“เฟิน เฟิน” อี้หมิงตะโกนเรียกสาวน้อย“มาแล้วๆ ๆ” เฟิน เฟิน เมื่อได้ยินเสียงอี้หมิงก็รีบวิ่งออกมา“ค่อยๆ เดี๋ยวได้หกล้มพอดี” อี้หมิงเตือนสาวน้อยที่วิ่งถลาตรงมาหาเธออย่างรวดเร็ว“พี่หมิงอี้ มาหาข้ามีธุระอันใดรึ”“จะมาชวนเจ้าไปเที่ยวรอบเมืองหนะเฟิน เฟิน”“อ้าว! พี่อู๋ไป๋ทำไมวันนี้ได้มากับพี่หมิงอี้ล่ะ”“พอดีข้าแวะเอาหัวปลามาให้ป้าอี้เฟินหนะ เลยอยู่ปลูกปักช่วยหมิงอี้ไปด้วยเลย”“ฮึ! พี่หมิงอี้ จะปลูกไม่บอกกันเลย รอบบนี้เฟิน เฟิน เลยไม่มีส่วนร่วมปลูกด้วยเลย!” สาวน้อยกอดอกสะบัดหน้าอย่างงอน ๆ“โถ่วๆ ไม่เป็นไร ๆ เอาเป็นว่ารอบหน้าข้าจะไม่พลาดเรียกเจ้าแน่นอน เดี๋ยวเจ้ารอเก็บไปขายช่วยข้าก็ได้เนอะ ป่ะ ๆ เจ้าจะไปกับข้ารึไม่ นี่เริ่มจะสายแล้ว”“ไป ๆ เฟิน เฟิน ไป”“งั้นไปกันเลย let’ s go!”“หึ หมิงอี้ว่าอะไรนะ เลด สะ โก ไปที่ไหน เมืองไหนรึ” ทั้งอู๋ไป๋และเฟิน เฟิน ทำหน้าสงสัย” ช่างเถอะๆ ป่ะ ๆ ไปกัน” อี้หมิงบอกปัดแล้วกางแขนโอบทั้งสองคนดันให้ก้าวเดินไปด้านหน้าพร้อมกัน“เฮ้ยย! เจ้าอย่ามาแตะต้องตัวข้าแบบนี้นะ ข้ายิ่งหวั่นไหวง่ายอยู่ ฮ่า ฮ่า ๆ ” อู๋ไป๋หัวเราะชอบใจ“นี่แนะ! อย่ามาบ้ากามใส่พี่หมิงอี้ของข้าน
อี้หมิงเดินเที่ยวไปตามตลาดอย่างตื่นตาตื่นใจ ไม่น่าเชื่อว่าในยุคโบราจะคึกคักเหมือนกันนะเนี่ย ร้านรวงต่าง ๆ ก็เยอะแยะไปหมด ของกินก็น่าอร่อย คิดถึงตรงนี้ร่างบางก็อดกลืนน้ำลายอึกใหญ่ไม่ได้ ‘คอยดูนะ แม่ขายผักได้เยอะ ๆ แล้วจะเหมาให้หมดเลย หึ’“เฮ้ย ไม่มีปัญญาจ่ายก็ไม่ต้องซื้อ แพงตรงไหนกัน 50 อิแปะเนี่ย!”“แพงจังเลยเถ้าแก่ วันก่อนยังแค่ 35 อิแปะเอง”“ข้าวหายากหน่า แถมปี้นี้ได้ข่าวมาว่าข้าวที่กำลังปลูกก็โดนแมลงบุกกิน เหี่ยวตายไปหมด ปีนี้น่าจะเก็บเกี่ยวข้าวออกมาได้น้อย ถ้าเจ้าไม่พอใจก็ไปซื้อร้านอื่น เชิญ”“โถ่!! เถ้าแก่ ช่วยข้าหน่อยนะ ๆ ซัก ครึ่งจินก็ได้ แบ่งขายให้ข้าเถอะ”“ไม่ขาย ไม่มีปัญญาซื้อก็ไม่ต้องกิน ไป ไป เกะกะร้านข้าจิงเชียว!”เสียงโวยวายของชายคนหนึ่ง ทำให้ผู้คนในตลาดเริ่มสนใจ~ฮ่ะ! แพงจัง ข้าวปีนี้แพงกว่าทุกปีเสียอีกเนี่ย โห~~ข้าว่าข้าต้องรีบซื้อไว้แล้วล่ะ ไม่งั้นวันพรุ่งอาจจะแพงขึ้นกว่านี้แน่ๆ ~เมื่อเกิดเสียงพูดคุยออกความคิดเห็นกันขึ้น ไม่นานผู้คนในตลาดต่างกรูกันมารุมซื้อข้าวร้านดังกล่าว และไม่นานร้านข้าวทุกร้านในตลาดก็ห้อมล้อมไปด้วยชาวบ้านที่รุมยื้อแย่งซื้อข้าวกันจนวุ่นวาย“โหว!
