Share

บทที่ 3

Author: หานชวน
อันยีเซี่ยเจ็บปวดอย่างรุนแรง เธอใช้มือขวากุมหน้าอกไว้แน่นและรู้สึกหายใจไม่ออกอยู่พักหนึ่ง

ในที่สุด เซิ่งซืออวี้ก็สังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ และรีบวิ่งไปข้างหน้า "เซี่ยเซี่ย เป็นอะไรไป"

ความกังวลในดวงตาของเขาไม่ได้ดูเหมือนเสแสร้ง เหมือนกับว่าถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ เขาจะไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อด้วย

แต่คนที่รักเธอสุดหัวใจนั้นกลับปิดบังเรื่องมากมายจากเธอ

เธอพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเอง "ไม่ได่เป็นอะไร... เมื่อกี้แค่หายใจไม่ออกอยู่นิดหน่อย"

เซิ่งซืออวี้รีบช่วยเธอนวดหน้าอกทันที และหลังจากยืนยันว่าเธอไม่ได้เป็นอะไรก็รีบส่งเธอกลับไปพักผ่อน

ระหว่างทางกลับบ้าน เขาพยายามเล่าเรื่องที่ตลกเพื่อให้ฟัง เพื่อให้เะอมีความสุข

แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามมากแค่ไหน แต่เธอก็ไม่สามารถมีความสุขได้สักที

อันยีเซี่ยพิงหน้าต่างรถ มองทิวทัศน์ด้านนอกหน้าต่างอย่างเงียบๆ ด้วยสีหน้านิ่งเฉย

"เซี่ยเซี่ย มีตรงไหนที่ผมทำไม่ดีหรือเปล่า" เขาถามอย่างหยั่งเชิง

"เปล่า" ในที่สุดเธอก็เอ่ยปากพูด "ฉันแค่กำลังคิดถึงละครทีวีที่ฉันดูในวันนี้"

เซิ่งซืออวี้ถอนหายใจด้วยความโล่งอกในทันทีทันใด และถามต่อไปด้วยรอยยิ้มว่า "ละครอะไรเหรอ"

เมื่อได้ยินเช่นนั้น อันยีเซี่ยก็ค่อยๆ หันหน้าไปมองเซิ่งซืออวี้

"พระเอกเคยรักนางเอกมาก แต่ต่อมาเขาก็นอกใจ และยังปิกปิดนางเอกตลอด..."

เธอจ้องมองใบหน้าของเขาอย่างเงียบๆ โดยตั้งใจสังเกตสีหน้าของเขา ก่อนถามอย่างเรียบเฉยว่า "เซิ่งซืออวี้ ถ้าวันหนึ่งคุณไม่ชอบฉัน..."

"ไม่แน่นอน!"

พูดไปได้ครึ่งทาง เซิ่งซืออวี้ก็ขัดจังหวะอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าเขาไม่สามารถยอมรับการสมมุตินี้ "เซี่ยเซี่ย คนที่ผมรักมากที่สุดในชีวิตก็คือคุณ แม้ว่าผู้ชายทุกคนในโลกจะทรยศคู่รักตัวเอง แต่ผมจะไม่มีทางทำแบบนั้น ผมขาดคุณไม่ได้"

แต่อันยีเซี่ยเพียงรู้สึกเจ็บแปลบในใจเท่านั้น

เขาขาดเธอไม่ได้ แต่เขาก็ยังไปแตะต้องผู้หญิงอื่นในข้างนอก...

ขณะที่เธอกำลังจะพูดนั้น โทรศัพท์มือถือของเซิ่งซืออวี้ก็ดังขึ้น

เขาลังเลอยู่พักหนึ่งก่อนจะตัดสาย อันยีเซี่ยผลักเขาออกไปแล้วพูดว่า "รับเถอะ"

เซิ่งซืออวี้จึงรับสาย ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายได้พูดอะไรไป สีหน้าของเขาเปลี่ยนจากนิ่งเฉยกลายเป็นประหม่า ดูผิดปกติมาก

ทันใดนั้น เขาก็กลืนน้ำลายก่อนวางสายโทรศัพท์แล้วมองไปที่อันยีเซี่ย

"เซี่ยเซี่ย ทางบริษัทมีงานด่วน ผมต้องรีบไป เดี๋ยวผมเรียกแท็กซี่ส่งคุณกลับได้ไหม"

อันยีเซี่ยไม่ได้พูดอะไร แค่พยักหน้าแล้วลงจากรถ

หลังจากมองดูรถมายบัคของเซิ่งซืออวี้จากไปอย่างนั้น เธอก็ขึ้นแท็กซี่ แต่แทนที่จะกลับไปที่วิลล่า เธอกลับพูดว่า

"รบกวนตามรถคันข้างหน้าให้ด้วย"

คนขับไม่ได้ถามอะไร สตาร์ทรถแล้วตามหลังไปอย่างพอสมควร

จนรถคันหน้ามาจอดอยู่ที่หน้าวิลล่าหลังหนึ่ง

ไม่ไกลนัก หญิงสาวในชุดกระต่ายก็เปิดประตู เมื่อเห็นชายคนนั้นลงจากรถ หญิงสาวก็ยิ้มทันทีพลางเหวี่ยงตัวเข้าไปในอ้อมแขนของเขา

หญิงสาวคนนั้นคือหลินจิน และผู้ชายคนนั้นก็คือเซิ่งซืออวี้

ทันทีที่พวกเขากอดกัน ทั้งสองก็แทบจะรอไม่ไหวที่จะจูบกัน

หลังจากที่ริมฝีปากทั้งสองประกบกันเป็นเวลานาน จากนั้นหลินจินถึงแยกตัวออกจาก เซิ่งซืออวี้ด้วยหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนดึงเนคไทของเขาพร้อมรอยยิ้ม "คุณพี่ กระต่ายตัวน้อยยังเตรียมของขวัญน่าทึ่งให้คุณด้วย คุณอยากเห็นมันไหมคะ"

ขณะที่เธอพูดนั้น ปลายนิ้วของเธอก็แตะลูกกระเดือกของเขาเบาๆ

ลูกกระเดือกของเซิ่งซืออวี้ ขึ้นลงไปหลายครั้ง เขาจับมือของหลินจินแน่น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความปรารถนา "ปกติต้องใช้เวลาเดินทางสามสิบนาที แต่ผมเร้งให้จนใช้เวลาแค่สิบห้านาทีเอง หนูน้อยเอ๊ย คุณว่าผมอยากเห็นไหมล่ะ"

หลินจินยิ้มเบาๆ แล้วเกี่ยวนิ้วเรียวยาวของเขาพลางเดินไปที่รถ "ไปดูในรถสิ"

หลังจากที่ทั้งสองขึ้นรถแล้ว ไม่นานนั้นรถก็มีการเคลื่อนไหวเล็กน้อย

จากนั้น แอมพลิจูดของการเคลื่อนไหวก็มากขึ้นเรื่อยๆ...

