"โอเค ตกลงตามนั้น ฉันมีความสุขจริงๆ ที่ได้เห็นคุณเมา ตื่นเต้นจริงๆ!"ประโยคหลังท้าย จ้านหยินพูดด้วยเสียงต่ำไห่ถง "....."เจ้าชายน้ำแข็งคนนี้เปลี่ยนไปมากจริงๆ ทำได้แม้แกล้งเธอทางโทรศัพท์"ทุกอย่างราบรื่นดีไหม? พวกเขาไม่ได้ก่อปัญหาอะไรอีกหรือเปล่า?"จ้านหยินยังคงจำพฤติกรรมอันต่ำช้าของย่าไห่ได้และกังวลว่าย่าไห่อาจจะอาละวาดเมื่อคิดว่าเขาได้จัดบอดี้การ์ดให้ติดตามไห่ถง รวมถึงทนายความและคนอื่นๆ และว่าไห่ทงมีทักษะกังฟู จ้านหยินจึงไม่กังวลอีกต่อไป"ทุกอย่างราบรื่นดี ปู่ของฉันอาจจะเอาคำพูดของลูกๆ หลานๆ ไปบอกย่าแล้วก็ได้ ครั้งนี้ ย่าไม่ได้ก่อปัญหาอะไรอีกและให้ความร่วมมือได้ดีมาก ฉันยังให้คนพาตายายจากตระกูลหงมาด้วย และพวกเขาบอกว่าไม่ต้องการทรัพย์สินของแม่ฉันและจะมอบให้กับเรา""อืม"จ้านหยินไม่ได้ติดต่อกับตระกูลหงเลยตอนแรกตระกูลหงค่อนข้างหยาบคาย แต่เมื่อเห็นว่าพวกเขาเลี้ยงดูแม่ยายของเขามา ความเมตตาและความเคียดแค้นถูกปรับสมดุล“ตายายของตระกูลหงกล่าวขอโทษพวกเรา พวกเขาบอกว่า พวกเขาใจร้ายเกินไปที่จะรับพวกเราเป็นญาติพี่น้อง ซึ่งทำให้เราต้องทนทุกข์มาก เมื่อปู่ย่าของฉันรังแกพวกเรา พวกเขาไม
"พี่ ฉันจะไปที่บริษัทก่อน แล้วรอให้จ้านหยินเลิกงาน"ขณะที่ไห่ถงขับรถ เธอพูดกับพี่สาวของเธอ และหันไปถามหลานชายของเธอ: "หยางหยาง เธออยากไปรับคุณอากับน้าไหมครับ?"ก่อนที่หยางหยางจะตอบได้ไห่หลิงก็ตอบ: “ถ้าเธอพาเขาไป จ้านหยินจะคิดว่าเขาเป็นก้างขวางคอ”หยางหยางจำได้ทันทีว่าลุงของเขาพูดว่าเขาเป็นก้างขวางคอ เขาส่ายหัวและตอบ: "น้าครับ ผมไม่ใช่ก้างขวางคอ ผมคือหยางหยาง""ใช่ๆ หยางหยางคือหยางหยาง ไม่ใช่หก้างขวางคอ อย่าเอาคำพูดของคุณอามาใส่ใจเลย"ไห่หลิงยิ้มและพูด: "แค่ส่งเราแม่ลูกไปไว้ที่ชั้นล่างที่อพาร์ตเมนต์ ฉันจะพาเขาไปซื้อวัตถุดิบที่เขาต้องการสำหรับพรุ่งนี้ที่ร้าน""ก็ได้"ไห่ถงเห็นด้วยโดยไม่ยืนกรานเธอส่งพี่สาวและหลานชายของเธอที่บันได และหลังจากมองดูทั้งสองเข้าไปข้างในแล้วเธอก็ขับรถออกไปเมื่อเธอมาถึงจ้านซื่อกรุ๊ป เธอได้พบกับหนิงอวิ๋นชูหนิงอวิ๋นชูมาจ้านซื่อกรุ๊ปคนเดียว โดยถือช่อดอกไม้ในมืออีกข้างหนึ่งและใช้ไม้เท้าสีขาว ค่อยๆ เดินไปยังอาคารสำนักงานโดยได้รับคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ปฏิบัติหน้าที่เมื่อเห็นเธอ ไห่ถงก็จอดรถของเธอแล้วเดินไปหาอย่างรวดเร็ว"คุณหนูหนิง"เ
