ในใจของโจวหงอิงว่าเธอกำลังทำสิ่งที่ผิดจรรยาบรรณไม่ว่าผู้หญิงจะมีเรียนสูงแค่ไหน เมื่อแต่งงาน มีลูก ติดอยู่ในความสัมพันธ์ของการแต่งงาน ก็จะติดอยู่ในความรู้สึก และกลายเป็นคนที่โกรธได้ง่าย“พี่ ฉันบอกเธอแล้ว แต่เธอไม่ช่วย”ตอนนี้โจวหงหลินไม่กล้าแบกหน้า เพื่อรับปากอีกแล้วตั้งแต่เหตุการณ์ความรุนแรงในครอบครัวก่อนหน้านี้ ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ก็ไม่เคยกลับมาเหมือนแต่ก่อนเขามีเย่เจียนีแล้ว เแค่ต้องโอ๋คนรักของเขาที่อยู่นอกบ้าน ดังนั้นเขาขี้เกียจเกินกว่าที่จะใช้เวลาเพื่อโอ๋เมียที่บ้านอีกไห่หลิงก็ดื้อรั้นเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาจะก้มหัวไปแล้ว แต่รอบนี้เขาปฏิเสธที่จะก้มหัวอีกดังนั้นทั้งคู่จึงยังเมินเฉยกันอยู่เช่นนี้อาศับอยู่ด้วยกัน นอนแยกห้อง ต่างใช้ชีวิตของตัวเอง ทั้งสองไม่อยากพูดคุยกันด้วยซ้ำ ยกเว้นเรื่องของลูก“เธอปฏิเสธที่จะช่วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างนั้นเหรอ? ไม่ใช่ว่าฉันขอให้เธอช่วยเปล่าๆ ซะหน่อย ฉันให้เงินเธออีกเดือนละ5000 บาทด้วยซ้ำ ตอนนี้เธอไม่มีแหล่งรายได้แล้ว 5000 บาทนี้ก็ถือว่ามากแล้วสำหรับเธอ”ถ้าไม่ใช่เพราะน้องชายและภรรยาเคยทะเลาะกัน เธอคงไปหาเรื่องทะเลาะแล้ว แต่เพื่อ
เสียงของโจวหงอิงยิ่งพูดเบาลง: "เธอใช้เงินนิดๆ หน่อยๆ เพื่อซื้อของขวัญเล็กๆ ให้กับเธอ และเกลี้ยกล่อมเธอหน่อน แล้วทุกอย่างจะคลี่คลายเอง"“ไม่ว่ายังไง เธอก็เป็นแม่ที่ให้กำเนิดขอหยางหยาง เพื่อเห็นแก่ หยางหยาง และเพื่อเห็นแก่หลานชายและหลานสาวที่ต้องการใครสักคนมาดูแลพวกเขานั้น เธอต้องยอมลดทิฐิลงและเกลี้ยกล่อมเธอ สุภาพบุรุษสามารถที่งอได้และยืดหยุ่นได้ "แม่โจวก็เข้ามาด้วย เพิ่มเติมคำพูดของลูกสาว และกระซิบกับลูกชาย: "หงลิน เพื่อเห็นแก่หยางหยาง แกสองคนยังต้องอยู่ต่อด้วยกันต่อไป เชื่อฟังพี่สาวแกนะ ซื้อของขวัญไปให้ไห่หลิงและ เกลี้ยกล่อมเธอซะ”“ลองคิดดูว่า เมื่อก่อนเธอดูแลแกได้ดีขนาดไหน แล้วตอนนี้แกเป็นยังไงบ้าง? มันจะไม่เสียเปรียบอะไรหรอกหากแกยอมลดทิฐิลง”คราวนี้แม่เข้ามาออกหน้า เพราะห็นว่าลูกชายไม่สามารถทำตัวเป็นหัวหน้าครอบครัวได้ และสั่งลูกสะใภ้ไม่ได้อีกต่อไป ก็รู้สึกเจ็บใจกับลูกชายมากแต่ทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากการยุยงตัวเธอและลูกสาวหากพวกเขาไม่ได้ยุยงให้ลูกชายและไห่หลิงใช้วิธีการ AA ไห่หลิงก็จะแข็งกระด้างและจุกจิกมาก“เอางี้ไหม แม่กับพ่อก็มาที่นี่ด้วย มาอยู่ที่นี่กับแก และช่วยรับและส่งเด
