“พลธนูเตรียมพร้อม!”แทบจะเป็นวินาทีที่ได้ยินเสียงร้องโหยหวน เกาเย่าสั่งการทันทีกองทัพธงดำกว่าร้อยนายดึงธนูใส่ลูกดอก เล็งไปที่ป่าแห่งนั้น“ช้าก่อน! พวกเรายอมแพ้! พวกเรายอมแพ้!”คนที่อยู่ในป่านึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายยังไม่ทันเข้าไปในป่าด้วยซ้ำก็สังเกตเห็นพวกเขาแล้ว กระทั่งธนูดอกเดียวยังยิงจนคนของพวกเขาบาดเจ็บเมื่อนึกว่าวินาทีต่อไปฝนธนูจะพุ่งใส่หัว พวกคนที่อยู่ในป่ารีบตะโกนเสียงดังทันที“พวกโจรสามหาว กล้าซุ่มโจมตีขวางทางอยู่ที่นี่ ยังไม่รีบไสหัวออกมาอีก!”เกาเย่าตะโกนเสียงดัง ทำให้โจรที่ซ่อนอยู่ในป่าตกใจจนรีบล้มลุกคลุกคลานออกมาเป่ยเฉินหยวนมองแวบหนึ่ง เหมือนจะเป็นโจรป่าจากป่าสักแห่งเขาหรี่ดวงตาทั้งคู่ลง “พวกเจ้าคือโจรป่าจากที่ใด?”หัวหน้าโจรป่ารีบคุกเข่าลงพื้นแล้วตอบคำถาม “เรียนนายท่าน แต่เดิมพวกข้าเป็นชาวบ้านหมู่บ้านเสือดำ แต่ช่วงก่อนหมู่บ้านเสือดำถูกโจรซุ่มโจมตี หัวหน้าใหญ่ในหมู่บ้านตายอย่างอนาถ พี่น้องคนอื่นก็ถูกฆ่า เหลือเพียงพวกข้าที่มีกันร้อยกว่าคน ตอนนี้อดอยากเหลือเกิน เดิมอยากจะปล้นสะดมภ์พวกอาหาร ไม่คิดจะฆ่าใคร! ขอนายท่านโปรดไว้ชีวิต ไว้ชีวิตด้วย! ต่อไปพวกข้าไม่กล้าทำอีกแล้
นางสามารถเข้าไปในจวนอ๋องผู้สำเร็จราชการก่อน เพื่อปูทางให้อาซื่อต่อไปรอให้อาซื่อศึกออกมาแล้วเข้าจวน อาซื่อเป็นใหญ่ นางเป็นน้อย พวกนางยังคงเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิม!ส่วนนางจะกำจัดทุกอย่างให้อาซื่อ!อันหลันซินเดาใจเป่ยเฉินหยวนได้แต่แรกแล้วนางกระทั่งมีลางสังหรณ์ วันหนึ่งเป่ยเฉินหยวนต้องสู่ขอเวินซื่อเข้าจวนอ๋องผู้สำเร็จราชการแน่นอนแต่นางไม่เชื่อบุรุษที่ผ่านมาบุรุษมักมีสามเมียสี่อนุ ประชาชนทั่วไปยังเป็นเช่นนั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอ๋องผู้สำเร็จราชการที่ยิ่งใหญ่?บุรุษเช่นนี้ต่อให้เขารักอาซื่อมากเพียงใด ภายหน้าย่อมเปลี่ยนใจแน่นอนหากให้เขาทรยศอาซื่อในภายหน้า ไม่สู้ทำให้อาซื่อมองเห็นธาตุแท้ของชายคนนี้ตั้งแต่ตอนนี้ทำให้อาซื่อมองเห็นสัจธรรมของโลก ไม่ศึกออกมาอีกหรือไม่ก็ศึกออกมาแล้วเข้าจวน จากนี้ต่อให้เป่ยเฉินหยวนมีหญิงอื่น อาซื่อจะได้ไม่ต้องเสียใจมากส่วนตัวเองยังสามารถเป็นเบี้ยของอาซื่อหลายปีมานี้ นางอยู่ในสกุลอันถูกแม่ใหญ่กับพี่สาวรังแกมานาน เรียนรู้ฝีมือโหดเหี้ยมมาไม่น้อยอาซื่อทั้งโง่ทั้งเซ่อ ไม่รู้ว่าจะแย่งชิงความรักอย่างไรแต่นางเป็น !นางสามารถช่วยให้อาซื่อได้มาทุกสิ่ง!
