หลังจากทานอิ่มแล้ว จ้านหยินก็หยิบกระเป๋าเงินออกมา เมื่อเปิดดูพบว่าไม่มีเงินสดมากนัก เขาจึงดึงบัตรธนาคารใบหนึ่งออกมาและวางบัตรธนาคารใบนั้นไว้ตรงหน้าไห่ถงไห่ถงเลิกคิ้วมองเขา"คุณจะซื้อของต้องใช้เงิน บัตรธนาคารใบนี้ให้คุณใช้ครับ รหัสผ่านคือ..."เขาหาปากกาและกระดาษมา เขียนรหัสผ่านบนกระดาษแล้วส่งให้ไห่ถง"ต่อไปเงินในบัตรใบนี้จะให้คุณใช้จ่ายในบ้าน ผมก็จะโอนเงินเข้าบัญชีนี้ทุกเดือนพอเงินเดือนออก แต่ต่อไปถ้าคุณซื้ออะไรก็จดลงบัญชีไว้ ผมไม่สนใจว่าคุณใช้เงินเท่าไร แต่ผมต้องทราบว่าคุณจะนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้างครับ"ตอนไปจดทะเบียนสมรสครั้งแรก ไห่ถงเคยถามเขาว่าสามีภรรยาต้องการระบบหารกันหรือไม่ เขาปฏิเสธในเมื่อแต่งงานแล้วเป็นสามีภรรยากันก็เป็นครอบครัวเดียวกัน เขาให้เงินเธอเล็กน้อยเพื่อใช้จ่าย เขาไม่ใส่ใจรื่องเงินเท่าไรยังไงเขาก็มีเงินเยอะจนแม้แต่ตัวเขาเองก็นับไม่ถ้วน ไม่รู้ว่าเขามีทรัพย์สินสุทธิจริง ๆ เท่าไร ปกติงานที่บริษัทยุ่งมาก เขาใช้เงินก็น้อย ดังนั้นการเลี้ยงดูภรรยาก็เท่ากับช่วยเขาใช้เงินได้นิดหน่อยแต่เขาไม่ยอมถูกเอารัดเอาเปรียบ ในความคิดของเขาไห่ถงยังเป็นเหมือนสาวเจ้าเล่ห์ ดังนั้นแน่น
ไห่ถงได้เดินทางไปที่บ้านพี่สาวเมื่อเปิดประตูเข้าไปภายในบ้านพบว่าพี่สาวตื่นอยู่ กำลังยุ่งวุ่นวายอยู่ในห้องครัว"พี่คะ""ถงถง มาแล้วเหรอ"ไห่หลิงออกมาจากห้องครัวและเมื่อเห็นน้องสาวจึงความสุขมาก "เธอกินข้าวหรือยัง? พี่กำลังลวกเส้นก๋วยเตี๋ยวอยู่ เดี๋ยวตักใส่ชามให้นะ""ไม่ต้องค่ะ ฉันกินมาแล้ว พี่ลวกก๋วยเตี๋ยวหรือยัง ถ้ายังไม่ต้องลวกแล้ว ฉันห่ออาหารเช้ามาให้พี่กับหยางหยางด้วย""ยังจ้ะ เมื่อวานหยางหยางเป็นไข้เมื่อคืนเลยไม่ค่อยได้นอน ตื่นมาตอนเช้าก็สายแล้ว พี่เขยออกไปกินอาหารเช้าข้างนอก แถมยังด่าก่อนออกไปว่าฉันอยู่บ้านทั้งวันไม่ทําอะไรเลยแค่เลี้ยงลูก ไม่มีหัวคิดตื่นมาทำอาหารเช้าให้เขา"ไห่หลิงรู้สึกน้อยใจไห่ถงได้ยินถึงกับโมโห "หยางหยางเป็นไข้ได้ยังไง? ถึงไข้จะลดลงแล้วก็เถอะ พี่ต้องพาไปหาหมอเพื่อป้องกันไว้ก่อนนะ พี่เขยก็เกินไป ลูกป่วยเขาไม่ช่วยแถมยังต้องด่าอีก""พี่ ฉันย้ายออกแล้ว พี่เขยยังยืนยันใช้ระบบหารค่าใช้จ่ายกับพี่อยู่ไหม?"ไห่หลิงนั่งลงบนโซฟา เปิดถ้วยก๋วยเตี๋ยวถางเหอที่น้องสาวเอามาให้ กินไปพลางพูดว่า "เดี๋ยวฉันจะพาหยางหยางไปหาหมอ เขายังคงยืนยันที่จะใช้ระบบหารค่าใช้จ่ายอยู่ โ
