แชร์

บทที่ 10

ไห่ถงได้เดินทางไปที่บ้านพี่สาว

เมื่อเปิดประตูเข้าไปภายในบ้านพบว่าพี่สาวตื่นอยู่ กำลังยุ่งวุ่นวายอยู่ในห้องครัว

"พี่คะ"

"ถงถง มาแล้วเหรอ"

ไห่หลิงออกมาจากห้องครัวและเมื่อเห็นน้องสาวจึงความสุขมาก "เธอกินข้าวหรือยัง? พี่กำลังลวกเส้นก๋วยเตี๋ยวอยู่ เดี๋ยวตักใส่ชามให้นะ"

"ไม่ต้องค่ะ ฉันกินมาแล้ว พี่ลวกก๋วยเตี๋ยวหรือยัง ถ้ายังไม่ต้องลวกแล้ว ฉันห่ออาหารเช้ามาให้พี่กับหยางหยางด้วย"

"ยังจ้ะ เมื่อวานหยางหยางเป็นไข้เมื่อคืนเลยไม่ค่อยได้นอน ตื่นมาตอนเช้าก็สายแล้ว พี่เขยออกไปกินอาหารเช้าข้างนอก แถมยังด่าก่อนออกไปว่าฉันอยู่บ้านทั้งวันไม่ทําอะไรเลยแค่เลี้ยงลูก ไม่มีหัวคิดตื่นมาทำอาหารเช้าให้เขา"

ไห่หลิงรู้สึกน้อยใจ

ไห่ถงได้ยินถึงกับโมโห "หยางหยางเป็นไข้ได้ยังไง? ถึงไข้จะลดลงแล้วก็เถอะ พี่ต้องพาไปหาหมอเพื่อป้องกันไว้ก่อนนะ พี่เขยก็เกินไป ลูกป่วยเขาไม่ช่วยแถมยังต้องด่าอีก"

"พี่ ฉันย้ายออกแล้ว พี่เขยยังยืนยันใช้ระบบหารค่าใช้จ่ายกับพี่อยู่ไหม?"

ไห่หลิงนั่งลงบนโซฟา เปิดถ้วยก๋วยเตี๋ยวถางเหอที่น้องสาวเอามาให้ กินไปพลางพูดว่า "เดี๋ยวฉันจะพาหยางหยางไปหาหมอ เขายังคงยืนยันที่จะใช้ระบบหารค่าใช้จ่ายอยู่ โดยบอกว่าฉันรู้จักแต่การใช้จ่ายเงินทุกวัน ไม่รู้จะวิธีหาเงินไม่รู้ว่าเขาได้รับความกดดันมากแค่ไหน ในเมื่อก็เป็นครอบครัวกันแล้ว ฉันก็ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายของครอบครัวด้วย"

"นี่ต้องเป็นเพราะพี่สาวของเขาสอนมาแน่ ๆ พี่สาวคนนั้นแต่งงานแล้วแต่ยังคอยสนใจเรื่องที่บ้านแม่เขาอยู่เลย เมื่อก่อนพี่เขยเธอดีกับฉันมาก แต่ถูกพี่สาวของเขาสอนเรื่องไม่ดีให้"

จริง ๆ ก่อนลาออกไห่หลิงดำรงตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายการเงินของบริษัท รายได้ก็ค่อยข้างสูง แต่เพื่อความรักและการแต่งงาน เธอจึงเสียสละทุกอย่างเพื่อมาพบเจอกับการด่าทอจากครอบครัวสามี

เธอใช้เงินเพื่อใช้จ่ายเล็ก ๆ ในครอบครัวเล็ก เธอซื้อเสื้อผ้าโดยใช้เงินที่น้องสาวให้ เสื้อผ้าเธอก็ไม่ได้ซื้อใหม่มานานแล้ว เครื่องสำอางหรืออะไรก็ไม่ต้องพูดถึง

แต่ทุกครั้งที่เธอซื้อเสื้อผ้าใหม่หรือแเครื่องสำอาง แม่สามีและพี่สาวคนโตก็ด่าว่าเธอใช้เงินอย่างสุรุ่ยสุร่าย ต่อให้เธอจะอธิบายว่าเป็นเงินที่น้องสาวให้มา แม่สามีและพี่คนโตก็จะบอกว่าในเมื่อเธอได้เงินมามันก็คือทรัพย์สินส่วนกลางของครอบครัว เธอก็จะใช้จ่ายอย่างสุร่ยสุร่ายไม่ได้

