สองวันต่อมา ในโรงพยาบาลผิงอันหลี่ชิงเหยาที่โคม่าตลอด ในที่สุดก็ตื่นขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ สิ่งที่เธอเห็นเป็นห้องที่เรียบง่ายมากมีโต๊ะหนึ่งตัวกับเก้าอี้สองตัวและเตียงอีกเตียงมันคุ้นตาเล็กน้อย เหมือนเธอเคยมาที่นี่มาก่อน"คุณตื่นแล้วเหรอ"ในเวลานี้ ลู่เฉินก็เดินเข้ามาอย่างกะทันหันในมือของเขายังถือโจ๊กเนื้อหมูใส่ผักกวางตุ้งชามหนึ่งไว้แม้ว่ามันจะจืดมาก แต่สําหรับหลี่ชิงเหยาที่หิวมาสองวันแล้ว มันก็น่าดึงดูดมากทีเดียวจนท้องของเธอเริ่มทนไม่ไหวและร้องโครกครากออกมา"คุณเป็นคนช่วยฉันหรอ?"หลี่ชิงเหยาค่อนข้างอึดอัดเลยชิงถามก่อน"คุณได้รับบาดเจ็บ เป็นลมอยู่ข้างถนน ผมเลยไปหิ้วคุณกลับมา" หลู่เฉินตอบอย่างสงบ"หิ้วกลับมา?"หลี่ชิงเหยาขมวดคิ้วและทันใดนั้นเธอก็นึกได้และถามว่า "โอ้ใช่แล้ว ฉันหมดสติไปนานแค่ไหนแล้ว? ตอนนี้ตระกูลจ้าวเป็นไงบ้าง? พ่อแม่ของฉันตกอยู่ในอันตรายหรือเปล่า?"การถามกลับเหมือนยิงปืนเป็นชุด ๆ ทําให้ลู่เฉินรู้สึกเวียนหัวไปพักหนึ่งเขาได้แต่อธิบายทีละข้ออย่างอดทนว่า "คุณอยู่ในอาการโคม่าสองวันสองคืนแล้ว ครอบครัวของคุณปลอดภัยดี สําหรับตระกูลจ้าว ถูกคนอื่นเผาไปหมดแล้ว"
หลังจากผ่านการอดทนทุกข์กลั้นมาได้แล้ว หลี่ชิงเหยาหน้าแดงและเหงื่อออกมากแล้วแววตาที่คับแค้ยใจของเธอนั้น จับจ้องไปที่ลู่เฉินจนเขารู้สึกหวาดกลัวก็แค่ทายาเองไม่ใช่เหรอ?ทำไมเธอดูเหมือนโดนดูหมิ่นล่ะ?"ดูพอหรือยัง? ถ้าดูพอแล้วก็ออกไป!"หลี่ชิงเหยาเอาผ้าห่มมาคลุมตัวเอวที่เรียวบางและสะโพกที่เปล่งปลั่งผสมผสานกันเป็นอย่างดี เป็นส่วนโค้งที่มีเสน่ห์อย่างยิ่ง"ยานี้คุณถือไว้ ทายาตัวนี้ไปสักสามถึงห้าวัน แผลเป็นก็จะหายไป"ลู่เฉินไม่กล้าพูดอะไรมาก หลังจากวางขวดยาลงแล้ว เขาก็ออกจากประตูไปอย่างกินปูนร้อนท้องผ่านไปประมาณสิบกว่านาทีหลี่ชิงเหยาที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยก็เดินออกจากห้องไปด้วยเมื่อเทียบกับความอับอายและความโกรธก่อนหน้านี้ ตอนนี้เธอกลับมาเย็นชาอีกครั้งเหมือนในอดีตเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย"ยืมโทรศัพท์มือถือให้ฉันหน่อย ฉันจะโทรศัพท์"หลี่ชิงเหยายื่นมือไปที่ลู่เฉินที่กําลังกินโจ๊กอยู่อีกฝ่ายก็ไม่ได้พูดอะไรสักคํา เขาส่งโทรศัพท์ไปอย่างซื่อ ๆ "ปลดล็อครหัสผ่าน?"หลี่ชิงเหยากล่าวอีกครั้ง"วันเกิดคุณ"ลู่เฉินไม่เงยหน้าขึ้นมาด้วยซ้ำแต่ประโยคนี้กลับทําให้ร่างกายของหลี่ชิงเหย
