Share

บทที่ 418

Aвтор: จิ้งซิง
แต่กว่าจะได้พบกันช่างยากเย็น เหตุใดถึงต้องรีบจากไปเช่นนี้?

หรือว่าลุงหลานไม่อยากเจอเขา?

เวินจื่อเฉินรู้สึกถึงความผิดปกติอย่างบอกไม่ถูก เขาจ้องพ่อบ้านหลานอย่างไม่วางตา กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างหนักแน่น “ลุงหลาน ท่านลงจากรถก่อน พวกเราไม่ได้เจอกันมาหลายปีแล้ว ไปหาที่นั่งคุยกันดีๆ ก่อนเถอะ”

พ่อบ้านหลานสบตาเขา ในที่สุดก็ถอนหายใจ “ก็ได้”

หลังจากนั้นไม่นาน พ่อบ้านหลานก็มานั่งอยู่กับเวินจื่อเฉินในห้องส่วนตัวของร้านอาหารที่อยู่ใกล้ๆ

จะว่านั่งด้วยกันก็ไม่เชิง

หลังจากเข้าไปในห้องส่วนตัว เวินจื่อเฉินก็สั่งอาหารสองสามอย่าง แล้วหันไปมองพ่อบ้านหลานที่ยืนอยู่ไม่ไกล

“ลุงหลาน ตอนนี้ข้าไม่ได้เป็นคุณชายรองของสกุลเวินแล้ว ดังนั้น ท่านไม่ต้องยืนแบบนี้ก็ได้ มานั่งด้วยกันเถอะ”

“ไม่ขอรับ บ่าวรู้สึกผิดต่อคุณชายพวกท่านมาโดยตลอด เดิมทีก็ไม่มีหน้าจะพบเจออยู่แล้ว ตอนนี้ได้พบแล้ว กลับยิ่งรู้สึกละอายใจที่จะเผชิญหน้ากับคุณชาย ดังนั้นให้บ่าวยืนตอบเถิด”

เวินจื่อเฉินอ้าปากค้าง ไม่เข้าใจคำพูดของพ่อบ้านหลาน “ลุงหลาน เหตุใดจึงพูดเช่นนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นกับท่านตาและคนอื่นๆ ในตอนนั้น ล้วนเป็นฝีมือของพวกกบฏ ไม่ได้
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Заблокированная глава

Related chapter

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 419

    “ไม่อาจช่วยอะไร? นี่มันเป็นไปไม่ได้!”เวินจื่อเฉินลุกขึ้นยืนทันทีเขามองพ่อบ้านหลานอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ท่านบอกว่าประโยคนี้ท่านพ่อของข้าเป็นคนพูด? ท่านแน่ใจหรือว่าท่านพ่อของข้าเป็นคนพูดจริงๆ? ไม่ได้ฟังผิดไป?”ท่านพ่อของเขาจะพูดเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร?สกุลเวินของพวกเขากับสกุลหลานมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก ครอบครัวของท่านตาทุ่มเทให้กับพวกเขาอย่างเต็มที่ ให้ความช่วยเหลือท่านพ่อและจวนเจิ้นกั๋วกงอย่างสุดกำลังเรื่องเหล่านี้เขาไม่จำเป็นต้องจำ เพราะในเมืองหลวงมีคนมากมายที่รู้เรื่องเหล่านี้และท่านพ่อก็มักจะเล่าให้พวกเขาฟังถึงความดีของครอบครัวท่านตาที่มีต่อครอบครัวของพวกเขา ตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา ก็พาพวกเขาไปกราบไหว้ท่านตาและคนอื่นๆ ทุกปีไม่เคยขาดสิ่งต่างๆ เหล่านี้ ล้วนแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันลึกซึ้งของทั้งสองตระกูลแต่ตอนนี้พ่อบ้านหลานกลับมาบอกเขาว่า ท่านพ่อพูดเช่นนั้นเมื่อหลายปีก่อน!นี่มันจะเป็นไปได้อย่างไร?เวินจื่อเฉินไม่อาจเชื่อได้เขาซักถามพ่อบ้านหลานด้วยความตื่นเต้น แต่พ่อบ้านหลานกลับมองเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉยอารมณ์ที่ตื่นเต้นของเวินจื่อเฉินหยุดชะงักทันทีเขามองพ่อบ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 420

