“ขอบคุณน้ำใจของท่านอ๋อง และขอบคุณทุกคนที่ลำบากไปเสาะหาเมล็ดพันธุ์สมุนไพรมากมายขนาดนี้”ก่อนหน้านี้เป่ยเฉินหยวนเห็นนางทำสวนสมุนไพรไว้ในเรือนหลังเล็กสองแห่ง จึงไปถางที่หลังเขาเพื่อทำแปลงสมุนไพรให้นางอีกทั้งบอกนางว่าจะช่วยเสาะหาเมล็ดพันธุ์สมุนไพรมาให้ นึกไม่ถึงว่าเขาจำได้ตลอดเขาเป็นถึงอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังจำคำพูดที่บอกกับนางได้น้ำใจของเขาทำให้เวินซื่อหวั่นไหวอย่างอดไม่ได้แม้การมอบหญ้าคืนวสันต์ให้เป่ยเฉินหยวน เสี่ยงถูกเปิดโปงจริง แต่ตอนนี้เมื่อมองดูเมล็ดพันธุ์สมุนไพรเหล่านี้ จู่ๆ นางรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องเสียใจมากขนาดนั้นเพราะอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน ไม่เคยทำสิ่งใดเกินเลยกับนางมาก่อนจำนวนครั้งที่ช่วยนางมากกว่าทุกคนข้างกายนางรวมกันเสียอีกเมื่อคิดได้ดังนั้น ความกระวนกระวายในใจเวินซื่อดูสงบลงเล็กน้อย“ธิดาศักดิ์สิทธิ์? ธิดาศักดิ์สิทธิ์!”หลินจื่อฟูทำหน้าดีใจ วิ่งมาหาเวินซื่อโดยไม่สนใจภาพลักษณ์“ท่านกำลังเรียนวิชาแพทย์ไม่ใช่หรือ? ลองดูตำรับยาชุดนี้ของข้าสิ อัศจรรย์มากใช่หรือไม่?”ในมือหลินจื่อฟูถือกระดาษแผ่นหนึ่ง แล้วรีบวิ่งมาข้างกายเวินซื่อ จากนั้นยื่นกระ
เวินซื่อแสร้งทำไม่เข้าใจ แล้วเอ่ยถาม “เหตุใดบนนี้จึงวงสมุนไพรบางชนิดเอาไว้ หรือมีความหมายอื่นใด?”หลินจื่อฟูรีบตอบทันควัน “โธ่เอ๊ย ไม่มีอะไร ไม่มีอะไร พวกนี้เป็นสมุนไพรที่ยังได้มาไม่ครบ ส่วนสมุนไพรตัวอื่นยังพอหาได้บ้าง แค่มีเงินมากพอก็หาได้แล้ว แต่หญ้าฝรั่นตัวนี้ข้าอับจนหนทางจริงๆ”เมื่อเอ่ยถึงสมุนไพรชนิดสุดท้าย หลินจื่อฟูทำหน้ากลัดกลุ้มเวินซื่อหลุบตาลงเล็กน้อย เก็บอารมณ์พลุ่งพล่านในแววตาหญ้าฝรั่นตัวนี้...นางมี!เวินซื่อปกปิดความผิดปกติของตัวเองสุดฤทธิ์ ภายนอกทำท่าสงสัยเล็กน้อย “หญ้าฝรั่นคือสมุนไพรอย่างไรหรือ? ทำไมข้าจึงไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลย?”ไม่เคยได้ยินหรอกหรือ?แววตาหลินจื่อฟูมีความผิดหวังแวบผ่านทว่าไม่ช้าเขาก็กลับมายืนหยัดอีกครั้ง พร้อมแนะนำเวินซื่อ “ความจริงหญ้าฝรั่นแม้แต่พวกเราก็ไม่เคยเห็นมาก่อน เพียงแต่ข้าน้อยเคยเห็นในตำราแพทย์โบราณจากผู้อาวุโสรุ่นก่อนที่สืบทอดไว้ แม้จะไม่รู้อะไรเลย ทว่าในตำราโบราณบันทึกสรรพคุณของสมุนไพรชนิดนี้อย่างละเอียด ซึ่งเป็นสมุนไพรที่ทำให้อารมณ์ผ่อนคลายได้จริง อีกอย่างเมื่อรวมเข้ากับสมุนไพรตัวอื่นในตำรับยาของข้าน้อย น่าจะได้ผลชะงัด สามา
