แชร์

บทที่ 84

ผู้เขียน: เบลล่า
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-03 13:41:42
“เคยมีลูกเหรอ?” ฉันแอบคิดอยู่ในใจแล้วร่างกายก็เกร็งขึ้นเล็กน้อย แน่นอนว่าฉันไม่เคยคาดคิดว่าจะได้ยินเรื่องแบบนี้

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่นะ? เกิดในช่วงสามปีที่เธอหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยหรือเปล่า? แต่ถึงแม้ฉันจะมีคำถามอยู่มากมาย แต่ฉันก็ยังพยามทำเป็นใจเย็นและแสดงสีหน้าเฉยเมย

ฉันจดจ่ออยู่กับริ้วคลื่นที่แทบมองไม่เห็น ซึ่งก่อตัวขึ้นบนพื้นผิวกาแฟในถ้วยในขณะคนกาแฟที่มีควันกรุ่นช้า ๆ

“ไม่อยากรู้" ฉันพูดเรียบ ๆ อย่างไม่ใส่ใจ

พูดตามตรงนะ ฉันไม่สนใจที่จะได้ยินเรื่องราวใด ๆ เกี่ยวกับอดีตอันมืนมน ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนนั้นฉันจะเคยสนใจในเรื่องนั้นมาก่อนก็ตาม เราจะขุดคุ้ยเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่ออะไรกัน?

ในขณะที่เรานั่งพูดคุยท่ามกลางเสียงกระทบกันของช้อนส้อมในร้าน แต่เสียงพวกนั้นก็ค่อย ๆ เงียบลงจนกลายเป็นเสียงพึมพำในระยะไกล ในขณะที่ดวงตาของเบลล่าจ้องมาที่ฉันราวกับตะปูที่กำลังตอกเข้ามาในตัวฉัน นิ้วมือโอบอยู่รอบถ้วยกาแฟ แล้วเธอยกขึ้นจิบอย่างช้า ๆ ก่อนจะกลอกตา

“ถึงยังไงฉันก็จะเล่าให้เธอฟังอยู่ดี" เธอยักไหล่

ฉันก็ยักไหล่เช่นกันในขณะจิบกาแฟแล้วหันไปมองวิวนอกหน้าต่างร้านกาแฟ ฉันพยายามปล่อยตัวปล่อยใจไปกับทัศ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 85

    "ฉันอุ้มลูกไปร้องไห้ไปเพราะความขมขื่นอยู่บนเตียงคลอด"ตอนนั้นฉันพูดอะไรไม่ออกไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงดี?ฉันควรจะพูดกับเธอยังไงดีล่ะ?เห็นได้ชัดว่าไม่มีคำพูดที่แสดงความสงสารออกมาจากใจจริง เพราะถึงแม้จะรู้สึกแย่กับเรื่องราว แต่ฉันกลับไม่รู้สึกเสียใจอะไรเลยฉันเอนหลังพิงเก้าอี้พร้อมกับแก้วกาแฟที่วางเปล่า“นับเป็นเรื่องราวที่ดีนะ" ฉันพูดพร้อมกับโบกมือ "แต่ก็ใช่ว่าจะทำให้เราญาติดีกันได้นะ ยังไงผู้หญิงที่เข้าไปวุ่นวายในชีวิตแต่งงานของคนอื่นนั้นเป็นคนสารเลวอยู่ดี แล้วเธอเอง ก็เลือกที่จะเข้ามาวุ่นวายในชีวิตแต่งงานของฉัน ซึ่งก็หมายความว่าเธอก็เป็นผู้หญิงสารเลวเหมือนกัน เรื่องราวที่เธอเล่าให้ฉันฟังไม่ว่าจะจริงหรือเท็จ ฉันก็ไม่ใช่คนที่ทำให้เธอต้องทนทุกข์ทรมาณ แต่ในทางกลับกัน ฉันต้องรับมือกับผลที่ตามมาจากความหุนหันพลันแล่นของเธอ ฉะนั้นฉันก็จะไม่เห็นอกเห็นใจเธอหรอกนะ"สีหน้าของเบลล่าแปรเปลี่ยนเป็นความเดือดดาล รูจมูกขยายกว้างขึ้นในขณะที่กำแก้วกาแฟแน่น เส้นเลือดบนหลังมือก็ดูปูดโปนขึ้นมา“ฉันไม่ต้องการความสงสารจากหล่อน" เธอพูดออกมาอย่างเร่าร้อน "ที่ฉันเล่าให้ฟังก็เพราะฉันต้องทนทุกข์ทรมาณมามาก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-03
  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 86

