หยูหยินหยินพูดอย่างกระตือรืนล้น "ฉันสงสัยว่า ฉันจะมีโอกาสได้พบกับนายหญิงจ้านหรือไม่"เธอเคยได้ยินเรื่องของจ้านหยินมาบ้าง แต่ไม่เคยมีโอกาสได้พบจ้านหยินตัวเป็นๆ มาก่อนเลยผู้หญิงที่สามารถสร้างความประทับใจให้กับจ้านหยินได้นั้น หยูหยินหยินคิดว่า เป็นเพราะอีกฝ่ายต้องมีคุณสมบัติที่โดดเด่นอย่างแน่นอน ดังนั้น เธอสามารถเรียนรู้วิธีการเอาชนะใจผู้ชายจากนายหญิงจ้านได้หยูหยินหยินตอนนี้มีอายุ 28 ปีแล้ว และยังโสด เธอมีแฟนตั้งแต่ตอนอายุ 18 หรือ 19 ปี แต่ก็เลิกรากันไป ต่อมาเธอได้เข้าไปทำธุรกิจของครอบครัวและยุ่งกับงานมาก ซึ่งนั่น เป็นสาเหตุที่เธอไม่มีแฟนมาจนถึงตอนนี้คุณนายลู่ตั้งใจที่จับเธอกับลู่ตงหมิง และพ่อแม่ของทั้งคู่ก็เห็นด้วย ซึ่งหยูหยินหยินก็รู้เรื่องราวในอดีตของลู่ตงหมิงเช่นกัน และสามารถยอมรับเรื่องราวในอดีตของเขาได้เธอไม่สนใจรอยแผลเป็นบนใบหน้าของลู่ตงหมิง เธอรู้สึกว่าตราบใดที่เธอสามารถทำให้ลู่ตงหมิงตกหลุมรักได้ เธอจะให้เขาเข้ารับการศัลยกรรมตกแต่ง เพื่อลบรอยแผลเป็นและฟื้นคืนรูปลักษณ์ที่หล่อเหลาของเขาให้กลับมาได้อย่างแน่นอนหลังจากฟังคำพูดของหยูหยินหยินแล้ว คุณนายลู่ก็ยิ้มและพูดว่า "มีโอ
จ้านหยิน: "....ฉันบอกเมื่อไหร่ว่าจะกลับคฤหาสน์กินปิ้งย่างพรุ่งนี้"ถ้าอยากกินปิ้งย่างที่ไหนก็มี ทำไมต้องไปกินที่ตฤหาสน์ด้วย?"ฉันยังชอบกินปลาหมึก เนื้อแกะ กุ้ง อะไรก็ได้ที่นายย่าง ฉันชอบหมด"ลู่ตงหมิงดูเหมือนจะไม่ได้ยินคำพูดของจ้านหยิน และยังคงคุยเรื่องอาหารอยู่ฝ่ายเดียวจ้านยินวางสายทันทีหลังจากได้ยินชัดเต็มฟังสองหูอย่างไรก็ตาม คำพูดของลู่ตงหมิงทำให้เขามีเกิดไอเดีย พรุ่งนี้ยังเป็นวันอาทิตย์ และเขาไม่ต้องทำงาน ยังไม่ได้พาไห่ทงกลับไปที่คฤหาสน์ด้วย เหมือนอย่างที่ลู่ตงหมิงบอก จึงเชิญเพื่อนสามหรือห้าคนไปกินปิ้งย่าง และที่คฤหาสน์เองก็มีสถานที่สำหรับปิ้งย่างโดยเฉพาะและยังสามารถพาไห่ทงกลับไปพักผ่อนได้อีกสองสามวัน เพื่อให้เธอคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อม และทิวทัศน์อันสวยงามของคฤหาสน์ ก็อาจช่วยให้ไห่ถงอารมณ์ดีขึ้นได้อีกด้วยเมื่อคิดเช่นนี้แล้ว จ้านหยินจึงส่งข้อความไปหาลู่ตงหมิง: เข้าใจแล้ว ไปบอกซูหนานด้วย และบอกเขาว่าถ้านายน้อยซูว่าง ก็สามารถเชิญนายน้อยซูมาด้วยได้ลู่ตงหมิงได้รับการตอบกลับจากเพื่อน และถอนหายใจด้วยความโล่งใจเกือบจะแย่แล้วแม้ว่า จ้านหยินจะไม่รับสาย เขาก็ยังจะไปหาจ้านหยินพร
