แชร์

บทที่ 42

ผู้เขียน: เบลล่า
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-03 13:41:41
ฉันเก็บคำถามไว้กับตัวเอง แล้วรีบกระโดดเข้าไปร่วมวงกับลุยจิทันที แล้วภายในพริบตาเดียวก็เกิดความโกลาหลขึ้นในร้านกาแฟแห่งนั้น ซึ่งมีทั้งโต๊ะและเก้าอี้ปลิวว่อน

เมื่อแบรนเห็นว่าสถานการณ์กำลังจะลุกลาม และเรากำลังเอาชนะกลุ่มชายรูปร่างกำยำของเขาได้ เขาก็กระโดดเข้ามาร่วมวงการต่อสู้

เขาพุ่งเข้าหาลุยจิทันทีแล้วไล่ต้อนเขาไปทั่วห้อง เมื่อฉันเห็นเขาล้มลงกับพื้น ฉันก็รีบหลบหมัดของชายที่กำลังต่อสู้กับฉัน แล้ววิ่งเข้าไปช่วยเขา

แต่ทันทีที่ฉันไปถึงที่นั่น ลุยจิก็เหวี่ยงเขาลงกับพื้น แล้วกดฝ่ามือลงบนหน้าของแบรนอย่างไม่ปรานี เขาเหลียวหน้ามามองหาฉันก่อนจะจ้องมองฉันไม่วางตา

“หนีไป" เขาพูด "มีตรอกเล็ก ๆ อยู่ ไปรอที่นั่นก่อน"

“แล้วคุณล่ะ?!” ฉันกระซิบกลับไปในขณะที่เบิกตากว้าง

“ออกไปก่อน ซิดนีย์!” เขาตะโกนบอกในขณะที่แบรนใช้ประโยชน์จากการที่เขาเสียสมาธิ แล้วใช้ถาดที่เขาคว้ามาจากโต๊ะใดโต๊ะหนึ่งฟาดเข้าที่หน้าเขา

ฉันตัดสินใจที่จะเชื่อฟังเขา เขาอาจมีแผนการบางอย่าง แต่ถ้าเขาไม่มี อย่างน้อย ฉันก็สามารถแจ้งตำรวจหรือขอความช่วยเหลือได้ ฉันรีบไปยังโต๊ะที่มีกระเป๋าเงินวางอยู่โดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วรีบคว้ามันมา

เมื
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 43

    ในขณะที่รออยู่ที่นั่นฉันก็คลำหาโทรศัพท์ กำเครื่องช็อตไฟฟ้าเอาไว้แน่นในขณะกดเบอร์โทรศัพท์ฉุกเฉินออกไป“คุณอยู่ที่ไหนครับ คุณผู้หญิง?” พวกเขาถามหลังจากฟังฉันอธิบายถึงสถานการณ์อันลำบากอย่างกระหืดกระหอบ“ฉะ…ฉะ…ฉันไม่รู้" ฉันพยายามพูดให้ฟังปะติดปะต่อกัน "ฉันไม่รู้ว่าฉันอยู่ที่ไหน"“รับทราบครับ คุณผู้หญิง ทำใจเย็น ๆ นะครับ อย่าลืมเปิดตำแหน่งที่ตั้งในโทรศัพท์เอาไว้นะครับ เราจะกดค้นหาคุณเอง"“ขอบคุณค่ะ" ฉันก้มตัวโค้งคำนับโดยเอามือวางไว้บนเข่า "ช่วยรีบหน่อยนะคะ" ฉันกระซิบบอกอย่างกระหืดกระหอบฉันหลับตาและสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ ถ้าลุยจิไม่ปรากฏตัว ฉันคงไม่สามารถรับมือกับพวกเขาได้แน่ฉันไม่รู้ว่าแบรนมีเจตนาอะไร อาจมีใครส่งเขามาก็ได้ เพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะมีปัญหาอะไรกับฉันเลย เขาต้องทำตามคำสั่งของใครบางคนแน่ ๆ แต่ใครกันล่ะ? มาร์คเหรอ?ฉันส่ายหัวแล้วยืดตัวตรง เอนหัวพิงกำแพงเอาไว้ มาร์คไม่ใช่คนขี้ขลาดที่จะส่งผู้ชายมาหาเธอ เขาไม่ได้กลัวเกรงที่จะเผชิญหน้ากับฉันเลย แล้วจะเป็นใครกันนะ?ฉันกระโจนถอยห่างออกจากกำแพง และทำหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้ากะโผลกกะเผล

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-03
  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 44