ตอนอันหลันซินยื่นผ้าเช็ดหน้าให้นาง ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือไม่ จึงเปิดเผยปลายนิ้วที่โดนเข็มทิ่มไปหลายจุดให้ได้เห็นเวินซื่อกวาดมองหนึ่งครั้งสีหน้าพลันเรียบเฉยแล้วละสายตา “ข้าบอกแล้ว ข้าไม่โกรธเจ้านานแล้ว เหตุใดเจ้ายังต้องทำเรื่องที่ไร้ความหมายเช่นนี้อีก”อันหลันซินยิ้มเจื่อน “ไม่ อย่างน้อยสำหรับข้า ตอนนี้สามารถมอบให้มันให้เจ้าได้ถือว่ามีความหมาย ต่อจากนี้ชีวิตของข้าไม่น่าจะมีความหมายใดแล้ว”บรรยากาศเงียบสงัดดำเนินไปสักพักแต่น่าเสียดายสุดท้ายเวินซื่อไม่ได้รับผ้าเช็ดหน้านางไว้“ทำไมยังยืนอยู่ที่นี่?”เป่ยเฉินหยวนที่เพิ่งสั่งการกองทัพธงสำเสร็จ กลับมาก็เห็นภาพนี้พอดีเขาก้าวเข้าไป แล้วขวางเวินซื่อกับอันหลันซินออกจากกันอย่างเงียบเชียบแล้วหันไปเอ่ยกับเวินซื่ออย่างห่วงใย “ตอนนี้ดึกดื่นน้ำค้างลง รีบเข้าไปกันเถอะ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะเป็นหวัด”เป่ยเฉินหยวนรบเร้า แล้วพาเวินซื่อเข้าไปด้านในอันหลันซินที่ยืนอยู่จุดเดิมไม่ขยับ หันไปจ้องร่างของเป่ยเฉินหยวนที่ใช้ร่างกายบังเวินซื่อเอาไว้วินาทีนั้น แววตาของนางมีความโหดเหี้ยมอำมหิตแวบผ่านบุรุษที่สมควรตายผู้นี้ไม่ เขาตายไม่ได้ยังต้องใช้ประ
เหล่าขุนนางที่แต่เดิมหวาดกลัวยิ่งหวาดกลัวมากขึ้นใครไม่รู้บ้างว่าอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนผู้นี้คือเทพสังหาร มีคนตายในมือนับไม่ถ้วนเมื่อเขาชักกระบี่ ทุกคนจึงรีบปิดปากแน่นสนิททันทีหมอที่ถูกเรียกตัวเข้ามาอย่างเร่งรีบ หลังตรวจให้เวินซื่อเสร็จจึงโล่งอก “ท่านอ๋องวางใจได้ ธิดาศักดิ์สิทธิ์แค่เป็นหวัด บวกกับเหน็ดเหนื่อยจากการเร่งเดินทาง จึงได้ล้มป่วยขอรับ”“ดูตำรับยานี่สิ ต้องเปลี่ยนยาหรือไม่? หรือว่ากินต่อไปได้เลย?”เป่ยเฉินหยวนนำตำรับยาที่เวินซื่อเขียนเองให้หมอดู หลังจากรับไปหมอส่ายหน้าหลังดูจบแล้ว “ไม่ต้องเปลี่ยนยา สรรพคุณยาตามตำรับนี้เพียงพอแล้ว ข้าน้อยจะเพิ่มตัวยาอีกชนิดเข้าไป หลังจากธิดาศักดิ์สิทธิ์ดื่มเข้าไปจะฟื้นขึ้นในไม่ช้าขอรับ”ขณะนี้เวินซื่อค่อยๆ ลืมตาขึ้น หลังจากได้ยินบทสนทนาของพวกเขา นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ไม่ต้องแล้ว...”เมื่อได้ยินเสียงของนางเป่ยเฉินหยวนรีบสาวเท้าเข้าไป พร้อมโน้มตัวมองอย่างกังวล “ยังเวียนหัวหรือไม่? มีตรงไหนที่ไม่สบายอีกหรือเปล่า?”เวินซื่อส่ายหน้าเบาๆ “ไม่เป็นไร ขอบคุณท่านหมอมาก ไม่ต้องเพิ่มยาหรอก ท่านอ๋อง ใช้สมุนไพรที่ข้านำมาด้วยต้มตามตำรับยาที่ข้
