บนรถลู่สือเยี่ยนหันไปมองหลินเซียง เห็นว่าอารมณ์ของเธอยังไม่ดี จึงถามตรง ๆ ว่า “ทำไม? ผมไม่ใช่คนที่สั่งให้จับ ยังไม่พอใจอีกเหรอ?”หลินเซียงเงยหน้าขึ้นมองเขา “คุณไม่คิดว่าซ่งซ่งพูดความจริงบ้างเหรอ?”ริมฝีปากบางของลู่สือเยี่ยนยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเยาะเย้ย “ในสายตาคุณ เธอพูดถูกทุกคำเลยใช่ไหม?”หลินเซียงเงียบไปครู่หนึ่ง ใช่แล้ว พอเกิดเรื่องขึ้นซ่งซ่งก็คิดถึงเธอเป็นคนแรกลู่สือเยี่ยนหยิบบุหรี่จากกระเป๋าออกมาจุด หรี่ตาเฉียบคมลงเล็กน้อยแล้วพูดว่า “เรื่องหย่าเลิกคิดไปได้เลย ซือเยี่ยนคอยปกป้องคุณอยู่เบื้องหลัง จากนี้ผมจะจัดหาบอดี้การ์ดให้คุณอีกหลายคน”หลินเซียง “คงจะใช้เงินเยอะน่าดู?”ลู่สือเยี่ยนมองเธอ “ผมมีเงิน”หลินเซียงหัวเราะเบา ๆ ได้กลิ่นบุหรี่ก็รู้สึกเอียน จึงคว้าบุหรี่จากมือเขา เปิดกระจกรถแล้วโยนทิ้งออกไปปลายนิ้วเรียวบางว่างเปล่าลู่สือเยี่ยนมองเธออย่างประหลาดใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอแย่งบุหรี่เขาสายตาของเขาลึกซึ้งและแฝงไปด้วยความร้อนแรงที่กดดันหลินเซียงรู้สึกเสียใจที่แย่งบุหรี่เขาเธอพูดว่า “พวกเขาขับรถไปไกลแล้ว เราควรขับตาม”ลู่สือเยี่ยนมองเธออยู่นาน จึงหันกลับมามองถนน แล้
“ว้าย…”ซ่งซ่งเห็นภาพในห้องใต้ดิน ถึงกับอุทานเสียงดัง ใบหน้าซีดเผือดฟู่จิ่นซิ่วมองอยู่ข้าง ๆ พลางพูดจาเยาะเย้ย “อะไรกัน? กล้าได้แค่นี้เองเหรอ?”ด้านหลังลู่สือเยี่ยนปิดตาหลินเซียงทันที อกของเขาแนบชิดกับแผ่นหลังของเธอ เสียงทุ้มต่ำ “อย่ามอง”แต่หลินเซียงดึงมือเขาออก มองสามคนนั้นอย่างสงบ แล้วหันไปมองซ่งซ่ง “เป็นยังไงบ้าง?”ซ่งซ่ง “ฉัน… ฉันโอเค ยังมีแรงเดินได้…”หลินเซียง “…”เธอประคองเพื่อนเอาไว้ “งั้นออกไปก่อนเถอะ มีพวกเขาอยู่ที่นี่ พวกนั้นไม่รอดแน่”ซ่งซ่ง “อื้อ… อื้อ…”พูดไปก็ตัวสั่นไปหลินเซียงพยุงซ่งซ่งออกไป ลู่สือเยี่ยนมองตามหลังเธอฟู่จิ่นซิ่วพูดว่า “ไม่นึกว่าเธอจะใจกล้าขนาดนี้”ลู่สือเยี่ยนพูดว่า “ถ้าเธอเป็นคนขี้กลัว ฉันคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้หรอก”ผู้หญิงขวัญอ่อนขี้กลัว จะเก็บผู้ชายเข้าบ้านได้ยังไง?ฟู่จิ่นซิ่วรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร จึงหัวเราะเบา ๆ “พูดถึงเรื่องนี้แล้ว เธอก็มีพระคุณต่อนายเหมือนกันนะ นายไม่คิดจะใช้ชีวิตกับเธออย่างมีความสุขบ้างเหรอ?”ลู่สือเยี่ยนตอบกลับ “ฉันกำลังคิดอยู่”แต่ทิศทางของความพยายามดูเหมือนจะผิดพลาดไปหลินเซียงไม่ชอบรูปแบบการใช้ชีวิตร่วม
