Share

บทที่ 349

Author: จิ้งซิง
เหล่าขุนนางที่แต่เดิมหวาดกลัวยิ่งหวาดกลัวมากขึ้น

ใครไม่รู้บ้างว่าอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนผู้นี้คือเทพสังหาร มีคนตายในมือนับไม่ถ้วน

เมื่อเขาชักกระบี่ ทุกคนจึงรีบปิดปากแน่นสนิททันที

หมอที่ถูกเรียกตัวเข้ามาอย่างเร่งรีบ หลังตรวจให้เวินซื่อเสร็จจึงโล่งอก “ท่านอ๋องวางใจได้ ธิดาศักดิ์สิทธิ์แค่เป็นหวัด บวกกับเหน็ดเหนื่อยจากการเร่งเดินทาง จึงได้ล้มป่วยขอรับ”

“ดูตำรับยานี่สิ ต้องเปลี่ยนยาหรือไม่? หรือว่ากินต่อไปได้เลย?”

เป่ยเฉินหยวนนำตำรับยาที่เวินซื่อเขียนเองให้หมอดู หลังจากรับไปหมอส่ายหน้าหลังดูจบแล้ว “ไม่ต้องเปลี่ยนยา สรรพคุณยาตามตำรับนี้เพียงพอแล้ว ข้าน้อยจะเพิ่มตัวยาอีกชนิดเข้าไป หลังจากธิดาศักดิ์สิทธิ์ดื่มเข้าไปจะฟื้นขึ้นในไม่ช้าขอรับ”

ขณะนี้เวินซื่อค่อยๆ ลืมตาขึ้น หลังจากได้ยินบทสนทนาของพวกเขา นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ไม่ต้องแล้ว...”

เมื่อได้ยินเสียงของนางเป่ยเฉินหยวนรีบสาวเท้าเข้าไป พร้อมโน้มตัวมองอย่างกังวล “ยังเวียนหัวหรือไม่? มีตรงไหนที่ไม่สบายอีกหรือเปล่า?”

เวินซื่อส่ายหน้าเบาๆ “ไม่เป็นไร ขอบคุณท่านหมอมาก ไม่ต้องเพิ่มยาหรอก ท่านอ๋อง ใช้สมุนไพรที่ข้านำมาด้วยต้มตามตำรับยาที่ข้
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 350

    เดิมทีสถานการณ์ของลู่โจวไม่ได้สาหัสขนาดนี้ เพราะหนิงหย่วนโหวมีความเชี่ยวชาญด้านการศึก ในมือมีอำนาจทหารหลายหมื่นนาย ไม่ถึงกับควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ทว่าหลังจากพวกเขาออกเดินทางเพียงไม่กี่วัน ผู้พิพากษาคนหนึ่งของลู่โจวถูกสังหาร จากนั้นทั่วอำเภอหนิงอันก็เกิดโรคระบาดครั้งใหญ่ ภายในหนึ่งคืนประชาชนติดโรคกันหลายพันคนรอให้หนิงหย่วนโหวส่งคนไปสืบความจริงได้นั้น ถึงได้รู้ว่าตอนมีชีวิตอยู่ผู้พิพากษาอำเภอหนิงอันเคยฉุดหญิงสาวคนหนึ่ง ตอนหลังกลัวเรื่องจะเปิดเผย จึงฆ่าปิดปากบิดามารดาของหญิงผู้นั้นแต่ผู้พิพากษาไม่รู้ ว่าหญิงชาวบ้านผู้นั้นยังมีพี่ชายที่หนีออกจากบ้านอีกหนึ่งคน นามว่าฉางอู๋เต้าตอนหนุ่มฉางอู๋เต้าเคยทำร้ายคนจนบาดเจ็บ กลัวจะเดือดร้อนทางบ้าน จึงหนีออกมา ขณะนี้อยู่ที่จินโจวตอนหลังเมื่อเกิดภัยพิบัตในจินโจว ฉางอู๋เต้าหนีภัยกลับมาบ้าน พบว่าพ่อแม่ตัวเองถูกฆ่า น้องสาวโดนฉุด ชั่วขณะนั้นขาดสติ ด้วยความโมโหจึงบุกเข้าไปที่ว่าการอำเภอสังหารผู้พิพากษา ต่อมาตัวเขากระโดดบ่อน้ำฆ่าตัวตายเดิมทีเมื่อเรื่องดำเนินมาถึงตอนนี้ บางทีน่าจะจบลงแล้วแต่ไม่มีใครคาดคิด ตอนฉางอู๋เต้าหนีภัยกลับมาจากจินโจว เขาติดโ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 351