เดิมทีสถานการณ์ของลู่โจวไม่ได้สาหัสขนาดนี้ เพราะหนิงหย่วนโหวมีความเชี่ยวชาญด้านการศึก ในมือมีอำนาจทหารหลายหมื่นนาย ไม่ถึงกับควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ทว่าหลังจากพวกเขาออกเดินทางเพียงไม่กี่วัน ผู้พิพากษาคนหนึ่งของลู่โจวถูกสังหาร จากนั้นทั่วอำเภอหนิงอันก็เกิดโรคระบาดครั้งใหญ่ ภายในหนึ่งคืนประชาชนติดโรคกันหลายพันคนรอให้หนิงหย่วนโหวส่งคนไปสืบความจริงได้นั้น ถึงได้รู้ว่าตอนมีชีวิตอยู่ผู้พิพากษาอำเภอหนิงอันเคยฉุดหญิงสาวคนหนึ่ง ตอนหลังกลัวเรื่องจะเปิดเผย จึงฆ่าปิดปากบิดามารดาของหญิงผู้นั้นแต่ผู้พิพากษาไม่รู้ ว่าหญิงชาวบ้านผู้นั้นยังมีพี่ชายที่หนีออกจากบ้านอีกหนึ่งคน นามว่าฉางอู๋เต้าตอนหนุ่มฉางอู๋เต้าเคยทำร้ายคนจนบาดเจ็บ กลัวจะเดือดร้อนทางบ้าน จึงหนีออกมา ขณะนี้อยู่ที่จินโจวตอนหลังเมื่อเกิดภัยพิบัตในจินโจว ฉางอู๋เต้าหนีภัยกลับมาบ้าน พบว่าพ่อแม่ตัวเองถูกฆ่า น้องสาวโดนฉุด ชั่วขณะนั้นขาดสติ ด้วยความโมโหจึงบุกเข้าไปที่ว่าการอำเภอสังหารผู้พิพากษา ต่อมาตัวเขากระโดดบ่อน้ำฆ่าตัวตายเดิมทีเมื่อเรื่องดำเนินมาถึงตอนนี้ บางทีน่าจะจบลงแล้วแต่ไม่มีใครคาดคิด ตอนฉางอู๋เต้าหนีภัยกลับมาจากจินโจว เขาติดโ
“เหตุใดไม่นอนพักผ่อนดีๆ? ลุกขึ้นมาเร็วขนาดนี้เชียวหรือ?”เป่ยเฉินหยวนรีบก้าวเข้าไปข้างหน้า เมื่อจะเอื้อมมือไปประคองนาง จึงสังเกตเห็นว่าจู๋เยวี่ยที่อยู่ด้านหลังนางกำลังประคองนางอยู่ เพียงแต่ถูกประตูบังไว้ คนข้างนอกจึงมองไม่เห็นเท่านั้นเวินซื่อปัดมือของเขาออก แล้วยิ้มออกมา “ไม่ต้องหรอก นอนอยู่บนรถม้ามาหลายวันขนาดนั้น ร่างกายแทบจะแข็งทื่อไปหมดแล้ว ตอนนี้ได้ลุกขึ้นมายืดเส้นยืดสายบ้างก็ดี อีกอย่าง ข้าก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก หลังจากดื่มยาก็ดีขึ้นมากแล้ว”โกหกหากไม่ได้เป็นอะไรมากจริงๆ แล้วจะให้จู๋เยวี่ยมาแอบประคองท่านทำไมกันเป่ยเฉินหยวนรู้ว่านางทำเช่นนี้ ก็เพื่อให้ขุนนางที่อยู่ด้านนอกเห็น มือที่ยื่นออกไปก็กำแน่นกลางอากาศด้วยความเจ็บปวดใจ สุดท้ายก็ต้องชักมือกลับมา“สถานการณ์ที่ร้ายแรงที่สุดในลู่โจวตอนนี้คือที่อำเภอหนิงอัน แต่ที่นั่นมีหนิงหย่วนโหวประจำการอยู่แล้ว แม้ว่าคนที่ข้าพามาจะมีไม่มาก มีเพียงกองทัพธงดำสามพันนาย แต่ก็เพียงพอที่จะควบคุมสถานการณ์ในที่ต่างๆ ของลู่โจว นอกจากอำเภอหนิงอันได้”จำนวนคนเท่านี้ แท้จริงแล้วเป็นจำนวนที่เป่ยเฉินหยวนจงใจควบคุมไว้ในฐานะผู้กุมอำนาจทางทหารสูงสุดขอ
เมื่อคำพูดนี้เอ่ยออกมา ขุนนางทั้งหลายต่างดีใจเป็นอย่างยิ่ง“จริงหรือท่านธิดาศักดิ์สิทธิ์?!”“ท่านยินดีที่จะไปยังเขตโรคระบาดจริงๆ หรือ?”“นี่จะไม่อันตรายเกินไปหน่อยหรือ?”หน่อยที่ไหนกัน?!เห็นได้ชัดว่าอันตรายมากๆ ๆ ๆ ต่างหาก!สีหน้าของเป่ยเฉินหยวนแทบจะควบคุมไว้ไม่อยู่ โกรธจนหางตาเรียวยาวกระตุกเขาอยากจะถามเวินซื่อเดี๋ยวนี้เลยว่า ขอพรได้ แต่เหตุใดไม่รอให้เขาควบคุมสถานการณ์โรคระบาดทั้งสี่แห่งให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยจัดพิธีขอพรครั้งใหญ่ทีเดียว!