ไม่มีใครรู้ว่าอันยีเซี่ยกำลังดูฉากนี้อยู่ในรถซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก

ทั้งๆ ที่เธอไม่มีความรู้สึกใดๆ กับเขาแล้ว แต่เมื่อเห็นฉากนี้กับตาจริงๆ กลับรู้สึกเจ็บปวดใจขนาดนี้

มันเหมือนกับตะขอแหลมคมที่จู่ๆ ก็เจาะเข้าในหัวใจของเธอ เธอกดหัวใจอย่างแรง หายใจเฮือกใหญ่และหลั่งน้ำตาเม็ดใหญ่ด้วย

เมื่อก่อนที่พวกเขาเพิ่งคบกัน เซิ่งซืออวี้ก็ทะนุถนอมเธอเสมอ แม้ว่าเกิดอารมณ์ขึ้นมานั้น เขาก็จะพยายามอดทนอดกลั้นเอาไว้ และไม่ยอมที่จะแตะต้องเธอ

เขาบอกว่าครั้งแรกมันสำคัญมากและควรเก็บไว้จนถึงคืนแต่งงานถึงจะสมบูรณ์แบบ

หลังจากตามจีบมาสามปี และคบกันมาสามปี ในที่สุดก็มาถึงคืนวันแต่งงาน

คืนนั้น เซิ่งซืออวี้ ซึ่งเป็นคนใหญ่โตในแวดวงธุรกิจกลับรู้สึกประหม่าเป็นอย่างมาก ทันทีที่เขาถอดเสื้อผ้าของเธอออก ปลายหูของเขาก็กลายเป็นสีแดงหมด

เขาให้ความสำคัญกับเธออย่างมาก และใส่ใจกับความรู้สึกของเธอในทุกการกระทำ ทันทีที่เขาครอบครองเธอ เขาก็ร้องไห้ด้วยความตื่นเต้น

เขากระซิบข้างหูเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า "เซี่ยเซี่ย ในที่สุดคุณก็เป็นคนของผมแล้ว ผมรักคุณ ผมจะรักคุณตลอดไป"

ในเวลานั้น เธอรู้สึกถึงความรักจริงๆ เธอคิดว่า ในชีวิตนี้อาจจะไม่มีใครรักเธอมากไปกว่าเซิ่งซืออวี้อีกเลย

เซิ่งซืออวี้รักอันยีเซี่ยเท่านั้น

นี่คือคำพูดที่เขาพูดกับปาก

แต่ตอนนี้ล่ะ เขาเองเป็นคนที่ผิดคำสาบานก่อน

เมื่อเห็นเธอร้องไห้แบบนี้ คนขับผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้านั้นก็ถอนหายใจลึกๆ ก่อนยื่นกระดาษทิชชูให้เธอ

"ผู้ชายก็เป็นแบบนี้หมดแหละ ไม่มีใครไม่นอกใจหรอก ฉันก็เป็นเช่นนั้นด้วย เพราะมีลูกแล้วเลยไม่กล้าหย่า..."

เมื่อเธอพูดถึงเรื่องเศร้าของตัวเอง น้ำเสียงของเธอก็สำลักด้วยเสียงสะอื้น หลังจากหยุดไปสักพักแล้วพูดต่อ

"น้องเอ๊ย อย่าเสียใจไปเลย ไหนๆ ก็แต่งงานกันแล้ว อดทนหน่อยเถอะ ยกโทษให้เขาสักครั้ง ทำเป็นไม่รู้เรื่องเลย"

อันยีเซี่ยจับทิชชู่ในมือแน่น แล้วพูดเสียงแหบแห้งแต่เด็ดเดี่ยวอย่างยิ่ง

"ไม่ ฉันจะไม่ยกโทษให้"

เซิ่งซืออวี้ ฉันจะไม่มีวันให้อภัยคุณ

หลังจากกลับมาถึงบ้าน เธอก็ค้นของต่างๆ และจัดเรียงของขวัญทั้งหมดที่เซิ่งซืออวี้มอบให้เธอในอดีต

รวมถึง [รักเซี่ย] อันล้ำค่าด้วย

เธอโทรศัพท์ไป

"ใช่ตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ไหมคะ ฉันอยากจะขายของทั้งหมดนี้ และบริจาคเงินทั้งหมดให้กับมูลนิธิสตรีเพื่อช่วยเหลือผู้หญิงที่ต้องการหย่าร้างแต่ทำไม่ได้เพราะเรื่องลูกหรือการเงินค่ะ"

เธอใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงในการจัดส่งของพวกนี้ทั้งหมด

จากนั้นเธอก็เริ่มจัดเก็บสัมภาระของตนเอง

หลังจากจัดเก็บได้ครึ่งทาง จู่ๆ เซิ่งซืออวี้ก็กลับมา

เขากลับมาในท่ามกลางสายฝนโดยไม่ได้ถือร่ม และร่างกายของเขาก็เต็มไปด้วยความเย็นชื้น เขาไม่ทันจะเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่รีบไปหาเธออย่างประหม่าพลางพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเทาว่า

"เซี่ยเซี่ย ทำไมคุณถึงขาย [รักเซี่ย] ออกล่ะ"

