบ ขณะที่กำลังจะเอาให้เขาช่วยยืนยันตัวเลือก ทันทีที่หันกลับไป เธอก็สังเกตเห็นว่าเขายืนอยู่ข้างหลังเธอห่างไปไม่ไกลร่างสูงโปร่งเหยียดตรงยืนพิงกำแพง จดจ่อสมาธิและมุ่งความสนใจมาที่เธอทั้งหมดดวงตาประสานกัน ซูหรานหายใจถี่แต่เพียงชั่วครู่ เธอก็เบือนหน้าหนีเพื่อหลบสายตาด้วยความรู้สึกขาดความมั่นใจ “มองอะไรอยู่ได้? !”น้ำเสียงซูหรานค่อนข้างดุชายคนนี้ เห็น ๆ อยู่ว่าเมื่อกี้เพิ่งเดินหายไป ไม่เห็นแม้แต่เงา แล้วทำไมจู่ ๆ ถึงโผล่มาได้?มาตั้งแต่เมื่อไหร่? แล้วยืนอยู่ตรงนั้นมานานแค่ไหนแล้ว?จ้องเธออยู่แบบนี้ตลอดเลยงั้นเหรอ?เมื่อนึกถึงตอนที่เธอเลือกภาพถ่ายเมื่อกี้ ในใจซูหรานก็เริ่มรู้สึกประหม่าขึ้นมาเธอหันหลังให้
ฟู่จิ้นหานไม่เคยเป็นฝ่ายที่เอ่ยถึงอาเหยียนก่อนเลยสักครั้งตั้งแต่ที่อาเหยียนหายตัวไปปีนั้น ใคร ๆ ก็บอกว่าอาเหยียนทำไปก็เพื่อเขา เธอถึงได้ตกอยู่ในอันตราย และหายตัวไปแบบนี้แต่มีบางเรื่อง เขาก็ไม่รังเกียจที่จะโต้เถียงเหมือนกันเขาเองก็เคยมีเรื่องที่เคยรับปากอาเหยียนเอาไว้ แต่หากเมื่อใดที่เขาอธิบายมันออกมา เขาก็จำเป็นที่จะต้องเปิดเผยเรื่องดำมืดที่เคยเก็บซ่อนเอาไว้ออกมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ด้วยเช่นกันเพราะแบบนั้น เรื่องที่เข้าใจผิดถึงไม่เคยได้รับการแก้ต่างสักทีเย่ซือเหยียนและอาเหยียนเติบโตมาด้วยกัน พวกเขามีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกัน แม้แต่เย่ซือเหยียนที่เติบโตมาพร้อมกับพวกเขาก็ยังดูเป็นเหมือนเป็นคนนอกเย่ถิงเซินเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับอาเหยียนมากเกินไปแม้แต่ตัวเขาเองก็เกรงว่าจะไม่เข้าใจ ว่าความรู้สึกแบบนั้น มันได้เกินเลยมากกว่าคำว่าพี่ชายน้องสาวไปแล้วในฐานะผู้ที่ยืนดูอยู่ข้าง ๆ อย่างฟู่จิ้นหาน กลับมองออกได้อย่างชัดเจนเพียงแต่เขาไม่เคยคิดที่จะเปิดเผยเรื่องนี้มาก่อน“ความรู้สึกของฉันที่มีต่ออาเหยียน คือความรู้สึกแบบพี่ชายกับน้องสาว!”แม้กระทั่งในตอนนี้เอง ก็ดูเหมือนว่าเย่ถิงเซิ
ซูอินรับสายโทรศัพท์จากฟู่ซือกรุ๊ป และแม้วางสายไปแล้วก็ยังนิ่งงันอยู่พักหนึ่ง"กำลังคิดอะไรอยู่เหรอ? ดูเหมือนจะสติเพ้อไปแล้วนะ" เย่ซือเหยียนเดินออกมาจากห้องทำงาน เห็นซูอินยืนถือโทรศัพท์อยู่ในอาการน่าสงสัยในช่วงนี้แม้ว่าซูอินจะไม่มีตำแหน่งทางการ แต่เธอก็มาทำงานที่บริษัทอัญมณีตระกูลเย่ทุกวันไม่ใช่เพราะเธอมีความกระตือรือร้น แต่เพราะด้วยสถานะของเธอเป็นคุณหนูตระกูลเย่ ทำให้ทุกคนมองเธอด้วยสายตาเคารพความรู้สึกที่เหนือกว่าคนอื่น รสชาติที่หวานใจเธอไปหมดเสียงของเย่ซือเหยียนทำให้ซูอินสติกลับมา "ไม่มีอะไร พี่ซือเหยียน ฉันจะออกไปนะ"เธอก็ไม่อยากบอกเย่ซือเหยียนว่า เธอจะไปพบคุณชายสามฟู่เลยเธอนัดกันหลายวันแล้วแทบจะสิ้นหวังไปเสียแล้ว ในใจกำลังวางแผนจะหาวิธีอื่นเข้าใกล้เขา แต่ไม่คาดคิดว่าเขากลับเป็นฝ่ายเชิญเธอออกเดทซูอินรู้สึกตื่นเต้นในใจยิ่งนักออกเดทกับคุณชายสามฟู่ เธอต้องแต่งตัวให้ดีที่สุดแน่นอนตั้งแต่ที่ซูอินถูกคุณปู่เย่รับเข้ามาเป็นคุณหนูตระกูลเย่ เสื้อผ้าเครื่องประดับในตู้เสื้อผ้าเธอก็เต็มมากแต่เธอก็ยังไปห้างสรรพสินค้า และเข้าไปในร้านสินค้าหรูหราเลือกชุดเดรสแนบเนื้อสีแดงมาสวม
ทำนองเปียโนที่ไพเราะกังวานดังขึ้นในร้านอาหารบรรยากาศดีมาก ซูหรานรู้สึกคลายเครียดมากขึ้น และยังคงถามคำถามเยอะ ๆ กับเย่ถิงเซินเย่ถิงเซินแสดงออกถึงความสงบนุ่มนวลของเขาออกมาได้เป็นอย่างดีในมุมเงียบสงบนั้น ฟู่จิ้นหานที่สั่งสเต็กก็ตั้งอยู่ตรงหน้าเขา แต่คนที่เขาเผชิญหน้าอยู่ในตอนนี้ กลับทำให้เขาหมดความอยากทันทีเหมือนที่ซูหรานบอกไว้จริง ๆ เขารู้สึกมีอาการแสนสะอิดสะเอียนพอนึกถึงซูหราน ใบหน้าฟู่จิ้นหานก็เปล่งรอยยิ้ม และสายตาก็อ่อนโยนขึ้นรอยยิ้มอ่อนโยนนั้นตกอยู่ในสายตาของซูอิน กระตุ้นให้เธอรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทันทีเธอเอ่ยด้วยเสียงนุ่มนวล"ฉัน...ฉันจะเรียกคุณว่า 'คุณชายสามฟู่' ได้หรือเปล่าคะ?"นี่เป็นครั้งแรกที่ซูอินนั่งตรงข้ามกับฟู่จิ้นหานแม้จะถามว่าจะเรียกได้ว่า "คุณชายสามฟู่" แต่ในใจก็ลับหวังว่าวันหนึ่งจะเรียกเขาด้วยชื่อ "จิ้นหาน" อย่างแนบแน่นแต่พอเธอถามคำถามนั้น ฟู่จิ้นหานไม่แม้แต่จะยกเปลือกตาขึ้นสายตาเพียงนิดเดียวก็ไม่มีให้เธอซูอินคิดถึงตอนที่เจอกันเมื่อครู่ ที่เธอถูกผู้ช่วยของฟู่จิ้นหานพามาที่นี่ ฟู่จิ้นหานก็นั่งลงแล้วตั้งแต่ต้นจนจบ ฟู่จิ้นหานไม่เคยแม้แต่มองเธอสักครั้
ซูหรานมีอาการเมามายเล็กน้อยเสียงของเธอไม่เบา ทำให้หลายคนรอบข้างได้ยิน รวมถึงซูอินที่กำลังเล่นเปียโนอยู่แต่ซูอินไม่ได้ยินว่าเสียงนั้นเป็นของใครเพราะความเมาที่แฝงอยู่ในเสียงนั้น และเมื่อมองตามเสียงไปกลับถูกเสาใหญ่บังสายตาไว้เดิมทีซูอินรู้สึกว่าตัวเองเล่นได้ดี เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้ว่ามีแขกบางคนแสดงท่าทีชื่นชมเสียงที่โผล่ขึ้นมาอย่างนั้นกลับวิจารณ์ฝีมือของเธอในทางที่ไม่ดี!