    "ถูกต้อง! ลูกผู้ชายตัวจริงมันต้องเดินกะโผลกกะเผลก และมีเลือดไหลออกมาจากแผลที่ท้องเสมอ"เขาหัวเราะร่วนจนไหล่โยก "อย่ามาพูดจาเหน็บแนมผมนะ ซิด"“คุณไปโผล่ที่แบบนั้นได้ยังไง?” ฉันโพล่งออกไปเพราะทนรอต่อไปไม่ไหวแล้ว "คือคุณโผล่ออกมาในเวลาที่เหมาะเหม็ง แล้วช่วยฉันเอาไว้ได้" ฉันหรี่ตามองเขาแล้วทำให้เขายิ้มร่า "คุณสะกดรอยตามฉันเหรอ ลุยจิ?”เขาจ้องมองมาที่เส้นผมของฉัน แล้วจากนั้นก็เลื่อนลงมาที่ชุดกระโปรงที่ฉันใส่อยู่ "ตอนนี้คุณดูแย่มากเลย คุณควรไปหาที่อาบน้ำดีกว่านะ"“ตอบคำถามฉันมาดี ๆ" ฉันขู่เขาแบบเย้าแหย่เขายกคิ้วขึ้น รอยยิ้มซุกซนยังปรากฏอยู่บนริมฝีปากของเขา "ผมช่วยคุณไว้สองครั้งแล้วนะ แล้วคุณยังสงสัยในตัวผมอีกเหรอ?”ฉันรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมานิดหน่อย ฉันไม่รู้จักเขามากนัก แต่ฉันรู้ว่าเขาจะไม่ทำร้ายฉัน ฉันหวังว่าฉันคงคิดถูกนะ“อะไรกัน คุณคิดว่าผมเป็นพวกเดียวกับคนพวกนั้นเหรอ?”ไม่ว่าใครก็ตามที่เข้มาช่วยเหลือคุณในแง่ของการให้ความช่วยเหลือหรือเป็นสิ่งของก็ตาม ตราบใดที่ได้รับความช่วยก็จำเป็นตอบแทนสิ่งนั้นกลับไป มันไม่มีความบังเอิญอยู่บนโลกใบนี้หรอก เช่นเดียวกับที่พวกคนที่ชอบเกลียดชังคนอื่นมั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-03
  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 45

    เธอเดินเข้ามาพร้อมกับแสยะยิ้ม "ตอนนี้หล่อนปีกกล้าขาแข็งแล้วใช่ไหม?”“ขอให้เป็นวันที่ดีสำหรับคุณเหมือนกันค่ะ โรส" ฉันกัดฟันเลียนแบบน้ำเสียงเธอพร้อมเอนหลังบนเก้าอี้โรส แม่สามีของฉันเอง จริง ๆ แล้วก็น่าขำอยู่นะที่คนที่ฉันคิดว่าเป็นครอบครัวเดียวกันกลับทำตัวห่างเหินมาก ฉันพูดได้เต็มปากว่าแม่สามีเกลียดฉันเข้าไส้เลย หรือบางที เธออาจเกลียดครอบครัวฉันเข้าไส้เช่นกัน เพียงเพราะสถานะของครอบครัวฉันนั้นดูต่ำกว่าครอบครัวเธอซึ่งอยู่ในวงสังคมชั้นสูง การที่มีคนสถานะต่ำกว่าแต่งงานเข้ามาในครอบครัว หรือเข้ามายุ่งเกี่ยวในเรื่องต่าง ๆ ถือเป็นการตบหน้าฉาดใหญ่ และนั่นคือสิ่งที่ครอบฉันได้ทำลงไป โดยการแต่งงานเข้ามาในครอบครัวของพวกเขาตามมุมมองของเธอ ฉันหลอกให้ลูกชายเธอหลงรักและเสนอหน้าเข้ามาในครอบครัวนี้เอง ฉันคิดว่าเธอคงไม่รู้หรอกว่าลูกชายตนเองเกลียดฉันมากขนาดไหน และหากรู้ เธอคงรู้สึกดีไม่หยอกเชียวล่ะ“ฉันขอถามหล่อนหน่อยนะ นังตัวดี" เธอร้องคำรามฉันกลอกตาแล้วหันหน้าหนี ฉันแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินที่เธอพูด ลุยจิมองกลับไปกลับมาระหว่างเราสองคน และฉันสงสัยว่าเขารู้จักโรสหรือเปล่า เขารู้อะไรเกี่ยวกับฉันมากไหม?กา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-03
  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 46

