สัมผัสได้ถึงความห่วงใยของไห่ถงที่มีต่อเขา จ้านหยินจึงพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นว่า "ฉันต้องไปกินเลี้ยงกับลูกค้าตอนกลางคืน ดังนั้นฉันกลับบ้านช้าหน่อย คุณไม่จำเป็นต้องรอฉัน นอนไปก่อนเลย แต่ไปนอนในห้องฉันนะ"พูดเสร็จ หน้าเขาก็ค่อยๆแดงเพราะนึกถึงตอนที่บอกว่าห้องของเขาเป็นพื้นที่ต้องห้าม และเธอไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปตอนนี้เขากำลังขอให้เธอเข้าไปในห้องนั้นไห่ถงพูด"โอเคค่ะ ฉันจะเปิดประตูไว้ให้คุณ รีบเข้าไปเถอะค่ะอย่ายืนตากลมหนาวอยู่เลย"จ้านหยินหันหลังกลับ และเข้าไปในบริษัทอย่างไม่เต็มใจไห่ถงมองดูรูปร่างอันน่ามองของเขาเดินห่างออกไปเรื่อยๆ ก่อนที่จะหันหลังกลับไปที่รถแล้วขับออกไปเมื่อเข้าในห้องทำงาน จ้านหยินเห็นซูหนานยืนยิ้มอยู่จ้านหยิน:......ไอ้คนขี้เม้าส์เขาเหลือบมองซูหนาน ก่อนจะเดินเข้าไปข้างในซูหนานไม่สนใจว่าเขาจะมองตัวเองอย่างไร เขาเดินตามไปและล้อเลียนที่หน้าลิฟต์: "จ้านหยิน ฉันเห็นแล้วว่าตอนนี้นายอยากหมากฝรั่งที่ติดหนึบพี่สะใภ้ทุกวัน"จ้านหยินกรอกตามองเขา "คนโสดไม่เข้าใจความรู้สึกถึงหวานๆ เลียนๆ ของฉันตอนนี้ได้หรอก"ซูหนาน “...”“คุณเซินรู้สึกไม่สบายเป็นหวัด หากนายว่างก็
"นายพูดว่ายังไง?"“ฉันจะพูดอะไรกับเขาได้ ฉันไม่สามารถบอกเขาไปเลยตรงๆ ว่าทายาทของเขาต้องการฉกผู้หญิงไปจากนาย? นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของนาย ดังนั้นายควรจัดการเอง ฉันจะขอให้เลขาจ้าวหาเวลาให้ นายพบกับประธานจาง”จ้านหยินพูดอย่างใจเย็น "ค่อยคุยกันหลังตรุษจีน ฉันต้องทำธุรกิจในอีกไม่กี่วันนี้"ซูหนานตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง สงสัยว่าตัวเองได้ยินผิด “นายอยากืำธุรกิจ? จะไปทำธุรกิจที่ไหน? นายยินดีที่จะแยกจากพี่สะใภ้? ความสัมพันธ์ของพวกนายไม่ได้กำลังดีขึ้นเหรอ”หลังจากเงียบสักพัก จ้านหยินก็พูดว่า "ถ้าฉันบอกนายเรื่องไปหมดไส้หมดพุง คนทั้งเมืองจะได้รู้ในไม่ช้าแน่นอน"นี่จะกลายเป็นข่าวซุบซิบในฐานะประมุขของข่าวซุบซิบ หูทั้งสองข้างของซูหนานผึ่งทันที ถามด้วยรอยยิ้มว่า “เรื่องอะไร?”“น้องสาวที่คุณนายซางตามหานั้นมีแนวโน้มสูงที่จะเป็นแม่ยายฉัน”ซูหนาน : “...นายมีแม่ยาย? ไม่สิ แม่ยายตายไปนานแล้วไม่ใช่เหรอ?”“แม่ยาฉันตายไปเป็นสิบปีแล้ว เแต่ธอก็มีพี่สาวอยู่ได้ไม่ใช่เหรอ?”ซูหนานสำลักเรื่องที่คุณนายซางตามหาน้องสาวนั้นเป็นที่รู้กันดีในหมู่ชนชั้นสูงของกวนเฉิงครั้งหนึ่งซางหวู่เหิงมาขอความช่วยเหลือจากนายน้อ