หนิงอวิ๋นชูฟังสิ่งที่ไห่ถงพูดอย่างเงียบๆ ความจำของเธอก็ดีมากเช่นกัน เมื่อไห่ถงพูดจบ เธอก็จำได้"คุณหนูหนิง คุณจำเส้นทางที่ฉันพูดถึงได้ไหม?"ไห่ถงถามด้วยความกังวลหนิงอวิ๋นชูตอบด้วยน้ำเสียงอบอุ่น "ขอบคุณค่ะนายหญิง ฉันจำได้แล้ว""งั้น ฉันไปก่อนนะ?"ไห่ถงต้องขึ้นไปชั้นบนสุดเพื่อไปหาจ้านหยิน ซึ่งลิฟต์ที่เธอใช้เป็นคนละตัวกัน“โอเค นายหญิงจ้านไปทำธุระก่อนเถอะ ฉันจะค่อยๆ เดินช้าๆ จ้านอี้เฉิน ขอให้ฉันเข้าไปด้วยตัวเอง ฉันไม่สามารถให้คนอื่นพาไปได้” ไห่ตงรู้สึกว่าน้องเขยของเธอกำลังอยากลงไปคุบกับรากมะม่วง เลยกลั่นแกล้งหนิงอวิ๋นชูหนิงอวิ๋นชูก็คิดเช่นนั้นเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เธอไปขัดใจจ้านอี้เฉินตอนไหนไม่เข้าใจว่าจ้านอี้เฉินถึงทำเรื่องยากๆ เพื่อเธอขนาดนี้ ถึงขนาดโยนเหยื่อล่อเธอด้วยซ้ำร้านขายดอกไม้ของเธอในช่วงนี้ค่อนข้างขายได้เรื่อยๆ ยกเว้นวันที่มีคนมาที่ร้านของเธอและซื้อดอกกุหลาบทั้งหมด ซึ่งไม่ค่อยมีคนมาซื้อดอกไม้มากนักจ้านอี้เฉินแนะนำให้ตระกูลกงซื้อดอกไม้และต้นไม้จากร้านของเธอเพื่อตกแต่งสถานที่จัดงานเลี้ยง และหนิงอวิ๋นชูก็รู้สึกประทับใจทันทีโรงแรมกวนเฉิงมีขนาดใหญ่มาก และตระกูลกงจัด
ทำไมรองประธานจ้านถึงให้คนตาบอดมาส่งดอกไม้?พนักงานต้อนรับรำพึงในใจ แต่เธอยังคงยิ้มอย่างสุภาพขณะที่เธอพูดกับหนิงอวิ๋นชู: “คุณหนูหนิง มีอะไรให้ฉันช่วยไหมคะ?”"ขอบคุณ แต่ไม่จำเป็นหรอก"หนิงอวิ๋นชูจำได้แล้วว่าต้องเดินกี่เมตรถึงจะถึงทางเข้าลิฟต์ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องไปรบกวนพนักงานแผนกต้อนรับ"ถ้าคุณหนูหนิงต้องการอะไรเพิ่มเติม สามารมาแจ้งพวกเราได้" พนักงานต้อนรับยิ้มและพูด เธอมองดูหนิงอวิ๋นชูเดินไปข้างหน้าช้าๆ พร้อมกับถือช่อดอกไม้และเคาะไม้เท้า เมื่อหนิงอวิ๋นชูเดินออกไปไกลแล้ว เธอจึงกลับไปที่ตำแหน่งประจำของเธอและเธอพูดกับเพื่อนร่วมงานของเธอว่า "รองประธานจ้านจะให้คนตาบอดส่งดอกไม้ให้เขาได้ยังไงกัน?""รองประธานจ้านสนใจคุณหนูหนิงหรือเปล่า? พวกเราทำงานในบริษัทมาสองปีแล้ว และเราไม่เคยเห็นรองประธานจ้านสนใจผู้หญิงคนไหนเลย นอกจากนี้ยังไม่มีหญิงสาวมาที่บริษัทเพื่อตามหารองประธานจ้านด้วย"พนักงานต้อนรับยิ้มและพูดว่า "ฉันไม่คิดอย่างนั้น อาจเป็นไปได้ที่รองประธานจ้านไม่รู้ว่าคุณหนูหนิงตาบอด"ในฐานะนายน้อยคนที่สองของตระกูลจ้าน รองประธานจ้านมีสถานะอันทรงเกียรติ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจคนที่มีความบกพร่