    ตอนนี้คุณชายรองรู้เรื่องราวในอดีตแล้วคำพูดเหล่านั้น เขาไม่ได้กล่าวเสริมเติมแต่งแม้แต่ประโยคเดียวและแผนการในวันนี้มีเพียง “การพบกันโดยบังเอิญ” เท่านั้นที่จงใจสร้างขึ้นจากนั้นก็เพิ่มการแสดงเข้าไปเล็กน้อยการหลบเลี่ยง ความหวาดกลัว จนกระทั่งการเปิดเผยอย่างจำใจทุกอย่างเป็นไปตามคำสั่งของคุณหนู ไม่มีการปิดบังคุณหนูบอกว่า ถึงเวลาแล้วที่คุณชายรองควรรู้ความจริงบางอย่างแล้วดังนั้น วันนี้คุณชายรองจึงได้รู้ทุกอย่างคิดว่าตอนนี้คนน่าจะกลับไปถึงจวนเจิ้นกั๋วกงแล้วกระมังเพียงแต่เขารู้สึกกังวลเล็กน้อย ก่อนหน้านี้คุณชายรองมักจะหุนหันพลันแล่นและโมโหง่าย ทั้งยังทำอะไรโดยไม่คิดหน้าคิดหลังไม่รู้ว่าครั้งนี้จะเป็นเช่นนั้นอีกหรือไม่ หากยังเป็นเช่นนี้ เกรงว่าจะทำลายแผนการของคุณหนู ถูกเจิ้นกั๋วกงผู้นั้นจับได้เสียก่อนด้วยเหตุนี้ พ่อบ้านหลานจึงรู้สึกกังวลแต่เขาไม่รู้ว่า หลังจากผ่านเรื่องราวต่างๆ มาก่อนหน้านี้ เวินจื่อเฉินในตอนนี้ไม่กล้าหุนหันพลันแล่นเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้วเขาได้รับบทเรียนจากน้องสาวมามากพอแล้วดังนั้น คราวนี้เขาจึงไม่ได้พุ่งไปที่ห้องหนังสือของท่านพ่อ แล้วถามท่านพ่อโดยตรงแต่

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 421

    หลังจากนั้นไม่นาน เวินจื่อเฉินก็ถูกพาตัวมาถึงตรงหน้าเป่ยเฉินหยวนเป่ยเฉินหยวนมองไปยังคนที่ถูกตีจนหมดสติอยู่บนพื้น เขาเหลือบมองเกาเย่าอย่างเฉยชาแวบหนึ่ง “ที่ข้าบอกก็คือให้เจ้าไปพาคนมา ไม่ใช่ให้เจ้าไปตีเขาจนสลบแล้วค่อยพามา”เกาเย่าเอ่ยด้วยสีหน้าบริสุทธิ์ใจ “ไม่ใช่นะ ท่านอ๋อง กระหม่อมต้องการพาเขามาเลยจริง ๆ แต่พอคุณชายรองสกุลเวินเห็นพวกข้าก็นึกว่าพวกข้าเหมือนกับคนที่ไล่ล่าเขา ตอนนั้นเลยขัดขืนไม่หยุด กระหม่อมไม่มีทางเลือก จึงต้องตีเขาให้สลบ”เป่ยเฉินหยวน “...”เดิมทียังคิดจะทำถามอะไรอีกสักหน่อย แต่เมื่อมองคนที่อยู่บนพื้น เป่ยเฉินหยวนก็เลยปล่อยเลยตามเลย“พาเขาไปพักผ่อน แล้วค่อยส่งข่าวไปถึงธิดาศักดิ์สิทธิ์”“พ่ะย่ะค่ะ”เรื่องนี้ไม่ยุ่งยากเกาเย่าจัดการเสร็จเรียบร้อยอย่างรวดเร็วก่อนจะกลับมา แล้วยังนำจดหมายจากเวินซื่อกลับมาให้เป่ยเฉินหยวนด้วย“ท่านอ๋อง นี่คือคำพูดที่ธิดาศักดิ์สิทธิ์ฝากถึงท่านพ่ะย่ะค่ะ”เป่ยเฉินหยวนที่กลับมาถึงจวนอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนแล้ว ทันทีที่ได้ยินว่ามีคำพูดของเวินซื่อ ก็รีบเงยหน้าขึ้นวางงานในมือลง แล้วรับจดหมายฉบับนั้นจากมือของเกาเย่าหลังจากอ่านทุกคำทุกประโยค

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 422

    “น้องรอง?!”“เกิดอะไรขึ้น? เจ้าเป็นอะไรไป?”เวินฉางอวิ้นรีบพาเขาเข้ามาในห้องแต่หลังจากเขาวางน้องชายลงบนเตียง แล้วตะโกนเรียกอยู่หลายครั้ง ก็ไม่เห็นตื่นขึ้นมา เขารู้สึกเป็นห่วงมากในทันทีเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?เขารู้ว่าน้องรองกลับมาแล้ว แต่ต่อมาก็ได้ยินว่าเขาไปตั้งแต่เช้าตรู่แล้วดังนั้นก่อนหน้านี้เวินฉางอวิ้นจึงไม่ได้เห็นเวินจื่อเฉิน ตอนแรกเขานึกว่าน้องชายกลับไปที่กระท่อมที่เขาอาศัยอยู่ที่เชิงภูเขาหนานแล้ว แต่ไม่นึกเลยว่าน้องชายจะยังอยู่ในจวนอีกทั้งในเวลาแบบนี้ยังมาหมดสติอยู่หน้าประตูห้องของเขาอีกหรือว่าท่านพ่อจะทำอะไรกับน้องรอง?เวินฉางอวิ้นที่บัดนี้ไม่อาจไว้ใจเวินเฉวียนเซิ่งอีกแล้ว อดไม่ได้ที่จะคิดเช่นนี้อยู่ภายในใจช่างมันเถอะเขาไม่ควรคิดอะไรมากไปกว่านี้แล้วเมื่อพิจารณาจากสภาพของน้องรองก็น่าจะแค่หมดสติไป รอให้เขาตื่นขึ้นมาแล้วค่อยถามให้รู้เรื่องดีกว่าต่อมาเวินฉางอวิ้นก็พักผ่อนอยู่บนตั่งเล็กกลางห้องทั้งคืนจนกระทั่งวันรุ่งขึ้น เมื่อเวินฉางอวิ้นเก็บข้าวของเสร็จเตรียมจะออกไปทำงาน เวินจื่อเฉินก็ตื่นขึ้นมาในเวลานี้พอดี“ซี้ด เจ็บชะมัด หัวของข้า...”“องครักษ์ลับ” ท

