ลู่สือเยี่ยนจ้องมองใบหน้าที่ยังแดงก่ำของเธอด้วยดวงตาที่ลึกและมืดมน “ได้ งั้นผมจัดการเอง”พูดจบ เขาก็เปิดหัวเข็มขัดทันทีเสียงดังกรุ๊งกริ๊ง ลมหายใจของหลินเซียงสั่นสะท้าน รู้สึกว่าอากาศในรถไม่เพียงพอรู้สึกปากคอแห้งในวินาทีถัดไป มือของเธอก็ถูกดึงไป“อะไรเนี่ย?”หลินเซียงตกใจ ขัดขืนโดยไม่รู้ตัวดวงตาเรียวเล็กของลู่สือเยี่ยนจ้องมองเธออย่างล้ำลึก “ก็ช่วยตัวเองไง”“คุณ…” หลินเซียงยังอยากจะพูดอะไรอีก ใบหน้าก็แดงก่ำขึ้นมาอย่างรวดเร็ว นิ้วมือหดกำแน่น แต่รับรู้สึกถึงความร้อนลูกกระเดือกของลู่สือเยี่ยนกลืนลงอย่างแรง ยังคงจ้องมองเธอ ลมหายใจหนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆหลินเซียงหันหน้าหนี ไม่สนใจแล้ว!อย่างไรก็ตาม เธอไม่ช่วยเขาแน่!“คุณใจร้ายจริง ๆ” เสียงทุ้มต่ำของลู่สือเยี่ยนดังขึ้นข้างหู ล่อลวงประสาทของเธอหลินเซียงกัดริมฝีปากเบา ๆ พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะไม่ส่งเสียงไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ช่วย เธอก็รู้สึกถึงความอ่อนล้าของนิ้วมือ แต่บรรยากาศในรถก็ยิ่งอึดอัดและคลุมเครือมากขึ้นไม่มีทีท่าว่าจะจบลง“จะทำอย่างนี้ไปถึงเมื่อไหร่?” หลินเซียงทนไม่ไหวแล้วพูดออกมาลู่สือเ
ฉินโหย่วหานก้มหน้าลง อารมณ์ในดวงตาของเขาปั่นป่วน คล้ายกับฟิล์มดำที่ไม่สามารถหลอมละลายได้สงบอารมณ์อยู่นานจึงขับรถออกไปชั้นบนฟู่จิ่นซิ่วนั่งกอดซ่งซ่งอยู่พักใหญ่“ไหวหรือเปล่าเนี่ย?”ซ่งซ่งถูกเขากดจนหายใจไม่ออก!ผู้ชายคนนี้ กอดเธอไม่ยอมปล่อย!ฟู่จิ่นซิ่วนิ่วหน้า “พูดอีกครั้งสิ”ซ่งซ่งสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิร่างกายของเขา จึงไม่กล้าตะโกนต่อ ใครใช้ให้เธอถูกเขาคร่อมอยู่ล่ะอย่าให้โอกาสเธอได้ลุกขึ้นเชียว ไม่งั้นเธอจะต้องต่อยฟันหน้าเขาให้หลุดแน่!“พวกเขากลับไปหมดแล้ว คุณก็ควรกลับไปได้แล้ว” ซ่งซ่งพูดเธอได้ยินเสียงข้างนอกอย่างชัดเจนถึงแม้จะอึดอัด แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ฟู่จิ่นซิ่วเงยหน้าขึ้น มองใบหน้าของเธอที่แดงระเรื่อ รูปลักษณ์ที่งดงามไร้เครื่องสำอาง บริสุทธิ์ราวกับไข่ต้มปอกเปลือก ดวงตาเป็นประกายสดใส แต่กลับมีสีแดงระเรื่อ ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงความรู้สึกตื่นเต้นฟู่จิ่นซิ่วก้มหน้าลงเล็กน้อยซ่งซ่ง “จะทำอะไร? ไม่ได้คิดจะจูบฉันใช่ไหม?”ฟู่จิ่นซิ่วนิ่งเงียบ…ท่าทางของเขาหยุดชะงักทันทีใช่ เขาทำอะไรอยู่?เมื่อมองดูเธอในสภาพแบบนี้ ทำไมเขาถึงอดใจไม่ไหวจนอยากจูบ?ซ่งซ่งหน้านิ่ง “ทำ