    หลังจากผมหย่ากับซิดนีย์อย่างเป็นทางการแล้ว คุณยายดอริสก็โอนหุ้นที่เหลือให้กับผม ผมกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดและเป็นผู้รับผิดชอบโดยพฤตินัย เนื่องจากตอนนี้ผมถือหุ้นของจีที กรุปถึง 46%ความก้าวหน้าใหม่นี้ทำให้ประวัติผู้ถือหุ้นได้รับการอัพเดทอย่างเป็นทางการ และเป็นไปตามคาด ความมั่งคั่งสุทธิของผมทะยานขึ้นไปสูงลิ่ว สาธารณชนรับรู้ถึงเรื่องนี้ แล้วผมก็ถูกสัมภาษณ์จากสถานีโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ และมักจะมีนักข่าวมาดักรอผมอยู่ข้างนอกมากมาย ตอนนี้ตำแหน่งของผมในจีที กรุปมั่นคงขึ้นแล้วและไม่ได้ผูกมัดอยู่กับใคร แต่ผมรู้ว่าผมยังต้องระมัดระวังตัว และคอยระวังพวกที่อาจมารวมหัวกันแล้วขายหุ้นให้กับคนในกลุ่ม เพียงเพื่อจะได้เห็นผมล่มจมเมื่อมีการร้องขอเข้ามาไม่หยุด ในที่สุดผมก็สั่งให้ผู้ช่วยตอบรับคำขอสัมภาษณ์รายหนึ่งไป ผมเลือกช่องเศรษฐกิจที่มีชื่อเสียงที่สุดของสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง ซึ่งการทำแบบนี้จะช่วยให้ทุกคนได้ข้อมูลที่พวกเขาอย่างจะรู้กันนอกจากนี้ ผมยังตั้งเงื่อนไขให้กับพวกเขาด้วย ผมสื่อสารออกไปอย่างชัดเจนว่าผมจะไม่ตอบคำถามที่เป็นเรื่องส่วนตัว ถ้ากล้าลองดีที่จะทำอย่างนั้น สถานีโทรทัศน์ของพวกเขาจ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-03
  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 87

    พวกเขาปรบมือและส่งเสียงเชียร์ในขณะที่ไฟกล้องดับลง พิธีกรคนนั้นก็เข้ามาจับมือผมเขย่าอีกครั้งพร้อมกับยิ้มแฉ่ง ผมเดินออกจากห้องประชุมนั้น ผู้ช่วยและบอดี้การ์ดก็เดินตามมาด้วย มีแฟนคลับบางส่วนมาของลายเซ็น ในขณะที่มีนักข่าวบางคนกล้าถามเกี่ยวกับการแต่งงาน“ไม่มีความเห็นครับ" ผู้ช่วยพูดคำ ๆ นั้นซ้ำ ๆ อย่างเคร่งครัด ในขณะที่ผมเซ็นชื่อลงบนเสื้อ หนังสือ กระเป๋าใส่โทรศัพท์...หรืออะไรก็ตามที่พวกเขานำมาให้เซ็นทันทีที่ผมก้าวขึ้นไปนั่งในรถ ใบหน้าก็ดูเหี่ยวเฉาลงทันที ไม่มีรอยยิ้มแสดงออกมาให้เห็น ผมคลายเน็กไทออกหลวม ๆ "บ้าชะมัด ยิ้มจนเจ็บหน้ามากเลยนะ"ผู้ช่วยของผมยิ้มแล้วหันกลับมา "แต่คุณทำได้ดีมากเลยนะครับ ผู้ชมต่างชื่นชมคุณมากจริง ๆ"“ก็ควรจะเป็นอย่างนั้นนะ" ถึงแม้ผมจะรู้สึกปวดแก้ม แต่ก็อดที่จะยิ้มให้กับความสำเร็จของการให้สัมภาษณ์ และการวางแผนเกี่ยวกับจีที กรุปในอนาคตไม่ได้ “อีกอย่างหนึ่งครับ" ผู้ช่วยเอี้ยวตัวมาพูดกับผมจากทางด้านหน้า "รายงานทางการแพทย์ที่คุณขอมาอยู่นี่แล้วครับ"ผมหุบยิ้มทั้นทีพร้อมกับพยักหน้า แล้วเอื้อมมือออกไปรับในขณะที่เขาวางลงบนฝ่ามือของผมผมแค่มองดูมันอยู่ครู่หนึ่ง ผมคาดห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-03
  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 88