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 423

    “เพล้ง!”ทันทีที่เวินฉางอวิ้นก้าวเข้าไปในห้องหนังสือ ก็ได้ยินเสียงถ้วยชาถูกขว้างแตกอย่างแรงเขารีบเดินเข้าไป ก็เห็นน้องชายที่เมื่อเช้ายังรับปากกับเขาว่าจะรออยู่ในเรือนดี ๆ ตอนนี้กำลังคุกเข่าอยู่ตรงหน้าบิดาน้ำชาสาดกระเซ็นอยู่ตรงหัวเข่า ดูจากเศษแก้ว ก่อนที่เขาจะมาถึง ถ้วยชาน่าจะแตกไปหลายใบแล้วเวินเฉวียนเซิ่งนั่งอยู่บนตำแหน่งสูง สองตาหรี่ลงเล็กน้อยในขณะที่มองดูเขา น้ำเสียงแฝงความโกรธเอาไว้“เวินจื่อเฉิน พ่อจะให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย เจ้าพูดมา เจ้าต้องการค้นหาอะไรในห้องหนังสือของพ่อกันแน่?”เวินจื่อเฉินคอตก นิ่งเงียบไม่พูดจาตั้งแต่เมื่อครู่นี้ ไม่ใช่สิ ควรจะบอกว่าตั้งแต่เขาถูกจับได้จนถึงตอนนี้ เขาไม่พูดอะไรเลยสักคำเดียวแม้ว่าเวินเฉวียนเซิ่งจะคาดคั้นเขาอย่างไร เขาก็ยังมีสีหน้านิ่งเฉย และไม่พูดไม่จาเหมือนกันเวินเฉวียนเซิ่งเห็นแล้วความโกรธก็ยิ่งทวีขึ้นทันที “ดี ในเมื่อเจ้าทำเรื่องลักเล็กขโมยน้อย ก็อย่าหาว่าพ่อไม่เกรงใจเจ้า”“เด็ก ๆ ไปเชิญกฎประจำตระกูลมา!”เวินฉางอวิ้นที่ยืนอยู่ที่ประตูพอได้ยินคำนี้ก็ยืนเฉยไม่ไหวแล้วเขาเดินเข้าไปพูดห้ามปรามทันที “ช้าก่อน ท่านพ่อ ตรงนี้อาจ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 424

    เขาถามขึ้นมาตรง ๆแต่ใครจะรู้ว่า เวินจื่อเฉินที่ยังอ้าปากพูดอยู่เมื่อครู่ได้หุบปากแข็ง ๆ ของเขาลงอีกครั้งแล้วซ้ำยังหันหน้าไป ทำสีหน้าว่า “ท่านไม่ต้องถาม ข้าไม่บอก”เวินฉางอวิ้นทนไม่ไหวในทันที จ้องเขม็งใส่น้องชายของเขาคนนี้อย่างดุดัน “ได้ๆๆ ถ้าเจ้าไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูด”“แต่นับจากนี้เป็นต้นไป เจ้าต้องเชื่อฟังคำพูดของพี่ใหญ่ พี่ใหญ่บอกให้เจ้าพูดอย่างไรเจ้าก็พูดอย่างนั้น ห้ามต่อปากต่อคำกับท่านพ่ออีกต่อไป”เวินจื่อเฉินอ้าปากอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่เวินฉางอวิ้นดึงใบหูของเขาทันที ดึงจนเวินจื่อเฉินรู้สึกเจ็บ “จะฟังไม่ฟัง? เจ้าจะฟังหรือไม่ฟัง?”“ฟัง ๆ ๆ!”หลังจากเวินจื่อเฉินลิ้มรสความเจ็บปวดแล้วก็รีบตอบตกลง “ข้าจะเชื่อฟังคำพูดของท่านพอใจแล้วใช่ไหม ดังนั้นพี่ใหญ่ท่านปล่อยหูข้าได้หรือยัง?!”“ถ้าไม่สั่งสอนเจ้าเสียบ้าง เจ้าก็ไม่เห็นพี่ใหญ่อย่างข้าอยู่ในสายตาเลย”แต่เวินฉางอวิ้นไม่ได้ปล่อยหูของเขาทันที ทำเสียงฮึดฮัดอย่างเย็นชา แล้วกดเสียงต่ำพูดอะไรบางอย่างกับเขาเบา ๆไม่นานหลังจากนั้น เสียงฝ่ามือ “ผัวะ” ก็ดังขึ้นในมุมนั้นหลังจากนั้น สองพี่น้องทั้งสองก็เดินออกมาจากด้านในเวินเฉวียนเ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 425