เดินมาไม่นาน ทั้งสามก็มาหยุดตรงแปลงนาข้าวขนาดใหญ่“นี่ไงหมิงอี้ เจ้าดู ๆ เห็นๆ ไหมล่ะ ข้าเห็นละขนลุกเชียวล่ะ ดูสิเกาะเต็มต้นข้าวไปหมดเลย ฮึ่ย!”“ข้าเห็นด้วยกับอู๋ไป๋ ฮึ่ย! ขนลุก ๆ” เฟิน เฟิน ลูบแขนตัวเองไปมาอี้หมิง ค่อย ๆ ย่อตัวนั่งลงแล้วมองไปยังต้นข้าวที่บัดนี้โดนแมลงตัวสีออกน้ำตาลบ้าง ขาวบ้าง เกาะอยู่เต็มไปหมด เป็นอย่างที่คิดจริง ๆ ด้วย เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลจริง ๆ ด้วย แบบนี้ปล่อยไว้ไม่ได้ต้องรีบกำจัด ไม่งั้นต้นข้าวเหี่ยวตายก่อนจะออกรวงแน่ๆ ’“เฮ้อ! ทีกง เฉียนหนง ท่านพิโรธหรือไรกันปีนี้ถึงได้มีแมลงระบาดแบบนี้ เฮ้อ! แล้วข้าจะทำยังไงล่ะเนี่ย ตาย ๆ เสียดาย ๆ ต้นข้าวเหล่านี้เสียจริง”ชายวัยกลางคนที่เดินบ่นไป พลางส่ายหน้าไป ขณะเดินดูนาข้าวของตนเมื่อมองเห็นทั้งสามก็เดินเข้ามาหาอย่างสงสัยใคร่จะรู้ว่ามาทำอะไรกัน“อ้าวพวกเจ้า! มาทำอะไรลับๆ ล่อ ๆ ที่แปลงนาข้ากัน” ชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้นอย่างไม่เป็นมิตรนัก“อ่อ พวกข้าแวะมาดูนะจ๊ะ พอดีได้ยินมาว่ามีโรคระบาดจากแมลงเลยมาดูให้เห็นกับตานะจ๊ะ ไม่มีอะไร ๆ พวกข้าจะไปแล้วจ๊ะ แฮ่ะๆ ” เป็นอู๋ไป๋ที่ตอบออกไปแล้วรีบลากแขนเฟิน เฟิน และอี้หมิงออกมา“ดะ เดี๋ยว อู๋
“ฮ่องเต้เสร็จ”สิ้นเสียง กงกง ก็พลันปรากฏร่างชายค่อนข้างมีอายุ แต่ยังแข็งแรง องอาจ และสง่าผ่าเผยเปี่ยมไปด้วยอำนาจ สวมชุดสีแดงปักลวดลายมังกรสีทองอย่างประนีต ตามด้วยสตรีที่แม้ดูมีอายุ แต่ยังมีเค้าของความงามปรากฏให้เห็นอยู่ และท้ายสุดคือ รัชทายาทรูปงามที่กำยำ องอาจ เดินเข้ามายังท้องพระโรง ที่มีขุนนางยืนเรียงราย แบ่งแยกกันออกเป็นสองฝั่งเพื่อเตรียมถวายฎีกาอย่างเป็นระเบียบ“คารวะฝ่าบาท” สิ้นเสียงกงกง ขุนนางทั้งหลายต่างก้มหัวลงถวายความเคารพอย่างนอบน้อม“คารวะฝ่าบาท ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆ ปี “ขุนนางทั่วทั้งท้องพระโรงเปล่งเสียง โค้งคำนับลงพร้อมกันอย่างพร้อมเพียงเมื่อเห็นมาครบ ฮ่องเต้ก็ส่งสัญญาณมือให้ขุนนางเริ่มรายงานความเป็นไปของบ้านเมือง“ตอนนี้ศึกตามแนวชายแดนสงบเรียบร้อยดีพะยะค่ะ กองโจรตามแนวชายแดนก็สามารถปราบได้จนหมดสิ้นแล้ว”“ดี!”เป็นขุนนางฝ่ายบู๊ที่นำรายงานก่อนฝ่าบาทก่อน และตามด้วยฝ่ายบุ๋น“ทูลฝ่าบาทปีนี้มีโรคระบาดหนัก ตอนนี้ตามไร่นา เต็มไปด้วยแมลง เกรงว่าถ้ายังควบคุมไม่ได้ปีนี้เสบียงในคลังเราคงจะเติมเข้าไปได้น้อยกว่าทุกปีพะยะค่ะ”“เป็นไปได้ยังไง เข้าสืบต้นตอที่มารึยัง”“พะย