เวินซื่อไม่กล้าเสี่ยงแต่นางไม่อาจต้านความรู้สึกผิดในใจ ดังนั้นนางจึงหนี“ขอโทษนะ ข้า...ข้าเพิ่งนึกได้กะทันหันว่ามีธุระยังไม่ได้จัดการ วันนี้ข้าขอตัวกลับก่อน ครั้งหน้าค่อยมาเยี่ยมเยียนใหม่!”เวินซื่อน้ำเสียงสั่นเครือ แทบจะวิ่งหนีไปต่อหน้าเป่ยเฉินหยวนหนีไปโดยไม่ทันกลับมามองเป่ยเฉินหยวนตะลึงอยู่ที่เดิมเขาหันมองร่างของเวินซื่อที่หายไปอย่างรวดเร็วตรงทางเข้า ยังไม่เข้าใจว่าตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่“อู๋โยว...อู๋โยว!?”วินาทีต่อมา เขารีบหันหลังตามออกไปทันทีเดิมทีเวินซื่อคิดจะหนีกลับไปทันทีแต่นึกไม่ถึงว่าเป่ยเฉินหยวนจะตามออกมาอย่างไม่ลังเล แล้วขวางหน้านางไว้ชายร่างสูงใหญ่สีหน้าลนลาน “เป็นอะไร? ตกลงเมื่อครู่เกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่? เหตุใดจึงต้องขอโทษข้า?”“ไม่มีอะไร ไม่มีอะไรทั้งนั้น ข้ามีธุระจริงๆ เป็นธุระด่วน! ตอนนี้ข้าต้องกลับแล้วจริงๆ ดังนั้นท่านให้ข้ากลับไปเถอะนะ!”เวินซื่ออยากเดินอ้อมเขาออกไปทว่าถูกเป่ยเฉินหยวนขวางไว้อีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป่ยเฉินหยวนไม่ได้ทำให้นางลำบากใจ“เอาเถอะ ข้ารู้แล้ว ท่านอยากกลับก็กลับไป แต่เจ้าฟังท่านพูดก่อนสักคำได้หรือไม่?”เป่ยเฉินหยวนก้มหน้าล
เมื่อเขาเอ่ยปาก เป่ยเฉินหยวนพอจะคาดเดาบางอย่างสีหน้าของเขาเยือกเย็นทันใด น้ำเสียงที่ดังขึ้นเต็มไปด้วยความกดดัน “ข้าเคยบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าห้ามพูดถึงเรื่องนั้นอีก!”หลินจื่อฟูรีบกล่าว “ปรักปรำแล้วพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่ม คือ...คือธิดาศักดิ์สิทธิ์นำหญ้าคืนวสันต์มามอบให้พอดี อีกทั้งนางยังเป็นคนเอ่ยถามก่อน”สีหน้าถมึงทึงของท่านอ๋องช่างน่ากลัวเหลือเกิน!เป่ยเฉินหยวนหันมองเกาเย่าที่อยู่ด้านหลังหลินจื่อฟู แล้วสอบถามทางสายตาเกาเย่าที่ต้านทานสายตาของท่านอ๋องไม่ไหวลอบกลืนน้ำลาย แล้วพยักหน้าตอบ “ธิดาศักดิ์สิทธิ์เป็นฝ่ายเอ่ยถามก่อนจริงๆ ที่สำคัญคือวันนี้นางนำของขวัญมามอบให้ท่านอ๋องโดยเฉพาะ ซ้ำยังเป็นหญ้าคืนวสันต์ที่ท่านต้องการมากที่สุดด้วยพ่ะย่ะค่ะ”เรื่องนี้เขากับหลินจื่อฟูเองก็นึกไม่ถึงทว่าเขารู้ดีว่าหลินจื่อฟูคิดสิ่งใดอยู่เดิมทีเมื่อครั้งที่ธิดาศักดิ์สิทธิ์มอบสมุนไพรล้ำค่าเห็ดหลินจือสีม่วงร้อยปีให้ท่านอ๋องนั้น พวกเขาก็เคยคิดเช่นกันว่าจะลองสอบถามหญ้าคืนวสันต์กับธิดาศักดิ์สิทธิ์ดูหรือไม่เพราะหลินจื่อฟูมั่นใจกลิ่นของหญ้าคืนวสันต์บนเห็ดหลินจือสีม่วงร้อยปีมาก แน่ใจว่าธิดาศ