    “เหตุใดไม่นอนพักผ่อนดีๆ? ลุกขึ้นมาเร็วขนาดนี้เชียวหรือ?”เป่ยเฉินหยวนรีบก้าวเข้าไปข้างหน้า เมื่อจะเอื้อมมือไปประคองนาง จึงสังเกตเห็นว่าจู๋เยวี่ยที่อยู่ด้านหลังนางกำลังประคองนางอยู่ เพียงแต่ถูกประตูบังไว้ คนข้างนอกจึงมองไม่เห็นเท่านั้นเวินซื่อปัดมือของเขาออก แล้วยิ้มออกมา “ไม่ต้องหรอก นอนอยู่บนรถม้ามาหลายวันขนาดนั้น ร่างกายแทบจะแข็งทื่อไปหมดแล้ว ตอนนี้ได้ลุกขึ้นมายืดเส้นยืดสายบ้างก็ดี อีกอย่าง ข้าก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก หลังจากดื่มยาก็ดีขึ้นมากแล้ว”โกหกหากไม่ได้เป็นอะไรมากจริงๆ แล้วจะให้จู๋เยวี่ยมาแอบประคองท่านทำไมกันเป่ยเฉินหยวนรู้ว่านางทำเช่นนี้ ก็เพื่อให้ขุนนางที่อยู่ด้านนอกเห็น มือที่ยื่นออกไปก็กำแน่นกลางอากาศด้วยความเจ็บปวดใจ สุดท้ายก็ต้องชักมือกลับมา“สถานการณ์ที่ร้ายแรงที่สุดในลู่โจวตอนนี้คือที่อำเภอหนิงอัน แต่ที่นั่นมีหนิงหย่วนโหวประจำการอยู่แล้ว แม้ว่าคนที่ข้าพามาจะมีไม่มาก มีเพียงกองทัพธงดำสามพันนาย แต่ก็เพียงพอที่จะควบคุมสถานการณ์ในที่ต่างๆ ของลู่โจว นอกจากอำเภอหนิงอันได้”จำนวนคนเท่านี้ แท้จริงแล้วเป็นจำนวนที่เป่ยเฉินหยวนจงใจควบคุมไว้ในฐานะผู้กุมอำนาจทางทหารสูงสุดขอ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 352

    เมื่อคำพูดนี้เอ่ยออกมา ขุนนางทั้งหลายต่างดีใจเป็นอย่างยิ่ง“จริงหรือท่านธิดาศักดิ์สิทธิ์?!”“ท่านยินดีที่จะไปยังเขตโรคระบาดจริงๆ หรือ?”“นี่จะไม่อันตรายเกินไปหน่อยหรือ?”หน่อยที่ไหนกัน?!เห็นได้ชัดว่าอันตรายมากๆ ๆ ๆ ต่างหาก!สีหน้าของเป่ยเฉินหยวนแทบจะควบคุมไว้ไม่อยู่ โกรธจนหางตาเรียวยาวกระตุกเขาอยากจะถามเวินซื่อเดี๋ยวนี้เลยว่า ขอพรได้ แต่เหตุใดไม่รอให้เขาควบคุมสถานการณ์โรคระบาดทั้งสี่แห่งให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยจัดพิธีขอพรครั้งใหญ่ทีเดียว!เขาสามารถช่วยนางขจัดอันตรายทั้งหมดได้ แต่ทำไมนางต้องไปที่เขตโรคระบาดทุกแห่งด้วย?!นี่มันต่างอะไรกับการรนหาที่ตาย?เป่ยเฉินหยวนข่มความหุนหันพลันแล่นไว้ รอจนขุนนางเหล่านั้นจากไปหมดแล้ว เขาจึงหันกลับมามองเวินซื่อ แล้วเอ่ยอย่างร้อนรน “เขตโรคระบาดอันตรายเกินไป ท่านไปไม่ได้!”“ข้าต้องไป”หลังจากที่เวินซื่อป่วย ลำคอของนางก็ไม่ค่อยสบาย ดังนั้นเมื่อพูดจึงเบาลง ช้าลง และดูอ่อนโยนมากขึ้นกว่าเดิมนางมองเป่ยเฉินหยวนแล้วกล่าวว่า “การร้องขอจากลู่โจวในครั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็นคำร้องขอของชาวบ้าน ข้ารู้ว่าพวกเขาคาดหวังอะไรจากข้า แม้ว่าข้าจะไม่มีวิธีการวิเศษ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 353