“เดี๋ยวก่อนท่าน ข้ามีข้อตกลงจะเสนอท่าน”“ข้อตกลงอะไรของเจ้า”“ตอนนี้ข้าปลูกถั่วงอกและผักบุ้งขาย ปลูกแบบไร้ดิน รับรองถั่วงอกของข้า ขาวอวบ ทานง่าย กรอบอร่อยแน่นอน และไม่เหมือนของผู้ใดในต้าหลี่ ข้าขอรับประกัน”เจ้าของร้านสาวฟังเงียบ ๆ พลางสะบัดพัดโบกเข้าออกหาตัวไปมา เมื่อเห็นนางนิ่งฟังอี้หมิงจึงพูดต่อ” ข้าต้องการให้ท่านรับถั่วงอกและผักจากร้านค้ามาใช้ทำอาหารในร้านของเจ้า และข้าจะมาเต้นให้ท่านอาทิตย์ละ 2 ครั้ง โดยคิดค่าแรงแค่ครึ่งเดียว “” 4 ครั้ง “” ไม่ได้ ข้ามีงานอย่างอื่นต้องทำ “อี้หมิงปฏิเสธ” แล้ว ถ้าข้าไม่ตกลงล่ะ! “ฟางหลิวอวี๋หรี่ตามอง” ข้าก็จะไปเต้นระบำให้ร้านอื่นหนะสิ หึ” อี้หมิงแสร้งตอบอย่างไม่ง้อร้านนางฟางหลิวอวีี้ เมื่อได้ฟังอี้หมิงก็คิดตามทันที ถ้าปล่อยนางไปเต้นระบำแปลกใหม่นี้ให้ร้านอื่น ผู้คนต้องกรูกันไปร้านอื่นเป็นแน่ ไม่ได้ ๆ” อ่ะ ๆ ก็ได้ “” อ๋อ ข้าขอค่าแรงวันละ 50 อิแปะ ซึ่งวันนี้ข้าขอเบิกก่อน 200 อิแปะ (100 อิแปะ=1 ตำลึงเงิน) ถั่วงอกข้าขาย 1 จิน 5 อิแปะ ผักบุ้งก็เช่นกัน” อี้หมิงยื่นข้อเสนอ“โอ้วโห! แพงขนาดนั้นเชียว นี่มันแพงเกินไปวันนึงข้าใช้ของตั้งเท่าไหร่ ข้าจะได้ก
"แปะ แปะ ๆ นายท่ายทุกท่าน รบกวนเวลาสนุกของท่านสักครู่เจ้าค่ะ" ฟางหนิงอวี๋ยกมือเรียวขึ้นปรบเรียกความสนใจด้วยท่าทางที่งดงามและยั่วยวนอยู่ในทีเสียงปรบมือ และเสียงพูดเป็นเอกลักษณ์ที่ดังขึ้นที่ลานกลมกว้างกลางร้าน ทำให้ชายหนุ่มทั้งร้าน ทั้งหนุ่มน้อยใหญ่และคุณชายตะกูลดัง รวมไปถึงชายรูปงาม ชั้นบนของร้านให้หันมาสนใจนาง"วันนี้ข้ามีโชว์พิเศษจากสาวงามมาให้ทุกท่านได้ชมเจ้าค่ะ เชิญนายท่านสนุกสนานกับระบำจากสาวงาม และดื่มด่ำกับสุราชั้นเริศ และอาหารเริสรส ที่ท่านหาจากที่ใดไม่ได้แล้วในแคว้นต้าหลี่แห่งนี้ มีแค่..." นางซึ่งเป็นเจ้าของร้านกล่าว แล้วใช้พัดที่อยู่ในมือชี้ไปที่ป้ายร้านตัวใหญ่ "'สุขสมอารมณ์หมาย หอคณิกา' หอคณิกาของข้าเท่านั้น!""เพื่อไม่เป็นการรบกวนอารมณ์สุนทรีของนายท่านทั้งหลาย บัดนี้เชิญท่านทั้งหลายพบกับระบำโชว์จากสาวงามของเราได้เลยเจ้าค่ะ"พูดจบฟางหนิงอวี๋ ก็เดินนวยนาดขึ้นบันไดไปชั้นสองของหอคณิกาพร้อมกับนางคณิกาขึ้นชื่ออันดับหนึ่งของร้านนาง เพื่อกล่าวต้อนรับคุณชายที่เหมาชั้นบนทั้งชั้นของร้านนางด้วยตัวเองไม่นานเสียงบรรเลงดนตรีจากเครื่องสายอู่เจิง 21 สายก็บรรเลงขึ้นอย่างอ่อนหวาน ทำนองรัญ