    ฉันคืนกุญแจรถให้เขาแล้วกล่าวคำอำลา ในขณะที่เดินออกไปนั้น ฉันได้ไปพบหมอและกำชับให้แน่ใจว่า พวกเขาได้ทำการรักษาเขาอย่างครบถ้วน ก่อนจะปล่อยตัวให้เขากลับบ้านได้ นอกจากนี้ยังกำชับไม่ให้เขาต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลแม้แต่สตางค์แดงเดียวด้วยฉันตัดสินใจมุ่งตรงไปที่วิลล่าก่อน โดยเรียกแท็กซี่แล้วบอกจุดหมายปลายทางให้เขารู้ ไม่จำเป็นต้องเป็นกังวลว่ามาร์คจะขู่ขึ้นราคาค่าหย่าร้าง เพียงเพราะฉันตัดสินใจที่จะไม่กลับบ้าน เขาคงไม่ได้อยู่แถวนั้นหรอก วันนี้โรสต้องเรียกเขาไปพบอย่างแน่นอน และเขาอาจจะไม่กลับบ้านด้วยซ้ำไปเมื่อไปถึงที่นั่นแล้ว ฉันก็จ่ายเงินให้กับคนขับแท็กซี่ ฉันเดินได้ช้าลงแล้วต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นรถของเกรซ ที่จอดอยู่แบบส่ง ๆ ฉันยักไหล่แล้วเดินเข้าไปข้างใน เธอคงรีบเข้าไปทำอะไรสักอย่างมีกระเป๋าและรองเท้าส้นสูงวางอยู่ตรงหน้าประตู กระเป๋านั้นเปิดอยู่และมีข้าวของตกลงมาเกลื่อนกลาด ส่วนรองเท้าก็ไม่ได้ตั้งตรง แถมยังไม่ได้วางเรียงกันอย่างที่ควรจะเป็นด้วย รองเท้าข้างหนึ่งวางอยู่ข้างกระเป๋า ส่วนอีกข้างหนึ่งวางอยู่ข้างขาเก้าอี้บุนวมตัวแรกในห้องนั่งเล่น ฉันแน่ใจว่าเป็นของเกรซ รองเท้าส้นสูงคู่นี้เป็นคู่โปร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-03
  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 47

    มุมมองของเกรซนี่เป็นวันเกิดของฉันฉันจะทำในสิ่งที่ฉันชอบฉันจะกินในสิ่งที่ฉันชอบฉันจะจูบกับคนที่ฉันชอบนี่เป็นวันเกิดของฉันในขณะที่จังหวะร้องประสานเสียงของเพลง 'เบิร์ธเดย์' ของแอนน์ มารีดังก้องผ่านลำโพงเครื่องเสียงออกมาอย่างเร้าใจ ฉันพบว่าตัวเองไม่สามารถต้านทานได้อีกต่อไป ในขณะที่ฉันหวีผมอยู่นั้น หัวก็โยกไปตามจังหวะเพลง ปากขยับปากร้องตามทุกเนื้อร้อง และดื่มด่ำอยู่กับเสียงเพลงนั้นฉันจะทำให้สิ่งที่ฉันชอบฉันจะสวมใส่ในสิ่งที่ฉันชอบฉันจะไปปาร์ตี้ในคืนนี้บ้าเอ๊ย นี่เป็นวันเกิดฉันทุกคนต่างรักฉันใช่ ใช่ ใช่ ดูฉันสิ ให้เงินฉันหน่อยบ้าเอ๊ย นี่เป็นวันเกิดฉันฉันหยุดร้องเพื่อทาลิปสติกให้ถูกที่ถูกทาง ฉันเม้มริมฝีปากเข้าด้วยกัน แล้วส่งยิ้มหวานให้ตัวเองในกระจก ฉันยืดตัวตรงและชื่นชมตัวเองในกระจก ดวงตาจับจ้องอยู่ตรงคอเสื้อชุดนั้นไม่วางตา สร้อยคอมรกตที่ซิดนีย์ทำให้ฉัน ส่วนโค้งส่วนเว้าบนตัว และรอยผ่าของเดรสตัวนั้น“บ้าเอ๊ย สวยเป็นบ้าเลยคนอะไรเนี่ย" ฉันพูดช้า ๆ ในขณะที่หันไปมองในกระจก หัวใจเปี่ยมไปด้วยความสุข โจเอลจะต้องชอบอย่างแน่นอน!นี่เป็นวันธรรมดา แต่ฉันหยุดใส่ชุดทำงานในวันน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-03
  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 48

    หัวใจที่หนักอึ้งเพราะถูกนอกใจ ฉันจึงเผลอหลุดปากออกไป "ตอนนี้คุณยังจะกล้าว่าฉันอีกเหรอ?” ฉันเอนศีรษะไปทางด้านหลัง เพื่อพยายามไม่ให้น้ำตาร่วงหล่นลงมาอย่างเปล่าประโยชน์ เสียงหัวเราะอันขมขื่นหลุดลอดออกไปจากริมฝีปากแม้ในยามที่ฉันสะอื้นไห้ "อยากมาเซอร์ไพรส์ แต่กลับจับได้ว่าคุณกำลังนอกใจฉันอยู่!”โจเอลหัวเราะเยาะ แล้วเสียงนั้นก็ทิ่มแทงเข้าไปในหัวที่กำลังแตกสลายอยู่ "นอกใจเหรอ?” เขาทำเสียงเยาะเย้ย "เรายังไม่เคยตกลงเรื่องความสัมพันธ์กันเลยนะ ไม่มีป้ายกำกับ ไม่มีพันธะผูกพัน เราไม่ใช่แฟนกัน แล้วคุณมากล่าวหาว่าผมนอกใจคุณได้ยังไงในเมื่อเราไม่เคยคบกันแบบจริง ๆ จัง ๆ เลย?"ฉันเอามือทาบหน้าอกแล้วออดอ้อนเขา "แล้วฉันเป็นอะไรกับคุณเหรอ โจเอล? ถ้าไม่ใช่แฟนแล้วฉันเป็นอะไร?”หัวใจขสลายออกเป็นเสี่ยง ๆ เมื่อโจเอล ผู้ชายที่ฉันเชื่อว่าฉันรักเขา และหวังว่าเขาคงจะรักฉันอย่างหัวปักหัวปำเช่นกัน พูดใส่หน้าฉันว่า "เราแค่เป็นเพื่อนคู่นอนเท่านั้น เกรซ" เขาประกาศอย่างเย็นชา "เราแค่เป็นเพื่อนที่เอากันได้ คุณเกาหลังให้ผม ผมเกาหลังให้คุณ แค่นั้นก็พอแล้ว"ฉันมีความรู้สึกเหมือนจะเป็นลม แล้วก้าวถอยหลังโดยสัญชาตญาณ "เพื่อน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-03
  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 49

