วิลล่าห่าวถิงเป็นเขตวิลล่าระดับหรูของกวนเฉิง คนที่อาศัยอยู่ที่นี่เป็นเศรษฐีก่อนที่จ้านหยินและไห่ถงจะได้จดทะเบียนสมรส เขากลับไปอยู่ที่นี่เกือบทุกวัน และบางครั้งคราวเท่านั้นที่จะกลับไปที่บ้านเก่าเพื่อใช้เวลาร่วมกับผู้อาวุโสวิลล่าที่เขาอาศัยอยู่เดิมเป็นวิลล่าเล็ก ๆ หลายหลังรวมกัน หลังจากที่เขาซื้อมา เขาจึงสั่งทุบวิลล่าเล็กๆ เพื่อสร้างวิลล่าหลังใหญ่ขึ้นใหม่ มีทั้งสวนด้านหน้าและด้านหลัง แม้ว่าจะไม่ได้มีขนาดใหญ่เท่ากับบ้านเก่า แต่เขาอาศัยอยู่แค่คนเดียวก็กว้างขวางมากแล้วลุงหมิง พ่อบ้านรู้ว่าจะกลับมาที่นี่ และกลับมาทั้งที่ท้องหิวอยู่ จึงขอให้ทางห้องครัวเตรียมอาหารกลางวันไว้ล่วงหน้าจ้านหยินตื่นสาย ตอนนี้เลยกินอาหารกลางวันรวมกับอาหารเช้ากลับบ้านมายังหลังเล็ก ๆ ที่เขาคุ้นเคย หลังจากที่กินและดื่มจนอิ่มแล้ว อารมณ์ที่ไม่ดีของจ้าหยินก็ดีขึ้นเล็กน้อยนั่งบนโซฟา เขาโทรศัพท์หาซูหนานซูหนานยังไม่ตื่น เมื่อวานเขาและลู่ตงหมิงยอมเป็นเพื่อนปรับทุกข์ดื่มเหล้ากับจ้านหยิน จ้านหยินคอแข็ง เขาไม่ได้เมามาก แต่ซูหนานเมาจนต้องให้คนของโรงแรมไปส่งเขากลับบ้านฃลู่ตงหมิงคอแข็งมากกว่าจ้านหยิน เขาไม่เมาเลย แต่
เมื่อนั่งมองแล้ว เธอง่วงนอนจึงพิงเก้าอี้ชิงช้า คิดว่าอยากงีบหลับสักสองนาที แต่พองีบหลับไปก็นอนยาวจนถึงตีห้ากว่า ๆ เมื่อตื่นขึ้นมา ท้องฟ้าก็เกือบจะสว่างแล้วเธอนอนอยู่นอกระเบียงหนึ่งคืนเต็มเมื่อสะดุ้งตื่นขึ้นมา ไห่ถงก็รู้ว่าจ้านหยินไม่ได้กลับบ้านมาตลอดทั้งคืนเมื่อคืน ไม่อย่างงั้นเขาคงปลุกเธอแล้วผู้ชายคนนั้น แม้จะเย็นชาแต่ไม่ได้แปลว่าหัวใจจะเย็นชา แต่กับเธอมากเขาใจดี มอบทุกสิ่งทุกอย่างที่ภรรยาควรมีให้เธอลุกขึ้นจากเก้าอี้ชิงช้า กลับไปที่ห้องนั่งเล่น เปิดไฟและเห็นไหมพรมถักสองชิ้นที่นํากลับมายังคงวางอยู่บนโต๊ะหน้าโซฟาที่เดิน ไห่ถงเงียบอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเดินไปที่ห้องของหยินจ้านประตูถูกล็อคไว้ เธอไม่มีกุญแจจึงไม่สามารถเปิดประตูได้เขาคงไม่ได้กลับมาหรอกมั้งวันนี้เป็นวันจันทร์ เริ่มต้นสัปดาห์ใหม่แม้ว่าจ้านหยินจะไม่กลับบ้านมาทั้งคืน และไห่ถงก็ไม่ได้โทรหาเขาแต่อย่างใด เขายังคงโกรธเธอ ทําไมเธอต้องหาเหาใส่หัวด้วย?กล้าพูดเลยว่า ถ้าเธอโทรหาเขา เขาไม่รับสายแน่นอนจ้านหยินไม่อยู่บ้าน ไห่ถงก็ไม่ได้กินอาหารเช้าที่บ้าน รอจนฟ้าสาง เธอถือกุญแจรถลงไปชั้นล่าง ตั้งใจจะออกหาอาหารเช้ากินข้างน