หลินเซียงพยักหน้า “ตกลง”เธอหันไปมองซ่งซ่ง “ไปกันเถอะ ไปกับฉัน”“ไม่ได้”“ไม่เอา”มีเสียงสองเสียงดังขึ้นพร้อมกันเสียงหนึ่งเป็นของซ่งซ่ง เธอมองลู่สือเยี่ยนอย่างรังเกียจ “ฉันไม่ยอมอยู่บ้านเดียวกับเขาหรอก เดี๋ยวฉันจะอดใจไม่ไหวย่องไปฆ่าเขาตอนกลางคืนแน่ ฉันไม่อยากติดคุก”หลินเซียง “…”สีหน้าของลู่สือเยี่ยนเย็นชา “โยนเธอลงห้องใต้ดิน ไปนอนกับพวกนั้นสักคืนดีไหม?”“นายนี่…”ซ่งซ่งเกือบจะระเบิดอารมณ์อีกครั้งหลินเซียงรีบพูดว่า “งั้นเราส่งเธอกลับบ้านก่อนเถอะ”ในเวลานั้น เสียงของฟู่จิ่นซิ่วก็ดังขึ้น “เดี๋ยวผมไปส่งเธอกลับเอง”ซ่งซ่งมองเขาอย่างสงสัย “ทำไมใจดีจังเลยล่ะ?”ฟู่จิ่นซิ่วหัวเราะเยาะ “ก่อนหน้านี้ผมก็ช่วยคุณไว้นะ ใจดีไหมล่ะ?”ซ่งซ่งบ่นอะไรบางอย่าง แต่ไม่มีใครได้ยินหลินเซียงคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “ฉันไปส่งเองดีกว่าค่ะ ต้องเห็นเธอกลับถึงบ้านถึงจะสบายใจ”ฟู่จิ่นซิ่วแย้งว่า “ผมเป็นคนไปช่วยเธอมา ยังจะไม่สบายใจเรื่องอะไรอีก?”หลินเซียงเม้มริมฝีปากลู่สือเยี่ยนพูดว่า “เชื่อใจเหล่าฟู่เถอะ”ซ่งซ่งก็พูดว่า “วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้เดี๋ยวฉันจะไป
ลมหายใจร้อนแรงของลู่สือเยี่ยนเป่าลมหายใจร้อน ๆ ลงบนไหล่ของหลินเซียง พลางจูบไล้ผิวเนียนของเธออย่างอ่อนโยน ใบหูที่บอบบางของเธอยิ่งทนการรุกรานของเขาไม่ไหว ร่างกายของเธอสั่นสะท้านเล็กน้อย “ลู่สือเยี่ยน ฉันไม่อยาก…”เสียงของหลินเซียงแหบพร่าร่างกายของเธอตอบสนองอย่างซื่อตรง แต่ใจเธอกลับยังต่อต้านในความคิดของเธอ เมื่อหัวใจของทั้งสองแนบชิดกัน การทำเรื่องแบบนี้ถึงจะมีความหมายแต่ระหว่างเธอกับลู่สือเยี่ยนกลับมีเหวลึกกั้นอยู่ การสัมผัสกันแต่ละครั้งเหมือนกำลังสัมผัสเม่นที่เต็มไปด้วยหนาม ทั้งเจ็บปวดและเหนื่อยล้าลมหายใจของลู่สือเยี่ยนร้อนแรง ดวงตาคมกริบจับจ้องมองเธออย่างลึกซึ้ง “หลินเซียง ใจคอคุณจะให้ผมแค่มอง แต่กินไม่ได้เหรอ?”หลินเซียงหลับตาลง ขนตายาวสั่นไหว “ให้เวลาฉันหน่อย”แต่ลู่สือเยี่ยนหัวเราะเยาะ แล้วพลิกตัวเธอให้นอนใต้ร่างของเขา “อยากได้เวลานานแค่ไหน หืม? อย่าลืมนะ เราเป็นสามีภรรยากัน คุณเป็นภรรยา ก็มีหน้าที่ต้องทำให้ผมพึงพอใจ!”คำพูดแบบนี้ช่างคุ้นเคยเหลือเกินเพราะเธอเองก็เคยพูดประโยคนี้กับเขาในอดีต ไม่คิดว่ามันจะย้อนกลับมาหาเธอในวันนี้ลู่สือเยี่ยนจูบเธอด้วยความโกรธ การจูบ
เพราะความสัมพันธ์ที่คลุมเครือนั้น ทำให้พวกเขายินดีที่จะมอบโปรเจกต์ให้ทางสตูดิโอรับผิดชอบถ้าเป็นความจริงล่ะ?