    มุมมองของซิดนีย์ฉันประคองเกรซเดินไปที่รถ จากนั้นก็กลับไปข้างในเพื่อคว้าโทรศัพท์ของเธอที่วางอยู่ท่ามกลางข้าวของที่หลุดร่วงออกมาจากกระเป๋า โดยไม่ต้องค้นหาอะไรเลย บนหน้าจอโทรศัพท์นั้นมีรูปของเธอกับผู้ชายหน้าคุ้น ๆฉันเหน็บโทรศัพท์ไว้ตรงกระเป๋าหลัง หารองเท้าแตะได้คู่หนึ่ง แล้วเดินกลับไปหาเธอที่รถ ในขณะที่ฉันขับรถไปยังโรงพยาบาลนั้น เธอไม่ได้พูดอะไรเลย เธอเอียงคอมองออกไปนอกหน้าต่าง แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและเศร้าสร้อยฉันไม่รู้ว่าจะพูดหรือปลอบเธออย่างไรดี บางทีเธออาจจะอยากอยู่เงียบ ๆ ก็ได้ ฉันได้แต่บีบมือเธอเป็นครั้งคราว แล้วนิ้วของเธอก็ค่อย ๆ กำมือชั้นอย่างช้า ๆ เธอยังอยู่ตรงนั้น เกรซผู้คล่องแคล่วของฉันยังอยู่ตรงนั้นเมื่อขับรถไปถึงโรงพยาบาล ก็มีพยาบาลออกมาพบฉันตรงครึ่งทาง แล้วเราทั้งคู่ก็ช่วยประคองเกรซไปยังห้องคนไข้ พวกเขาลงมือรักษาเธอทันทีหลังจากฉันจ่ายค่ารักษาเรียบร้อยแล้วฉันจับมือเกรซไว้ในขณะที่หมอเช็ดเลือดที่แห้งกรังอยู่บนใบหน้าเธอ จากนั้นก็เริ่มทำการรักษา เธอกำมือฉันแน่น และสะดุ้งหนีในขณะที่หมอกำลังทำหน้าที่อยู่ในขณะที่หมอกำลังสาละวนกับการดูแลเธออยู่นั้น ฉันก็ดึงโทรศัพท์ข

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-03
  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 50

    เขาดูตกใจเมื่อเห็นท่าทีเดือดดาลของฉัน "ซิดนีย์" เขาเรียกซ้ำ และเสียงที่เขาเรียกชื่อฉันซ้ำ ๆ นั้นเริ่มทำให้ฉันหงุดหงิดอย่างมาก“โจเอลอยู่ที่ไหน?”ดูเหมือนริมฝีปากจะสั่นพักหนึ่งก่อนจะเอื้อนเอ่ยอะไรออกมาได้ "คุณมาที่นี่ทำไม?” จากนั้น เขาก็ขมวดคิ้วแล้วส่งสายตาที่ดูอ่อนโยนลงในขณะเดินเข้ามาหาฉัน เขาชี้ไปที่ประตูที่อยู่ด้านหลังฉัน "ซิดนีย์ คุณอยู่หลังประตูนั่นมานานแค่ไหนแล้ว?” เขากวาดตามองฉันพร้อมกับถาม "คุณได้ยินอะไรหรือเปล่าเมื่อกี้นี้?” เขาเริ่มก้าวเดินมาหาฉันหลังจากถามคำถามสุดท้ายฉันยกฝ่ามือห้ามเขาเอาไว้ เขาหยุดก้าวเดินทันที เมื่อสายตาเราสบกัน ฉันเห็นความกังวลสับสนหมุนวนอยู่ในดวงตาของเขา“ซิดนี...” เขาเริ่มพูด แต่ฉันไม่อาจทนได้ยินชื่อฉันจากริมฝีปากของเขาได้อีกครั้ง“คุณหยุดเรียกชื่อฉันซะทีได้ไหม? แล้วแค่บอกมาว่าโจเอลอยู่ที่ไหน?” ฉันระเบิดคำพูดออกมาอย่างร้อนแรง ซึ่งเต็มไปด้วยความหงุดหงิด ความโกรธเกรี้ยว และความเจ็บปวด“คุณตามหาโจเอลทำไม? มีอะไรหรือเปล่า?” สายตาของเขาดูอ่อนโยน และน้ำเสียงก็ฟังดูสงบนิ่ง แต่นั่นช่างรบกวนประสาทของฉันเหลือเกินโอ้พระเจ้า ฉันอยากจะทึ้งผมตัวเองแล้วกรีดร้อ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-03