โจวหงหลินหันหน้าไปดูในบ้าน เขากลับมาด้วยตัวเองเมื่อคืนถูกพ่อแม่และพี่สาวแนะนำมา ดังนั้นเขาถึงกลับมาเอง ไม่อย่างงั้นเขาคงยังอยากอยู่บ้านพ่อแม่อีกสักสองสามวัน และสามารถกระหนุงกระหนิงกับเย่เจียนีได้ต่อไปอย่างไร้ยางอายปกติแล้วไห่หลิงจะไม่ไปบ้านพ่อแม่ของสามี ทุกครั้งที่มามักจะถูกแม่สามีและพี่สะใภ้ตำหนิต่อว่าหลายครั้ง จนเธอรู้สึกรําคาญในใจ ถ้าไม่มีเรื่องอะไรก็จะไม่ไปบ้านพ่อแม่สามี โจวหงหลินจึงกล้าออกหน้าออกตากระหนุงกระหนิงกับเย่เจียนีอย่างไม่อายฟ้าไม่อายดินหลายวันที่เขาลาพักฟื้นอยู่ที่บ้าน เย่เจียนีจะมาดูแลเขาทันทีหลังเลิกงาน ซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหารให้เขา ซื้ออาหารอร่อย ๆ มามากมาย ดังนั้นความรู้สึกของทั้งสองจึงพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ถ้าไม่ใช่เพราะเย่เจียนียืนยันที่จะรอเขาหย่าก่อน และไม่ยอมปล่อยไปตามอารมณ์ ไม่อย่างนั้นพวกเขาสองคนคงอยู่ร่วมชายคากันแล้วแม้ว่าจะยังจะไม่ได้เห็นขาอ่อน แต่โจวหงหลินก็ดีกับเย่เจียนีมากกว่าอะไรที่ได้มายาก มักจะดีที่สุดเย่เจียนีเข้าใจเหตุผลนี้เป็นอย่างดี แม้ว่าเธอจะสนิทกับโจวหงหลินเหมือนสามีภรรยาแล้ว แต่เธอก็คงเว้นระยะห่างไว้อยู่ เพื่อไม่ให้โจวหงหลินได้ครอบคร
ไห่หลิงพูดว่า "ไม่กินอาหารเช้าก่อน แล้วค่อยไป?""ไม่ต้องล่ะ ผมจะไปซื้อข้าวข้างนอกสักชุดก็พอ ตอนเที่ยงผมมีนัดกินข้าว กลับมากินข้าวไม่ได้ คุณกินหยางหยางเถอะ"เมื่อเห็นว่าไห่หลิงแค่ถามและไม่ได้ช่วยเขาหยิบเสื้อโค้ท ถือกระเป๋ามาให้ แล้วออกไปส่งเขาเหมือนส่งฮ่องเต้อย่างแต่ก่อน โจวหงหลินก็รู้สึกไม่พอใจ และรู้สึกว่าไห่หลิงกินของของเขา อาศัยอยู่ในบ้านของเขา แต่ไม่ปรนนิบัติเขาเลยพี่สาวของเขากับพี่เขยนั้นยอดเยี่ยมมาก อาจพูดได้ว่าพี่เขยได้รับการปรนนิบัติดุจฮ่องเต้ แถมพี่สาวก็ยังทํางานหาเงินอีกไห่หลิงอะไรก็ไม่ทำ และยังทำกับเขาไม่ดีอีกเธอไม่สามารถตำหนิได้ว่าเขาที่ไม่รักเธออีกต่อไป เพราะตัวเธอเองก็ยังไม่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมโจวหงหลินค้นพบเหตุผลที่สมเหตุสมผลแล้ว สําหรับการนอกใจของเขาเขาไปหยิบเสื้อสูท กระเป๋า และกุญแจรถมาเอง และพูดกับลูกชายอีกครั้งว่า "หยางหยาง พ่อไปทํางานก่อนนะ บ๊ายบาย"รอจนลูกชายโบกมือเล็ก ๆ กลับมาก่อน เขาถึงจะจากไปพอออกจากบ้าน เขาก็ขับรถตรงไปที่โรงแรมกวนเฉิงทันทีไม่คิดว่า เย่เจียนีจะรอเขาอยู่ที่โรงแรมกวนเฉิง"ผู้จัดการโจวคะ"ชุดทำงานของเย่เจียนี แม้จะดูอายุน้อย แต่