อย่างนั้น พวกเขาก็จะได้รับความประทับใจจากลู่สือเยี่ยน อนาคตก็จะเป็นประโยชน์ต่อบริษัทของพวกเขาอย่างมากหลินเซียงตอบอย่างเฉยเมย “มีโปรเจกต์ให้ทำก็ดีแล้วนี่คะ”ซืออวี่ยิ้มมุมปาก “ดูเหมือนเธอจะเป็นปลาทองนำโชคของสตูดิโอเรา ต่อไปถ้ามีงานเลี้ยงแบบนี้อีก ฉันจะเรียกเธอไปด้วยบ่อย ๆ”หลินเซียงยิ้มแล้วพูดว่า “แต่ก็ใช่ว่าทุกครั้งจะเจอซ่งจั่วนะคะ”ดวงตาของซืออวี่เป็นประกาย “ไม่เป็นไร แค่เธอไปก็พอ”หลินเซียงไม่ได้พูดอะไร กลับไปที่โต๊ะทำงาน เริ่มทำงานอย่างขยันขันแข็ง หลังจากที่ร่างต้นแบบถูกส่งไปและได้รับการอนุมัติ พวกเขาก็เริ่มพูดคุยเรื่องการเซ็นสัญญากับสตูดิโอหลินเซียงงานยุ่งมากและเธอไม่ได้เจอลู่สือเยี่ยนเลยตลอดหนึ่งสัปดาห์ความไม่ลงรอยกันในคืนนั้น ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองยิ่งเลวร้ายลงซ่งซ่งชวนหลินเซียงไปกินข้าว ชวนหลายครั้งกว่าจะว่างตรงกันทั้งสองไปที่ร้านปิ้งย่างพอเข้าไปในร้านก็ได้กลิ่นหอมกรุ่น ซ่งซ่งสูดหายใจลึก ๆ แล้วพูดว่า “ฉันกินแต่ผักมาหลายวันแล้ว ในที่สุดก็ได้กินเนื้
ในห้องส่วนตัวลู่สือเยี่ยนและเจียงอินอินนั่งอยู่ตรงข้ามกันเมื่อเห็นซ่งซ่งที่บุกเข้ามาอย่างกะทันหัน สีหน้าของลู่สือเยี่ยนก็เย็นชาลงเจียงอินอินถามด้วยความสงสัยว่า “คุณผู้หญิง คุณเป็นใครคะ?”ซ่งซ่งเยาะเย้ย “ฉันมาจับชู้คาหนังคาเขาไงล่ะ”เจียงอินอินแสดงสีหน้าไม่พอใจ “คุณคะ อย่าพูดจามั่วซั่ว ฉันกับสือเยี่ยนเป็นแค่เพื่อนกัน”“เรียกสือเยี่ยนได้สนิทสนมขนาดนี้ แล้วรู้หรือเปล่าว่าเขาแต่งงานแล้ว?” ซ่งซ่งไม่สนใจว่าพวกเขาจะเป็นเพื่อนกันจริงหรือไม่เธอไม่ชอบหน้าลู่สือเยี่ยน ใครก็ตามที่อยู่ใกล้เขา เธอไม่ชอบทั้งนั้น!เจียงอินอินยังจะพูดอะไรต่อ แต่ลู่สือเยี่ยนพูดขึ้นว่า “ไล่เธอออกไป”บอดี้การ์ดไม่รู้ว่ามาจากไหน ลากซ่งซ่งออกไปหลินเซียงเดินเข้ามา “ซ่งซ่ง ไปกันเถอะ กลับบ้าน”ตลอดเวลา เธอไม่ได้มองลู่สือเยี่ยนและเจียงอินอินแม้แต่ครั้งเดียวซ่งซ่งมองท่าทางเย็นชาของหลินเซียงแล้วรู้สึกหงุดหงิด แต่ก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรต่อ เพราะเธอรู้ดีว่าทุกครั้งที่ทำอะไรเกินไป หลินเซียงจะต้องเป็นคนที่ต้องรับผิดชอบเธอแค่อึดอัดใจที่ลู่สือเยี่ยนไม่ยอมปล่อยหลินเซียงไป แต่ก็ไม่ดูแลหลินเซียงอย่างดีเท่านั้นเองเธอหัน
สีหน้าของหลินเซียงแข็งทื่อซ่งซ่งโกรธทันที “มองอะไร? เธอตั้งใจจะมาจับมือเซียงเซียงเองต่างหาก คิดว่าตัวเองเป็นขนมหวานหรือไง? เซียงเซียงยังไม่รู้จักเธอเลยด้วยซ้ำ!”เจียงอินอินน้ำตาไหล “สือเยี่ยน ฉันเจ็บ...”สีหน้าของลู่สือเยี่ยนเคร่งขรึม เขาเรียกบอดี้การ์ดเข้ามา “พาคุณเจียงไปโรงพยาบาล”บอดี้การ์ดก้าวไปข้างหน้า อุ้มเจียงอินอินขึ้นมาทันที แล้วรีบเดินออกไปข้างนอกเจียงอินอินไม่ได้แสดงท่าทีขัดขืน เพียงแต่ในดวงตาที่ก้มลงเล็กน้อยนั้นมีแววเย็นชาปรากฏขึ้นมาลู่สือเยี่ยนมองหลินเซียง “คุณไปโรงพยาบาลกับผม”ซ่งซ่งปกป้องหลินเซียงราวกับแม่ไก่ปกป้องลูก “ทำไม? เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเซียงเซียงซะหน่อย!”