เขาสามารถช่วยนางขจัดอันตรายทั้งหมดได้ แต่ทำไมนางต้องไปที่เขตโรคระบาดทุกแห่งด้วย?!นี่มันต่างอะไรกับการรนหาที่ตาย?เป่ยเฉินหยวนข่มความหุนหันพลันแล่นไว้ รอจนขุนนางเหล่านั้นจากไปหมดแล้ว เขาจึงหันกลับมามองเวินซื่อ แล้วเอ่ยอย่างร้อนรน “เขตโรคระบาดอันตรายเกินไป ท่านไปไม่ได้!”“ข้าต้องไป”หลังจากที่เวินซื่อป่วย ลำคอของนางก็ไม่ค่อยสบาย ดังนั้นเมื่อพูดจึงเบาลง ช้าลง และดูอ่อนโยนมากขึ้นกว่าเดิมนางมองเป่ยเฉินหยวนแล้วกล่าวว่า “การร้องขอจากลู่โจวในครั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็นคำร้องขอของชาวบ้าน ข้ารู้ว่าพวกเขาคาดหวังอะไรจากข้า แม้ว่าข้าจะไม่มีวิธีการวิเศษ
“ซื่อเอ๋อร์...”เป่ยเฉินหยวนเรียกเบาๆ อย่างไม่รู้ตัว“อืม?”เวินซื่อที่ยังงัวเงียได้ยินไม่ชัดก็ขานรับเสียงหนึ่ง เมื่อนางรู้สึกตัวก็เอ่ยถามอย่างงุนงง “เมื่อครู่ท่านอ๋องพูดว่าอะไรนะ?”เป่ยเฉินหยวนกำหมัดขึ้นมาแล้วปิดปากไอ แน่นอนว่าไม่กล้ายอมรับ “ไม่มีอะไร เพียงแต่ถามว่าท่านหิวหรือไม่ อยากจะลุกขึ้นมากินอะไรหน่อยไหม?”“อ้อ เอาสิ”เวินซื่อพยักหน้าอย่างไม่รู้ตัว แต่ในหัวยังคงมึนงงเหตุใดนางจำได้ว่าเมื่อครู่ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนเพียงแค่เรียกชื่อ ไม่ได้พูดอะไรยาวเหยียดขนาดนี้?น่าเสียดายที่ยังไม่ทันที่นางจะคิดออก เป่ยเฉินหยวนก็ยกโจ๊กมาให้นางแล้ว“อืม? หอมจังเลย”กลิ่นหอมโชยมา ทำเอาเวินซื่อท้องร้องจ๊อกๆ ด้วยความหิวเป่ยเฉินหยวนที่ได้ยินเสียงนั้นก็อดไม่ได้ที่จะยิ้ม “หอมก็รีบลุกขึ้นมากิน กินเสร็จแล้วค่อยไปล้างหน้าล้างตา”เป่ยเฉินหยวนควบคุมมือของตนเอง เพียงแค่ยื่นโจ๊กให้เวินซื่อข่มความคิดที่อยากจะป้อนนางด้วยมือของตนเอง“ได้”เวินซื่อนอนหลับมาทั้งคืน ตอนนี้เลยเวลาอาหารเช้าไปสองชั่วยามแล้ว ใกล้จะเที่ยงแล้วนางหิวมาก ไม่สนใจอะไรมากนักเพียงแต่เพิ่งจะลุกขึ้นนั่ง ก็พบว่าเสื้อผ้าขอ
ถึงขั้นเอาอีกฝ่ายมาข่มขู่เวินจื่อเยวี่ย ทำให้เวินจื่อเยวี่ยต้องเลือกระหว่างนางและหลินเนี่ยนฉือแล้วนางสารเลวที่ยังไม่เดินผ่านประตูเข้ามาจะเอาอะไรมาเทียบกับนาง!เวินเยวี่ยโกรธจัดจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ในเสี้ยววินาทีที่ก้มศีรษะลง สายตาอาบยาพิษช่างน่าสะพรึงกลัว“ยุแยงตะแคงรั่ว?”เวินซื่อแค่รู้สึกว่าคำพูดของเวินจื่อเยวี่ยน่าขบขันมาก “มีเพียงคนที่มีหัวใจเท่านั้นถึงจะรู้สึกว่าใคร ๆ ก็เป็นเช่นนี้”นางเหลือบมองเวินเยวี่ยแวบหนึ่งอย่างเฉยชา ก่อนจะเอ่ยอย่างไม่แยแส “ท่านคิดว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้จะใช้พวกท่านไปก่อกวนความสงบของนางหรือ? ฝันไปเถอะ พวกท่านยังไม่คู่ควร”“เหอะ พูดเสียน่าฟัง ถ้าไม่ใช่เพราะจดหมายที่เจ้าเขียนไปฟ้อง หลินเนี่ยนฉืออยู่ที่อู๋โจวอยู่ดี ๆ จะเข้ามาที่เมืองหลวงทำไม? แล้วยังต้องการถอนหมั้นกับข้าอีก?!”