เป่ยเฉินหยวนโบกมือแม้จะโกรธ แต่เขาไม่ได้โทษพวกหลินจื่อฟูสองคน“พวกเจ้าเองก็ผิดพลาดเพราะเป็นห่วง ต่อไปอย่าให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอีก”พรุ่งนี้เขาไปอธิบายกับอู๋โยวให้ชัดเจนก็พอหากให้เจ้าเซ่อสองคนนี้ไป ไม่รู้ว่าจะกลายเป็นอย่างไรอีกเกาเย่ากับหลินจื่อฟูโล่งอกทันทีโชคดีที่ท่านอ๋องไม่ได้โกรธจริงทว่าวินาทีต่อมา เป่ยเฉินหยวนกลับส่งสายตาให้ทั้งสองคน “คืนนี้พวกเจ้าสองคนไปห่อเมล็ดพันธุ์สมุนไพร ห่อไม่เสร็จห้ามนอน!”เกาเย่า หลินจื่อฟู “....พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง”ทางนี้ยามจวนอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนกุลีกุจอไปห่อเมล็ดพันธุ์สมุนไพร อีกด้านหนึ่งจวนเจิ้นกั๋วกงก็ ครึกครื้นไม่แพ้กัน “หาเจอหรือยัง?”“ยังหาไม่เจอ จนป่านนี้ก็ยังไม่มีข่าวคราวสักนิด!”“จะเป็นไปได้อย่างไร? คนทั้งคนขนาดนั้น จู่ๆ จะหายไปอย่างไร้ร่องรอยได้หรือ? !”ช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา จวนเจิ้นกั๋วกงใกล้จะเละเป็นโจ๊กเมื่อครึ่งเดือนก่อนหลังได้กินยาถอนพิษ เวินจื่อเยวี่ยที่ฟื้นขึ้นหลังกินยาถอนพิษได้รับรู้ในไม่ช้า ปกติน้องสาวที่เขารักและเอ็นดูมากที่สุดคือคนวางยาพิษเขา!หนำซ้ำยังเป็นยาพิษร้ายแรงหากสุดท้ายไม่บีบจนเวินเยวี่ยมอบยาถอนพ
“แค่ก แค่ก มีความเป็นไปได้จริง”เวินอวี้จือที่อยู่ด้านข้างซึ่งร่างกายอ่อนแอ ไอสองทีแล้วกล่าวอย่างเชื่องช้าเวินฉางอวิ้นชะงักไป ขมวดคิ้วอย่างสงสัย “ใครจะใจกล้าบังอาจลักพาตัวน้องหก?”หนำซ้ำยังมาลักพาตัวถึงในจวนเจิ้นกั๋วกงของพวกเขาอย่าว่าแต่ข้างนอก ต่อให้ทั่วทั้งเมืองหลวงก็คงมีเพียงไม่กี่คนที่กล้าทำเช่นนี้เวินอวี้จือกล่าวเสียงเรียบ “ใครว่าไม่มีล่ะ เมื่อครึ่งเดือนก่อนยังมีคนกล้านำกองทัพธงดำมาตรวจค้นจวนเจิ้นกั๋วกงของพวกเราเลยนี่”คำกล่าวนี้แค่ฟังก็รู้ว่าเขาหมายถึงเป่ยเฉินหยวนทว่าเวินเฉวียนเซิ่งกลับส่ายหน้า“ไม่น่าจะใช่เขา”เวินอวี้จือยิ้มเย็น “แล้วท่านพ่อมั่นใจเพียงนั้นได้อย่างไรขอรับ?”เวินเฉวียนเซิ่งเหลือบมองลูกชายที่ขี้โรคอ่อนแอคนนี้แวบหนึ่ง “เป่ยเฉินหยวนไม่เคยใช้วิธีลับหลังเช่นนี้ หากเขาอยากจับตัวเยวี่ยเอ๋อร์ คงมาจับตัวไปอย่างเปิดเผย เหมือนกับเมื่อครึ่งเดือนก่อนที่ตรวจค้นจวนเจิ้นกั๋วกง ยิ่งเหมือนกับก่อนหน้า ที่เปลี่ยนรับเป็นรุกไปปิดคดีในจวนจงหย่งโหว”แม้เขาจะไม่ถูกกับเป่ยเฉินหยวนอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน ทว่าเป็นอริกันมานานขนาดนี้ ก็ถือว่าพอเข้าใจวิธีการของอีกฝ่ายดังนั้นเวิ
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เพียงโกรธบิดาตัวเอง ยังโกรธเวินจื่อเยวี่ยด้วยเมื่อครู่ที่ไม่ได้ว่าเวินจื่อเยวี่ยตั้งแต่แรก เป็นเพราะน้องหกได้สั่งสอนเวินจื่อเยวี่ยไปแล้วแต่เมื่อเวินจื่อเยวี่ยกล่าวเช่นนี้ออกมา เวินฉางอวิ้นที่เดิมทียังโน้มน้าวทุกคนเป็นอย่างดีขมวดคิ้วทันใดเขาโต้แย้งอย่างไม่เห็นด้วย “น้องห้าไม่ได้ทำอะไรผิด แล้วเรื่องนี้ไปเกี่ยวกับนางได้อย่างไร?”