ดวงตาเรียวของลู่สือเยี่ยนเย็นชาขึ้นเรื่อย ๆ สายตาที่มองซ่งซ่งก็เต็มไปด้วยเจตนาฆ่ามากขึ้นซ่งซ่งรู้สึกหนาวสั่นไปถึงกระดูก รู้สึกเหมือนมีคนบีบคอหลินเซียงดึงซ่งซ่งไว้ข้างหลัง แล้วพูดกับเธอว่า “เธอกลับไปก่อนเถอะ”ซ่งซ่ง “แต่...”หลินเซียงยิ้มให้เธอ “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับฉัน ฉันไปก็ไม่เป็นไร”ซ่งซ่ง “งั้นก็ได้ มีอะไรก็โทรหาฉันนะ”“อืม”หลินเซียงพยักหน้าซ่งซ่งเดินจากไปอย่างกังวลใจ สายตาเต็มไปด้ว
เจียงอินอินขึ้นรถออกไปลู่สือเยี่ยนมองหลินเซียง กลับมาไร้อารมณ์อีกครั้ง “คุณไม่มีอะไรจะพูดเหรอ?”หลินเซียงพูดอย่างไม่ใส่ใจ “จะให้พูดอะไรล่ะ? ขอโทษเธอเหรอ?”รอยยิ้มเยาะเย้ยปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอลู่สือเยี่ยนมองสีหน้าของเธอ รู้สึกขัดใจมาก คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน อุณหภูมิรอบตัวลดลงหลายองศา“หลินเซียง เธอเป็นหุ้นส่วนของดีเคกรุ๊ป ส่วนคุณเป็นภรรยาของผม คุณทำร้ายเธอ ก็เท่ากับผมทำร้ายเธอเหมือนกัน บอกมาซิว่าจะแก้ไขเรื่องนี้ยังไง?” ลู่สือเยี่ยนพูดอย่างเคร่งขรึม“ฉันไม่ได้ทำร้ายเธอ เธอต่างหากที่หยิกฉันก่อน ฉันถึงได้สะบัดมือเธอออกไง” หลินเซียงขมวดคิ้ว “ลู่สือเยี่ยน ถ้าคุณคิดว่าฉันจงใจ ฉันก็ไม่มีอะไรจะแก้ตัว แต่จะให้ฉันไปขอโทษเธอ นั่นคงเป็นไปไม่ได้”เธอมีท่าทีเย็นชา สายตาที่มองลู่สือเยี่ยนก็ยิ่งเย็นชาลงเรื่อย ๆ พูดจบก็หันหลังกลับแล้วเดินจากไปเขามองตามแผ่นหลังของเธอ ดวงตามืดมัวลงไม่ได้เจอกันหนึ่งสัปดาห์ ไม่เพียงแต่เธอจะไม่ทักทายเขา ตอนนี้ยังไม่อยากมองหน้าเขาด้วยซ้ำหึ...ตอนนี้เธอคงไม่อยากให้เขากลับไปหาเธอสินะ?อารมณ์ของลู่สือเยี่ยนยิ่งแย่ลงไปอีก รอบตัวเต็มไปด้วยความหดหู่…หลินเซียงก
คุณย่าลู่ “จะมีใครทำร้ายเธอได้ยังไง? นั่นเป็นแค่การคาดเดาของเธอเท่านั้น”“เหอะ!”ลู่สือเยี่ยนหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดต่อ “คุณย่าครับ คนคนหนึ่งที่เพิ่งฟื้นขึ้นมาแต่ความจำเสื่อม จะไปอยู่บนถนนได้ยังไง? คนดูแลที่บ้านเราล่ะ? หายหัวไปไหนหมด?”คุณย่าลู่เงียบไปลู่สือเยี่ยนพูดต่อ “ตอนนั้นเธอเป็นคนที่ช่วยผม พาผมกลับบ้าน ถ้าไม่ใช่เธอ วันนี้ย่าก็คงไม่ได้เจอหน้าผมแล้ว”คุณย่าลู่มองหลินเซียง แล้วพูดขึ้นมาทันทีว่า “ความจริงเป็นแค่เรื่องบังเอิญหรือเปล่า ตอนนี้ยังสรุปไม่ได้ ถ้าเกิดเธอรู้ตัวตนของหลานตั้งแต่แรกล่ะ?”