    ในห้องนั้นมีเพียงแสงสว่างจากหน้าจอโทรศัพท์และจอทีวีเท่านั้น ทีวีถูกปิดเสียงเอาไว้ในขณะที่ฉันกับเกรซเล่นโทรศัพท์กันอย่างเกียจคร้าน“โอ้โห" เกรซชูโทรศัพท์ไว้ตรงหน้าฉัน "ดูนี่สิ ซิดนีย์"สายตาจับจ้องไปยังชุดที่อยู่บนหน้าจอโทรศัทพ์ของเธอ ซึ่งดูเหมือนชุดที่เกรซออกแบบมาก ฉันขมวดคิ้ว "มันดูเหมือนชุดที่เธอออกแบบมากเลย"เกรซหัวเราะเบา ๆ "ก็เป็นชุดที่ฉันออกแบบเองแหละ" เธอเลื่อนไปที่รูปก่อนหน้านี้ "นี่คือชุดต้นฉบับ เธอเป็นหนึ่งในลูกค้าของเรา เธอซื้อชุดนี้ไปแล้วทำขึ้นมาใหม่ จากนั้นก็แท็กมาที่เรา" ฉันพยักหน้าแล้วร้องโอ้โหแบบไม่มีเสียง“ใช่แล้ว" เธอเอนหลังลงบนโซฟา "เธอพยายามมากเลย จริงไหม?”“ใช่ แต่ก็ยังไม่ใช่ผลงานของเธอซะทีเดียว เป็นแค่การออกแบบเท่านั้นเอง"“อืมมม" เธอพึมพำ "ฉันคิดว่าเธอทำได้ดีมาก บางทีเราควรจ้างเธอมาทำงานให้นะ"“โอ้ ขอร้องล่ะ"เกรซหัวเราะกับคำพูดของฉัน แล้วจู่ ๆ ก็หยุดกึก "นั่นมาร์คนี่ ใช่ไหม?”ฉันขมวดคิ้วแล้วกดปุ่มหยุดเล่นคลิปนั้นชั่วคราวทางยูทูปอีกครั้ง "แล้วไงต่อเนี่ย? มาร์คเลียนแบบเครื่องประดับที่เราขายให้เขาอย่างนั้นเหรอ?”“เปล่า" มีการหยุดเว้นช่วงลงฉันเลยถือเป็นส

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-03
  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 89

    "สวัสดีค่ะคุณยาย" ฉันกล่าวคำทักทายหลังจากรับโทรศัพท์ ฉันพยายามพูดด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ แต่ใจจริงอยากรู้มากเลยว่าทำไมคุยยายถึงโทรมา เนื่องจากเรากำลังหยอกล้อกันอยู่“เป็นยังไงบ้างลูก? ไม่เจอกันนานเลยนะ" เสียงแหลม ๆ อันคุ้นเคยของเธอดังออกมาจากลำโพงโทรศัพท์“หนูสบายดีค่ะ คุณยายสบายดีไหมคะ?”“ยายสบายดีจ้ะ ซิดนีย์ ก็เลยโทรมาชวนหนูมางานวันเกิดยายที่จะจัดขึ้นในวันอาทิตย์นี้"ฉันปล่อยลมหายใจที่เผลอกลั้นเอาไว้โดยไม่รู้ตัวออกมา“คุณยายก็รู้นี่คะ" ฉันเริ่มพูดขึ้นโดยไม่แน่ใจว่าจะพูดกับคุณยายยังไงดี "คุณยายรู้ว่าตอนนี้หนูหย่ากับมาร์คแล้ว หนูคิดว่าหนูไม่ควรไปร่วมงานของครอบครัวที่สนิท ๆ กันแบบนี้“เหลวไหลน่ะ หนูก็เป็นคนในครอบครัวเรานะ เป็นคนในครอบครัวสำหรับยายเสมอ"ฉันรู้สึกซาบซึ้งใจเมื่อท่านพูดประโยคนั้นออกมาแล้วทำจมูกฟุตฟิต แต่ฉันก็ยังอยากจะยืนหยัดในจุดยืนของตัวเอง "หนูรู้ค่ะคุณยาย แต่หนูขอฉลองกับคุณยายเป็นการส่วนตัวได้ไหมคะ? แค่คุณยายกับหนูสองคน" ฉันเหลือบมองเกรซที่ดูเหมือนจะตั้งใจฟังเราพูดคุยกันอยู่ "หรือหนูอาจจะชวนเพื่อนไปด้วยก็ได้ค่ะ"“ไม่เอา ซิดนีย์"ฉันถอนหายใจ คุณยายดอริสเป็นคนประเภทอยาก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-03
  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 90

    ฉันทำปากจู๋โดยพยายามกลั้นเสียงร้องเอาไว้ในขณะที่เกรซทำการ 'เติมแต่งขั้นสุดท้าย' ในการแต่งหน้าให้ฉัน ซึ่งเธอ 'เติมแต่งขั้นสุดท้าย' ให้กับการแต่งหน้าและการแต่งตัวฉันมาหนึ่งชั่วโมงแล้ว“เกรซ...” ฉันร้องออกมาโดยไม่สามารถกลั้นเสียงร้องไว้ได้อีกต่อไป "เธอมัวทำอะไรอยู่เนี่ย?!”“สุดท้ายแล้วน่ะ ๆ"“สุดท้ายแล้วน่ะ ๆ"เราพูดขึ้นพร้อมกัน แล้วเกรซก็หัวเราะออกมา "ใจเย็น ๆ เธอบอกว่าอยากไปสาย ๆ ไม่ใช่เหรอ? ฉันก็เลยจะใช้การไปสายของเธอให้เป็นประโยชน์น่ะสิ"“ใช่แล้ว ฉันอยากไปสาย ๆ แต่ตอนนี้มันสายเกินไปแล้วนะ ฉันพนันได้เลยว่างานเลี้ยงนั้นคงจบไปแล้ว"คุณยายดอริสส่งการ์ดเชิญมาให้ฉัน และเลยเวลาที่ระบุมาไปมากแล้ว ตอนนี้ฉันสายไปสามชั่วโมงแล้วนะ“เธอใช้เวลาแต่งหน้านานมาก ฉันไม่อยากแต่งหน้าหนา ๆ นะ ถ้าเกิดฝนตกขึ้นมาล่ะ?” พูดตามตรง ฉันนั่งบนเก้าอี้จนเจ็บก้นไปหมดแล้ว ถ้าแม้จะเป็นเก้าอี้แบบบุนวมก็ตาม“ฉันแต่งให้ไม่หนาและฝนก็จะไม่ตก" เธอพึมพำอย่างเหม่อลอย“เกรซ...” ฉันขัดจังหวะเธอ“เสร็จซะที" เกรซถอยหลังออกไปมองแล้วยิ้มให้กับผลงานของตัวเอง "ตอนนี้เธอหยุดดิ้นและหยุดร้องได้แล้ว" เธอบอกพร้อมกับหัวเราะเบา ๆฉ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-03
  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 91