เวินจื่อเยวี่ยกับเวินอวี้จือนึกไม่ถึงว่าพี่ใหญ่ของพวกเขาเป็นถึงขั้นนี้แล้ว ที่ช่วยพูดแทนเวินซื่อ“พี่ใหญ่ ท่านต้องเข้าใจนะ เวินซื่อนางวางยาพิษควบคุมข้านะ!”เวินฉางอวิ้นถอนหายใจ “บางทีนางอาจจะควบคุมเจ้าจริง แต่พวกเจ้าลืมไปแล้วหรือ หากตอนแรกพวกเจ้าไม่ร่วมมือกันวางแผน ถ่อไปถึงอารามสุ่ยเยว่เพื่อวางยาน้องห้า คิดจะบังคับพาตัวนางกลับมา แล้วนางจะวางยาพิษเจ้าได้อย่างไร?”เมื่อได้ยินดังนั้น เวินจื่อเยวี่ยกับเวินอวี้จือกลายเป็นใบ้ทันทีเพราะพวกเขาลืมตอนเริ่มต้นของเรื่องนี้เสียสนิทโดยเฉพาะเวินอวี้จือ จนกระทั่งตอนนี้เขาก็ยังเกลียดชังเวินซื่อ เพราะนางทำให้เขากลายเป็นคนใบ้และคนพิการเกือบหนึ่งเดือนเต็มทั้งวัน เขาพูดไม่ได้ ขยับตัวก็ไม่ได้ความทรม
“ท่านพ่อพูดเช่นนี้ หมายความว่ามีหลักฐานอะไรบางอย่างแล้วหรือ?”เวินเฉวียนเซิ่งเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา “หลักฐานไม่มีหรอก แต่เจ้าหกได้ทำบางเรื่องก่อนที่จะหายตัวไป”“เรื่องอันใด?”เวินจื่อเยวี่ยและเวินอวี้จือเอ่ยถามด้วยความสงสัยเวินเฉวียนเซิ่งหลับตาลง “นางให้สาวใช้ไปเรียกอันหลันซินมาที่จวน”ตอนแรกเวินเยวี่ยคิดว่าจะไม่มีใครรู้เรื่องนี้แต่นางไม่รู้เลยว่า เดิมทีเซียงเหอนั้นเป็นคนที่เวินเฉวียนเซิ่งจัดหามาให้นางนางเรียกเซียงเหอไปพาอันหลันซินมา เวินเฉวียนเซิ่งจะไม่รู้ได้อย่างไรกัน?“อันหลันซิน?”เป็นเวลานานแล้วที่ไม่ได้ยินชื่อนี้ เวินฉางอวิ้นสามพี่น้องในตอนแรกที่ยังไม่ทันได้ตอบสนอง ต่างตกตะลึงไปครู่หนึ่งจากนั้นเวินจื่อเยวี่ยเป็นคนแรกที่นึกขึ้นได้ เขาขมวดคิ้วพลางกล่าวว่า “คืออันหลันซินคนที่เคยผลักเวินซื่อตกน้ำอย่างนั้นหรือ?”“อืม เป็นนาง”สีหน้าของเวินฉางอวิ้นพลันเปลี่ยนไป สายตาฉายแววโกรธเกรี้ยว “น้องหกนางต้องการทำอะไร? เหตุใพดจึงต้องเรียกคนผู้นั้นมาที่จวน?”คราวนั้น อันหลันซินนั่นทำร้ายน้องห้าจนเกือบตายแล้ว!หากมิใช่เพราะว่ามีคนพบเห็นได้ทันเวลา เกรงว่าตอนนี้น้องห้าอาจจะไม่อยู่บนโลก
ถึงขั้นเอาอีกฝ่ายมาข่มขู่เวินจื่อเยวี่ย ทำให้เวินจื่อเยวี่ยต้องเลือกระหว่างนางและหลินเนี่ยนฉือแล้วนางสารเลวที่ยังไม่เดินผ่านประตูเข้ามาจะเอาอะไรมาเทียบกับนาง!เวินเยวี่ยโกรธจัดจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ในเสี้ยววินาทีที่ก้มศีรษะลง สายตาอาบยาพิษช่างน่าสะพรึงกลัว“ยุแยงตะแคงรั่ว?”เวินซื่อแค่รู้สึกว่าคำพูดของเวินจื่อเยวี่ยน่าขบขันมาก “มีเพียงคนที่มีหัวใจเท่านั้นถึงจะรู้สึกว่าใคร ๆ ก็เป็นเช่นนี้”นางเหลือบมองเวินเยวี่ยแวบหนึ่งอย่างเฉยชา ก่อนจะเอ่ยอย่างไม่แยแส “ท่านคิดว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้จะใช้พวกท่านไปก่อกวนความสงบของนางหรือ? ฝันไปเถอะ พวกท่านยังไม่คู่ควร”“เหอะ พูดเสียน่าฟัง ถ้าไม่ใช่เพราะจดหมายที่เจ้าเขียนไปฟ้อง หลินเนี่ยนฉืออยู่ที่อู๋โจวอยู่ดี ๆ จะเข้ามาที่เมืองหลวงทำไม? แล้วยังต้องการถอนหมั้นกับข้าอีก?!”