ไห่หลิงยิ้ม "ประธานลู่เป็นลูกค้ารายแรกในร้านของฉันเสมอ ฉันจะให้ประธานลู่สั่งอาหารฟรี ประธานลู่อยากกินอะไรคะ?"ลู่ตงหมิงพูด: "ไม่จำเป็นต้องเลี้ยงฉันหรอก วันแรกคุณต้องหาเงิน และไม่ว่าใครจะมาทานอาหาร คุณต้องเก็บเงิน"จ้านหยินเห็นด้วยและพูด: "พี่ ตงหมิง ไม่ต้องการเงินค่าอาหารเช้าเล็กน้อยนั่น ไม่ต้องไปลดราคาให้เขาด้วย แค่คิดเงินเขาตามราคาที่ปกติก็พอ""ถ้าอย่างนั้น ฉันจะไม่สุภาพกับประธานลู่"จ้านหยินพึมพำในใจ: สุภาพเรื่องอะไร บางทีพี่สาวของเขาอาจถูกลู่ตงหมิงเอาเปรียบจนตายในอนาคตหลังจากที่ลู่ตงหมิงมาถึง ลูกค้าก็เข้ามาในร้านอาหารเพื่อทานอาหารเช้าในไม่ช้าไห่หลิงเริ่มจะยุ่งการเปิดร้านใหม่เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการดึงดูดผู้คนให้มาลองชิมร้านของไห่หลิงรีโนเวทมาระยะหนึ่งแล้ว และผู้คนที่ทำงานในบริษัทใกล้เคียงก็สังเกตเห็นร้านอาหารเช้าอย่างร้านกินได้ไม่อั้นเมื่อพวกเขาเดินผ่านทุกวันทุกคนคิดว่าชื่อร้านดูเป็นกันเองและติดดินเมื่อในที่สุดพวกเขาก็เห็นร้านเปิดแล้ว พวกเขาจึงตัดสินใจแวะชิมอาหารที่เจ้าของร้านใหม่ทำตั้งแต่เธออายุ 15 ปี ไห่หลิงก็ทำอาหารให้เธอและน้องสาวกิน ฝึกฝนฝีมือมาตลอดหลายปี
"ทำไมถึงมีตะกร้าดอกไม้มากมายขนาดนี้ ใครส่งทั้งหมดนี่มา?"โจวหงหลินรู้สึกอิจฉาเล็กน้อยไห่หลิงเป็นเพียงผู้หญิงที่เขาไม่ต้องการ เธอเปิดร้านอาหารเช้าเล็กๆ ด้วยเงินที่เธอเอามาจากเขา เมื่อร้านเปิด ตะกร้าดอกไม้ที่ประตูก็ถูกจัดวางเป็นแถวยาว“ดูเหมือนว่าจะไม่มีที่ว่างอีกแล้ว ฉันจะเอาตะกร้าไปคืนร้าน...”โจวหงหลินต้องการบอกว่า เขาควรนำตะกร้าดอกไม้กลับไปคืนร้าน แต่แม่โจวขัดจังหวะเขาทันทีและหยิบตะกร้าดอกไม้จากมือของเขา เธอจ้องลูกชายอย่างดุร้าย และแม่โจวก็ยิ้มและพูดกับไห่หลิง: "ถ้าเบียดเข้าไปหน่อย มันก็พอจะใส่เข้าไปได้แล้ว"เธอออกไปพร้อมกับตะกร้าดอกไม้เพื่อวางมัน โดยแทรกที่ของตะกร้าดอกไม้ที่ลู่ตงหมิงส่งมา ถ้าไม่ใช่เพราะจ้านหยินกับภรรยาอยู่ในร้าน คนที่เธอไม่กล้าขัดใจ แม่โจวคงอยากจะทุบตะกร้าดอกไม้ที่ลู่ตงหมิงส่งมาและโยนมันลงถังขยะไห่หลิงไม่อยากสร้างความขัดแย้งกับอดีตสามีและแม่ของเขาในวันเปิดร้านของเธอ ตราบใดที่พวกเขาไม่ได้ทำอะไรที่เกินเลยไป เธอก็เต็มใจที่จะมองข้าม“ไห่หลิง! ฉันมาที่นี่เพื่อสนับสนุนคุณแล้ว!”เสียงของซางเสี่ยวเฟยมักจะดังก่อนที่เธอจะมาถึงเสมอเธอไม่ได้ตื่นเช้าเหมือนคนอื่นๆ การ