"ออกรถ"จ้านหยินด่าไห่ถงในใจเรียบร้อยแล้ว แต่เขากลับไม่ได้พูดอะไรและไม่คิดที่ทำอะไรไห่ถงเป็นภรรยาของเขาแค่ในนาม แต่จริง ๆ แล้วพวกเขาสองคนไม่แตกต่างจากคนแปลกหน้าคนขับไม่กล้าพูดต่อและได้ขับรถออกไปไห่ถงไม่รู้ว่าเมื่อกี้ตัวเองเกือบจะชนรถหรูของสามีเธอแล้ว เธอขี่รถจักรยานไฟฟ้าต่อเพื่อจะได้กลับไปที่ร้านอย่างรวดเร็ว บ้านของเซินเสี่ยวจวินอยู่ใกล้ ๆ เธอมักจะมาถึงร้านก่อนไห่ถงหนึ่งก้าวเสมอ"ถงถง"หลังจากเสร็จงานแล้ว เสี่ยวจวินมักจะทานอาหารเช้า เมื่อเธอกำลังทานอาหารเช้าอยู่นั้นก็เห็นเพื่อนมาถึง จึงยิ้มและถามว่า "เธอกินข้าวหรือยัง?""กินแล้ว"เสี่ยวจวินส่งเสียงตอบรับและทานอาหารเช้าของเธอต่อ"ฉันซื้อขนมมาฝากเธอสองกล่อง อร่อยมาก เธอลองชิมสิ"เสี่ยวจวินดึงถุงที่บรรจุขนมขึ้นมาหนึ่งถุงและวางไว้บนเคาน์เตอร์ชําระเงินพร้อมพูดกับเพื่อนไห่ถงวางกุญแจรถของรถจักรยานไฟฟ้าไว้บนเคาน์เตอร์ชําระเงิน แล้วนั่งลงทันทีเธอดึงถุงที่บรรจุขนมสองกล่องอย่างไม่เกรงใจ "ขอแค่เป็นของหวาน ฉันก็รู้สึกอร่อยแล้ว เสี่ยวจวิน ระหว่างทางฉันมาทํางาน ฉันเห็นโรลส์-รอยซ์คันหนึ่ง"เซินเสี่ยวจวินร้องโอ้โห "เป็นเรื่องปกติที่จะเห
สถานที่จัดงานเลี้ยงคือโรงแรมกวนเฉิง สถานที่ซึ่งปกติไห่ถงคงไม่มาโรงแรมกวนเฉิงเป็นหนึ่งในโรงแรมหรูระดับ 7 ดาวซึ่งจัดว่าที่ดีที่สุดของเมือง แต่ความจริงไม่รู้ว่าระดับกี่ดาวกันแน่ ไห่ถงไม่ทราบรายละเอียดมากนัก เพราะเธอไม่ได้ให้ความสนใจกับเรื่องนี้สักเท่าไรคุณป้าเซินมาถึงโรงแรมก่อนพวกไห่ถง หลังจากทักทายเหล่าคุณหญิงคุณนายที่รู้จักกันแล้ว เธอให้ลูกชายและลูกสาวไปที่โรงแรมก่อน ส่วนเธอรออยู่หน้าโรงแรมเพื่อรอหลานสาวมาถึงคุณป้าเซินยิ้มแย้มทันทีเมื่อเห็นรถที่ตนจัดเตรียมให้ไปรับหลานสาวขับตามหลังรถคันอื่นอย่างช้า ๆหลังจากนั้นไม่นาน เซินเสี่ยวจวินก็ลากไห่ถงไปหาคุณป้า"คุณป้าคะ""สวัสดีค่ะ คุณป้าเซิน"ไห่ถงทักทายคุณป้าเซินพร้อมกับเพื่อนคุณป้าเซินรู้ว่าหลานสาวพาไห่ถงมา เดิมทีก็รู้สึกรังเกียจไห่ถงนิดหน่อย เด็กสาวไห่ถงคนนี้เธอเคยเจอมาก่อน และต้องยอมรับว่าเด็กที่สูญเสียพ่อแม่คนนี้หน้าตาดีกว่าหลานสาวของตัวเอง เห็นได้ชัดว่าฐานะครอบครัวธรรมดา แต่เธอมีความสง่างามและท่วงท่าของเธอก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายของหญิงที่มาจากตระกูลผู้ดีเธอกลัวว่าไห่ถงจะไปกันท่ากันทางหลานสาวเธอ แต่สะใภ้ใหญ่บอกว่าไห่ถงแต่งงานแล้
