"กลับห้องไปเปลี่ยนเป็นชุดราตรีก่อน"จ้านยินพูด พร้อมกับต้องการจะอุ้มเธอขึ้นมา แต่เธอกลับหยุดเขาเอาไว้"ฉันมีขาเดินเองได้"ไห่ถงยืนขึ้น และหลังจากที่จ้านหยินช่วยนวดแล้ว ขาของเธอก็รู้สึกสบายมากขึ้น"ถงถง คุณไม่ให้โอกาสฉันสักหน่อยเลย ฉันก็อยากฝึกความแข็งแรงของแขนเหมือนกัน การอุ้มคุณไปก็เป็นการฝึกความแข็งแรงของแขนนะ"ไห่ถงบีบหน้าเขาเบาๆ แล้วพูดว่า "คุณออกกำลังกายทุกวันและยังต้องอุ้มฉันไว้เพื่อฝึกความแข็งแรงของแขน ไปนอนกันเถอะ""เดี๋ยวฉันเปิดน้ำอุ่นเอาไว้ให้"จ้านหยินไม่ได้อุ้มธอกลับไปที่ห้องของเธอ ให้เธอกลับห้องไปก่อน จากนั้นก็ไปเติมน้ำนลงในอ่างอาบน้ำให้เธออาบ และเขายังนำชุดนอนมาให้เธอด้วย ให้เธอแช่น้ำอุ่น จากนั้นจะได้หลับไปอย่างผ่อนคลาย"หลังจากอาบน้ำเสร็และออกมา ไห่ถงก็ปีนขึ้นไปบนเตียงและนอนลงข้างๆ จ้านหยิน เมื่อนึกอะไรบางอย่างได้ เธอก็เงยหน้าขึ้นและจูบใบหน้าของจ้านหยินสองครั้ง "ที่รัก ราตรีสวัสดิ์"จ้านหยินจูบเธอและตอบกลับ "ฝันดีนะ""ฉันฝันร้ายน้อยมาก"ไห่ถงนอนลงและเอนตัวเข้าไปในอ้อมแขนของเขาอย่างตามเคยจ้านยินกอดภรรยาเอาไว้อย่างรักใคร่ แล้วผล็อยหลับไปวันรุ่งขึ้น ทั้งคู่ไป
"ประธานหนิงหวงลูกที่สุดและรักลูกทั้งสองคนมาก ลูกสะใภ้ของคุณทำให้ลูกสาวสุดที่รักของเขาต้องอับอายต่อหน้าสาธารณะ ประธานหนิงและภรรยาของเขาคงเกลียดลูกสะใภ้ของคุณมาก ซึ่งนั่นไม่ใช่การสร้างปัญหาให้กับตระกูลของคุณเหรอ?""คุณนายจ้าน คุณต้องอบรมสั่งสอนลูกสะใภ้ให้ดี เธอเป็นหน้าเป็นตาของตระกูลจ้านของคุณตอนนี้ เพราะเธอมาจากครอบครัวที่ยากจน แถมสูญเสียพ่อแม่ไปทั้งสองคนอีก จึงไม่มีใครคอยอบรมสั่งสอนเธอ นั่นทำให้มีนิสัยฉุนเฉียว ถ้าคุณไม่อบรมสั่งสอนเธอ เธอจะเป็นนายหญิงจ้านของคุณได้อย่างไร?"ปลายสายพูดจาเยาะเย้ยถากถางหลายคำ ซึ่งล้วนเป็นการดูถูกไห่ถงทั้งสิ้นสีหน้าของถังจวินเย่มืดมนลงทันที เมื่อได้ยินเรื่องนี้เข้าเมื่อเห็นสีหน้าของภรรยาเปลี่ยนไปอย่างมาก จ้านลี่หรงจึงถามด้วยความกังวล “ใครโทรมา? พูดเรื่องอะไร?”ถังจวินเย่ไม่ได้ตอบคําถามของสามีทันที แต่ตอบกลับปลายสายอย่างเย็นชาและพูดว่า "คุณนายเหวิน เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับคุณอย่างไร? ทุกคําพูดของคุณบอกว่าลูกสะใภ้ของฉันยุ่งเรื่องของคนอื่น และตอนนี้คุณไม่ได้ยุ่งเรื่องของคนอื่นเหรอ?""ลูกสะใภ้ของฉันจะเป็นอย่างไร ต้องให้พวกคุณสนใจ? เธอไม่ได้ยุ่งเรื่องของคนอ