ซูอินรู้สึกไม่พอใจ เมื่อก่อนที่เธอและแม่เธอยังไม่ถูกซูจี้ไห่นำตัวกลับมา เธอก็เรียนเปียโนมานานแล้ว ในกิจกรรมต่าง ๆ ที่โรงเรียนเธอก็มีแต่ได้รับคำชมจากการเล่นเปียโนเสมอเธอคิดถึงเสียงที่ดูถูกเธอนั้น ถ้าคุณชายสามฟู่ได้ยินเข้า คงจะคิดว่าฝีมือของเธอไม่ดีแน่ ๆยิ่งซูอินคิด เธอก็ยิ่งต้องการพิสูจน์ตัวเองซูอินตั้งใจเล่นเปียโนมากขึ้นกว่าเดิม แต่เพราะใส่ใจมากเกินไป กลับทำให้มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นหลายจุดเธอใช้หางตามองดูปฏิกิริยาของแขก ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่สังเกตเห็นซูอินถอนหายใจโล่งอก แต่แล้วเสียงนั้นก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง"โฮะ เห็นไหม ฉันบอกแล้วว่าไม่ได้เรื่อง เพลงง่าย ๆ แบบนี้ยังเล่นผิดได้ขนาดนี้…"ซูหรานดื่มไว
คนที่ชื่อจางจิ้งเข้าใจความหมายของซูอินเขาเป็นคนฉลาดหลักแหลม จึงเดินไปยังทิศทางที่มีเสียงผู้หญิงดังมาก่อน เพื่อออกหน้าแทนคุณหนูที่แท้จริงของตระกูลเย่เขาเห็นแผ่นหลังของชายคนหนึ่งก่อน จากนั้นก็เห็นผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับชายคนนั้นเมื่อหญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเขา จางจิ้งก็ชะงักไปชั่วขณะ ดวงตาฉายแววตะลึงซูหรานยกถ้วยชาในมือขึ้น แล้วยิ้มกว้าง"คุณ...หาฉันเหรอคะ?"เสียงนี้ ยืนยันได้ว่าเป็นผู้หญิงคนนี้แน่นอน ที่กำลัง "โจมตี" คุณหนูตระกูลเย่จางจิ้งข่มความรู้สึกตะลึงในใจลง แล้วเอ่ยปาก "คุณผู้หญิงครับ เชิญครับ"อาจเป็นเพราะดื่มเหล้าเร็วเกินไปเมื่อครู่ ตอนนี้ฤทธิ์แอลกอฮอล์กำลังออกฤทธิ์เธอคิดจะลุกขึ้น แต่ยังไม่ทันได้ขยับ เย่ถิงเซินก็คว้าแขนเธอไว้ก่อน"หรานหราน เธอเมาแล้ว ฉันจะพาเธอกลับบ้าน"เสียงนุ่มนวล ฟังดูไพเราะมากแต่ซูหรานกลับส่ายหน้า มองไปที่เย่ถิงเซิน"มีคนขอให้ฉันเล่นเปียโน"ถ้าเป็นคนอื่นก็คงไม่เป็นไร แต่คนคนนั้นคือซูอิน คนที่แม้แต่เธอจะจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้ แต่ก็รู้สึกรังเกียจทางสรีระถ้าเป็นปกติ เธออยากจะอยู่ให้ห่างเท่าที่จะห่างได้ เพื่อไม่ให้ตัวเองรู้สึกขยะแขยง ไม่