สองสาวเกี่ยวแขนจับจูงกันเดินออกจากหอคณิกา มุ่งหน้าเข้าไปยังตลาดด้วยความร่าเริง "นี่เจ้าเฟิน เฟิน ห้ามเล่าให้ท่านแม่ข้าฟังเด็ดขาดนะ อู๋ไป๋ด้วย""ได้เลย เรื่องนี้รับรองข้าปิดปากเงียบ" เฟิน เฟิน รับปากอย่างหนักแน่นแล้วทำท่าปิดปาก"ดีมาก งั้นอ่ะ ข้าแบ่งให้ 10 อิแปะ เดี๋ยวที่เหลือข้าขอเอาไปซื้อของทำน้ำหมักก่อนนะ ถ้าขายได้เยอะเดี๋ยวข้าให้อีกเยอะๆ เลย" อี้หมิงล้วงเอาพวงเงินออกมาแกะแล้วเอาใส่มือสาวน้อยเฟิน เฟิน "พี่หมิงอี้ ข้าไม่เอา เงินนี้หนะพี่กว่าจะได้มา ไว้พี่รวยแล้วค่อยมาแบ่งให้ข้าก็ได้ เอาเงินนี่ไปซื้อของเถอะนะ"อี้หมิงมองสาวน้อยอย่างเอ็นดู แล้วคว้าเอานางเข้ามากอด"อื้อ รักตายเลย" อี้หมิงเอ็นดูในความน่ารักของนางเช่นน้องสาวคนนึง"พี่หมิงอี้ ปะปล่อยก่อน คนมองกันใหญ่แล้ว ฮ่า ฮ่า" เฟิน เฟิน ดันอี้หมิงออกห่างจากตัวอย่างชอบใจ"ป่ะ งั้นเราไปหาวัตถุดิบกัน ข้าต้องการ น้ำตาลทรายแดง พริงไทย เหล้า น้ำส้มสายชู และอืม น้ำมะพร้าว""งั้นตามข้ามานี่" เฟิน เฟิน ดึงอี้หมิงให้เดินตามนางเข้าตรอกแคบ ๆ มาหยุดลงยังร้านเก่าๆ ร้านหนึ่งที่สภาพแทบจะพังแหล่ไม่พังแหล่ ประตูร้านปิดสนิทเหมือนไม่มีคนอยู่ แทบมองไม่ออก
"แล้วนี่ กระสอบอะไรกันเล่า" อี้เฟินลงย่อลงแล้วเปิดปากกระสอบออก "เฮ้ย! พวกเจ้าไปเอาของพวกนี้มาจากที่ไหนกัน ของแพง ๆ ทั้งนั้น อย่าบอกนะว่าไปลักขโมยชาวบ้านเขามา โถ่ว! ข้าไม่เคยสอนเจ้าให้เป็นคนเช่นนี้เลย ต้องโทษข้า ข้ามันไม่ดี เจ้าไปขโมยของเขามาเจ้าของเขาก็เดือดร้อนนะหมิงอี้ เอาไปคืนเขาซะนะ เดี๋ยวข้าจะไปสำนึกผิดกับพวกเขาเอง โถ่ว!"อี้เฟิน ตีโพยตีพายไปใหญ่ จากของที่อยู่ในถุงกระสอบใหญ่ ราคาน่าจะหลายบาทอยู่ ซึ่งลูกสาวของนางคงมิมีปัญญาที่หาซื้อได้แน่ๆ นางจึงคิดว่าเป็นลูกสาวของนางไปขโมยมา"พอ พอ ท่านแม่ เจ้าหยุดแล้วฟังข้านะ" อี้หมิงที่เห็นผู้เป็นมารดาในยุคนี้พูดตีโพยตีพายไปก่อนก็ลุกขึ้นจับไหล่ของนางแล้วอธิบายช้า ๆ"ข้าไปขอของพวกนี้จากเถ้าแก่เขามาก่อน ข้าขายของได้ข้าก็จะคืนเขา ไม่เยอะๆ ราคาไม่แพงเท่าไหร่ ท่านสบายใจได้ข้าอี้ เอ้ย หมิงอี้ไม่เคยต้องลักขโมยของใครแน่นอน""จริงรึ" อี้เฟินถามย้ำอีกคราอย่างไม่นึกเชื่อ ใครกันให้ที่ให้วัตถุดิบเหล่านี้แก่ลูกสาวนางมาก่อน "อื้อ จริง ๆ ท่านเชื่อข้านะ ข้าไม่มีทางทำให้ท่านเสียใจแน่นอน" แต่ถ้าข้าบอกว่าไปเต้นที่หอคณิกามาเจ้าต้องตีข้าแน่ ๆ งั้นข้าขอไม่บอกแล้วกั
"หน่วยราดตะเวนเงาของเรารายงานว่า ถ้ำนอกเมืองที่ชายป่าติดวัดฉงเซิ้ง มีข้าวเปลือกน่าจะหลายร้อยตันทีเดียวซ่อนอยู่ภายในถ้ำ ปากถ้ำมีกลุ่มคนเฝ้าอยู่ตลอดเวลา"~ปึก!