"คุณหนูสองหนิงยังวางยาพี่สาวตัวเองอีก"จ้านลี่หรงตกใจเมื่อได้ยินเรื่องนี้"ก็ไม่เชิง ไห่ถงช่วยชีวิตคุณหนูใหญ่หนิงเอาไว้ ถือเป็นความดี คนปากร้ายพวกนั้นพูดออกมาได้ว่า ไห่ถงกำลังยุ่งเรื่องของคนอื่น""แล้วยังพูดอีกว่า ไห่ถงเข้าไปยุ่งเรื่องของคนอื่นและทำให้คุณนายหนิงกับคุณหนูสองหนิงไม่พอใจ แล้วทำไมยังกล้าพูดว่าประธานหนิงต้องออหน้ามาปกป้องแน่? ฉันก็ปกป้องได้เหมือนกัน ลูกสะใภ้ของฉัน ถังจวินเย่ทั้งคนไม่ต้องกลัวไปทำให้ใครขุ่นเคือง! ตราบใดที่ไห่ถงทำเรื่องถูกต้อง ถ้าเธอทำให้คนในกวนเฉิงขุ่นเคือง ฉันจะช่วยเธอเอง""โกรธมาก พยายามพูดยุยงฉัน เพื่อให้ฉันเป็นที่ทำลายความสามัคคีของตระกูลจ้านใช่ไหม?"จ้านลี่หรงหัวเราะ "ภรรยาของฉันฉลาดมาก ไม่ถูกหลอกง่ายๆหรอก""ฉันโกรธมาก แต่คุณยังหัวเราะได้อีก ไห่ถงเองก็เป็นสะใภ้ของคุณด้วย ฉันบอกคุณให้นะ ในอนาคตเมื่อไปข้างนอกแล้ว มีใครพูดว่าไห่ถงเป็นสาวบ้านนอก ที่สมองทึบและชอบยุ่งเรื่องของคนอื่น คุณเองก็ต้องตอบโต้"ถังจวินเย่โกรธมากจริงๆแม้ว่าเธอจะรู้สึกว่าภูมิหลังของไห่ถงต่ำเกินไป และมีช่องว่างระหว่างลูกชายคนโตมาก แต่เธอก็สามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ ใซึ่งคนอื่นไม่มีว
ถึงจะะเป็นฤดูใบไม้ผลิยังคงรู้สึกหนาวอยู่ หนิงซีฉีแช่ตัวในน้ำเย็นสักพักใหญ่ จากนั้นหนาวสั่นอีกครั้งในช่วงกลางดึก คุณนายหนิงรีบแจ้งให้แพทย์ประจำตระกูล ขอให้มาดูอาการของลูกสาวและสั่งยาให้ หลังจากป้อนอาหารให้ลูกสาวแล้ว เธอก็คอยดูแลงลูกสาวในห้องตั้งแต่ตอนนั้นตอนนี้ไข้ลดลงหมดแล้ว เธอจึงก็ออกมาด้วยความสบายใจ"อวิ๋นชูล่ะ? เมื่อคืนเธอไม่กลับมา?"คุณนายหนิงถามถึงลูกสาวคนโต เธอเพิ่งแสดงความรักต่อลูกสาวคนเล็ก แต่จู่ๆ ก็กลายเป็นดูถูกในทันที “ไม่รู้ว่ายัยตาบอกนั่น ไปทำบุญวัดไหนมา แม้แต่คุณนายหนิงเองก็ยังยื่นมือมาช่วยเธอ และยัยบ้านนอกนั่นด้วย""เป็นเพียงคนบ้านนอกที่ไม่มีพ่อแม่ คิดว่าลูกเป็ดจะกลายเป็นหงส์ได้เหรอ? ถ้าไม่ใช่เพราะเธอเข้ามายุ่ง ซีฉีคงไม่เป็นอะไรแน่ ยัยบ้านนอกนั้นลงมืออย่างรวดเร็ว เหมือนกับคนที่เรียนกังฟูมา"ทั้งสองสามีภรรยาเดินลงบันไดไป พร้อมพูดคุยกันถึงเหตุการณ์เมื่อคืนนี้คุณนายหนิงเกลียดไห่ถงมาก ที่ทำให้ลูกสาวของเธอป่วยและทำให้ตัวเองอับอายต่อหน้าคนจำนวนมาก"อวิ๋นชูต้องไปเปิดร้านของเธอก่อน 8 โมงเช้าทุกวัน และเวลานี้เธอก็ออกไปแล้ว"ประธานหนิงพูดอย่างใจเย็น "คราวนี้ซีฉีก็ทำเกินไป