ไห่ถงรู้จักตระกูลโจวเป็นอย่างดี และกังวลว่าหากร้านใหม่ของพี่เปิดแล้ว พวกเขาจะมาก่อความวุ่น แถมยังกังวลว่าญาตีนิสัยแย่จากบ้านเกิดของเธอจะมาร่วมวงด้วยในวันแรกของการเปิดร้านใหม่ จึงไม่ต้องการให้ใครมาก่อปัญหาไห่ถงขอความช่วยเหลือจากสามี โดยขอให้จ้านหยินจัดการให้คนคอยดูแลร้าน หากใครมาก่อเรื่อง พวกเขาก็สามารถช่วยพี่สาวของเธอจัดการได้ทันทีโดยปกติแล้ว ไห่ถงพึ่งพาตนเองและไม่ต้องการพึ่งพาสามีมากเกินไป เมื่อเธอตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากจ้านหยิน ซึ่งทำให้จ้านหยินดีใจมาก เพราะเขารู้สึกว่า ในที่สุดภรรยาของเขาก็ปฏิบัติกับเขาเหมือนคนในครอบครัวเขาตกลงทันทีในความเป็นจริง แม้ว่าไห่ถงจะไม่ได้ขอ จ้านหยินก็คงจะจัดคนมาเฝ้าร้านแล้ว ถ้าไห่ถงระมัดระวังเกี่ยวกับตระกูลโจวและญาติตัวปัญหาของพวกเขา จ้านหยินจะไม่ระมัดระวังได้อย่างไร?เมื่อเย่เจียนีเห็นบอดี้การ์ดของตระกูลจ้านและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตามมาประกบ ก็ทำให้อารมณ์คุ้มคลั่งของเธอก็สงบลงทันที และเธอสังเกตเห็นว่า นอกจากไห่ถงและสามีที่นั่งอยู่ที่นั่นแล้ว ยังมีซางเสี่ยวเฟยอยู่ที่นั่นด้วยเมื่อเธอทักทายซางเสี่ยวเฟยในครั้งแรกที่เจอกัน แต่อีกฝ่ายเมิน
ไห่หลิงนำก๋วยเตี๋ยวเนื้อที่ปรุงแล้วไปให้ซางเสี่ยวเฟย และอธิบายว่าทำไมจึงมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเดินตรวจตราตามท้องถนนไห่ถงไม่ได้สังเกตเห็นว่าไห่หลิงเช่าร้านของลู่ตงหมิง แต่เขากลับสังเกตเห็น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเดินตรวจตราเพียงครึ่งถนนเท่านั้น และในครึ่งนั้น พวกเขาแทบจะไม่ได้ขยับจากตำแหน่งเลยถึงอย่างนั้น การมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเดินตรวจตราสองสามคนก็ทำให้ระดับความปลอดภัยโดยรวมของทั้งถนนสูงขึ้นดวงตาที่สวยงามของไห่ถงกะพริบตลอดเวลา เธอรู้สึกเสมอว่าการกระทำของลู่ตงหมิงดูเหมือนจะทำเพื่อพี่สาวของเธอ แต่เมื่อเห็นว่าพี่สาวของเธอไม่มีเจตนาอื่นใด ไห่ถงจึงไม่พูดอะไรมากนัก ใครจะรู้ว่าลู่ตงหมิงทำเพื่อน้องสาวของเธอหรือเพื่อความปลอดภัยของผู้เช่าทั้งหมดกันแน่ร้านที่พี่สาวของเธอเช่าเป็นของลู่ตงหมิงจริงๆลู่ตงหมิงผ่านที่นี่ทุกวัน เมื่อเขาไปและกลับจากที่ทำงาน แถมยังเป็นเพราะความสัมพันธ์ของจ้านหยิน จึงเป็นเรื่องปกติที่จะดูแลพี่สาวของเธอมากกว่าเดิมเมื่อลู่ตงหมิงไม่ได้พูดอย่างชัดเจนว่าเขาสนใจไห่หลิง ไห่ถงก็ได้แต่เฝ้าดูอย่างเงียบๆ จากด้านข้างและไม่สามารถทำอะไรได้ซางเสี่ยวเฟยลอง