คนเหล่านี้มีเจตนาอย่างไร ซูหรานเห็นได้ชัดและเข้าใจในใจเธอซูหรานมองไปที่ซูอินซูอินอยู่ท่ามกลางการประจบสอพลอจากคนเหล่านั้นใบหน้าเธอประดับด้วยรอยยิ้มพอเหมาะ แฝงความไร้หนทางเล็กน้อยความน่ารักน่าชัง และความลำบากใจ ให้ความรู้สึกว่า“ฉันก็ไม่รู้จะทำยังไง ฉันก็อยากทำตามความต้องการของทุกคน” ในแบบที่ดูใสซื่อมีเพียงความภูมิใจและความทะนงตัวเล็ก ๆ ที่ซ่อนได้อย่างดี หากไม่รู้จักเธอ ก็ยากที่จะสังเกตเห็น“โฮะ...”ซูหรานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะอย่างเย็นชาแทบจะรำพึงอีกว่า“ชาดีจริง ๆ”ตอนนี้เธอรู้สึกเสียดายที่เมื่อครู่ขึ้นไปเล่นเปียโนเพลงนั้นควรจะกลับบ้านเร็วกว่านี้จะได้ไม่ต้องอยู่ใกล้ชิดกับซูอินนานขึ้น และไม่ต้องทนกับความรู้สึกคลื่นไส้เช่นนี้เสียงหัวเราะเยาะเย็นชาของเธอทำให้ซูอินรู้สึกโกรธขึ้นมาเมื่อเห็นว่าซูหรานกำลังจะไป สีหน้าของซูอินก็แปรเปลี่ยนเป็นหม่นหมองทันที เธอเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ทำหน้าตาราวกับว่าได้รับความอยุติธรรมจากเสียงหัวเราะเยาะนั้นของซูหราน ดูเหมือนเธอกำลังจะร้องไห้ในเมื่อคุณหนูไม่พอใจ ก็ย่อมมีคนช่วย"คุณผู้หญิง คุณความหมายว่าอย่างไรครับ?"คนที่พูดขึ้นมาก็ยังค
คิดจะใช้มุกนี้อีกแล้วเหรอ?ตีเธอหรือด่าเธองั้นเหรอ?ในเมื่อเธอขอมาแบบนี้ เช่นนั้นเธอก็จะสนองความต้องการให้เธอได้สมใจเอง!“เธอ......” มานี่ซูหรานยังพูดไม่ทันจบ ฟู่จิ้นหานก็ได้ส่งสัญญาณให้ฉินฟั่งเสียก่อนเรื่องทำร้ายคนแบบนี้ ทำไมต้องให้ซูหรานเป็นคนลงมือด้วยตัวกันล่ะ?ฉินฟั่งก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ในช่วงเวลาอันรวดเร็วนั้น เขาก็ได้ตบหน้าซูอินไปหนึ่งทีเสียงเพี๊ยะดังขึ้น ไม่มีความปรานีใด ๆ ซูอินเดินเซจนแทบล้ม ยากที่จะทรงตัวเอาไว้ได้ ในหัวขาวโพลนไปหมด เหลือเพียงเสียงหึ่ง ๆ เท่านั้นใครกัน......ที่กล้าทำร้ายเธอได้ถึงขนาดนี้? !ทันทีที่ซูอินได้สติกลับมา เธอจึงมองไปที่ฉินฟั่งด้วยความโกรธฉินฟั่งได้รับการฝึกฝนมา เขาได้ฝึกฝนร่างกายจนแข็งแกร่งที่บริษัทชิงอวิ๋น แถมยังได้รับอิทธิพลจากฟูจิ้นหานที่มีความเด็ดขาดในการต่อสู้อีกด้วย เพียงแค่สายตาเดียว ความกดดันของซูอินก็ถูกลดทอนลงไปทันทีแต่จะให้ซูอินยอมได้อย่างไร?เธอเป็นถึงหลานสาวแท้ ๆ ของตระกูลเย่ ฉินฟั่งคนนี้......ก็เป็นแค่สุนัขรับใช้ข้างกายฟู่จิ้นหานเท่านั้นต่อให้การตบเธอจะเป็นความต้องการของฟู่จิ้นหาน แต่มีคนมากมายอยู่ด้วยขนาดนี้ ห
