เสียงจอแจของผู้คนในยามเช้าวันเปิดภาคเรียนของนักศึกษาปีหนึ่งต่างเริ่มทยอยเตรียมเข้าเรียน บ้างก็เดินมานั่งพูดคุยกันบริเวณหน้าตึกเรียน หญิงสาวเดินมาที่หน้าตึกเรียนพร้อมกับเพื่อนสาวที่เพิ่งทำความรู้จักกันเมื่อวันรับน้องไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมา หญิงสาวโบกมือทักทายเพื่อนสาวคนสวยพร้อมท่าทางดีใจที่ได้พบกัน
“นา แกมานานหรือยัง” เสียงสดใสของเพื่อนสาวเอ่ยทักอย่างร่าเริงพร้อมโอบกอดเอวบางของหญิงสาวกับรอยยิ้มสวย
“เพิ่งมาเมื่อกี้เอง” หญิงสาวกอดตอบเพื่อนอย่างสนิทสนมพร้อมกับเอียงซบเล็กน้อย
“ส้มโอกินอะไรหรือยัง”
“กินแล้ว นาล่ะ”
“เรียบร้อยแล้ว เราขึ้นเรียนกันเลยไหม”
“เอาสิไปกันเถอะ ไปจองที่นั่งด้วย”
ทั้งสองสาวเดินขึ้นมายังตึกเรียน ก่อนจะมองหาที่นั่งว่างเพื่อจับจอง ภายในห้องสโลป ตอนนี้เก้าอี้ยังคงว่างสำหรับการจองที่ ขาเรียวเดินลงไปตามขั้นบันไดก่อนจะวางกระเป๋าเมื่อได้ที่นั่งที่ต้องการ เสียงพูดคุยของนักศึกษาภายในห้องไม่ได้เข้า โสตประสาทของหญิงสาวสักเท่าไร แต่สิ่งที่ทำให้หญิงสาวต้องถึงกับชะงักก็คือบทสนทนาของหญิงสาวกลุ่มหนึ่งที่นั่งอยู่ไม่ไกล
“เมื่อวันก่อน ฉันไปร้าน SUNSET มาเจ้าของร้านหล่อมาก” เสียงเจื้อยแจ้วเอ่ยคุยกันอย่างออกรส พร้อมกับหน้าตาที่ดูภูมิใจ
“อย่าว่าแต่เจ้าร้านของเลย พนักงานก็หน้าตาดีทุกคน” เพื่อนอีกคนที่กำลังคุยกันอย่างสนุกปากทำหน้าตาภูมิใจในสิ่งที่เห็นไม่แพ้กัน
“แกก็ว่าไป สงสัยพวกเราต้องไปร้านนั้นบ่อย ๆ แล้ว” ทั้งสองปรบมือเข้าหากันเหมือนกับรู้ว่าสิ่งที่ควรทำนั้นคืออะไรก่อนจะเดินออกไป
หญิงสาวที่ยืนฟังอยู่กับเพื่อนสาวถึงกับต้องสะกิดถามว่าเป็นอะไรทำไมถึงได้นิ่งไป เมื่อได้สติหญิงสาวก็หันไปมองเพื่อนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ตนเองทันที ก่อนจะยิ้มบางให้กับเพื่อนแล้วชวนกันไปเข้าห้องก่อนจะถึงเวลาเรียนเมื่อถึงเวลาเข้าเรียนนักศึกษาก็ต่างพากันทยอยเข้ามาบรรยากาศเป็นที่คึกคัก เมื่อวันแรกไม่ได้ทำอะไรที่หนักสมองจนเกินไป อาจารย์เพียงแค่ให้ทำความรู้จักเพื่อนในคลาสเรียน และจับกลุ่มเพื่อทำงานร่วมกัน
เวลาพักเบรกมาถึงเมื่อเริ่มเรียนไปได้ครึ่งชั่วโมง อาจารย์ผู้สอนให้นักศึกษาออกมาเดินเล่น เพื่อผ่อนคลายเป็นเวลาสิบนาที เพื่อนสาวที่เดินมาตามหลังเอ่ยถามหญิงสาวว่าเย็นวันนี้จะเริ่มทำงานกลุ่มเลยไหม หญิงสาวมีท่าทีลังเลเล็กน้อยเพราะวันนี้ตั้งใจว่าจะแวะไปที่ร้าน SUNSET เพื่อไปเจอชายหนุ่มที่ชอบ
“อือ ที่จริงวันนี้ฉันไม่ว่าง แต่ถ้าส้มโออยากเริ่มทำงานเลยก็นัดเพื่อน ๆ ได้เลยนะ” ในใจก็อยากไปแต่อีกใจก็อยากไปนั่งมองชายหนุ่ม แต่เพื่อนต้องมาก่อนและการเรียนก็ย่อมสำคัญกว่าอยู่แล้ว เรื่องผู้ชายเอาไว้ทีหลัง
“งั้นไปทำที่ห้องสมุดนะ จะได้นัดเพื่อน ๆ เลย” เพื่อนสาวเอ่ยอย่างร่าเริง เพราะที่ห้องสมุดไม่ได้มีแค่หนังสือน่ะสิ
“โอเค นัดเพื่อนเลย ตอนนี้หิวขนมมากไปซื้อขนมกันเถอะ” ฉันพยักหน้าตอบรับก่อนจะหันมาสนใจทางเดินตรงหน้า
“ไปสิ ฉันอยากกินมาการอง”
“มาการองแถวนี้ไม่มีขายหรอกนะ”
ที่ตึกเรียนมันแทบไม่มีร้านขายมาการองเลยด้วยซ้ำ แต่ทำไมเธอถึงมาอยากกินอะไรตอนนี้กันนะ
“ก็ไปที่ร้าน SUNSET ใกล้ ๆ นี่แหละ” เพื่อนสาวเอ่ยเสร็จก็แอบตกใจนิดหน่อยที่ต้องถ่อไปถึงที่ร้านเพราะมันไกลจากคณะพอสมควร
“แค่เดินไปก็หมดเวลาเเล้วไหม กว่าจะเดินลงตึกเรียนเดินไปร้านเดินกลับมาอีก” หญิงสาวเอ่ยห้ามปรามเพื่อนเพราะมันอาจจะเลยเวลาเรียนและโดนหักคะแนนก็เป็นได้ แต่คิดไปคิดมาถ้าไปที่ร้านนั้นก็อาจจะได้เจอกับเขาคนนั้นก็ได้
เมื่อเพื่อนสาวเอ่ยชื่อร้านใบหน้าของหญิงสาวก็แดงระเรื่อโดยอัตโนมัติ แค่ได้ยินก็นึกถึงชายหนุ่มขึ้นมาทันที หัวใจเจ้ากรรมพลันคิดถึงเขาตลอดเวลาที่มีอะไรเกี่ยวข้องกับตัวชายหนุ่ม เห็นแบบนี้คงไม่เรียกว่าตกหลุมรักธรรมดา ว่าแล้วเนื้อเพลงยอดฮิตในวัยเด็กก็ผุดมาในหัว ตกหลุมรักขึ้นไม่ไหว มันไม่ไหวแล้วจริง ๆ คิดถึงแต่เขา
“นี่แกหน้าแดงอะไรนา” เพื่อนสาวเอ่ยทักเมื่อเห็นว่าหญิงสาวมีอาการหน้าขึ้นสี
“บ้า หน้าแดงอะไร ไม่มีนะ” หญิงสาวเอามือนาบกับใบหน้านวลของตัวเองพลางส่ายหน้าไปมาช้า ๆ
“แก้มแกมันแดงจริง ๆ นี่ เดี๋ยวนะ ไม่ใช่แกไปแอบชอบหนุ่มร้านนั้นเหมือนสาวคนอื่น ๆ หรอกนะ” เพื่อนอย่างไรก็คือเพื่อน ถึงจะรู้จักกันไม่นานแต่ทำไมรู้ความคิดฉันไปหมด
“ถ้าบอกว่าใช่ แกอย่าล้อฉันนะส้มโอ” เอาเถอะไหน ๆ ก็โดนจับได้แล้ว จะไม่ยอมโป๊ะแตกเพราะปิดบังเพื่อนหรอก
“ถามจริง นี่แกเอาจริงเหรอ” ส้มโอสีหน้าดูตกใจเมื่อได้ยินคำตอบ
“เอาจริงแบบไม่ได้มาเล่น ๆ เลยแหละ” ความมั่นใจเต็มเปี่ยม กับการตอบแบบไม่ต้องลังเล เพราะไม่ได้มาเล่น ๆ แบบที่พูดจริง ๆ
“ว่าแต่ไปตกหลุมพรางหนุ่มคนไหนเหรอ” เพื่อนก็ขยันหลอกถามจริง ๆ แต่ยังบอกตอนนี้ไม่ได้หรอก
“ไม่บอก”
“ถ้าไม่บอกฉันช่วยแกไม่ได้หรอกนะ” เพื่อนสาวถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย
“ไม่ต้องช่วย เดี๋ยวฉันลุยเอง” ใช่ ตอนนี้ฉันลุยเอง ไปตายเอาดาบหน้า ถ้าไม่ไหวจะขอให้ช่วยนะเพื่อน
“โคตรเชื่อเลย ธาตุแท้ออกแบบไม่ต้องศึกษา ฉันชอบแกจังนาน้อยของฉัน นึกว่าจะเรียบร้อย” เพื่อนสาวหัวเราะออกมาอย่างนึกขำ เมื่อสิ่งที่ได้ยินทำเอาเหลือเชื่อจริง ๆ
“นี่ชมอยู่ใช่ไหม” คิดแล้วก็สงสัย นี่เพื่อนชมหรือเพื่อนด่า แต่ช่างมัน มั่นใจในตัวเองไว้ก่อน พุ่งชนเท่านั้นนั่นคือเป้าหมาย
“ไม่บอก” เล่นตัวไปก่อนแล้วกัน ยังไม่บอกแน่ ๆ ว่าคนไหน ไปเดาเอาเองนะเพื่อน
ขณะที่หญิงสาวกำลังเดินไปยังร้านที่เป็นเป้าหมาย สายตาของเพื่อนคนสวยก็พลันหันไปเห็นชายหนุ่มที่กำลังถือถุงใส่เครื่องดื่มมาเต็มไม้เต็มมือ ดูท่าทางชายหนุ่มจะเอาเครื่องดื่มมาส่งที่คณะ สาว ๆ ในบริเวณนั้นต่างก็พากันมองอย่างไม่วางตา พ่อหนุ่มตาคมที่ดูแสนจะดุดันกลับมาทำงานแบบนี้ ดูไม่เข้ากับบุคลิกเขาเลยสักนิด“แกนั่นมันเจ้าของร้านที่เขาพูดถึงกันนี่” เพื่อนสาวเอ่ยและชี้ไปที่เป้าหมาย“แกว่าอะไรนะ” ฉันหันไปมองตามที่เพื่อนสาวชี้ อยากจะรู้นักที่เขาว่าเจ้าของร้านก็หล่อไม่แพ้พนักงานมันจะขนาดไหนกันเชียว “ก็หนุ่มร้าน SUNSET ไง”“นั่นมันพนักงานร้านไม่ใช่เหรอ” เมื่อหันไปมองก็ถึงกับตกใจเพราะคนที่เพื่อนสาวชี้นั้นคือพนักงานร้านที่ตัวเองเล็งไว้อยู่“พนักงานบ้าอะไรจะหล่อขนาดนี้ นั่นเจ้าของร้าน” เพื่อนสาวเอ่ยย้ำคำตอบอย่างมั่นใจ“...”เมื่อหญิงสาวได้ยินแบบนั้นตัวกลับแข็งทื่อไปหมด หลงเข้าใจไปว่าเขาเป็นพนักงานร้าน หญิงสาวมองชายหนุ่มที่เดินขึ้นตึกเรียนไป ขาเรียวขยับและเดินตามชายหนุ่มขึ้นไปทันทีอย่างไม่ต้องคิด เพื่อนสาว มองตามอย่างไม่เข้าใจแต่ก็เดินตามหญิงสาวมาเช่นกัน “นาแกจะไปไหนเนี่ย” “ก็ตามผู้ชายไงถามได้” จะ