บทล่าสุด

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 108

    มุมมองของซิดนีย์ ฉันเงยหน้าขึ้นมองพาดหัวข่าวที่เพิ่งเด้งขึ้นมาบนแถบแจ้งเตือน หัวข้อข่าวที่สะดุดตาเขียนว่า - "หญิงเจ้าเล่ห์แท้งลูก ทำตั๋วเข้าสู่ความมั่งคั่งหลุดลอยไป" ภาพมาร์คอุ้มเบลล่าที่โชกไปด้วยเลือดเข้าสู่รถพยาบาลถูกแนบมากับโพสต์ข่าว แม้ว่าจะมีโมเสคบาง ๆ เบลอใบหน้าพวกเขาเอาไว้ แต่คนที่คุ้นเคยกับวงสังคมชั้นสูงย่อมจำพวกเขาได้ในทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมื่อเบลล่าเพิ่งอวดภาพการตั้งครรภ์ของเธอไปทั่วโซเชียลมีเดีย “พวกเขาทะเลาะกันหรือเปล่านะ?” ฉันนึกสงสัยด้วยความอยากรู้ แต่ความสงสัยนั้นก็ไม่ได้มากพอจะทำให้ฉันเสียสมาธิจากงานมาเปิดข่าวอ่านฉันถอนหายใจแล้วปัดหน้าจอไปยังรูปตัวอย่างของเครื่องประดับที่ลูกค้าต้องการ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตั้งแต่แรก ฉันเปรียบเทียบกับแบบร่างที่ฉันร่างไว้แล้วส่ายหัวเบา ๆ ฉันพอใจกับสิ่งที่ตัวเองทำ ฉันมั่นใจว่ามาถูกทางแล้ว และสิ่งที่ฉันวาดไว้นั้นก็ดูสวยงามกว่าด้วยซ้ำไป ลูกค้าได้ขอให้สตูดิโอของเราปรับแต่งรายละเอียดเพิ่มเติมเล็กน้อย และสิ่งที่ฉันทำอยู่ตรงนี้ก็นับว่ายอดเยี่ยม ฉันมั่นใจว่าลูกค้าจะต้องถูกใจแน่ ฉันวางโทรศัพท์ลงและเริ่มเติ

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 107

    ความโกรธพลุ่งพล่านในตัวผม ทั้งแทนซิดนีย์และตัวผมเอง ผมมองเธอด้วยสายตาดูแคลน "ไม่จำเป็นต้องโยนความผิดให้ซิดนีย์เหมือนที่คุณทำมาตลอด ไม่ต้องกลบเกลื่อนคำโกหกของคุณด้วยการทำให้เธอดูแย่ด้วย เพราะมันไม่เกี่ยวอะไรกับเธอเลย ผมไม่ได้ติดต่อกับเธอมานานแล้ว ตั้งแต่หย่ากันด้วยซ้ำ เพราะงั้นอย่าเอาเธอเข้ามาเกี่ยว" "เชื่อฉันสิ ตั้งแต่ซิด…" ผมหลับตาและกัดฟันแน่น พยายามควบคุมความโกรธ แต่เธอกำลังทำให้มันยากขึ้น "หยุดพูดได้แล้ว เบลล่า ผมไม่อยากฟังคำโกหกที่คุณแต่งขึ้นมาอีกแล้ว ผมได้ยินมามากพอแล้ว" "มาร์ค…" "คุณควรพักผ่อน" ผมตัดบทเธออีกครั้ง "ผมจะไปแล้ว ผมจะติดต่อไมเคิลกับคลาริสสาให้มาดูแลคุณ" เลือดเหมือนจะหายไปจากใบหน้าของเบลล่า ดวงตาของเธอเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนก ก่อนที่เธอจะกรีดร้อง เสียงและร่างกายของเธอสั่นสะท้าน "คุณจะเลิกกับฉันใช่ไหม?!" ผมเลิกคิ้วขึ้น "เราเคยเป็นอะไรกันด้วยเหรอ? เราไม่เคยตกลงอะไรกันอย่างเป็นทางการ คุณกลับมาจากทริปแล้วก็เข้ามาอยู่ในอ้อมแขนผมโดยไม่มีคำพูดอะไร แล้วคุณก็เอาการตั้งครรภ์ที่ไม่ใช่ลูกของผมมามัดผมมือชกอีก ผมอยู่กับคุณเพราะคุณทำให้ผมต้องอยู่…" "คุณพูดแบบ