Kaugnay na kabanata

  • หน้าหนาวไร้ไออุ่น   บทที่ 4

    [รักเซี่ย] มีมูลค่าไม่น้อย หากต้องการขาย วิธีเดียวที่จะนำมันไปขายก็คือเอไปประมูลเพราะฉะนั้นเซิ่งซืออวี้ได้เห็น [รักเซี่ย] ปรากฏตัวที่ร้านประมูลเหรอ?เธอไม่ได้ตอบคำถามของเขา แต่ถามกลับไปว่า "คุณไปร้านประมูลมาเหรอ"เซิ่งซืออวี้อึ้งไป จากนั้นแสดงสีหน้าผิดปกติเล็กน้อย เมื่อผ่านไปหลายวินาที เขาถึงตอบว่า "ผมอยากจะไปซื้อเครื่องประดับให้คุณไง"จะซื้อให้เธอหรือให้หลินจินกันแน่...หลินจินได้เตรียมเซอร์ไพรส์ชิ้นใหญ่ไว้ให้เขา ดังนั้นเขาจึงต้องมอบอะไรตอบแทนเธอสิท่าอันยีเซี่ยควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้แล้ว และพูดด้วยน้ำเสียงสงบว่า "ฉันไม่ได้ขาย แต่ฉันบริจาคมัน"เมื่อได้ยินดังนั้น เซิ่งซืออวี้ก็กุมมือของเธอไว้อย่างจนใจ "เซี่ยเซี่ย ผมรู้ว่าคุณใจดี แต่ถ้าคุณต้องการบริจาค คุณสามารถใช้สิ่งอื่นได้ มีเพียงของชิ้นนี้จะบริจาคไม่ได้นะ"หลังจากพูดจบ เขาก็หยิบกล่องออกมาจากอ้อมแขนแล้ววางไว้ตรงหน้าอันยีเซี่ยกล่องกำมะหยี่สีดำถูกเปิดออก และมันก็คือ [รักเซี่ย] นั่นเองความแวววาวที่โดดเด่นของเครื่องประดับนั้นยังคงดีเหมือนเดิม"ผมซื้อมันกลับมาอีกแล้ว รักเซี่ยคือเครื่องพิสูจน์ความรักของผมที่มีต่อคุณ ไม่ว่าเม

  • หน้าหนาวไร้ไออุ่น   บทที่ 5

    ทว่าอันยีเซี่ยยังคงเงียบตลอด และหลังจากอยู่เป็นเพื่อนเขามาพักหนึ่งก็ไม่อยากเล่นละครกับเขาอีกเลย"มันดึกแล้ว ฉันขอตัวไปก่อนล่ะ"เซิ่งซืออวี้ก็ยืนขึ้นเพื่อจะจากไป แต่เพื่อนๆ หลายคนก็รีบห้ามเขาไว้"พี่ยีเซี่ยมีสุขภาพไม่ดีเลยต้องพักผ่อนเยอะๆ พวกเราพี่น้องไม่ได้เจอกันมานานแล้ว คุณจะไปไหนไม่ได้นะ!""ใช่ ปล่อยให้พี่ยีเซี่ยกลับไปพักผ่อนเถอะ คุณอยู่เป็นเพื่อนเรา เรามาสนุกกันหน่อยนะ"อันยีเซี่ยดึงมือที่ถูกเซิ่งซืออวี้จับไว้ แล้วพูดช้าๆ ว่า "คนขับรถจะพาฉันกลับ คุณอยู่ต่อได้เลย"ทันทีที่เธอพูดจบก็หันหลังจากไปเธอเดินออกไปอย่างเร็วมากถึงขั้นเซิ่งซืออวี้ยังไม่ทันจะปฏิเสธแต่อย่างใดไม่นานหลังจากที่รถขับออกไป อันยีเซี่ยก็สัมผัสถึงโทรศัพท์มือถือที่ไม่ได้เป็นของเธอในแจ็กเก็ตเปลือกสีดำ เป็นของเซิ่งซืออวี้เธอขมวดคิ้วและสั่งให้คนขับกลับรถทันทีที่รถจอดอยู่ด้านนอกบาร์ อันยีเซี่ยก็เห็นหลินจินลงจากรถแท็กซี่คันหนึ่งเธอคอยเช็คดูการแต่งหน้าของตัวเองครั้งแล้วครั้งอีก จากนั้นก็เดินทางไปห้องวีไอพีอันยีเซี่ยกำโทรศัพท์ในมือของเธอโดยไม่รู้ตัวและเดินตามหลินจินไปก็ตามอย่างที่คาดไว้เธอหยุดอยู่ในห้องวีไ

  • หน้าหนาวไร้ไออุ่น   บทที่ 6

    หลังจากกลับบ้าน อันยีเซี่ยก็เกิดไข้สูงซึ่งไม่ลดสักทีเซิ่งซืออวี้กลับบ้านอย่างเมามาย และเมื่อเห็นเธอหมดสติด้วยแก้มแดงก่ำ และจู่ๆ ก็ตื่นตระหนกเขารีบอุ้มเธอขึ้นมาและพาเธอไปโรงพยาบาลเมื่อรู้สึกตัวอีกที อันยีเซี่ยขยับเปลือกตาหนักๆ ของเธอ และในที่สุดก็ลืมตาขึ้นด้วยความยากลำบากเมื่อเห็นเธอตื่นขึ้นมา นางพยาบาลที่กำลังเปลี่ยนยาให้นั้นก็ดีใจมาก "คุณนายเซิ่ง ในที่สุดคุณก็ตื่นแล้ว คุณตัวร้อนมาทั้งวันทั้งคืน คุณเซิ่งกังวลมากจนต้องเฝ้าอยู่หน้าเตียงตลอด จนกระทั่งเมื่อกี้ได้รับโทรศัพท์สายหนึ่งเลยออกไป จะให้ฉันไปเรียกเขาไหม ถ้าเขารู้ว่าคุณตื่นแล้วจะต้องดีใจมากแน่ๆ"อันยีเซี่ยส่ายหัวแล้วพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง "ไม่ต้อง"พยาบาลไม่ได้พูดอะไรหลังจากได้ยินดังนั้น เธอจึงเปลี่ยนยาให้เสร็จแล้วก็จากไปอย่างเคารพทันใดนั้นห้องผู้ป่วยขนาดใหญ่ก็เงียบลง เงียบมากจนอันยีเซี่ยสามารถได้ยินเสียงโทรของเซิ่งซืออวี้ที่อยู่ข้างนอกด้วยซ้ำเขาเป็นคนเงียบอยู่เสมอ เขาจะสูญเสียการควบคุมก็ต่อเมื่ออยู่ต่อหน้าเธอเท่านั้นแต่ตอนนี้ เสียงของเขาในโทรศัพท์เต็มไปด้วยความสุขและความตื่นเต้นหลังจากนั้นไม่นาน เสียงฝีเท้าก็ห่างไ

