“ในตอนนั้นพวกเขาบอกว่าตราบใดที่เธอให้เงินชดเชยการเสียชีวิตของพ่อแม่ครึ่งหนึ่ง พวกเขาจะไม่ต้องการให้สองพวกเธอพี่น้องมาเลี้ยงดูพวกเขาอีกตลอดช่วงชีวิต และพวกเขายังไม่ต้องการให้พวกเธอสองพี่น้องฝังศพพวกเขาหลังจากที่พวกเขาตาย และนอกจากนี้ย่าเธอยังมีลูกเป็นโหล มันจะมาถึงคิวพวกเธอสองพี่น้องออกเงินได้อย่างไร”"เธอแค่จําไว้ว่าตอนที่พ่อแม่ของเธอเพิ่งตาย ศพยังอุ่น พวกเขาจะขอแบ่งค่าชดเชยการตายของพ่อแม่เธอแล้ว แถมยังไม่เลี้ยงดูพวกเธอสองพี่น้องอีก ยึดบ้าน ยึดไร่นาของพวกเธอ แม้แต่ฝังศพก็ไม่ให้พวกเธอไปฝังศพพ่อแม่ของเธอ พวกเธอไม่ต้องไปให้เงินและไม่ต้องรู้สึกผิดไป"ป้าอาหยูไม่เพียงแต่เป็นเพื่อนที่ดีกับแม่ไห่ถงเท่านั้น แต่ยังรู้เรื่องราวในปีนั้นอีกด้วยสมัยนั้น หลังจากที่ลุงๆ อาๆ ได้รับเงินแล้ว ก็คิดว่าพ่อแม่ของเธอตายอย่างอนาถ ทั้งคู่อายุยังไม่ถึงสี่สิบปีก็ตาย โชคไม่ดี บางคนแกล้งทำป่วย บางคนก็แก้ตัวอย่างอื่น หาข้อแก้ตัวต่างๆ เพราะไม่อยากช่วยเรื่องการจัดงานศพผู้ใหญ่บ้านทนไม่ไหวจึงด่าพวกเขาทั้งหมด ชาวบ้านก็ชี้นิ้วด่า ดังนั้นพวกเขาเข้ามาช่วยจัดการเรื่องงานศพอย่างไม่เต็มใจ"ก็แค่พวกเขาไร้ยางอาย"หลังจา
"พวกมันจะออกมาเขียนอธิบายไหม?"ผู้เฒ่าถามเขาไม่เข้าใจอินเทอร์เน็ต แต่เขารู้ว่าโพสต์ของหลานชายคนโตบนอินเทอร์เน็ตนั้นถูกแต่งเรื่องขึ้นมาและไม่เป็นความจริง เขากังวลว่าหากหลานสาวทั้งสองออกมาอธิบาย สุดท้ายพวกเขาก็ยังจะไม่ได้รับเงินแล้วจะอับอายอีก“ใครจะเชื่อพวกมันล่ะ เราจ้างหน้าม้าโซเชียลมามากมายมาเขียนแสดงความคิดเห็นและเปิดโปงข่าวไปเรื่อยๆ เมื่อพวกมันปรากฏตัวก็จะถูกชาวเน็ตชี้หน้าด่า”ผู้เฒ่าไห่พูดว่า "จื้อหมิง แกใช้มือถือของย่าโทรหาไห่ถงอีกครั้ง ถ้าเธอไม่อยากถูกด่าจนตาย ก็แค่ส่งเงินมา ไห่หลิงแต่งงานแล้ว คงไม่มีเงินไม่มาก ก็แค่บีบไห่ถงให้เธอออกเงินมา!"“บอกให้เธอนำเงินมาให้มากกว่า 3,000,000 บาท และจะลบบทความที่แกเขียนไว้ ไม่เช่นนั้นเธอจะด่างพร้อยและไม่สามารถแต่งงานได้”"คุณปู่ เราอย่าเพิ่งเป็นฝ่ายลงมือก่อน รอให้พวกมันติดต่อเรามาเอง แบบนี้ถึงจะบรรลุเป้าหมายได้"ไห่จื้อหมิงคิดถึงผลการค้นหาที่ร้อนแรง เขาก็จะบังคับให้ลูกพี่ลูกน้องทั้งสองติดต่อกับพวกเขาเองผู้เฒ่าคิดแล้ว ก็รู้สึกว่ามันถูกต้อง ใครก็ตามที่ลงมือก่อนจะแพ้ย่าไห่คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "รูปถ่ายที่แกใช้อาจทำให้ไม่มีใครจำพ