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 106

    "เธอฟื้นหรือยังครับ? ผมเข้าไปหาเธอได้ไหม?" ในที่สุดผมก็สามารถเปล่งเสียงออกมาได้ หมอส่ายหน้า "เธอยังไม่ได้สติจากฤทธิ์ยาสลบ ตอนนี้เธอกำลังจะถูกย้ายไปยังห้องพักฟื้นแล้ว รออีกสักหน่อย เธอก็น่าจะฟื้นแล้ว" "ขอบคุณครับ" หมอพยักหน้าแล้วเดินจากไป ผมนั่งอยู่ที่แผนกต้อนรับ พยายามใจเย็นขณะที่รอให้เบลล่าฟื้นขึ้นมา จนกระทั่งพยาบาลเดินเข้ามาหาผม "คุณมาร์ค ผู้หญิงที่คุณพามาได้ถูกย้ายไปยังห้องพักคนไข้แล้วค่ะ และเธอก็ฟื้นแล้วด้วย ถ้าคุณพร้อมเข้าไปหาเธอ ฉันจะพาคุณไปที่ห้องของเธอนะคะ" ผมลุกขึ้นและพยักหน้า "พาผมไปได้เลยครับ" เธอเดินนำไปและผมเดินตามเธอ เราผ่านห้องหลายห้องก่อนที่เธอจะหยุดที่หน้าประตู เธอเปิดประตู "นี่ค่ะห้องพักฟื้นของเธอ" ผมเดินเข้าไปในห้อง และพยาบาลก็เดินออกไป ศีรษะของเบลล่าหันไปอีกด้าน เธอสวมชุดของโรงพยาบาลและมีหมวกคลุมผมอยู่ ผมจินตนาการว่าเธออาจกำลังร้องไห้อย่างเงียบ ๆ ขณะที่หันหน้าหนีไปอีกทาง"เบลล่า" ผมเรียกชื่อเธอเบา ๆ และเธอก็หันมาทันที ใบหน้าของเธอซีดเซียว ดวงตาแดงก่ำ ผมเดาว่าเธอคงจะร้องไห้หรือไม่ก็ปล่อยให้น้ำตาไหลอย่างเงียบ ๆ เพราะทันทีที่สายตาของเธอจับจ้

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 105

    มุมมองของมาร์คผมวิ่งตามพยาบาลที่กำลังเข็นเปลหามเธอเข้าไปในโรงพยาบาล ไม่มีใครยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเลย ในตอนที่ผมตะโกนขอความช่วยเหลือหลังจากเบลล่าเริ่มมีเลือดออก แต่ทันทีที่ผมลงมาชั้นล่าง รถพยาบาลก็มาถึง ทันทีที่ผมขึ้นรถพยาบาล ผมจับมือเธอไว้ ผมเรียกชื่อเธอหลายครั้ง หวังว่าเธอจะลืมตาขึ้น แต่เธอก็ยังคงหลับตาอยู่ หมอพรวดพราดออกมาจากมุมหนึ่ง โดยมีหูฟังแพทย์ห้อยอยู่บนคออย่างไม่เรียบร้อย ขณะที่เราทั้งสองรีบเดินตามพยาบาลที่กำลังเข็นเปลหาม ผมเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้เขาฟัง "ผมคิดว่าเขาต้องทำร้ายเธอแน่ เพราะเธออยู่ดี ๆ ก็เริ่มมีเลือดออก" หมอพยักหน้าแล้วเดินเข้าไปในห้องที่พวกเขาเข็นเธอเข้าไป เธอถูกย้ายขึ้นเตียงโรงพยาบาลแล้ว ผมไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในห้อง จึงยืนอยู่ข้างนอกและมองผ่านกระจกฝ้าบนประตู หมอส่ายหน้าในขณะที่ตรวจเธอ จากนั้นเขาพูดบางอย่างกับพยาบาลที่อยู่ด้วย พวกเธอพยักหน้าและรีบออกจากห้องไป "ขอโทษนะคะ" พวกเขาพูดพร้อมกันเบา ๆ ผมจึงหลบให้พวกเขาผ่านไป จากนั้นหมอก็ออกมาด้วยเช่นกัน เขาบอกกับผมทันทีว่า "อาการของเธอวิกฤตมาก ต้องเข้ารับการผ่าตัดโดยด่วน เราจะย้ายเธอไปยัง