ถึงตอนนี้เวินจื่อเยวี่ยยังคงเชื่อว่าเวินซื่อไปพูดอะไรกับหลินเนี่ยนฉือ ถึงทำให้หลินเนี่ยนฉือทำเช่นนั้น“ท่านคิดว่าข้อมูลในใต้หล้านี้มีสิ่งใดที่สามารถปิดบังได้อย่างนั้นหรือ? จวนเจิ้นกั๋วกงของพวกท่านได้ทำเรื่องที่น่าอับอายขายขี้หน้า ไร้ยางอายมาไม่น้อย แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงตั้งน
อูฐผอมซูบยังตัวใหญ่กว่าม้าการจะทำลายจวนเจิ้นกั๋วกงอันใหญ่โตแห่งนี้โดยอาศัยแมลงเพียงไม่กี่ตัว มันเป็นไปไม่ได้เลยแน่นอน มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้อย่างสิ้นเชิงเพียงแต่ราคาที่ต้องจ่ายนั้นสูงเกินไปอย่างเช่นการหมั้นหมายระหว่างจวนเจิ้นกั๋วกงและสกุลหลินเมื่อจวนเจิ้นกั๋วกงถูกกล่าวหาว่าสมคบคิดกับชาวต่างเผ่า เวินเฉวียนเซิ่งจะต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อชำระล้างให้หลุดพ้นจากข้อกล่าวหานี้และวิธีการที่ดีที่สุดก็ต้องเป็นการดึงผู้คนให้เข้ามาพัวพันมากขึ้นสกุลหลินที่ยังมีการหมั้นหมายกับจวนเจิ้นกั๋วกงเป็นกลุ่มแรกที่รับศึกหนัก โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างหลินเนี่ยนฉือและเวินซื่อ และจะกลายเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เวินเฉวียนเซิ่งดึงสกุลหลินให้ลงมาพัวพันด้วยดังนั้นก่อนจะยุติการหมั้นหมายระหว่างหลินเนี่ยนฉือและเวินจื่อเยวี่ย เวินซื่อยังไม่สามารถทำอะไรบุ่มบ่ามได้ทว่า ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถแตะต้องจวนเจิ้นกั๋วกงได้ แต่การมีเวินเยวี่ยเพียงคนเดียวก็ไม่ใช่เรื่องที่เสียหาย“หมั้น...หมั้นหมาย?”ในขณะนี้ เสียงที่สับสนของเวินเยวี่ยก็ดังขึ้นจากทางด้านหลังของ เวินจื่อเยวี่ย“พี่สาม ท่านหมั้นกับใครตั้
“ท่าน…!”เวินเยวี่ยลมแทบจับเมื่อได้ยินที่เวินซื่อพูดนางข่มไฟโทสะเอาไว้ “ธิดาศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่คนของกองทัพธงดำเสียหน่อย ให้ท่านมาทำการค้นหา ไม่น่าจะเหมาะสมกระมัง?”เวินเยวี่ยฝืนยิ้ม “ท้ายที่สุดแล้วบุญคุณความแค้นระหว่างพี่หญิงห้ากับเยวี่ยเอ๋อร์นั้นเป็นที่ประจักษ์ชัดแจ้งกันทั่วทุกคน ถ้าเกิด…”ประโยคสุดท้ายนี้ไม่ได้พูดออกมาทั้งหมด แต่ก็สามารถเข้าใจทุกอย่างที่ควรเข้าใจถ้าเกิดเวินซื่อเข้าไปวางกลอุบายบางอย่างเพื่อใส่ร้ายนางแล้วจะทำเช่นไร?