ตอนนี้ไห่ถงรู้แล้วว่าในช่วงตรุษจีน เธออาศัยอยู่ในคฤหาสน์เก่าที่ตระกูลจ้านไม่ได้อยู่มานานแล้ว เพื่อเอาไว้หลอกเธอ ครอบครัวแม่สามีจึงทำความสะอาดบ้านเก่าอีกครั้ง แล้วย้ายกลับเข้าไปอยู่หลอกอย่างจริงจัง!จ้านหยินตอบกลับอย่างอ่อนโยน "โอเค เอาตามที่คุณว่า ยังไงก็ตาม ที่นั่นคือบ้านของพวกเราสามารถกลับไปเมื่อไรก็ได้และอยู่ได้นานเท่าที่ต้องการ"ไห่ถงต้องการจะถอดผ้ากันเปื้อนออกจากตัวเขา แล้วพูดว่า “ฉันจะไปทำอาหารเอง”"ไม่ต้อง ผัดผักอีกซัก 2 จานก็เสร็จแล้ว ชมดอกไม้กันเพลินๆ ไปก่อนนะ ฉันไปทำเอง"จ้านยินห้ามไม่ให้เธอเข้าไปในห้องครัวไห่ถงจูบใบหน้าของเขาจ้านหยินดีใจมากที่ถูกจูบจากนั้น จึงกลับมาครัวทำอาหารอย่างมีความสุข"ที่รัก"ไห่ถงรู้ว่า เขาชอบที่จะได้ยินเธอเรียกเขาว่าที่รัก ดังนั้นเมื่อเขาอยู่ที่บ้าน เธอจึงอยากทำให้เขาพอใจ "คุณเชิญซูหนานกับประธานลู่มากินปิ้งย่างด้วยกัน คนยังน้อยไง เชิญน้อยนายน้อยห้าจวินมาด้วยเถอะ""ฉันจะชวนเสี่ยวจวินกับเสี่ยวเฟย และถามพี่ด้วยว่า เธออยากไปด้วยกันไหม"เสียงของจ้านหยินดังออกมาจากในครัว: "โอเค ฉันจะโทรหานายน้อยห้าจวินในภายหลัง และชวนเขามากินปิ้งย่างพรุ่งน
อากาศในเดือนตุลาคมของเมืองกวนเฉิงยังร้อนจัด มีเพียงตอนเช้าและตอนเย็นเท่านั้นที่สามารถทําให้ผู้คนรู้สึกถึงความเย็นของปลายฤดูใบไม้ร่วงได้หลังจากไห่ถงตื่นขึ้นมาในตอนเช้าและทําอาหารเช้าให้ครอบครัวพี่สาวทั้งสามคนแล้ว เธอก็หยิบทะเบียนบ้านและจากไปอย่างเงียบ ๆ"จากนี้ไปเราจะใช้ระบบAAกันแล้ว ไม่ว่าจะเป็นค่าครองชีพหรือค่าผ่อนรถและผ่อนบ้าน ทุกอย่างก็ต้องAAกัน! น้องสาวคุณมาอยู่ที่บ้านเรา ก็ต้องบอกให้เธอช่วยจ่ายค่าใช้จ่ายครึ่งหนึ่งด้วยแค่ให้เงินมา 10,000 บาทละเดือนเอาไปใช้อะไรได้? มันจะไปต่างอะไรกับมากินฟรีอยู่ฟรีล่ะ?"นี่คือสิ่งที่ไห่ถงได้ยินพี่เขยของเธอพูด ตอนที่พี่สาวและพี่เขยทะเลาะกันเมื่อคืนนี้เธอต้องย้ายออกจากบ้านของพี่แต่มีทางเดียวเท่านั้นที่จะทำให้พี่วางใจก็คือแต่งงานเธออยากจะรีบแต่งงานไปให้เร็ว แต่ว่าแม้แต่แฟนก็ยังไม่มี เธอจึงตัดสินใจรับคำขอของคุณยายจ้าน หญิงชราที่เธอได้ช่วยเหลือไว้โดยไม่ได้ตั้งใจ เธอจะแต่งงานกับหลานชายคนโตของคุณยายจ้านซึ่งชื่อจ้านหยินที่การแต่งงานเป็นเรื่องยากยี่สิบนาทีต่อไป ไห่ถงก็ลงจากรถหน้าประตูสํานักงานเขต"ไห่ถง"ทันทีที่ลงจากรถ ไห่ถงก็ได้ยินเสียงตะโก