    “ก็ไม่ใช่เพราะท่านพ่อหรอกหรือ ตอนที่ข้าออกจากจวนเจิ้นกั๋วกง ในตัวไม่มีสักสตางค์เดียว เดิมทีคิดว่าท่านพ่อใจแคบเช่นนี้ จะยอมรับเงื่อนไขของน้องห้าได้จริง ๆ อย่างไร?”เวินจื่อเฉินก็กล่าวเหน็บแนมในทันใดคำพูดของเขายั่วโมโหเวินเฉวียนเซิ่งขึ้นมาทันที“บังอาจนัก!”เวินเฉวียนเซิ่งทุบโต๊ะ จ้องมองอย่างเวินจื่อเฉินอย่างโกรธเคือง...“เวินจื่อเฉิน นี่คือท่าทีที่เจ้าใช้พูดกับพ่อหรือ?”เวินจื่อเฉินยิ้มอย่างเยือกเย็น “ไม่เช่นนั้นท่านพ่ออยากให้ข้าใช้ท่าทีอย่างไรกับท่านหรือ?”“เจ้า...!”เวินเฉวียนเซิ่งถูกเวินจื่อเฉินยั่วโมโหจนมึนหัว ไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อไปชั่วขณะหนึ่งแต่สิ่งที่ได้กลับมาก็ยังเป็นความโกรธเคืองของเวินเฉวียนเซิ่ง“ดี เจ้าช่างกล้าพูด ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หากเจ้าทำอะไรผิด ก็สมควรถูกลงโทษ”เวินเฉวียนเซิ่งเบื่อจะพูดจาไร้สาระกับลูกเนรคุณคนนี้อีกต่อไป จึงหันกลับไปสั่งการว่า “ไปเอากฎประจำตระกูลมาให้ข้าเดี๋ยวนี้!”ใครจะรู้ว่าทันทีที่เขาพูดเช่นนี้ เวินจื่อเฉินจะโต้เถียงอย่างไม่กลัวเกรงอีกครั้งกฎประจำตระกูลอะไร? ท่านเจิ้นกั๋วกงคงไม่ได้ลืมไปแล้วใช่ไหมว่า ข้าเวินจื่อเฉินไม่ใช่คนของจวนเจิ้นกั๋

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 426

    “ได้ยินแล้วหรือยัง?”เวินเฉวียนเซิ่งเอ่ยปากอย่างเย็นชา “น้องรองของเจ้าเติบโตมาในวันนี้ ปีกกล้าขาแข็งแล้ว ปรารถนาจะโบยบินออกไปข้างนอก เจ้ายังจะพูดอะไรแทนเขาอีก?”“แต่ว่า...”เวินฉางอวิ้นยังต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ในขณะนี้เวินจื่อเฉินได้ดึงเขาไว้“พี่ใหญ่ พอแล้ว!”เวินจื่อเฉินกัดฟันพูดว่า “ข้ารู้ว่าท่านไม่อยากให้ข้าจากไป แต่ข้าทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ”ขณะที่เขาพูดประโยคสุดท้าย ความผิดหวังและความเจ็บปวดในสายตาของเขาได้ทิ่มแท่งหัวใจของเวินฉางอวิ้นอย่างลึกซึ้งในชั่วพริบตานั้น เวินฉางอวิ้นดูเหมือนจะสูญเสียเรี่ยวแรงทั้งหมดไปเขาคอตกอย่างหมดแรง พลางหลับตาลง“เอาล่ะ..ไปเถอะ ไปเถอะ...”ไปเถอะเวินฉางอวิ้นพูดช้า ๆ ในน้ำเสียงแฝงความสะอื้นไว้เขาขอร้องแกมบังคับใช่แล้ว ตัวเขาเองก็ผิดหวังกับครอบครัวนี้มาก อย่าว่าแต่น้องชายที่ตื่นรู้ก่อนใครตอนนี้สำหรับเขาแล้ว อยู่ข้างนอกยังดีกว่าอยู่ในบ้านเสียอีกดังนั้นก็ช่างมันดีกว่าควรไปก็ไปเถอะ“ท่านพ่อ ครั้งนี้ลูกจะขอร้องท่าน ปล่อยเขาไปเถอะ อย่าลงโทษเขาเลย”เวินฉางอวิ้นก้มหัวให้เวินเฉวียนเซิ่งพลางเอ่ยขึ้นเวินเฉวียนเซิ่งมองไปที่ลูกชายคนโตของ