ไม่จำเป็นต้องแก้ไขพินัยกรรมงั้นเหรอ?ซูอินดีใจมาก รู้สึกเหมือนได้รับความมั่นใจมากขึ้นแน่นอนว่าขอแค่เธอยังเป็นลูกสาวของฉินเหยียนอยู่ คุณท่านเย่ก็จะเห็นแก่หน้าฉินเหยียน และยอมรับทุกอย่างที่เป็นเธอครั้งนี้ ไม่ว่าคุณท่านเย่จะรอดมาด้วยเหตุผลใดก็ตาม แต่ไม่ว่ายังไงพินัยกรรมของคุณท่าน เมื่อกี้ทุกคนต่างก็ได้ยินอย่างชัดเจนกันหมดแล้วคุณท่านเย่ได้มอบทุกอย่างของตระกูลเย่ให้กับเธอ แม้ว่าวันนี้เธอจะยังไม่ได้รับช่วงต่อจากตระกูลเย่ แต่เธอก็ยังเป็นผู้สืบทอดเพียงคนเดียวอยู่ส่วนคนพวกนี้......ซูอินรู้สึกไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่เมื่อนึกถึงวิดีโอเมื่อกี้แล้ว ซูอินจึงหันไปมองซูหรานที่อยู่ข้าง ๆ คุณท่านเย่ทันทีในตอนนี้ เธอไม่มีเวลามามัวคิดว่าคลิปวิดีโอนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ คือการใช้ประโยชน์จากอำนาจเสียงของคุณท่าน เพื่อช่วยลบข้อครหาและปฏิเสธว่าคนในคลิปไม่ใช่เธอน้ำสกปรกนี้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ต้องสาดไปที่ซูหรานให้ได้เมื่อคิดได้เช่นนั้น ซูอินก็ขมวดคิ้วทันที “หนูไม่สนใจของนอกกายพวกนั้นหรอกค่ะ แต่ถ้าหากแม่ของหนูที่อยู่บนสวรรค์รู้ว่าหนูถูกใส่ร้ายด้วยคลิปวิดีโอนั้น จนทำ
น้ำเสียงนั้นดูทุ้มต่ำ แต่ก็มีความโกรธที่ไม่สามารถปิดบังเอาไว้ได้ปนอยู่ซูอินเงียบและไม่มีการตอบสนองอยู่นาน ส่วนคนอื่น ๆ ที่อยู่ตรงนั้น ก็กลับมีสีหน้าที่ดูต่างกันออกไปพวกเขาเพิ่งจะได้ยินอะไรกันแน่?เย่ซินกลืนน้ำลายลงคออึกหนึ่ง ก่อนจะกอดแขนตัวเองแน่น ราวกับพยายามขับไล่ความหนาวของเมื่อครู่นี้ที่แผ่ซ่านเข้ามาในร่างกายออกไปเธอหูฝาดไปรึเปล่านะ?เสียงนั้นน่ะ คือเสียงของคุณท่านจริง ๆ!แต่เห็น ๆ อยู่ว่าคุณท่านเสียชีวิตไปแล้ว แล้วร่างก็กำลังนอนอยู่ในโลงแก้วอีกด้วย จะมีเสียงออกมาได้อย่างไร?แต่เมื่อนึกถึงคำว่า “วิญญาณ” ขึ้นมา เย่ซินก็กลืนน้ำลายลงคอด้วยความตื่นตัวและเสียงที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันนั้น ก็กลับยิ่งทำให้เย่ซือเหยียนมั่นใจในข้อสันนิษฐานก่อนหน้านี้ได้ และเข้าใจมากยิ่งขึ้นว่าการแสดงในวันนี้มีซูอินที่เป็นเป้าหมาย!เย่ซือเหยียนรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย เธอสังเกตเห็นว่าทั้งเย่ถิงเซินและหยางซู พวกเขาสองคนไม่ได้มีปฏิกิริยาใด ๆ มากนักต่อเสียงของคุณปู่ในตอนนั้นเธอก็รู้ได้ในทันที ว่าทั้งสองคนเองก็มีส่วนร่วมในแผนการนี้ด้วยเช่นกันส่วนซูอิน......ตอนนี้ ในหัวของซูอินมันขาวโพลนไปหมดเธอเ