~ เสียงมือตบโต๊ะอย่างแค้นใจของเฉิงอี้ดังลั่น"ข้านึกอยู่แล้วเชียว มันเป็นใคร""ตอนนี้ข้าให้ทหารเงาเราสืบอยู่ คาดว่าไม่นานน่าจะพบว่ามันเป็นใคร""เรื่องนี้เห็นทีจะช้าไม่ได้ เป็นเช่นนางว่าบัดนี้ชาวเมืองเดือดร้อน ราคาข้าวสูงขึ้นทุกวัน เราต้องชิงลงมือก่อนที่พวกมันจะปล่อยข้าวทั้งหมดออกมาขาย""เจ้ามีแผนการรึ"เฉิงอี้นิ่งเงียบไปซักพักแล้วจึงนั่งลงที่ตั่งโต๊ะ ก่อนจะเอ่ยบอกจางหยางถึงแผนการที่วางไว้ในใจ"งานนี้เห็นทีหนามหยอกต้องเอาหนามบ่งแล้วล่ะ"เฉิงอี้กอดอกอย่างใช้ความคิด "จางหยางเจ้าให้คนสนิทเราไปปล่อยข่าวว่ามีพ่อค้าต่างเมือง แคว้นแถบทะเลทราย ต้องการข้าวจำนวนมาก มีเท่าไหร่รับซื้อหมดและยินดีให้ราคาสูงกว่าท้องตลาด เจ้าทำยังไงก็ได้ให้คนของเราปั่นราคาข้าวให้สูงขึ้นไปอีก""ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าจะเร่งให้พวกมันนำข้าวทั้งหมดออกมาขายให้เร็วขึ้นใช่รึไม่""ใช่! และเจ้าจงไปเตรียมข้าวในคลังส่วนหนึ่งไว้""ได้ ข้าจะเร่งไปจัดการให้""เจ้าประวิงเวลาไว้ซักสอ
เมื่อเห็นชายตรงหน้ายังเงียบ อี้หมิงจึงปฏิบัติการเกลี้ยกล่อมทันที ตอนนี้อยากได้เครื่องพ่น อยากขายน้ำหมัก อยากได้เงินเยอะๆ แต่ก็กลัวๆ เอาว่ะลองซักตั้ง!"ตอนนี้เจ้าทำอะไรมากไม่ได้แล้วล่ะ แมลงมันระบาดไปทั่วแล้ว เพราะงั้นเจ้าต้องเร่งทำถังพ่นนี้ให้กับข้า จะได้รีบช่วยชาวบ้านผ่อนหนักให้เป็นเบาได้"เงียบ! เฉิงอี้ยังคงเงียบรอฟังเสียงเจื้อยแจ้วของหญิงตรงหน้าต่อไป"อีกอย่างตอนนี้ข้าวแพงมากเจ้าก็เห็น ประชาชนเดือดร้อน บางคนแทบไม่มีข้าวสารกรอกหม้ออยู่แล้ว ถ้าเรากำจัดโรคระบาดนี้ได้นะ ราคาน่าจะลดลงมากโขทีเดียว"เฉิงอี้ค่อย ๆ คิดตาม ยังไงชาวเมืองหลี่ประชาชนของเขาต่างสำคัญอันดับหนึ่ง ข้อนี้เขาเกือบลืมนึกไป ต่อให้หญิงสาวตรงหน้าเป็นคนทำ แต่ตอนนี้คงตามน้ำไปก่อน เมื่อนางยับยั้งโรคระบาดนี้ได้ค่อยสังหารนางก็ยังไม่สาย "หึ"นึกแล้วใบหน้าหล่อเหลาของเฉิงอี้พลันแสยะยิ้มออกมา~พรึบ!~คิดได้ดังนั้นเฉิงอี้ก็ลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปที่ประตู"ตามมาสิ!" เยส! ปิดดิว! อี้หมิงอุทานในใจ"เดี๋ยว! มาแก้มัดให้ข้าก่อน!" อี้หมิงรีบตะโกนไล่หลัง~แอด~ "ปึก!" เมื่อประตูถูกเปิดจากด้านในทำให้จางหยางที่กำลังแอบฟังโดยแนบหูกลับประตูเสียห
"เจ้าต้องการอะไร!" อี้เฉินกอดอก กวาดสายตาดุจพญาเหยี่ยวมองมาที่ร่างบางที่นั่งอยู่"ข้าอยากได้ถังพ่นยา""จะเอาไปทำอะไร""ขะ ข้า จะเอาไปพ่นน้ำหมักหนะ จะไปพ่นฆ่าเจ้าแมลงที่ระบาดอยู่ตอนนี้ไง" ชายตรงหน้าทำให้อี้หมิงพูดตะกุกตะกัก น่าแปลกที่ชายคนนี้มีรังสีบางอย่างที่ไม่เหมือนคนทั่วไป รึเธอคิดไปเองกันนะ"เล่าต่อสิ" เฉิงอี้เริ่มสนใจในสิ่งที่นางเล่า"คือข้าขอพู่กันกับกระดาษ" อี้หมิงเรียกร้องขอกระดาษกับพู่กันเพื่อจะวาดสิ่งที่ตนต้องการ เฉิงอี้ยิ่งสนใจในตัวนางมากยิ่งขึ้น นางรู้หนังสือรึ น่าสนใจดีแฮะ!