    เบลล่าเดินถอยหลังไปสองสามก้าว จากนั้นเธอก็พึมพำออกมาเบา ๆ จนแทบจะไม่ได้ยินเสียง "มาร์ค...”มาร์คหันมาหาเธอแล้วจ้องมองเธอตั้งแต่หัวจดเท้าราวกับเธอเป็นเศษดินที่ติดอยู่ใต้เท้าของเขา "แล้วอีกอย่างหนึ่งนะ ทำไมคุณถึงมาที่นี่?”“ฉันมางานเลี้ยงวันเกิดของคุณยายดอริส…” เธอพูดตะกุกตะกัก แล้วมาร์คก็ช่วยพูดขัดจังหวะเธอขึ้นมา“คุณก็รู้ว่าคุณยายไม่ชอบคุณ นั่นคือเหตุผลที่ท่านไม่ได้เชิญคุณมางานปาร์ตี้นี้ ถ้าท่านรู้ว่าคุณแอบเข้ามาล่ะก็ ท่านจะต้องโกรธมาก คุณก็รู้ดีนี่ ฉะนั้นก็ควรออกไปได้แล้ว"เบลล่าร้องไห้ด้วยความไม่พอใจ "ไม่ ฉันกำลังจะแต่งงานกับคุณนะ เราจะแต่งงานกันและกลายเป็นสามีภรรยากันในไม่ช้า ฉันคือหลานสะใภ้ในอนาคตของท่าน ฉะนั้นท่านจะไม่โกรธที่ฉันมาร่วมฉลองวันเกิดของท่านหรอก"มาร์คยืนมองเบลล่าอย่างตกตะลึงโดยไม่ได้พูดอะไรออกมาเลย จากนั้นเขาก็พูดขึ้นช้า ๆ "คุณพูดอะไรของคุณ? คุณยายไม่ยอมให้เราแต่งงานกันหรอก ท่านไม่ชอบคุณ ท่านต้องแสดงให้คุณเห็นชัด ๆ ถึงขนาดไหนกันเนี่ย?”เบลล่าสะอึกสะอื้น "ทำไมนังซิดนี่ย์ถึงแต่งงานกับคุณได้ แล้วฉันทำไม่ได้ล่ะ? นอกจากนี้ฉันก็เป็นภรรยาที่เหมาะสมกับคุณด้วย เรารักกันแล

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-03
  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 92

    หลังจากมีคนรับฉันไปเลี้ยงเป็นครั้งแรกนั้น ฉันก็เริ่มจำหน้าผู้ปกครองและบ้านอุปถัมน์ไม่ได้เลย แต่ละครอบครัวที่ฉันเข้าไปอยู่ด้วยนั้นมักจะปฏิบัติต่อฉันไม่ดี แต่ก็ยังโชคดีและฉลาดพอที่จะหนีออกมาได้เสมอ มันเหมือนโดนพายุโหมกระหน่ำเมื่อเจ้าหน้าที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าดุด่าและลงโทษฉัน เพียงเพราะฉันประพฤติตัวไม่ดีกับพ่อแม่บุญธรรมหรือวิ่งหนีออกจากบ้านอุปถัมน์ และก่อนที่จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันก็ถูกรับไปเลี้ยงอีกครั้ง และถูกโยนไปอยู่กับครอบครัวอันแสนขมขื่นอีกครอบครัวหนึ่ง ฉันโชคไม่ดีที่ไม่เคยได้อยู่กับครอบครัวที่น่ารักและอบอุ่นเลยในที่สุด เจ้าหน้าที่ก็เกิดความเบื่อหน่ายที่ปล่อยฉันออกไป เพราะฉันมักจะกลับหรือถูกส่งตัวกลับมาเสมอ ดังนั้น พวกเขาจึงทิ้งฉันไว้ที่นั่น ถึงแม้ว่าจะมีใครบอกว่าต้องการรับฉันไปเลี้ยง แต่พวกเขาก็จะส่ายหัวแล้วพูดว่า "ขอโทษครับ เด็กคนนั้นไม่เหมาะจะไปอยู่ในความดูแลของคุณ"โดยส่วนตัวแล้ว ฉันชอบชีวิตในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามากกว่า นอกจากอาหารแย่ ๆ ซึ่งบ้าเอ้ย อาหารที่แย่จริง ๆ และสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายแล้ว การอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าก็ไม่ได้แย่อะไรนักหรอก สำหรับฉันแล้ว อย่างน้อยก็ยัง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-03