  • หน้าหนาวไร้ไออุ่น   บทที่ 7

    "เปล่า"อันยีเซี่ยมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยตาแดงก่ำวินาทีต่อมา ดอกไม้ไฟจำนวนนับไม่ถ้วนก็เบ่งบานท่ามกลางท้องฟ้านอกหน้าต่าง ซึ่งมันงดงามมากอันยีเซี่ยนึกถึงสิ่งที่หลินจินพูดในกลางวัน โดยบอกว่าเซิ่งซืออวี้จะจุดพลุดอกไม้ไฟทั้งเมืองเพื่อเธอในคืนนี้เมื่อเห็นเธอมองดูดอกไม้ไฟข้างนอกอย่างเหม่อลอย ดวงตาของเซิ่งซืออวี้เต็มไปด้วยความรัก "ชอบดูดอกไม้ไฟเหรอ งั้นผมจะจัดดอกไม้ไฟให้กับคุณด้วย ต้องยิ่งใหญ่กว่านี้อีก เอาไหม?"เซิ่งซืออวี้กอดเธอไว้แน่นพลางเล้าโลมเบาๆอันยีเซี่ยยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นแฝงไปด้วยความขมขื่นพร้อมน้ำตาด้วย"เซิ่งซืออวี้ ฉันไม่ชอบของที่คนอื่นใช้ไปแล้ว"ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้ไฟหรือผู้คนก็ตาม-ทั้งๆ ที่รู้ว่าเธอกำลังพูดถึงดอกไม้ไฟ ทว่าเขากลับใจเต้นแรงขึ้น และจู่ๆ เขาก็เกิดอาการตื่นตระหนกอย่างอธิบายไม่ถูกหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็กอดเธอแน่นขึ้นกว่าเดิม"งั้นผมจะเตรียมเซอร์ไพรส์อื่นๆ ให้กับคุณ จะไม่ทำให้คุณต้องไปอิจฉาผู้หญิงคนอื่น"อันยีเซี่ยเงียบ แค่มองไปในระยะไกลอย่างเงียบๆ โดยไม่ตอบหลายวันต่อมา เซิ่งซืออวี้ออกไปแต่เช้าแล้วกลับดึกๆ มีท่าทางลึกลับมากแม้แต่คนรับใช้ก็สัง

  • หน้าหนาวไร้ไออุ่น   บทที่ 8

    ในวันแรก เมื่อหลินจินส่งรูปถ่ายที่เซิ่งซืออวี้ปอกเปลือกกุ้งให้เธอ ส่วนอันยีเซี่ยก็เตรียมเตาอั้งโล่และเผารูปถ่ายทั้งหมดที่ถ่ายกับเซิ่งซืออวี้วันรุ่งขึ้น หลินจินส่งรูปถ่ายที่เซิ่งซืออวี้จูบกับเธอในใต้ต้นมะเดื่อ ส่วนอันยีเซี่ยก็จ้างคนงานมาโค่นต้นเชอร์รี่ที่เขาปลูกในสวนหลังบ้านทีละต้นในวันที่สาม หลินจินส่งชุดคำสารภาพที่เซิ่งซืออวี้พูดในห้องถ่ายทอดสดของเธอ ส่วนอันยีเซี่ยตามหาจดหมายรักหลายร้อยฉบับที่เซิ่งซืออวี้เขียนถึงเธอในอดีตจดหมายรักกลายเป็นสีเหลืองเมื่อเวลาผ่านไป แต่ลายมือบนจดหมายยังคงชัดเจนอยู่เธอสัมผัสข้อความที่เขียนไว้ด้านบนนั้น จากนั้นเธอก็โยนจดหมายแต่ละฉบับลงในเครื่องทำลายเอกสารอย่างไร้ความรู้สึก……ยามเช้าในวันนี้เธอจะออกเดินทางอันยีเซี่ยเพิ่งลืมตาขึ้นและเห็นเซิ่งซืออวี้ที่ไม่ได้กลับมาเป็นเวลานานซึ่งยืนอยู่หน้าเตียงเขายืนอยู่หน้าเตียงโดยถือโทรศัพท์มือถือของเธอไว้ในมือ เมื่อเขาเห็นเธอตื่นขึ้นมา ก็ทำหน้าไม่สู้ดีนัก"เซี่ยเซี่ย ข้อความส่งมาที่โทรศัพท์ของคุณบอกว่าคุณยกเลิกสำเร็จ คุณกำลังยกเลิกอะไรเหรอ"เมื่อได้ยินเช่นนั้น หัวใจของอันยีเซี่ยก็เต้นรัวเธอรีบหยิบโทรศัพท์

  • หน้าหนาวไร้ไออุ่น   บทที่ 9

    อันยีเซี่ยนำใบรับรองประจำตัวชั่วคราวแล้วรีบไปสนามบินทันทีที่เครื่องบินขึ้น ทุกอย่างก็จบลงหลังจากลงเครื่องที่ประเทศ F เธอก็ได้มีตัวตนใหม่ในฐานะเจ้าของที่พักตามแนวชายฝั่งของประเทศ Fอย่างไรก็ตาม ในเวลาเดียวกัน เซิ่งซืออวี้ที่อยู่ในเมืองจิงนั้นก็แทบเป็นบ้าแล้วเวลาย้อนกลับไปไม่กี่ชั่วโมงก่อนหลังจากส่งหลินจินกลับบ้านแล้ว เธอก็ยังคงรั้งเขาเอาไว้ไม่ยอมปล่อย"ซืออวี้ ไหนๆ ก็มาที่นี่แล้ว ไม่ขึ้นไปนั่งสักพักเหรอ"ขณะที่เธอพูดก็วาดวงกลมคลุมเครือสองสามวงในมือของเขาเซิ่งซืออวี้รู้สึกลังเลเล็กน้อย ไม่รู้เพราะเหตุใด เขาเกิดความตื่นตระหนกอย่างอธิบายไม่ถูก"ไม่ขึ้นไปแล้ว คุณเข้าบ้านเถอะ ผมต้องการกลับไปอยู่กับเซี่ยเซี่ย"เขาผลักมือของหลินจิน และนึกถึงสิ่งที่เขาสัญญาไว้กับอันยีเซี่ยในเมื่อกี้นี้เขาไม่ได้อยู่เป็นเพื่อนเธอมานานแล้ว ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่พอใจเอาเมื่อนึกถึงประเด็นนี้ มุมปากของเซิ่งซืออวี้ก็ยกขึ้นพร้อมกับความสุขหลินจินกอดเอวของเขาอีกครั้งแล้วพูดว่า "ซืออวี้ คุณไม่อยากเห็นฉันใส่ชุดนั้นเหรอ? ไหนๆ ก็มาแล้ว ครั้งนี้ไม่ดู ก็จะไม่มีโอกาสหน้าแล้วนะ"มือของเธอยังคงล้วงเข้าไปในเสื้