หน้าตาที่ดูไร้เดียงสาและอ่อนแอของซูอินแข็งทื่อทันทีชั่วขณะหนึ่ง เหมือนว่าหน้ากากนั้นของเธอจะถูกเจาะจนทะลุ สีหน้าเธอดูไม่ค่อยมั่นใจสักเท่าไหร่ “พี่ซู พี่หมายความว่ายังไง?”“ฮึ หมายความว่ายังไงงั้นเหรอ? น้องอินอิน เธอคงไม่คิดว่าทุกคนจะโง่กันหมดหรอกใช่ไหม? ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันเจอเธอ ฉันก็เดาได้แล้ว ว่าเธอเป็นคนยังไง ต่อหน้าก็แสร้งทำตัวไร้เดียงสาและอ่อนแอ แต่ในความเป็นจริง ใจกลับดำมืดเต็มไปด้วยแผนการ คุณสนุกกับการใช้หน้ากากที่เธอสร้างขึ้นมาหลอกลวงทุกคน ฉันก็เลยเล่นตามน้ำกับเธอไป แกล้งทำเป็นเชื่อในความดีและความไร้เดียงสาของเธอ”เสียงของหยางซูดังกึกก้องทั่วทั้งศาลาไว้ทุกข์ซูอินฟังแล้วก็รู้สึกบาดหูเป็นพิเศษในตอนนี้ ใบหน้าที่เคยแสดงความไร้เดียงสาของเธอก็เริ่มมีความโกรธปรากฏขึ้นมานิดหน่อยที่อยางซูจะบอกก็คือ ทุกสิ่งที่เขาปฏิบัติต่อเธอ มันเป็นเพียงแค่การแสดงอย่างนั้นน่ะเหรอ?แล้วที่เมื่อวานเขารับปากเธอว่าจะใช้เส้นสายเรียกทนายอู๋มาล่ะ มันเพื่ออะไรกัน?มีคนอื่นอยู่ด้วย ซูอินจึงไม่สะดวกที่จะถามออกมาแต่เมื่อเธอจ้องไปที่ตาของหยางซู กลับทำให้หยางซูเข้าใจในทันทีว่าเธอกำลังคิดอะไร และคิดจะ
ฟู่จิ้นหานก้มหน้าสบตากับซูหรานแววตาของเธอดูมั่นคง มือที่กำเสื้อตรงหน้าอกของเขาก็ยิ่งบีบแน่นขึ้นเรื่อย ๆ ฟู่จิ้นหานรู้สึกกังวลในใจไม่หาย แต่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ไม่สามารถขัดขืนซูหรานได้ฟู่จิ้นหานวางเธอลง แต่แขนของเขายังคงโอบเอวเธอเอาไว้อยู่ ท่าทางที่เขาปกป้องเธอนี้ ทำให้ผู้คนรอบข้างเกิดความคิดที่แตกต่างกันออกไปคนที่ตกใจและประหลาดใจที่สุด ก็คือเย่ซินฟู่จิ้นหาน......ผู้นำคนใหม่ของฟู่ซือกรุ๊ปคนนี้ เย่ซินเคยเห็นมาก่อนเขาจัดการกับฟู่ซือกรุ๊ปด้วยวิธีการที่โหดเหี้ยม ซึ่งเป็นที่พูดถึงกันในจิงเฉิง แค่เธอได้ยินก็รู้สึกขนลุกทุกคนต่างก็พูดกันว่าฟู่จิ้นหานเป็นคนเย็นชาไร้ความรู้สึก แต่ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเธอในตอนนี้ สีหน้ากลับเต็มไปด้วยความอ่อนโยน แววตาของเขาจ้องมองไปยังหญิงสาวที่อยู่ข้าง ๆ บ้างก็เหลือบมองไปยังอีกด้าน แต่แววตากลับเปลี่ยนเป็นเฉียบขาดในทันทีท่าทีที่ฟู่จิ้นหานปฏิบัติต่อผู้หญิงคนนี้พิเศษมากจริง ๆเย่ซินอดไม่ได้ที่จะมองไปยังคนที่อยู่ข้าง ๆ ฟู่จิ้นหาน และนึกถึงชื่อที่พวกเขาเพิ่งจะเรียกเธอขึ้นมาเมื่อกี้หรานหราน......ซูหราน......เธอคือหลานสาวที่คุณท่านรับอุปการะมา