ลู่สือเยี่ยนขับรถกลับไปที่วิลล่าตระกูลลู่ทันทีหลินเซียงรู้สึกงงมากพูดว่าจะไปซื้อของ แต่เป็นการหลอกลวงเธอนี่เองเธอทำหน้านิ่งก้าวลงจากรถ เดินเข้าไปข้างใน“ไปไหน?”ลู่สือเยี่ยนจับแขนเธอไว้หลินเซียงพูดว่า “มันดึกแล้ว ควรพักผ่อนเถอะ”ลู่สือเยี่ยนพูดว่า “พักผ่อนทีหลังก็ได้”พูดจบ เขาก็พาเธอไปอีกทางหนึ่งวิลล่าตระกูลลู่มีขนาดใหญ่ มีหลายที่ที่หลินเซียงไม่เคยไปมาก่อน พอมาถึงหน้าประตู ลู่สือเยี่ยนเปิดประตูออก ก็เห็นของสะสมต่าง ๆ มากมายในห้องหลินเซียงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “นี่อะไรเหรอ?”ลู่สือเยี่ยนพูดว่า “เลือกสักชิ้นไปให้คุณย่า”หลินเซียงเดินเข้าไป ของทั้งหมดอยู่ในตู้กระจก แสงไฟส่องลงมากระทบในห้องนี้มีทั้งของสะสมโบราณ ภาพเขียน หยก เครื่องประดับ ฯลฯ…ใต้ของแต่ละชิ้นมีการระบุราคาไว้บางชิ้นซื้อมา บางชิ้นประมูลมาราคาแต่ละชิ้นแพงมาก!หลินเซียงแค่เห็นเลขศูนย์หลายตัวหลังตัวเลขก็อดที่จะตกใจไม่ได้น่ากลัวจัง!ลู่สือเยี่ยนยืนอยู่ที่ประตู และพูดว่า “ชอบอันไหนก็โอนเงินเข้าบัญชีผมได้เลย”หลินเซียงมองเขาด้วยความประหลาดใจ “คุณจะขายให้ฉันเหรอ?”ลู่สือเยี่ยนเลิกคิ้ว “ไม่งั้นล่ะ?”
เธอกำลังคิดว่าจะหย่าให้เร็วที่สุดได้เมื่อไหร่ลู่สือเยี่ยนเดินเข้ามาหาเธอแล้วยื่นมือออกไปหลินเซียงสวมชุดราตรีสีดำ ดูสง่างามและมีรสนิยม ใบหน้าที่งดงามถูกแต่งแต้มอย่างประณีต ดวงตาเป็นประกาย ความบริสุทธิ์อ่อนโยนแผ่ซ่านออกมาเอวบาง สะโพกโค้งเว้าอย่างเป็นธรรมชาติหลินเซียงวางมือลงบนมือเขาลู่สือเยี่ยนจับมือเธอแน่น อารมณ์ในดวงตาของเขากระเพื่อมอย่างรุนแรง พูดเสียงต่ำว่า “เซียงเซียง คุณสวยมาก”หลินเซียงยิ้มเล็กน้อย “ขอบคุณค่ะ เพิ่งรู้เหรอคะ”ลู่สือเยี่ยน “…”เขารู้สึกหมดหนทาง แต่ไม่ได้โกรธ ความอ่อนโยนในดวงตาของเขาทวีคูณขึ้นเขาเชื่อคำพูดของฟู่จิ่นซิ่ว แสดงความอ่อนโยนอย่างสูงสุด ถึงแม้หลินเซียงจะยังคงต่อต้านเขาอยู่ แต่สองวันนี้พวกเขาก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขถ้าเป็นแบบนี้ตลอดไป ชีวิตคงไม่เลวร้ายเกินไปทั้งสองคนออกจากวิลล่าตระกูลลู่ ขึ้นรถไปทันทีงานเลี้ยงวันเกิดของคุณย่าลู่จัดขึ้นที่บ้านหลังเก่าของตระกูลลู่ เชิญแขกผู้มีเกียรติจากตระกูลชั้นสูงของเมืองอวิ๋น ดาราหญิงแถวหน้าเป็นเพียงแค่ตัวประกอบงานเลี้ยงยิ่งใหญ่ พอลงจากรถก็เห็นพรมแดงทอดยาวจากประตูไปจนถึงลานบ้านทุกแห่งในลานบ้านถูก