บทล่าสุด

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 108

    มุมมองของซิดนีย์ ฉันเงยหน้าขึ้นมองพาดหัวข่าวที่เพิ่งเด้งขึ้นมาบนแถบแจ้งเตือน หัวข้อข่าวที่สะดุดตาเขียนว่า - "หญิงเจ้าเล่ห์แท้งลูก ทำตั๋วเข้าสู่ความมั่งคั่งหลุดลอยไป" ภาพมาร์คอุ้มเบลล่าที่โชกไปด้วยเลือดเข้าสู่รถพยาบาลถูกแนบมากับโพสต์ข่าว แม้ว่าจะมีโมเสคบาง ๆ เบลอใบหน้าพวกเขาเอาไว้ แต่คนที่คุ้นเคยกับวงสังคมชั้นสูงย่อมจำพวกเขาได้ในทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมื่อเบลล่าเพิ่งอวดภาพการตั้งครรภ์ของเธอไปทั่วโซเชียลมีเดีย “พวกเขาทะเลาะกันหรือเปล่านะ?” ฉันนึกสงสัยด้วยความอยากรู้ แต่ความสงสัยนั้นก็ไม่ได้มากพอจะทำให้ฉันเสียสมาธิจากงานมาเปิดข่าวอ่านฉันถอนหายใจแล้วปัดหน้าจอไปยังรูปตัวอย่างของเครื่องประดับที่ลูกค้าต้องการ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตั้งแต่แรก ฉันเปรียบเทียบกับแบบร่างที่ฉันร่างไว้แล้วส่ายหัวเบา ๆ ฉันพอใจกับสิ่งที่ตัวเองทำ ฉันมั่นใจว่ามาถูกทางแล้ว และสิ่งที่ฉันวาดไว้นั้นก็ดูสวยงามกว่าด้วยซ้ำไป ลูกค้าได้ขอให้สตูดิโอของเราปรับแต่งรายละเอียดเพิ่มเติมเล็กน้อย และสิ่งที่ฉันทำอยู่ตรงนี้ก็นับว่ายอดเยี่ยม ฉันมั่นใจว่าลูกค้าจะต้องถูกใจแน่ ฉันวางโทรศัพท์ลงและเริ่มเติ

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 107

    ความโกรธพลุ่งพล่านในตัวผม ทั้งแทนซิดนีย์และตัวผมเอง ผมมองเธอด้วยสายตาดูแคลน "ไม่จำเป็นต้องโยนความผิดให้ซิดนีย์เหมือนที่คุณทำมาตลอด ไม่ต้องกลบเกลื่อนคำโกหกของคุณด้วยการทำให้เธอดูแย่ด้วย เพราะมันไม่เกี่ยวอะไรกับเธอเลย ผมไม่ได้ติดต่อกับเธอมานานแล้ว ตั้งแต่หย่ากันด้วยซ้ำ เพราะงั้นอย่าเอาเธอเข้ามาเกี่ยว" "เชื่อฉันสิ ตั้งแต่ซิด…" ผมหลับตาและกัดฟันแน่น พยายามควบคุมความโกรธ แต่เธอกำลังทำให้มันยากขึ้น "หยุดพูดได้แล้ว เบลล่า ผมไม่อยากฟังคำโกหกที่คุณแต่งขึ้นมาอีกแล้ว ผมได้ยินมามากพอแล้ว" "มาร์ค…" "คุณควรพักผ่อน" ผมตัดบทเธออีกครั้ง "ผมจะไปแล้ว ผมจะติดต่อไมเคิลกับคลาริสสาให้มาดูแลคุณ" เลือดเหมือนจะหายไปจากใบหน้าของเบลล่า ดวงตาของเธอเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนก ก่อนที่เธอจะกรีดร้อง เสียงและร่างกายของเธอสั่นสะท้าน "คุณจะเลิกกับฉันใช่ไหม?!" ผมเลิกคิ้วขึ้น "เราเคยเป็นอะไรกันด้วยเหรอ? เราไม่เคยตกลงอะไรกันอย่างเป็นทางการ คุณกลับมาจากทริปแล้วก็เข้ามาอยู่ในอ้อมแขนผมโดยไม่มีคำพูดอะไร แล้วคุณก็เอาการตั้งครรภ์ที่ไม่ใช่ลูกของผมมามัดผมมือชกอีก ผมอยู่กับคุณเพราะคุณทำให้ผมต้องอยู่…" "คุณพูดแบบ