"คุณหนูของพวกเราคือ คนที่ไม่สามารถทนเห็นสองพี่น้องไห่ประสบความสำเร็จได้"เย่เจียนีกะพริบตา สองพี่น้องไห่เป็นคนทำให้อีกฝ่ายขุ่นเคืองงั้นเหรอ?แต่พวกเขาจะตามหาเธอเพื่ออะไร?เธอไม่มีความสามารถที่จะจัดการหรือแก้แค้นสองพี่น้องไห่ได้เลย"คุณหนูเย่ มาพร้อมกับพวกเรา แล้วคุณจะได้รู้"เย่เจียนีตอบ: "ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณเป็นใคร ถ้าฉันไปกับคุณ ใครจะรู้ว่าคุณจะทำอะไรกับฉัน คุณใส่หน้ากาก ฉันเลยมองไม่เห็นใบหน้าของคุณเลย เว้นแต่คุณจะถอดหน้ากากและให้ฉันถ่ายรูปส่งไปให้สามีของฉัน ฉันจะไม่ไปไหนกับคุณ""ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับฉัน พวกคุณสองคนก็หนีไปไหนไม่ได้เหมือนกัน"“คุณหนูเย่ ต้องขอโทษด้วย แต่พวกเราถอดหน้ากากไม่ได้ ถ้าคุณปฏิเสธที่จะไปกับพวกเรา คุณหนูของพวกเราจะมาเอง และผลที่ตามมาจะเลวร้ายกว่ามาก เธออารมณ์ร้ายมาก”"หยุดพูดเรื่องไร้สาระกับเธอสักที แค่ทำให้เธอหมดสติแล้วเอาตัวเธอไปซะ" ชายอีกคนพูดอย่างใจร้อนเมื่อเย่เจียนีได้ยินเขาพูดแบบนี้ เธอหันหลังกลับและอยากวิ่งหนี หลังจากเดินเพียงสองก้าว คอของเธอก็เจ็บแปลบและหมดสติ เธอไม่มีโอกาสแม้แต่จะตะโกนขอความช่วยเหลือด้วยซ้ำชายผู้ทำให้เย่เจียนีหมดสติได้ยกเธอ
หลังจากที่เธออาเจียนเสร็จแล้ว ชายคนหนึ่งยื่นหน้ากากให้เธอเย่เจียนีรีบสวมหน้ากาก แต่ยังรู้สึกเหมือนได้กลิ่นเหม็น เธอรีบเอามือปิดจมูกและปากของเธอและเดินตามชายทั้งสองเข้าไปในอาคารร้างเย่เจียนีเข้าไปในอาคารร้างและอยู่ห่างจากกองขยะ เธอก็กล้าที่จะปล่อยมือที่ปิดปากออก และหันกลับไปสำรวจสภาพแวดล้อมโดยรอบ ไม่มีใครอาศัยอยู่ใกล้ๆ ถ้าเกิดเรื่องร้ายกับเธอที่นี่ เธอจะตายไปพร้อมกับกลิ่นเหม็น ซึ่งนั่นจะทำให้ไม่มีใครสังเกตเห็นความคิดนั้นทำให้เย่เจียนีตัวสั่นด้วยความกลัวไม่รู้ว่าคนพวกนี้เป็นใคร เนื่องจากสองพี่น้องไห่ได้ล่วงเกินพวกเขา พวกเขาควรไปหาสองพี่น้องไห่ แล้วทำไมถึงตามหาเธอ?ตอนนี้เธอและพี่น้องตระกูลไห่แทบจะเป็นศัตรูกัน“คุณหนูเย่ ไม่ต้องกลัวหรอก ฉันให้คนของฉันพาคุณมาที่นี่เพื่อหารือข้อตกลงเท่านั้น พวกเราสามารถร่วมมือกันเพื่อเอาคืนนายหญิงจ้านได้”เสียงผู้หญิงที่ไม่คุ้นเคยดังมาจากห้องหนึ่งบนชั้นหนึ่ง แต่ไม่มีใครปรากฏตัวเย่เจียนีไม่กล้าเข้าไปในห้องนั้นเช่นกัน เนื่องจากผู้ชายสองคนที่พาเธอมายังคงจ้องมองเธออยู่หลังจากฟังคำพูดของอีกฝ่าย เย่เจียนีถอนหายใจด้วยความโล่งใจ เมื่อรู้ว่าคำพูดนั้นม
"โจวหยาง... โจวหยางยังเป็นเด็ก... นอกจากนี้ สิทธิ์การเลี้ยงดูเขาเป็นของไห่หลิง หงหลินแค่จ่ายค่าเลี้ยงดูเพียง15,000 บาททุกเดือน และเขาจะไม่ต้องจ่ายอีกหลังจากโจวหยางอายุครบ 18 ปี ในอนาคต หากโจวหยางต้องการซื้อบ้านหรือรถ เขาก็จะไม่ต้องจ่ายอีกต่อไป เขาจะไม่ต้องต่อสู้เพื่อทรัพย์สินของครอบครัว แม้ว่าเขาจะยังมีชีวิตอยู่ก็ตาม""หัวใจของคนสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอด มีแค่ความตายเท่านั้น ที่จะทำให้ไม่สามารถแย่งทรัพย์สินของครอบครัวกับลูกชายของคุณ"เย่เจียนี: "....