หลังจากที่ผ่านเหตุการณ์สุดช็อกมาเมื่อวันก่อนที่พี่พีทเรียกชื่อของลัลนาโดยที่เธอไม่ได้เตรียมใจ เสียงของพี่พีทที่ทุ้มนุ่มลึก ทำให้หญิงสาวเหมือนต้องมนตร์สะกดและแทบไม่มีสมาธิทำงานเลย แต่ก็ต้องเก็บอาการไว้เพราะเพื่อนคนอื่น ๆ เขาไม่ได้รู้ว่าเธอนั้นแอบชอบผู้ชายคนนี้แล้วกว่าพวกเราจะทำงานกันเสร็จก็ปาไปเกือบร้านปิด ตลอดเวลาที่พวกเราทำงาน ร่างเล็กก็คอยมองหาร่างสูงเป็นระยะจนเพื่อนสาวต้องสะกิดให้หันมาสนใจงานกลุ่มตรงหน้า และเมื่อพวกเราตัดสินใจแยกย้ายเพื่อกลับหอ จากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็ครบหนึ่งอาทิตย์แล้วที่เริ่มเปิดเรียน วันนี้ก็เป็นวันเสาร์ที่เป็นวันหยุดฉันกลับมาบ้านในเย็นวันศุกร์ ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาพวกเราก็เลือกที่จะไปทำงานที่ร้านนั้นทุกวันเพราะเพื่อนสาวตัวดีเป็นคนเลือกร้าน “นาลูกรัก ทำอะไรอยู่คะคนสวยของแม่” คุณแม่เอ่ยถามเมื่อเดินเข้ามาในห้องลูกสาวสุดที่รักที่เป็นเหมือนเจ้าหญิงองค์น้อยของบ้านหลังนี้ พร้อมกับลูบหัวร่างเล็กอย่างเอ็นดู “กำลังหาข้อมูลช่วยเพื่อนทำรายงานค่ะคุณแม่ คุณแม่มีอะไรหรือเปล่าคะ” ร่างเล็กกอดแขนคนเป็นแม่อย่างออดอ้อนพร้อมกับยิ้มหวาน “แม่จะมาเรียกลง
เมื่อได้เริ่มกินข้าวบนโต๊ะอาหารก็ไม่ได้เงียบไปเสียทีเดียว มีถามเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปเรื่อยบ้าง อาจจะเพราะช่วงนี้พี่ชายไม่ได้มาบ้านบ่อยเหมือนเมื่อก่อนและทุกอย่างกำลังไปได้ดี พอได้กลับมาที่บ้านก็มีเรื่องมากมายให้ได้คุย และคนเป็นลูกสาวเองก็มีเรื่องมากมายเล่าให้คนในครอบครัวฟังไม่ต่างกัน แต่เรื่องผู้ชายอย่าได้ปริปากเชียวไม่อย่างนั้นโดนหมายหัวแน่ ๆ ครอบครัวของพวกเราถ้ามองจากภายนอกอาจจะดูเหมือนครอบครัวที่ห่างเหินกัน เพราะลูก ๆ แต่ละคนต่างเติบโตกันหมดแล้ว แต่จริง ๆ เป็นครอบครัวที่อบอุ่นและเฮฮามาก ๆ สนุกสนานทุกครั้งที่กลับมาหากัน ถ้าให้พูดในเรื่องส่วนตัว ก็อาจจะมีบางเรื่องที่ไม่สามารถคุยกันได้ แต่บางเรื่องที่รับมือไม่ไหวทุกคนที่บ้านก็พร้อมรับฟังเสมอ คนเป็นพ่อเป็นแม่ดูแลลูกทั้งสองอย่างดี เติบโตมาอย่างดี ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง เรื่องบางเรื่องก็ให้ลูกตัดสินใจและยอมรับผลของมันเอง เอาง่าย ๆ ก็คือให้ลูกได้ลองมีชีวิตเป็นของตัวเองและยอมรับกับสิ่งที่ตัดสินใจให้ได้ ส่วนครอบครัวจะคอยหนุนหลังและสนับสนุนอยู่เสมอ“พี่ลีคะ หนูมีเรื่องอยากรู้”“ว่าไงคะ” เสียงที่อ่อนโยนตอบกลับน้องสาว พร้อมกับวางช้อนเพื่อรอฟังสิ่ง
เวลาที่ผ่านไปไวมาก ตอนนี้ก็เกือบจะปลายภาคเรียนแล้ว วันเวลาเดินเร็วไปหมด และหากเปรียบเมืองไทยตอนนี้กับอะไรสักอย่างก็คงเป็นเตาเผาชั้นดี อากาศทั้งร้อนระอุ ตามเนื้อตัวนั้นแสบไปหมด และถ้ามันลอกออกมาเป็นแผ่นได้มันก็คงลอกออกมาเดี๋ยวนั้น วันนี้คนตัวเล็กมีเรียนในช่วงบ่าย แต่ที่มาเร็วก็เพราะต้องมาก่อนเวลาเพราะนัดเพื่อนทำงานกลุ่ม ช่วงสายของวันเพื่อนสาวคนสวยอย่างส้มโอก็ไม่เคยทำให้คนตัวเล็กผิดหวัง หอบหิ้วเพื่อน ๆ มาทำงานกันแบบพร้อมหน้าพร้อมตาที่ห้องสมุด โดยที่ไม่ต้องโทร.ตามแม้แต่คนเดียว ซึ่งสิ่งที่ทำให้เพื่อน ๆ ทุกคนนั้นมาพร้อมเพรียงกันได้นั่นคือ ส้มโอจะเลี้ยงปิ้งย่างในเย็นวันนี้ แน่นอนของฟรี และของอร่อยใครจะไปยอมพลาดกัน“วันนี้พร้อมเพรียงมาก ส้มโอรักทุกคนเลย”“เธอก็พูดเกินไปแล้วส้มโอ” ลัลนาเอ็ดเพื่อนสาวอย่างเอ็นดูพลางหยิกไปที่แขนของเพื่อนสาวเบา ๆ “ตอนนี้รายงานของพวกเราถึงไหนกันแล้ว” ส้มโอเอ่ยขึ้นเพราะครั้งก่อนเธอได้แจกแจงงานว่าทำอะไรบ้าง เพื่อถามความคืบหน้าของเนื้อหา“ของเราข้อมูลที่ให้หาเราเอามาทั้งหมด 5 ที่อ้างอิง” คนตัวเล็กหยิบเอกสารที่สำเนาเอกสารออกมาพร้อมกับแจกจ่ายให้เพื่อน ๆ ได้ดู การทำง