เลขาของจ้านอี้เฉินเหลือบมองช่อดอกไม้ที่หนิงอวิ๋นชูถืออยู่และพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น "รอสักครู่ ผมจะโทรหารองประธานจ้าน"เลขาไม่ได้รับการแจ้งใดๆ เขาต้องตรวจสอบกับจ้านอี้เฉินก่อนให้หนิงอวิ๋นชูพบเขา"โอเคค่ะ"หนิงอวิ๋นชูยืนนิ่งอยู่ที่นั่น รอให้เลขาของเขาโทรศัพท์ภายในเพื่อยืนยันกับจ้านอี้เฉินไม่นาน เลขาก็เดินไปหาหนิงอวิ๋นชูและพูดอย่างอ่อนโยน "เชิญทางนี้ครับ""ขอบคุณ"หนิงอวิ๋นชูชูขอบคุณเขาขณะเดินตามเลขาไปเมื่อมาถึงห้องทำงานของรองประธาน เลขาก็เคาะประตูเรียกให้หนิงอวิ๋นชู เขาเดินไปบอกจ้านอี้เฉินก่อนว่าหนิงอวิ๋นชูมาถึงแล้ว“ให้เธอเข้ามา”จ้านอี้เฉินยังคงยุ่งอยู่กับงาน และตอบโดยไม่เงยหน้าขึ้นมามองเลขานำหนิงอวิ๋นชูเข้าไปในห้องทำงานแล้วออกไปหนิงอวิ๋นชูตั้งใจฟังว่าเสียงของจ้านอี้เฉินมาจากทางไหนในขณะที่เลขากำลังคุยกับเขาหลังจากเข้าไปในห้องทำงาน เธอก็เดินตรงไปในทิศทางนั้นเมื่อพบกับสิ่งกีดขวาง เธอก็หลบและเดินช้าๆ แต่ก็ไปที่โต๊ะของจ้านอี้เฉินสำเร็จเธอตระหนักว่าเธอไปถึงโต๊ะของเขาแล้ว เมื่อไม้เท้าแตะเท้าของจ้านอี้เฉินใต้โต๊ะโดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้เธอต้องถอยกลับอย่างรวดเร็วหลังจากถูกไม
"ไม่นะ พวกเราก็ไม่ได้เจอกันบ่อยครั้ง คุณจะทำให้ผมขุ่นเคืองได้ยังไง?"แม้ว่าเธอจะทำให้เขาขุ่นเคือง เขาก็จะทนได้ เพราะยังไงเขาก็จะทนเธอไปตลอดชีวิตเขาจะไม่โต้เถียงกับเธอ"ฉันไม่ได้ทำให้นายน้อยสองจ้านขุ่นเคือง แล้วทำไมคุณชายรองถึงโทรหาฉันแล้วขอให้ฉันนำช่อดอกไม้มาให้คุณ แถมคุณยังขอให้ฉันมาคนเดียวและไม่ยอมให้ใครพาไปด้วย"จ้านอี้เฉินพูด: "คุณน่าจะมาที่นี่บ่อยๆ ในอนาคต ผมหวังว่าคุณจะจำเส้นทางที่จะมาหาผมได้ เมื่อคุณคุ้นเคยกับผมแล้ว คุณจะไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระ"หนิงอวิ๋นชู: “…”ทำไมเธอถึงต้องมาหาเขา?แล้วทำไมต้องมาบ่อยๆ?"กระถางต้นไม้บางต้นในบริษัทตาย อาจเป็นเพราะคอมพิวเตอร์มากเกินไปและรังสีที่มากเกินไป ต้นไม้สีเขียวพวกนั้นตายเร็วมาก ผมต้องการช่วยทุกคนเปลี่ยนกระถางต้นไม้"ในตอนนี้ จ้านอี้เฉินหยุดพูดและมองไปที่หนิงอวิ๋นชูหนิงอวิ๋นชู: .....นี่มันดีลใหญ่มาก!"ก็ได้ คราวหน้าฉันจะขึ้นรถบัสเอง เมื่อไปถึงทางเข้าบริษัทของคุณ ฉันจะรู้ทาง การเดินทางครั้งเดียวคือทั้งหมดที่ฉันต้องจำเส้นทาง ฉันจะไม่ปล่อยให้คุณจ้านอี้เฉินต้องรอ"“นายน้อยสอง หากบริษัทของคุณต้องการต้นไม้กระถางใหม่ เชิญแวะที่ร้านด
"นายน้อยสอง?" หนิงอวิ๋นชูอุทานด้วยความสับสน"ผมไม่ชอบช่อดอกไม้และผมก็ไม่มีแฟน ผมขอให้คุณนำช่อดอกไม้มาให้ผม แต่ก็แค่ให้คุณคุ้นเคยกับเส้นทางที่จะมาหาผม ซึ่งจะสะดวกกว่าในอนาคต"จ้านอี้เฉินอธิบายด้วยรอยยิ้ม "แต่ท่าทางที่โง่เขลาของคุณมันทำให้ผมตลกมาก เพื่อเป็นการขอบคุณสำหรับความบันเทิง ผมจะเลี้ยงข้าวคุณ ไปกันเถอะ"หนิงอวิ๋นชูสาปแช่งในใจ: 'คุณต่างหากที่ซื่อบื่อ!'