"นังบ้า! กูจะฆ่าแกตาย!"ผู้บริหารเทียนลูบใบหน้าที่ร้อนแรงของเขา แล้วเขาโกรธจัดและกระโจนเข้าหาเธอทันทีหลี่ชิงเหยาตอบสนองอย่างรวดเร็ว เธอยกขาขึ้นและเตะที่เป้ากางเกงของผู้บริหารเถียนอย่างแรง"อ้าว!"ผู้บริหารเถียนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เขากุมเป้ากางเกงเขาทันทีและนั่งยองๆหน้าของเขาแดงขึ้นมาทันที "น่าขยะแขยง!"หลี่ชิงเหยาส่งเสียงฮึ่มหนึ่งทีแล้วก็หันหลังเดินออกไปเธอได้ชนกับลู่เฉินที่แอบฟังอยู่หน้าประตูพอดี เธอพูดอย่างหงุดหงิดว่า "คุณทําอะไรอยู่?""ไม่มีอะไร ผมกลัวว่าคุณจะเสียเปรียบ" ลู่เฉินยักไหล่เมื่อเขามองไปที่ผู้บริหารเถียนที่ร้องด้วยความเจ็บปวดบนพื้น แสงเย็นวาบผ่านดวงตาของเขาโชคดีที่หลี่ชิงเหยาเอาชนะในเมื่อกี้ ไม่งั้นถ้าถึงตาเขาที่ลงมือ มือทั้งสองข้างของไอ้อ้วนคนนี้จะต้องหักอย่างแน่นอน"เสร็จธุระแล้ว เราไปกันเถอะ"หลี่ชิงเหยาขี้เกียจพูดอะไรเยอะและเดินออกไปข้างนอกด้วยรองเท้าส้นสูงอารมณ์เธอไม่ดีอย่างมาก"แกแม่งหยุดเดี๋ยวนี้นะเว่ย!"ในเวลานี้ ผู้บริหารเถียนลุกขึ้นด้วยสีหน้าที่ดุร้าย "เตะคนแล้วยังอยากจะวิ่งหนีไปอีกเหรอ? คุณเห็นผมเป็นอะไร?"ด้วยคําสั่งของเขา เจ้าหน้าท
"ใครหน้าไหนมันกล้ามาก่อเรื่องในถิ่นของกู อยากตายหรือไง?"จ้าวหมั่งคาบซิการ์และเดินเข้ามาอย่างหยิ่งผยองถิ่นที่เขาเดินผ่าน ฝูงชนก็รีบแยกย้านกันไป กลัวว่าจะทําให้คนชั่วร้ายคนนี้ขุ่นเคืองแม้แต่หลี่ชิงเหยา สีหน้าของเธอก็เคร่งขรึมขึ้นแม้ว่าจ้าวหู่จะเสียชีวิตแล้ว แต่จ้าวหมั่งยังคงสืบทอดอิทธิพลของจ้าวหู่ทั้งหมด และเขาดูเหมือนจะรุ่งโรจน์มากขึ้นกว่าเดิมประกอบกับมีหม่าเทียนหาวผู้ยิ่งใหญ่ที่คอยสนับสนุนเขาอยู่ มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถยั่วยุเขาได้เลย"คุณออกไปทางประตูด้านข้าง ฉันจะกันตรงนี้ไว้เอง!"หลี่ชิงเหยาก้าวไปข้างหน้าและเอาตัวมาบังลู่เฉินมีตัวตนของเธอค้ำไว้อยู่นี่ แม้ว่าจ้าวหมิ่งจะบ้าบิ่นแค่ไหน เขาก็คงไม่กล้าทําอะไรกับเธอหรอกแต่ลู่เฉินไม่เหมือนกัน เขาไม่มีตัวตนไม่มีภูมิหลัง ในเมื่อเขาตกอยู่ในมือของจ้าวหมั่ง ที่เขาไม่ตายก็จะต้องพิการแน่ ๆ "ไป? ไปไหนล่ะ?""คุณหมั่งมาถึงแล้ว วันนี้ต่อให้พระเจ้าจะลงมา ก็ไม่สามารถช่วยมึงได้หรอก รอตายเถอะ"หลังจากผู้บริหารเถียนหัวเราะอย่างเย็นชา เขาก็ไปต้อนรับอย่างประจบทันที"คุณหมั่งครับ! ในที่สุดท่านก็มาแล้วหรือ? ท่านดูหน้าผมสิ โดนคนอื่นต่อยจนเ