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 106

    "เธอฟื้นหรือยังครับ? ผมเข้าไปหาเธอได้ไหม?" ในที่สุดผมก็สามารถเปล่งเสียงออกมาได้ หมอส่ายหน้า "เธอยังไม่ได้สติจากฤทธิ์ยาสลบ ตอนนี้เธอกำลังจะถูกย้ายไปยังห้องพักฟื้นแล้ว รออีกสักหน่อย เธอก็น่าจะฟื้นแล้ว" "ขอบคุณครับ" หมอพยักหน้าแล้วเดินจากไป ผมนั่งอยู่ที่แผนกต้อนรับ พยายามใจเย็นขณะที่รอให้เบลล่าฟื้นขึ้นมา จนกระทั่งพยาบาลเดินเข้ามาหาผม "คุณมาร์ค ผู้หญิงที่คุณพามาได้ถูกย้ายไปยังห้องพักคนไข้แล้วค่ะ และเธอก็ฟื้นแล้วด้วย ถ้าคุณพร้อมเข้าไปหาเธอ ฉันจะพาคุณไปที่ห้องของเธอนะคะ" ผมลุกขึ้นและพยักหน้า "พาผมไปได้เลยครับ" เธอเดินนำไปและผมเดินตามเธอ เราผ่านห้องหลายห้องก่อนที่เธอจะหยุดที่หน้าประตู เธอเปิดประตู "นี่ค่ะห้องพักฟื้นของเธอ" ผมเดินเข้าไปในห้อง และพยาบาลก็เดินออกไป ศีรษะของเบลล่าหันไปอีกด้าน เธอสวมชุดของโรงพยาบาลและมีหมวกคลุมผมอยู่ ผมจินตนาการว่าเธออาจกำลังร้องไห้อย่างเงียบ ๆ ขณะที่หันหน้าหนีไปอีกทาง"เบลล่า" ผมเรียกชื่อเธอเบา ๆ และเธอก็หันมาทันที ใบหน้าของเธอซีดเซียว ดวงตาแดงก่ำ ผมเดาว่าเธอคงจะร้องไห้หรือไม่ก็ปล่อยให้น้ำตาไหลอย่างเงียบ ๆ เพราะทันทีที่สายตาของเธอจับจ้

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 105

    มุมมองของมาร์คผมวิ่งตามพยาบาลที่กำลังเข็นเปลหามเธอเข้าไปในโรงพยาบาล ไม่มีใครยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเลย ในตอนที่ผมตะโกนขอความช่วยเหลือหลังจากเบลล่าเริ่มมีเลือดออก แต่ทันทีที่ผมลงมาชั้นล่าง รถพยาบาลก็มาถึง ทันทีที่ผมขึ้นรถพยาบาล ผมจับมือเธอไว้ ผมเรียกชื่อเธอหลายครั้ง หวังว่าเธอจะลืมตาขึ้น แต่เธอก็ยังคงหลับตาอยู่ หมอพรวดพราดออกมาจากมุมหนึ่ง โดยมีหูฟังแพทย์ห้อยอยู่บนคออย่างไม่เรียบร้อย ขณะที่เราทั้งสองรีบเดินตามพยาบาลที่กำลังเข็นเปลหาม ผมเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้เขาฟัง "ผมคิดว่าเขาต้องทำร้ายเธอแน่ เพราะเธออยู่ดี ๆ ก็เริ่มมีเลือดออก" หมอพยักหน้าแล้วเดินเข้าไปในห้องที่พวกเขาเข็นเธอเข้าไป เธอถูกย้ายขึ้นเตียงโรงพยาบาลแล้ว ผมไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในห้อง จึงยืนอยู่ข้างนอกและมองผ่านกระจกฝ้าบนประตู หมอส่ายหน้าในขณะที่ตรวจเธอ จากนั้นเขาพูดบางอย่างกับพยาบาลที่อยู่ด้วย พวกเธอพยักหน้าและรีบออกจากห้องไป "ขอโทษนะคะ" พวกเขาพูดพร้อมกันเบา ๆ ผมจึงหลบให้พวกเขาผ่านไป จากนั้นหมอก็ออกมาด้วยเช่นกัน เขาบอกกับผมทันทีว่า "อาการของเธอวิกฤตมาก ต้องเข้ารับการผ่าตัดโดยด่วน เราจะย้ายเธอไปยัง