ตามคำร้องขอของประธานหนิง ประธานหนิงจึงเตรียมของขวัญชิ้นใหญ่ให้ด้วยความไม่เต็มใจจากนั้นจึงส่งประธานหนิงออกไปหลังจากที่ประธานหนิงจากไป คุณนายหนิงก็พึมพำกับตัวเองว่า “เธอเป็นเพียงคนบ้านนอกธรรมดาๆ นายน้อยจ้านจะรักเธอไปตลอดชีวิตได้เหรอ? เพราะยังอยู่ในช่วงโปรโมชั่น ก็ยังชี้นกเป็นก ชี้ไม้เป็นไม้ อยากจะดูสินว่า เธอก็ยังสามารถนั่งในตำแหน่งของนายหญิงจ้านได้สักกี่น้ำ?"ครึ่งชั่วโมงต่อมา จ้านหยินได้รับสายโทรศัพท์ภายใน และเลขาจ้าวแจ้งเขาว่าประธานหนิงต้องการเข้าพบไม่ต้องถามเลย จ้านหยินก็รู้จุดประสงค์ของการมาเยือนของประธานหนิงเขายังไม่ได้ไปชำระบัญชีกับประธานหนิงด้วยซ้ำ แต่ประธานหนิงมาหาด้วยความสมัครใจให้เขาเข้ามา"จ้านหยินตอบกลับเลขาจ้าวอย่างเย็นชาหลังจากเลขาจ้าววางสายโทรศัพท์ลง ก็ส่งข้อความต่อในห้องรับรองพิเศษชั้นหนึ่งของอาคารสำนักงาน ประธานหนิงรออย่างเงียบๆ ซึ่งรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า เขาก็ตั้งสติและแสร้งทำเป็นสงบ มองไปที่พนักงานต้อนรับที่เข้ามา"ประธานหนิง ประธานจ้านให้ขึ้นไปพบชั้นบนได้ค่ะ"เมื่อได้ยินเช่นนี้ ประธานหนิงก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ขอบคุณแผนกต้อนรั
ประธานหนิงเคยได้ยินว่าจ้านหยินเป็นคนเย็นชาและเข้ากับคนยากมานานแล้วไม่ว่าจะเข้ากับคนง่ายหรือไม่ก็ตาม ประธานหนิงก็ไม่กล้าสรุป แต่ความเย็นชาอย่างเป็นธรรมชาตินั้นเป็นเรื่องจริง เขาอยู่ในโลกธุรกิจมาหลายปีแล้ว หลังจากที่เขารับช่วงต่อหนิงซื่อกรุ๊ปมาแล้ว และผ่านการทำงานหนักกว่าสิบปี ธุรกิจก็เปลี่ยนจากองค์กรขนาดเล็กเป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่มีทรัพย์สินเกินห้าพันล้านหยวนแม้ว่าหนิงซื่อกรุ๊ปจะอยู่ต่างเมือง แต่เขาก็ยังเป็นคนที่มีชื่อเสียงและมีคอนเนคชั่นที่ดีในกวนเฉิง"นายน้อยจ้าน ฉันมาที่นี่เพื่อขอโทษแทนลูกสาวและภรรยาของฉัน"ประธานหนิงอธิบายด้วยรอยยิ้มจ้านหยินพูดอย่างเย็นชา "ฉันไม่เคยพบกับคุณนายหนิงหรือคุณหนูสองหนิงมาก่อน""นายน้อยจ้าน เรื่องมันเป็นแบบนี้ ภรรยาและลูกสาวของฉันเข้าใจผิดและขัดแย้งกับนายหญิง ฉันตำหนิพวกเธอไปแล้ว เนื่องจากลูกสาวงฉันเป็นไข้ ภรรยาของฉันจึงต้องดูแลเธอ ดังนั้น ฉันจึงมาขอโทษแทนสาวลูกสาว""หากไม่ได้รับความยินยอมจากนายน้อยจ้าน ฉันไม่กล้ารบกวนนายหญิงจ้านอย่างหุนหันพลันแล่น ดังนั้น ฉันจึงมาที่นี่ เพื่อถามนายน้อยจ้านว่า ฉันสามารถขอโทษเธอเป็นการส่วนตัวได้หรือไม่ ฉันอยากขอโทษจ