ทุกคนต่างก็ตกตะลึงไปชั่วขณะเสียงของผู้หญิงที่ดังออกมาจากโทรศัพท์มือถือ ได้รับการปรับแต่งมาอย่างละเอียดถึงจะฟังไม่ชัดเจนว่าเป็นของใคร แต่ก็กลับฟังออกว่าบรรยากาศค่อนข้างจะเข้มข้นภายใต้เสียงร้องของหญิงสาว กระทั่งการพูดด้วยคำพูดที่ดูเปิดเผยต่าง ๆ ทำให้คนที่อยู่ ณ ตรงนั้นแค่ได้ยิน สีหน้าของพวกเขาก็เริ่มเปลี่ยนไปบ้างแล้วซูอินรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย และแอบบ่นลินเยว่เยว่ที่ทำการแปลงเสียง แต่ยังไงก็ช่างเถอะ ต่อให้จะฟังไม่ออกว่าเป็นเสียงของซูหราน แต่ภาพที่ทุกคนเห็นก็เป็นซูหราน ยังไงก็มีผลลัพธ์เดียวกัน!ซูอินเหลือบมองไปที่เย่ถิงเซินเธออยากเห็นมากที่สุด ก็คือปฏิกิริยาของเย่ถิงเซินหลังจากที่เขาเห็นว่าคนในคลิปคือซูหราน แต่เย่ถิงเซินเพียงแค่ขมวดคิ้ว และมีสีหน้าที่ดูไม่พอใจเท่านั้น เขากลับไม่หยิบโทรศัพท์ออกมาสักทีดูเหมือนว่าเย่ซินจะตกใจกับภาพที่เธอเห็นมาก เธอจ้องมองที่หน้าจอโทรศัพท์อย่างงงงวยภายในห้องไว้ทุกข์ เสียงของหญิงสาวยังคงดังกึกก้องอยู่ในบรรยากาศที่แปลกประหลาด ก็มีคนที่สองที่หยิบโทรศัพท์ออกมา และเปิดข้อความที่เพิ่งได้รับเมื่อสักครู่นี้อ่า......เสียงที่เหมือนกับก่อนหน้านี้ก็ดัง
“พวกเขาจะทำอะไร?”ในหัวเย่ซือเหยียนยังคงคิดไม่ตก ไม่สามารถคาดเดาภาพรวมของเรื่องราวได้เลยแต่เธอก็พอจะเข้าใจอยู่บ้าง: หากคุณท่านยังไม่ตายจริง ๆ เช่นนั้นทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้มันก็คือกับดักและกับดักนี้ ถูกจัดเตรียมเอาไว้เพื่อใครอย่างนั้นเหรอ?เย่ซิน? ตัวเธอ? หรือว่า......ซูอิน?เย่ซือเหยียนรู้สึกโชคดีที่เธอค้นพบเรื่องนี้ได้ก่อน ไม่เช่นนั้น เธอก็อาจจะตกหลุมพรางไปด้วยส่วนซูอิน......ความเกลียดชังสะสมอยู่ในดวงตาของเย่ซือเหยียนไม่ว่ากับดักนี้จะถูกจัดเตรียมเอาไว้สำหรับใครก็ตาม วันนี้ก็ยังถือว่าเป็นโอกาสที่ดีในตอนนั้นแทบจะในทันที เย่ซือเหยียนโทรหาสายสายหนึ่ง และสั่งการกับคนที่อยู่ปลายสายหนึ่งประโยค หลังจากวางสาย ในใจเย่ซือเหยียนก็เริ่มรู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไป......ในขณะเดียวกัน ณ ศาลาไว้ทุกข์ ซูอินยังคงเต็มไปด้วยความคาดหวังกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นอาการเป็นลมของเย่ซือเหยียนทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจอย่างมากรอจนกระทั่งพ่อบ้านจัดแจงให้คนพาเย่ซือเหยียนออกไป ซูอินก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่ทนายอู๋ แต่สุดท้ายเธอก็รู้สึกกลัวว่าจะมีคนเห็นความลนลานของเธอ เธอจึงไม่กล้าพู