แต่ฉันยังไม่มีลูกชาย แม้แต่ลูกสาวก็ยังไม่มี""คุณเป็นหมันเหรอ?"เย่เจียนีตกใจผู้หญิงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามหัวเราะ “ดูเหมือนว่าแม้คุณหนูเย่จะมีศีลธรรมบกพร่อง แต่คุณก็ยังมีความเป็นมนุษย์เหลืออยู่บ้าง ฉันแค่บอกแผนการของฉันกับคุณ ฉันไม่เคยบอกว่าอยากให้โจวหยางตาย”“ฉันตั้งใจจะใช้โจวหยางล่อไห่ถง ความสัมพันธ์ระหว่างน้ากับหลานแน่นแฟ้นมาก สำหรับโจวหยาง ฉันเชื่อว่าไห่ถงจะมาพบฉันตามลำพัง”สิ่งที่เธอต้องการจริงๆ คือให้ไห่ถงพบเธอตามลำพังเย่เจียนีถอนหายใจด้วยความโล่งอกเธอเก่งเรื่องการขโมยสามีของคนอื่น แต่เธอไม่มีความกล้าที่จะทำร้ายลูกของใคร"คุณร
อย่างไรก็ตาม ความวุ่นวายชั่วคราวนั้นคุ้มค่ากับความสงบสุขในชีวิตที่เหลือ"ถงถง คุณทำงานหนักมาก"จ้านหยินจูบหน้าผากของเธอ รู้สึกสงสารเธอที่ทำเพื่อเขามากมาย“มันยังเป็นวิธีหนึ่งที่ทำให้ฉันชาร์จพลัง สิ่งที่ฉันเรียนรู้ตอนนี้จะมีประโยชน์กับฉันไปตลอดชีวิต”ไห่ถงหาวอีกครั้งเธอตื่นเช้าเกินไปในตอนเช้าและตอนนี้ก็เหนื่อยมาก"คุณต้องกลับไปที่บริษัทในช่วงบ่ายนี้ เวลาของคุณมีค่ามากกว่าของเราเยอะ"เขาเสียสละครึ่งเวลามาวัน เพื่อเรื่องพี่สาวเธอ ซึ่งเป็นการสูญเสียครั้งสำคัญถ้าเขาไม่รักเธออย่างสุดหัวใจ เขาคงไม่เต็มใจที่จะเสียสละเช่นนี้ไห่ถงเงยหน้าขึ้นมองจ้านหยิน เอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าหล่อเหลาของเขา ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยอารมณ์ "ที่รัก ฉันทำอะไรมาถึงได้แต่งงานกับคุณ ไปต้องห่วงนะ ตั้งแต่ที่คุณฝากชีวิตไว้กับฉัน ฉันจะไม่มีวันทำให้คุณผิดหวัง ฉันจะปฏิบัติกับคุณอย่างดีตลอดชีวิต""พี่ฉันคอยจู้จี้ให้ฉันเป็นทำดีกับคุณเสมอ ยิ่งกว่านั้น ราวกับว่ากลัวว่าฉันจะทำร้ายคุณ บางครั้งฉันก็รู้สึกอิจฉา คิดว่าพี่สาวใส่ใจคุณมากกว่าฉันที่เป็นน้องสาวของเธอเสียอีก"จ้านหยินจับมือเธอขณะที่มันสัมผัสใบหน้าของเขาและพูดอย่า
"ฉันคิดว่าคุณนายลู่ถ่ายรูปคุณหนูหยูและแสดงให้พี่สาวดูโดยตั้งใจ เพื่อทดสอบว่าเธอมีความรู้สึกกับตงหมิงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ผลก็คือเธอไม่มีความคิดนั้นอย่างแน่นอน เธอไม่เคยคิดอะไรกับตงหมิงเลย ตอนนี้เธอหมกมุ่นอยู่กับร้านอาหารเช้าและต้องการเพียงแค่ประกอบอาชีพและหาเงิน"จ้านหยินก็มองไห่หลิงออกเช่นกัน"ถ้าเธอมีความคิดอะไรกับตงหมิง คุณนายลู่คงจะไม่ยอมให้เธอเปิดร้านที่นั่นต่อไป"ไห่ถงเห็นด้วยกับสิ่งที่สามีของเธอพูดคุณนายลู่กำลังทดสอบพี่สาวของเธอ พี่สาวของเธอไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่ไม่เป็นไร เธอจะได้ไม่ได้รับผลกระทบ"ที่รัก คุณคิดว่าฉันควรบอกเรื่องพวกนี้กับพี่สาวของฉันไหม?""