จ้านหยินยังคงนิ่งเงียบและจ้องไปที่ประธานหนิงอย่างเย็นชาประธานหนิงถูกจ้อง ราวกับกำลังนั่งอยู่บนเข็ม"ประธานหนิงมาที่นี่เพื่อขอโทษใช่ไหม?"ถ้าจะคาดหวังให้พี่ใหญ่พูดอีกสักสองสามคำก็เป็นไปไม่ได้ จ้านอี้เฉินริเริ่มที่จะทำลายความเงียบลงประธานหนิงพยักหน้าอย่างรีบร้อน"พี่สะใภ้ฉันไม่คิดเล็กคิดน้อย และมักจะไม่ค่อยใส่ใจมากนัก แต่เธอให้ความสำคัญกับมิตรภาพมาก"ประธานหนิงยิ้ม "ฉันได้ยินมาว่าสาวน้อยคนนี้เป็นคนมีเมตตาและมีความชอบธรรม""ประธานหนิงไม่มีอะไรอีกแล้ว เชิญกลับไปได้แล้ว"อย่าแสดงละครที่นี่ต่อและพวกเขาตระกูลก็ไม่มีธุรกิจระหว่างหนิงซื่อกรุ๊ปประธานหนิงต้องการจากไปนานแล้ว แต่รู้สึกเขินอาย และมีแต่ฟ้่เท่านั้นที่รู้ว่าเขากระสับกระส่ายแค่ไหน เมื่อจ้านหยินจ้องเขาเขาอายุมากกว่าจ้านหยินมาก ดังนั้นเขาจึงเป็นพ่อของจ้านหยินได้ เขายังเป็นคนที่เคยเห็นพายุใหญ่ เมื่อเป็นเรื่องของจ้านหยิน เขามีความเข้าใจผิดว่าเขาเป็นนักเรียนประถมที่ทำผิด ในขณะที่จ้านหยินเป็นครูประจำชั้นที่ดุจ้านอี้เฉินกล่าวลา จาหนั้นประธานหนิงก็รีบจากไปพี่น้องทั้งสองไม่ได้ลุกขึ้น เพื่อไปส่ง จ้านอี้เฉินสั่งให้เลขาจ้าวออกไปส่
ดูเหมือนว่าดวงอาทิตย์เพิ่งขึ้นและตกทางทิศตะวันตกการเปลี่ยนผ่านระหว่างกลางวันและกลางคืนนั้น ไม่มีใครสังเกตเห็นเสมอวันเสาร์ ไห่ถงตื่นเช้า เพื่อไปทำอาหารเช้าก่อนที่จ้านหยินจะตื่นนอน"ทำไมคุณไม่รอให้ฉันตื่นก่อน และมาทำอาหารเช้า"จ้านหยินเดินตามหลังเธอและกอดเธอจากด้านหลัง ชอบช่วงเวลาที่ตื่นขึ้นมาและเห็นเธอแม้ว่าวันจะเรียบง่ายและธรรมดา แต่เขาก็ยังรู้สึกมีความสุขมากหลังจากมีประสบการณ์ของการทะเลาะกัน ทำสงครามเย็น และความเข้าใจผิด ทำให้จ้านหยินก็หวงแหนทุกสิ่งที่เขามีตอนนี้มากขึ้น"ฉันนอนจนตื่นเอง คุณยังไม่ตื่น ดังนั้นไม่จำเป็นต้องปลุกคุณเพื่อทำอาหารเช้า ระหว่างพวกเรา ใครทำอาหารก็เหมือนกัน"ไห่ถงหันกลับมาในอ้อมแขนของเขา เงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสายตาที่เปี่ยมด้วยความรักและยิ้ม "สวัสดีตอนเช้านะ สามี"จ้านหยินกดหน้าผากของเขาแนบกับหน้าผากของเธอและตอบอย่างอ่อนโยน "สวัสดีตอนเช้านะ ภรรยา"จากนั้นเขาก็จูบริมฝีปากของเธอกริ่งประตูดังขึ้นในขณะนี้ไห่ถงผลักเขาออกไปอย่างรวดเร็วและพูดว่า "น่าจะเป็นพี่ฉันที่มาถึงแล้ว"ถ้าป้ากับเสี่ยวเฟยมา พวกเธอจะโทรมาหาเธอ"ฉันจะไปเปิดประตู"จ้านหยินพูดพร้อมก