Latest chapter

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 550

    ถึงขั้นเอาอีกฝ่ายมาข่มขู่เวินจื่อเยวี่ย ทำให้เวินจื่อเยวี่ยต้องเลือกระหว่างนางและหลินเนี่ยนฉือแล้วนางสารเลวที่ยังไม่เดินผ่านประตูเข้ามาจะเอาอะไรมาเทียบกับนาง!เวินเยวี่ยโกรธจัดจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ในเสี้ยววินาทีที่ก้มศีรษะลง สายตาอาบยาพิษช่างน่าสะพรึงกลัว“ยุแยงตะแคงรั่ว?”เวินซื่อแค่รู้สึกว่าคำพูดของเวินจื่อเยวี่ยน่าขบขันมาก “มีเพียงคนที่มีหัวใจเท่านั้นถึงจะรู้สึกว่าใคร ๆ ก็เป็นเช่นนี้”นางเหลือบมองเวินเยวี่ยแวบหนึ่งอย่างเฉยชา ก่อนจะเอ่ยอย่างไม่แยแส “ท่านคิดว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้จะใช้พวกท่านไปก่อกวนความสงบของนางหรือ? ฝันไปเถอะ พวกท่านยังไม่คู่ควร”“เหอะ พูดเสียน่าฟัง ถ้าไม่ใช่เพราะจดหมายที่เจ้าเขียนไปฟ้อง หลินเนี่ยนฉืออยู่ที่อู๋โจวอยู่ดี ๆ จะเข้ามาที่เมืองหลวงทำไม? แล้วยังต้องการถอนหมั้นกับข้าอีก?!”ถึงตอนนี้เวินจื่อเยวี่ยยังคงเชื่อว่าเวินซื่อไปพูดอะไรกับหลินเนี่ยนฉือ ถึงทำให้หลินเนี่ยนฉือทำเช่นนั้น“ท่านคิดว่าข้อมูลในใต้หล้านี้มีสิ่งใดที่สามารถปิดบังได้อย่างนั้นหรือ? จวนเจิ้นกั๋วกงของพวกท่านได้ทำเรื่องที่น่าอับอายขายขี้หน้า ไร้ยางอายมาไม่น้อย แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงตั้งน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 549

    อูฐผอมซูบยังตัวใหญ่กว่าม้าการจะทำลายจวนเจิ้นกั๋วกงอันใหญ่โตแห่งนี้โดยอาศัยแมลงเพียงไม่กี่ตัว มันเป็นไปไม่ได้เลยแน่นอน มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้อย่างสิ้นเชิงเพียงแต่ราคาที่ต้องจ่ายนั้นสูงเกินไปอย่างเช่นการหมั้นหมายระหว่างจวนเจิ้นกั๋วกงและสกุลหลินเมื่อจวนเจิ้นกั๋วกงถูกกล่าวหาว่าสมคบคิดกับชาวต่างเผ่า เวินเฉวียนเซิ่งจะต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อชำระล้างให้หลุดพ้นจากข้อกล่าวหานี้และวิธีการที่ดีที่สุดก็ต้องเป็นการดึงผู้คนให้เข้ามาพัวพันมากขึ้นสกุลหลินที่ยังมีการหมั้นหมายกับจวนเจิ้นกั๋วกงเป็นกลุ่มแรกที่รับศึกหนัก โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างหลินเนี่ยนฉือและเวินซื่อ และจะกลายเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เวินเฉวียนเซิ่งดึงสกุลหลินให้ลงมาพัวพันด้วยดังนั้นก่อนจะยุติการหมั้นหมายระหว่างหลินเนี่ยนฉือและเวินจื่อเยวี่ย เวินซื่อยังไม่สามารถทำอะไรบุ่มบ่ามได้ทว่า ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถแตะต้องจวนเจิ้นกั๋วกงได้ แต่การมีเวินเยวี่ยเพียงคนเดียวก็ไม่ใช่เรื่องที่เสียหาย“หมั้น...หมั้นหมาย?”ในขณะนี้ เสียงที่สับสนของเวินเยวี่ยก็ดังขึ้นจากทางด้านหลังของ เวินจื่อเยวี่ย“พี่สาม ท่านหมั้นกับใครตั้