แนวทางที่แหวกแนวของเขาทำให้เธอสับสนเล็กน้อยการแสดงออกของหนิงอวิ๋นชูกลับมามีสีหน้าสงบ และปฏิเสธคำเชิญไปกินข้าวเย็นของจ้านอี้เฉินอย่างสุภาพในขณะที่เดินตามเขาไป"หลังจากที่คุณกลับไป คุณควรสั่งอาหารเดลิเวอรี่สินะ การกินอาหารเดลิเวอรี่มากเกินไปมันไม่ดี ผมจะเลี้ยข้าวคุณเอง หรือคุณสามารถเลี้ยงข้าวผมก็ได้ ผมอุตส่าห์ให้ข้อเสนอใหญ่สองดีลแก่คุณ และเป็นเรื่องธรรมดาที่คุณจะเลี้ยงข้าวผม"หนิงอวิ๋นชูสำลักไปครู่หนึ่งก่อนจะพูด "ฉันมีเงินติดตัวไปไม่กี่ร้อยหยวน บางทีฉันอาจจะเลี้ยงอาหารนายน้อยสองไม่ได้"เขาคือคุณชายรองของตระกูลจ้าน และที่ที่เขาไปทานอาหารเป็นประจำก็คือโรงแรมกวนเฉิง ซึ่งเป็นโรงแรมของครอบครัวเขาด้วย เป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะทานอาห
"พี่ใหญ่"จ้านอี้เฉินเรียกจ้านหยินอีกครั้งหลังจากเหลือบมองหนิงอวิ๋นชูและช่อดอกไม้ที่เธอถืออยู่ในอ้อมแขน สายตาของจ้านหยินก็หันกลับมาที่น้องชายของเขา หลังจากพึมพำเบาๆ เขาก็โอบเอวของไห่ถงและพูด:"พี่สะใภ้ของนายกับฉันไปก่อนนะ"โดยไม่รอให้น้องชายตอบ เขาโอบไห่ถงแล้วจากไปไห่ถงหันศีรษะและมองขณะที่เธอเดินจ้านหยินจับตัวเธอให้ตรงด้วยมือของเขาและพูดด้วยเสียงต่ำว่า "ฉันดูดีกว่าอี้เฉิน""ฉันไม่ได้มองอี้เฉิน ฉันกำลังมองอวิ๋นชู ไม่ สิ่งที่คุณพูดทำมันดูหึงหวงจัง""มองดูผู้ชายคนอื่น ถึงแม้ว่าผู้ชายคนนั้นจะเป็นน้องชายของฉัน ฉันก็จะหึง"ไห่ถง: "... ถ้าในอนาคตเรามีลูกชาย ฉันจะปฏิบัติกับเขาอย่างดี คุณก็จะหึงเหมือนกันไหม?""ถ้าเรามีลูกสาว ฉันจะไม่รู้สึกหึงอีกต่อไป"ไห่ถงยิ้มและพูดว่า "ฉันก็อยากมีลูกสาวเหมือนกันและทำลายตำนานวัดชายในตระกูลของคุณ ฉันไม่รู้ว่าฉันจะมีชะตากรรมแบบเดียวกันนั้นหรือเปล่า ฉันยังเตรียมตัวที่จะมีลูกชายอยู่ ถ้าคุณอยากหึงของลูกชาย ก็เตรียมตัวหึงไปตลอดชีวิตได้เลย"จ้านหยินมีสีหน้าเคร่งขรึมและดูไม่มีความสุขมากคิดว่าถ้าทั้งสองสามีภรรยามีลูกในอนาคตและลูกยังเป็นลูกชายอยู่ มันจะเบ
"ฉันคิดว่าคุณนายลู่ถ่ายรูปคุณหนูหยูและแสดงให้พี่สาวดูโดยตั้งใจ เพื่อทดสอบว่าเธอมีความรู้สึกกับตงหมิงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ผลก็คือเธอไม่มีความคิดนั้นอย่างแน่นอน เธอไม่เคยคิดอะไรกับตงหมิงเลย ตอนนี้เธอหมกมุ่นอยู่กับร้านอาหารเช้าและต้องการเพียงแค่ประกอบอาชีพและหาเงิน"จ้านหยินก็มองไห่หลิงออกเช่นกัน"ถ้าเธอมีความคิดอะไรกับตงหมิง คุณนายลู่คงจะไม่ยอมให้เธอเปิดร้านที่นั่นต่อไป"ไห่ถงเห็นด้วยกับสิ่งที่สามีของเธอพูดคุณนายลู่กำลังทดสอบพี่สาวของเธอ พี่สาวของเธอไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่ไม่เป็นไร เธอจะได้ไม่ได้รับผลกระทบ"ที่รัก คุณคิดว่าฉันควรบอกเรื่องพวกนี้กับพี่สาวของฉันไหม?""