ในที่สุดวันสุดท้ายของการสอบก็จบลงและผ่านพ้นไปด้วยดี ถึงจะแสนสาหัสและเหน็ดเหนื่อยกันขนาดไหนก็ตาม เสียงครึกครื้นของเหล่านักศึกษาในยามเช้าของวันปิดเทอมวันแรก ผู้คนมากมายที่กำลังทยอยขนของเพื่อกลับบ้านในช่วงปิดเทอม บรรยากาศที่แสนจะวุ่นวายนี้อยู่ในสายตาของคนตัวเล็กที่กำลังมองเพื่อนเดินกันวุ่นไปหมดทางด้านล่างของหอพัก บางคนก็เลือกที่จะกลับบ้านและบางคนก็เลือกที่จะอยู่ที่หอพักต่อและคนตัวเล็กเองก็เลือกที่จะอยู่ต่อเป็นเวลาสามวัน เพราะอยากเจอพี่พีทก่อนกลับบ้านในช่วงสายของวันที่สองของการอยู่หอพัก วันนี้ตั้งใจว่าจะไปแอบมองพี่พีทก่อนจะเตรียมของกลับบ้าน หญิงสาวเดินมาที่ร้านก็พบว่าวันนี้คนในร้านก็เยอะเหมือนกับทุกวัน ร่างบางเดินเข้าไปในร้านพร้อมกับหาที่นั่งพลางสอดส่องสายตาไปทั่วร้านเพื่อมองหาพี่พีท “สวัสดีครับ รับอะไรดีครับ” พนักงานเสิร์ฟในร้านเดินเข้ามาถามคนตัวเล็กและยิ้มให้“ขอน้ำส้มปั่น 1 แก้วค่ะ แล้วก็ชีสเค้ก 1 ที่ค่ะ” วันนี้หญิงสาวเลือกสั่งของที่แปลกออกไปจากเดิม แต่สายตาก็ยังไม่วายมองไปรอบ ๆ ร้านเป็นระยะ“ได้เลยครับผม ถ้ามีอะไรเรียกผมได้เลยนะครับ” พนักงานพูดพร้อมกับเตรียมเก็บรายการขนมและเครื่องดื
เวลาผ่านไปนานจนล่วงเลยมาถึงตีหนึ่ง คนที่เมาก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากคนตัวเล็กที่ไม่เคยดื่มกับใครมาก่อน เพื่อนที่ยังพอมีสติกันอยู่บ้างไม่ได้ถึงกับเมาไม่รู้เรื่อง ยังคงดูแลหญิงสาวไม่ห่าง บรรยากาศในร้านตอนนี้เสียงเพลงที่เปลี่ยนสลับมาเป็นจังหวะหนัก ๆ เพื่อความสนุก แก๊งสาว ๆ พากันกลับมานั่งที่โต๊ะ ก่อนจะสั่งน้ำเปล่ามาดื่ม ทุกการกระทำของแก๊งสาว ๆ กำลังเป็นเป้าสายตาของใครบางคนที่กำลังมองมาอยู่ที่ชั้นสองของผับที่เป็นห้องสำหรับผู้บริหาร และในมือกำลังถือแก้วไวน์ยืนมองใครบางคนในกลุ่มด้วยสายตานิ่งเรียบจนเพื่อนที่มาด้วยกันต้องเดินมาเรียกเพื่อให้กลับไปนั่งที่เดิม และหนุ่มผู้เป็นน้องชายที่เห็นพี่ชายของตัวเองกำลังยืนมองบางอย่างก็ถึงกับต้องเดินมาดูจนถึงบางอ้อ“ยายนาฉันโทร.เรียกพี่ชายแกมารับแล้วนะ” ส้มโอพูดกับคนตัวเล็กที่ตอนนี้กำลังนั่งตัวโยน ทรงตัวไม่ได้จนเพื่อนสาวต้องประคองตัวไว้“แกฉันอยากเจอพี่พีทก่อนกลับบ้าน ฮือออ” หญิงสาวโอดครวญเมื่อยังไม่ได้เจอชายหนุ่มที่ต้องการเพราะวันนั้นเขาไม่ได้เข้ามาที่ร้าน “เดี๋ยวเปิดเทอมก็ได้เจอแล้วไหมแก” เพื่อนสาวเอ่ยพร้อมกับหัวเราะออกมาเบา ๆ พร้อมกับมองเพื่อนอีกสองคนที่
การเปิดเรียนช่วงแรกของปีสามไม่ได้แย่ไปเสียทีเดียว มันก็แค่เหนื่อยก็เท่านั้น ตั้งแต่วันนั้นที่พี่พีทบอกว่าคิดถึง จู่ ๆ ร่างกายก็เหมือนโดนหยุดเอาไว้ชั่วคราว เกิดอาการสมองเบลอ หูดับ เหมือนโลกทั้งใบกำลังหยุดหมุน และเห็นแต่พี่พีทที่ยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมกับรอยยิ้มที่ไม่ได้เห็นมานาน คิดถึงมาก คนตัวเล็กคิดถึงเขามากเขาจะรู้ไหมนะ วันนั้นที่ได้ไปเจอเขา เธอก็ไม่เป็นตัวเองอีกต่อไป อาการเขินจนทำอะไรไม่ถูกจนเขาแซวว่า สงสัยเรียนเยอะจนเบลอไปหมด กว่าจะออกจากร้านมาได้ขาแทบหมดแรงไม่มีแรงยืน เพราะความอ่อนระทวยและใจที่เต้นแรง ตั้งแต่เปิดเทอมมาได้เกือบเดือน เธอสาวแวะไปหาเขาบ่อยขึ้น แต่ก็เจอเขาบ้างไม่เจอเขาบ้าง แต่อย่างน้อยก็ได้เจอเขาบ่อยกว่าเมื่อปีที่แล้ว ดูเหมือนเขาจะมีท่าทีตอบกลับเธอมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้มีหวังบ้างแล้วจากที่อยากจะถอดใจ วันนี้คนตัวเล็กกลับมาบ้านในช่วงวันหยุด เพราะพี่ชายนั้นโทร.