ไม่!ไม่มีทาง!ทันทีที่หลี่ชิงเหยาพึ่งมีความคิดอย่างนี้ขึ้นมา แล้วก็ถูกเธอเองปฏิเสธไปลู่เฉินเป็นแค่คนธรรมดา เขานอกจากหน้าตาหล่อแล้ว แทบจะไม่มีความสามารถอื่นเลยส่วนจ้าวหมั่ง เขาไม่เพียงได้รับช่วงต่อจากคุณหู่ แต่ยังได้คุมต้าฟากรุ๊ปด้วย แถมยังควบคุมลูกน้องไว้อีกหลายร้อยคน อย่างงี้เขาจะกลัวคนที่ไม่มีความสามารถอะไรอย่างลู่เฉินได้อย่างไรเธอเองคิดมากไปแล้วแน่ ๆ จ้าวหมั่งยังคงเตะต่อยไม่หยุด จนให้ผู้บริหารเถียนเลือดพุ่งเลยทีเดียวถ้าไม่ต่อยก็ไม่ได้ เขากลัวลู่เฉินโกรธจริง ๆ พอพูดไม่ถูกใจหน่อยก็จะฆ่าเขาไปเลย“คุณหมั่งครับ! ขอโทษครับ ผมผิดไปแล้ว หยุดต่อยเถอะครับ... ผมขอร้องล่ะ!”ผู้บริหารเถียนตะโกนและร้องอย่างเศร้าโศกจ้าวหมั่งแวะแอบเหลือบมองลู่เฉินและพบว่าสีหน้าของอีกฝ่ายค่อย ๆ คลายลงแล้ว เขาถึงจะหยุดต่อยโชคดีที่ยังมีคนที่ให้เขาระบายอารมณ์ ไม่งั้นจะอันตรายแน่ๆ “มึงมาขอโทษกูจะมีประโยชน์อะไร ถ้าคุณหลี่ไม่ให้อภัยแก วันนี้แกก็จะตายที่นี่!” จ้าวหมั่งด่าด้วยเสียงดัง“คุณหลี่ครับ......ผมขอโทษด้วยครับคุณหลี่!”“ผมผิดเอง ผมสมควรที่จะตาย ผมจะไม่กล้าทำแบบนั้นอีกแล้ว โปรดยกโทษให้ผมด้วยคร
เมื่อช่วงเที่ยง ภายในเทียนเซียงหยวนฉาวซวนเฟยกําลังชิมชาอยู่กับหวางตง“ซวนเฟย คุณยังจําสัญญาเดิมพันก่อนหน้านี้ของเราได้ไหม? ตอนนี้เวลาสามวันก็มาถึงแล้ว ผมยังคงปลอดภัย คุณควรทําตามสัญญาแล้วใช่ไหม?”หวางตงจิบชาและพูดด้วยรอยยิ้ม“ลุงตง คุณจะรีบร้อนอะไร? อีกครึ่งวันแหนะถึงจะถึงสามวันเต็มตามที่เราพนันสัญญากันนะ” สีหน้าของฉาวซวนเฟยสงบมาก“ฮ่าฮ่า... คุณคงจะเชื่อไอ้เจ้าคนโกหกนั่นจริง ๆ แล้วหรือ?”หวางตงรู้สึกว่ามันตลกมาก “ผมฝึกศิลปะการต่อสู้มาหลายปี ร่างกายตัวเองเป็นอย่างไร ผมจะไม่รู้ได้ยังไงเหรอ? คุณดูผมตอนนี้ ผมเหมือนเป็นป่วยงั้นเหรอ?”"ที่เหมือนหรือไม่ ฉันไม่รู้หรอก แต่ฉันเชื่อในการสันนิษฐานของลู่เฉิน" ฉาวซวนเฟยยิ้มเล็กน้อย“ฮึ! ไม่รู้จริง ๆ ว่าเจ้านักต้มตุ๋นคนนั้นมันใส่ยาเสน่ห์อะไรให้คุณ ทําไมคุณถึงได้เชื่อใจเขาได้ขนาดนี้?”หวางตงไม่เข้าใจเป็นอย่างมาก“ใครจะรู้ล่ะ? นี่อาจเป็นโชคชะตาก็ได้มั้ง...”เมื่อฉาวซวนเฟยนึกถึงหน้าตาของลู่เฉิน เธอก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มเล็กน้อย “ยังไงก็ยังมีเวลาอีกครึ่งวัน ถ้าก่อนมืด ลุงตงยังคงสบายดี ฉันก็จะยอมแพ้ในการพนันโดยดี!”"ได้! ผมจะให้เวลาคุณอีกครึ่งวัน!