  • หน้าหนาวไร้ไออุ่น   บทที่ 10

    "แล้วพวก...พวกแกรู้ไหมว่าเซี่ยเซี่ยไปไหน? เธอออกจากบ้านเมื่อไหร่กัน?"เซิ่งซืออวี้เลียริมฝีปากที่แห้งของเขาโดยไม่รู้ตัว เสียงแหบแห้งเล็กน้อยคนรับใช้ต่างก็ส่ายหัว "คุณผู้ชาย คุณนายออกไปพร้อมกับกระเป๋าเดินทางแต่เช้า และเราก็ไม่รู้เรื่องด้วยค่ะ"ออกจากบ้านงั้นเรหอ เธอจะไปที่ไหนได้อีกล่ะ?จิตใจของเขาว่างเปล่าอยู่พักหนึ่ง และพยายามคิดยังไงก็คิดไม่ออกว่าเธอจะไปที่ไหนได้อีกพ่อและแม่ของอันยีเซี่ยได้หย่ากันแล้วต่างมีครอบครัวของตัวเองตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว อันยีเซี่ยไม่มีทางไปหาพวกเขาเขาได้แต่หวังกับเพื่อนของอันยีเซี่ยเท่านั้น"ฮัลโหล ผมเซิ่งซืออวี้เอง ไม่ทราบว่าเซี่ยเซี่ยอยู่กับคุณหรือเปล่า""อะไรนะ คุณกำลังพูดไร้สาระอะไร เซี่ยเซี่ยมาอยู่กับฉันได้อย่างไร"การสนทนาเช่นนี้เกิดขึ้นนับครั้งไม่ถ้วนแม้แต่เพื่อนของเซิ่งซืออวี้เองก็ถามไปแล้ว แต่ไม่มีใครรู้ว่าอันยีเซี่ยอยู่ที่ไหนความรู้สึกสิ้นหวังอย่างถึงที่สุดก็กลืนกินเขาครั้งแล้วครั้งเล่าดูเหมือนเขาจะย้อนเวลากลับไปยามที่เขาไม่มีอันยีเซี่ยอยู่ข้างๆเธอคือสุดที่รักของเขาในชีวิตของเขา เกือบจะเท่ากับเนื้อในหัวใจของเขาเนื้อบนร่างกายของเขา

  • หน้าหนาวไร้ไออุ่น   บทที่ 11

    บางทีอันยีเซี่ยอาจค้นพบการนอกใจของเขาตั้งนานแล้วเซิ่งซืออวี้คิดว่าต้องเป็นแบบนี้แน่ๆเดิมทีเขาคิดว่าตัวเองปกปิดได้มิดและสามารถดูแลทั้งอันยีเซี่ยและหลินจินได้เขาคิดว่าเขาระมัดระวังมากพอ สำหรับหลินจิน เขาแค่เล่นสนุกเท่านั้น ไม่มีทางพาหลินจินให้เธอได้เห็นหน้าและจะไม่โดนเธอรู้เข้าแต่ไม่คาดคิดว่าเธอรู้เรื่องนี้ไปแล้วมันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ยเธอถึงกับโหดร้ายถึงขนาดต้องหย่าร้างกับเขา และหายไปจากชีวิตของเขาโดยสิ้นเชิงทั้งอย่างนี้ดวงตาของเขาเปียกชื้น และน้ำตาก็ค่อยๆ เบลอไปในการมองเห็นในเวลานี้ เซิ่งซืออวี้นึกถึงสิ่งที่อันยีเซี่ยพูดเมื่อเธอตกลงการขอแต่งงานกับเขา"ฉันจะพยายามเป็นภรรยาของคุณให้ดีที่สุด แต่ฉันจะไม่ยอมรับการหลอกลวงใดๆ หากคุณโกหกฉัน ฉันจะหายตัวไปจากชีวิตของคุณตลอดไป"ในเวลานั้น เซิ่งซืออวี้คิดอย่างมั่นใจว่าเขาจะไม่ทำอะไรผิดต่อเธออย่างแน่นอนเพราะเขารักเธอมากขนาดนั้น ยิ่งไม่มีทางที่จะหลอกลวงเธอได้เขาต้องการตัดหัวใจทั้งหมดของเขาออกแล้ววางไว้ตรงหน้าเธอเพื่อให้เธอเห็นแต่ทุกอย่างมันเริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไรกันเพราะการกระตุ้นจากเพื่อนๆ ในครั้งแล้วครั้งเล่า

Pinakabagong kabanata

  • หน้าหนาวไร้ไออุ่น   บทที่ 27

    "เซี่ยเซี่ย!"เซิ่งซืออวี้ตื่นขึ้นมาพร้อมกับตะโกนชื่ออันยีเซี่ยคุณท่านเซิ่งทำหน้าบูดบึ้งอยู่ข้างเตียง"เซิ่งซืออวี้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แกให้ตั้งใจทำงาน ดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดี และห้ามไปตามหาอันยีเซี่ยอีก!""อะแฮ่ม" เซิ่งซืออวี้กระแอมสองสามครั้งด้วยความสับสนและพูดด้วยเสียงแหบแห้งว่า "ทำไมล่ะ""เธอเป็นภรรยาของผม ถ้าผมไม่ได้เซ็นสัญญาหย่า เราก็ยังไม่ได้หย่า ตราบใดที่ผมมีความพากเพียรและจริงใจมากพอ เธอจะยกโทษให้ผมไม่ช้าก็เร็ว!""จริงๆ แล้วเธอเป็นคนใจอ่อนมาก หากผมง้อสักหน่อย เดี๋ยวเธอก็จะยกโทษให้ผม…""หุบปากซะ" คุณท่านเซิ่งขัดจังหวะเขาจากนั้นเขาก็หยิบเสียงบันทึกการสนทนากับอันยีเซี่ยออกมาแล้วเปิดให้เขาฟังเสียงที่ชัดเจนดังก้องไปทั่วห้อง ทำลายความมั่นใจของเซิ่งซืออวี้จนหมดสิ้นจนกระทั่งเสียงบันทึกจบลง ภายในห้องก็ยังคงเงียบสงัดหลังจากผ่านไปได้สักพัก เขาก็พึมพำต่อว่า "เป็นไปไม่ได้...เป็นไปไม่ได้...นี่ไม่จริง ผมอยากไปหาเซี่ยเซี่ย ผมอยากเจอเธอ!""ผมอยากจะบอกเธอว่าเธอคือคนเดียวที่ผมรัก และจะเป็นคนเดียวที่ผมรักในชีวิตนี้!"เซิ่งซืออวี้พยายามลุกขึ้นจากเตียงอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น