"หลังแต่งงาน เธอไม่ได้ทํางาน ไม่มีรายได้ อาศัยผมเลี้ยงดู ของที่อยู่ในบ้านซื้อทุกอย่างด้วยเงินของผม เธอมีคุณสมบัติอะไรที่จะแบ่งแยกทรัพย์สินกับผม" โจวหงหลินคุยโว "ตราบใดที่ผมหย่ากับเธอ เธอจะออกจากบ้านไปตัวเปล่าอย่างแน่นอน ไม่ได้อะไรไปเลยสักอย่าง"ครั้งสุดท้ายที่ไห่หลิงบอกเขาว่า ถ้าต้องการจะหย่า ต้องคืนเงินค่าตกแต่งให้เธอด้วยโจวหงหลินก็พูดแล้วว่า ถ้าจะเอาเงิน จะไม่ให้แม้แต่บาทเดียวตอนนี้ไม่หย่า เพราะเขายังคิดว่าลูกชายยังเล็กอยู่ และต้องการคนดูแลอย่างน้อยไห่หลิงกฌเป็นพี่เลี้ยงแบบฟรีๆ พี่เลี้ยงฟรีคนนี้ดูแลลูกชายอย่างดีที่สุด โดยเขาไม่ต้องกังวลว่าลูกชายจะถูกพี่เลี้ยงทารุณกรรมเลยสิ่งที่เย่เจียนีต้องการพูดคือเงินฝากของเขาก็เป็นทรัพย์สินหลังแต่งงานด้วย เมื่อไห่หลิงถูกฟ้องหย่า เธอสามารถขอแบ่งเงินฝากของเขาได้ครึ่งหนึ่ง แม้แต่เงินที่เขามักจะใช้กับเธออีกด้วย ถ้าไห่หลิงรู้และฟ้องร้อง เธอก็ต้องคืนเงินและสิ่งของเหล่านั้นให้กับไห่หลิงเมื่อนึกถึงไห่หลิงคนนั้น ตอนนี้โจวหงหลินเป็นผู้จัดการมีหน้ามีตาและมีเส้นสายอยู่บ้าง ถ้าในอนาคตจะหย่ากับไห่หลิงจริง ๆ ไห่หลิงก็สู้โจวหงหลินไม่ได้แน่นอน แต่เย่เจี
โจวหงหลินได้ยินว่าเป็นนายน้อยจ้าน สีหน้าก็เปลี่ยนฉับพลันทันที และพูดว่า "ไม่แปลกใจทีจะเล่นใหญ่ขนาดนั้น ที่แท้ก็คือนายน้อยจ้าน โอ้ น่าเสียดาย ถ้าฉันรู้ว่าเป็นเขา ต้องเบียดกันข้างหน้าไปชมเชยนายน้อยจ้านแน่ ๆ"ได้ยินมาว่านายน้อยจ้านหน้าตาหล่อเหลามากลุงคนนั้นเอียงมองมาที่โจวหงหลินและหัวเราะว่า "คุณก็หน้าตาไม่แย่ แต่ถ้าคุณเทียบกับนายน้อยจ้าน คุณจะแพ้ยับเยิบ"โจวหงหลิไม่โกรธ "ฉันจะกล้าเปรียบเทียบกับนายน้อยจ้านได้อย่างไร คนอย่างพวกเราที่อยู่ในกวนเฉิงที่สามารถเปรียบเทียบกับนายน้อยจ้านได้น่าคงจะเป็นประธานซางคนเดียว วันนี้ได้เจอกับนายน้อยจ้านโชคของฉันก็ไม่เลวนะ เดี๋ยวไปซื้อลอตเตอรี่สักใบดีกว่า ดูว่าฉันจะถูกรางวัลใหญ่ได้หรือไม่"คําพูดของโจวหงหลินทําให้ลุงคนนั้นหัวเราะออกมาเย่เจียนีมีสีหน้าอิจฉาริษยา หลังจากลุงคนนั้นจากไป เธอก็จูงแขนโจวหงหลินเดินเข้าไปที่ร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ของโรงแรม ปากของเธอพูดว่า "นายน้อยเป็นตัวละครที่ใช้ชีวิตเหมือนพระเจ้าในกวนเฉิง และไม่รู้ว่าผู้ชายแบบนี้ สาวสวยคนไหนจะสามารถพิชิตใจเขาได้ค่ะ"ตระกูลจ้านเป็นคนรวยที่สุดในกวนเฉิง นายน้อยจ้านเป็นผู้นำตระกูลในรุ่นนี้ ดูแลจ้านซื