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 104

    ผมขึ้นรถและขับด้วยความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด มุ่งตรงไปยังอะพาร์ตเมนต์ของเธอ ตั้งแต่วันที่เธอปฏิเสธที่จะมางานฉลองวันเกิด เธอก็ไม่ได้กลับมาที่บ้านของผมอีกเลย ดังนั้นมันคงสมเหตุสมผลถ้าเธอจะอยู่ที่อะพาร์ตเมนต์ของตัวเอง หรือบางทีเธออาจไปหาที่ร้องไห้บนไหล่ของคนรัก ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ผมจะได้รู้เมื่อไปถึงอะพาร์ตเมนต์ของเธอ ผมไม่สนใจที่จะขับรถเข้าทางจอดรถอย่างถูกต้อง แค่หยุดรถทันที ดับเครื่องยนต์ และพุ่งขึ้นบันไดไปยังอะพาร์ตเมนต์ของเธอ ทันทีที่ผมไปถึงหน้าประตู ผมก็ไม่ลังเลที่จะทุบกำปั้นลงบนประตู "เบลล่า!" ผมตะโกนออกไปด้วยความโกรธและความเจ็บปวดที่อัดแน่น ไม่มีเสียงตอบรับจากข้างใน แต่ผมไม่ยอมแพ้ ผมยังคงทุบกำปั้นลงบนประตู ผมยกกำปั้นขึ้นเพื่อเคาะอีกครั้งเป็นครั้งที่สี่ เมื่อเสียงบทสนทนาดังแว่วเข้าหู ผมชะงักไปและปล่อยมือค้างอยู่ในอากาศ จากนั้นเสียงเหล่านั้นก็ดังขึ้นและชัดเจนมากขึ้น จนกระทั่งเสียงของเบลล่าดังทะลุประตูออกมา "ฉันไม่มีเงินให้คุณอีกแล้ว ไอ้ผีพนันเอ๊ย! ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้!" น้ำเสียงของเธอดูหงุดหงิด และจากระดับความดังของเสียงก็พอจะบอกได้ว่าเธอกำลังโกรธจัดเสีย

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 103

    มุมมองของมาร์ค"นี่คือรายงานของคุณเบลล่าที่ขอให้ตามสืบครับ" ผมได้ยินผู้ช่วยส่วนตัวพูด ผมพึมพำตอบกลับไป จากนั้นอีกสองสามวินาทีต่อมา ผมก็เงยหน้าขึ้นจากแฟ้มเอกสารที่มีรายละเอียดทุกอย่างเกี่ยวกับนักลงทุนรายล่าสุดของจีที กรุ๊ป เพียงเพื่อจะเห็นแค่แผ่นหลังของผู้ช่วยส่วนตัวที่รีบเดินออกจากห้องไป ผมหยุดและนึกสงสัยว่าเขาจะรีบไปไหน พลันเบี่ยงสายตากลับมายังรายงานซึ่งผมมอบหมายให้เขาไปจัดการที่เขาเพิ่งนำมาวางไว้ให้ แม้ผมจะอยากอ่านรายละเอียดทุกอย่างในรายงานด้วยตัวเอง แต่ผมก็ยุ่งเกินไป จึงตั้งใจจะให้เขาสรุปเนื้อหาให้ฟัง เพราะเขาเป็นคนรวบรวมข้อมูลทั้งหมดหลังจ้างนักสืบเอกชนให้ดำเนินการ แต่ตอนนี้เขากลับออกไปเสียแล้ว ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กำลังจะโทรตามเขา แต่ผมกลับหยุดมือไว้ก่อน สายตาเลื่อนไปที่รายงานที่วางอยู่บนโต๊ะ ทับกับกองเอกสารมากมายที่ผมยังต้องอ่านมันการอ่านรายงานคงใช้เวลาไม่เกินสามสิบนาที ดังนั้นแทนที่จะเรียกให้ผู้ช่วยทิ้งงานของตัวเองแล้วมาสรุปรายงานให้ผมฟัง ทั้งที่ผมแค่อ่านผ่าน ๆ เอาเองก็ได้ ผมจึงวางโทรศัพท์ลงและหยิบรายงานนั่นขึ้นมาแทน ผมเปิดดูคร่าว ๆ ทันที ก่อนจะต้องเลิกคิ้วขึ้น มัน

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 102

    ลูคัสถอนหายใจ ก่อนจะตอบว่า "เพราะพวกเขาไม่ยอมให้ผมกลับมาไง" "พวกเขา?" คิ้วฉันขมวดเข้าหากันขณะมองเขาอย่างงุนงง "ใครไม่ยอมให้คุณกลับมาเหรอ?" ขนตาของเขากวาดลง มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยเป็นรอยยิ้มขมขื่น "คนในครอบครัวของผมน่ะ" คิ้วฉันขมวดลึกขึ้นขณะที่พยายามทำความเข้าใจสิ่งที่เขาพูด ฉันส่ายหน้า "ฉันงงไปหมดแล้ว ช่วยอธิบายให้ชัดหน่อยได้ไหม?" "แบบว่า…ที่คุณเพิ่งรู้ว่าผมกับมาร์คเกี่ยวข้องกัน เพราะจริง ๆ แล้วผมเป็นลูกนอกสมรส ตอนแรกครอบครัวไม่ยอมรับผม ผมเป็นความลับอันโสมมที่ไม่เคยถูกพูดถึงหรือเอ่ยถึง ถูกซุกซ่อนอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล พ่อของผมคือสามีผู้ล่วงลับของดอริส ซึ่งเป็นสายสัมพันธ์เดียวที่เชื่อมผมเข้ากับครอบครัวนี้ ตอนที่พ่อกำลังจะเสีย สิ่งที่เขาปรารถนาเพียงอย่างเดียวคือให้ครอบครัวดูแลผมอย่างดี พวกเขาจึงรับผมกลับมาอย่างเสียไม่ได้" ฉันขมวดคิ้ว "งั้นก็หมายความว่ามันไม่ใช่ว่าพ่อของคุณไม่มีเวลาให้คุณ แต่เขา…" ฉันหยุด แล้วกระซิบออกมา "ป่วย" เขาพยักหน้าช้า ๆ อย่างสงบ ฉันอยากถามเขาว่า ‘แล้วแม่ของเขาล่ะ?’ แต่บางอย่างหยุดฉันไว้ ถ้าเขาอยากพูดถึงแม่ เขาคงจะพูดเอง ถ้าเขาไม่อยากพูด ฉันก็ไม่มี