ถ้าไห่ถงรู้ตั้งแต่แรกว่า จ้านหยินเป็นนายน้อยคนของตระกูลจ้าน ไห่ถงคงจะไม่ยอมแต่งงานกับจ้านหยินแบบสายฟ้าแลบหรืออาจพูดได้ว่าตระกูลจ้านปิดบังตัวตนจาก ไห่ถง โดยเริ่มตั้งแต่คุณยายจ้านซูหนานพูดในใจ: ไม่มีใครในครอบครัวรู้ความจริงซึ่งมันไม่เหมือนกับการลักพาตัวหลานสะใภ้เมื่อคิดถึงว่าตัวเขาเองก็ยังไม่ได้สารภาพถึงสถานะที่แท้จริงกับเซินเสี่ยวจวิน จู่ๆ ซูหนานก็รู้สึกเสียใจและตัดสินใจจะบอกเซินเสี่ยวจวินในครั้งหน้าว่า จริงๆ แล้วเขาเป็นนายน้อยตระกูลซูเพื่อหลีกเลี่ยงการเดินตามรอยเท้าของจ้านหยิน“นายจัดการเองเลย ฉันไม่ใช่นายและฉันไม่สามารถตัดสินใจแทนนายได้ แต่พี่สะใภ้เป็นคนหัวแข็ง และถ้าจัดการได้ไม่ถูกต้อง คุณสองคนก็อาจกลายเป็นคนแปลกหน้ากัน"จ้านหยินหน้าซีดสิ่งที่เขากลัวก็คือไห่ถงจะจบความสัมพันธ์กับเขาดังนั้น เขาจึงคิดว่ารอจนความสัมพันธ์ลึกซึ้งมากขึ้นและเธอเริ่มลังเลที่จะแยกกับเขา ตอนนั้นคงจะเหมาะที่จะพูดความจริงจริงๆ แล้ว เขาเคยทดสอบปฎิกิริยาเธอมาก่อน แต่เธอไม่เชื่อว่าเขาเป็นเศรษฐีตอนนี้เขาพูดความจริงไป บางทีเธออาจจะเก็บข้าวของแล้วหนีไปก็ได้“อย่ากังวลมากไปเลย พี่สะใภ้ก็มีรู้สึกกับน
ที่จริงแล้ว เขาคิดว่าลงมือทำดีกว่าที่จะพูดการพิสูจน์ความรักที่เขามีต่อเธอด้วยการกระทำนั้นง่ายกว่าการคำพูดหวาน ๆ ที่ออกมาจากปากแน่นอนว่า ถ้าไห่ถงชอบฟังคำหวานๆ ไม่ว่าเขาจะเย็นชาแค่ไหนเขาก็เต็มใจที่จะเรียนรู้ซูหนานลุกขึ้นยืน เอนตัวไปและกระซิบกับเพื่อน "เรื่องของคุณเซิน"จ้านหยินค่อยๆ ผลักซูหนานออกไป หลังจากคุยกับไห่ถงทางโทรศัพท์ไปสักพัก ก็ช่วยซูหนานถาม "ถงถง คุณเซินจะกลับมาที่ร้านบ่ายนี้ไหม? เพื่อนร่วมงานของฉันกำลังเป็นห่างอาการป่วยของเธอและต้องการพบเธอ"ไห่ถงยิ้ม "เสี่ยวจวินยังไม่มา ฉันขอให้เธอพักผ่อนที่บ้าน รอให้ไข้ของเธอก็ลดลง แล้วก่อนค่อยมาที่ร้าน เพื่อนร่วมงานของคุณอยากเจอเธอ? แค่โทรหาเธอและนัดเธอออกมาก็ได้นะ"“คุณเซินไม่สบายและวันนี้ก็อากาศเย็นด้วย ถ้าเรียกเธออกมาแแล้วอาหารนักลงไปอีก เพื่อนร่วมงานของฉันก็จะตำหนิตัวเอง งั้นรอจนกว่าคุณเซินจะกลับมาทำงาน คุณส่งข้อความมาหาฉันและฉันจะบอกเพื่อนร่วมงานเอง”“โอเคค่ะ จ้านหยิน พวกเขามีความคืบหน้ากันไหมคะ?”ไห่ถงเป็นแม่สื่อครั้งแรก หวังว่าเธอจะเชื่อมด้ายแดงได้สำเสร็จ“คุณเซินมีความประทับใจที่ดีต่อเพื่อนร่วมงานของฉันหรือไม่? เธอยังไม