  • หน้าหนาวไร้ไออุ่น   บทที่ 26

    "ขอโทษที ฉันไม่อยากแต่งงานกับคุณ เลิกกันเถอะ ฉันไม่ได้รักคุณแล้ว"ในความฝัน อันยีเซี่ยหลบมือจากเขา แล้วเดินออกไปไกลเรื่อยๆ"เซี่ยเซี่ย! ไม่นะ! คุณทำแบบนี้ไม่ได้!""ผมจะทำดีกับคุณมาก ถ้าคุณชอบขนมข้าวเหนียวทางตะวันออกของเมือง ผมก็ซื้อให้คุณกินทุกวัน เครื่องประดับ อสังหาริมทรัพย์ หุ้น อะไรที่ผมให้ได้ผมก็จะให้กับคุณทั้งหมด คุณอยู่กับผมได้ไหม"เซิ่งซืออวี้ขอร้องอย่างจริงใจทว่าอันยีเซี่ยไม่ได้มองย้อนกลับไปเลยแม้แต่ครั้งเดียวเขาไล่ไปข้างหน้าอย่างสิ้นหวัง แต่ก็ไม่ได้อะไรเลยแม้แต่แหวนหมั้นสองวงในมือของเขาก็หายไปเลยเซี่ยเซี่ยไม่ต้องการเขาอีกแล้ว ไม่ต้องการความรักของเขา ไม่ต้องการอะไรทั้งนั้นอีกต่อไป"เซี่ยเซี่ย...เซี่ยเซี่ย..."เปลือกตาของเซิ่งซืออวี้ปิดสนิท มีเม็ดเหงื่อเย็นไหลออกมาจากใบหน้าที่ซีดเซียวของเขา และริมฝีปากของเขาก็โดนตัวเองกัดจนเกิดเลือดไหลออกมาไม่รู้ว่าได้พึมพำชื่ออันยีเซี่ยไปกี้ครั้งกันแล้วดวงตาที่ขุ่นมัวของคุณท่านเซิ่งเต็มไปด้วยความกังวลเขาถอนหายใจลึกๆ หลังจากตรวจสอบมาหลายวัน ในที่สุดผู้ช่วยของเขาก็พบข้อมูลติดต่อล่าสุดของอันยีเซี่ย"ฮัลโหล คุณอัน ฉันเอง ปู่ขอ

  • หน้าหนาวไร้ไออุ่น   บทที่ 25

    เพื่อล้างแค้นให้อันยีเซี่ย เซิ่งซืออวี้ใช้ทุกวิถีทางเพื่อสั่งสอนตระกูลของ "เพื่อนแสนดี" หลายคนที่พูดจาหยาบคายกับเธอในที่สุดก้ได้จับจุดอ่อนของเขาได้ พวกเขาจะไม่เล่นงานเขาได้อย่างไรหลินจินไม่สนใจว่าตัวเองถูกใช้เป็นเครื่องมือ ตราบใดที่เธอสามารถแก้แค้นได้ เธอก็ไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแล้วเธอมีชีวิตที่ไม่ดีนัก แล้วทำไมเซิ่งซืออวี้จะมีชีวิตที่ดีด้วยล่ะ?แค่ร้องเรียนเขาอย่างเดียวก็ไม่พอ เธอยังเปิดบัญชีใหม่เพื่อถ่ายทอดสดให้ทุกคนสงสารเธอพร้อมแฉข่าวสารต่างๆ โดยเล่าเรื่องระหว่างเธอกับเซิ่งซืออวี้ให้ชาวเน็ตฟังอย่างละเอียดชั่วขณะหนึ่ง เซิ่งซื่อ กรุ๊ป ซึ่งเพิ่งมีชื่อเสียงที่ดีกลับมานั้นก็ก็พังทลายลงอีกครั้งแม้แต่ภาพลักษณ์ของเซิ่งซืออวี้ก็ได้รับความเสียหายครั้งแล้วครั้งเล่าเขาถูกบังคับให้กลับไปประเทศเพื่อสอบสวนโดยรัฐ และทำได้เพียงระงับการตามหาอันยีเซี่ยชั่วคราวเท่านั้นสิ่งต่างๆ ในประเทศก็วุ่นวายไปหมดในบริษัทยังพบผู้ทรยศหลายคนและในขณะนั้น เซิ่งซื่อ กรุ๊ปก็เท่ากับผีซ้ำด้ำพลอยบริษัทหลายบริษัทกำลังรอรับผลประโยชน์จากเซิ่งซืออวี้แม้ว่าเซิ่งซื่อ กรุ๊ปจะรอดมาได้ในครั้งนี้ แต่ก็ยังต้องสูญเสียค