เวินซื่อหันหน้าไปเผชิญหน้ากับเวินเยวี่ย รอยยิ้มเล็ก ๆ เผยออกมาบนใบหน้าอันบริสุทธิ์ผุดผ่องและงดงามของนาง “ข้าไม่ต่ำช้าไร้ยางอายเหมือนเจ้า”ใบหน้าของเวินเยวี่ยสลดลงเพราะดำด่าของนางทันทีแต่วินาทีต่อมาก็ได้ยินเวินซื่อพูดว่า “แต่ว่านี่มันก็เป็นปัญหาจริง ๆ ในเมื่อคุณหนูหกสกุลเวินเป็นกังวลเช่นนี้ เช่นนั้นข้าธิดาศักดิ์สิทธิ์ก็ขอยืนค้นหาอยู่ที่ประตูแล้วกัน”ยืนค้นหาอยู่ที่ประตูหรือ?แล้วจะค้นหาอย่างไร?ขณะที่เวินเยวี่ยและคนอื่น ๆ กำลังงุนงง เวินซื่อก็พลิกฝ่ามือ ก่อนจะหยิบขวดหยกขวดหนึ่งออกมาจากกลางฝ่ามือของนางฉางเสี่ยวหานก้าวเข้าไปรับขวดหยกจากมือของเว
“เหลวไหลสิ้นดี!”แววอันตรายฉายผ่านดวงตาอันคมกริบของเวินเฉวียนเซิ่งในทันใดเขาจ้องไปที่รถม้าที่เวินซื่อนั่งอยู่ สายตามองทะลุช่องว่างของม่านหน้าต่าง พลางชี้ตรงไปที่เวินซื่อ “เวินซื่อ เจ้ารู้ไหมว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่? เจ้ากำลังใส่ร้ายขุนนางในราชสำนักซึ่งเป็นความผิดร้ายแรง!”“หากเจ้าไม่สามารถแสดงหลักฐานใด ๆ ได้ ต่อให้เจ้าจะเคยเป็นลูกสาวของข้า ข้าก็จะไม่ปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ เด็ดขาด!”“เจิ้นกั๋วกงไม่จำเป็นต้องใจร้อนขู่ขวัญเช่นนี้”ว่าแล้วเวินซื่อก็ยกมือขึ้นเปิดม่านรถแล้ว เดินออกมาจากด้านในอย่างช้า ๆเสี่ยวหานก้าวไปข้างหน้าอย่างมีไหวพริบ ทำตามสาวใช้เหล่านั้น เอื้อมมือออกไปช่วยประคองธิดาศักดิ์สิทธิ์ของนางลงจากรถม้าช้า ๆหลังจากลงสู่พื้นและยืนได้อย่างมั่นคงแล้ว เวินซื่อก็เงยหน้าขึ้นมองเวินเฉวียนเซิ่งผ่านกองทัพธงดำ นางยิ้มเล็กน้อย “ถ้าธิดาศักดิ์สิทธิ์ไม่มีหลักฐาน วันนี้จะกล้านำกองกำลังไปปิดล้อมจวนเจิ้นกั๋วกงของท่านได้อย่างไร”การทำงานตามคำสั่งส่วนตัวของอ๋องผู้สำเร็จราชการเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การทำงานตามพระราชโองการของฝ่าบาทก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งเวินซื่อยกมือขึ้น รับพระราชโองการจากมือของกองทัพ
ให้อ๋องผู้สำเร็จราชการแทนมาหนุนหลังนางแล้วอย่างไรต่อ เขาไม่เชื่อว่า อ๋องผู้สำเร็จราชการแทนผู้สง่างามจะบังคับเขาให้ถอนหมั้นได้อย่างนั้นหรือ!เมื่อเวินเฉวียนเซิ่งได้ยินเวินจื่อเยวี่ยพูด ก็มองเขาแวบหนึ่งอย่างเย็นชา “เจ้าควรคิดหาวิธีช่วยพี่ใหญ่ของเจ้าก่อนดีกว่า ถ้าครั้งนี้พี่ใหญ่ของเจ้าตาย ก็อย่าได้คิดเรื่องหมั้นหมายเลย ข้าเวินเฉวียนเซิ่ง ไม่มีลูกชายที่ใจไม้ไส้ระกำอย่างเจ้า”ใบหน้าของเวินจื่อเยวี่ยขรึมลงทันทีเขารู้ว่าลูกชายคนโปรดของบิดาไม่ใช่เขา แต่เป็นพี่ใหญ่ที่บิดาเลี้ยงดูอย่างสุดชีวิตจิตใจแต่เขานึกไม่ถึงว่ามาถึงขั้นนี้แล้ว บิดาจะยังโหดร้ายถึงเพียงนี้ เอาการหมั้นหมายของเขามาข่มขู่เขาเวินจื่อเยวี่ยไม่ได้พูดอะไรอีกแต่ในขณะนี้ พ่อบ้านนั้นพูดด้วยสีหน้าขมขื่น “ท่านกั๋วกง คุณชายสาม ครั้งนี้ผู้ที่นำกองทัพธงดำมาไม่ใช่ท่านอ๋องขอรับ”เมื่อได้ยินคำพูดนี้เวินเฉวียนเซิ่งก็หันกลับไปหาพ่อบ้าน “ไม่ใช่เป่ยเฉินหยวนหรอกหรือ? แล้วใครล่ะ?”นอกจากฮ่องเต้น้อยและเป่ยเฉินหยวนเองแล้ว ยังมีใครอีกที่สามารถระดมกองทัพธงดำ ถึงขั้นกล้าปิดล้อมจวนเจิ้นกั๋วกงของเขาได้?ขณะที่เวินเฉวียนเซิ่งกำลังครุ่นคิดในหัวว