จากนั้นเขาก็พูดกับแม่อีกครั้งว่า “ตอนแม่กับพี่ไปชอปปิ้ง ถ้าเห็นอะไรถูกใจก็ซื้อมาเลย”เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา เปิด WeChat แล้วโอนเงิน 25,000 บาทให้แม่เพื่อที่จะได้ไปชอปปิ้ง“อืม แม่กับพี่อีกสักพักจะไปชอปปิ้งกัน และซื้อเสื้อผ้าใหม่ แกรับไปทำงานเร็ว ๆ และอย่าลืมกลับมาบ้านเร็วๆ ด้วยหลังเลิกงาน”แม่ขโจวส่งลูกชายออกไป ขยิบตาให้และเตือนให้ว่าอย่าลืมซื้อของขวัญให้ไห่หลิงหลังเลิกงานด้วยไห่หลิงเข็นรถเข็นเด็ก อุ้มลูกชายขึ้นมานั่งบนรถเข็นแล้วพูดอย่างใจเย็น: "ฉันจะพาหยางหยางไปเดินเล่นข้างล่าง""ไปเถอะ"แม่โจวยิ้มด้วยความรักไห่หลิงพยายามตั้งสติแม่สามีทำหน้าตาแบบนี้ ต้องมีเรื่องพยายามหลอกเธอแน่ ๆ พูดให้ถูกคือแม่กับพี่สะใภ้มีเรื่องต้องรบกวนเธออีกใช่ไหม?ไม่ว่าพวกเขาจะร้องขออะไร เธอก็จะไม่ยอมตกลงเมื่อคิดเช่นนี้ ไห่หลิงก็ขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับพวกเขาอีก จึงเข็นลูกชายออกไปในอีกด้านหนึ่ง ไห่ถงทำงานเสร็จแล้วและทานอาหารเย็นแล้ว เซินเสี่ยวจวินกลับบ้านไป ตอนนี้เธอกำลังแพ็คไหมพรมถักเข้ากล่องพัสดุ และโทรหาไปรษณีย์ เพื่อให้ส่งคนมารับพัสดุไปหลังจากจัดส่งไหมพรมถักที่ต้องส่งให้กับลูกค้าทั้งหมด
ถังจวินเย่ก็หันหน้าไปมองไห่ถง ที่เดินหนีไปจากพวกเธอ "ผู้หญิงคนนั้นยิ้มให้พวกเราเหรแ? ฉันไม่รู้จักเธอ"“บางทีฉันอาจเข้าใจผิดไปเอง เธอไม่ได้ยิ้มให้พวกเรา”เพื่อนของถังจวินเย่ ไม่ได้คิดอะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนี้เธอหันศีรษะและมองไปรอบ ๆ เมื่อเห็นว่าไห่ถงเดินออกไปแล้วจึงพูดด้วยรอยยิ้ม: "ฉันมองผิดไปจริงๆ""ผู้หญิงคนนั้นสวยมาก นิสัยก็ไม่เลว ฉันใช้สองตามองก็จําไม่ได้ว่าเธอลูกท่านหลานเธอของตระกูลไหน คิดว่าเธอรู้จักซะอีก" เพื่อน ๆ ล้อเลียนถังจุนเย่ "พวกเราเป็นเซเลบในกวนเฉิง เมื่อเห็นเธอก็ยิ้มให้ไง"ถังจวินเย่มีลูกชายสามคน คนที่มีชื่อเสียงที่สุดคือลูกชายคนโตซึ่งเป็นประธานของจ้านซื่อกรุ๊ป และมีตำแหน่งที่สำคัญที่สุดในตระกูลจ้าน รองหนือจากคุณยายจ้านผู้ชายทุกคนในตระกูลจ้านเป็นดังพญาเหยี่ยว ยกเว้นสองคนที่อายุน้อยที่สุด คนหนึ่งยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลาย และอีกคนเพิ่งโตเป็นผู้ใหญ่และไม่ถึงวัยแต่งงาน ส่วนนายน้อยอีกเจ็ดคนล้วนอยู่ในวัยที่สามารถแต่งงานได้แล้วในส่วนของตระกูลจ้าน ก็ยังเป็นผู้ชายที่ร่ำรวยที่สุดในกวนเฉิงซึ่งเป็นตระกูลที่ร่ำรวยอย่างแท้จริงใครบ้างจะไม่อยากแต่งงานกับตระกูลจ้าน แล้วกลายเป