ถึงตอนนี้เวินจื่อเยวี่ยยังคงเชื่อว่าเวินซื่อไปพูดอะไรกับหลินเนี่ยนฉือ ถึงทำให้หลินเนี่ยนฉือทำเช่นนั้น“ท่านคิดว่าข้อมูลในใต้หล้านี้มีสิ่งใดที่สามารถปิดบังได้อย่างนั้นหรือ? จวนเจิ้นกั๋วกงของพวกท่านได้ทำเรื่องที่น่าอับอายขายขี้หน้า ไร้ยางอายมาไม่น้อย แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงตั้งน
อูฐผอมซูบยังตัวใหญ่กว่าม้าการจะทำลายจวนเจิ้นกั๋วกงอันใหญ่โตแห่งนี้โดยอาศัยแมลงเพียงไม่กี่ตัว มันเป็นไปไม่ได้เลยแน่นอน มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้อย่างสิ้นเชิงเพียงแต่ราคาที่ต้องจ่ายนั้นสูงเกินไปอย่างเช่นการหมั้นหมายระหว่างจวนเจิ้นกั๋วกงและสกุลหลินเมื่อจวนเจิ้นกั๋วกงถูกกล่าวหาว่าสมคบคิดกับชาวต่างเผ่า เวินเฉวียนเซิ่งจะต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อชำระล้างให้หลุดพ้นจากข้อกล่าวหานี้และวิธีการที่ดีที่สุดก็ต้องเป็นการดึงผู้คนให้เข้ามาพัวพันมากขึ้นสกุลหลินที่ยังมีการหมั้นหมายกับจวนเจิ้นกั๋วกงเป็นกลุ่มแรกที่รับศึกหนัก โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างหลินเนี่ยนฉือและเวินซื่อ และจะกลายเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เวินเฉวียนเซิ่งดึงสกุลหลินให้ลงมาพัวพันด้วยดังนั้นก่อนจะยุติการหมั้นหมายระหว่างหลินเนี่ยนฉือและเวินจื่อเยวี่ย เวินซื่อยังไม่สามารถทำอะไรบุ่มบ่ามได้ทว่า ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถแตะต้องจวนเจิ้นกั๋วกงได้ แต่การมีเวินเยวี่ยเพียงคนเดียวก็ไม่ใช่เรื่องที่เสียหาย“หมั้น...หมั้นหมาย?”ในขณะนี้ เสียงที่สับสนของเวินเยวี่ยก็ดังขึ้นจากทางด้านหลังของ เวินจื่อเยวี่ย“พี่สาม ท่านหมั้นกับใครตั้
“ท่าน…!”เวินเยวี่ยลมแทบจับเมื่อได้ยินที่เวินซื่อพูดนางข่มไฟโทสะเอาไว้ “ธิดาศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่คนของกองทัพธงดำเสียหน่อย ให้ท่านมาทำการค้นหา ไม่น่าจะเหมาะสมกระมัง?”เวินเยวี่ยฝืนยิ้ม “ท้ายที่สุดแล้วบุญคุณความแค้นระหว่างพี่หญิงห้ากับเยวี่ยเอ๋อร์นั้นเป็นที่ประจักษ์ชัดแจ้งกันทั่วทุกคน ถ้าเกิด…”ประโยคสุดท้ายนี้ไม่ได้พูดออกมาทั้งหมด แต่ก็สามารถเข้าใจทุกอย่างที่ควรเข้าใจถ้าเกิดเวินซื่อเข้าไปวางกลอุบายบางอย่างเพื่อใส่ร้ายนางแล้วจะทำเช่นไร?