"หากตัดสินใจแล้ว ฉันก็จะไม่เปลี่ยนใจค่ะ"ไห่ถงคิดไตร่ตรองอยู่สองสามวันก่อนตัดสินใจ และตอนนี้เธอตัดสินใจดีแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่คืนคำเมื่อจ้านหยินได้ยินเธอพูดแบบนั้น เขาจึงไม่ได้พูดอะไรออกไปเพื่อให้เธอเปลี่ยนใจ แต่หยิบเอกสารของตัวเองออกมา แล้วมอบแก่เจ้าหน้าที่ไห่ถงก็หยิบเอกสารของตัวเองออกมาเช่นกันพวกเขาจดทะเบียนสมรสเสร็จอย่างรวดเร็ว ทั้งกระบวนการใช้เวลาเพียงไม่ถึง 10 นาทีเมื่อไห่ถงรับทะเบียนสมรสมาจากเจ้าหน้าที่ จ้านหยินล้วงกุญแจที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ออกจากกระเป๋ากางเกงแล้วส่งให้ไห่ถงพร้อมกับพูดว่า "บ้านที่ผมซื้อไว้อยู่ที่หมิงหยวนฮวา การ์เด้น ได้ยินคุณยายบอกว่าคุณเปิดร้านขายหนังสืออยู่ที่ประตูหน้าโรงเรียนมัธยมกวนเฉิง บ้านของผมไม่ไกลจากร้านขายหนังสือของคุณ ถ้านั่งรถเมล์ก็ใช้เวลาเพียงสิบกว่านาทีเท่านั้น""คุณมีใบขับขี่รถยนต์ไหมครับ? ถ้ามีใบขับขี่ผมสามารถจ่ายเงินดาวน์รถยนต์ให้ได้ครับ แต่คุณต้องผ่อนชำระงวดรถยนต์ทุกเดือน เมื่อมีรถยนต์แล้วคุณก็จะสะดวกในการเดินทางไปทำงานแล้วก็กลับบ้าน"“งานของผมยุ่งมาก ผมออกจากบ้านเช้าตรู่กว่าจะกลับถึงบ้านก็ดึก บางครั้งก็ต้องเดินทางไปทำงานต่างจังหวัด
"คุณยายคะ หนูไม่เป็นไรแน่นอนค่ะ"ไห่ถงตอบกลับแบบปัดๆถึงแม้ว่าคุณยายจ้านจะดูแลเธอดี แต่ทว่าจ้านหยินเป็นหลานแท้ๆ เธอเป็นเพียงแค่หลานสะใภ้ หากเราทั้งคู่มีปัญหาขัดแย้งกันจริงๆ ครอบครัวจ้านจะเข้าข้างเธอหรือไม่?ไม่ใช่ว่าไห่ถงไม่เชื่อแต่อาจเหมือนกับพ่อแม่สามีของพี่สาวเธอก่อนแต่งงานพ่อแม่สามีดูแลพี่สาวดีมาก ดีมากจนทำให้ลูกสาวแท้ๆ ของพวกเขาอิจฉาริษยาหลังจากแต่งงานพวกเขากลับกลายเป็นคนละคน ทุกครั้งที่พี่สาวกับสามีมีปัญหาขัดแข้งกัน แม่สามีจะตั้งใจกล่าวหาว่าเป็นเพราะพี่สาวทำหน้าที่ภรรยาได้ไม่ดีสุดท้ายแล้วลูกชายยังไงก็คือลูกในไส้ของพวกเขา แต่ลูกสะใภ้ก็ยังเป็นคนนอกวันยันค่ำ"หลานทำงานไปก่อนนะ ยายไม่รบกวนล่ะ เดี๋ยวตอนเย็นยายจะเรียกอาหยินมารับหลานมาบ้านมากินข้าวเย็นด้วยกัน""คุณยายคะ หนูปิดร้านดึก น่าจะไม่สะดวกไปทานข้าวเย็นด้วยค่ะ แต่ถ้าเลื่อนเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์นี้แทนได้ไหมคะ?"เพราะว่าโรงเรียนจะหยุดสุดสัปดาห์ ร้านหนังสือของพวกเขาต้องพึ่งพาโรงเรียนในการทำรายได้ เมื่อโรงเรียนหยุด ธุรกิจของพวกเขาก็จะซบเซา แล้วบางครั้งอาจจะไม่เปิดร้านเลย เธอจึงมีเวลาว่าง"ได้จ้ะ"คุณยายจ้านพูดอย่างเห็น