ลู่สือเยี่ยนหันไปมอง ก็เห็นใบหน้าที่เย็นชาของเธอ ดวงตารูปทรงอัลมอนด์ที่งดงามคู่นั้นกลับเต็มไปด้วยความเยือกเย็นดั่งน้ำแข็งถ้าตอนนี้เขาบอกให้เธอไปตอนนี้ เธอคงไม่ลังเลและเดินจากไปทันทีใบหน้าหล่อเหลาของลู่สือเยี่ยนดูเคร่งขรึม เขาพูดเสียงต่ำว่า “ไม่ต้องสนใจความคิดของคนอื่น”หลินเซียงมองเขา ยิ้มมุมปาก แต่รอยยิ้มนั้นแผ่ไปไม่ถึงดวงตา “ลู่สือเยี่ยน สิ่งที่ฉันเจอล้วนเป็นเพราะคุณ คุณต้องชดใช้”ลู่สือเยี่ยน “…จะคิดเงินอีกเหรอ?”หลินเซียงยกไหล่ “ฉันไม่ต้องการความรักแล้ว จะขอเงินแทนไม่ได้หรือไง?”ได้ยินดังนั้น สีหน้าของลู่สือเยี่ยนยิ่งแย่ลง บรรยากาศรอบตัวก็เย็นลงหลินเซียงหันไปมอง ก่อนจะถามว่า “คุณย่าอยู่ไหน?”ลู่สือเยี่ยนหันไปมองรอบ ๆ บรรยากาศรอบตัวถึงอ่อนลง เขากำลังสงบสติอารมณ์ไม่ต้องการความรักแล้วเหรอ?มันเป็นสิ่งที่พูดแล้วก็ทิ้งง่าย ๆ ได้หรือไง?ลู่สือเยี่ยนพาเธอเดินขึ้นไปชั้นบนพอมาถึงห้องหนึ่งบนชั้นสอง ประตูเปิดอยู่ มีคนอยู่หลายคน ฟู่จิ่นซิ่วยืนอยู่ข้าง ๆ พูดเรื่องตลกเพื่อทำให้คุณย่าลู่อารมณ์ดี“คุณย่า”ลู่สือเยี่ยนเดินเข้าไปใบหน้าของหลินเซียงเผยรอยยิ้ม “คุณย่า”คุณย่าลู่เ
“นั่นภรรยาของลู่สือเยี่ยนนี่นา สวยไม่เบาเลยนะ!”“ก็เพราะว่าเธอมีดีที่หน้าตา ถึงได้ตามติดลู่สือเยี่ยนมาตลอด ข่าวลือบอกว่าเธอช่วยลู่สือเยี่ยนที่เป็นโรคความจำเสื่อมไว้ แล้วก็แต่งงานกับเขา พอความจำของลู่สือเยี่ยนกลับคืนมา เธอก็ไม่ยอมหย่า”“ชิชะ จับต้นไม้เงินต้นไม้ทองได้แล้ว จะปล่อยไปได้ยังไงล่ะ?”“พวกคุณคอยดูเถอะ ตระกูลลู่โดนผู้หญิงคนนี้รุมทึ้งแน่!”“…”เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นรอบ ๆสายตาของทุกคนมองหลินเซียงด้วยความสงสัย หรือไม่ก็ดูถูก ไม่มีใครมองเธอด้วยความเมตตาหลินเซียงเห็นทุกอย่าง เธอก้มหน้าลงเล็กน้อย ได้แต่ยิ้มตามมารยาทคำอวยพรอันยาวนานจบลง งานเลี้ยงก็เริ่มขึ้นคุณย่าลู่จับมือหลินเซียงไว้ไม่ยอมปล่อย ไม่ยอมไปกินข้าวด้วยอวิ๋นหลานจึงพูดว่า “หลินเซียง งั้นเธออยู่กับคุณย่าสักพักนะ? พวกเราต้องไปทักทายแขกก่อน”“ค่ะ”หลินเซียงพยักหน้าเธออยากจะหนีออกจากงานเลี้ยงนี้ให้เร็วที่สุดเธอเข็นคุณย่าลู่ออกจากลานบ้าน ไปที่สวน ที่นั่นไม่มีคน เงียบสงบมาก“ไม่ชอบ”คุณย่าลู่พูดขึ้นมาอย่างกะทันหันหลินเซียงงุนงง เดินไปหาเธอ ก้มตัวลงถามว่า “คุณย่า คุณย่าพูดว่าอะไรคะ?”คุณย่าลู่บ่นพึมพำ “ฉั
คนที่มาถึงก่อนชี้ไปที่หลินเซียง และพูดว่า “ตอนที่ฉันมาถึง ฉันก็เห็นเธออยู่ข้างๆ คุณย่า คุณย่าเอาแต่ร้องไห้ตลอดเวลา”สายตาของทุกคนมองไปที่หลินเซียง“เธอที่พาคุณย่าออกไป คิดจะแกล้งคุณย่าเหรอ?”“ฉันว่าคุณย่าชอบเธอ น่าจะไม่ใช่”“คุณจะไปรู้อะไร? ผู้หญิงแบบนี้ เก่งเรื่องหลอกลวงผู้ชาย ยิ่งเก่งเรื่องหลอกลวงคนแก่ ใครจะรู้ว่าเธอแอบทำอะไรกับคุณย่าบ้าง”“…”ลู่เจิ้งหรงมองหลินเซียง ถามด้วยหน้าตาเคร่งขรึม “เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”หลินเซียงหายใจเข้าลึก เล่าเรื่องราวทั้งหมด สุดท้ายพูดว่า “ถ้าไม่เชื่อ ก็ไปดูกล้องวงจรปิดได้ค่ะ”ลู่เจิ้งหรงมองพ่อบ้าน พ่อบ้านรีบไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดห้านาทีต่อมา พ่อบ้านกลับมา ใบหน้าดูซับซ้อน และพูดว่า “ท่านประธาน คุณหนูสามพาคุณย่าไปที่มุมอับของกล้องวงจรปิด เลยไม่สามารถบันทึกภาพได้ครับ”ใบหน้าของลู่เจิ้งหรงยิ่งแย่ลง “หลินเซียง เธอทำอะไรกับคุณย่า? ทำไมใจร้ายขนาดนี้? รู้ทั้งรู้ว่าคุณย่าเป็นโรคสมองเสื่อม ยังกล้าทำร้ายท่านอีกเหรอ?”หลินเซียงส่ายหัว “ฉันไม่ได้ทำนะคะ!”เธอมองไปที่คุณย่าลู่ทันที หวังว่าอีกฝ่ายจะช่วยเป็นพยานให้เธอแต่คุณย่าลู่ดูเหมือนจะตกใจมาก ถึงแม้จะหย
ลู่สือเยี่ยนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “อืม”ปากพูดรับคำ แต่ก็ไม่ได้เดินขึ้นไปชั้นบน กลับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาหลินเซียงถึงแม้จะรู้ว่าเธอออกไปจะสบายใจกว่า แต่ก็ควรจะบอกเขาสักคำ หายไปเงียบ ๆ แบบนี้ ไม่ใช่ว่าไม่ได้เห็นแก่หน้าเขาเลยเหรอ?โทรศัพท์ต่อสาย แต่กลับได้ยินเสียงแจ้งว่าหมายเลขที่ท่านเรียกปิดเครื่องอยู่ปิดเครื่องแล้วเหรอ?คิ้วของลู่สือเยี่ยนขมวดเข้าหากันคนใช้เห็นว่าเขายังไม่ขยับ จึงพูดว่า “คุณชายสาม ท่านประธานเรียกคุณไปคุยเรื่องคุณชายรอง คุณรีบไปเถอะค่ะ”ดวงตาสีเข้มของลู่สือเยี่ยนเต็มไปด้วยความเย็นชา แรงกดดันอย่างหนักตกอยู่บนคนใช้ หัวของคนใช้ก้มลงต่ำเขาวางโทรศัพท์ลงเมื่อนึกถึงท่าทีที่เย็นชาของหลินเซียงที่มีต่อเขา ดวงตาของเขาก็แฝงไปด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ยบางทีเธออาจจะตั้งใจปิดเครื่อง ไม่อยากให้เขาหาเจอ!ความหงุดหงิดเพิ่มขึ้นในอก ใบหน้าของเขาเย็นชาสุดขีด เดินไปที่ห้องทำงานเขาไม่เคาะประตู เดินเข้าไปทันที ผลก็คือเห็นลู่เจิ้งหรงนั่งอยู่บนเก้าอี้ คนใช้หญิงคนหนึ่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเขา โต๊ะทำงานบังทุกอย่างไว้ แต่ฉากแบบนี้ ไม่ยากที่จะจินตนาการว่ากำลังทำอะไรอยู่ใบหน้าของลู่
คุณย่าลู่ “จะมีใครทำร้ายเธอได้ยังไง? นั่นเป็นแค่การคาดเดาของเธอเท่านั้น”“เหอะ!”ลู่สือเยี่ยนหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดต่อ “คุณย่าครับ คนคนหนึ่งที่เพิ่งฟื้นขึ้นมาแต่ความจำเสื่อม จะไปอยู่บนถนนได้ยังไง? คนดูแลที่บ้านเราล่ะ? หายหัวไปไหนหมด?”คุณย่าลู่เงียบไปลู่สือเยี่ยนพูดต่อ “ตอนนั้นเธอเป็นคนที่ช่วยผม พาผมกลับบ้าน ถ้าไม่ใช่เธอ วันนี้ย่าก็คงไม่ได้เจอหน้าผมแล้ว”คุณย่าลู่มองหลินเซียง แล้วพูดขึ้นมาทันทีว่า “ความจริงเป็นแค่เรื่องบังเอิญหรือเปล่า ตอนนี้ยังสรุปไม่ได้ ถ้าเกิดเธอรู้ตัวตนของหลานตั้งแต่แรกล่ะ?”