พรึบ! ตึก! กระดาษและแท่นหมึกพร้อมพู่กันโดนมือหนาคว้ามาวางลงตรงด้านหน้าหญิงสาว อี้หมิงไม่รอช้าลงมือใช้พู่กันขีดเขียน วาดไปมาทันทีภาพหญิงสาวร่างบอบบาง ใบหน้ารูปไข่เรียวเล็ก ผิวขาวต่างจากหญิงชาวบ้านทั่วไปแม้สวมใส่ชุดเก่า ๆ ธรรมดากลับบดบังความงามที่ซ่อนอยู่ของหญิงตรงหน้าไม่ได้ นี่ข้าชมนางรึ! หึ! ไม่มีทาง! เฉิงอี้สบัดศรีษะไปมาเบาๆ อย่างนึกขันตัวเอง"อ่ะ เสร็จแล้วล่ะ" อี้หมิงเลื่อนกระดาษไปตรงหน้าให้ชายหนุ่มได้ดูอะไรล่ะเนี่ย หน้าตาประหลาดจริง! "นี่คือ..หน้าตาประหลาดจริง" เฉิงอี้มองหน้านวลอย่างฉงน"ถังพ่น
~เปร่ง เปร่ง ตุบ ตุบ เปร่ง เปร่ง~ เสียนค้อนเหล็กตีกระทบเข้ากับแท่งเหล็กสีแดงที่วางพาดอยู่ ทั้งสามคนยืนมองเข้าไปในร้านตีดาบอย่างขลาดกลัว ในร้านมองเข้าไปมีแต่เหล่าชายฉกรรจ์ทั้งนั้น ~เปร่ง เปร่ง ตุบ ตุบ เปร่ง เปร่ง~"ท่าน ท่าน พี่ชาย พี่ชาย"'อึก! อี้หมิงกลืนน้ำลายกับกล้ามหน้าอกและกล้ามท้องที่บัดนี้มีเหงื่อไหลตามร่องลอนกล้ามลงมา ใบหน้าหล่อเหลามีเหงื่อผุดขึ้นจนผมเปียกลู่ลงมาปิดหน้าคมคาย หล่อมาก นี่เป็นดาราได้เลยนะเนี่ย อี้หมิงคิดในใจ อร้าย! หยุดคิดอี้หมิง'~เปร่ง เปร่ง เปร่ง~ ชายตรงหน้ายังก้มเงื้อมค้อนเหล็กต่อไปโดยไม่สนใจเสียงเรียกจากร่างบางซักนิด"ไอ้บ้า หยุดก่อน"อี้หมิงเมื่อเห็นว่าเรียกยังไงชายตรงหน้าก็ไม่มีท่าทีที่สนใจตนก็ตะโดฝกนขึ้นตุบ!"เฮ้ย" อี้หมิงกระโดดหลบค้อนเหล็กที่ถูกโยนลงพื้นเมื่อครู่ได้ผลชายหน้าตาหล่อเหลาที่เปลือยอกล่ำๆหน้าตาดูไม่เหมือนชาวบ้านทั่วไป และหน้าตาดูคุ้น ๆ ตาของอี้หมิงหยุดตีเหล็ก และทิ้งค้อนเหล็กลงพื้นก่อนที่จะมองหน้าเธอด้วยสายตาหงุดหงิดแล้วเดินอาด ๆ หายลับเข้าไปด้านหลังจางหยางเมื่อเห็นหญิงสาวก็จำนางได้ทันที หญิงงามชุดขาวที่ขายผักที่ท้ายตลาด นางมาทำอะไรที่นี
อี้หมิง และเฟิน เฟิน รวมถึงอู๋ไป๋ก็ไม่พลาดที่จะไปดูการไล่แมลงขององค์รัชทายาทเช่นกัน ~คุณหนูๆ เดินช้าๆ เดี๋ยวได้หกล้มหรอกเจ้าค่ะ~~ก็ข้ารีบไปหาไท่จื่อหนิ เจ้าก็เร็ว ๆ เข้าสิ~ เสียงพูดคุยของสองนายบ่าวดังขึ้นขณะที่กำลังเดินฝ่าเหล่าชาวบ้านเพื่อตรงเข้าไปหาองค์รัชทายาทที่นั่งอยู่ในซุ้มที่ทำขึ้นชั่วคราวเพื่อดูผลงานของตน "ถวายพระพรฝ่าบาท หลี่เม่ยวันนี้จะมาขอชื่มชมผลงานของฝ่าบาทด้วยเพคะ""อืม!" เฉิงอี้ครางรับในลำคอ สายตาคมยังทอดมองเหล่าทหารที่เริ่มลงไปในแปลงข้าวพร้อมถือที่จับแมลงที่ทำจากผ้าคนละอันตั้งเรียงแถวหน้ากระดานเพื่อรอคำสั่งให้ลงมือจากจางหยาง "น่าสนใจดีแฮะ ฮ่า ฮ่า" อี้หมิงอุทานออกมาเมื่อเห็นท่าทีของเหล่าทหารเสียงหัวเราะของอี้หมิง ทำให้ชาวบ้านที่อยู่ใกล้ไป เริ่มหันมามองแล้วต่อว่าเธอ~นางเป็นบ้าไปแล้วรึกะไร ยืนหัวเราะอยู่ได้~เฟิน เฟิน เมื่อได้ยินก็กระตุกแขนอี้หมิงให้เลิกหัวเราะซักที "พี่หมิงอี้ หยุดหัวเราะได้แล้ว ประเดี๋ยวทั้งหัวข้าและพี่ได้หลุดออกจากบ่ากันพอดี" เฟิน เฟิน ที่มองเห็นเหล่าทหารองครักษ์เริ่มหันมาจับจ้องที่พวกตนก็รีบกระซิบอี้หมิงทันทีเฮือก! อี้หมิงหันไปมองตามสายตาเฟิน เ