“ฉันไม่รู้ค่ะ”หลินเซียงรู้สึกว่าเธอควรจะพูดอะไรสักอย่างเธอมองคุณย่าลู่อย่างสงบ “คุณย่าคะ ฉันไม่รู้ว่าทำไมคุณย่าถึงได้เกลียดฉันขนาดนี้ แต่เมื่อก่อนย่าไม่ใช่แบบนี้ แถมยังชอบฉันมาก ถึงกับบอกเขาว่า ถ้าเขาทำร้ายฉัน คุณย่าจะช่วยฉันตีเขา ฉันยังจำคำพูดพวกนั้นได้อยู่เลย”เธอหายใจออกเบา ๆ แล้วพูดต่อ “แต่แน่นอนค่ะ คุณย่าจำไม่ได้ งั้นก็ไม่สำคัญแล้ว ฉันไม่รู้จักตัวตนของเขาตั้งแต่แรก จนกระทั่งเขาได้ความทรงจำกลับมา แล้วมาเปิดตัวในที่ที่ฉันทำงานอยู่ ฉันถึงได้รู้จักตัวตนของเขา”คุณย่าลู่เงียบไป ใบหน้
หลินเซียงมองคุณย่าลู่ด้วยความประหลาดใจไม่เคยคิดมาก่อนว่าคุณย่าที่เคยใจดีกับเธอ ในระดับที่เรียกว่าเอาใจใส่ กลับคิดร้ายกับเธอแบบนี้ แล้วยังมองเธอด้วยสายตาเย็นชาหลินเซียงรู้สึกเจ็บปวดในใจที่แท้ไม่ใช่แค่ตอนที่ลู่สือเยี่ยนทำร้ายเธอเท่านั้นถึงจะรู้สึกเจ็บปวดการถูกคนที่เคยสนิทสนมทำร้าย ใจก็เจ็บปวดเช่นกันเธอเม้มริมฝีปาก แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาลู่สือเยี่ยน“ฮัลโหล?”ไม่นานปลายสายก็รับ ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มดังขึ้นหลินเซียงบอกว่า “คุณย่ามีเรื่องจะพูดกับพวกเรา ตอนนี้คุณช่วยมาโรงพยาบาลหน่อย”ลู่สือเยี่ยนถามว่า “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”หลินเซียง “มาถึงเดี๋ยวก็รู้เอง”พูดจบก็วางสายไปเรื่องหย่าควรจะพูดต่อหน้าทั้งสองคนจะดีกว่าบอกกับเธอแค่คนเดียวมีประโยชน์อะไร?เธออยากหย่า แต่ลู่สือเยี่ยนไม่ยอม คุณย่าลู่ก็ไม่เชื่อเธอทำผิดอะไร?ถึงได้ถูกปฏิบัติแบบนี้?หลินเซียงนั่งลงบนโซฟา ก้มหน้าลง ไม่มองคุณย่าลู่อีกนิสัยของเธอค่อนข้างแปลกถ้าคนคนนั้นทำร้ายเธอ ก็ยากที่จะเข้าไปอยู่ในใจเธอได้อีกคุณย่าลู่ไม่ค่อยชอบท่าทางของหลินเซียง จึงจับมือเซี่ยหว่านแล้วคุยต่อ เพราะชอบท่าทางอ่อนโยนขอ
หลังจากออกจากโรงพยาบาล ลู่สือเยี่ยนมองเธอ “อย่าคิดมาก คุณย่าแค่ลืมความทรงจำไปสองปีเท่านั้นเอง”หลินเซียงมองเขา แล้วถามว่า “แล้วถ้าคุณย่ายืนกรานจะให้คุณแต่งงานกับเซี่ยหว่านล่ะ?”ลู่สือเยี่ยนมองเธออย่างลึกซึ้ง “หลินเซียง เธอควรเลิกคิดเรื่องนี้นะ เพราะผมไม่หย่ากับคุณแน่”หลินเซียงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ แล้วพูดว่า “จริง ๆ แล้ว เราหย่ากันก็ไม่เลวนะ ฉัน…”“หยุด!”ลู่สือเยี่ยนมองเธอด้วยความหงุดหงิด “ฟังที่ผมพูดไม่รู้เรื่องเหรอ? ถ้าพูดถึงเรื่องหย่าอีก ผมจับคุณขังไว้แน่!”ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ รอบตัวเต็มไปด้วยออร่าเย็นชาหลินเซียงหยุดชะงัก ไม่พูดต่อเพราะเขาทำได้จริงเมื่อหันหลังเดินไป ใบหน้าเล็ก ๆ นั้นเย็นชายิ่งกว่าเก่าลู่สือเยี่ยนมองตามหลังเธอไป ริมฝีปากบางเม้มเป็นเส้นตรงเขาเปิดประตูแล้วก้าวขึ้นรถ สีหน้ามืดครึ้มอย่างที่สุดในขณะนั้น เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์เขาดังขึ้น เขาหยิบขึ้นมาดู เป็นสายจากซืออวี่“พูดมา!”ซืออวี่ตกใจกับน้ำเสียงเย็นชาของเขา ก่อนจะกลืนน้ำลายอึกใหญ่ “พี่ใหญ่ ฉันสืบได้เรื่องบ้างแล้ว แต่คนคนนั้นฉลาดเป็นกรด ปกปิดตัวตนได้ดีมาก รู้แค่ว่าเป็นผู้ชาย”ลู่สือเยี