พอได้ยินคําพูดของลู่เฉิน คนหลายคนตรงนั้นก็ตกตะลึงกันอยู่พักหนึ่งไม่มีใครคาดคิดเลยว่าอีกฝ่ายจะเย่อหยิ่งขนาดนี้ แบบว่าไม่ได้มองพวกเขาอยู่ในสายตาเลยสักนิด“ไอ้เด็ก! แกรู้หรือไม่ว่าแกกําลังพูดอะไรอยู่?”หวางตงกัดฟันแน่น สีหน้าของเขาดุร้ายด้วยความเจ็บปวดอย่าว่าแต่ในเมืองเจียงหลิงเล็ก ๆ นี้เลย แม้แต่มณฑลหนานทั้งมณฑล เขาก็นับว่าเป็นคนใหญ่คนโตที่มีหน้ามีตาคนหนึ่งแต่ตอนนี้ ไอ้ผู้ชายแมงดาคนหนึ่งยังกล้ามาพูดกับเขาแบบนี้งั้นเหรอ?นี่มันช่างขวัญกล้าเทียมฟ้าจริง ๆ “แน่นอนว่าผมรู้ว่าตัวเองกําลังพูดอะไรอยู่ แต่คุณนั่นแหละ ที่ยังไม่ได้ตระหนักถึงความร้ายแรงของปัญหา โรคของคุณ มีแค่ผมเท่านั้นที่จะรักษาให้หายได้!" ลู่เฉินพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา“ไอ้เด็กน้อย! อย่าคิดว่าแกพอรู้กลการหลอกลวงหน่อย แกก็ถือว่าตัวเองเป็นหมอวิเศษแล้ว! ถือโอกาสที่กูยังไม่ได้โกรธมาก แกรีบเจียมตัวไว้จะดีกว่า" หวางตงตะโกน“ใช่! ถ้าแกไม่รักษาให้เจ้านายกู วันนี้กูก็จะจัดการแกซะ!” บอดี้การ์ดขู่“จัดการผมงั้นเหรอ? คุณลองได้นะ” ลู่เฉินหัวเราะอย่างเย็นชา“ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริง ๆ ”บอดี้การ์ดโมโหแล้ว ทันใดนั้นเขาก็ก้า
ขุมทรัพย์เงินทองหรืออะไร ลู่เฉินไม่สนใจสักอย่างแต่เมื่อพูดถึงยาวิเศษที่หายากนี้ กลับเป็นสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดในขณะนี้ร่างกายของตาแก่ติดเหล้าที่นับวันยิ่งแย่ลงเรื่อย ๆ และเขาอาจจะทนไม่ไหวถึงสิ้นปีนี้เขาต้องรวบรวมยาวิเศษที่เหลืออีก5ต้นให้เร็วที่สุด ถึงจะได้รักษาอาการเจ็บป่วยของอีกฝ่าย“ผมจู้จี้จุกจิกเรื่องสมุนไพรมาก ของที่คุณสะสมไว้เหล่านั้น มันอาจจะไม่ได้มีประโยชน์กับผมนะ" ในที่สุดลู่เฉินก็ไม่ยืนหยัดขยาดนั้น"ไม่ว่าคุณจะต้องการสมุนไพรอะไร ผมก็สามารถหามาให้คุณจนได้" หวางตงพูดรับประกันขึ้นทันที“ลูกดำแดง คุณมีไหม?” ลู่เฉินถาม“อันนี้... ไม่มี” หวางตงส่ายหัว“ดอกคริสตัลเลือดล่ะ?”“ไม่มีเหมือนกัน”“ถ้างั้น เห็ดหลินจือหลากสี?”“น้องลู่ สมุนไพรที่คุณพูดเหล่านี้ ผมไม่เคยได้ยินด้วยซ้ำ” สีหน้าของหวางตงขมขื่น“โสมอายุห้าร้อยปีกับบัวสีฟ้าอายุพันปี คุณน่าจะเคยได้ยินบ้างแหละ?” ลู่เฉินหรี่ตา“เคยได้ยิน ๆ สมุนไพรสองชนิดนี้ผมรู้” หวางตงพยักหน้าแม้ว่าทั้งสองอย่างนี้จะเป็นสมบัติที่ประเมินค่าไม่ได้ แต่อย่างน้อยเขาก็เคยได้ยิน“แล้วคุณมีไหม?” ลู่เฉินถาม“บัวสีฟ้าอายุพันปีผมไม่รู้