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 104

    ผมขึ้นรถและขับด้วยความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด มุ่งตรงไปยังอะพาร์ตเมนต์ของเธอ ตั้งแต่วันที่เธอปฏิเสธที่จะมางานฉลองวันเกิด เธอก็ไม่ได้กลับมาที่บ้านของผมอีกเลย ดังนั้นมันคงสมเหตุสมผลถ้าเธอจะอยู่ที่อะพาร์ตเมนต์ของตัวเอง หรือบางทีเธออาจไปหาที่ร้องไห้บนไหล่ของคนรัก ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ผมจะได้รู้เมื่อไปถึงอะพาร์ตเมนต์ของเธอ ผมไม่สนใจที่จะขับรถเข้าทางจอดรถอย่างถูกต้อง แค่หยุดรถทันที ดับเครื่องยนต์ และพุ่งขึ้นบันไดไปยังอะพาร์ตเมนต์ของเธอ ทันทีที่ผมไปถึงหน้าประตู ผมก็ไม่ลังเลที่จะทุบกำปั้นลงบนประตู "เบลล่า!" ผมตะโกนออกไปด้วยความโกรธและความเจ็บปวดที่อัดแน่น ไม่มีเสียงตอบรับจากข้างใน แต่ผมไม่ยอมแพ้ ผมยังคงทุบกำปั้นลงบนประตู ผมยกกำปั้นขึ้นเพื่อเคาะอีกครั้งเป็นครั้งที่สี่ เมื่อเสียงบทสนทนาดังแว่วเข้าหู ผมชะงักไปและปล่อยมือค้างอยู่ในอากาศ จากนั้นเสียงเหล่านั้นก็ดังขึ้นและชัดเจนมากขึ้น จนกระทั่งเสียงของเบลล่าดังทะลุประตูออกมา "ฉันไม่มีเงินให้คุณอีกแล้ว ไอ้ผีพนันเอ๊ย! ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้!" น้ำเสียงของเธอดูหงุดหงิด และจากระดับความดังของเสียงก็พอจะบอกได้ว่าเธอกำลังโกรธจัดเสีย

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 103

    มุมมองของมาร์ค"นี่คือรายงานของคุณเบลล่าที่ขอให้ตามสืบครับ" ผมได้ยินผู้ช่วยส่วนตัวพูด ผมพึมพำตอบกลับไป จากนั้นอีกสองสามวินาทีต่อมา ผมก็เงยหน้าขึ้นจากแฟ้มเอกสารที่มีรายละเอียดทุกอย่างเกี่ยวกับนักลงทุนรายล่าสุดของจีที กรุ๊ป เพียงเพื่อจะเห็นแค่แผ่นหลังของผู้ช่วยส่วนตัวที่รีบเดินออกจากห้องไป ผมหยุดและนึกสงสัยว่าเขาจะรีบไปไหน พลันเบี่ยงสายตากลับมายังรายงานซึ่งผมมอบหมายให้เขาไปจัดการที่เขาเพิ่งนำมาวางไว้ให้ แม้ผมจะอยากอ่านรายละเอียดทุกอย่างในรายงานด้วยตัวเอง แต่ผมก็ยุ่งเกินไป จึงตั้งใจจะให้เขาสรุปเนื้อหาให้ฟัง เพราะเขาเป็นคนรวบรวมข้อมูลทั้งหมดหลังจ้างนักสืบเอกชนให้ดำเนินการ แต่ตอนนี้เขากลับออกไปเสียแล้ว ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กำลังจะโทรตามเขา แต่ผมกลับหยุดมือไว้ก่อน สายตาเลื่อนไปที่รายงานที่วางอยู่บนโต๊ะ ทับกับกองเอกสารมากมายที่ผมยังต้องอ่านมันการอ่านรายงานคงใช้เวลาไม่เกินสามสิบนาที ดังนั้นแทนที่จะเรียกให้ผู้ช่วยทิ้งงานของตัวเองแล้วมาสรุปรายงานให้ผมฟัง ทั้งที่ผมแค่อ่านผ่าน ๆ เอาเองก็ได้ ผมจึงวางโทรศัพท์ลงและหยิบรายงานนั่นขึ้นมาแทน ผมเปิดดูคร่าว ๆ ทันที ก่อนจะต้องเลิกคิ้วขึ้น มัน

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 102

    ลูคัสถอนหายใจ ก่อนจะตอบว่า "เพราะพวกเขาไม่ยอมให้ผมกลับมาไง" "พวกเขา?" คิ้วฉันขมวดเข้าหากันขณะมองเขาอย่างงุนงง "ใครไม่ยอมให้คุณกลับมาเหรอ?" ขนตาของเขากวาดลง มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยเป็นรอยยิ้มขมขื่น "คนในครอบครัวของผมน่ะ" คิ้วฉันขมวดลึกขึ้นขณะที่พยายามทำความเข้าใจสิ่งที่เขาพูด ฉันส่ายหน้า "ฉันงงไปหมดแล้ว ช่วยอธิบายให้ชัดหน่อยได้ไหม?" "แบบว่า…ที่คุณเพิ่งรู้ว่าผมกับมาร์คเกี่ยวข้องกัน เพราะจริง ๆ แล้วผมเป็นลูกนอกสมรส ตอนแรกครอบครัวไม่ยอมรับผม ผมเป็นความลับอันโสมมที่ไม่เคยถูกพูดถึงหรือเอ่ยถึง ถูกซุกซ่อนอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล พ่อของผมคือสามีผู้ล่วงลับของดอริส ซึ่งเป็นสายสัมพันธ์เดียวที่เชื่อมผมเข้ากับครอบครัวนี้ ตอนที่พ่อกำลังจะเสีย สิ่งที่เขาปรารถนาเพียงอย่างเดียวคือให้ครอบครัวดูแลผมอย่างดี พวกเขาจึงรับผมกลับมาอย่างเสียไม่ได้" ฉันขมวดคิ้ว "งั้นก็หมายความว่ามันไม่ใช่ว่าพ่อของคุณไม่มีเวลาให้คุณ แต่เขา…" ฉันหยุด แล้วกระซิบออกมา "ป่วย" เขาพยักหน้าช้า ๆ อย่างสงบ ฉันอยากถามเขาว่า ‘แล้วแม่ของเขาล่ะ?’ แต่บางอย่างหยุดฉันไว้ ถ้าเขาอยากพูดถึงแม่ เขาคงจะพูดเอง ถ้าเขาไม่อยากพูด ฉันก็ไม่มี