คุณนายลู่คงทำอะไรไม่ได้ แสดงให้เห็นว่าเธอเพียงสงสัยเช่นเดียวกับเรา แต่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ คุณไม่จำเป็นต้องพูดอะไรกับพี่สาวของคุณ ฉันแค่ต้องคุยกับตงหมิงและบอกเขาว่าอย่าไปทานอาหารเช้าที่บ้านพี่สาวของเราในอนาคต"จ้านหยินบ่นให้เพื่อนๆ ฟังว่าครอบครัวของเขาไม่ได้เตรียมอาหารเช้าไว้ ลู่ตงหมิงต้องรีบไปร้านกินได้ไม่อั้นแต่เช้าเพื่อทานอาหารเช้าในวันหยุดสุดสัปดาห์ใช่ไหม"ตกลง"หลังจากจ้านหยินกินและดื่มจนอิ่มแล้ว ไห่ถงก็ยิ้มและถา
ไห่ถงรู้สึกโชคดีอีกครั้ง เธอได้แต่งงานกับผู้ชายที่แม้จะแสดงอาการงอแงเล็กน้อยเป็นครั้งคราว แต่เขาก็ปฏิบัติต่อเธอเป็นอย่างดี เขาไม่เคยใช้ความรุนแรงในครอบครัวกับเธอ และเขาไม่ต้องกังวลว่าเขาจะนอกใจด้วยกุญแจสำคัญอยู่ที่การเลี้ยงดูของเขา บ้านสามีที่่ใจกว้างและมีเมตตาอย่างแม่สามีตระกูลจ้าน เป็นสิ่งที่หาได้ยากในตระกูลที่ร่ำรวยเมื่อคิดย้อนกลับไปเมื่อคุณยายจ้านบอกกับเธอว่าเธอช่วยชีวิตอีกฝ่ายไว้และจะไม่แนะนำหลานชายที่ไม่ดีให้เธอรู้จักที่จริงแล้ว หลานชายทุกคนในครอบครัวของหญิงชราอย่างเธอนั้นนั้นดีมากจ้านหยินเป็นหลานชายคนโต และหญิงชราก็เลือกที่จะจับคู่เธอกับหลานชายที่ดีที่สุด"คุณนายลู่ได้ช่วยประธานลู่หาภรรยาที่เหมาะสมแล้ว เธอคือคุณหนูหยูหยินหยิน ทั้งสาว สวย และดูเฉลียวฉลาดและมีความสามารถ เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นคนที่อยู่ในแวดวงชั้นสูงมายาวนาน ความมั่นใจและรัศมีแห่งความสง่างามที่แผ่ออกมาจากทุกการเคลื่อนไหว ท่าทางของเธอบ่งบอกว่าเธอมาจากภูมิหลังที่ร่ำรวยหรือสูงศักดิ์ นั่นสามารถทำให้คุณนายลู่ชอบเธอได้โดยไม่ต้องลำบากอะไร""ฉันรู้"จ้านหยินพูดขณะกิน "เป็นเพราะคุณนายลู่เลือกภรรยาที่เหมาะสมกับตงหมิง
"ไม่ต้องพูดถึงว่าเราทุกคนต่างก็มีสิ่งที่ต้องทำ แม้ว่าในอนาคตเราจะเกษียณ เราก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าเราจะตื่นขึ้นทุกวันและพบกันเมื่อเราลืมตาขึ้น"มีคนตื่นก่อนเสมอ และมีคนตื่นทีหลังเสมอจ้านหยินรู้ว่าเขาสร้างปัญหาโดยไม่มีเหตุผล"ป้าเหลียงบอกว่าคุณยังไม่ได้กินข้าว คุณหิวไหม ออกไปกินข้าวกันเถอะ ฉันจะอยู่กับคุณ"ไห่ถงรู้ว่าการยืดเวลาการสนทนาออกไปอาจทำให้เกิดความตึงเครียดระหว่างพวกเขามากขึ้นหลีกเลี่ยงการทะเลาะเบาะแว้ง เพราะอาจทำให้ทั้งคู่โกรธกันได้"อืม"จ้านหยินพยักหน้าแล้วปล่อยภรรยาที่รักของเขาจากอ้อมแขนไห่ถงดึงเขาออกมาป้าเหลียงเตรียมอาหารเช้าของจ้านหยินไว้บนโต๊ะอาหารแล้วนายน้อยชอบทำตัวจุกจิกจู้จี้ แต่ต่อหน้านายหญิง เขามักจะต้องก้มหัวและประนีประนอมอยู่เสมอป้าเหลียงไม่กังวลเลยว่าอาหารเช้าที่เธอทำจะเสียเปล่า"ทำไมคุณไม่พาหยางหยางมาล่ะ?"