กระโดดขึ้นไปกลางอากาศ แล้วก็หยุดกะทันหันแสงแดดส่องลงมา เสื้อเกราะสีทองของเหลยว่านจุนส่องแสงประกาย และสะดุดตาเป็นพิเศษ"ดาบนี้เรียกว่าโพ่หยวีนกวน ผมเคยเก็บตัวมาสามปี ถึงจะเรียนรู้เทคนิคนี้ให้ได้""จนถึงตอนนี้ ยังไม่เคยแสดงต่อหน้าคนนอกเลย""วันนี้ จะเป็นเกียรติในชีวิตของคุณที่สามารถตายด้วยดาบนี้ของผม!""ดูดาบผมสิ!"พูดจบ ดาบทองของเหลยว่านจุนก็สั่นอย่างกะทันหัน ตัวเขาก็กลายเป็นแสงสีทองที่แสบตา พุ่งลงมาอย่างรวดเร็วโมเมนตัมของมันยิ่งใหญ่เหมือนแม่น้ำไหลลง ไม่สามารถหยุดยั้งได้และอยู่ยงคงกระพัน"ดาบที่เร็วมาก ลมดาบที่น่ากลัวมาก""โอ้พระเจ้า นี่คือการลงโทษจากพระเจ้าหรือ น่ากลัวเกินไป!"“เมื่อดาบนี้ใช้ออกมา จะไม่มีใครหยุดยั้งได้ การฝึกร่างขั้นจงซือหนุ่ม ถึงตายก็ยังได้รับเกียรติ”ดาบที่น่าตกใจของเหลยว่านจุนทําให้เกิดความโกลาหลเหล่านักสู้ต่างสะเทือนใจแสงสีทองนั้นพราวเหมือนดวงอาทิตย์ ทําให้คนไม่สามารถต้านทานได้แม้แต่น้อยดาบนั้นตกลงมาเหมือนวันสิ้นโลกมาถึงมากพอที่จะทำลายทุกอย่าง!"ชางฉง!"ในขณะที่เหลยว่านจุนออกดาบ ลู่เฉินก็เคลื่อนไหวอย่างกะทันหันเห็นเพียงว่าเขาตบเบาๆ ดาบสีดำท
เมื่อที่เกิดเหตุสงบเหล่านักสู้ที่อยู่ด้านล่างเวที รู้สึกแต่หลังเย็นและหวาดกลัวคลื่นกระทบของการโจมตีเมื่อกี้นั้นน่ากลัวเกินไปหากไม่ได้เตรียมการมานานและหลบได้ทัน เกรงว่าจะถูกประแทกจนได้รับบาดเจ็บสาหัสทันทีถึงกระนั้น พลังทําลายล้างที่น่ากลัวนั้นยังคงทําให้คนกลัวในใจ"ไม่เลว ความแข็งแกร่งของคุณแข็งแกร่งกว่าตอนที่อยู่ในป่าดำเลย"เหลยว่านจุนแบกมือข้างเดียวไว้ด้านหลัง และยิ้มเบา ๆ ดูเหมือนว่าชัยชนะอยู่ในมือแล้ว "น่าเสียดายที่คุณยังคงต้องตายในวันนี้""เหลยว่านจุน มีความสามารถจริง ๆ อะไร ก็ใช้ออกมาเลย มิฉะนั้นคุณจะไม่มีโอกาสแล้ว"ลู่เฉินยืนตัวตรงอย่างช้า ๆ สายตายังคงเย็นชาการโจมตีเมื่อกี้นั้น ทำให้เขารู้ว่าความแข็งแกร่งของเหลยว่านจุนเป็นยังไงถ้าไม่มีอะไรที่เกินความคาดคิด อีกฝ่ายใกล้จะมาถึงการฝึกร่างขั้นจงซือใหญ่แล้วโชคดีที่ยังไม่ได้ทะลุไปอย่างเต็มที่เพราะเวลา ไม่งั้นจะรับมืออย่างลำบาก"ฮึ่ม! คุณไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริง ๆ"เหลยว่านจุนหรี่ตาเล็กน้อย โมเมนตัมเพิ่มขึ้นอีกครั้ง เสื้อคลุมทั้งตัวไม่มีลมพัดแต่ปลิวอยู่ และส่งเสียงด้วย "คุณต้องดูความแข็งแกร่งที่แท้จริงของผมไม่ใช่
การฝึกร่างขั้นจงซือก็มีคนที่แข็งแกร่งกว่าหรืออ่อนแอกว่า ช่องว่างของดินแดนเล็ก ๆ แต่ละระดับจะยากที่จะข้ามได้"หัวหน้าอู๋ประเมินคนนี้สูงเกินไปแล้ว"เจี่ยงซิวเจินส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม "ถ้าผมมองไม่ผิด หลังจากหัวหน้าเหลยเก็บตัวครั้งนี้ ความแข็งแกร่งได้ก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง จัดการกับลู่เฉิน ใช้สามท่าก็สามารถจัดการได้แล้ว""อ้อ เหรอ"อู๋หงต๋ายักคิ้ว ค่อนข้างประหลาดใจเหลยว่านจุนได้ประสบความสําเร็จอย่างมากในการฝึกร่างขั้นจงซือเมื่อหลายปีก่อน หากมีความก้าวหน้าอีก เขาจะใกล้มาถึงการฝึกร่างขั้นจงซือใหญ่แล้สไม่ใช่หรือถ้าเป็นเช่นนั้น สำนักงานเจิ้นอู่ก็ต้องประเมินมูลค่าของเขาใหม่แล้ว"ลู่เฉิน คุณไม่ควรมาท้าทายผม ตอนอยู่ในป่าดำ ผมเคยให้โอกาสคุณแล้ว