ดูเหมือนว่า ผู้ที่อยู่ในที่นั้นนอกจากท่านท่านเย่แล้ว ก็มีเพียงเย่ถิงเซินเท่านั้นที่สามารถตัดสินใจได้การกระทำนี้ ทำให้ซูอินรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยต้องทำความเข้าใจก่อนว่า เธอคือผู้สืบทอดที่ถูกต้องตามกฎหมายของตระกูลเย่ และนอกจากนี้ ทนายความอู๋คนนี้เองก็เป็นพยานในการทำพินัยกรรมของคุณท่านเย่อีกด้วย เขาก็ควรจะรู้ว่าผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จากพินัยกรรมของคุณท่านคือใครเขาควรถามเธอ และให้เธอเป็นผู้ตัดสินใจสิถึงจะถูกเขากลับถือหางให้เย่ถิงเซินเป็นตัวหลักแต่ไม่นาน ซูอินก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก ที่ทนายอู๋คนนี้เป็นคนที่มีตาแต่ไร้แวว รอให้ประกาศพินัยกรรมออกมาก่อน ว่าเธอคือผู้สืบทอดทรัพย์สินของตระกูลเย่ จะทำให้คนเหล่านี้ต้องตื่นตระหนกอีกครั้งแน่นอน“เชิญทนายประกาศได้เลยครับ”คำพูดของเย่ถิงเซินแต่ละคำ ทั้งหนักแน่นและชัดเจนทนายความอู๋เปิดถุงเอกสารที่ปิดผนึกเอาไว้ท่ามกลางสายตาของทุกคน และนำพินัยกรรมที่อยู่ข้างในออกมา“ฉัน เย่ชิงเหอ ทรัพย์สินทั้งหมดที่อยู่ภายใต้ชื่อของฉัน จะถูกสืบทอดโดย......”ทนายความอู๋กำลังอ่านเนื้อหาของพินัยกรรม ทุกคนในศาลาไว้ทุกข์ต่างก็ตั้งใจฟัง และเมื่อถึงจุดนี้ สีหน้าของทุกค
“มันแน่นอนอยู่แล้ว”หยางซูจ้องมองไปที่ซูอิน เขาจะไม่บอกกับเธอ ว่าทนายคนนั้นได้อยู่ที่ไห่เฉิงเรียบร้อยแล้วทันทีที่คุณท่านกลับมาที่ไห่เฉิง ก็ได้ให้ทนายรีบมาที่นี่อย่างลับ ๆและการกระทำของซูอินในคืนนี้ ดูท่าแล้ว คุณท่านเองก็น่าจะมองสถานการณ์ออกตั้งแต่แรกแล้วเมื่อได้รับคำตอบที่แน่นอนจากหยางซู ซูอินก็ยิ่งมีความสุขมากกว่าเดิมเธอไม่กล้าที่จะลำพองตัวมากเกินไป เหมือนว่าเธอจะรู้สึกพอใจมาก จึงถอนหายใจออกมา “การที่สามารถทำตามความปรารถนาของคุณปู่ได้ ก็ถือเป็นสิ่งเดียวที่ฉันสามารถทำเพื่อคุณปู่ได้แล้วล่ะค่ะ”ซูอินลดสายตาลง ให้ดูเหมือนว่าเธอไม่มีความต้องการอะไรเลยจริง ๆแต่หยางซูกลับรู้จักธาตุแท้ของผู้หญิงคนนี้แล้วในที่สุดหยางซูก็ไม่สามารถอดทนต่อความเกลียดชังในใจได้ เขาจึงอ้างว่าตนรู้สึกเหนื่อย และต้องการพักผ่อน จึงขอให้ซูอินออกไปก่อนเมื่อกลับมาถึงห้อง ซูอินก็รีบวางแผนทุกอย่างที่เหลือทันทีเช้าวันถัดมา ทั้งวิลล่าก็เริ่มวุ่นวายตั้งแต่เช้าแล้วเมื่อวานได้มีการกำหนดให้เผาศพวันนี้ก่อนเริ่มการเผาศพ ก็ควรไปสักการะร่างของผู้เสียชีวิตเสียก่อนภายในโลงแก้วคุณท่านนอนอยู่ข้างใน ใบหน้าดูมีชีว