จ้านหยินยื่นโทรศัพท์ให้ไห่ถงอย่างเงียบๆชาวเน็ตหลายคนทั้งส่งข้อความและโทรหาไห่ถงอย่างต่อเนื่อง จนทำให้แบตเตอรี่ของโทรศัพท์มือถือไห่ถงหมด เธอจึงติดต่อไม่ได้และแม้แต่คนที่เป็นห่วงก็ไม่สามารถติดต่อเธอได้"ใครคะ?""คุณยายน่ะ"ไห่ถงรีบรับโทรศัพท์"คุณยายคะ""ไห่ถงเอ๊ย ยายเปิดอินเตอร์เน็ตขึ้นมา เพิ่งรู้ว่าหลานมีปัญหา เป็นอย่างไงบ้าง? ต้องการความช่วยเหลือไหม? รีบบอกจ้านหยินเถอะ เขาทํางานมาหลายปีแล้ว รู้จักคนใหญ่คนโตระดับเป็นเจ้านายหลายคน ช่วยจัดการเรื่องแบบนี้ได้และถนัดมือมาก ง่ายๆ เหมือนกินข้าว"“หลานไม่จำเป็นต้องรู้สึกเขิน พวกหลานเป็นสามีภรรยากันแล้ว ถ้าเจ้าคนนั้นไม่ช่วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ นะ เขารอกลับมาบ้านก่อน ยายจะทุบตีเขาเอง”คุณยายจ้านเพิ่งรู้เรื่องนี้จริงๆส่วนใหญ่เป็นเพราะการค้นหายอดฮิตไม่ค่อยส่งผลเท่าไร แถมยังถูกระงับโดยข่าวซุบซิบของจ้านหยินและซางเสี่ยวเฟยอีก ต่อมาก็ตกอันดับค้นหายอดฮิต ต้องอาศัยการแชร์ข่าวออกไป ส่งผลให้ข่าวถูกจำกัดสิทธิ์อยู่ชั่วคราวผู้เฒ่ารู้มาจากหลานชายคนที่สองของเธอว่า หลานสะใภ้คนสำคัญของเธอถูกญาติพี่น้องของเธอรังแก"คุณยาย หนูไม่เป็นไรค่ะ คุณยายก็บอกว่า
ไห่หลิงพูดว่า "ต่อมามีพูดกันว่าพวกเขาได้รับความช่วยเหลือจากชาวเน็ตผู้ใจดี ย่าได้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลแล้ว และทางโรงพยาบาลก็ได้กำหนดวันเข้ารับการผ่าตัดอีก"“ชาวเน็ตด่าเราอย่างแรงว่า พวกเราเป็นวัวลืมตีน ปู่กับย่าทำงานหนักเพื่อเลี้ยงดูพวกเรา แต่ตอนนี้เราประสบความสำเร็จแล้ว จึงไม่กตัญญูต่อคนแก่ แม้คนแก่จะป่วยเข้าโรงพยาบาล เราไม่ไปเยี่ยมอีก พวกเขาว่าเราใจร้าย อกตัญญู ไร้ยางอาย และขอโทษพ่อแม่เราที่มีลูกแบบเรา”ไห่หลิงอ่านคอมเมนต์ที่บ้านตลอดทั้งวัน และยิ่งเธออ่านมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเมื่อเอ่ยถึงพ่อแม่ เธอก็เกลียดพวกเขามากยิ่งขึ้นตอนพ่อแม่ยังมีชีวิตอยู่ พวกเขากตัญญูต่อปู่กับย่ามากกว่าลุงและอาทั้งหลาย แต่เมื่อพ่อแม่เสียชีวิต ปู่กับย่าทํากับพวกเธอแบบนี้ได้อย่างไร?"พี่ อย่าไปดูว่าพวกนั้นพูดอะไร พวกเขาไม่รู้ความจริง เห็นดีเป็นชั่ว แถมถูกใช้ประโยชน์แบบไม่รู้ตัวอีก คิดว่าตัวเองชอบผดุงความยุติธรรมและมีเมตตา แต่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นเบี้ยในมือคนอื่น ที่ใช้ทําร้ายผู้บริสุทธิ์"สิ่งต่างๆ บนโลกออนไลน์ มักมีการพลิกผันตลอดไห่ถงเห็นมาเยอะในเวลานี้ จ้านหยินพูดเบาๆ ว่า: "ไห่ถง ย่าของ