“ฉันไม่รู้ค่ะ”หลินเซียงรู้สึกว่าเธอควรจะพูดอะไรสักอย่างเธอมองคุณย่าลู่อย่างสงบ “คุณย่าคะ ฉันไม่รู้ว่าทำไมคุณย่าถึงได้เกลียดฉันขนาดนี้ แต่เมื่อก่อนย่าไม่ใช่แบบนี้ แถมยังชอบฉันมาก ถึงกับบอกเขาว่า ถ้าเขาทำร้ายฉัน คุณย่าจะช่วยฉันตีเขา ฉันยังจำคำพูดพวกนั้นได้อยู่เลย”เธอหายใจออกเบา ๆ แล้วพูดต่อ “แต่แน่นอนค่ะ คุณย่าจำไม่ได้ งั้นก็ไม่สำคัญแล้ว ฉันไม่รู้จักตัวตนของเขาตั้งแต่แรก จนกระทั่งเขาได้ความทรงจำกลับมา แล้วมาเปิดตัวในที่ที่ฉันทำงานอยู่ ฉันถึงได้รู้จักตัวตนของเขา”คุณย่าลู่เงียบไป ใบหน้
หลินเซียงมองคุณย่าลู่ด้วยความประหลาดใจไม่เคยคิดมาก่อนว่าคุณย่าที่เคยใจดีกับเธอ ในระดับที่เรียกว่าเอาใจใส่ กลับคิดร้ายกับเธอแบบนี้ แล้วยังมองเธอด้วยสายตาเย็นชาหลินเซียงรู้สึกเจ็บปวดในใจที่แท้ไม่ใช่แค่ตอนที่ลู่สือเยี่ยนทำร้ายเธอเท่านั้นถึงจะรู้สึกเจ็บปวดการถูกคนที่เคยสนิทสนมทำร้าย ใจก็เจ็บปวดเช่นกันเธอเม้มริมฝีปาก แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาลู่สือเยี่ยน“ฮัลโหล?”ไม่นานปลายสายก็รับ ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มดังขึ้นหลินเซียงบอกว่า “คุณย่ามีเรื่องจะพูดกับพวกเรา ตอนนี้คุณช่วยมาโรงพยาบาลหน่อย”ลู่สือเยี่ยนถามว่า “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”หลินเซียง “มาถึงเดี๋ยวก็รู้เอง”พูดจบก็วางสายไปเรื่องหย่าควรจะพูดต่อหน้าทั้งสองคนจะดีกว่าบอกกับเธอแค่คนเดียวมีประโยชน์อะไร?เธออยากหย่า แต่ลู่สือเยี่ยนไม่ยอม คุณย่าลู่ก็ไม่เชื่อเธอทำผิดอะไร?ถึงได้ถูกปฏิบัติแบบนี้?หลินเซียงนั่งลงบนโซฟา ก้มหน้าลง ไม่มองคุณย่าลู่อีกนิสัยของเธอค่อนข้างแปลกถ้าคนคนนั้นทำร้ายเธอ ก็ยากที่จะเข้าไปอยู่ในใจเธอได้อีกคุณย่าลู่ไม่ค่อยชอบท่าทางของหลินเซียง จึงจับมือเซี่ยหว่านแล้วคุยต่อ เพราะชอบท่าทางอ่อนโยนขอ
หลังจากออกจากโรงพยาบาล ลู่สือเยี่ยนมองเธอ “อย่าคิดมาก คุณย่าแค่ลืมความทรงจำไปสองปีเท่านั้นเอง”หลินเซียงมองเขา แล้วถามว่า “แล้วถ้าคุณย่ายืนกรานจะให้คุณแต่งงานกับเซี่ยหว่านล่ะ?”ลู่สือเยี่ยนมองเธออย่างลึกซึ้ง “หลินเซียง เธอควรเลิกคิดเรื่องนี้นะ เพราะผมไม่หย่ากับคุณแน่”หลินเซียงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ แล้วพูดว่า “จริง ๆ แล้ว เราหย่ากันก็ไม่เลวนะ ฉัน…”“หยุด!”ลู่สือเยี่ยนมองเธอด้วยความหงุดหงิด “ฟังที่ผมพูดไม่รู้เรื่องเหรอ? ถ้าพูดถึงเรื่องหย่าอีก ผมจับคุณขังไว้แน่!”ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ รอบตัวเต็มไปด้วยออร่าเย็นชาหลินเซียงหยุดชะงัก ไม่พูดต่อเพราะเขาทำได้จริงเมื่อหันหลังเดินไป ใบหน้าเล็ก ๆ นั้นเย็นชายิ่งกว่าเก่าลู่สือเยี่ยนมองตามหลังเธอไป ริมฝีปากบางเม้มเป็นเส้นตรงเขาเปิดประตูแล้วก้าวขึ้นรถ สีหน้ามืดครึ้มอย่างที่สุดในขณะนั้น เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์เขาดังขึ้น เขาหยิบขึ้นมาดู เป็นสายจากซืออวี่“พูดมา!”