คุณนายลู่คงทำอะไรไม่ได้ แสดงให้เห็นว่าเธอเพียงสงสัยเช่นเดียวกับเรา แต่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ คุณไม่จำเป็นต้องพูดอะไรกับพี่สาวของคุณ ฉันแค่ต้องคุยกับตงหมิงและบอกเขาว่าอย่าไปทานอาหารเช้าที่บ้านพี่สาวของเราในอนาคต"จ้านหยินบ่นให้เพื่อนๆ ฟังว่าครอบครัวของเขาไม่ได้เตรียมอาหารเช้าไว้ ลู่ตงหมิงต้องรีบไปร้านกินได้ไม่อั้นแต่เช้าเพื่อทานอาหารเช้าในวันหยุดสุดสัปดาห์ใช่ไหม"ตกลง"หลังจากจ้านหยินกินและดื่มจนอิ่มแล้ว ไห่ถงก็ยิ้มและถา
ไห่ถงรู้สึกโชคดีอีกครั้ง เธอได้แต่งงานกับผู้ชายที่แม้จะแสดงอาการงอแงเล็กน้อยเป็นครั้งคราว แต่เขาก็ปฏิบัติต่อเธอเป็นอย่างดี เขาไม่เคยใช้ความรุนแรงในครอบครัวกับเธอ และเขาไม่ต้องกังวลว่าเขาจะนอกใจด้วยกุญแจสำคัญอยู่ที่การเลี้ยงดูของเขา บ้านสามีที่่ใจกว้างและมีเมตตาอย่างแม่สามีตระกูลจ้าน เป็นสิ่งที่หาได้ยากในตระกูลที่ร่ำรวยเมื่อคิดย้อนกลับไปเมื่อคุณยายจ้านบอกกับเธอว่าเธอช่วยชีวิตอีกฝ่ายไว้และจะไม่แนะนำหลานชายที่ไม่ดีให้เธอรู้จักที่จริงแล้ว หลานชายทุกคนในครอบครัวของหญิงชราอย่างเธอนั้นนั้นดีมากจ้านหยินเป็นหลานชายคนโต และหญิงชราก็เลือกที่จะจับคู่เธอกับหลานชายที่ดีที่สุด"คุณนายลู่ได้ช่วยประธานลู่หาภรรยาที่เหมาะสมแล้ว เธอคือคุณหนูหยูหยินหยิน ทั้งสาว สวย และดูเฉลียวฉลาดและมีความสามารถ เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นคนที่อยู่ในแวดวงชั้นสูงมายาวนาน ความมั่นใจและรัศมีแห่งความสง่างามที่แผ่ออกมาจากทุกการเคลื่อนไหว ท่าทางของเธอบ่งบอกว่าเธอมาจากภูมิหลังที่ร่ำรวยหรือสูงศักดิ์ นั่นสามารถทำให้คุณนายลู่ชอบเธอได้โดยไม่ต้องลำบากอะไร""ฉันรู้"จ้านหยินพูดขณะกิน "เป็นเพราะคุณนายลู่เลือกภรรยาที่เหมาะสมกับตงหมิง
"ไม่ต้องพูดถึงว่าเราทุกคนต่างก็มีสิ่งที่ต้องทำ แม้ว่าในอนาคตเราจะเกษียณ เราก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าเราจะตื่นขึ้นทุกวันและพบกันเมื่อเราลืมตาขึ้น"มีคนตื่นก่อนเสมอ และมีคนตื่นทีหลังเสมอจ้านหยินรู้ว่าเขาสร้างปัญหาโดยไม่มีเหตุผล"ป้าเหลียงบอกว่าคุณยังไม่ได้กินข้าว คุณหิวไหม ออกไปกินข้าวกันเถอะ ฉันจะอยู่กับคุณ"ไห่ถงรู้ว่าการยืดเวลาการสนทนาออกไปอาจทำให้เกิดความตึงเครียดระหว่างพวกเขามากขึ้นหลีกเลี่ยงการทะเลาะเบาะแว้ง เพราะอาจทำให้ทั้งคู่โกรธกันได้"อืม"จ้านหยินพยักหน้าแล้วปล่อยภรรยาที่รักของเขาจากอ้อมแขนไห่ถงดึงเขาออกมาป้าเหลียงเตรียมอาหารเช้าของจ้านหยินไว้บนโต๊ะอาหารแล้วนายน้อยชอบทำตัวจุกจิกจู้จี้ แต่ต่อหน้านายหญิง เขามักจะต้องก้มหัวและประนีประนอมอยู่เสมอป้าเหลียงไม่กังวลเลยว่าอาหารเช้าที่เธอทำจะเสียเปล่า"ทำไมคุณไม่พาหยางหยางมาล่ะ?"จ้านหยินทานอาหารเช้ากับภรรยา และอารมณ์ของเขาก็ดีขึ้น เขาเลิกทำหน้าเย็นชาและถามถึงเจ้าตัวน้อย"พี่สาวของฉันบอกว่าวันนี้เธอจะปิดร้านเร็วและปล่อยให้หยางหยางเล่นในร้าน เธอจะพาหยางหยางกลับบ้านเร็วๆ นี้ จ้าน...ที่รัก พาหยางหยางมาอยู่ที่นี่กันเถ