แต่ละบรรทัดเต็มไปด้วยความเศร้าโศก ความโกรธ ความสิ้นหวัง ความหมดหนทางไห่ถงพลิกดูไดอารี่ของพี่สาว นึกถึงอดีต น้ําตาก็ไหลลงเหมือนฝนตก"ญาติฝั่งปู่กับย่าเขาทะเลาะกับญาติฝั่งตากับยาย เพื่อต้องการเงินเยอะขึ้น พวกเขาทุกคนสนใจแต่ส่วนแบ่งของตัวเอง ไม่มีใครสนใจเราสองคนพี่น้องและไม่มีอาสาจะรับเลี้ยงและดูแลเรา พ่อแม่ของเราเสียชีวิตไปแล้ว พวกเขาคิดแต่เรื่องเงินและไม่สนใจความรู้สึกของเราสองพี่น้องแม้แต่น้อย คนพวกนี้เรียกว่าญาติเหรอ?"“พ่อแม่รีบกลับมาเร็วๆนะ รู้ไหมว่าลูกๆ ต้องทนทุกข์ทรมานขนาดไหน ทำไมคุณถึงใจร้ายถึงทิ้งฉันกับน้องสาวไปล่ะ”“ฝนตก พระเจ้าก็สงสารฉันกับน้องสาวไม่มีพ่อแม่เหรอ? เรากลายเป็นเด็กกำพร้าไม่มีพ่อแม่แล้ว ร้องหาพ่อ เขาก็ไม่ตอบ ร้องหาแม่ เธอก็ไม่ได้ยิน ดูนี่สิน้องสับสนไปหมดแล้ว ฉันร้องไห้และน้องก็ร้องไห้เหมือนกัน”“น้องมักถามเสมอว่าเมื่อไหร่พ่อแม่จะกลับมา? เธอคิดถึงพ่อแม่”“ฉันกอดน้องไว้และร้องไห้ บอกเธอว่าพ่อแม่ไม่มีวันกลับมาอีก พวกเขาไปสวรรค์แล้ว ทิ้งพวกเราไว้ข้างหลัง เรากลายเป็นเด็กกำพร้า เด็กที่ไม่มีพ่อแม่...”......“เพื่อที่จะได้เงินเพิ่ม ปู่กับย่าของฉันบอกว่าตราบใดที่
ไห่ถงโพสต์ไดอารี่ของพี่สาวบน Weibo เพื่อตอบกลับต่อการค้นหา "หลานสาวที่ไม่กตัญญู" อย่างร้อนแรงนอกจากไดอารี่ของพี่สาว แล้วยังมีหลักฐานที่เธอรวบรวมไว้ เมื่อเธอกลับไปยังบ้านเกิด ซึ่งพิสูจน์ได้ว่าผู้เฒ่าสองคนมีชีวิตที่ดีและมีเงินเก็บอีกหลายแสน ซ้ำลูกชายและลูกสาวของคนเฒ่าเป็นหนึ่งในคนที่ร่ำรวยที่สุดของหมู่บ้านจ้านหยินจำได้ว่าระหว่างทางไปบ้านพี่สาวกับภรรยาในวันนั้น ไห่ถงได้รับโทรศัพท์จากปู่ เครื่องบันทึกการขับขี่ของเขาน่าจะบันทึกสิ่งที่ผู้เฒ่าพูดข่มขู่ไว้ได้เขาไปตรวจและมันบันทึกไว้จริงๆไห่ถงเอาบันทึกการสนทนากับปู่โพสลองอินเตอร์เน๊ตหลังจากนั้นก็ไม่สนใจว่าชาวเน็ตจะระเบิดลงอย่างไร หรือโกรธมากแค่ไหนจ้านหยินให้ซูหนานตรวจสอบข้อมูลของตระกูลไห่ เขาไม่ได้ให้ไห่ถงโพสต์บนอินเทอร์เน็ต แต่มอบให้ซูหนานดําเนินการแทน และใช้ฐานะชาวเน็ต เพื่อเอางานปัจจุบันและรายได้ของลูก ๆ ของตระกูลไห่ออกมาในตอนแรกก็ได้รับความนิยมพอๆ กับโพสต์ "หลานสาวที่ไม่กตัญญู" ตอนนี้ชาวเน็ตต่างโกรธแค้นอย่างมากเดิมทีด่าสองไห่ถงและพี่สาวว่าอกตัญญู ต่างกลับไปด่าผู้เขียนโพสต์นี้ที่โพสต์ว่า "หลานสาวอกตัญญู" แทนทิศทางของสถานการ