ซืออวี่ตกใจกับน้ำเสียงเย็นชาของเขา ก่อนจะกลืนน้ำลายอึกใหญ่ “พี่ใหญ่ ฉันสืบได้เรื่องบ้างแล้ว แต่คนคนนั้นฉลาดเป็นกรด ปกปิดตัวตนได้ดีมาก รู้แค่ว่าเป็นผู้ชาย”ลู่สือเยี
วันรุ่งขึ้น ทั้งสองคนไปที่โรงพยาบาลคุณย่าลู่ทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว อวิ๋นหลานนั่งคุยกับเธออยู่“คุณย่าครับ”ลู่สือเยี่ยนเดินเข้าไปเรียกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนคุณย่าลู่เห็นเขา ใบหน้าที่แก่ชราพลันมีรอยยิ้ม“สือเยี่ยน เธอมาแล้ว” คุณย่าลู่จับมือเขาไว้ มองใบหน้าหล่อเหลาของเขาแล้วพูดขึ้นมาทันทีว่า “สือเยี่ยน ทำไมดูเปลี่ยนไปจังเลย? ดูเหมือนจะโตขึ้นมากเลยนะ”ริมฝีปากบางของลู่สือเยี่ยนโค้งเป็นรอยยิ้ม “โตขึ้นแล้วไม่ดีเหรอครับ?”คุณย่าลู่พยักหน้า “ดี แน่นอนว่าดี แต่ฉันยังชอบเธอตอนเด็ก ๆ ที่ไร้เดียงสามากกว่า เอาแต่วิ่งตามหลังพี่ชายตลอดเวลา แล้วยังทำหน้าบึ้งใส่เขา มีแต่พี่ชายที่ตามใจ ถ้าเป็นคนอื่นคงตีเธอไปแล้ว”รอยยิ้มที่มุมปากของลู่สือเยี่ยนแข็งทื่อไปชั่วขณะคุณย่าลู่สังเกตเห็นหลินเซียงในตอนนี้ จึงถามว่า “แล้วเธอล่ะ มายังไง?”ลู่สือเยี่ยนบอกว่า “ย่าครับ เธอเป็นภรรยาผม หลินเซียง”หลินเซียงมองคุณย่าลู่ “คุณย่า”คิ้วของคุณย่าลู่ขมวดเข้าหากันทันที เธอปล่อยมือลู่สือเยี่ยน “ก่อนหน้านี้เธอบอกว่าจะแต่งงานกับหว่านหว่านไม่ใช่เหรอ? ฉันเห็นว่าเด็กคนนั้นก็ใช้ได้นะ ทำไมถึงแต่งงานกับคนอื่นล่ะ?”ท่าทีนั้
ใบหน้าของลู่สือเยี่ยนแสดงออกถึงความซับซ้อนเล็กน้อย เขาพูดอย่างสงบว่า “เรื่องนี้ยังบอกไม่ได้ ต้องรอผลตรวจของแพทย์”หลินเซียงพยักหน้า ตอนนี้คงทำได้แค่นี้ลู่เจิ้งหรงมองหลินเซียงด้วยสายตาไม่เป็นมิตร แล้วพูดกับลู่สือเยี่ยนว่า “อาการของย่าแกดูเหมือนจะดีขึ้น ความคิดของผู้ใหญ่ แกคงรู้ดี น่าจะอยากเห็นแกแต่งงานกับหว่านหว่าน ตอนนั้นแกเป็นคนพาหว่านหว่านไปหาท่านเอง ตอนนี้ถ้าท่านขอร้อง แกก็ปฏิเสธไม่ได้”อวิ๋นหลานกล่าวว่า “เจิ้งหรง แต่สือเยี่ยนกับหลินเซียงรักกันดี ทำแบบนี้ไม่ค่อยดีหรอกมั้ง?”“เหอะ!” ลู่เจิ้งหรงหัวเราะเยาะ “รักกันดี? หลินเซียงไม่ใช่เหรอที่อยากหย่ามาตลอด? ใช้โอกาสนี้หย่ากันไปซะสิ ไม่ต้องมีใครขัดขวางใคร!”อวิ๋นหลานมองหลินเซียงด้วยความกังวล กลัวว่าเธอจะเสียใจแต่หลินเซียงเหมือนไม่ได้ยิน ยืนอยู่มุมห้อง ก้มหน้าลง ปากสวยเม้มเป็นเส้นตรงลู่สือเยี่ยนไม่ได้สนใจคำพูดของลู่เจิ้งหรงเลยเขาตามหาลู่จิ้นหนานจนแทบคลั่ง ยังมีเวลาสนใจเรื่องของเขากับหลินเซียงอีกเหรอ?ดูเหมือนว่าเขาควรหาอะไรให้อีกฝ่ายทำบ้าง!ประมาณสองชั่วโมงผ่านไปผลการตรวจของคุณย่าลู่ออกมาแล้วแพทย์ถือรายงานผลการตรวจแล้วพูด