    “ซื่อเอ๋อร์...”เป่ยเฉินหยวนเรียกเบาๆ อย่างไม่รู้ตัว“อืม?”เวินซื่อที่ยังงัวเงียได้ยินไม่ชัดก็ขานรับเสียงหนึ่ง เมื่อนางรู้สึกตัวก็เอ่ยถามอย่างงุนงง “เมื่อครู่ท่านอ๋องพูดว่าอะไรนะ?”เป่ยเฉินหยวนกำหมัดขึ้นมาแล้วปิดปากไอ แน่นอนว่าไม่กล้ายอมรับ “ไม่มีอะไร เพียงแต่ถามว่าท่านหิวหรือไม่ อยากจะลุกขึ้นมากินอะไรหน่อยไหม?”“อ้อ เอาสิ”เวินซื่อพยักหน้าอย่างไม่รู้ตัว แต่ในหัวยังคงมึนงงเหตุใดนางจำได้ว่าเมื่อครู่ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนเพียงแค่เรียกชื่อ ไม่ได้พูดอะไรยาวเหยียดขนาดนี้?น่าเสียดายที่ยังไม่ทันที่นางจะคิดออก เป่ยเฉินหยวนก็ยกโจ๊กมาให้นางแล้ว“อืม? หอมจังเลย”กลิ่นหอมโชยมา ทำเอาเวินซื่อท้องร้องจ๊อกๆ ด้วยความหิวเป่ยเฉินหยวนที่ได้ยินเสียงนั้นก็อดไม่ได้ที่จะยิ้ม “หอมก็รีบลุกขึ้นมากิน กินเสร็จแล้วค่อยไปล้างหน้าล้างตา”เป่ยเฉินหยวนควบคุมมือของตนเอง เพียงแค่ยื่นโจ๊กให้เวินซื่อข่มความคิดที่อยากจะป้อนนางด้วยมือของตนเอง“ได้”เวินซื่อนอนหลับมาทั้งคืน ตอนนี้เลยเวลาอาหารเช้าไปสองชั่วยามแล้ว ใกล้จะเที่ยงแล้วนางหิวมาก ไม่สนใจอะไรมากนักเพียงแต่เพิ่งจะลุกขึ้นนั่ง ก็พบว่าเสื้อผ้าขอ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 354

    เมื่อก่อนในสนามรบ เมื่อข้าศึกรุกราน เป่ยเฉินหยวนก็นำกองทัพธงดำหนึ่งพันนายที่เพิ่งฝึกฝนเสร็จ บุกเข้าไปในดินแดนข้าศึก ตัดกำลังสนับสนุนของข้าศึก ทำให้ข้าศึกหวาดกลัวจนต้องถอยทัพไปห้าร้อยลี้ ก่อนที่สงครามใหญ่จะเริ่มขึ้นแน่นอนว่า เนื่องจากในตอนนั้นข้าศึกรู้สึกว่าเสียหน้ามาก จึงไม่ได้แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปและเป่ยเฉินหยวนก็ไม่ชอบทำตัวโดดเด่นเกินไปในสนามรบ ดังนั้นจึงมีคนรู้เรื่องนี้น้อยมากจริงๆ ทว่าหนิงหย่วนโหวกลับรู้เรื่องนี้แต่เขาไม่ได้มองเพียงแค่จำนวนคนง่ายๆ เช่นนั้น แต่มองจากท่าทีของเป่ยเฉินหยวนจำนวนสามพันคนนี้ ก็คือท่าทีของเป่ยเฉินหยวนหนิงหย่วนโหวพอรู้แล้ว จึงมอบค่ายใหญ่ให้เป่ยเฉินหยวนจัดการได้ตามสบายเป่ยเฉินหยวนยิ้มพลางอธิบายเรื่องนี้อย่างละเอียดให้เวินซื่อฟังอีกครั้งเวินซื่อจึงเข้าใจ“ดังนั้น ท่านอยากจะจัดพิธีขอพรอย่างไรก็ได้ ขอเพียงแค่อย่าจงใจไปเสี่ยงอันตรายก็พอ”เวินซื่อก็อดหัวเราะไม่ได้ “เหตุใดในสายตาของท่าน ข้าถึงกลายเป็นคนที่ชอบเสี่ยงอันตรายไปแล้ว?”“หรือว่าไม่ใช่?”น้ำเสียงของเป่ยเฉินหยวนแฝงไปด้วยการตัดพ้อ มองนางอย่างมีนัยแอบแฝงเวินซื่อลองคิดดูอย่างละเอียด โอ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 355

    “ฮือๆๆ ข้าไม่อยากตาย ข้าไม่อยากตายนะ...”“ท่านหมอ ได้โปรด ช่วยพวกเราด้วยเถิด...”“ลูก ลูกของข้า!”“ปล่อยข้าออกไป ขอร้องล่ะ ท่านขุนนาง ปล่อยพวกเราออกไปเถอะ พวกเราไม่ได้ติดโรคจริงๆ !”“อ๊ากกก เขาติดเชื้อแล้ว เขาติดเชื้อแล้ว! รีบหนีเร็ว!”รถม้ายังมาไม่ถึง จากที่ไกลๆ เวินซื่อก็ได้ยินเสียงมากมายนับไม่ถ้วนดังมาจากภายในเขตกักกันที่ล้อมรอบด้วยหินและไม้ความกลัว ความตื่นตระหนก ความเศร้า ความเจ็บปวด...แน่นอนว่ามีบางคนที่นั่งเงียบๆ อยู่ในมุม พวกเขามีอาการของโรคระบาดแล้วแต่ละคนสีหน้าซีดเผือด ไร้สีเลือด ล้มลงกับพื้นอย่างหมดอาลัยตายอยากบ้าง หรือไม่ก็พิงพื้นบ้าง ราวกับว่ายอมแพ้ต่อการมีชีวิตแล้ว นั่งรอความตายอย่างหมดเรี่ยวแรงอยู่ในมุม“เขตโรคระบาดแห่งนี้มีผู้ติดเชื้อสองร้อยกว่าคน ถือว่าน้อยที่สุดในบรรดาอำเภอทั้งหมดของลู่โจว”ม้าของเป่ยเฉินหยวนตามอยู่ข้างๆ รถม้าของเวินซื่อ เขาพูดกับนางถึงสถานการณ์ที่นี่ด้วยเสียงแผ่วเบาเนื่องจากจำนวนคนไม่มาก ดังนั้น จึงมีกองทหารรักษาการณ์ที่สวมหน้ากากเพียงร้อยกว่านายประจำการอยู่ที่นี่ รวมกับขุนนางจากที่ว่าการอำเภอ ก็เพียงพอที่จะควบคุมเขตโรคระบาดแห่งนี้“อ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 356