~กึก กึก กึก กึก ตึก กึก กึก กึก~~เสียงอะไรกันแต่เช้า เฮ้ยย!~~โห! นั่นทหารวังหนิ กำลังไปไหนกันหนะ~~เกิดศึกสงครามรึ เฮ้ย ข้าต้องเก็บของ ๆ เกิดศึกๆ~~นี่ๆ! หยุด! ศึกสงครามอะไรกัน ปากอัปมงคลจริงเชียว พวกเจ้าดูสิ ! ไม่มีคนไหนถือดาบเลยซักคน~~แฮะๆ จริงด้วย แล้วไม่ใช่ศึกสงครามแล้วจะเดินทัพไปที่ใดกันเล่า~ "หมิงอี้ ๆ มาดูนี่ๆ ตื่นมาดูนี่เร็ว" อี้เฟินรีบมาปลุกบุตรสาวให้ลุกขึ้นไปดูเหล่าทัพทหารที่กำลังเดินผ่านหมู่บ้านไป"อื้อ ดูอะไรรึ" อี้หมิงที่ยังสะลึมสะลือ หย่อนขาลงจากเตียงแล้วก้าวตามมารดาทั้งที่เปลือกตายังลืมไม่เต็มที่"เฮ้ย! ทหาร ทหารจริงๆ ทหาร!" อี้หมิงเมื่อลืมตาเห็นเหล่าทหารที่ใส่เกาะเดินขบวนอย่างพร้อมเพรียงเป็นแถวยาวมุ่งหน้าออกจากเมืองก็ตาโตทันที เหมือนในละครที่ดูเลยอ่ะ โห!"ใช่ๆ ทหารๆ " เฟิน เฟิน ที่ออกมาดูที่หน้าบ้านเช่นกันเดินเข้ามาหาอี้หมิง"พวกเขาไปไหนกัน มีสงครามหรอ" อี้หมิงหันไปถามมารดาอย่างใคร่รู้"ข้าว่าไม่น่าใช่นะ ดูแต่ละนายสิ ไม่มีหอกดาบเลย" ~ข้าได้ยินมาว่าไท่จื่อ เกณฑ์กำลังทหารของพระองค์มาช่วยไล่พวกเจ้าแมลงร้ายที่กำลังระบาดอยู่ตอนนี้หนะ ขอบคุณเทียนกงที่ส่งผู้มีบุญมาเกิดใ
"พี่หมิงอี้ท่านยิ้มอะไรกัน""ไม่มีอะไร ๆ ฮ่า ฮ่า " อี้หมิงที่ชอบใจกับเรตติ้งของตัวเองก็ยังหลุดหัวเราะออกมาไม่หยุด "อ่ะนี่! เงินเจ้า แหม๋ สาวน้อยเจ้าช่างเป็นที่ชมชอบของชายเมืองหลี่จริงเชียวดูสิ วุ่นวายข้าต้องออกไปจัดการอีกแล้ว"ฟางหนิงอวี๋วางเงินลงบนฝ่ามือบางแล้วพูดเสียงสะบัดหยอกเย้าอี้หมิงอย่างหมั่นไส้ในความนิยมของนาง ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตั้งแต่เด็กสาวมาเต้นระบำให้ร้านนาง กำไรของร้านก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ผู้คนหลั่งไหลเข้ามากินดื่มในร้านของนางจำนวนมากและยิ่งไม่ต้องพูดถึงวันที่มีสาวน้อยตรงหน้ามาแสดงเต้นระบำทำเอาร้านนางแทบแตกเลยทีเดียว "พ่อบ้านจาง เร็วเข้า ๆ นั่น ๆ ปีนโต๊ะร้านข้าแล้ว เร็วๆ""อะเอ่อ นายท่านทั้งหลายๆ ใจเย็น ๆนะ สาวงามของข้าเต้นระบำได้เพียงวันละรอบเท่านั้นจ๊ะ พวกท่านใจเย็นๆ นะอ่ะ อ่ะ ลงจากโต๊ะข้าก่อนนายท่าน"~ทำไมกัน ข้ายินดีจ่าย จะเอาเท่าไหร่ก็ว่ามา!~~ข้าด้วย ข้าด้วย~"เอ่อ ใจเย็นๆ นะนายท่าน ท่านรอรอบหน้าเถอะนะ ไม่งั้นถ้าท่านยังเป็นเช่นนี้นางจะไม่มาเต้นระบำให้พวกท่านดูอีกเป็นแน่ นางค่อนข้างขี้กลัวเสียงดังนะ!" ฟางหนิงอวี๋ใช้พัดสวยป้องกระซิบพูดปดกับชายหนุ่มในร้าน ~จริงหรอ