เวินซื่อหันหน้าไปเผชิญหน้ากับเวินเยวี่ย รอยยิ้มเล็ก ๆ เผยออกมาบนใบหน้าอันบริสุทธิ์ผุดผ่องและงดงามของนาง “ข้าไม่ต่ำช้าไร้ยางอายเหมือนเจ้า”ใบหน้าของเวินเยวี่ยสลดลงเพราะดำด่าของนางทันทีแต่วินาทีต่อมาก็ได้ยินเวินซื่อพูดว่า “แต่ว่านี่มันก็เป็นปัญหาจริง ๆ ในเมื่อคุณหนูหกสกุลเวินเป็นกังวลเช่นนี้ เช่นนั้นข้าธิดาศักดิ์สิทธิ์ก็ขอยืนค้นหาอยู่ที่ประตูแล้วกัน”ยืนค้นหาอยู่ที่ประตูหรือ?แล้วจะค้นหาอย่างไร?ขณะที่เวินเยวี่ยและคนอื่น ๆ กำลังงุนงง เวินซื่อก็พลิกฝ่ามือ ก่อนจะหยิบขวดหยกขวดหนึ่งออกมาจากกลางฝ่ามือของนางฉางเสี่ยวหานก้าวเข้าไปรับขวดหยกจากมือของเว
“เหลวไหลสิ้นดี!”แววอันตรายฉายผ่านดวงตาอันคมกริบของเวินเฉวียนเซิ่งในทันใดเขาจ้องไปที่รถม้าที่เวินซื่อนั่งอยู่ สายตามองทะลุช่องว่างของม่านหน้าต่าง พลางชี้ตรงไปที่เวินซื่อ “เวินซื่อ เจ้ารู้ไหมว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่? เจ้ากำลังใส่ร้ายขุนนางในราชสำนักซึ่งเป็นความผิดร้ายแรง!”“หากเจ้าไม่สามารถแสดงหลักฐานใด ๆ ได้ ต่อให้เจ้าจะเคยเป็นลูกสาวของข้า ข้าก็จะไม่ปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ เด็ดขาด!”“เจิ้นกั๋วกงไม่จำเป็นต้องใจร้อนขู่ขวัญเช่นนี้”ว่าแล้วเวินซื่อก็ยกมือขึ้นเปิดม่านรถแล้ว เดินออกมาจากด้านในอย่างช้า ๆเสี่ยวหานก้าวไปข้างหน้าอย่างมีไหวพริบ ทำตามสาวใช้เหล่านั้น เอื้อมมือออกไปช่วยประคองธิดาศักดิ์สิทธิ์ของนางลงจากรถม้าช้า ๆหลังจากลงสู่พื้นและยืนได้อย่างมั่นคงแล้ว เวินซื่อก็เงยหน้าขึ้นมองเวินเฉวียนเซิ่งผ่านกองทัพธงดำ นางยิ้มเล็กน้อย “ถ้าธิดาศักดิ์สิทธิ์ไม่มีหลักฐาน วันนี้จะกล้านำกองกำลังไปปิดล้อมจวนเจิ้นกั๋วกงของท่านได้อย่างไร”การทำงานตามคำสั่งส่วนตัวของอ๋องผู้สำเร็จราชการเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การทำงานตามพระราชโองการของฝ่าบาทก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งเวินซื่อยกมือขึ้น รับพระราชโองการจากมือของกองทัพ
ให้อ๋องผู้สำเร็จราชการแทนมาหนุนหลังนางแล้วอย่างไรต่อ เขาไม่เชื่อว่า อ๋องผู้สำเร็จราชการแทนผู้สง่างามจะบังคับเขาให้ถอนหมั้นได้อย่างนั้นหรือ!เมื่อเวินเฉวียนเซิ่งได้ยินเวินจื่อเยวี่ยพูด ก็มองเขาแวบหนึ่งอย่างเย็นชา “เจ้าควรคิดหาวิธีช่วยพี่ใหญ่ของเจ้าก่อนดีกว่า ถ้าครั้งนี้พี่ใหญ่ของเจ้าตาย ก็อย่าได้คิดเรื่องหมั้นหมายเลย ข้าเวินเฉวียนเซิ่ง ไม่มีลูกชายที่ใจไม้ไส้ระกำอย่างเจ้า”ใบหน้าของเวินจื่อเยวี่ยขรึมลงทันทีเขารู้ว่าลูกชายคนโปรดของบิดาไม่ใช่เขา แต่เป็นพี่ใหญ่ที่บิดาเลี้ยงดูอย่างสุดชีวิตจิตใจแต่เขานึกไม่ถึงว่ามาถึงขั้นนี้แล้ว บิดาจะยังโหดร้ายถึงเพียงนี้ เอาการหมั้นหมายของเขามาข่มขู่เขาเวินจื่อเยวี่ยไม่ได้พูดอะไรอีกแต่ในขณะนี้ พ่อบ้านนั้นพูดด้วยสีหน้าขมขื่น “ท่านกั๋วกง คุณชายสาม ครั้งนี้ผู้ที่นำกองทัพธงดำมาไม่ใช่ท่านอ๋องขอรับ”เมื่อได้ยินคำพูดนี้เวินเฉวียนเซิ่งก็หันกลับไปหาพ่อบ้าน “ไม่ใช่เป่ยเฉินหยวนหรอกหรือ? แล้วใครล่ะ?”นอกจากฮ่องเต้น้อยและเป่ยเฉินหยวนเองแล้ว ยังมีใครอีกที่สามารถระดมกองทัพธงดำ ถึงขั้นกล้าปิดล้อมจวนเจิ้นกั๋วกงของเขาได้?ขณะที่เวินเฉวียนเซิ่งกำลังครุ่นคิดในหัวว