“เสี่ยวหาน ให้ข้าดูหน้าเจ้าหน่อยสิ”หลังจากขับไล่เวินเฉวียนเซิ่งและเวินจื่อเยวี่ยออกไปแล้ว เวินซื่อก็ดึงฉางเสี่ยวหานเข้ามา“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ตบไม่โดนหน้า ข้าหลบได้นิดหน่อย แค่ตบโดนหัวเท่านั้น”ถึงกระนั้น การตบของเวินจื่อเยวี่ยก็หนักหน่วงมาก จนศีรษะของฉางเสี่ยวหานถึงกับสั่นคลอนในตอนนั้น ใช้เวลาสักพักกว่าจะตอบสนองได้“เจ้าไม่ต้องกังวล การตบครั้งนี้ข้าจะต้องเอาคืนเขาอย่างแรงแน่นอน”สีหน้าของเวินซื่อเคร่งขรึมลง น้ำเสียงไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งฉางเสี่ยวหานลุกขึ้นกล่าวว่า “ไม่ ๆ ๆ ไม่ต้องหรอกธิดาศักดิ์สิทธิ์ เมื่อครู่ท่านช่วยตบคืนแทนเสี่ยวหานแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำอะไรอีกเจ้าค่ะ”ฉางเสี่ยวหานรู้จักคนในเมืองหลวงน้อยมาก แต่หลังจากติดตามเวินซื่อมาเป็นเวลานาน ก็ได้เรียนรู้เรื่องต่าง ๆ มากขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดที่ธิดาศักดิ์สิทธิ์พูดกับสองพ่อลูกคู่นั้นเมื่อครู่ ก็ย่อมสามารถคาดเดาตัวตนของพวกเขาได้อย่างง่ายดายคนหนึ่งคืออดีตบิดาของธิดาศักดิ์สิทธิ์ อีกคนคืออดีตพี่ชายของธิดาศักดิ์สิทธิ์ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขานั้นย่ำแย่มากพออยู่แล้ว หากธิดาศักดิ์สิทธิ์ต้องทะเลาะกับพี่ชายหนักขึ้นด้วยเรื่
เขาขบริมฝีปากล่างแน่น กัดปากของตัวเองแตกเหมือนไม่รู้สึกตัว ปล่อยให้เลือดไหลลงจากมุมปากช้า ๆ“หลินเนี่ยนฉือล่ะ?”เวินจื่อเยวี่ยเอ่ยปากถามขึ้นทันใด“ข้าอยากพบนาง”“นางไม่อยากพบท่าน”เวินซื่อเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ“ข้าบอกว่าข้าอยากพบนาง!”เวินจื่อเยวี่ยตวาดลั่นอย่างฉุนเฉียวขึ้นมาทันใด พลางปัดมือของจางเสี่ยวหานออกมือของจางเสี่ยวหานถูกตีเจ็บ ตกใจสะดุ้งโหยง เมื่อนางรู้ตัวก็เอื้อมมือออกไปอีกครั้ง คว้าเพียงหนังสือถอนหมั้นฉบับนั้นไว้ส่วนจี้หยกก็ร่วงลงสู่พื้นดัง “ตุ้บ” ตามมาด้วยเสียงแตกหักดังขึ้น จี้หยกแยกออกเป็นสองส่วนทันทีเวินจื่อเยวี่ยที่ยังอยู่ในอาการฉุนเฉียวเมื่อได้ยินเสียงนี้อย่างกะทันหัน ก็ก้มหน้าลงมอง เกิดความสับสนขึ้นโดยพลันเขารีบเก็บจี้หยกขึ้นมา เมื่อมองดูรอยแตกหักนั้น ก็ไม่อาจยับยั้งไฟโทสะที่อัดอั้นอยู่เต็มอกไว้ได้ เพียงชั่วครู่ก็ระเบิดอารมณ์ใส่ฉางเสี่ยวหาน...“ใครให้เจ้าทำของของข้าพัง! เจ้าอยากตายหรือไง?!”“อะไรนะ? ไม่ใช่ข้า เป็นท่านต่างหากที่ปัดมือของข้าเอง...”“สาวใช้ต่ำต้อยอย่างเจ้ายังกล้าเถียงอีก!”เวินจื่อเยวี่ยลุกพรวดขึ้น สีหน้ามีรอยพยายาท ยกมือขึ้นตบหน้าฉางเส