เสียงของคุณย่าลู่ดังขึ้น ทุกคนในห้องนั่งเล่นต่างก็ตกตะลึง!สีหน้าของลู่สือเยี่ยนตึงเครียดขึ้น เขาคุกเข่าครึ่งตัวอยู่ข้างหน้าคุณย่าลู่แล้วถามว่า “คุณย่าครับ ตอนนี้คุณย่าจำอะไรได้แล้วเหรอครับ?”คุณย่าลู่เอามือลูบหัวเขา “ย่าต้องจำได้อยู่แล้วสิ ย่ายังไม่แก่จนความจำเลอะเลือนซะหน่อย ก่อนหน้านี้เธอบอกว่าจะแต่งงานกับหว่านหว่าน แล้วทำไมวันนี้ถึงไม่พาเธอมาด้วย?”ลู่สือเยี่ยนรู้สึกถึงความผิดปกติอย่างรวดเร็ว เขาชี้ไปที่หลินเซียงแล้วถามว่า “แล้วคุณย่าจำเธอได้ไหมครับ?”คุณย่าลู่มองตามนิ้วมือของเขาไป แล้วส่ายหัว “ไม่รู้จัก เธอเป็นใคร? คนใช้ใหม่ของบ้านเราเหรอ?”หลินเซียงได้ยินคำพูดของเธอ เหมือนกับถูกตบหน้าอย่างแรง ก่อนหน้านี้ตอนที่คุณย่าลู่ความจำเสื่อม เธอมักจะคิดว่าเซี่ยหว่านเป็นคนใช้ของบ้านตระกูลลู่ และยังดีกับหลินเซียงเป็นพิเศษแต่ตอนนี้กลับกัน!ลู่สือเยี่ยนลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “ผมจะพาคุณย่าไปโรงพยาบาลครับ”คุณย่าลู่ขมวดคิ้ว ใบหน้าที่แก่ชราเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ “ไปโรงพยาบาลทำไม? ย่ารู้สึกว่าย่าสบายดีนะ”ลู่สือเยี่ยน “ตรวจร่างกายคุณย่านิดหน่อย เชื่อผมเถอะครับ”คุณย่าลู่ก็ยังไม่ค่อยเต็มใจ
หลังจากที่ลู่สือเยี่ยนพูดจบ เขาก็ไม่ได้วางสาย ได้ยินเสียงเขาเปิดประตูรถลงจากรถ ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบหลินเซียงกำโทรศัพท์แน่น ยื่นมือไปกดปุ่มปิดประตูอีกครั้งครั้งนี้ประตูลิฟต์ปิดลง หัวใจที่สั่นไหวก็ค่อยผ่อนคลายลงอย่างเฉียบพลัน"ประตูลิฟต์ปิดแล้ว" หลินเซียงพูด ตอนนี้เธอเพิ่งรู้ว่าขาของตัวเองอ่อนแรงแค่ไหน!ลู่สือเยี่ยนพูดว่า "อย่าออกจากลิฟต์ก่อนถึงชั้นหนึ่งนะ""อืม"หลินเซียงตอบ ยังไม่วางสายโชคดีที่ลิฟต์มาถึงชั้นหนึ่งอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ไม่มีใครทำงานล่วงเวลาในตึกแล้วเมื่อประตูลิฟต์เปิดออก หลินเซียงก็เห็นลู่สือเยี่ยนยืนอยู่ที่ประตู เธอวิ่งออกไปทันที!ลู่สือเยี่ยนกอดเธอไว้พลางปลอบเบา ๆ "ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมจะตรวจสอบให้ชัดเจน"ด้วยกลิ่นอายที่สดชื่นของเขา หลินเซียงจึงผ่อนคลายลง ตามมาด้วยความหวาดกลัวอย่างรุนแรง!จมูกของเธอรู้สึกแสบร้อน น้ำตาเกือบไหล แต่เธอก็อดทนไว้!ลู่สือเยี่ยนประกองกอดเธอแล้วออกจากอาคารพอก้าวขึ้นรถ ความอบอุ่นจากเครื่องทำความร้อนทำให้ร่างกายที่เย็นเยือกเริ่มอุ่นขึ้นลู่สือเยี่ยนจับมือเธอ ถามว่า "คุณเห็นใครหรือเปล่า?"หลินเซียงส่ายหัว "ไม่มีนะ"แล้วถา