    เป่ยเฉินหยวน “ใช่ธิดาศักดิ์สิทธิ์!”“ธิดาศักดิ์สิทธิ์จริงๆ ด้วย!”“ดีเหลือเกิน ใต้เท้าหนิงหย่วนโหวเชิญธิดาศักดิ์สิทธิ์มาได้จริงๆ !”ชาวบ้านเหล่านั้นต่างพากันตื่นเต้นดีใจในทันที“ธิดาศักดิ์สิทธิ์ พวกเราติดโรคระบาดแล้ว พวกเรายังจะรอดหรือไม่?”มีคนอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ถาม“ได้”เวินซื่อกวาดสายตามองพวกเขาทุกคน นางกล่าวอย่างจริงจัง “โรคระบาดครั้งนี้ไม่น่ากลัว เพียงแค่พวกเจ้าปฏิบัติตามที่กำหนดไว้ ร่วมมือรักษาโรคอย่างจริงจัง ก็จะต้องรอดได้อย่างแน่นอน”“ขอบคุณธิดาศักดิ์สิทธิ์!”“ขอบคุณธิดาศักดิ์สิทธิ์!”ในชั่วพริบตา ชาวบ้านในเขตโรคระบาดต่างพากันคุกเข่าลงกับพื้นทำให้เวินซื่อตกใจจนลุกขึ้นยืนทันที นางต้องการจะหลีกเลี่ยงแต่ในเวลานี้ เป่ยเฉินหยวนที่อยู่ด้านหลังนางกลับกดตัวนางไว้“รับไว้ นี่คือศรัทธาที่เป็นของเจ้า”เวินซื่อชะงัก นางหันกลับไปมองชาวบ้านเหล่านั้นครู่หนึ่ง มองดูสีหน้ายินดีบนใบหน้าของพวกเขา และความหวังที่จุดประกายขึ้นใหม่ในดวงตา นางเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็สวดมนต์ต่อน้ำเสียงอันบริสุทธิ์ชำระล้างเขตโรคระบาดแห่งแรกจนหมดสิ้นตั้งแต่ชาวบ้านภายในเขตโรคระบาด ไปจนถึงกองทหารรัก

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 357

    เพียงแค่พวกเขาปฏิบัติตามที่กำหนดไว้ ร่วมมือรักษาโรคอย่างจริงจัง พวกเขาก็จะต้องรอดได้อย่างแน่นอนเป็นจริงดังคาด ธิดาศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้หลอกพวกเขานี่คือเหตุการณ์หลังจากนั้นหนึ่งวัน ย้อนกลับไปยังวันแรกที่เริ่มขอพรหลังจากขอพรให้เขตโรคระบาดแห่งแรกเสร็จแล้ว เวินซื่อก็ใช้เวลาที่เหลือในวันนั้นอย่างเร่งรีบ ไปยังเขตโรคระบาดอีกสองแห่งลู่โจวมีเขตโรคระบาดทั้งหมดแปดแห่ง นอกจากอำเภอหนิงอันแล้ว เขตโรคระบาดอีกเจ็ดแห่งที่เหลือ เวินซื่อจำเป็นต้องไปสักรอบวันแรกนางไปเขตโรคระบาดสามแห่ง ซึ่งเป็นเขตที่อยู่ใกล้ที่สุดและอาการเบาที่สุดวันที่สองก็ไปเขตโรคระบาดอีกสองแห่ง ในเวลานี้ จำนวนชาวบ้านที่ติดเชื้อในแต่ละเขตโรคระบาดเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว เพิ่มขึ้นจนมากกว่าห้าร้อยคนแล้วเขตโรคระบาดสองแห่งสุดท้ายมีจำนวนมากกว่าหนึ่งพันคนตอนที่เวินซื่อเข้าไป เกือบจะถูกฝูงชนกลืนไปแล้วโชคดีที่เป่ยเฉินหยวนเคลื่อนไหวรวดเร็ว ประกอบกับครั้งนี้เขาเตรียมการไว้ล่วงหน้า นำกองทัพธงดำมาเพิ่มอีกสองร้อยนาย รวมกับความช่วยเหลือจากกองทหารรักษาการณ์ ทำให้สามารถควบคุมเขตโรคระบาดที่วุ่นวายได้อย่างรวดเร็วอย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขาทราบสา

Latest chapter

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 390

    สมุนไพรทั้งหมดนี้ในที่ดินกุยอวิ๋น เป็นสิ่งที่นางได้ตกลงไว้แล้วว่าจะมอบให้กับเป่ยเฉินหยวนเป็นสมุนไพรสำหรับทหารในกองทัพธงดำที่ออกรบเพื่อราชวงศ์ต้าหมิงมาหลายปี จนสุดท้ายร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล พิการ และเจ็บปวดบัดนี้ สมุนไพรที่ปลูกไว้ได้หนึ่งเดือนแล้วกลับถูกพวกเขาทำลายไปกว่าครึ่ง แถมยังไม่เว้นแม้แต่แปลงสมุนไพรร้ายกาจถึงเพียงนี้ นางจะกลืนความโกรธแค้นนี้ลงไปได้อย่างไรนางจะไม่ปล่อยคนที่เป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ไป และคนร้ายตรงหน้าเหล่านี้ นางก็จะไม่ปล่อยไปเช่นกัน“ท่านลุงหลาน ต้องรับพวกเขาให้ดี”ผู้เฒ่าหลานไม่คิดว่าเวินซื่อจะมีด้านนี้ด้วยเดิมทีเขาคิดว่าปกติแล้วคุณหนูน้อยผู้อ่อนโยนและใจดีมาโดยตลอดนั้น จะเหมือนกับคุณหนูใหญ่มากแต่คาดไม่ถึงว่า ภายใต้ความอ่อนโยนของคุณหนูน้อย จะยังมีด้านที่โหดเหี้ยมเช่นนี้ซ่อนอยู่ช่าง...เหมือนกับนายท่านในตอนนั้นไม่มีผิด!ดวงตาที่แก่ชราของผู้เฒ่าหลานฉายแววเฉียบคม จ้องมองเวินซื่อด้วยสายตาร้อนแรง ราวกับว่าเขามองเห็นภาพของเจ้าบ้านสกุลหลานในอดีตในตัวของนางมองจนหัวใจที่สงบนิ่งมานานหลายปีของเขาถึงกับรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมานายท่าน สกุลหลานของพวกเ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 389

    “รบกวนลุงหลานเริ่มจัดหาคนในวันพรุ่งนี้ ช่วงสองสามวันนี้ลำบากท่านแล้ว”“เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ไม่ลำบากหรอก เพียงแต่ว่าคนร้ายที่วางยาพิษยังจับตัวไม่ได้ หากพวกเราแก้ไขตอนนี้ เกรงว่าคนร้ายนั่นจะกลับมาอีก”เวินซื่อย่อมเข้าใจเรื่องนี้ดีนางยิ้มเล็กน้อย “ลุงหลานวางใจได้ พรุ่งนี้ท่านจัดหาคนได้เลย คืนนี้พวกเราจะจับคน”......คืนนั้นควรจะเป็นเวลาที่เข้าสู่ห้วงนิทรา แต่กลับมีคนจำนวนหนึ่งถือถังไม้คนละใบ หลบเลี่ยงคนลาดตระเวนเหล่านั้นอย่างเงียบๆ พวกเขาแอบเข้าไปในที่ดินกุยอวิ๋นอีกครั้งอย่างชำนาญ“หัวหน้า เมื่อวานพวกเราสาดยาพิษที่แปลงสมุนไพรทางตะวันออก ทางใต้ก็สาดไปหลายแห่งแล้ว คืนนี้จะเปลี่ยนไปสาดทางตะวันตกหรือทางเหนือดี?”“ได้ ไปดูทางตะวันตกก่อนก็แล้วกัน ถึงอย่างไรคุณชายสามก็บอกว่าต้องสาดให้หมด ต้องทำหมดทุกทาง”ดังนั้น คนร้ายที่ปิดบังใบหน้าทั้งเจ็ดแปดคนจึงอ้อมผ่านไปอย่างมีจุดมุ่งหมาย มุ่งหน้าไปยังทิศตะวันตกไม่นานนัก พวกเขาก็วิ่งมาถึงที่หมาย“เจ้าสอง เจ้าสาม พวกเจ้าสองคนไปดูต้นทาง มีอะไรก็รีบเป่านกหวีด เจ้าสี่ เจ้าห้า เจ้าหก พวกเจ้าสามคนไปตักน้ำ เจ้าเจ็ด เจ้ามาทำลายสมุนไพรกับข้า”“ได้เลย