จ้านหยินหยิบถุงที่เลขาจ้าวส่งมาข้างในมีกล่องผ้ากำมะหยี่สีแดงสองกล่องเขาหยิบออกมาหนึ่งกล่องซูหนานไม่ใช่คนโง่ เขาเข้าใจดีว่าหคุณยายจ้านเอาของดี ๆ ออกมาจากคลังสมบัติส่วนตัว เพื่อให้จ้านหยินเอาชนะใจไห่ถงเขาอิจฉาจ้านหยินที่มีคุณยายที่ดี และกังวลเกี่ยวกับการแต่งงานของจ้านหยินยิ่งไปกว่านั้น คุณยายยังเป็นผู้อาวุสโสของตระกูลจ้าน ซึ่งทุกคนต่างก็เคารพ เธอจัดการให้จ้านหยินแต่งงานกับไห่ถงก็ไม่มีใครหยุดเธอได้ยายแบบนี้ ซูหนานก็อยากมีบ้างน่าเสียดายที่คุณยายเขาจากไปแล้ว"ฉันกลับไปทำงานต่อ"ซูหนานไม่อยากถูกเพื่อนๆ กระตุ้นต่อมอิจฉาอีก เพราะเรื่องบางอย่างเขา ไม่สามารถอิจฉาได้จริงๆเขาลุกขึ้นยืนและเดินออกจากห้องทำงานของประธาน พร้อมกับเลขาจ้าวจ้านหยินมองไปที่แหวนเพชรสองวงที่คุณยายส่งมาให้ เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาคุณยาย แล้วพูดอว่า “คุณยาย ฉันจะจ่ายค่าแหวนเพชรสองวงนี้ให้เอง และเพื่อใช้เป็นแหวนแต่งงาน จะคุณยายมอบให้ง่ายๆ ได้อย่างไร”คุณยายจ้านยิ้ม "ก็ได้นะ พวกเราเป็นยายหลานกัน งั้นยายจะให้ราคาที่ถูกๆ นะ หลานจ่ายให้ค่าแหวนเพชรมาแต่ละวงละได้ 5 บาท และต้องจ่ายให้ยายทั้งหมด 10 บาท""คุณยาย!"
พ่อโจวในใจคิดอย่างชัดเจนว่าจะต้องหย่ากับไห่หลิงอย่างแน่นอนแม่โจวหยิบชามและตะเกียบออกมา ช่วยลูกชายตักอาหารอีกด้วย “ลูกไม่ได้บอกแม่ล่วงหน้าเลยมไม่ได้ทำอาหารให้ เลยเหลือข้าวอยู่ชามเดียว เดิมทีเก็บไว้ให้หมากินก็เอามาให้ ถ้ากินไม่พอ แม่จะไปทำบะหมี่ให้”"แม่ ฉันกินข้าวถ้วยเดียวก็อิ่มแล้ว"ตั้งแต่ที่เข้ามา โจวหงหลินอนุญาตให้แม่นำชามและตะเกียบมาให้ ช่วยตักอาหารให้เขา ดังนั้นเริ่มคุ้นเคยกับพฤติกรรมของแม่หลังจากที่ทั้งสามคนกินอาหารเสร็จแล้ว โจวหงหลินก็ยื่นซองเอกสารสีเหลืองให้พ่อก่อน"อะไร?"พ่อไม่ค่อยจะเชื่อ จึงเอื้อมมือไปหยิบซองเอกสาร เปิดมันแล้วหยิบกระดาษและรูปถ่ายออกมาจากด้านในแม่โจวก็ขยับมาดูด้วยขณะที่พวกเขากำลังดูก็ขมวดคิ้ว“หงหลิน ลูกมีเงินมากมายขนาดนั้นเลยเหรอ?” แม่โจวตกใจมากที่ลูกชายมีเงินเยอะขนาดนั้นพ่อโจวขมวดคิ้วและถามลูกชายว่า “เป็นเงินไห่หลิงให้แก?”โจวหงหลินพยักหน้า“เธออยากทำอะไร?”“เธอรู้ทรัพย์สินของฉันทั้งหมดแล้ว และด้วยหลักฐานนี้ เธอจะฟ้องหย่า ดังนั้นต้องแบ่งทรัพย์สินให้เธอเท่า ๆ กัน”พ่อโจวมีสีหน้าน่าเกียจแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วลูกชายมีเงินมากแค่ไหน