"เมื่อไหร่คุณยายจะกลับมา? ฉันคิดถึงเธอมาก"ไห่ถงคิดถึงวันที่คุณยายจ้านเคยอยู่ที่นี่มากป้าเหลียงพูด: "เมื่อฉันรู้ตัวว่าต้องเตือนนายหญิง มันก็สายเกินไปเสียแล้ว คุณผลักประตูเปิดและเดินเข้าไปแล้ว"ไห่ถงถอนหายใจอีกครั้งและพูดว่า "ฉันจะไปล้างมือ"เธอล้างมือสองครั้งด้วยสบู่และกลับไปที่ห้องที่เธอเคยอยู่ เธอหยิบชุดเสื้อผ้าที่สะอาดจากตู้เสื้อผ้า เปลี่ยนชุด แล้วกลับไปที่ห้องนอนใหญ่"ที่รัก ฉันล้างมือและฆ่าเชื้อสองครั้ง ฉันยังเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีขนแมวติดตัวของฉัน"ไห่ถงเดินไปข้างหลังจ้านหยิน และขณะที่เธอพูด เธอก็เอื้อมมือไปโอบรอบเอวของเขา"ที่รัก ฉันขอโทษ ฉันลืมไปจริงๆ ว่าฉันกำลังอุ้มแมวอยู่เมื่อกี้ จริงๆ แล้วพวกมันน่ารักมาก คุณให้ฉันเลี้ยงพวกมัน และพวกมันก็มีค่าสำหรับฉันทั้งหมด คุณพูดว่า ถ้าฉันให้หญ้าคุณหนึ่งกำมือ คุณจะถือว่ามันเป็นสมบัติ ในทำนองเดียวกัน ไม่ว่าคุณจะให้อะไรกับฉัน ฉันก็จะรักมันมาก"จ้านหยินไม่หันหลังกลับและปล่อยให้เธอโอบเอวของเขาเขากล่าว: "ฉันตื่นมาแล้วไม่เห็นคุณ ฉันถามป้าเหลียงแล้วเธอก็บอกว่าคุณออกไปแต่เช้า ฉันรู้สึกเหมือนถูกคุณทิ้งเอาไว้ข้างหลัง เมื่อคุ
ไห่ถงก้มตัวลงและอุ้มแมวขึ้นมา"นายหญิง คุณไปง้อนายน้อยก่อนเถอะ นายน้อยเพิ่งตื่นและยังไม่ได้กินข้าว"ป้าเหลียงรู้สึกไร้เรี่ยวแรงเมื่อจู่ๆ นายน้อยของเธอกลายเป็นคนคิดเล็กคิดน้อยถ้าเธอไม่มาทำงาน เธอคงไม่รู้ว่านายน้อยจะมีด้านที่คิดเล็กคิดน้อยเช่นนี้ไห่ถงลูบแมวแล้วถามป้าเหลียง: "ป้าเหลียง คุณต้องบอกฉันว่าทำไมเขาถึงโกรธ ฉันถึงจะง้อได้ ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย"ป้าเหลียงกระซิบ: "ฉันเดาว่านายน้อยคงโกรธที่คุณออกไปข้างนอกแต่เช้าในวันหยุดสุดสัปดาห์ นายน้อยพักผ่อนที่บ้านและหวังว่านายหญิงจะอยู่กับเขา"ไห่ถง: "... ฉันแค่ไปช่วยงานพี่สาวของฉัน แม้ว่าจะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่โรงงานหลายแห่งไม่มีวันหยุดและยังต้องทำงาน ดังนั้นร้านอาหารเช้าของน้องสาวฉันจึงยังคงยุ่งมาก ฉันออกไปเร็วแต่ก็กลับมาเร็วเช่นกัน ฉันยังกลับมาก่อน 10 โมง"เธอไม่เคยคิดว่าจ้านหยินจะกลายเป็นคนใจแคบเพราะเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ป้าเหลียงก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเหมือนกัน"ฉันจะเข้าไปง้อเขา"ไห่ถงซึ่งรู้ดีว่าสามีของเธอเป็นคนแบบไหน เดินเข้าไปในห้องอย่างช่วยไม่ได้พร้อมกับแมวของเธอในอ้อมแขนหลังจากที่เธอผลักประตูเปิดและเข้าไป ป้าเหลียงก็จำ