วันรุ่งขึ้น ทั้งสองคนไปที่โรงพยาบาลคุณย่าลู่ทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว อวิ๋นหลานนั่งคุยกับเธออยู่“คุณย่าครับ”ลู่สือเยี่ยนเดินเข้าไปเรียกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนคุณย่าลู่เห็นเขา ใบหน้าที่แก่ชราพลันมีรอยยิ้ม“สือเยี่ยน เธอมาแล้ว” คุณย่าลู่จับมือเขาไว้ มองใบหน้าหล่อเหลาของเขาแล้วพูดขึ้นมาทันทีว่า “สือเยี่ยน ทำไมดูเปลี่ยนไปจังเลย? ดูเหมือนจะโตขึ้นมากเลยนะ”ริมฝีปากบางของลู่สือเยี่ยนโค้งเป็นรอยยิ้ม “โตขึ้นแล้วไม่ดีเหรอครับ?”คุณย่าลู่พยักหน้า “ดี แน่นอนว่าดี แต่ฉันยังชอบเธอตอนเด็ก ๆ ที่ไร้เดียงสามากกว่า เอาแต่วิ่งตามหลังพี่ชายตลอดเวลา แล้วยังทำหน้าบึ้งใส่เขา มีแต่พี่ชายที่ตามใจ ถ้าเป็นคนอื่นคงตีเธอไปแล้ว”รอยยิ้มที่มุมปากของลู่สือเยี่ยนแข็งทื่อไปชั่วขณะคุณย่าลู่สังเกตเห็นหลินเซียงในตอนนี้ จึงถามว่า “แล้วเธอล่ะ มายังไง?”ลู่สือเยี่ยนบอกว่า “ย่าครับ เธอเป็นภรรยาผม หลินเซียง”หลินเซียงมองคุณย่าลู่ “คุณย่า”คิ้วของคุณย่าลู่ขมวดเข้าหากันทันที เธอปล่อยมือลู่สือเยี่ยน “ก่อนหน้านี้เธอบอกว่าจะแต่งงานกับหว่านหว่านไม่ใช่เหรอ? ฉันเห็นว่าเด็กคนนั้นก็ใช้ได้นะ ทำไมถึงแต่งงานกับคนอื่นล่ะ?”ท่าทีนั้
ใบหน้าของลู่สือเยี่ยนแสดงออกถึงความซับซ้อนเล็กน้อย เขาพูดอย่างสงบว่า “เรื่องนี้ยังบอกไม่ได้ ต้องรอผลตรวจของแพทย์”หลินเซียงพยักหน้า ตอนนี้คงทำได้แค่นี้ลู่เจิ้งหรงมองหลินเซียงด้วยสายตาไม่เป็นมิตร แล้วพูดกับลู่สือเยี่ยนว่า “อาการของย่าแกดูเหมือนจะดีขึ้น ความคิดของผู้ใหญ่ แกคงรู้ดี น่าจะอยากเห็นแกแต่งงานกับหว่านหว่าน ตอนนั้นแกเป็นคนพาหว่านหว่านไปหาท่านเอง ตอนนี้ถ้าท่านขอร้อง แกก็ปฏิเสธไม่ได้”อวิ๋นหลานกล่าวว่า “เจิ้งหรง แต่สือเยี่ยนกับหลินเซียงรักกันดี ทำแบบนี้ไม่ค่อยดีหรอกมั้ง?”“เหอะ!” ลู่เจิ้งหรงหัวเราะเยาะ “รักกันดี? หลินเซียงไม่ใช่เหรอที่อยากหย่ามาตลอด? ใช้โอกาสนี้หย่ากันไปซะสิ ไม่ต้องมีใครขัดขวางใคร!”อวิ๋นหลานมองหลินเซียงด้วยความกังวล กลัวว่าเธอจะเสียใจแต่หลินเซียงเหมือนไม่ได้ยิน ยืนอยู่มุมห้อง ก้มหน้าลง ปากสวยเม้มเป็นเส้นตรงลู่สือเยี่ยนไม่ได้สนใจคำพูดของลู่เจิ้งหรงเลยเขาตามหาลู่จิ้นหนานจนแทบคลั่ง ยังมีเวลาสนใจเรื่องของเขากับหลินเซียงอีกเหรอ?ดูเหมือนว่าเขาควรหาอะไรให้อีกฝ่ายทำบ้าง!ประมาณสองชั่วโมงผ่านไปผลการตรวจของคุณย่าลู่ออกมาแล้วแพทย์ถือรายงานผลการตรวจแล้วพูด