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 548

    “ท่าน…!”เวินเยวี่ยลมแทบจับเมื่อได้ยินที่เวินซื่อพูดนางข่มไฟโทสะเอาไว้ “ธิดาศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่คนของกองทัพธงดำเสียหน่อย ให้ท่านมาทำการค้นหา ไม่น่าจะเหมาะสมกระมัง?”เวินเยวี่ยฝืนยิ้ม “ท้ายที่สุดแล้วบุญคุณความแค้นระหว่างพี่หญิงห้ากับเยวี่ยเอ๋อร์นั้นเป็นที่ประจักษ์ชัดแจ้งกันทั่วทุกคน ถ้าเกิด…”ประโยคสุดท้ายนี้ไม่ได้พูดออกมาทั้งหมด แต่ก็สามารถเข้าใจทุกอย่างที่ควรเข้าใจถ้าเกิดเวินซื่อเข้าไปวางกลอุบายบางอย่างเพื่อใส่ร้ายนางแล้วจะทำเช่นไร?เวินซื่อหันหน้าไปเผชิญหน้ากับเวินเยวี่ย รอยยิ้มเล็ก ๆ เผยออกมาบนใบหน้าอันบริสุทธิ์ผุดผ่องและงดงามของนาง “ข้าไม่ต่ำช้าไร้ยางอายเหมือนเจ้า”ใบหน้าของเวินเยวี่ยสลดลงเพราะดำด่าของนางทันทีแต่วินาทีต่อมาก็ได้ยินเวินซื่อพูดว่า “แต่ว่านี่มันก็เป็นปัญหาจริง ๆ ในเมื่อคุณหนูหกสกุลเวินเป็นกังวลเช่นนี้ เช่นนั้นข้าธิดาศักดิ์สิทธิ์ก็ขอยืนค้นหาอยู่ที่ประตูแล้วกัน”ยืนค้นหาอยู่ที่ประตูหรือ?แล้วจะค้นหาอย่างไร?ขณะที่เวินเยวี่ยและคนอื่น ๆ กำลังงุนงง เวินซื่อก็พลิกฝ่ามือ ก่อนจะหยิบขวดหยกขวดหนึ่งออกมาจากกลางฝ่ามือของนางฉางเสี่ยวหานก้าวเข้าไปรับขวดหยกจากมือของเว

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 547

    “เหลวไหลสิ้นดี!”แววอันตรายฉายผ่านดวงตาอันคมกริบของเวินเฉวียนเซิ่งในทันใดเขาจ้องไปที่รถม้าที่เวินซื่อนั่งอยู่ สายตามองทะลุช่องว่างของม่านหน้าต่าง พลางชี้ตรงไปที่เวินซื่อ “เวินซื่อ เจ้ารู้ไหมว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่? เจ้ากำลังใส่ร้ายขุนนางในราชสำนักซึ่งเป็นความผิดร้ายแรง!”“หากเจ้าไม่สามารถแสดงหลักฐานใด ๆ ได้ ต่อให้เจ้าจะเคยเป็นลูกสาวของข้า ข้าก็จะไม่ปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ เด็ดขาด!”“เจิ้นกั๋วกงไม่จำเป็นต้องใจร้อนขู่ขวัญเช่นนี้”ว่าแล้วเวินซื่อก็ยกมือขึ้นเปิดม่านรถแล้ว เดินออกมาจากด้านในอย่างช้า ๆเสี่ยวหานก้าวไปข้างหน้าอย่างมีไหวพริบ ทำตามสาวใช้เหล่านั้น เอื้อมมือออกไปช่วยประคองธิดาศักดิ์สิทธิ์ของนางลงจากรถม้าช้า ๆหลังจากลงสู่พื้นและยืนได้อย่างมั่นคงแล้ว เวินซื่อก็เงยหน้าขึ้นมองเวินเฉวียนเซิ่งผ่านกองทัพธงดำ นางยิ้มเล็กน้อย “ถ้าธิดาศักดิ์สิทธิ์ไม่มีหลักฐาน วันนี้จะกล้านำกองกำลังไปปิดล้อมจวนเจิ้นกั๋วกงของท่านได้อย่างไร”การทำงานตามคำสั่งส่วนตัวของอ๋องผู้สำเร็จราชการเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การทำงานตามพระราชโองการของฝ่าบาทก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งเวินซื่อยกมือขึ้น รับพระราชโองการจากมือของกองทัพ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 546

    ให้อ๋องผู้สำเร็จราชการแทนมาหนุนหลังนางแล้วอย่างไรต่อ เขาไม่เชื่อว่า อ๋องผู้สำเร็จราชการแทนผู้สง่างามจะบังคับเขาให้ถอนหมั้นได้อย่างนั้นหรือ!เมื่อเวินเฉวียนเซิ่งได้ยินเวินจื่อเยวี่ยพูด ก็มองเขาแวบหนึ่งอย่างเย็นชา “เจ้าควรคิดหาวิธีช่วยพี่ใหญ่ของเจ้าก่อนดีกว่า ถ้าครั้งนี้พี่ใหญ่ของเจ้าตาย ก็อย่าได้คิดเรื่องหมั้นหมายเลย ข้าเวินเฉวียนเซิ่ง ไม่มีลูกชายที่ใจไม้ไส้ระกำอย่างเจ้า”ใบหน้าของเวินจื่อเยวี่ยขรึมลงทันทีเขารู้ว่าลูกชายคนโปรดของบิดาไม่ใช่เขา แต่เป็นพี่ใหญ่ที่บิดาเลี้ยงดูอย่างสุดชีวิตจิตใจแต่เขานึกไม่ถึงว่ามาถึงขั้นนี้แล้ว บิดาจะยังโหดร้ายถึงเพียงนี้ เอาการหมั้นหมายของเขามาข่มขู่เขาเวินจื่อเยวี่ยไม่ได้พูดอะไรอีกแต่ในขณะนี้ พ่อบ้านนั้นพูดด้วยสีหน้าขมขื่น “ท่านกั๋วกง คุณชายสาม ครั้งนี้ผู้ที่นำกองทัพธงดำมาไม่ใช่ท่านอ๋องขอรับ”เมื่อได้ยินคำพูดนี้เวินเฉวียนเซิ่งก็หันกลับไปหาพ่อบ้าน “ไม่ใช่เป่ยเฉินหยวนหรอกหรือ? แล้วใครล่ะ?”นอกจากฮ่องเต้น้อยและเป่ยเฉินหยวนเองแล้ว ยังมีใครอีกที่สามารถระดมกองทัพธงดำ ถึงขั้นกล้าปิดล้อมจวนเจิ้นกั๋วกงของเขาได้?ขณะที่เวินเฉวียนเซิ่งกำลังครุ่นคิดในหัวว