ตามให้กลับบ้าน “วันนี้พี่ลีให้หนูกลับมาที่บ้าน มีเรื่องอะไรหรือเปล่า” ลัลนามองพี่ชายของตัวเองอย่างสงสัย เพราะหน้าตาของเขาดูเครียดผิดปกติ “เดี๋ยวรอพ่อกับแม่กลับบ้านมาก่อนเราค่อยคุยกัน” เสียงที่เคยอบอุ่นในตอนนี้ฉายแวว
ทั้งสองท่านที่นั่งฟังมาสักพัก คนเป็นประมุขของบ้านก็เอ่ยขึ้นบ้างอย่างใจเย็นไม่แพ้กัน เพื่อที่ให้ลูกสาวคนเล็กนั้นได้ลองคิดดูอีกที เพราะการที่ลูกชายเขาเอาเรื่องนี้ขึ้นมาพูดแสดงว่าต้องมีเรื่องอะไรที่สำคัญ และอยากให้คนในครอบครัวนั้นมีส่วนร่วมในการบริหารงานบริษัทของครอบครัว ส่วนคนเป็นแม่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ คนตัวเล็กเอื้อมมือไปจับมือลูกสาวอย่างเข้าใจ เธออาจจะยังเด็กเกินกว่าที่จะมารับรู้เรื่องงานและคงต้องใช้เวลาที่จะต้องเรียนรู้ในตอนนี้ “นายังไม่ต้องรีบคิดก็ได้ลูก พี่เขาอยากให้เราไปช่วยเขาเพราะเราคือครอบครัวที่จะทำให้บริษัทได้เดินหน้าต่ออย่างมั่นคง แต่ถ้าลูกไม่อยากทำพ่อก็ไม่ได้ว่าอะไร” ประมุขของบ้านเอ่ยขึ้นพร้อมกับหันไปมองลูกชายที่กำลังมองน้องสาวไม่วางตาพร้อมกับหันมาหาตนเอง“แต่พ่อครับ ผมอยากให้น้องได้เรียนรู้เร็วกว่าผมเพราะมันคือทางเดียวที่น้องจะมีชีวิตที่ดีได้ในอนาคต” คนพี่งัดเหตุผลออกมาให้พ่อนั้นได้เข้าใจ และตอนนี้เขาก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมานิดหน่อยแล้วที่น้องสาวยังทำตัวเป็นเด็ก เขาเป็นห่วงอนาคตของน้องสาวเขามาก แต่เขาก็รู้ว่าการทำงานตรงนี้ไม่ได้ง่ายเลยอยากให้น้องสาวได้เรียนรู้เร็วกว่าเขาเมื่อ
ชายหนุ่มยืนมองเธอจนพนักงานในร้านนั้นต้องสะกิดเขาให้กลับร้าน และนั่นคือครั้งแรกที่เขาเจอเธอ แล้วก็มาเจอเธออีกครั้งตอนที่ชนกันที่หน้าร้าน ความน่ารักที่เขาได้เห็นอย่างใกล้ชิดทำหัวใจของเขานั้นเต้นแรงเหมือนกลองรัว แต่ก็ต้องผละออกจากเธอเพราะแถวนั้นคนเยอะและเขาเองนั้นก็มีแฟนอยู่แล้ว เขาเลยทำอะไรไม่ได้นอกจากมองเธออยู่ห่าง ๆ และพยายามทำตัวไม่สนิทสนมกับเธอในตอนที่เธอนั้นมาที่ร้านของเขาบ่อย ๆ “พี่เจอหนูตอนที่หนูเต้น ๆ อยู่เหรอคะ น่าอายจริง ๆ แล้วพี่เขินหนูไหมตอนที่หนูแซวพี่ครั้งแรก” คนตัวเล็กซุกอกเขาอย่างเขินอายก่อนจะเงยหน้ามองเขา“ตอนนั้นพี่ทำตัวไม่ถูกอยู่นะ เพราะไม่เคยมีสาวคนไหนกล้าแซวพี่ ถึงเขาจะมาที่ร้านพี่แบบหนูทุกวัน” ในตอนนั้นเขาเห็นเธอมาร้านเขาทุกวัน พยายามมองหาเขา ในขณะที่เขาพยายามหลบเธอ มันน่าตลกดีเหมือนกัน ในใจเขาก็คิดว่าเธอคนนี้พยายามมากในการมาหาเขา แต่ก็ผิดที่เขาเองไม่ได้บอกเธอว่าเขามีแฟนแล้ว“ก็หนูชอบพี่มาก ๆ เลยนี่คะ ถึงหน้าพี่จะดูโหดแต่มันหล่อมากในสายตาหนู” คนตัวเล็กเงยหน้ามองแฟนหนุ่มพร้อมกับเบ้ปากด้วยหน้าตาน่าเอ็นดู พร้อมกับหอมแก้มชายหนุ่มอีกครั้งเป็นการให้รางวัลกับความหล่อ“พี