ไม่คิดว่าคุณจะยังเอาไข่มากระทบหินอีก วันนี้ ไม่มีใครช่วยคุณได้แล้ว"เหลยว่านจุนยังคงเข้าใกล้ต่อไป โมเมนตัมที่น่ากลัวในตอนแรกก็เพิ่มขึ้นอีกครั้งราวกับคลื่นสึนามิกวาดมา"แกร็บ แกร็บ...” ภายใต้การบีบอัดอย่างรุนแรง ออร่าที่เกิดขึ้นรอบ ๆ ลู่เฉินก็เริ่มมีรอยแตกทีละรอยเกิดขึ้นเหมือนกระจกขนาดใหญ่ที่กําลังจะแตกรอยแตกแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว และหนาแน่นขึ้นเรื
ภายใต้เสียงตะโกนของเหลยว่านจุน ใบไม่ต้องรับผิดชอบก็ส่งมาทั้งสองคนไม่ได้พูดเรื่องไร้สาระ เซ็นชื่อบนใบไม่ต้องรับผิดชอบและพิมพ์ลายนิ้วมือติดต่อกันการดวลกันสังเวียน จะเป็นหรือจะตายนั้นกำหนดโดยโชคชะตามาตลอด แต่โดยทั่วไปแล้วถ้าไม่มีความเกลียดชังอย่างลึกซึ้ง ฝ่ายชนะจะออมมือ นี่เป็นกฎที่ไม่ได้เขียนไว้แต่หลังจากเซ็นใบไม่ต้องรับผิดชอบแล้ว กฎนี้ก็ถูกทําลายแล้วไม่ได้ออมมือ ไม่มีทางถอย มีแค่สู้ชีวิตจะอยู่หรือตาย ไม่มีทางเลือกอื่น"ลู่เฉิน นี่เป็นการตัดสินใจที่โง่ที่สุดในชีวิตของคุณ"หลังจากเซ็นชื่อเสร็จแล้ว โมเมนตัมของเหลยว่านจุนก็เปลี่ยนไปแล้วจากการสง่างามกลายเป็นคนเฉียบคม และมีบารมีแรงกดดันที่เหมือนภูเขาถูกปล่อยออกจากร่างกายเขา และปกคลุมทั้งที่เกิดเหตุทันทีหลังจากนั้น เหล่านักสู้ที่อยู่ด้านล่างเวทีรู้สึกเพียงว่าร่างกายหนักขึ้น เหมือนมีก้อนหินที่มองไม่เห็นก้อนหนึ่งกดลงบนไหล่ของพวกเขา แม้แต่การหายใจก็เริ่มถี่ขึ้นคนที่อ่อนแอ ยิ่งหอบและเหงื่อออกเต็มหัว"แรงกดดันจากการฝึกร่างขั้นจงซือที่น่ากลัว หรือว่านี่ก็คือความแข็งแกร่งที่แท้จริงของหัวหน้าพันธมิตรศิลปะการต่อสู้หรือ"ทุกคนสั่นใ
นี่อะไรกันเนี่ยไม่ใช่เพื่อตำแหน่งและอำนาจ เพื่อสร้างชื่อเสียงไปทั่วโลก ถึงมาท้าทายหัวหน้าพันธมิตรศิลปะการต่อสู้หรือทำไมจะฟังดูเหมือนเป็นการแก้แค้นระหว่างทั้งสองคน มีความแค้นอะไรหรือ"พวกบ้าที่ใจกล้า คุณกล้าดูถูกหัวหน้าพันธมิตรอย่างโจ่งแจ้ง เป็นบาปชั่วร้ายที่ให้อภัยไม่ได้จริง ๆ"เหลยเชียนฉงลุกขึ้นและตําหนิเสียงดังสมาชิกของพันธมิตรศิลปะการต่อสู้ ก็เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองในใจและตะโกนไม่หยุดเหลยว่านจุน เป็นหน้าเป็นตาของทั้งพันธมิตรศิลปะการต่อสู้ ถูกใส่ร้ายในที่สาธารณะ ย่อมจะทนไม่ได้"ได้แล้ว เงียบหน่อย"เหลยว่านจุนยกมือขึ้นอย่างช้า ๆ หยุดเสียงอึกทึกครึกโครมของสมาชิกพันธมิตรศิลปะการต่อสู้ แล้วก็พูดอย่างไม่เปลี่ยนสีหน้าว่า "ลู่เฉิน ความยุติธรรมอยู่ในใจคน ที่ผมทําสิ่งต่าง ๆ จะเปิดเผยเสมอ คุณคิดว่าการพูดพล่อย ๆ ไม่กี่คําจะทําให้ชื่อเสียงของผมเสื่อมเสียได้หรือ""ใส่ร้ายเหรอ ฮึ่ม..."ลู่เฉินส่งเสียงฮื่มอย่างเย็นชา "คุณเขียนด้วยมือ ลบด้วยเท้า กระทำสิ่งที่ฝ่าฝืนกฎเกณฑ์ของอาจารย์และศีลของบรรพบุรุษ สู้สัตว์ไม่ได้ด้วยซ้ำ คนหน้าซื่อใจคดอย่างคุณ ต้องถูกทุกคนลงโทษเลย""กําเริบเสิบสาน!"