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 545

    “เสี่ยวหาน ให้ข้าดูหน้าเจ้าหน่อยสิ”หลังจากขับไล่เวินเฉวียนเซิ่งและเวินจื่อเยวี่ยออกไปแล้ว เวินซื่อก็ดึงฉางเสี่ยวหานเข้ามา“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ตบไม่โดนหน้า ข้าหลบได้นิดหน่อย แค่ตบโดนหัวเท่านั้น”ถึงกระนั้น การตบของเวินจื่อเยวี่ยก็หนักหน่วงมาก จนศีรษะของฉางเสี่ยวหานถึงกับสั่นคลอนในตอนนั้น ใช้เวลาสักพักกว่าจะตอบสนองได้“เจ้าไม่ต้องกังวล การตบครั้งนี้ข้าจะต้องเอาคืนเขาอย่างแรงแน่นอน”สีหน้าของเวินซื่อเคร่งขรึมลง น้ำเสียงไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งฉางเสี่ยวหานลุกขึ้นกล่าวว่า “ไม่ ๆ ๆ ไม่ต้องหรอกธิดาศักดิ์สิทธิ์ เมื่อครู่ท่านช่วยตบคืนแทนเสี่ยวหานแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำอะไรอีกเจ้าค่ะ”ฉางเสี่ยวหานรู้จักคนในเมืองหลวงน้อยมาก แต่หลังจากติดตามเวินซื่อมาเป็นเวลานาน ก็ได้เรียนรู้เรื่องต่าง ๆ มากขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดที่ธิดาศักดิ์สิทธิ์พูดกับสองพ่อลูกคู่นั้นเมื่อครู่ ก็ย่อมสามารถคาดเดาตัวตนของพวกเขาได้อย่างง่ายดายคนหนึ่งคืออดีตบิดาของธิดาศักดิ์สิทธิ์ อีกคนคืออดีตพี่ชายของธิดาศักดิ์สิทธิ์ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขานั้นย่ำแย่มากพออยู่แล้ว หากธิดาศักดิ์สิทธิ์ต้องทะเลาะกับพี่ชายหนักขึ้นด้วยเรื่

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 544

    เขาขบริมฝีปากล่างแน่น กัดปากของตัวเองแตกเหมือนไม่รู้สึกตัว ปล่อยให้เลือดไหลลงจากมุมปากช้า ๆ“หลินเนี่ยนฉือล่ะ?”เวินจื่อเยวี่ยเอ่ยปากถามขึ้นทันใด“ข้าอยากพบนาง”“นางไม่อยากพบท่าน”เวินซื่อเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ“ข้าบอกว่าข้าอยากพบนาง!”เวินจื่อเยวี่ยตวาดลั่นอย่างฉุนเฉียวขึ้นมาทันใด พลางปัดมือของจางเสี่ยวหานออกมือของจางเสี่ยวหานถูกตีเจ็บ ตกใจสะดุ้งโหยง เมื่อนางรู้ตัวก็เอื้อมมือออกไปอีกครั้ง คว้าเพียงหนังสือถอนหมั้นฉบับนั้นไว้ส่วนจี้หยกก็ร่วงลงสู่พื้นดัง “ตุ้บ” ตามมาด้วยเสียงแตกหักดังขึ้น จี้หยกแยกออกเป็นสองส่วนทันทีเวินจื่อเยวี่ยที่ยังอยู่ในอาการฉุนเฉียวเมื่อได้ยินเสียงนี้อย่างกะทันหัน ก็ก้มหน้าลงมอง เกิดความสับสนขึ้นโดยพลันเขารีบเก็บจี้หยกขึ้นมา เมื่อมองดูรอยแตกหักนั้น ก็ไม่อาจยับยั้งไฟโทสะที่อัดอั้นอยู่เต็มอกไว้ได้ เพียงชั่วครู่ก็ระเบิดอารมณ์ใส่ฉางเสี่ยวหาน...“ใครให้เจ้าทำของของข้าพัง! เจ้าอยากตายหรือไง?!”“อะไรนะ? ไม่ใช่ข้า เป็นท่านต่างหากที่ปัดมือของข้าเอง...”“สาวใช้ต่ำต้อยอย่างเจ้ายังกล้าเถียงอีก!”เวินจื่อเยวี่ยลุกพรวดขึ้น สีหน้ามีรอยพยายาท ยกมือขึ้นตบหน้าฉางเส