เขาเดินเข้ามาโดยรอบข้างมีผู้คนมารายล้อมเหมือนดาวล้อมเดือน ไม่ได้สังเกตเห็นว่าภรรยาที่เพิ่งแต่งงานใหม่ของเขาอยู่ที่ตรงมุมห้อง สายตาของไห่ถงก็ไม่อาจมองผ่านฝูงชน เพื่อมองมายังใบหน้าคุ้นเคยของสามีตัวเองได้เธอเขย่งเท้าดูอยู่สักพักก็ไม่เห็นร่างของคนที่เข้ามาเลยหมดความสนใจและนั่งลง แถมยังดึงเพื่อนลงมานั่งพร้อมพูดว่า "ไม่ต้องดูแล้ว คนบังเยอะขนาดนั้น ยังไงเราก็มองไม่เห็น กินต่อเถอะ"สำหรับเธอนั้นคืนนี้การทานอาหารเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด!"ถงถง เธอรอฉันอยู่ตรงนี้นะ ฉันจะไปถามคุณป้าว่าเมื่อกี้ใครมาถึงได้อึกทึกครึกโครมเหมือนฮ่องเต้เสด็จมาเลย"เซินเสี่ยวจวินอยากรู้อยากเห็นมากไห่ถงตอบรับกลับไปแบบปัด ๆเซินเสี่ยวจวินเดินจากไปคนเดียวไห่ถงทานอาหารอร่อย ๆ ที่หยิบมาพวกนั้นหมดแล้ว เธอจึงถือจานเปล่าของตัวเองลุกขึ้น ในขณะที่ทุกคนไปชมคนใหญ่คนโต เธอสามารถเลือกหยิบอาหารได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องสนใจกับสายตาจ้องมองและการตัดสินของคนอื่นหลังจากจ้านหยินเข้ามา สิ่งแรกที่เขาทำคือพูดคุยกับนักธุรกิจรุ่นใหญ่ที่เป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงคืนนี้ บอดี้การ์ดรอบตัวเขาทุกคนจริงจัง ฟังเสียงจากทุกทิศทุกทาง ให้ความสนใจกับทุกส
เซินเสี่ยวจวินยกไวน์แดงขึ้นดื่ม"เธออ่านนิยายมากเกินไป ในโลกนี้คนที่ชื่อกับแซ่เหมือนกันเยอะแยะ นับประสาอะไรกับคนที่แซ่เดียวกัน ดูอย่างคนรวยที่สุดในฮ่องกงแซ่หลี่ งั้นคนแซ่หลี่ทั้งหมดก็เป็นญาติของเขาหรือไง?"เซินเสี่ยวจวินหัวเราะ "ก็จริง""สามีฉันเขาเป็แค่มนุษย์เงินเดือน ขับรถยนต์ตงเฟิงราคาแค่ 600,000-650,000 บาท เธอว่านายน้อยตระกูลมหาเศรษฐีจะขับรถแบบนี้ไหม เธอน่ะเดามั่วซั่ว"ไห่ถงไม่เคยเพ้อฝันเกินจริง เธอคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติที่จะฝัน แต่ไม่ใช่เอาฝันกลางวันมาปนกับความเป็นจริง"จะว่าไปแล้ว นายน้อยจ้านกีดกันหญิงสาวไม่ให้เข้ามาใกล้แบบนั้น เขาไม่ชอบผู้หญิงหรือเปล่า? หรือเขาแต่งงานแล้ว?"ไห่ถงไม่สนใจว่านายน้อยจ้านหน้าตาเป็นอย่างไร แต่รู้สึกว่านายน้อยจ้านห้ามหญิงสาวเข้าใกล้ขนาดนั้น อาจเพราะเขาสูงส่งเกินไป หรือมีปัญหาบางอย่างเช่นเขาไม่ชอบผู้หญิงก็เป็นไปได้"ไม่เคยได้ยินข่าวการแต่งงานของเขานะ แม้ว่าเราจะไม่ใช่พวกชนชั้นสูง แต่นายน้อยจ้านเป็นหัวหน้าตระกูลจ้าน ถ้าเขาแต่งงาน งานแต่งงานคงจะต้องสร้างความฮือฮาไปทั่วเมืองกวนเฉิงอย่างแน่นอน ทั้งลงข่าวในเว็บไซต์หรือในหนังสือพิมพ์ ช่องทางข่าวสารไห