ไห่ถงไม่ได้กลับเข้าห้องทันที เธอไปที่ระเบียงนั่งบนเก้าอี้ชิงช้า มองดูดอกไม้บนระเบียง และดวงดาวที่อยู่เต็มท้องฟ้ายามค่ำคืนหลังจากอารมณ์ดีแล้ว เธอก็ลุกขึ้นและกลับเข้าไปในห้องนอนค่ำคืนที่เงียบสงบของคู่สามีภรรยาตระกูลไห่ที่อยู่ฝากโรงพยาบาล กลับเจอเข้ากับพายุอินเตอร์เน็ตพายุอินเทอร์เน็ตที่พวกเขา ก่อนขึ้นกับไห่ถงและพี่สาวในครั้งแรกไม่ได้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อสองพี่น้อง แต่การตอบกลับของไห่ถงได้รับการถกเถียงกันอย่างเผ็ดร้อน ไดอารี่ของไห่หลิงไม่เพียงแต่เขียนเล่าย้อนกลับไปถึงความจริงของปีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงหลักฐานจากเสียงบันทึกของชาวบ้านด้วย แม้แต่คณะกรรมการหมู่บ้านก็ตอบว่าสิ่งที่ไห่ถงโพสต์เป็นความจริงงาน รายได้ ที่อยู่อาศัย ฯลฯ ของพวกเขาถูกเปิดเผยโดยชาวเน็ตพวกเขาอาศัยอยู่ในวิลล่าเล็กๆ ที่สร้างขึ้นเอง มีหน้าที่การงานดี และมีรายได้ต่อปีไม่ต่ำกว่าหลายแสน และอาจมากกว่าห้าล้านด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงคนรุ่นหลาน แม้แต่ผู้เฒ่าสองคนนั้นยังมีเงินเก็บหลายแสนเห็นได้ชัดว่าฐานะของพวกเขาดีมากขนาดนั้น แค่คนแก่ป่วย แต่ต้องการให้หลานสาวสองคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของโรงพยาบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เสียงบันท
ลุงคนที่สองของไห่ถง พูดกับหลานชายของเขาว่า "หน้าที่การงานของจื้อเหวินสำคัญที่สุด หากสิ่งนี้ทำให้จื้อเหวินตกงาน"ลุงคนที่สองไม่ได้พูดอะไรอีกต่อไป และการมองของเขาที่มีต่อไห่จื้อหมิงก็ดูราวกับกำลังติเตียนเล็กน้อยมันเป็นความตั้งใจของไห่จื้อหมิงที่จะลากตัวไห่ถงและพี่สาวออกมาอย่างมีศีลธรรม โดยใช้อินเตอร์เน๊ตในส่วนของคำค้นหาร้อนแรง“ลุงสอง จือเหวินทำงานในบริษัทนั้นมาหลายปีแล้วและได้รับความไว้วางใจจากสำนักงานใหญ่ของบริษัท เขาจะไม่ตกงานเพียงเพราะเรื่องนี้หรอกครับ ผมจะชี้แจงในภายหลังว่าเรื่องนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับจือเหวิน”ที่ไห่จื้อหมิงทำนั้นเป็นเรื่องส่วนตัว และเขาคิดว่าการแสดงออกในโลกออนไลน์นั้นไม่ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำธุรกิจของเขาหลังจากฟังคำพูดของหลานชายแล้ว ลุงสองไห่ก็รู้สึกโล่งใจเล็กน้อยจึงโทรหาลูกชาย เพื่อขอให้เขาอธิบายในออนไลน์ว่าเขาไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพื่อไม่ให้มีส่วนเกี่ยวข้องและทำให้เขาตกงาน“เด็กเวนสองคนนั้น โหดเหี้ยมเกินไปหน่อยไหม”ลุงใหญ่ไห่สาปแช่ง “ถ้าไม่ให้เงินเรา ก็ไม่ให้เงินเรา ทำไมต้องฆ่าพวกเราทั้งหมดด้วยล่ะ ตอนนี้พวกเราก็ยุ่งวุ่นวายกันไปหมดแล้