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 543

    เวินจื่อเยวี่ยมองเวินเฉวียนเซิ่งอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ท่านพ่อ พูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”เวินจื่อเยวี่ยเงียบไปครู่หนึ่ง “เจ้าน่าจะเข้าใจ เจ้าสาม”“ข้าไม่เข้าใจ!”เวินจื่อเยวี่ยตวาดออกมาทันใด พลางจ้องมองไปที่บิดาของเขาอย่างไม่ละสายตาเวินเฉวียนเซิ่งถอนหายใจอีกครั้ง “แค่การหมั้นหมายเท่านั้น พ่อรู้ว่าเจ้าไม่เต็มใจยอมรับ แต่พี่ใหญ่ของเจ้ามีเวลาเหลือไม่มากแล้ว ถ้ายังไม่เอายากลับไปอีก เขาจะต้องตายในไม่ช้า”“เจ้าสาม เจ้าจะทนเห็นพี่ใหญ่ของเจ้าตายไปได้จริงหรือ?”เวินจื่อเยวี่ยที่ได้ยินคำพูดประโยคนี้ของเขาได้ถามด้วยเสียงอันสั่นเครือเล็กน้อย “ก็เลยต้องเสียสละการหมั้นของข้าเพื่อช่วยพี่ใหญ่อย่างนั้นหรือ? ทั้ง ๆ ที่เรายังมีวิธีอื่นอีก แต่ท่านก็ยังยืนกรานที่จะขอร้องเวินซื่อ?!”“ยังมีวิธีอื่นอีกหรือ?”สีหน้าของเวินเฉวียนเซิ่งเย็นชาลง น้ำเสียงแย่มาก “ไม่ว่าจะเป็นบัวหิมะก็ดี เห็ดหลินจือสีม่วงอายุหนึ่งร้อยปีก็ดี หรือหญ้าฝรั่นที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนด้วยซ้ำก็ดี เจ้าคิดว่ามีสิ่งไหนหาง่ายบ้าง?!”“หากพี่ใหญ่ของเจ้ายังยืดเวลาได้อีกครึ่งค่อนเดือน พ่อก็จะไม่รีบร้อนเช่นนี้! แต่นี่พี่ใหญ่ของเจ้าอาจตายได้

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 542

    นางมองเวินเฉวียนเซิ่งอย่างเย็นชา “ท่านไม่มีคุณสมบัตินี้ตั้งนานแล้ว”“เวินซื่อ! จงระวังท่าทีในการพูดจาของเจ้าด้วย แม้ว่าตอนนี้เจ้าจะเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์แล้ว แต่ความสัมพันธ์พ่อลูกของเจ้ากับพ่อจะไม่มีทางเปลี่ยนแปลง อย่าลืมว่ายังมีเลือดของสกุลเวินไหลเวียนอยู่ในตัวเจ้า”“ใครบอกว่าเปลี่ยนแปลงไม่ได้?”เวินซื่อยิ้มเยาะ “ความสัมพันธ์นี้จะเปลี่ยนไปในไม่ช้า แต่ตอนนี้ขอวกกลับเข้าประเด็นก่อน ท่านเจิ้นจั๋วกง ท่านยังไม่ได้บอกตัวเลือกของท่านเลย ท่านวางแผนที่จะเลือกใครกันแน่?”ล้มเหลวในการเล่นกับอารมณ์ ล้มเหลวในการข่มขู่กลับมาสู่เงื่อนไขข้อแรกสุดอีกครั้ง สายตาของเวินเฉวียนเซิ่งเย็นชาลงระดับหนึ่งในทันใดเวินซื่อดูเหมือนจะมองไม่เห็นเลย เร่งรัดเขาด้วยอารมณ์ที่ดีมาก“ข้ามีเวลาไม่มากนัก ท่านเจิ้นจั๋วกงรีบตัดสินใจโดยเร็วที่สุดเถอะ มิฉะนั้นก็จะไม่มีการเจรจาใด ๆ อีกแล้ว”นางหันไปมองเวินเฉวียนเซิ่งด้วยรอยยิ้มตาหยี “‘พี่ใหญ่แสนดี’ ของข้าก็น่าจะมีเวลาไม่เพียงพอใช่ไหม?”“ถุย!”เวินจื่อเยวี่ยถ่มน้ำลายใส่นางอย่างรุนแรง “พี่ใหญ่ไม่มีน้องสาวที่ชั่วร้ายอย่างเจ้า!”“ถูกต้อง ข้าชั่วร้าย แต่ก็เทียบไม่ได้กับเว

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status