เซินเสี่ยวจวินก็ทานอิ่มแล้ว เธอยิ้มและพูดว่า "เหนียนเซิง พี่จวินของเธอนั้นไม่สนใจหนุ่ม ๆ หน้าตาหล่อเหลาพวกนั้น พี่กับพี่ไห่ถงของเธอแค่มาเปิดหูเปิดตาและชิมอาหารที่นี่กันเท่านั้น ที่นี่สมกับเป็นโรงแรมที่ขึ้นชื่อว่า 7 ดาวจริง ๆ อาหารอร่อยมาก พี่กับพี่ไห่ถงของเธอกินอิ่มเอมใจมาก"จางเหนียนเซิง “......”"ตอนนี้พวกเราสองคนก็กินอิ่มแล้วและเวลาก็ดึกมาก เหนียนเซิง พี่กับพี่ไห่ถงของเธอขอตัวไปก่อนนะ ฝากลาคุณป้าด้วย"จางเหนียนเซิงรู้สึกกังวลเล็กน้อย เขาเหลือบมองไห่ถงสองครั้งก่อนพูดขึ้นว่า "พี่จวิน จะไปแล้วจริง ๆ เหรอครับ? งานเลี้ยงเพิ่งผ่านไปได้ครึ่งทาง ตอนนี้ยังไม่ดึกเลยต้องรอถึงห้าทุ่มก่อนถึงจะเลิกงานเลี้ยง"ไห่ถงกล่าวว่า "พรุ่งนี้พี่กับพี่สาวเธอยังต้องเปิดร้านขายของต่อ จะอยู่จนถึงห้าทุ่มกว่าแล้วค่อยกลับบ้านไม่ได้หรอก"ทั้งสองคนลุกขึ้น จางเหนียนเซิงยังคงตามไปด้วย"ที่จริงเปิดร้านสายหน่อยก็ได้นะครับ"จางเหนียนเซิงเดินตามวนเวียนซ้ายขวาของไห่ถง พยายามยื้อพี่สาวสองคนไว้ต่ออีกสักพัก"ไม่ได้หรอก พวกเราหาเงินได้แค่วันละสามครั้ง คือเช้า กลางวันและเย็น ถ้าพลาดช่วงเวลาตอนเช้าไป จะทำให้รายได้น้อยลงเ
ในแวดวงธุรกิจของเมืองกวนเฉิง ใครก็ตามที่ได้รับความโปรดปรานจากจ้านหยิน ก็เหมือนกับการได้รับสูตรโกงและอนาคตอันรุ่งโรจน์สามีภรรยาคู่นี้พาลูกชายมางานเลี้ยงก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าอยากให้ลูกๆ ได้รู้จักกับเพื่อนๆ เพื่อต่อยอดในอนาคต"นายน้อยจางเมื่อกี้คือ......""ผมออกไปส่งพี่สาวสองคนของผมขึ้นรถและเพิ่งกลับมาครับ"เขาไม่รอให้จ้านหยินถามจนจบประโยค จางเหนียนเซิงชิงอธิบายสิ่งที่เขาเพิ่งไปทำมา กลัวว่าถ้าหากจ้านหยินเข้าใจผิดว่าเขาไม่ชอบงานเลี้ยงแบบนี้และไม่พอใจการบริการของโรงแรมโรงแรมกวนเฉิงนั้นเป็นหนึ่งในโรงแรมภายใต้การบริหารของตระกูลจ้านจ้านหยินตอบกลับแค่อืม จากนั้นเดินผ่านหน้าจางเหนียนเซิง ท่าทางที่เขาทักทายต่อจางเนียนเซิงนั้นเป็นไปอย่างสุภาพจางเหนียนเซิงยังไม่เข้าใจสถานการณ์ รู้แค่ว่ากลุ่มคนหนึ่งล้อมรอบตัวจ้านหยินเดินผ่านหน้าเขาไป เขากลายเป็นคนตัวเล็กลงทันทีการที่จ้านหยินเข้าร่วมงานเลี้ยงและจู่ ๆ ก็ออกไปจากงานนั้นเป็นเรื่องปกติ ซึ่งทุกคนในงานนั้นคุ้นชินกับสถานการณ์แบบนี้ดีพวกผู้บริหารระดับสูงถือโอกาสนี้พูดคุยธุรกิจกับจ้านหยิน พวกเขาแอบดีใจที่ตนโชคดีรีบเข้าคว้าโอกาสไปพูดคุยธุรกิจกับเ