เสียงของคุณย่าลู่ดังขึ้น ทุกคนในห้องนั่งเล่นต่างก็ตกตะลึง!สีหน้าของลู่สือเยี่ยนตึงเครียดขึ้น เขาคุกเข่าครึ่งตัวอยู่ข้างหน้าคุณย่าลู่แล้วถามว่า “คุณย่าครับ ตอนนี้คุณย่าจำอะไรได้แล้วเหรอครับ?”คุณย่าลู่เอามือลูบหัวเขา “ย่าต้องจำได้อยู่แล้วสิ ย่ายังไม่แก่จนความจำเลอะเลือนซะหน่อย ก่อนหน้านี้เธอบอกว่าจะแต่งงานกับหว่านหว่าน แล้วทำไมวันนี้ถึงไม่พาเธอมาด้วย?”ลู่สือเยี่ยนรู้สึกถึงความผิดปกติอย่างรวดเร็ว เขาชี้ไปที่หลินเซียงแล้วถามว่า “แล้วคุณย่าจำเธอได้ไหมครับ?”คุณย่าลู่มองตามนิ้วมือของเขาไป แล้วส่ายหัว “ไม่รู้จัก เธอเป็นใคร? คนใช้ใหม่ของบ้านเราเหรอ?”หลินเซียงได้ยินคำพูดของเธอ เหมือนกับถูกตบหน้าอย่างแรง ก่อนหน้านี้ตอนที่คุณย่าลู่ความจำเสื่อม เธอมักจะคิดว่าเซี่ยหว่านเป็นคนใช้ของบ้านตระกูลลู่ และยังดีกับหลินเซียงเป็นพิเศษแต่ตอนนี้กลับกัน!ลู่สือเยี่ยนลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “ผมจะพาคุณย่าไปโรงพยาบาลครับ”คุณย่าลู่ขมวดคิ้ว ใบหน้าที่แก่ชราเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ “ไปโรงพยาบาลทำไม? ย่ารู้สึกว่าย่าสบายดีนะ”ลู่สือเยี่ยน “ตรวจร่างกายคุณย่านิดหน่อย เชื่อผมเถอะครับ”คุณย่าลู่ก็ยังไม่ค่อยเต็มใจ
หลังจากที่ลู่สือเยี่ยนพูดจบ เขาก็ไม่ได้วางสาย ได้ยินเสียงเขาเปิดประตูรถลงจากรถ ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบหลินเซียงกำโทรศัพท์แน่น ยื่นมือไปกดปุ่มปิดประตูอีกครั้งครั้งนี้ประตูลิฟต์ปิดลง หัวใจที่สั่นไหวก็ค่อยผ่อนคลายลงอย่างเฉียบพลัน"ประตูลิฟต์ปิดแล้ว" หลินเซียงพูด ตอนนี้เธอเพิ่งรู้ว่าขาของตัวเองอ่อนแรงแค่ไหน!ลู่สือเยี่ยนพูดว่า "อย่าออกจากลิฟต์ก่อนถึงชั้นหนึ่งนะ""อืม"หลินเซียงตอบ ยังไม่วางสายโชคดีที่ลิฟต์มาถึงชั้นหนึ่งอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ไม่มีใครทำงานล่วงเวลาในตึกแล้วเมื่อประตูลิฟต์เปิดออก หลินเซียงก็เห็นลู่สือเยี่ยนยืนอยู่ที่ประตู เธอวิ่งออกไปทันที!ลู่สือเยี่ยนกอดเธอไว้พลางปลอบเบา ๆ "ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมจะตรวจสอบให้ชัดเจน"ด้วยกลิ่นอายที่สดชื่นของเขา หลินเซียงจึงผ่อนคลายลง ตามมาด้วยความหวาดกลัวอย่างรุนแรง!จมูกของเธอรู้สึกแสบร้อน น้ำตาเกือบไหล แต่เธอก็อดทนไว้!ลู่สือเยี่ยนประกองกอดเธอแล้วออกจากอาคารพอก้าวขึ้นรถ ความอบอุ่นจากเครื่องทำความร้อนทำให้ร่างกายที่เย็นเยือกเริ่มอุ่นขึ้นลู่สือเยี่ยนจับมือเธอ ถามว่า "คุณเห็นใครหรือเปล่า?"หลินเซียงส่ายหัว "ไม่มีนะ"แล้วถา