“เป็นเด็กทะเลาะกันและมันก็เป็นอุบัติเหตุด้วยซ้ำ ถ้าเอา หยางหยางมาให้พวกเราในอนาคต ก็จะดูแลเขาอย่างดีอย่างแน่นอนและจะไม่ปล่อยให้เขาถูกรังแกอีก”แม่โจวเจ็บปวดหัวใจ"หงหลินไม่ต้องหย่าแล้ว แม่ทำใจไม่ได้"เธอคิดไม่ถึงว่าแค่เด็กทะเลาะกัน จะส่งผลต่อสิทธิ์การเลี้ยงดูหลานชายด้วยเธอแก่ขนาดนี้แล้ว ยังไม่เคยเห็นใครฟ้องหย่ามาก่อนเลย คนรอบตัวที่หย่าก็ให้ผู้หญิงเก็บข้าวของและออกจากบ้านไป ส่วนบ้าน รถ และลูกๆ เป็นของผู้ชาย“ก็แค่เด็กทะเลาะกัน แต่ยังแสดงให้คนอื่นเห็นว่าหยางหยางอยู่กับพวกเรานั้น มันจะไม่เอื้อต่อการเติบโตของหยางหยาง”โจวหงหลินค่อยๆ เกลี้ยกล่อมพ่อแม่อย่างอดทนว่า “แม่ ฉันไม่ได้รักไห่หลิงแล้ว ส่วนไห่หลิงก็ยอมแพ้ในตัวฉันแล้ว ยุยังไงก็ไม่ขึ้นหรอก ถ้าทำแบบนี้ต่อไปก็มีแต่เจ็บกับเจ็บ นอกจากนี้ไห่หลิงเต็มใจหย่าร้าง ซึ่งเรื่องนี้ได้รับการตัดสินแล้ว”“ฉันก็ตัดสินใจแล้ว แค่กลับมาบอกพ่อแม่เท่านั้น”เย่เจียนีพูดถูก นี่เป็นเรื่องระหว่างเขากับไห่หลิง และเขาได้ตัดสินใจแล้วแค่มาบอกพ่อแม่เท่านั้นแม่โจวกำลังจะร้องไห้ เธอตีสามี "ตาเฒ่า ช่วยพูดอะไรหน่อยเถอะ ไม่ได้แล้ว ฉันต้องโทรหาหงหยิงและขอให้เธอมา
แม่โจวหยิบสัญญาหย่ามาอ่านอีกครั้ง และทุกครั้งที่เธอเห็นเงินจำนวนหนึ่งที่ต้องแบ่งออกเป็นไห่หลิง เธอก็รู้สึกเจ็บปวดว "บอกว่าแบ่งเท่า ๆ กัน จำนวนนี้แน่ใช่ไหม?"“ทั้งบ้านและรถ ไห่หลิงไม่ต้องการ ดังนั้นฉันต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูให้เธอเพิ่ม และเมื่อรวมเข้าด้วยกันแล้ว ก็คือจำนวนเงินนั่น”แม่โจว: “...แล้วค่าตกแต่งบ้านล่ะ?”โจวหงหลินตอบว่า "ไม่รวมอยู่ในเนื้อหา ฉันบอกเธอแล้วว่าจะไม่คืนให้เธอ"แม่โจวรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย และพูดต่อว่า "ของตกแต่งมีราคาหลายแสนด้วย เธอไม่ได้ขอค่าตกแต่งคืนจากแกอีก และพวกเราก็ไม่ขาดทุนแล้ว"ไม่เจ็บใจเท่าไหร่แล้ว“หงลิน ไห่หลิงรวบรวมหลักฐานหล่านี้ได้อย่างไร?” พ่อโจวรู้สึกว่าลูกสะใภ้ไม่ได้มีความสามารถขนาดนี้ “มีคนช่วยเธอหรือเปล่า?”“ฉันถามเธอแล้ว แต่เธอไม่ยอมบอก และฉันก็ไม่รู้ว่าใครช่วยเธอด้วย คนที่ทำสิ่งนี้ได้มีอำนาจมาก และสำหรับฉันก็เหมือนระเบิดเวลา พ่อ ฉันกลัวจึงยอมประนีประนอม” "แม่โจวก็พูดออกมา หลังจากที่คิดทบทวนแล้วว่า "อาจเป็นไห่ถงและสามีที่ช่วย?"“ตอนที่หยางหยางประสบอุบัติเหตุ ไห่หลิงไม่ได้นำหลักฐานเหล่านี้ออกมาด้วยซ้ำ ซึ่งบ่งชี้ว่าเธอไม่มีหลักฐานเหล่านั้นในต