"ถึงแล้วหรือ?"เมื่อได้ยินอย่างนั้น หลายคนก็มองตามสายตาของเจี่ยงซิวเจินไปทันทีได้เห็นว่าหลังคาของสํานักงานใหญ่พันธมิตรศิลปะการต่อสู้ มีเงาสีขาวหนึ่งกระโดดลงมาอย่างกะทันหันเงามนุษย์แกว่งไปแกว่งมาตามลม เบาเหมือนไม่มีอะไร เหมือนขนนกสีขาว"มาแล้ว หัวหน้าเหลยมาแล้ว"เมื่อมองดูเงามนุษย์ที่ตกลงมาจากท้องฟ้า ทั้งสนามสู้ก็ฮือฮาขึ้นมาทันทีเหลยว่านจุน หัวหน้าพันธมิตรศิลปะการต่อสู้ได้ปรากฏตัวในที่สุดท่ามกลางสายตาของทุกคน เหลยว่านจุนในชุดขาว แบกมือทั้งสองข้างไว้ข้างหลัง เสื้อผ้าปลิว เท้าเหยียบบนลม ราวกับเป็นเทพเจ้าตกลงมาบนโลกลอยละลิ่วลงมาด้วยอารมณ์ที่ลึกลับและสูงส่งไม่มีบารมีที่บีบบังคับ ไม่มีออร่าที่แข็งแกร่ง มีแค่ความศักดิ์สิทธิ์ที่ทําให้คนไม่กล้ามองตรง ๆ และไม่สามารถดูหมิ่นได้ในขณะนี้ เหลยว่านจุนเป็นเหมือนแสงที่สว่างที่สุดในโลกนี้ส่องบนแผ่นดิน สลายความมืดทำให้คนเคารพจากใจ"ขอต้อนรับหัวหน้าเหลยเก็บตัวออกมา"ในเวลานี้ เหลยเชียนฉงลุกขึ้นก่อน และทําความเคารพ"ขอต้อนรับหัวหน้าเหลยเก็บตัวออกมา"เหล่าสาวกพันธมิตรศิลปะการต่อสู้จํานวนมากที่อยู่ข้างหลังเขาก็พากันลุกขึ้น และตะโกนพร้
"น้อง ตราบใดที่คุณเข้าร่วมสำนักงานเจิ้นอู่ ผมสามารถตัดสินใจได้ อนุญาตให้คุณขึ้นตำแหน่งผู้ที่คอยปรนนิบัติหัวหน้า!" อู๋หงต๋าเสนอเงื่อนไขที่ดีในสำนักงานเจิ้นอู่ ตำแหน่งผู้ที่คอยปรนนิบัติหัวหน้า อยู่เหนือผู้จัดการด้วยซ้ำเพิ่งเข้าร่วมก็ขึ้นสองระดับติดต่อกัน นี่เป็นการเลื่อนตําแหน่งเกินมาตรฐานแล้ว"ขอโทษครับ ผมยังคงไม่สนใจ"ลู่เฉินส่ายหัวอีกครั้งการปฏิเสธซ้ำๆทําให้อู๋หงต๋าขมวดคิ้วเขาไว้หน้ามากพอแล้ว ไม่คิดว่าเด็กตรงหน้านี้จะไม่รู้จักชั่วดีขนาดนี้"ไม่ใช่มั้ง ขนาดตําแหน่งผู้ที่คอยปรนนิบัติหัวหน้าของสำนักงานเจิ้นอู่ก็ไม่เอา เด็กคนนี้คิดอะไรอยู่?""มันเป็นเรื่องดีมากที่ได้รับความสำคัญจากสำนักงานเจิ้นอู่ เด็กคนนี้ไม่ซาบซึ้งเลยเหรอ ไม่รู้จักชั่วดีจริง ๆ""ฮึ่ม! การฝึกร่างขั้นจงซือหนุ่มอะไร ต่อหน้าสำนักงานเจิ้นอู่ เป็นไก่อ่อนทั้งนั้น"นักสู้ที่อิจฉาบางคน ต่างวิจารณ์ขึ้นการชักชวนของสำนักงานเจิ้นอู่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเกียรติยศสูงสุดจากนักสู้มากมายแต่ลู่เฉินกลับปฏิเสธหลายครั้ง ไม่ได้เห็นสำนักงานเจิ้นอู่ในสายตาเลย หยิ่งผยองจริง ๆ"น้อง ถ้าพลาดโอกาสนี้ไปจะไม่มาอีก คุณแน่ใจนะว่าจะไม่