"พี่คะ แบบนั้นไม่ได้นะ นั้นเป็นทรัพทย์สินของเขาก่อนแต่งงาน ฉันไม่ได้ออกเงินช่วยซื้อสักบาท แล้วจะให้เขาเพิ่มในใบครอบครองทรัพย์สินร่วมกันอีกได้อย่างไร เรื่องนี้เราจะไม่พูดกันอีกนะคะ"เมื่อได้รับใบทะเบียนสมรสมา จ้านหยินก็มอบกุญแจบ้านให้ ทำให้เธอสามารถย้ายเข้าบ้านนั้นได้ทันที ปัญหาเรื่องบ้านก็ได้รับการแก้ไขเรียบร้อย แค่นี้ก็ดีมากแล้วเธอจะไม่ขอให้จ้านหยินเพิ่มชื่อเธอในใบครอบครองทรัพย์สินร่วมกัน ถ้าเขาต้องการเพิ่มชื่อของเธอในใบครอบครองทรัพย์สินเอง เธอก็จะไม่ปฏิเสธในฐานะสามีภรรยาที่ตัดสินใจว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดชีวิตไห่หลิงแค่พูดแบบไปนั้น เพราะรู้ว่าน้องสาวพึ่งพาตนเองก่อนและไม่โลภมาก เธอจึงหยุดกังวลเกี่ยวกับปัญหานี้หลังจากที่ถูกพี่สาวสอบถามทุกเรื่องแล้ว ไห่ถงจึงสามารถย้ายออกจากบ้านพี่สาวได้สำเร็จพี่สาวต้องการไปส่งเธอที่หมิงหยวนฮวา การ์เด้น แต่ทันใดนั้นหลานชายโจวหยางตื่นขึ้นพอดี เจ้าตัวเล็กตื่นขึ้นมาก็ร้องไห้และมองหาแม่ของเขา"พี่คะ พี่ไปดูแลหยางหยางก่อน สัมภาระของฉันไม่เยอะ ฉันไปคนเดียวได้"ไห่หลิงต้องป้อนข้าวลูกชาย เมื่อป้อนข้าวเสร็จแล้วก็ต้องเตรียมอาหารกลางวันต่อ เพราะสามีตอนเที่ยง
จ้านหยินพูดอย่างเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น "ประชุมต่อไป"คนที่สนิทกับเขามากที่สุดคือลูกพี่ลูกน้องคนโตของเขา และเป็นนายน้อยคนที่สองของตระกูลจ้าน ชื่อ จ้านอี้เฉินจ้านอี้เฉินเข้ามา กระซิบถามว่า "พี่ใหญ่ ผมได้ยินที่คุณยายพูดกับพี่แล้ว พี่แต่งงานกับคนที่ชื่อถงอะไรสักอย่างจริงๆ เหรอ"จ้านหยินมองเขาตาขวางจ้านอี้เฉินลูบจมูกและนั่งตัวตรง โดยไม่กล้าถามต่ออีกแต่ก็ได้แสดงความเห็นอกเห็นใจถึงพี่ชายคนโตอย่างมากแม้ว่าลูกชายหลานชายของตระกูลจ้านไม่จำเป็นต้องแต่งงานเพื่อยกระดับฐานะของตน แต่พี่ชายคนโตและพี่สะใภ้ไม่ได้มาจากครอบครัวที่ฐานะเหมาะสมกัน เพียงเพราะคุณยายชอบผู้หญิงที่ชื่อไห่ถง จึงต้องการให้พี่ชายคนโตแต่งงาน พี่ชายคนโตน่าสงสารจริง ๆจ้านอี้เฉินยังคงส่งความเห็นอกเห็นใจแก่พี่ชายคนโตอีกครั้งโชคดีที่เขาไม่ใช่หลายชายคนโต มิฉะนั้นคนที่แต่งงานกับผู้มีพระคุณช่วยชีวิตของคุณยายก็เป็นเขาแล้วไห่ถงไม่รู้เรื่องเหล่านี้ เธอต้องถามให้ชัดเจนว่าบ้านใหม่ของเธออยู่ที่ชั้นไหน และเธอลากกระเป๋าเดินทางและหาบ้านใหม่จนเจอหลังจากเปิดประตูเข้าไปในบ้าน เธอพบว่าบ้านค่อนข้างใหญ่ ใหญ่กว่าบ้านพี่สาวของเธอและตกแต่งอ