  • หน้าหนาวไร้ไออุ่น   บทที่ 24

    หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เซิ่งซืออวี้ก็ขอโทษอย่างเชื่องช้าว่า"เซี่ยเซี่ย มันเป็นความผิดของผม ผมไม่ดีเอง ผมไม่ควรยุ่งกับผู้หญิงคนอื่น ผมให้หลินจินทำแท้งเด็กแล้ว และเธอก็ถูกผมขับไล่ออกไป โปรดยกโทษให้ผมด้วยดีไหม""คุณจะให้ผมทำอะไรก็ได้ แค่อย่าทิ้งผมไป"เขาขอร้องอย่างจริงใจ แต่อันยีเซี่ยยังคงเงียบเธอยิ้มเบาๆ และพูดช้าๆ ว่า"ได้ ฉันยกโทษให้คุณก็ได้"คำตอบนี้อยู่เหนือการคาดคิด เกือบจะทำให้เซิ่งซืออวี้ดีใจแทบไม่กล้าเชื่อ"จริงเหรอ"เขาแทบไม่มีเวลาคิดให้ลึกซึ้งเกี่ยวกับความหมายของคำพูดจากอันยีเซี่ยก่อนจะถามอย่างรวดเร็ว"เฮอะ" อันยีเซี่ยหัวเราะเยาะ "นี่ไม่ใช่คำตอบที่คุณต้องการเหรอ? ฉันจะไม่ถือสาเรื่องในก่อนหน้านี้ ฉันยกโทษให้คุณ""คุณพอใจหรือยัง หากพอใจแล้วก็พอแค่นี้เถอะ"มันเป็นเพียงคำให้ยกโทษเอง เขาอยากได้ยินก็เติมเต็มความต้องการของเขาเลยแต่ถ้าเขาต้องการให้กลับไปอย่างกับเมื่อก่อน มันเป็นไปไม่ได้กระจกที่แตกร้าวแล้วจะกลับมาให้เหมือนเดิมได้อย่างไร?แม้จะติดกาว ก็ไม่สามารถให้กลับมาเป็นรูปทรงเดิมได้หลังจากพูดอย่างนั้น อันยีเซี่ยก็วางสายโทรศัพท์โดยไม่เปิดโอกาสให้เซิ่งซืออวี้กล่าว

  • หน้าหนาวไร้ไออุ่น   บทที่ 23

    เซิ่งซืออวี้โทษตัวเองอย่างมากหากได้รับโอกาสอีกครั้ง เขาจะรักเดียวใจเดียวแน่ๆน่าเสียดายที่ชีวิตไม่สามารถย้อนเวลาได้เขายืนอยู่บนถนนแปลกหน้า ทำอะไรไม่ถูกเหมือนเด็กน้อยคุณต้องการค้นหาต่อไปหรือไม่?แน่นอนอยู่แล้วแต่จะเริ่มต้นที่ไหนล่ะ"สวัสดี ผมกับผู้หญิงในรูปเป็นสามีภรรยากัน แต่เธอโกรธผมและไปจากกับผม ผมกำลังตามหาเธออยู่ กรุณาให้ข้อมูลติดต่อของเธอกับผมได้ไหม"เซิ่งซืออวี้ถามอย่างจริงใจบริกรของโรงแรมลังเลอยู่นาน จนกระทั่งเขาหยิบเงินจำนวนมากออกมา เขาจึงยิ้มกว้างและรีบให้ข้อมูลติดต่อของอันยีเซี่ยหลังจากกดโทรศัพท์ออกไปแต่ก็ไม่มีใครรับสาย"อาจจะยังอยู่บนเครื่องก็ได้"เซิ่งซืออวี้ปลอบใจตัวเองเพื่อพิสูจน์ให้อันยีเซี่ยเห็นความตั้งใจในการยอมรับความผิด เขาจึงได้โพสต์จดหมายขอโทษบนอินเทอร์เน็ตทุกถ้อยคำได้อธิบายรายละเอียดว่าเขาทำผิดทีละขั้นตอนอย่างไรเขายังเขียนเกี่ยวกับวิธีรับรู้หัวใจของตัวเองและเข้าใจความผิดของเขาด้วยทัศนคติในการยอมรับความผิดนั้นจริงใจมากและมีการโพสจดหมายกล่าวขอโทษฉบับใหม่เกือบทุกวันโดยหวังว่าอันยีเซี่ยจะเห็นทัศนคติของชาวเน็ตบางคนค่อยๆ เปลี่ยนไป จากความเกลี

  • หน้าหนาวไร้ไออุ่น   บทที่ 22

    โทรศัพท์มือถือบนเตียงส่งเสียงดังตลอดเวลา ล้วนเป็นรูปถ่ายและที่อยู่ที่ชาวเน็ตส่งมาให้เขาด้วยข้อมูลจำนวนมหาศาล เซิ่งซืออวี้แทบจะไม่สามารถแยกแยะได้ว่าอันไหนมีประโยชน์และอันไหนไร้ประโยชน์คนที่มุ่งเป้าเพื่อค่ารางวัลนั้นมีเยอะมาก แม้ว่าได้จ้างคนมาช่วยในการคัดกรอง แต่ก็ยังมีภาระงานมหาศาลอยู่ในเวลานี้ เขาเสียใจกับการตัดสินใจของตัวเองเข้าแล้วแต่เขาไม่มีทางอื่นเลยยกเว้นการอาศัยความช่วยเหลือจากชาวเน็ตและการที่อันยีเซี่ยยอมปรากฏตัวเองแล้ว เขาแทบไม่มีวิธีหาข่าวของเธอได้เลยเซิ่งซืออวี้นั่งอยู่บนเตียง เกือบจะสิ้นหวังแล้วในเวลานี้ ผู้ช่วยหลายคนส่งรูปถ่ายที่แตกต่างกันหลายรูปมาให้"คุณเซิ่ง มีคนเปิดเผยว่าอันยีเซี่ยปรากฏตัวที่หน้าโบสถ์ในเมือง B แห่งประเทศ A ได้ส่งคนไปตามหาเธอแล้ว หวังว่าคุณจะไปที่นั่นมาโดยเร็วที่สุด"หลังจากได้รับข่าวนี้ เซิ่งซืออวี้ก็กลับมามีกำลังใจอีกครั้งไม่ว่าข่าวนั้นจะเป็นจริงหรือไม่ก็ตาม เขาจะลองดูอีกครั้งเขาไม่สามารถละทิ้งความหวังเดียวนี้ได้เขาแทบจะอยู่ไม่ได้หากไม่มีอันยีเซี่ยอยู่ข้างๆเธอเป็นดั่งสิ่งที่ขาดไม่ได้พอๆ กับน้ำและออกซิเจนที่เขาต้องการเพื่อความอยู