หลินเซียงรู้สึกใจสั่นระรัวเสียงน้ำไหลในห้องน้ำดังขึ้น หลินเซียงจึงโล่งใจเล็กน้อยเธอค่อย ๆ ผ่อนคลายและกอดตัวเองขณะกำลังจะหลับ เตียงข้าง ๆ ก็ยุบลงไป ร่างกายของลู่สือเยี่ยนที่ยังเปียกชื้นจากน้ำ เข้ามากอดเธอแน่น หลินเซียงไม่ขยับหรือดิ้นรน ลู่สือเยี่ยนจูบที่ไหล่เธอเบา ๆ "ราตรีสวัสดิ์ ที่รัก"ขนตาของหลินเซียงกระตุกเล็กน้อย แต่เธอก็ยังไม่ตอบสนองอะไร…วันรุ่งขึ้น หลินเซียงไปทำงานก็พบว่าสวี่ซิงเย่มาถึงแล้ว เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาด ดูสดใสและมีเสน่ห์ เป็นหนุ่มน้อยที่สดใสสวี่ซินหรานกำลังคุยกับเขาอยู่และสวี่ซิงเย่ก็ตอบด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นเธอมาถึง สวี่ซิงเย่รีบลุกขึ้นยืนและเดินมาหาเธอ "คุณหลิน อรุณสวัสดิ์ครับ!"หลินเซียงยิ้มบาง "ตอนนี้เราเป็นเพื่อนร่วมงานกันแล้ว นายเรียกฉันว่าหลินเซียงก็ได้"สวี่ซิงเย่เกาจมูกด้วยความเขินอายเล็กน้อย "หลินเซียง""อืม อรุณสวัสดิ์ค่ะ" หลินเซียงพยักหน้าเล็กน้อยสวี่ซินหรานนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย "ถ้าไม่รู้ว่าเธอแต่งงานแล้ว ฉันนึกว่าพวกเธอเป็นแฟนกันซะอีก"เมื่อได้ยินแบบนั้น สวี่ซิงเย่ขมวดคิ้ว พูดว่า "อย่าพูดอย่างนั้นเลยครับ ผมกั
“ลู่สือเยี่ยน คุณเป็นอะไรมากไหม?”หลินเซียงรู้สึกงงกับเขา!เธอไม่ได้ทำอะไรเลย แต่เขากลับจะยัดเยียดให้เธอไปเปิดห้องกับผู้ชายคนอื่น?เขาเป็นบ้าหรือเปล่า?ลู่สือเยี่ยนจ้องมองเธออย่างเงียบ ๆ แล้วพูดว่า “หลินเซียง ห้ามรับของจากผู้ชายคนอื่น และห้ามชอบผู้ชายคนอื่นด้วย ถ้าผมรู้ คุณอาจไม่ตาย แต่ผู้ชายคนนั้นต้องตายแน่!”เขาเตือนอย่างจริงจังด้วยความเคร่งขรึม ดวงตาของเขาแสดงความต้องการครอบครองเธออย่างไม่มีปิดบังหลินเซียงกัดริมฝีปาก มองเขาด้วยสายตาซับซ้อนถ้าเป็นก่อนหน้านี้ เขาแสดงออกแบบนี้เธอคงดีใจมาก!แต่หลังจากผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มาแล้ว เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้ เธอกลับไม่รู้สึกอะไร!เธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย “ตอนนี้ฉันไปอาบน้ำได้แล้วใช่ไหม? ทำงานมาทั้งวัน เหนื่อยมากจริง ๆ”ลู่สือเยี่ยนมองเธออีกสักพัก แล้วปล่อยเธอไปหลินเซียงเดินไปที่ห้องน้ำลู่สือเยี่ยนเรียกคนใช้มาเก็บเค้กเมื่อหลินเซียงออกมา เธอก็เห็นเขานั่งอยู่บนโซฟา บนโต๊ะมีขี้ผึ้งวางอยู่“ทายา”เมื่อเห็นเธอหันมามอง เขาพูดเสียงต่ำหลินเซียงกัดริมฝีปาก แล้วพูดว่า “ฉันทาเองได้”พูดจบ เธอก็เดินไปหยิบขี้ผึ้งแต่ลู่สือเยี่ยนมือไวกว่