ปวดหัวร้าวจนเหมือนจะระเบิด!หลินเซียงมองไปรอบ ๆ ห้องที่แปลกตา แล้วนึกขึ้นได้ว่าตัวเองถูกลู่สือเยี่ยนขังไว้เธอเอื้อมมือไปเคาะประตู แต่มือที่ยกขึ้นกลับตกลงมา เธอไออย่างรุนแรงพยายามลุกขึ้นอย่างยากลำบาก แล้วเอนตัวพิงกับประตูหลังจากพักหายใจเล็กน้อย เธอก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาลู่สือเยี่ยนเธอไม่สามารถปล่อยให้ตัวเองถูกขังไว้ที่นี่ได้เธอไม่ได้ทำอะไรผิด“ตู๊ด… ตู๊ด… ตู๊ด…”เสียงสัญญาณโทรศัพท์ดังขึ้นสามครั้ง แล้วก็ถูกตัดสายไปหลินเซียงโทรไปอีก อีกฝ่ายก็ตัดสายอีก สุดท้ายอีกฝ่ายปิดเครื่องไปเลยหลินเซียงไอออกมาสองสามครั้ง เจ็บปวดทรมานมาก!ในขณะนั้นเอง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น เสียงของเสี่ยวเยว่ดังขึ้น “คุณผู้หญิงคะ อาหารกลางวันเสร็จแล้ว ฉันจะเอาเข้าไปให้ค่ะ”พูดจบ ก่อนที่หลินเซียงจะทันได้ตอบอะไร เสี่ยวเยว่ก็เปิดประตูเข้ามาทันที“โอ๊ย!”หลินเซียงร้องเสียงหลงสั้น ๆ มือของเธอยังวางอยู่บนพื้น ประตูที่เปิดออกครูดผ่านนิ้วมือของเธอไป!เสี่ยวเยว่ตกใจ “คุณผู้หญิง มานั่งอยู่บนพื้นทำไมคะ?”หลินเซียงดึงมือตัวเองออก มองรอยเลือดบนปลายนิ้ว พลางขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ฉันอยากเจอลู่สือเยี่ยน”เสี่ย
หงเหมยเห็นเหตุการณ์นี้ก็ตกใจจนหน้าซีด “เสี่ยวเยว่ ฉันบอกแล้วไงว่าคุณผู้หญิงไม่ปกติ ดูเหมือนเธอจะหมดสติ คราวนี้ต้องทำยังไง คุณผู้ชายจะตำหนิเราไหม?”เสี่ยวเยว่ก็กังวลเช่นเดียวกัน มือมีแต่เหงื่อไหลออกมาเธอกลืนน้ำลาย แล้วพูดว่า “ไม่หรอก ก็เธอไม่ยอมบอกว่าป่วยนี่ เป็นเพราะเธอเองที่ไม่ยอมสารภาพผิด คุณผู้ชายไม่ตำหนิเราหรอก แต่จะตำหนิเธอมากกว่าที่ไม่ยอมดูแลตัวเอง!”หงเหมยยังคงกังวลไม่หาย “แต่ฉันกลัว…”เสี่ยวเยว่หันไปมองเธอ ก่อนจะพูดว่า “ทำตามที่ฉันบอก เราไม่เป็นอะไรแน่!”หงเหมยตัวสั่นเทา เธอเป็นคนขี้กลัว พอถูกเสี่ยวเยว่พูดเสียงดังใส่แบบนั้น เธอก็พยักหน้าทันที “ได้ เข้าใจแล้ว”…โรงพยาบาลหมอตรวจร่างกายให้หลินเซียง และเริ่มให้น้ำเกลือ เธอมีไข้สูงถึง 40 องศา ถ้ามาช้ากว่านี้อีกหน่อย ก็คงช่วยชีวิตไว้ไม่ได้แล้ว!ลู่สือเยี่ยนนั่งอยู่บนเก้าอี้ มองหลินเซียงที่หมดสติด้วยสายตาเย็นชา ใจเต็มไปด้วยความไม่พอใจและความอึดอัดทรมานร่างกายขนาดนี้ ทำไมไม่ยอมพูดอะไรเลย?เวลาผ่านไปทีละนาที ทีละวินาที จนถึงเที่ยงคืนหลินเซียงก็ฟื้นขึ้นมา เธอไอสองสามครั้ง แล้วยกมือขึ้นโดยไม่รู้ตัว“อย่าขยับ!”แต่มือของเธ
หลินเซียงกระพริบตาอย่างอ่อนแรง ก่อนตัดสินใจถามให้กระจ่าง น้ำเสียงของเธอสงบลงบ้างแล้ว “ลู่สือเยี่ยน คุณบอกว่าฉันวางแผนไม่ดีกับคุณ เรื่องอะไรที่ทำให้คุณคิดว่าฉันทำแบบนั้น?”“ยังมีหน้ามาถามอีกเหรอ?”ลู่สือเยี่ยนยิ่งหน้าเมื่อได้ยินคำพูดของเธอหลินเซียงสวนกลับ “ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย คุณกลับมาใส่ความฉันโดยไม่รู้เรื่องรู้ราว ฉันก็ต้องถามให้มันกระจ่างสิ”เธอยั้งไว้ครู่หนึ่งก่อนพูดต่อ “อย่าพูดจาเหน็บแนม ถ้าจะพูดก็พูดให้มันดี ๆ หน่อย”ลู่สือเยี่ยนหัวเราะเยาะเธอ!เธอยังมีหน้ามาสั่งสอนเขาอีกเหรอ?