"พี่คะ เอางี้ไหมส่งหยางหยางไปโรงเรียนอนุบาล แล้วพี่กลับไปทํางาน พี่คงหาเงินได้ไม่น้อยกว่าพี่เขยหรอก"

ไห่ถงสงสารพี่สาวอย่างมาก

เมื่อก่อนเธออาศัยอยู่ที่นี่ เธอทำงานบ้านแทนพี่สาวเกือบหมด เพื่อไม่ให้พี่สาวเหนื่อย ตอนนี้เธอย้ายออกไปแล้วสิ่งที่พี่สาวต้องทําเองกลับมีมากขึ้น

"พี่เขยบอกว่าต้องรอหยางหยางอายุสามหรือสี่ขวบก่อนค่อยส่งไปโรงเรียนอนุบาล" ไห่หลิงก็อยากกลับไปทํางาน ไม่พูดถึงเรื่องอื่น ตอนนี้มีทั้งค่าผ่อนบ้านผ่อนรถและยังค่าใช้จ่ายดูแลผู้สูงอายุอีก เมื่อรวมกันแล้วค่าใช้จ่ายในครอบครัวก็มากเกินไปจริง ๆ

ไห่ถงขมวดคิ้ว มักจะรู้สึกว่าตอนนี้พี่เขยมีทัศนคติที่มีต่อพี่สาวแย่ลงเรื่อย ๆ อดไม่ได้ที่จะถามว่า "พี่ พี่ว่าพี่เขยจะมีใครคนอื่นไหม?"

ไห่หลิงตกใจและพูดว่า "ไม่น่าจะใช่มั้ง รายได้ของเขาพี่รู้ดีว่าไม่มีเงินเหลือที่จะดูแลเมียน้อยหรอก"

"พี่เขยมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อพี่มากขึ้นเรื่อย ๆ แบบนี้ พี่ต้องวางแผนเพื่ออนาคต ไม่สามารถจะเป็นแม่เต็มเวลาและไม่มีรายได้แบบนี้อีก"

หลังจากไห่หลิงเงียบไปครู่หนึ่งก็พูดว่า "ไว้ค่อยคุยกันนะ ถงถง ไม่ต้องห่วงพี่นะ พี่สามารถใช้ชีวิตของตัวเองได้ดี เธอเป็นอย่างไรบ้าง น้องเขยจะกลับมาจากไปทำธุรกิจเมื่อไร?"

"อีกสักพักค่ะ เขาทํางานในเครือบริษัทใหญ่ งานยุ่งมาก"

ไห่หลิงถามชีวิตน้องสาวที่บ้านใหม่อย่างละเอียดอีกครั้งและมั่นใจว่าน้องสาวมีชีวิตที่ดี เธอจึงวางใจได้

หลังจากพบหลานชายแล้ว พี่สาวยังคงถามต่อไม่หยุด ไห่ถงไม่มีทางเลือกจึงต้องกลับไปที่ร้าน

เธอขี่จักรยานไฟฟ้าไปยังร้านหนังสือ แต่ยังคิดถึงชีวิตที่มีปัญหาวุ่นวายของพี่สาว พอคิดฟุ้งซ่านก็ไม่สนใจสภาพถนนจนเกือบถูกรถชน ด้วยความตกใจที่เธอรีบเลี้ยวเข้าข้างทางเพื่อหลบรถคันนั้น ขณะเดียวกันเธอก็จอดรถ

รถคันดังกล่าวก็เบรกกะทันหันและหยุดรถ

ไห่ถงมองไปที่รถคันนั้น คาดไม่ถึงว่าจะเป็นโรลส์-รอยซ์ โอ้โหรถหรู!

หลังโรลส์รอยซ์ยังมีรถเก๋งตามมาอีกหลายคัน คาดว่าเป็นรถของบอดี้การ์ด

เมืองกวนเฉิงเป็นเมืองใหญ่ ไม่แปลกใจที่จะได้เห็นรถหรู

ไห่ถงทําท่าขอโทษคนขับก่อนรีบขี่จักรยานไฟฟ้าออกไป

เธอกลัวว่าจะถูกด่า

คนขับหันไปพูดกับชายชุดดําที่นั่งเบาะท้ายรถว่า "นายน้อย คนเมื่อกี้คือนายหญิงครับ"

ใบหน้าของจ้านหยินเงียบขรึม สิ่งที่เขาเห็นคือไห่ถงเกือบจะชนรถของเขา และเห็นได้ชัดว่าเธอไม่มีสมาธิแถมขี่รถจักรยานไฟฟ้าบนถนนที่มีรถขับอยู่ตลอดอีก เธอคงเสียสติจริง ๆ อยากตายใช่ไหมนั่น?

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status