การกินอาหารในช่วงบ่ายจบลงพร้อมกับภาพที่บันทึกบรรยากาศรวมทั้งรูปคู่ของทั้งสองคน เมื่อกินเสร็จก็พากันเดินลงมาถ่ายภาพที่สวนด้านล่าง มันตกแต่งไปด้วยไม้ประดับรูปทรงต่าง ๆ และมีบ่อน้ำพุตั้งอยู่ที่กลางสวน อากาศที่ไม่ได้ร้อนมากเหมาะกับถ่ายภาพ ในตอนนี้ผู้คนที่เดินผ่านไปมาก็มองไปที่คู่รักที่ยืนอยู่ที่ลานน้ำพุด้วยรอยยิ้มที่ชื่นชมและอิจฉา“พี่พีทคะ ขอสวย ๆ เลยนะ จะเอาไปอวดคุณแม่” หญิงสาวเดินนำแฟนหนุ่มมาที่น้ำพุพร้อมกับหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายอีกครั้ง “โอเคครับ” สายตาของชายหนุ่มมองเธอด้วยความสุขใจ ใบหน้าหวานและรอยยิ้มที่เขานั้นจะได้มองมันนับจากนี้และจะเป็นความสุขของเขาตลอดไป“ไปถ่ายตรงนั้นไหมคะ เขามีของตกแต่งให้เราถ่ายรูปด้วย” คนตัวเล็กเดินไปที่โต๊ะตัวหนึ่งที่ทางร้านจัดไว้และมีของน่ารักเต็มโต๊ะไปหมด มันเป็นอุปกรณ์เสริมสำหรับการถ่ายภาพ เธอหยิบส้มปลอมขึ้นมาพร้อมกับแนบที่แก้มของตัวเองทั้งสองข้างพร้อมกับยิ้มไปที่กล้องที่แฟนหนุ่มนั้นถือรออยู่เพื่อถ่ายภาพบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความสุขและความสนุกของทั้งสองตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนในบริเวณนั้น ทำให้หญิงสาวเริ่มเขินอายขึ้นมาบ้างแล้ว เพราะบางรูปที่ถ่ายคู่กับแฟน
ทั้งคู่จัดการธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยพร้อมกับกินของว่างที่พ่อบ้านเตรียมไว้ให้ และเดินทางออกมาเพื่อเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ สถานที่แรกที่จะไปคือชมไร่องุ่นที่ห่างจากบ้านชายหนุ่มไปไม่ไกล ได้เข้าไปดูการหมักไวน์ และกิจกรรมที่ทางไร่องุ่นจัดขึ้น ทั้งสองคนทำกิจกรรมร่วมกัน พร้อมกับแวะถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน คนตัวเล็กเดินไปที่ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งพร้อมกับเรียกชายหนุ่มที่เดินจูงจักรยานตามมาอย่างช้า ๆ ก่อนจะมาจอดอยู่ด้านหน้าของเธอโดยที่ตัวของเธอนั้นพิงกับต้นไม้อยู่“พี่พีทจะทำอะไรคะ นาออกไปไม่ได้” คนตัวเล็กถามด้วยความสงสัย“พี่เหนื่อยครับ อยากได้พลัง” ชายหนุ่มยื่นหน้าเข้าไปหาหญิงสาวก่อนจะยิ้มออกมา พร้อมกับมองไปที่ดวงตาสวยอย่างทะเล้น“ก็นึกว่าอะไร” คนตัวเล็กโน้มหน้าไปจุ๊บริมฝีปากหนาเพื่อให้รางวัลและเติมพลัง ก่อนจะยิ้มหวานให้เขาทั้งคู่ออกเดินทางจากไร่องุ่นพร้อมกับไปที่โรงงานขนมหวานแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลกันมากนัก ร่างเล็กเดินไปยังตู้ขนมหวานที่มีขนมวางเรียงรายอย่างน่ากิน เธอเดินไปดูตามตู้ต่าง ๆ ที่ตั้งอยู่มากมายโดยมีชายหนุ่มนั้นเดินตามหลังมาติด ๆ เพราะมีสายตาจากหนุ่ม ๆ ภายในร้านนั้นมองเธอไม่วางตา“พี่พ
ตลอดเวลาที่ผ่านมาหญิงสาวมีความสุขมากที่ได้มีแฟนหนุ่มคอยเคียงข้าง ไม่ว่าเธอจะทำอะไร หรือไปที่ไหนก็มีเขาไปด้วยทุกที่ และไม่ว่าเธอนั้นต้องการอะไรเขาก็หามาให้หมดทุกอย่างแบบไม่มีขัด ถ้าถามเรื่องของการทะเลาะกันไม่ใช่ว่าไม่มี ก็มีบ้างที่เป็นเธอเองที่งอแงใส่แฟนหนุ่ม แต่เขาก็มักจะใจเย็นกับเธอเสมอ อย่างเช่น ในวันนี้หลังจากที่เธอนั้นสอบปลายภาคเรียนจบแล้วเขาก็พาเธอมาเที่ยวเพื่อพักผ่อน เขาให้เหตุผลว่าเธอนั้นต้องการสิ่งที่เยียวยาจิตใจในตอนนี้เพราะเธอทั้งเรียนหนักและงานเยอะ ทำให้เธอเกิดอาการเครียดจนแฟนหนุ่มสังเกตได้ “พี่พีทคะตอนนี้เราจะไปไหนกันคะ” คนตัวเล็กถามขึ้นเมื่อเห็นว่าทางที่กำลังมุ่งหน้าไปทั้งสองข้างทางนั้นมีแต่ต้นไม้และภูเขาเต็มไปหมด “ไปบ้านของพี่กันค่ะ” ชายหนุ่มพูดด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะขับรถและเปิดเพลงเพื่อสร้างบรรยากาศ โชคดีที่ตอนนี้อากาศไม่ได้ร้อนมากเพราะมันใกล้จะเย็นแล้ว กว่าจะออกจากบ้านมาได้ก็บ่ายแก่ ๆ “พี่มีบ้านกี่หลังกันคะ หนูชักจะสงสัยแล้วนะคะว่าพี่ทำงานถูกกฎหมายไหม พี่ไม่ได้โกหกอยู่ใช่ไหม” หญิงสาวถามอย่างสงสัยพร้อมกับหรี่ตามองเขาเชิงแกล้ง “คิดไปถึ