เวินจื่อเยวี่ยมองเวินเฉวียนเซิ่งอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ท่านพ่อ พูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”เวินจื่อเยวี่ยเงียบไปครู่หนึ่ง “เจ้าน่าจะเข้าใจ เจ้าสาม”“ข้าไม่เข้าใจ!”เวินจื่อเยวี่ยตวาดออกมาทันใด พลางจ้องมองไปที่บิดาของเขาอย่างไม่ละสายตาเวินเฉวียนเซิ่งถอนหายใจอีกครั้ง “แค่การหมั้นหมายเท่านั้น พ่อรู้ว่าเจ้าไม่เต็มใจยอมรับ แต่พี่ใหญ่ของเจ้ามีเวลาเหลือไม่มากแล้ว ถ้ายังไม่เอายากลับไปอีก เขาจะต้องตายในไม่ช้า”“เจ้าสาม เจ้าจะทนเห็นพี่ใหญ่ของเจ้าตายไปได้จริงหรือ?”เวินจื่อเยวี่ยที่ได้ยินคำพูดประโยคนี้ของเขาได้ถามด้วยเสียงอันสั่นเครือเล็กน้อย “ก็เลยต้องเสียสละการหมั้นของข้าเพื่อช่วยพี่ใหญ่อย่างนั้นหรือ? ทั้ง ๆ ที่เรายังมีวิธีอื่นอีก แต่ท่านก็ยังยืนกรานที่จะขอร้องเวินซื่อ?!”“ยังมีวิธีอื่นอีกหรือ?”สีหน้าของเวินเฉวียนเซิ่งเย็นชาลง น้ำเสียงแย่มาก “ไม่ว่าจะเป็นบัวหิมะก็ดี เห็ดหลินจือสีม่วงอายุหนึ่งร้อยปีก็ดี หรือหญ้าฝรั่นที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนด้วยซ้ำก็ดี เจ้าคิดว่ามีสิ่งไหนหาง่ายบ้าง?!”“หากพี่ใหญ่ของเจ้ายังยืดเวลาได้อีกครึ่งค่อนเดือน พ่อก็จะไม่รีบร้อนเช่นนี้! แต่นี่พี่ใหญ่ของเจ้าอาจตายได้
นางมองเวินเฉวียนเซิ่งอย่างเย็นชา “ท่านไม่มีคุณสมบัตินี้ตั้งนานแล้ว”“เวินซื่อ! จงระวังท่าทีในการพูดจาของเจ้าด้วย แม้ว่าตอนนี้เจ้าจะเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์แล้ว แต่ความสัมพันธ์พ่อลูกของเจ้ากับพ่อจะไม่มีทางเปลี่ยนแปลง อย่าลืมว่ายังมีเลือดของสกุลเวินไหลเวียนอยู่ในตัวเจ้า”“ใครบอกว่าเปลี่ยนแปลงไม่ได้?”เวินซื่อยิ้มเยาะ “ความสัมพันธ์นี้จะเปลี่ยนไปในไม่ช้า แต่ตอนนี้ขอวกกลับเข้าประเด็นก่อน ท่านเจิ้นจั๋วกง ท่านยังไม่ได้บอกตัวเลือกของท่านเลย ท่านวางแผนที่จะเลือกใครกันแน่?”ล้มเหลวในการเล่นกับอารมณ์ ล้มเหลวในการข่มขู่กลับมาสู่เงื่อนไขข้อแรกสุดอีกครั้ง สายตาของเวินเฉวียนเซิ่งเย็นชาลงระดับหนึ่งในทันใดเวินซื่อดูเหมือนจะมองไม่เห็นเลย เร่งรัดเขาด้วยอารมณ์ที่ดีมาก“ข้ามีเวลาไม่มากนัก ท่านเจิ้นจั๋วกงรีบตัดสินใจโดยเร็วที่สุดเถอะ มิฉะนั้นก็จะไม่มีการเจรจาใด ๆ อีกแล้ว”นางหันไปมองเวินเฉวียนเซิ่งด้วยรอยยิ้มตาหยี “‘พี่ใหญ่แสนดี’ ของข้าก็น่าจะมีเวลาไม่เพียงพอใช่ไหม?”“ถุย!”เวินจื่อเยวี่ยถ่มน้ำลายใส่นางอย่างรุนแรง “พี่ใหญ่ไม่มีน้องสาวที่ชั่วร้ายอย่างเจ้า!”“ถูกต้อง ข้าชั่วร้าย แต่ก็เทียบไม่ได้กับเว