ไห่ถงเข้าใจท่าทีของแม่สามีที่ทำเป็นไม่รู้จักเธอ และไม่ได้ใส่ใจเธอเดินกลับไปยังจุดที่เธอจอดรถไว้ ปลดล็อคประตูรถ และวางเสื้อผ้าที่เธอซื้อให้จ้านหยินไว้บนที่นั่งผู้โดยสาร จากนั้นจึงขับรถออกไปหลังจากนั้นไม่นานก็กลับมาหมิงหยวนฮวา การ์เด้น แต่จ้านหยินยังไม่กลับมา ดังนั้นเธอจึงเดินไปที่ระเบียงดอกไม้ของเธอดอกกุหลาบบานเยอะเกินไป เธอจึงนำกรรไกรมาตกแต่งกิ่งไม้มาเพื่อตัดสองสามกิ่ง เธอทำใจไม่ได้ที่จะทิ้งกิ่งไป เธอจึงนำกลับมาที่ห้องนั่งเล่น และตัดแต่งเพื่อใส่ในแจกัน"ตื๊ด ๆ ๆ ๆ..."โทรศัพท์มือถือของไห่ถงดังขึ้นเธอรับโทรศัพท์และเป็นเจ้าของร้านข้างๆ ของร้านของเธอ เธอออกไปช้อปปิ้งซื้อเสื้อผ้าให้จ้านหยิน จึงไม่สะดวกที่จะพาสัตว์เลี้ยงไปด้วย เธอจึงขอให้เจ้าของร้านข้างๆ ช่วยดูแลสัตว์เลี้ยงของเธอ“ลุงเจิ้ง หนูลืมเรื่องนี้ไปเลยค่ะ หนูขอโทษค่ะ เดี๋ยวจะไปรับพวกเขาตอนนี้ค่ะ”หากไห่ถงไม่ได้รับสาย เธอคงลืมเรื่องสัตว์เลี้ยงของเธอไปแล้วขอโทษได้ไหม เธอยุ่งมาก และเพิ่งจะเคยมีสัตว์เลี้ยง ดังนั้นจึงยังไม่ชินกับพวกมัน ก็เลยลืมเรื่องสุนัขและแมวไป“ไห่ถง ฉันจะช่วยหนูเอาพวกมันไปที่ประตูหน้าหมู่บ้านของหนูแล้ว
ลุงเจิ้งพูดเช่นนั้น ไห่ถงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากพูดว่า: "ลุงเจิ้ง ขี่รถช้าๆ นะคะ"ลุงเจิ้งมาที่นี่ด้วยรถซาเล้งลุงเจิ้งยิ้ม โบกมือให้และขี่รถซาเล้งออกไปหลังจากที่ลุงเจิ้งจากไปแล้ว ไห่ถงก็โทรหาจ้านหยิน"มีอะไร?"เสียงทุ้มต่ำของจ้านหยินตอบกลับ“คุณจ้านจะใกล้เลิกงานแล้วใช่ไหมคะ?”จ้านหยินเงียบไปสักพัก ใจของเขาเต้นรัว เธอคิดถึงเขาหรือเปล่า?ไม่ช้า จ้านหยินก็ปฏิเสธคำตอบนี้ไป เป็นไปไม่ได้ที่ไห่ถงจะคิดถึงเขาช่วงนี้เขาเป็นคนคิดมากไปหน่อย"มีอะไรหรือเปล่า?"จ้านหยินไม่ตอบออกไปตรงๆ ต้องการทราบเหตุผลว่าทำไมเธอถึงถามเขาว่า จะเลิกงานเมื่อใดก่อนจะตอบ“คือว่าฉันรีบลืมกุญแจไว้ในบ้านค่ะ และปิดประตูแล้ว ตอนนี้ฉันเข้าบ้านไม่ได้ ถ้าคุณทำงานล่วงเวลาอยู่ ฉันจะนั่งแท็กซี่ไปบริษัทของคุณเพื่อไปเอากุญแจตอนนี้ หรือถ้าใกล้จะเลิกงานแล้ว ฉันจะรออยู่ที่ประตูบ้าน”หลังจากคิดทบทวนอยู่ครู่หนึ่ง จ้านหยินก็พูดว่า "ฉันจะกลับแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องนั่งแท็กซี่มา"“โอเค งั้นฉันจะรอคุณที่ประตูบ้านค่ะ”จ้านหยินตอบอืมกลับ และวางสายโทรศัพท์หลังจากที่ซูหนานได้ยินจ้านหยินพูดแบบนั้น ก็รู้ว่าตัวเองต้องไปหารือความร่