จ้านหยินทานอาหารเช้ากับภรรยา และอารมณ์ของเขาก็ดีขึ้น เขาเลิกทำหน้าเย็นชาและถามถึงเจ้าตัวน้อย"พี่สาวของฉันบอกว่าวันนี้เธอจะปิดร้านเร็วและปล่อยให้หยางหยางเล่นในร้าน เธอจะพาหยางหยางกลับบ้านเร็วๆ นี้ จ้าน...ที่รัก พาหยางหยางมาอยู่ที่นี่กันเถ
"เมื่อไหร่คุณยายจะกลับมา? ฉันคิดถึงเธอมาก"ไห่ถงคิดถึงวันที่คุณยายจ้านเคยอยู่ที่นี่มากป้าเหลียงพูด: "เมื่อฉันรู้ตัวว่าต้องเตือนนายหญิง มันก็สายเกินไปเสียแล้ว คุณผลักประตูเปิดและเดินเข้าไปแล้ว"ไห่ถงถอนหายใจอีกครั้งและพูดว่า "ฉันจะไปล้างมือ"เธอล้างมือสองครั้งด้วยสบู่และกลับไปที่ห้องที่เธอเคยอยู่ เธอหยิบชุดเสื้อผ้าที่สะอาดจากตู้เสื้อผ้า เปลี่ยนชุด แล้วกลับไปที่ห้องนอนใหญ่"ที่รัก ฉันล้างมือและฆ่าเชื้อสองครั้ง ฉันยังเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีขนแมวติดตัวของฉัน"ไห่ถงเดินไปข้างหลังจ้านหยิน และขณะที่เธอพูด เธอก็เอื้อมมือไปโอบรอบเอวของเขา"ที่รัก ฉันขอโทษ ฉันลืมไปจริงๆ ว่าฉันกำลังอุ้มแมวอยู่เมื่อกี้ จริงๆ แล้วพวกมันน่ารักมาก คุณให้ฉันเลี้ยงพวกมัน และพวกมันก็มีค่าสำหรับฉันทั้งหมด คุณพูดว่า ถ้าฉันให้หญ้าคุณหนึ่งกำมือ คุณจะถือว่ามันเป็นสมบัติ ในทำนองเดียวกัน ไม่ว่าคุณจะให้อะไรกับฉัน ฉันก็จะรักมันมาก"จ้านหยินไม่หันหลังกลับและปล่อยให้เธอโอบเอวของเขาเขากล่าว: "ฉันตื่นมาแล้วไม่เห็นคุณ ฉันถามป้าเหลียงแล้วเธอก็บอกว่าคุณออกไปแต่เช้า ฉันรู้สึกเหมือนถูกคุณทิ้งเอาไว้ข้างหลัง เมื่อคุ
ไห่ถงก้มตัวลงและอุ้มแมวขึ้นมา"นายหญิง คุณไปง้อนายน้อยก่อนเถอะ นายน้อยเพิ่งตื่นและยังไม่ได้กินข้าว"ป้าเหลียงรู้สึกไร้เรี่ยวแรงเมื่อจู่ๆ นายน้อยของเธอกลายเป็นคนคิดเล็กคิดน้อยถ้าเธอไม่มาทำงาน เธอคงไม่รู้ว่านายน้อยจะมีด้านที่คิดเล็กคิดน้อยเช่นนี้ไห่ถงลูบแมวแล้วถามป้าเหลียง: "ป้าเหลียง คุณต้องบอกฉันว่าทำไมเขาถึงโกรธ ฉันถึงจะง้อได้ ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย"ป้าเหลียงกระซิบ: "ฉันเดาว่านายน้อยคงโกรธที่คุณออกไปข้างนอกแต่เช้าในวันหยุดสุดสัปดาห์ นายน้อยพักผ่อนที่บ้านและหวังว่านายหญิงจะอยู่กับเขา"ไห่ถง: "... ฉันแค่ไปช่วยงานพี่สาวของฉัน แม้ว่าจะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่โรงงานหลายแห่งไม่มีวันหยุดและยังต้องทำงาน ดังนั้นร้านอาหารเช้าของน้องสาวฉันจึงยังคงยุ่งมาก ฉันออกไปเร็วแต่ก็กลับมาเร็วเช่นกัน ฉันยังกลับมาก่อน 10 โมง"เธอไม่เคยคิดว่าจ้านหยินจะกลายเป็นคนใจแคบเพราะเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ป้าเหลียงก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเหมือนกัน"ฉันจะเข้าไปง้อเขา"ไห่ถงซึ่งรู้ดีว่าสามีของเธอเป็นคนแบบไหน เดินเข้าไปในห้องอย่างช่วยไม่ได้พร้อมกับแมวของเธอในอ้อมแขนหลังจากที่เธอผลักประตูเปิดและเข้าไป ป้าเหลียงก็จำ