“เสี่ยวหาน ให้ข้าดูหน้าเจ้าหน่อยสิ”หลังจากขับไล่เวินเฉวียนเซิ่งและเวินจื่อเยวี่ยออกไปแล้ว เวินซื่อก็ดึงฉางเสี่ยวหานเข้ามา“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ตบไม่โดนหน้า ข้าหลบได้นิดหน่อย แค่ตบโดนหัวเท่านั้น”ถึงกระนั้น การตบของเวินจื่อเยวี่ยก็หนักหน่วงมาก จนศีรษะของฉางเสี่ยวหานถึงกับสั่นคลอนในตอนนั้น ใช้เวลาสักพักกว่าจะตอบสนองได้“เจ้าไม่ต้องกังวล การตบครั้งนี้ข้าจะต้องเอาคืนเขาอย่างแรงแน่นอน”สีหน้าของเวินซื่อเคร่งขรึมลง น้ำเสียงไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งฉางเสี่ยวหานลุกขึ้นกล่าวว่า “ไม่ ๆ ๆ ไม่ต้องหรอกธิดาศักดิ์สิทธิ์ เมื่อครู่ท่านช่วยตบคืนแทนเสี่ยวหานแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำอะไรอีกเจ้าค่ะ”ฉางเสี่ยวหานรู้จักคนในเมืองหลวงน้อยมาก แต่หลังจากติดตามเวินซื่อมาเป็นเวลานาน ก็ได้เรียนรู้เรื่องต่าง ๆ มากขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดที่ธิดาศักดิ์สิทธิ์พูดกับสองพ่อลูกคู่นั้นเมื่อครู่ ก็ย่อมสามารถคาดเดาตัวตนของพวกเขาได้อย่างง่ายดายคนหนึ่งคืออดีตบิดาของธิดาศักดิ์สิทธิ์ อีกคนคืออดีตพี่ชายของธิดาศักดิ์สิทธิ์ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขานั้นย่ำแย่มากพออยู่แล้ว หากธิดาศักดิ์สิทธิ์ต้องทะเลาะกับพี่ชายหนักขึ้นด้วยเรื่
เขาขบริมฝีปากล่างแน่น กัดปากของตัวเองแตกเหมือนไม่รู้สึกตัว ปล่อยให้เลือดไหลลงจากมุมปากช้า ๆ“หลินเนี่ยนฉือล่ะ?”เวินจื่อเยวี่ยเอ่ยปากถามขึ้นทันใด“ข้าอยากพบนาง”“นางไม่อยากพบท่าน”เวินซื่อเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ“ข้าบอกว่าข้าอยากพบนาง!”เวินจื่อเยวี่ยตวาดลั่นอย่างฉุนเฉียวขึ้นมาทันใด พลางปัดมือของจางเสี่ยวหานออกมือของจางเสี่ยวหานถูกตีเจ็บ ตกใจสะดุ้งโหยง เมื่อนางรู้ตัวก็เอื้อมมือออกไปอีกครั้ง คว้าเพียงหนังสือถอนหมั้นฉบับนั้นไว้ส่วนจี้หยกก็ร่วงลงสู่พื้นดัง “ตุ้บ” ตามมาด้วยเสียงแตกหักดังขึ้น จี้หยกแยกออกเป็นสองส่วนทันทีเวินจื่อเยวี่ยที่ยังอยู่ในอาการฉุนเฉียวเมื่อได้ยินเสียงนี้อย่างกะทันหัน ก็ก้มหน้าลงมอง เกิดความสับสนขึ้นโดยพลันเขารีบเก็บจี้หยกขึ้นมา เมื่อมองดูรอยแตกหักนั้น ก็ไม่อาจยับยั้งไฟโทสะที่อัดอั้นอยู่เต็มอกไว้ได้ เพียงชั่วครู่ก็ระเบิดอารมณ์ใส่ฉางเสี่ยวหาน...“ใครให้เจ้าทำของของข้าพัง! เจ้าอยากตายหรือไง?!”“อะไรนะ? ไม่ใช่ข้า เป็นท่านต่างหากที่ปัดมือของข้าเอง...”“สาวใช้ต่ำต้อยอย่างเจ้ายังกล้าเถียงอีก!”เวินจื่อเยวี่ยลุกพรวดขึ้น สีหน้ามีรอยพยายาท ยกมือขึ้นตบหน้าฉางเส