“เซอร์ไพรส์คุณ”จ้านหยินถุงมาแล้วดู "เสื้อผ้าอีกแล้วเหรอ?"เขาหยิบเสื้อผ้าออกมาเพื่อดู คราวนี้ เธอใจปล้ำมากขึ้นและซื้อแบรนด์เนมให้ทั้งหมด“ฉันไม่มีประสบการณ์ในการให้ของขวัญกับผู้ชาย เลยเตรียมเซอร์ไพรส์ใหญ่ๆ ให้ไม่ได้ ก็เลยทำได้แต่เซอร์ไพรส์เล็กๆ แบบนี้ เสื้อผ้าที่ฉันให้คุณที่ดแล้วไม่แพงเลย ชุดละ 5000 กว่าบาท ครั้งนี้ฉันซื้อแบรนด์ดังให้คุณ ชุดหนึ่งราคามากกว่า 50,000 บาท”“ตอนใส่ดูเหมือนตัวจะถูกปกคลุมไปด้วยเงินอย่างนั้นแหละ นั่นไม่เซอร์ไพส์เลยเหรอ? ฉันโตขนาดนี้แล้วยังไม่เหมาะกับเสื้อผ้าแพงๆ เลย”จ้านหยินยิ้ม "ด้วยนิสัยและรายได้ของคุณ เป็นเรื่องน่าประหลาดใจจริงๆ ที่คุณยอมซื้อเสื้อผ้าราคาแพงเช่นนี้ให้ฉัน"เปรียบเทียบกับเสื้อผ้าครั้งที่แล้วที่ซื้อให้เขาไม่รู้ว่าดีกว่ากี่เท่าอืม ก็เป็นเรื่องน่าประหลาดใจจริงๆ“ขอบคุณที่ช่วยพี่ฉันรวบรวมหลักฐานการนอกใจของโจวหงหลิน”“แค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ พี่คุณก็เป็นพี่ฉันด้วย มันเป็นเรื่องปกติสำหรับฉันที่จะช่วยเหลือพี่ฉัน คุณเกรงใจเกินไปและยังซื้อเสื้อผ้าให้ฉันเป็นของขวัญแทนคำขอบคุณอีก”ไม่น่าแปลกใจเลยที่จู่ๆ ก็ซื้อเสื้อผ้าให้เขาอีก กลับกลายเป็นว่าต้
หลังจากที่แม่และลูกชายวางสายกันไปแล้ว จ้านหยินก็ขมวดคิ้วและคิดทบทวนอยู่ครู่หนึ่ง แล้วไปถามหญิงสาวที่กำลังนั่งพร้อมอุ้มลูกแมวบนเก้าอี้ชิงช้าที่ระเบียงว่า "คุณได้ไปพบกับแม่ของฉั นโดยที่ฉันไม่รู้หรือเปล่า?"ไห่ถงตกตะลึงเธอไม่ได้พูดอะไรถึงเรื่องที่ได้เจอกับแม่สามีโดยบังเอิญ แต่เขารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?จ้านหยินออกมาและยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ดวงตาสีเข้มของเขาจับจ้องไปที่ใบหน้าที่สวยงามของเธอ แล้วถามอีกครั้ง: "วันนี้คุณเจอแม่ของฉันหรือเปล่า?"เมื่อเห็นว่าเขายังคงถือโทรศัพท์อยู่ในมือ ไห่ถงคิดว่าคงเป็นแม่สามีที่โทรมาพูดอะไรสักอย่างกับเขา จึงรีบอธิบายออกไป: "ตอนที่ฉันกำลังซื้อเสื้อผ้าให้คุณ ฉันบังเอิญไปเจอคุณแม่ ฉันอยากจะทักทายท่าน แต่บางทีคุณแม่อาจจะจำฉันไม่ได้ เธอเลยเดินจากไปพร้อมคุยหัวเราะกับเพื่อนๆ ฉันจึงไม่ได้ทักทาย”จ้านหยินเป็นคนฉลาดมากแถมยังเป็นแม่ของเขาด้วย แม้ว่าเขาจะถูกเลี้ยงดูมาโดยปู่กับย่า แต่เขาก็ไม่ได้ห่างเหินกับพ่อแม่ของเขา และมีความสัมพันธ์ที่กลมกลืนกันเขารู้จักแม่ของตัวเองเป็นอย่างดีแม่ของเขาไม่อยากให้ใครรู้ว่าไห่ถงเป็นลูกสะใภ้ ข้อแรก เธอช่วยปิดบังความจริงที่เขาแต่งงาน