ขณะที่ยุ่งอยู่ตรงนี้ จ้านหยินก็ตื่นขึ้นตามปกติ ก่อนที่เขาจะลืมตา เขาหันข้างและเหยียดแขนยาวของเขาออกไปเพื่อกอดภรรยาที่รักของเขา แต่สุดท้ายก็คว้าลมนั่นคือตอนที่เขาลืมตาขึ้นแน่ล่ะ ไห่ถงไม่อยู่ในห้องอีกต่อไปเมื่อมองดูท้องฟ้าภายนอก พระอาทิตย์กำลังขึ้นสูงจ้านหยินหันกลับมาและหยิบโทรศัพท์จากโต๊ะข้างเตียงเพื่อดูเวลา"ตอนนี้เก้าโมงแล้ว!"จู่ๆ เขาก็ลุกขึ้นนั่งแม้กระทั่งในวันหยุดสุดสัปดาห์ เขาก็ไม่เคยเข้าตื่นสายขนาดนี้มาก่อนบางทีอาจเป็นเพราะว่าเขากลับบ้านดึกเมื่อคืนก่อนเขารีบอาบน้ำและเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าลำลอง โดยตั้งใจเลือกชุดที่ไห่ถงซื้อมาให้เขาเมื่อเขาเปิดประตู เขาก็เห็นป้าเหลียงกำลังนั่งอยู่บนโซฟา อุ้มแมวตัวหนึ่งไว้และดูทีวี เมื่อได้ยินเสียงประตูเปิด เธอจึงหันไปมองเขา จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนพร้อมรอยยิ้ม “นายน้อย คุณตื่นแล้ว คุณอยากกินอาหารเช้าไหม?”"ตอนนี้เก้าโมงกว่าแล้ว"จ้านหยินบ่นพึมพำขณะเดินออกไป“ถึงจะเก้าโมงกว่าแล้ว ก็ยังควรกินอะไรนะ นายหญิงได้สั่งเราไว้ก่อนที่เธอจะออกไป ให้เตือนนายน้อยว่าควรกินอาหารเช้าเมื่อเขาตื่นนอน”"นายหญิงของคุณอยู่ที่ไหน? เธอตื่นและออกไปข้างนอกตั้ง
หยูหยินหยินก็ไม่ได้โกรธเช่นกันเธอและลู่ตงหมิงรู้จักกันมาเป็นเวลานานแล้ว แต่พวกเขาแทบจะไม่ได้พูดคุยกันเลย ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่าพวกเขาไม่ได้รู้จักกันดีนักเขาไม่รู้เกี่ยวกับอดีตของเธอ ก็ถือเป็นเรื่องปกติ"คุณหนูหยู นี่อาหารเช้าของคุณ"หลังจากไห่หลิงทำอาหารเช้าให้หยูหยินหยินแล้ว เธอก็เอามาวางไว้ตรงหน้าเธอ ด้วยรอยยิ้ม เธอกล่าวกับหยูหยินหยินว่า "คุณหนูหยู ทานให้อร่อยนะคะ"หยูหยินหยินตอบด้วยรอยยิ้มไห่หลิงกลับไปที่นั่งและนั่งลง"พี่ คุณเจอเธอเมื่อไหร่?"ไห่ถงกระซิบกับพี่สาวของเธอ"คุณนายลู่แวะมาวันก่อนและเข้ามานั่งคุยกับฉัน ขณะที่คุยกับฉัน เธอบอกฉันว่าเธอต้องการจับคู่คุณหนูหยูกับประธานลู่ และแสดงรูปถ่ายของคุณหนูหยูให้ฉันดู ฉันก็เลยจำเธอได้"ไห่หลิงตอบน้องสาวของเธอด้วยเสียงต่ำและกระซิบ: "เห็นไหม พวกเขาเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์แบบ คุณหนูหยูก็ให้ความรู้สึกสบายใจมากเช่นกัน โดยไม่มีความรู้สึกห่างเหินแบบทายาทเศรษฐี"ไห่ถงมองน้องสาวอย่างละเอียด จากนั้นก้มหัวลงเพื่อกินบะหมี่และกระซิบว่า "เข้ากันได้ดีทีเดียว"ป้าเคยพูดว่าคุณนายลู่เข้ากับคนยากมากจ้านหยินก็พูดเช่นกันเนื่องจากคุณนายลู่ม