~!ฝ่าบาท~กง กง ขันขีใกล้ชิตฮ่องเต้วิ่งกุลีกุจอตรวเข้ามาหาพระองค์ที่กำลังชมความงามของดอกบัวที่กำลังอวดกันเบ่งบานทั่วทั้งสระกลางตำหนักอี๋เหอ"อ้าวกงกง เจ้ารีบร้อนมาเข้ามาเช่นนี้มีเรื่องอันใดกันเล่า""ทูลฝ่าบาท ตอนนี้นายอำเภอและขุนนางฝ่ายบุ๋นเข้ามาขอเข้าเฝ้าด่วน โรคระบาดตอนนี้ควบคุมไม่ได้แล้วพะยะค่ะ""เป็นเช่นนั้ไปนรึ! ไป ไป เห็นทีครานี้แคว้นเราจะไม่สงบอีกต่อไปสินะ""ฝ่าบาทค่อย ๆ เดินเพคะ ระวัง ๆ เพคะ" "ไปตามไท่จื่อมาด้วย ให้มาหารือด้วยกัน""พะยะค่ะ""เป่าหนิง เจ้าจงเร่งไปตามไท่จื่อมาเร็วเข้า"กงกงเมื่อได้รับคำสั่งก็รีบสั่งเป่าหนิงรองขันทีให้รีบไปยังตำหนักบูรพาของรัชทายาททันทีไม่นานก็ปรากฏร่างองอาจของรัชทายาทหนุ่มเดินอย่างองอาจ เข้ามาแล้วนั่งประจำที่ข้างฮ่องเต้ผู้เป็นบิดา "เฉินอ๋องล่ะ""องค์ชายไม่อยู่ตำหนักพะยะค่ะ นางกำนัลรายงานว่าออกไปธุระนอกเมือง"กงกงรายงานก้มหน้างุด เหงื่อเม็ดเล็กๆ มีผุดซึมขึ้นที่หน้าแต่ก็ไม่กล้ายกผ้าขึ้นมาเช็ด"ดีจริง ๆ เฉินอ๋อง ยามข้าต้องการตัวกลับหายไปทำธุระนอกเมือง! เอ้า ว่ามาพวกเจ้ามีเรื่องอันใด""เรียนฝ่าบาท สองสามวันมานี้จวนของกระหม่อมมีชาวเมืองมาตีกลองร้
ผ่านไปไม่นานอี้เฟินก็ให้คนงานชายกลิ้งโอ่งที่ล้างทำความสะอาดเสร็จแล้วมาให้อี้หมิง"ระวังๆ ค่อย ๆ กลิ้ง อย่างนั้นแหละ อ่ะวางตรงนี้ๆ พี่หมิงอี้โอ่งได้แล้วจ๊ะ""ดีเลยข้าจะผสมน้ำหมักแล้วนะ" อี้หมิงพับแขนเสื้อของนางขึ้น ใช้ปิ่นรวบปักผมเป็นมวยเรียบร้อย ส่วนนิ้วมือเรียวเกี่ยวเอาปอยผมที่ตกลงมาคลอเคลียที่ใบหน้างามเกี่ยวทัดไว้ที่ใบหู'สาธุ ทีกงขอให้น้ำหมักของหนูสำเร็จทีเถอะ' อี้หมิงภาวนาเอาฤกษ์เอาชัยในใจ"มา! มาเริ่มกัน"อี้หมิงเริ่มจากการเทน้ำตาลทรายแดงลงไปก่อน จากนั้นใช้กระบวยตักน้ำมะพร้าวเทลงไป ตามด้วยน้ำส้มสายชู และเทเหล้าลงไปผสม มือเรียวจับไม้พายคนผสมให้ส่วนผสมที่ใส่ลงไปเข้ากัน เมื่อเห็นว่าเข้ากันดีแล้วอี้หมิงจึงใส่พริกไทยที่ผ่านการโขลกละเอียดเรียบร้อยแล้วลงไปเป็นส่วนผสมสุดท้าย คนผสมให้เข้ากันอีกรอบ แล้วปิดฝาโอ่งไว้"เสร็จแล้วเหลือรอแค่เวลาแล้วหล่ะ"อี้หมิงปัดมือไปมาเมื่อการผสมน้ำหมักจบลง ทีนี้ก็แค่รอให้ครบ 7 วันแล้วมาดูกันว่าน้ำหมักนี้ของเธอจะใช้ได้รึไม่"หมิงอี้เสร็จแล้วหรอ" อู๋ไป๋ยื่นหน้าเข้าไปมองใกล้ ๆ "เสร็จแล้วหล่ะ" เมื่อหมักน้ำหมักเสร็จเรียบร้อย อี้หมิงก็เดินไปดูอุปกรณ์ที่จะเตรียมเ