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 388

    “คนร้ายกระจอกๆ พวกนั้นจับตัวได้หรือไม่?”“พวกที่มาครั้งแรกจับได้แล้วขอรับ แต่ไม่กี่วันต่อมา ก็มีมาอีกสองสามคน แถมยังระมัดระวังตัวยิ่งกว่า เจ้าเล่ห์มาก พิษที่เทในแปลงสมุนไพรก็เป็นฝีมือของพวกที่มาครั้งที่สองนี้”เวินซื่อเอ่ยถาม “มีคนได้รับผลกระทบบ้างหรือไม่?”ผู้เฒ่าหลานส่ายหน้า “ยาพิษที่เทนั้นดูเหมือนจะมุ่งเป้าไปที่แปลงสมุนไพรของเราเท่านั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อคนมากนัก”เวินซื่อแค่นหัวเราะ “หากวางยาพิษคน เรื่องนี้คงไม่ง่ายดายเช่นนี้แล้ว”หลังจากที่นางทราบเรื่องราวทั้งหมดแล้วก็กำชับว่า “รบกวนลุงหลานเดินทางรอบนี้ ตอนนี้ฟ้ายังไม่มืด ข้าจะไปดูที่ดินกุยอวิ๋นก่อน”ม่อโฉวซือไท่ก็อยู่ด้วยพอดี นางได้ยินดังนั้นจึงเอ่ยขึ้นว่า “อาจารย์จะไปกับพวกเจ้าด้วย ไปดูสักหน่อย”“ข้าก็ไปด้วยๆ !”ฉางเสี่ยวหานรีบยกมือออกจากอารามสุ่ยเยว่ ก็มีรถม้าเรียบง่ายคันหนึ่งจอดรออยู่ด้านนอกนี่เป็นสิ่งที่เวินซื่อสั่งให้ผู้เฒ่าหลานจัดหาระยะทางระหว่างที่ดินกุยอวิ๋นถึงอารามสุ่ยเยว่ก็ไม่ถือว่าใกล้ จะให้พ่อบ้านหลานที่อายุมากแล้วเดินไปเดินมาก็คงไม่ได้ดังนั้น เวินซื่อจึงให้ผู้เฒ่าหลานจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกบางอย่าง เ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 387

    เป่ยเฉินหยวนไม่คิดว่านางจะยังจำเรื่องนี้ได้ และยังจัดสรรที่ดินไว้ให้เขาแล้วเขารู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่งอู๋โยวที่ดีเช่นนี้ เขาจะไม่หวั่นไหวได้อย่างไร?เพียงแต่ว่าคนสกุลอันนั่นพูดถูก เขามีความคิดต่ำทราม หากถูกคนอื่นรู้เข้า นั่นก็เท่ากับทำลายการปฏิบัติธรรมของผู้อื่น ทำลายชื่อเสียงอันบริสุทธิ์ของผู้อื่น เป็นเรื่องที่เลวทรามอย่างยิ่งดังนั้น เป่ยเฉินหยวนในตอนนี้จึงทำได้เพียงเก็บซ่อนไว้อย่างระมัดระวังเมื่อไม่มีอันหลันซิน ขบวนก็ไม่ได้ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย ไม่นานก็ออกเดินทางต่อสองวันต่อมา ขบวนที่เดินทางไกลไปยังลู่โจวในที่สุดก็กลับมาถึงเมืองหลวงแล้วครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อน ฝ่าบาททรงนำเหล่าขุนนางมาต้อนรับที่ประตูเมืองหลวงด้วยพระองค์เองสถานการณ์ยิ่งใหญ่เอิกเกริกเช่นนี้ ทำเอาเวินซื่อตกใจไม่น้อยภายหลังเวินซื่อถึงได้รู้ว่า ที่แท้ข่าวคราวจากลู่โจวก็แพร่เข้ามาถึงในเมืองหลวงแล้วหลังจากขอฝนที่จินโจวแก้ปัญหาภัยแล้งได้แล้ว เวินซื่อก็มีชื่อเสียงเรื่องการสวดอธิษฐานขอพรให้ผู้ประสบภัยพิบัติที่ลู่โจวเพิ่มขึ้นมาอีกตอนนี้ชื่อเสียงของนางไม่ได้เลื่องลือแค่ในเมืองหลวงและจินโจวสองแห่งเท่าน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 386