เวินจื่อเยวี่ยมองเวินเฉวียนเซิ่งอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ท่านพ่อ พูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”เวินจื่อเยวี่ยเงียบไปครู่หนึ่ง “เจ้าน่าจะเข้าใจ เจ้าสาม”“ข้าไม่เข้าใจ!”เวินจื่อเยวี่ยตวาดออกมาทันใด พลางจ้องมองไปที่บิดาของเขาอย่างไม่ละสายตาเวินเฉวียนเซิ่งถอนหายใจอีกครั้ง “แค่การหมั้นหมายเท่านั้น พ่อรู้ว่าเจ้าไม่เต็มใจยอมรับ แต่พี่ใหญ่ของเจ้ามีเวลาเหลือไม่มากแล้ว ถ้ายังไม่เอายากลับไปอีก เขาจะต้องตายในไม่ช้า”“เจ้าสาม เจ้าจะทนเห็นพี่ใหญ่ของเจ้าตายไปได้จริงหรือ?”เวินจื่อเยวี่ยที่ได้ยินคำพูดประโยคนี้ของเขาได้ถามด้วยเสียงอันสั่นเครือเล็กน้อย “ก็เลยต้องเสียสละการหมั้นของข้าเพื่อช่วยพี่ใหญ่อย่างนั้นหรือ? ทั้ง ๆ ที่เรายังมีวิธีอื่นอีก แต่ท่านก็ยังยืนกรานที่จะขอร้องเวินซื่อ?!”“ยังมีวิธีอื่นอีกหรือ?”สีหน้าของเวินเฉวียนเซิ่งเย็นชาลง น้ำเสียงแย่มาก “ไม่ว่าจะเป็นบัวหิมะก็ดี เห็ดหลินจือสีม่วงอายุหนึ่งร้อยปีก็ดี หรือหญ้าฝรั่นที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนด้วยซ้ำก็ดี เจ้าคิดว่ามีสิ่งไหนหาง่ายบ้าง?!”“หากพี่ใหญ่ของเจ้ายังยืดเวลาได้อีกครึ่งค่อนเดือน พ่อก็จะไม่รีบร้อนเช่นนี้! แต่นี่พี่ใหญ่ของเจ้าอาจตายได้
นางมองเวินเฉวียนเซิ่งอย่างเย็นชา “ท่านไม่มีคุณสมบัตินี้ตั้งนานแล้ว”“เวินซื่อ! จงระวังท่าทีในการพูดจาของเจ้าด้วย แม้ว่าตอนนี้เจ้าจะเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์แล้ว แต่ความสัมพันธ์พ่อลูกของเจ้ากับพ่อจะไม่มีทางเปลี่ยนแปลง อย่าลืมว่ายังมีเลือดของสกุลเวินไหลเวียนอยู่ในตัวเจ้า”“ใครบอกว่าเปลี่ยนแปลงไม่ได้?”เวินซื่อยิ้มเยาะ “ความสัมพันธ์นี้จะเปลี่ยนไปในไม่ช้า แต่ตอนนี้ขอวกกลับเข้าประเด็นก่อน ท่านเจิ้นจั๋วกง ท่านยังไม่ได้บอกตัวเลือกของท่านเลย ท่านวางแผนที่จะเลือกใครกันแน่?”ล้มเหลวในการเล่นกับอารมณ์ ล้มเหลวในการข่มขู่กลับมาสู่เงื่อนไขข้อแรกสุดอีกครั้ง สายตาของเวินเฉวียนเซิ่งเย็นชาลงระดับหนึ่งในทันใดเวินซื่อดูเหมือนจะมองไม่เห็นเลย เร่งรัดเขาด้วยอารมณ์ที่ดีมาก“ข้ามีเวลาไม่มากนัก ท่านเจิ้นจั๋วกงรีบตัดสินใจโดยเร็วที่สุดเถอะ มิฉะนั้นก็จะไม่มีการเจรจาใด ๆ อีกแล้ว”นางหันไปมองเวินเฉวียนเซิ่งด้วยรอยยิ้มตาหยี “‘พี่ใหญ่แสนดี’ ของข้าก็น่าจะมีเวลาไม่เพียงพอใช่ไหม?”“ถุย!”เวินจื่อเยวี่ยถ่มน้ำลายใส่นางอย่างรุนแรง “พี่ใหญ่ไม่มีน้องสาวที่ชั่วร้ายอย่างเจ้า!”“ถูกต้อง ข้าชั่วร้าย แต่ก็เทียบไม่ได้กับเว