  • หน้าหนาวไร้ไออุ่น   บทที่ 21

    ความกังวลใจของเซิ่งซืออวี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และมีเหงื่อเย็นเล็กน้อยไหลออกมาบนฝ่ามือของเขาหลังจากรออยู่พักใหญ่ต่อก็ไม่มีใครมาเปิดประตูให้เขาก็เกิดกระวนกระวายใจขึ้นมาและไปผลักประตูแต่ไม่ได้คาดคิดว่าประตูจะถูกล็อกแน่นและไม่สามารถเปิดออกได้เลยบนกระดานดำเล็กๆ ที่อยู่ด้านข้างมีข้อความเขียนว่า "วันนี้ปิดร้าน"เดิมทีเขาคิดว่ากระดานดำนั้นคือบอกกับเขาว่าอันยีเซี่ยกำลังรอพบหน้ากับเขาอยู่ ดังนั้นจึงติดป้ายบอกหยุดงานไว้เป็นพิเศษและไม่รับลูกค้าแต่ไม่ได้คาดคิดว่ามันจะหมายถึงการปฏิเสธที่จะพบเขาในขณะนี้ เซิ่งซืออวี้ก็เข้าใจว่าอันยีเซี่ยหลอกเขาเธอไม่มีความตั้งใจที่จะพบเขาเลยมันก็เป็นเพียงวิธีที่จะปฏิเสธเขาทุกสิ่งทุกอย่างนี้กำลังบอกเขาว่า "ขอโทษ ฉันไม่คิดจะให้อภัยคุณ"เซิ่งซืออวี้มองไปที่รีสอร์ทนี้ด้วยความไม่อยากเชื่อตอนที่พวกเขายังคบกันในสมัยก่อน ก็เคยพูดว่าจะเปิดรีสอร์ทริมชายหาด รับลมทะเลบ้าง กอดกันทั้งอย่างนั้น ก็ถือว่าเป็นความสุขง่ายๆตอนนั้นเขารู้ว่าเธอชอบมัน จึงส่งคนไปซื้อรีสอร์ทหลายแห่งตามแนวชายฝั่งของประเทศ และพาเธอไปเที่ยวเป็นครั้งคราวเธอยิ้มอย่างมีความสุขทุกครั้ง และรู้ส

  • หน้าหนาวไร้ไออุ่น   บทที่ 20

    ในตอนแรก สาธารณชนก็แค่พูดเสียดสี แต่ก็มีหลายคนอิจฉารางวัลนี้ และจงใจให้ข้อมูลและหลักฐานที่ใช้ไม่ได้จนกระทั่งต่อมามีคนให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์จริงๆพอเห็นว่าได้เงินจริง ชาวเน็ตจำนวนมากก็เริ่มช่วยหาข้อมูลอย่างเมามันแม้แต่อันยีเซี่ยเองก็รู้ข่าวนี้เข้าแล้วผู้คนจำนวนมากอยากรู้ว่าเธออยู่ที่ไหน แต่เธอเองก็ไม่ได้รู้สึกประทับใจแม้แต่น้อยตรงกันข้าม เธอกลับรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยเธอได้ยกเลิกข้อมูลประจำตัวของตัวเองไปแล้ว หรือว่ามันยังคงแสดงความมุ่งมั่นของเธอไม่มากพอเหรออันยีเซี่ยรู้อยู่ในใจว่าเธอไม่ใช่คนที่จะหันหลังกลับ และเธอไม่เคยคิดที่จะให้อภัยเมื่อดูคำขอโทษของเซิ่งซืออวี้ เธอก็รู้สึกไร้สาระสิ้นดีในเมื่อเขารู้ว่าตัวเองได้ทำผิด แล้วทำไมแต่ก่อนเขาถึงแสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นตลอดล่ะ?หลายครั้งแล้ว ที่เธอหวังว่าเขาจะบอกเธอได้อย่างชัดเจนว่าเขาหักหลัง และตกหลุมรักคนอื่นเข้าแล้วแบบนี้ทั้งสองคนก็สามารถจากกันโดยดีแต่เขาไม่คาดคิดว่าร่างกายและจิตใจของเขาถึงขั้นที่แยกจากกันได้ร่างกายกำลังเพลิดเพลินกับความรักของหลินจิน แต่ใจกลับบอกว่ารักเธอการหลอกลวงเธอเป็นเรื่องสนุกหรือไงงั

  • หน้าหนาวไร้ไออุ่น   บทที่ 19

    ข้อตกลงการหย่านั้นเป็นเพียงของขวัญชิ้นสุดท้ายที่ทิ้งไว้ให้กับเซิ่งซืออวี้ เพื่อแยกออกจากเขาอย่างสมบูรณ์สิ่งที่น่าขำก็คือเขากลับอยากใช้ข้อตกลงการหย่าเพื่อเอามาคิดถึงอันยีเซี่ยเขาเอากล่องมาใส่ข้อตกลงการหย่า มีแต่ทำแบบนี้ถึงได้มากพอที่ให้เขาเอามาอ่านดูได้หลายๆ ครั้งต่อวัน“เซี่ยเซี่ย คุณอยู่ไหนกันแน่? ผมสำนึกผิดจริงๆ ผมไม่ขอให้คุณยกโทษให้ ผมแค่อยากเจอหน้าคุณ”“เซี่ยเซี่ย ทุกคนที่รังแกคุณได้รับบทเรียนพอสมควรแล้ว แม้แต่ผมเอง...ก็ทรมานทั้งกายและใจมาก คุณมาหาผมสักหน่อยได้ไหม”“เซี่ยเซี่ย...”ไม่รู้ว่าเซิ่งซืออวี้พึมพำนานแค่ไหนก่อนที่ร่างกายของเขาจะทนไม่ไหวอีกต่อไป จากนั้นก็หมดสติไปสำหรับตระกูลของเพื่อนๆ พวกนั้น ตระกูลเซิ่งก็ไม่ได้จัดการง่ายๆ อย่างที่คิดทันทีที่ข่าวเรื่องหย่าของเซิ่งซืออวี้กับอันยีเซี่ยออกมา มีผู้คนนับไม่ถ้วนบอกว่าจะไม่เชื่อเรื่องความรักอีกต่อไปผู้คนเหล่านั้นเคยเป็นแฟนคลับคู่จิ้นพวกเขา เพราะชื่นชอบความรักของพวกเขา จึงกลายเป็นผู้ใช้ที่ภักดีต่อเซิ่งซื่อ กรุ๊ปทันทีที่ข่าวสารเรื่องหย่าออกมา คนเหล่านี้ก็เกิดไม่พอใจขึ้นมาทันทีทั้งตระกูลเซิ่ง เซิ่งซืออวี้และเซิ่งซื่

I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status