    ภายในป่า เงียบสงบไปครู่หนึ่ง ถึงมีเสียงหัวเราะเยาะเบาๆ ดังขึ้น“เจ้าพูดถูก ข้าไม่คู่ควร”เป่ยเฉินหยวนสีหน้าเย็นชา สายตาเย็นเยียบ “แต่เจ้าไม่คู่ควรยิ่งกว่า”“เจ้าอยากจะใช้คนร้ายที่หลบหนีไปได้มาบีบบังคับข้า น่าเสียดาย ข้าไม่หลงกลเจ้า”เป่ยเฉินหยวนพูดจบก็ยกมือขึ้น กองทัพธงดำจำนวนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นทันที ล้อมอันหลันซินเอาไว้อันหลันซินตกใจทันที ในใจเกิดลางสังหรณ์ไม่ดี“ท่านคิดจะทำอะไร?”เป่ยเฉินหยวนกล่าวอย่างเย็นชา “ขอบคุณอู๋โยวให้ดีเถอะ หากมิใช่เพราะนาง หัวของเจ้าคงถูกข้าตัดเอาไปเตะเล่นนานแล้ว”พูดจบเขาก็หันหลังกลับไปออกคำสั่ง “เอาตัวไป มัดให้แน่นแล้วส่งไปให้หนิงหย่วนโหว ให้เขาเฝ้าไว้ให้ดีๆ ขอแค่ไม่ตาย จะจัดการอย่างไรก็แล้วแต่เขา แต่ถ้าคนหนีไป ข้าจะเอาเรื่องกับเขา”“พ่ะย่ะค่ะ!”กองทัพธงดำหลายนายรีบเข้ามาทันทีไม่!ไม่ได้!นางจะถูกพาตัวไปไม่ได้!นางอุตส่าห์รอโอกาสนี้มาอย่างยากลำบาก หากถูกพาตัวไปแล้ว ต่อไปนางจะกลับมาหาอาซื่อได้อย่างไร!อันหลันซินเห็นท่าไม่ดี อ้าปากกำลังจะร้องตะโกน“อึก...”น่าเสียดายที่นางเพิ่งจะส่งเสียงออกมา ฝักกระบี่ก็ฟาดลงบนคอของนางอย่างแรงทำให้นางสลบไ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 385

    คนที่ปรากฏตัวอยู่ด้านนอกรถม้าของเป่ยเฉินหยวนคืออันหลันซิน“ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน หม่อมฉันจะทำอะไรท่านได้ ท่านจะระแวงหม่อมฉันขนาดนี้ไปทำไมเพคะ?”อันหลันซินยิ้มเล็กน้อยพลางกล่าวขึ้นเป่ยเฉินหยวนขมวดคิ้ว สายตาไม่พอใจ “มีธุระก็พูด ไม่มีธุระก็ไสหัวไป”ท่าทีที่ไม่เกรงใจเมื่อเทียบกับรอยยิ้มที่แสดงออกมาโดยไม่รู้ตัวเมื่อครู่ ช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหวจริงๆอันหลันซินแค่นเสียงหัวเราะในใจเสแสร้งอะไรกันตอนนี้รู้จักปฏิบัติต่อสตรีอื่นอย่างแตกต่างเพราะอาซื่อ แต่ต่อไปความพิเศษเช่นนี้ไม่แน่ว่าจะตกไปอยู่กับสตรีอื่นอย่างไรเสีย บุรุษในโลกนี้ก็เหมือนกันหมดอันหลันซินระงับความรังเกียจในใจ บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มอ่อนโยน “เอาละ รู้ว่าท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนไม่ชอบหม่อมฉัน แต่หม่อมฉันมีข้อแลกเปลี่ยน อยากจะคุยกับท่านสักหน่อยเพคะ”นางพูดเช่นนี้ เป่ยเฉินหยวนกลับไม่มองนางแม้แต่น้อย เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาและดูถูก “อย่างเจ้า มีคุณสมบัติอะไรมาทำข้อตกลงกับข้า?”“ที่ข้ายอมให้เจ้าอยู่ในขบวนนี้จนถึงตอนนี้ ก็เพียงเพราะเห็นแก่หน้าอู๋โยว”รอยยิ้มบนใบหน้าของอันหลันซินแข็งค้าง กัดฟันเล็กน้อย“เหอะๆ หม่อมฉั

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 384

    เป่ยเฉินหยวนนอนเอนกายอย่างสบายอารมณ์อยู่ในรถม้า ในขณะเดียวกันก็นอนอยู่ข้างกายเวินซื่อ หลับตาพริ้มขยับศีรษะอย่างมีความสุข ตอบคำถามของนางทีละประโยค“ได้ ไม่แรง ไม่ได้ดึงเลย ปวดนิดหน่อย เพราะซื่อเอ๋อร์ลูบให้ หัวก็เลยไม่ปวดมากแล้ว”เวินซื่อได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกโชคดีที่นางยังจำตำแหน่งกดจุดต่างๆ บนศีรษะที่อาจารย์ม่อโฉวสอนได้ ผสมผสานกับวิธีการนวด แล้วนวดให้เป่ยเฉินหยวน ดูเหมือนว่าผลลัพธ์จะดีเลยทีเดียวเวินซื่อที่คิดว่าได้ผลจริงๆ ก็ยังคงตั้งใจจ้องมองศีรษะของเป่ยเฉินหยวน จดจ่ออยู่กับการผสมผสานวิธีการนวดและกดจุดต่างๆ ของนางหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ภายในรถม้าดูเหมือนจะเงียบสงบลงอย่างสิ้นเชิงเงียบจนแม้ว่าภายนอกจะมีเสียงล้อรถดังอยู่ ก็ยังได้ยินเสียงหายใจแผ่วเบาสม่ำเสมอภายในรถม้าเวินซื่อเงยหน้าขึ้นมอง ก็พบว่าเป่ยเฉินหยวนไม่รู้ว่าหลับตาลงตั้งแต่เมื่อไรแล้วเวินซื่อเห็นดังนั้น มือที่วางอยู่บนศีรษะของเขาก็ค่อยๆ เคลื่อนไหวช้าลง จนกระทั่งพอสมควรแล้ว นางถึงได้ชักมือกลับก้มหน้าลงมองสีหน้าที่อ่อนล้าระหว่างคิ้วของเป่ยเฉินหยวน หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เวินซื่อก็หยิบขวดน้ำทิพย์ออกมาจ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 383