เขาไม่มีอะไรจะคุยกับไห่ถงมากนักและด้วยไห่ถงที่อยู่ที่นี่ ลู่ตงหมิงและไห่หลิงก็ไม่ได้พูดอะไรมากนักลูกค้าก็เริ่มทยอยเข้ามาเพื่อกินเกี๊ยวนึ่ง ผู้ช่วยร้านเป็นคนจัดการรับออเดอร์ พนักงานจะเสิร์ฟอาหารเช้าให้พวกเขาแทนไห่หลิงซึ่งเป็นเถ้าแก่เนี้ยเองเธอสามารถนั่งลงในที่เดิมและกินบะหมี่ต่อไปได้"พี่ลู่"คำว่าพี่ลู่นั้น ทำให้ลู่ตงหมิงหมดความอยากอาหารทันทีพี่น้องไห่มองไปที่หญิงสาวสวยที่เปิดประตูกระจกและเดินเข้ามา ไห่ถงไม่เคยรู้จักหยูหยินหยิน แต่ไห่หลิงเคยเห็นภาพของหยูหยินหยิน เมื่อมองไปหยูหยินหยินที่เข้ามา เธอคิดว่าหยูหยินหยินสวยกว่าในรูปเข้ากันได้ดีกับลู่ตงหมิง"คุณหนูหยู คุณอยากทานอาหารเช้าไหม?"ไห่หลิงวางตะเกียบลงและยืนขึ้นอีกครั้งเพื่อต้อนรับแขกสายตาของหยูหยินหยินละสายตาจากลู่ตงหมิงและจ้องมองไปที่ไห่หลิง เธอเคยเห็นไห่หลิงหลายครั้งจากไกลๆ แต่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นหน้าอีกฝ่ายกับตาตัวเอง เมื่อมองดูไห่หลิงอย่างดีๆแล้ว หยูหยินหยินรู้สึกว่าไห่หลิงเป็นหญิงสาวที่สวยมาก“ฉันได้ยินมาว่าอาหารเช้าที่นี่อร่อยมาก ฉันจะทานเหมือนกับพี่ลู่ ขอบคุณ”หยูหยินหยินเดินไปที่โต๊ะของลู่ตงหมิง วางกระเ
"ตกลง"น้องของเธออยากกินบะหมี่เครื่องในหมู ไห่หลิงยังต้มบะหมี่เครื่องในหมูสองชามด้วย เธอไม่ชอบผักชี ดังนั้นจึงมีแต่ชามน้องของเธอเท่านั้นที่ใส่ผักชีในชามของเธอ"บะหมี่เสร็จแล้ว"ไห่หลิงเรียกน้อฃให้มาเอาบะหมี่ที่ปรุงแล้วไห่ถงหยุดงาน ล้างมือ แล้วเดินไปหยิบชามบะหมี่ของเธอสองพี่น้องนั่งลงที่โต๊ะ ไห่ถงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาอย่างเป็นนิสัยและเตรียมกินบะหมี่ไปพร้อมกับอ่านข่าวไปด้วย"เวลากิน อย่ามัวแต่ดูโทรศัพท์ข เก็บโทรศัพท์ของเธอลงไป"ไห่หลิงไม่ยอมให้เธอกินในขณะที่เล่นโทรศัพท์ของเธอแบบนี้"ฉันแค่จะดูมันเฉยๆ"ไห่ถงพูด แต่ก็เก็บโทรศัพท์ของเธอกลับเข้าไปในกระเป๋าอย่างเชื่อฟัง"ต่อไปนี้ กินข้าวอยู่ห้ามเล่นโทรศัพท์ไปด้วย""เข้าใจแล้ว"ต่อหน้าพี่สาวของเธอ ไห่ถงไม่กล้าที่จะดื้อรั้น นอกจากนี้ การใช้โทรศัพท์ขณะกินอาหารก็เป็นนิสัยที่ไม่ดีจริงๆ“พี่ คืนนี้พี่จะไม่ไปงานเลี้ยงกับฉันจริงๆ เหรอ”"ไม่ไป""พี่ ฉันคิดว่าคุณควรออกไปเปิดโลกบ้าง"ไห่หลิงค่อยๆ กินบะหมี่ที่เพิ่งปรุงเสร็จและร้อนมาก"ฉันไม่จำเป็นต้องไปดูโลกแล้ว ฉันยังไปไม่ถึงระดับนั้น เธอแตกต่าง เธอเป็นนายหญิงคนโตของตระกูลจ้าน เธอต้