หลินเซียงรู้สึกใจสั่นระรัวเสียงน้ำไหลในห้องน้ำดังขึ้น หลินเซียงจึงโล่งใจเล็กน้อยเธอค่อย ๆ ผ่อนคลายและกอดตัวเองขณะกำลังจะหลับ เตียงข้าง ๆ ก็ยุบลงไป ร่างกายของลู่สือเยี่ยนที่ยังเปียกชื้นจากน้ำ เข้ามากอดเธอแน่น หลินเซียงไม่ขยับหรือดิ้นรน ลู่สือเยี่ยนจูบที่ไหล่เธอเบา ๆ "ราตรีสวัสดิ์ ที่รัก"ขนตาของหลินเซียงกระตุกเล็กน้อย แต่เธอก็ยังไม่ตอบสนองอะไร…วันรุ่งขึ้น หลินเซียงไปทำงานก็พบว่าสวี่ซิงเย่มาถึงแล้ว เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาด ดูสดใสและมีเสน่ห์ เป็นหนุ่มน้อยที่สดใสสวี่ซินหรานกำลังคุยกับเขาอยู่และสวี่ซิงเย่ก็ตอบด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นเธอมาถึง สวี่ซิงเย่รีบลุกขึ้นยืนและเดินมาหาเธอ "คุณหลิน อรุณสวัสดิ์ครับ!"หลินเซียงยิ้มบาง "ตอนนี้เราเป็นเพื่อนร่วมงานกันแล้ว นายเรียกฉันว่าหลินเซียงก็ได้"สวี่ซิงเย่เกาจมูกด้วยความเขินอายเล็กน้อย "หลินเซียง""อืม อรุณสวัสดิ์ค่ะ" หลินเซียงพยักหน้าเล็กน้อยสวี่ซินหรานนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย "ถ้าไม่รู้ว่าเธอแต่งงานแล้ว ฉันนึกว่าพวกเธอเป็นแฟนกันซะอีก"เมื่อได้ยินแบบนั้น สวี่ซิงเย่ขมวดคิ้ว พูดว่า "อย่าพูดอย่างนั้นเลยครับ ผมกั
“ลู่สือเยี่ยน คุณเป็นอะไรมากไหม?”หลินเซียงรู้สึกงงกับเขา!เธอไม่ได้ทำอะไรเลย แต่เขากลับจะยัดเยียดให้เธอไปเปิดห้องกับผู้ชายคนอื่น?เขาเป็นบ้าหรือเปล่า?ลู่สือเยี่ยนจ้องมองเธออย่างเงียบ ๆ แล้วพูดว่า “หลินเซียง ห้ามรับของจากผู้ชายคนอื่น และห้ามชอบผู้ชายคนอื่นด้วย ถ้าผมรู้ คุณอาจไม่ตาย แต่ผู้ชายคนนั้นต้องตายแน่!”เขาเตือนอย่างจริงจังด้วยความเคร่งขรึม ดวงตาของเขาแสดงความต้องการครอบครองเธออย่างไม่มีปิดบังหลินเซียงกัดริมฝีปาก มองเขาด้วยสายตาซับซ้อนถ้าเป็นก่อนหน้านี้ เขาแสดงออกแบบนี้เธอคงดีใจมาก!แต่หลังจากผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มาแล้ว เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้ เธอกลับไม่รู้สึกอะไร!เธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย “ตอนนี้ฉันไปอาบน้ำได้แล้วใช่ไหม? ทำงานมาทั้งวัน เหนื่อยมากจริง ๆ”ลู่สือเยี่ยนมองเธออีกสักพัก แล้วปล่อยเธอไปหลินเซียงเดินไปที่ห้องน้ำลู่สือเยี่ยนเรียกคนใช้มาเก็บเค้กเมื่อหลินเซียงออกมา เธอก็เห็นเขานั่งอยู่บนโซฟา บนโต๊ะมีขี้ผึ้งวางอยู่“ทายา”เมื่อเห็นเธอหันมามอง เขาพูดเสียงต่ำหลินเซียงกัดริมฝีปาก แล้วพูดว่า “ฉันทาเองได้”พูดจบ เธอก็เดินไปหยิบขี้ผึ้งแต่ลู่สือเยี่ยนมือไวกว่