    “ปวดหัวหรือ? เกิดอะไรขึ้น? ปวดเป็นพักๆ หรือว่าปวดมากตลอดเวลา?”พอเวินซื่อได้ยินเป่ยเฉินหยวนบอกว่าตนเองปวดหัว ก็ไม่ทันได้ใส่ใจกับคำเรียกที่ดูเหมือนจะสนิทสนมเกินไปนั่น รีบถามอย่างกระวนกระวาย“ปวดเป็นพักๆ เหมือนกับมีคนมากมายพูดอยู่ในหัวของข้า หนวกหูมาก ปวดเหลือเกิน”เป่ยเฉินหยวนมองนางอย่างไม่วางตา ชายหนุ่มผู้ซึ่งปกติแล้วสูงใหญ่และพึ่งพาได้เสมอ เวลานี้กลับดูอ่อนแอเหมือนหมาป่าตัวใหญ่ที่ได้รับบาดเจ็บ ทำได้เพียงส่งเสียงร้องครางกับคนตรงหน้าเพื่อระบายความเจ็บปวดของตนเวินซื่อไม่เคยเห็นเป่ยเฉินหยวนในสภาพที่อ่อนแอเช่นนี้มาก่อนแม้แต่ครั้งแรกที่เห็นเขาป่วยที่ริมลำธารเล็กๆ หลังภูเขานั่น เป่ยเฉินหยวนในตอนนั้นก็ยังคงสติไว้ได้บ้างแต่เป่ยเฉินหยวนในตอนนี้ กลับเหมือนแสดงด้านที่อ่อนแอยามเจ็บป่วยออกมาให้นางเห็นอย่างไม่มีปิดบังเวินซื่อจึงลูบหน้าผากเขาด้วยความสงสารทันที แล้วจับชีพจร “ไม่ปวดแล้วๆ ตอนนี้ข้าจะสวดมนต์ให้ท่านอ๋องเดี๋ยวนี้ ท่านนั่งฟังดีๆ อีกเดี๋ยวก็จะไม่ปวดแล้ว”แต่เป่ยเฉินหยวนในตอนนี้กลับเหมือนจะมีความคิดต่อต้านขึ้นมาเล็กน้อย ยื่นมือออกไปคว้าข้อมือของเวินซื่อที่กำลังจะชักกลับ เอ่ยด้วยน้

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 382

    นางมองเวินซื่อด้วยความอาลัยอาวรณ์หางตากลับเหลือบไปมองเป่ยเฉินหยวนและเด็กสาวที่อยู่ข้างโต๊ะนั่นอย่างเย็นชาเพิ่มมาอีกคนแล้วแต่ไม่เป็นไร ยังไม่จบหรอกหลังจากที่นายท่านสกุลผังกลับไปแล้ว ไม่นานก็ส่งสัญญาขายตัวมาให้ตามคาด ทั้งยังเขียนหนังสือหย่าอนุภรรยาอย่างเป็นเรื่องเป็นราวมาหนึ่งฉบับจริงๆเมื่อได้สัญญาขายตัวและหนังสือหย่าอนุภรรยา อันหลันซินก็ไปจากที่นี่เวินซื่อให้จู๋เยวี่ยติดตามไประยะหนึ่งแน่นอนว่าเพื่อจับตาดู“เป็นอย่างไรบ้าง?”หลังจากที่จู๋เยวี่ยกลับมา เวินซื่อก็เอ่ยถาม“ดูเหมือนว่าจะมีเศษเงินที่ซ่อนเอาไว้ ซื้อของกินเล็กน้อย ห่อไว้แล้วก็ออกจากเมืองไป ดูท่าทางน่าจะกลับเมืองหลวง”กลับเมืองหลวง...จินโจวอยู่ห่างจากเมืองหลวงขนาดนี้ นางคิดจะเดินเท้ากลับไปหรือ?แล้วยังมีบิดาของนางในเมืองหลวง ทั้งภรรยาเอกและพี่สาวต่างมารดาพวกนั้น คงจะไม่ปล่อยนางไปกระมัง?ถึงอย่างนั้นนางก็ยังคิดจะกลับไป?เวินซื่อขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็คลายปมคิ้วไม่สิ นางจะเป็นห่วงอันหลันซินทำไมกัน?ต่อจากนี้ไปอันหลันซินจะเป็นตายร้ายดีก็ไม่เกี่ยวข้องกับนางที่นางช่วยครั้งนี้ก็เพราะเห็นแก่คว

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status