ขณะที่ยุ่งอยู่ตรงนี้ จ้านหยินก็ตื่นขึ้นตามปกติ ก่อนที่เขาจะลืมตา เขาหันข้างและเหยียดแขนยาวของเขาออกไปเพื่อกอดภรรยาที่รักของเขา แต่สุดท้ายก็คว้าลมนั่นคือตอนที่เขาลืมตาขึ้นแน่ล่ะ ไห่ถงไม่อยู่ในห้องอีกต่อไปเมื่อมองดูท้องฟ้าภายนอก พระอาทิตย์กำลังขึ้นสูงจ้านหยินหันกลับมาและหยิบโทรศัพท์จากโต๊ะข้างเตียงเพื่อดูเวลา"ตอนนี้เก้าโมงแล้ว!"จู่ๆ เขาก็ลุกขึ้นนั่งแม้กระทั่งในวันหยุดสุดสัปดาห์ เขาก็ไม่เคยเข้าตื่นสายขนาดนี้มาก่อนบางทีอาจเป็นเพราะว่าเขากลับบ้านดึกเมื่อคืนก่อนเขารีบอาบน้ำและเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าลำลอง โดยตั้งใจเลือกชุดที่ไห่ถงซื้อมาให้เขาเมื่อเขาเปิดประตู เขาก็เห็นป้าเหลียงกำลังนั่งอยู่บนโซฟา อุ้มแมวตัวหนึ่งไว้และดูทีวี เมื่อได้ยินเสียงประตูเปิด เธอจึงหันไปมองเขา จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนพร้อมรอยยิ้ม “นายน้อย คุณตื่นแล้ว คุณอยากกินอาหารเช้าไหม?”"ตอนนี้เก้าโมงกว่าแล้ว"จ้านหยินบ่นพึมพำขณะเดินออกไป“ถึงจะเก้าโมงกว่าแล้ว ก็ยังควรกินอะไรนะ นายหญิงได้สั่งเราไว้ก่อนที่เธอจะออกไป ให้เตือนนายน้อยว่าควรกินอาหารเช้าเมื่อเขาตื่นนอน”"นายหญิงของคุณอยู่ที่ไหน? เธอตื่นและออกไปข้างนอกตั้ง
หยูหยินหยินก็ไม่ได้โกรธเช่นกันเธอและลู่ตงหมิงรู้จักกันมาเป็นเวลานานแล้ว แต่พวกเขาแทบจะไม่ได้พูดคุยกันเลย ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่าพวกเขาไม่ได้รู้จักกันดีนักเขาไม่รู้เกี่ยวกับอดีตของเธอ ก็ถือเป็นเรื่องปกติ"คุณหนูหยู นี่อาหารเช้าของคุณ"หลังจากไห่หลิงทำอาหารเช้าให้หยูหยินหยินแล้ว เธอก็เอามาวางไว้ตรงหน้าเธอ ด้วยรอยยิ้ม เธอกล่าวกับหยูหยินหยินว่า "คุณหนูหยู ทานให้อร่อยนะคะ"หยูหยินหยินตอบด้วยรอยยิ้มไห่หลิงกลับไปที่นั่งและนั่งลง"พี่ คุณเจอเธอเมื่อไหร่?"ไห่ถงกระซิบกับพี่สาวของเธอ"คุณนายลู่แวะมาวันก่อนและเข้ามานั่งคุยกับฉัน ขณะที่คุยกับฉัน เธอบอกฉันว่าเธอต้องการจับคู่คุณหนูหยูกับประธานลู่ และแสดงรูปถ่ายของคุณหนูหยูให้ฉันดู ฉันก็เลยจำเธอได้"ไห่หลิงตอบน้องสาวของเธอด้วยเสียงต่ำและกระซิบ: "เห็นไหม พวกเขาเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์แบบ คุณหนูหยูก็ให้ความรู้สึกสบายใจมากเช่นกัน โดยไม่มีความรู้สึกห่างเหินแบบทายาทเศรษฐี"ไห่ถงมองน้องสาวอย่างละเอียด จากนั้นก้มหัวลงเพื่อกินบะหมี่และกระซิบว่า "เข้ากันได้ดีทีเดียว"ป้าเคยพูดว่าคุณนายลู่เข้ากับคนยากมากจ้านหยินก็พูดเช่นกันเนื่องจากคุณนายลู่ม