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 101

    ฉันพยักหน้าช้า ๆ แต่ก็ยังสงสัยว่าเขารู้ได้อย่างไรว่ามีอะไรอยู่ในกระเป๋า "คุณรู้ได้ยังไงว่ามีอะไรอยู่ในกระเป๋า?" เขาพยักหน้าไปทางกระเป๋า "ซิปมันเปิดอยู่ครึ่งหนึ่งน่ะสิ" ฉันก้มลงมองแล้วสบถออกมา "บ้าเอ๊ย!" ฉันรีบวางมันบนตักและตรวจดูว่ามีอะไรหล่นออกไปหรือเปล่า ซิปคงเปิดตอนที่โจรเหวี่ยงกระเป๋าไปมา หรือไม่ก็ตอนที่ลุยจิแย่งมันมา ฉันรู้สึกถึงสายตาของลูคัสที่จับจ้องมา ขณะที่ฉันหยิบแบบร่างออกมาตรวจดู ฉันถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นว่ามันยังอยู่อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ดี เมื่อฉันเงยหน้าขึ้น รู้สึกอึดอัดและต้องการอธิบาย "ฉันกลัวว่าแบบร่างบางแผ่น(ชิ้น)หล่นหายไปน่ะ" ฉันฝืนยิ้ม "แล้วมีอะไรหายไปไหม?" เขาเลิกคิ้วที่ได้รูปอย่างสมบูรณ์แบบขึ้น "ไม่ค่ะ ทุกอย่างยังอยู่ครบ" ฉันตอบและเริ่มเก็บแบบร่างกลับเข้ากระเป๋า "ขอผมดูหน่อยได้ไหม?" คำขอเบา ๆ ของเขาทำให้ฉันชะงัก ฉันยิ้ม หัวใจรู้สึกอบอุ่นที่เขาสนใจจะดูแบบร่างของฉัน "นี่ค่ะ" ฉันยื่นให้เขา "เชิญคุณดูได้เลย" เขารับกระดาษจากฉันและถือมันไว้อย่างระมัดระวังราวกับมันเป็นอัญมณีล้ำค่า ฉันมองเขาด้วยใจเต้นระทึก ขณะที่สายตาของเขาจับจ้องที่แบบร่า

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 100

    เขาจับมือฉันแกว่งไปมาในขณะเดินชมสวนอย่างเงียบ ๆ โดยเราก็ต่างตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองในขณะดื่มด่ำกับความเงียบสงบของค่ำคืนมีแสงสว่างสาดส่องอยู่ข้างหน้า และดูเหมือนจะมีผู้คนอยู่มากมาย ฉันหรี่ตามอง "นั่นรถขายของสักอย่างใช่ไหม?” ฉันพึมพำในขณะเหลือบมองลูคัสแวบนึง ซึ่งกำลังมองไปข้างหน้าเช่นกัน“ผมก็คิดว่าอย่างนั้นนะ" ลูคัสตอบพร้อมกับยักไหล่ขึ้นเล็กน้อยเมื่อเราเดินเข้าไปใกล้มากขึ้นภาพก็ชัดเจนขึ้น แล้วฉันก็หยุดยั้งตัวเองเอาไว้ไม่ได้เลย เมื่อตระโกนออกไปว่า "ไอศกรีม!” ฉันชี้ไปที่รถไอศกรีมแล้วหันไปหาลูคัสซึ่งกำลังยืนยิ้มอยู่“ไปกันเถอะ" ฉันดึงมือออกจากเขา "ไปกินไอศกรีมกัน"ฉันรีบวิ่งไปยังรถไอศกรีมที่เปิดเพลงอยู่โดยไม่ได้รอคำตอบจากเขา ตอนที่ฉันร้องตะโกนออกไปนั้น มีเด็ก ๆ บางคนหันมามอง ดังนั้นเมื่อฉันรีบวิ่งไปที่นั่น พวกเขาก็ยังคงจ้องมองอยู่ฉันไม่สนใจสายตาที่จ้องมองมาที่ฉันเลยสักนิดเดียว ตอนนี้ฉันมีความรู้สึกเหมือนอยู่ในวัยเดียวกับพวกเขาเลย ฉันนึกถึงตอนที่ฉันกับลูคัสเคยเดินเล่นด้วยกันตอนเด็ก ๆ แล้วแวะไปที่ร้านไอศกรีม หรือรถไอศกรีมเหมือนรถคันนี้ แล้วซื้อไอศกรีมกินกันคนละสองถ้วย“คุณอยาก

DMCA.com Protection Status