โจวหงหลินนึกถึงครอบครัวของตระกูลจ้าน และฐานะของน้องสะใภ้ของเขา รู้สึกว่าถ้าจ้านหยินเป็นลูกชายคนโตของตระกูลจ้านจริง ต้องโชคดีมากไห่ถงค่อนข้างหน้าตาดี แต่สถานะของเธอในทุกด้านยังด้อยกว่าลูกสาวของตระกูลซางมาก นายน้อยจ้านไม่ชอบสาวของตระกูล ซาง แต่ชอบไห่ถงแทน?หลังจากการเปรียบเทียบเสร็จแล้ว โจวหงหลินก็ละทิ้งความคิดนี้ออกไป และคิดว่าตัวเขาเพ้อเจ้อเองไม่มีทางที่จ้านหยินจะเป็นนายน้อยคนโตของตระกูลจ้านอย่างแน่นอน!"ตาเบลอไปล่ะมั้ง พวกเราไปกินข้าวเช้ากันเถอะครับ"เย่เจียนีหวังว่าโจวหงหลินจะสามารถรู้จักกับนายน้อยจ้านได้ ด้วยวิธีนี้ที่เธอเกาะโจวหงหลินอยู่ ก็สามารถใช้ความสัมพันธ์ผ่านทางโจวหงหลิน เพื่อรู้จักกับนายน้อยจ้านได้ ไม่แน่ว่าอาจจะถูกให้เข้าสู่สังคมชั้นสูงก็ได้แต่เรื่องจริงตบเรียกสติเธออย่างแรง เพราะนั่นมันเป็นไปไม่ได้!เธออย่านอนฝันกลางวันดีกว่าการได้คว้าหัวใจของโจวหงหลินได้ ให้โจวหงหลินหย่าและแต่งงานกับเธอ นั้นเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้วของเธอ อย่าคิดอย่างอื่นอีกเลยจ้านหยินไม่ทันสังเกตเห็นโจวหงหลิน แต่อาชีเห็นเขาโชคดีที่โจวหงหลินไม่รู้จักบอดี้การ์ดที่อยู่ข้าง ๆ จ้านหยิน แต่ยั
ไห่หลิงไปหางานทำต่อไห่ถงพาหลานชายของเธอกลับไปที่ร้านเซินเสี่ยวจวินชอบโจวหยางมาก เธอเล่นกับโจวหยางเกือบตลอดเวลา ทำให้ไห่ถงมีเวลาถักไหมพรมของเธอได้เธอก็เตรียมทําเครื่องประดับศีรษะสไตล์วินเทจ เพื่อขายเองในร้านค้าออนไลน์ และจะดูว่ายอดขายเป็นอย่างไร และถ้ากระแสตอบรับดี เธอก็จะเปิดร้านค้าออนไลน์เพิ่มขึ้นภายใต้ผลกระทบของแพลทฟอร์มออนไลน์ การดําเนินธุรกิจของร้านค้าเป็นเรื่องยากมากตราบใดที่ร้านค้าออนไลน์สามารถทําเงินได้ ไห่ถงยินดีที่จะเปิดร้านค้าออนไลน์เพิ่มอีกเมื่อมาถึงตอนเที่ยง เซินเสี่ยวจวินถามเพื่อนว่า "ถงถง วันนี้คุณยังไปรับคนที่บ้านเธอมากินข้าวอยู่ไหม? ฉันจะไปเอาอาหารทะเลสดจากที่บ้านมา เราสามารถกินอาหารทะเลมื้อใหญ่ตอนเที่ยงกันได้นะ""ถ้าคุณจ้านมากินข้าวด้วย ฉันจะใส่ข้าวสารลงไปอีกหน่อย"เซินเสี่ยวจวินกำลังจะไปผัดผัก จึงถามเพื่อน กลัวข้าวสารที่จะใส่น้อยเกินไป ทำให้ไม่พอกิน"ถึงฉันจะเรียกเขามา เขาคงไม่มหรอก เสี่ยวจวิน ฉันกับจ้านหยินทำสงครามเย็นกันอยู่"ไห่ถงถักไหมพรมต้นไม้โชคลาภกระถางที่ลูกค้าจองไว้เสร็จแล้ว ก็หยุดถักชั่วคราวเมื่อได้ยินเข้า เสิ่นเสี่ยวจุนถามอย่างห่วงใยว่า "พ