เขาไม่มีอะไรจะคุยกับไห่ถงมากนักและด้วยไห่ถงที่อยู่ที่นี่ ลู่ตงหมิงและไห่หลิงก็ไม่ได้พูดอะไรมากนักลูกค้าก็เริ่มทยอยเข้ามาเพื่อกินเกี๊ยวนึ่ง ผู้ช่วยร้านเป็นคนจัดการรับออเดอร์ พนักงานจะเสิร์ฟอาหารเช้าให้พวกเขาแทนไห่หลิงซึ่งเป็นเถ้าแก่เนี้ยเองเธอสามารถนั่งลงในที่เดิมและกินบะหมี่ต่อไปได้"พี่ลู่"คำว่าพี่ลู่นั้น ทำให้ลู่ตงหมิงหมดความอยากอาหารทันทีพี่น้องไห่มองไปที่หญิงสาวสวยที่เปิดประตูกระจกและเดินเข้ามา ไห่ถงไม่เคยรู้จักหยูหยินหยิน แต่ไห่หลิงเคยเห็นภาพของหยูหยินหยิน เมื่อมองไปหยูหยินหยินที่เข้ามา เธอคิดว่าหยูหยินหยินสวยกว่าในรูปเข้ากันได้ดีกับลู่ตงหมิง"คุณหนูหยู คุณอยากทานอาหารเช้าไหม?"ไห่หลิงวางตะเกียบลงและยืนขึ้นอีกครั้งเพื่อต้อนรับแขกสายตาของหยูหยินหยินละสายตาจากลู่ตงหมิงและจ้องมองไปที่ไห่หลิง เธอเคยเห็นไห่หลิงหลายครั้งจากไกลๆ แต่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นหน้าอีกฝ่ายกับตาตัวเอง เมื่อมองดูไห่หลิงอย่างดีๆแล้ว หยูหยินหยินรู้สึกว่าไห่หลิงเป็นหญิงสาวที่สวยมาก“ฉันได้ยินมาว่าอาหารเช้าที่นี่อร่อยมาก ฉันจะทานเหมือนกับพี่ลู่ ขอบคุณ”หยูหยินหยินเดินไปที่โต๊ะของลู่ตงหมิง วางกระเ
"ตกลง"น้องของเธออยากกินบะหมี่เครื่องในหมู ไห่หลิงยังต้มบะหมี่เครื่องในหมูสองชามด้วย เธอไม่ชอบผักชี ดังนั้นจึงมีแต่ชามน้องของเธอเท่านั้นที่ใส่ผักชีในชามของเธอ"บะหมี่เสร็จแล้ว"ไห่หลิงเรียกน้อฃให้มาเอาบะหมี่ที่ปรุงแล้วไห่ถงหยุดงาน ล้างมือ แล้วเดินไปหยิบชามบะหมี่ของเธอสองพี่น้องนั่งลงที่โต๊ะ ไห่ถงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาอย่างเป็นนิสัยและเตรียมกินบะหมี่ไปพร้อมกับอ่านข่าวไปด้วย"เวลากิน อย่ามัวแต่ดูโทรศัพท์ข เก็บโทรศัพท์ของเธอลงไป"ไห่หลิงไม่ยอมให้เธอกินในขณะที่เล่นโทรศัพท์ของเธอแบบนี้"ฉันแค่จะดูมันเฉยๆ"ไห่ถงพูด แต่ก็เก็บโทรศัพท์ของเธอกลับเข้าไปในกระเป๋าอย่างเชื่อฟัง"ต่อไปนี้ กินข้าวอยู่ห้ามเล่นโทรศัพท์ไปด้วย""เข้าใจแล้ว"ต่อหน้าพี่สาวของเธอ ไห่ถงไม่กล้าที่จะดื้อรั้น นอกจากนี้ การใช้โทรศัพท์ขณะกินอาหารก็เป็นนิสัยที่ไม่ดีจริงๆ“พี่ คืนนี้พี่จะไม่ไปงานเลี้ยงกับฉันจริงๆ เหรอ”"ไม่ไป""พี่ ฉันคิดว่าคุณควรออกไปเปิดโลกบ้าง"ไห่หลิงค่อยๆ กินบะหมี่ที่เพิ่งปรุงเสร็จและร้อนมาก"ฉันไม่จำเป็นต้องไปดูโลกแล้ว ฉันยังไปไม่ถึงระดับนั้น เธอแตกต่าง เธอเป็นนายหญิงคนโตของตระกูลจ้าน เธอต้