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 101

    ฉันพยักหน้าช้า ๆ แต่ก็ยังสงสัยว่าเขารู้ได้อย่างไรว่ามีอะไรอยู่ในกระเป๋า "คุณรู้ได้ยังไงว่ามีอะไรอยู่ในกระเป๋า?" เขาพยักหน้าไปทางกระเป๋า "ซิปมันเปิดอยู่ครึ่งหนึ่งน่ะสิ" ฉันก้มลงมองแล้วสบถออกมา "บ้าเอ๊ย!" ฉันรีบวางมันบนตักและตรวจดูว่ามีอะไรหล่นออกไปหรือเปล่า ซิปคงเปิดตอนที่โจรเหวี่ยงกระเป๋าไปมา หรือไม่ก็ตอนที่ลุยจิแย่งมันมา ฉันรู้สึกถึงสายตาของลูคัสที่จับจ้องมา ขณะที่ฉันหยิบแบบร่างออกมาตรวจดู ฉันถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นว่ามันยังอยู่อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ดี เมื่อฉันเงยหน้าขึ้น รู้สึกอึดอัดและต้องการอธิบาย "ฉันกลัวว่าแบบร่างบางแผ่น(ชิ้น)หล่นหายไปน่ะ" ฉันฝืนยิ้ม "แล้วมีอะไรหายไปไหม?" เขาเลิกคิ้วที่ได้รูปอย่างสมบูรณ์แบบขึ้น "ไม่ค่ะ ทุกอย่างยังอยู่ครบ" ฉันตอบและเริ่มเก็บแบบร่างกลับเข้ากระเป๋า "ขอผมดูหน่อยได้ไหม?" คำขอเบา ๆ ของเขาทำให้ฉันชะงัก ฉันยิ้ม หัวใจรู้สึกอบอุ่นที่เขาสนใจจะดูแบบร่างของฉัน "นี่ค่ะ" ฉันยื่นให้เขา "เชิญคุณดูได้เลย" เขารับกระดาษจากฉันและถือมันไว้อย่างระมัดระวังราวกับมันเป็นอัญมณีล้ำค่า ฉันมองเขาด้วยใจเต้นระทึก ขณะที่สายตาของเขาจับจ้องที่แบบร่า

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 100

    เขาจับมือฉันแกว่งไปมาในขณะเดินชมสวนอย่างเงียบ ๆ โดยเราก็ต่างตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองในขณะดื่มด่ำกับความเงียบสงบของค่ำคืนมีแสงสว่างสาดส่องอยู่ข้างหน้า และดูเหมือนจะมีผู้คนอยู่มากมาย ฉันหรี่ตามอง "นั่นรถขายของสักอย่างใช่ไหม?” ฉันพึมพำในขณะเหลือบมองลูคัสแวบนึง ซึ่งกำลังมองไปข้างหน้าเช่นกัน“ผมก็คิดว่าอย่างนั้นนะ" ลูคัสตอบพร้อมกับยักไหล่ขึ้นเล็กน้อยเมื่อเราเดินเข้าไปใกล้มากขึ้นภาพก็ชัดเจนขึ้น แล้วฉันก็หยุดยั้งตัวเองเอาไว้ไม่ได้เลย เมื่อตระโกนออกไปว่า "ไอศกรีม!” ฉันชี้ไปที่รถไอศกรีมแล้วหันไปหาลูคัสซึ่งกำลังยืนยิ้มอยู่“ไปกันเถอะ" ฉันดึงมือออกจากเขา "ไปกินไอศกรีมกัน"ฉันรีบวิ่งไปยังรถไอศกรีมที่เปิดเพลงอยู่โดยไม่ได้รอคำตอบจากเขา ตอนที่ฉันร้องตะโกนออกไปนั้น มีเด็ก ๆ บางคนหันมามอง ดังนั้นเมื่อฉันรีบวิ่งไปที่นั่น พวกเขาก็ยังคงจ้องมองอยู่ฉันไม่สนใจสายตาที่จ้องมองมาที่ฉันเลยสักนิดเดียว ตอนนี้ฉันมีความรู้สึกเหมือนอยู่ในวัยเดียวกับพวกเขาเลย ฉันนึกถึงตอนที่ฉันกับลูคัสเคยเดินเล่นด้วยกันตอนเด็ก ๆ แล้วแวะไปที่ร้านไอศกรีม หรือรถไอศกรีมเหมือนรถคันนี้ แล้วซื้อไอศกรีมกินกันคนละสองถ้วย“คุณอยาก

DMCA.com Protection Status