"คุ้นตา?"เฉินหยวนเวยสงสัยเล็กน้อย "หรือว่าหัวหน้าอู๋เคยเห็นการฝึกร่างขั้นจงซือลู่มาก่อน""ผมอาจจะดูผิดแล้วมั้ง"อู๋หงต๋าสัมผัสเคราของตัวเอง ครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง แต่ก็จําไม่ได้ด้วยความทรงจําของเขา ตราบใดที่เป็นนักสู้ที่ยอดเยี่ยม แทบจะเห็นแวบหนึ่งก็ลืมไม่ได้เลยอีกฝ่ายอายุยังน้อย ก็สามารถเป็นการฝึกร่างขั้นจงซือได้ ในทั่วประเทศหลง จะเป็นคนที่หายากอัจฉริยะแบบนี้ ตามเหตุผลแล้ว ตราบใดที่เขาเคยเห็น ก็ไม่สามารถลืมได้แต่ตอนนี้ที่เขาจำไม่ได้ ก็พิสูจน์ว่าทั้งสองฝ่ายไม่รู้จักกัน"หัวหน้าอู๋ ท่านเดินทางมาไกล คงเหนื่อยแล้วแน่นอน กรุณาไปนั่งพักผ่อนด้วยครับ" เฉินหยวนเวยทำท่าเชิญด้วยมือเดียว"ไม่ต้องรีบ ผมจะไปพบการฝึกร่างขั้นจงซือหนุ่มคนนี้หน่อย"หลังจากบอกประโยคนี้ไป อู๋หงต๋าก็เดินตรงขึ้นสังเวียนเมื่อเห็นฉากนี้ เฉินหยวนเวยอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ในไม่ช้าก็กลับมาเป็นปกติเหตุผลที่สําคัญที่สุดที่สำนักงานเจิ้นอู่แข็งแกร่งจนทำให้ผู้คนพูดถึงก็จะเปลี่ยนสีหน้า ก็คือรับสมัครผู้มีความสามารถมากมายไม่ว่าจะเป็นคนชั่ยหรือคนดี ตราบใดที่มีความสามารถ ตราบใดที่มีทักษะที่โดดเด่น ตราบใดที่แข็ง
"ลู่เฉิน คุณต้องสู้อย่างยอดเยี่ยม สร้างชื่อเสียงไปทั่วโลก ให้ผู้คนเห็นว่าอะไรเรียกว่าไม่มีใครเทียบได้ อยู่ยงคงกระพัน!"มองดูด้านหลังที่ตั้งตรงนั้น จั่วซินเยว่พึมพํากับตัวเอง ในดวงตาที่สวยงามเต็มไปด้วยความรักและความนับถือผู้ชายตัวโต ก็ควรจะถือดาบยาว ทำคุณงามความดีชั่วนิรันดร์ แม้ข้างหน้าจะลำบาก ก็ยังก้าวไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญและไม่เกรงกลัวนี่แหละ ถึงจะเป็นผู้ชายจริงๆ"กล้าท้าทายหัวหน้าพันธมิตรศิลปะการต่อสู้ วันนี้ก็คือวันตายของคุณ!"หยางเจี๋ยมีสีหน้ามืดมน และแอบสาปแช่งเขาแค่หวังว่าทันทีที่ลู่เฉินขึ้นไปบนเวที ก็ถูกเหลยว่านจุนต่อยจนตาย"ฮึ่ม! จะตายไม่ช้าก็เร็ว แค่มีชีวิตอยู่อีกกี่นาทีเท่านั้น"เหลยเชียนฉงยิ้มอย่างดุเดือด สายตาดุร้ายมาก"ศิษย์พี่ลู่ ต้องปลอดภัยเลยนะ"หลินหรง พนมมือไหว้ แอบสวดมนต์"แม่งเอ้ย เด็กคนนี้กล้าขึ้นไปจริง ๆ เขาคงไม่คิดว่าตัวเองทําได้จริง ๆ เหรอ"เถาหยางขมวดคิ้ว ในดวงตาเต็มไปด้วยความอิจฉาและความเกลียดชังเขาไม่เข้าใจ ทั้งๆที่เป็นเพื่อนวัยเดียวกัน ทําไมลู่เฉินถึงกลายเป็นการฝึกร่างขั้นจงซือ แต่เขาไม่ได้ฝ่าฟันไปถึงการฝึกร่างขั้นเซียนเทียนด้วยซ้ำทำไมล่