หลังจากที่ได้ไปพบครอบครัวของชายหนุ่มเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน เธอนั้นรู้สึกดีใจและอบอุ่นใจมากที่ได้เจอกับครอบครัวของเขา และเพราะได้การต้อนรับอย่างดี วันนี้เธอจึงจะพาเขามาพบกับครอบครัวของเธอบ้าง เธอก็หวังว่าเขาจะสบายใจและไม่อึดอัดกับบ้านของเธอ “พี่พีทตื่นเต้นเหรอคะ” เธอหันไปมองชายหนุ่มที่กำลังขับรถด้วยท่าเกร็ง ๆ และมีสีหน้าที่กังวลเล็กน้อย จนเธอเองก็อดอมยิ้มไม่ได้เพราะเขาก็ไม่ได้ต่างจากเธอที่ไปพบที่บ้านเขาในวันนั้น แต่วันนี้แตกต่างตรงที่ว่าเราไม่ได้ค้างที่บ้านก็เท่านั้น “ก็นิดหน่อยครับ” ชายหนุ่มตอบเพียงสั้น ๆ ก่อนจะเลี้ยวรถเข้ามาจอดภายในบริเวณบ้านของเธอที่มีบรรดาสาวใช้ยืนรออยู่แล้วไม่ต่างจากบ้านของเขาสักเท่าไร แต่บริเวณบ้านนั้นดูอบอุ่นและน่าอยู่มาก ๆ หญิงสาวเดินเข้ามาในตัวบ้านพร้อมกับป้าภาแม่นมที่เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เด็กที่ยืนรออยู่ เธอเดินเข้าไปโอบกอดพร้อมกับแนะนำชายหนุ่มให้ได้รู้จัก ป้าภาดูชอบพี่พีทมากและเอ่ยชมความหล่อของร่างสูงไม่หยุด และไม่นานนักผู้เป็นประมุขของบ้านทั้งสองก็เดินลงมาจากชั้นสองของบ้าน “คุณพ่อ คุณแม่” หญิงสาวรีบเดินเข้าไปหาท่านทั
ทางด้านของพ่อลูกที่นั่งคุยกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่น ดูจากสีหน้าพ่อแล้วชายหนุ่มก็รู้ว่าพ่อพอใจมากแค่ไหนกับแฟนคนนี้ของเขา แค่นี้ก็สบายใจแล้ว เขามองไปที่พ่อเหมือนท่านจะพูดอะไรบางอย่าง จนเป็นเขาเองที่พูดขึ้นมา“พ่อมีอะไรอยากคุยกับผมหรือเปล่าครับ” เขามองไปที่พ่อที่กำลังยิ้มมาให้“แค่รู้สึกว่ารอบนี้แกตัดสินใจได้ดี เธอน่ารักน่าเอ็นดู ดูจากที่แม่แกดีใจจนออกนอกหน้า คงไม่มีเรื่องอะไรอีกแล้วนะ” คนพ่อพูดด้วยความดีใจและเป็นห่วง“รอบนี้ผมมั่นใจมากครับพ่อ เธอเป็นคนดีและน่ารักกับผมเสมอ” ชายหนุ่มพูดด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม“แล้วใครจีบใครก่อนล่ะ ดูแกมีความสุขมาก ดูหลงเขาแบบนี้พ่อก็พลอยดีใจไปด้วย” พ่อพูดด้วยความดีใจที่ได้เห็นลูกชายของเขานั้นกลับมามีความสุขอีกครั้งในรอบปี“ผมไม่บอกพ่อหรอก” เขาพูดก่อนจะเมินคำพูดของพ่อ มีหวังได้โดนล้อแน่นอน เขตแดนยิ่งแล้วใหญ่ พอรู้เรื่องของนาก็ล้อทันทีที่มีคนมาจีบเขาก่อนสองพ่อลูกนั่งมองหน้ากันอย่างรู้ทัน ชายหนุ่มมองพ่อของตัวเองที่กำลังทำอะไรบางอย่างในโทรศัพท์มือถือ พร้อมกับเสียงข้อความแจ้งเตือนธนาคารของตนที่ดังขึ้นเมื่อพ่อของเขานั้นเงยหน้าขึ้นมาพอดี เขารีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูท
เมื่อถึงเวลามื้อเย็นทุกคนต่างมารวมตัวกันที่ห้องอาหาร และคนตัวเล็กที่มีอาการงอน ๆ เขาอยู่ก็ดูดีขึ้น เพราะเขานั้นบอกเธอไปคร่าว ๆ บ้างแล้ว แต่ก็ยังต้องกลับไปคุยกันอย่างจริงจังอีกที พ่อและแม่ของชายหนุ่มมานั่งรออยู่แล้ว เขาเดินมาเลื่อนเก้าอี้ให้เธอและไปนั่งประจำที่ของตัวเอง การเจอครอบครัวของเขาครั้งแรกทำเธอตื่นเต้นไม่น้อย แต่พออยู่ไปได้สักพักครอบครัวของเขาเป็นครอบครัวที่อบอุ่นมาก และเขาเป็นลูกชายคนเดียวของบ้านการเลี้ยงดูมันเลยออกมาดีแบบนี้ “เขตทำไมแกไม่กลับบ้านตัวเองไปสักที มาที่นี่ทำไมบ่อย ๆ” ชายหนุ่มพูดขึ้นพร้อมกับมองไปที่ลูกพี่ลูกน้องของตัวเอง “ผมแค่ยังไม่อยากกลับ” ชายหนุ่มตักข้าวเข้าปากพร้อมกับทำหน้ายียวน “อย่ามาหาไถเงินกับพี่กับแม่พี่เชียวนะ ไม่งั้นจะหักออกจากค่าพาร์ตไทม์” เขาพูดขึ้นอย่างกวน ๆ เช่นกัน “ก็ให้น้องมันอยู่ไปนั่นแหละ รอพ่อกับแม่เขากลับมา” พ่อพูดแทรกขึ้นอย่างเอาใจเขตแดน ทำเอาคนเป็นลูกถึงกับกลอกตามองบน หญิงสาวนั่งมองคนในบ้านและฟังบทสนทนาอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะยิ้มออกมากับท่าทางของแฟนหนุ่มจนเธอต้องห้ามปรามโดยการแตะมือไปที่ขาของเข
จากที่ขับรถเข้ามาบริเวณบ้านคนตัวเล็กก็ตกตะลึงกับบ้านของชายหนุ่มที่ใหญ่โตอย่างกับคฤหาสน์ ทุกอย่างถูกแบ่งเป็นส่วน ๆ ดูร่มรื่นสะอาดตา เมื่อเดินเข้ามายังตัวบ้านมีบรรดาแม่บ้านมากมายที่ยืนทำหน้าที่ของตัวเอง และมีบางส่วนที่ยืนรอต้อนรับผู้เป็นเจ้าของบ้าน แม่บ้านรีบเข้ามาถือของที่ชายหนุ่มกำลังถืออยู่และนำไปวางไว้ให้ที่ห้องรับแขก ชายหนุ่มหันมามองคนตัวเล็กที่กำลังตกตะลึงด้วยสีหน้าที่น่าเอ็นดูจนทำเขายิ้มออกมา“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะครับ” ชายหนุ่มเขี่ยไปที่ปลายจมูกมนของหญิงสาวอย่างหยอกล้อ“ทำไมบ้านพี่ถึงใหญ่ขนาดนี้คะ หนูแทบช็อกเลยนะ” หญิงสาวแหวขึ้นพร้อมกับทำหน้างอง้ำพอได้รู้ถึงฐานะของเขา“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันครับว่าทำไมพ่อกับแม่ถึงสร้างบ้านใหญ่ขนาดนี้” ชายหนุ่มหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ ก่อนจะพาคนตัวเล็กมาที่ห้องนั่งเล่นหลังจากที่พาแวะดูนั่นนี่ภายในบ้านท่ามกลางห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ตอนนี้มีบุคคลที่ไม่คุ้นหน้านั่งอยู่ และมีหนึ่งคนที่คุ้นหน้ากำลังส่งยิ้มมาให้หญิงสาวด้วยท่าทางร่าเริง เธอได้แต่เก็บความสงสัยไว้และเดินไปยังกลางห้องนั่งเล่นกับชายหนุ่ม ชายวัยกลางคนส่งยิ้มมาให้ เธอคาดว่าน่าจะเป็นพ่อของชายหนุ่ม แล
สงครามการสอบจบลงอย่างสวยงาม วันสุดท้ายของการสอบหญิงสาวนั้นมีสอบแค่ช่วงเช้าก่อนจะให้ชายหนุ่มมารับเธอที่คณะเพื่อกลับไปเปลี่ยนชุดที่คอนโดมิเนียม และออกไปกินข้าวกับเพื่อน ๆ หลังสอบเสร็จและได้ไปผ่อนคลาย ในช่วงค่ำชายหนุ่มนั้นบอกกับเธอว่าจะพาไปพบกับครอบครัว เมื่อเธอได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับทำตัวไม่ถูกและรู้สึกเกร็งขึ้นมาทันที “เดี๋ยววันนี้นาจะรีบกลับนะคะ นาอาจจะไปแค่กินข้าวกับเพื่อน พี่พีทมารับหนูหน่อยแล้วเราไปซื้อของกัน จะเอาไปให้พ่อกับแม่ของพี่” หญิงสาวหันไปบอกชายหนุ่มที่ขับรถอยู่ “ให้พี่ไปรับกี่โมงก็ส่งข้อความมาบอกพี่นะคะ” ชายหนุ่มหันมาบอกก่อนจะหันไปขับรถเพื่อมุ่งหน้าไปคอนโดมิเนียมเพื่อพาคนตัวเล็กไปเปลี่ยนชุด ใช้เวลาไม่นานทั้งสองคนก็มาถึงคอนโดมิเนียม หญิงสาวเดินเข้าไปเปลี่ยนชุด ก่อนจะออกมาพร้อมกับชุดเดรสสีขาวสะอาดตา มันทำให้เธอดูเด็กลงอย่างมากราวกับเด็กอายุสิบแปด ชายหนุ่มที่นั่งรออยู่ที่ห้องนั่งเล่นหันมามองเธออย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง เธอสวยมากในสายตาเขา ในตอนนี้อยากเก็บเธอไว้ไม่ให้ออกไปไหนไม่ให้ใครเห็น “พี่พีทคะ นาแต่งตัวเสร็จแล้วค่ะ” คนตัวเล็กส่งเสียงเ