ดวงตาคมกริบของเขาจ้องมองเธออย่างเย็นชา “เมื่อคืนไม่ใช่คุณที่บอกให้เซี่ยหว่านมาหาผมที่ห้องหรอกเหรอ? หลินเซียง ผมตรวจสอบกล้องวงจรปิดแล้ว คุณกับเซี่ยหว่านเจอกันที่สวน แล้วเธอก็ไปโผล่ในห้องผม อย่าบอกนะว่านี่เป็นแค่เรื่องบังเอิญ”หลินเซียงเข้าใจในที่สุดที่แท้ก็เป็นอย่างนี้เองเธอไม่รู้ว่าทำไมเซี่ยหว่านถึงไปหาลู่สือเยี่ยนแต่เซี่ยหว่านต้องพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้ลู่สือเยี่ยนเข้าใจผิด ว่าเธอเป็นคนสั่งให้ไปแน่ ผู้หญิงคนนี้ ทำไมถึงยังไม่เข้าใจอีกนะ?จุดสำคัญของเรื่องทั้งหมดไม่ได้อยู่ที่เธอ แต่อยู่ที่ลู่
เธอรู้สึกสะอิดสะเอียน!ใบหน้าของลู่สือเยี่ยนมืดลง “ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น!”หลินเซียงหายใจติดขัดลู่สือเยี่ยนเบี่ยงสายตาไป ลำคอแห้งผาก “เราไม่ได้ทำอะไรกัน ผมแค่โกรธที่คุณส่งผู้หญิงคนอื่นมาขึ้นเตียงกับผม ผมเลยต้องสั่งสอนคุณซะหน่อย”หลินเซียงมองใบหน้าคมชัดของเขา รู้สึกว่ามันไร้สาระสิ้นดี!ในเรื่องราวทั้งหมด เธอเองที่ทุกข์ทรมานที่สุด!หลินเซียงคิดได้อย่างนั้น น้ำตาจึงไหลรินออกมา เธอกัดริมฝีปาก พยายามอดกลั้นไว้ แต่ก็อดไม่ได้ จึงร้องไห้ออกมาทันที!หัวใจของลู่สือเยี่ยนเต้นแรง ความรู้สึกเจ็บปวดแล่นเข้ามา เขาก้าวเข้าไปหาทันที “หลินเซียง…”“ไปให้พ้น!”แต่หลินเซียงมองเขาด้วยน้ำตาคลอ น้ำเสียงแหบพร่าลู่สือเยี่ยนตัวแข็งทื่อ เรื่องทุกอย่างอธิบายได้แล้ว เป็นเขาเองที่เข้าใจผิด ซ้ำร้ายยังปฏิบัติกับเธออย่างนั้นเธอจะโกรธ จะโมโห มันก็สมควรแล้วเป็นเขาเองที่ทำผิดเขาไม่ได้จากไปไหน กลับก้าวเข้าไปแล้วพูดว่า “หลินเซียง ถ้าคุณอยากระบาย จะตีผมก็ได้นะ”หลินเซียงก็ตีเขาจริง ๆแต่เธอป่วยอยู่ จึงไม่มีแรง แรงที่ตีเขาก็แสนจะอ่อนเปลี้ยลู่สือเยี่ยนจับมือเธอไว้ “ผมขอโทษ”หลังจากระบายอารมณ์ออกมา
ลู่สือเยี่ยนกินอาการอย่างรวดเร็วมาก กินจนหมดจานแล้วก็โยนกล่องอาหารใส่ถังขยะไปหลินเซียงอ่อนแอมาก นอนหลับไปอีกครั้งหลังจากนั้นแสงในห้องพักผู้ป่วยหรี่ลง ลู่สือเยี่ยนนั่งอยู่บนโซฟา มองเธอท่ามกลางแสงมืดสลัวเขาชินกับการมีเธออยู่ข้าง ๆ แล้ว จะให้ปล่อยเธอไปได้ยังไง? หย่าเหรอ?รอชาติหน้าเถอะ! …วันรุ่งขึ้นหลินเซียงตื่นขึ้นมา รู้สึกดีขึ้นมากซ่งจั่วเอาอาหารเช้ามาส่ง หลังจากกินเสร็จ เธอก็บอกว่า “ลู่สือเยี่ยน คุณไม่ควรขังฉันไว้แบบนี้”“อืม”ลู่สือเยี่ยนตอบเสียงเรียบหลินเซียงโล่งใจเล็กน้อย แล้วจึงลุกจากเตียง “ฉันไม่เป็นไรแล้ว ฉันจะออกจากโรงพยาบาล”เธอต้องไปเยี่ยมฉินโหย่วหาน!เธอยังจำได้ว่าฉินโหย่วหานบาดเจ็บสาหัส ทำให้เธอรู้สึกผิดอย่างมากลู่สือเยี่ยนขมวดคิ้ว “คุณดีขึ้นจริงเหรอ ให้หมอเป็นคนวินิจฉัย”หลินเซียงยังไปไหนไม่ได้ ต้องรอให้หมอมาตรวจเมื่อหมอตรวจแล้วว่าเห็นว่าไม่มีปัญหาอะไร จึงอนุญาตให้เธอออกจากโรงพยาบาลได้หลินเซียงใส่รองเท้าแล้วเดินออกไป แต่พอถึงประตูก็หันกลับมามองลู่สือเยี่ยน “โทรศัพท์ฉันอยู่ไหน?”ใบหน้าของลู่สือเยี่ยนเย็นชา “ไม่รู้”ตอนที่เธอเป็นลม เขาไม่มีเวลาสน
หลินเซียงพูดว่า “พี่หาน แค่ขนมเล็ก ๆ น้อย ๆ เวลาคุณกินอะไรไม่ค่อยได้ ของพวกนี้ช่วยกระตุ้นความอยากอาหารได้ดีเลย”ของแค่นี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ฉินโหย่วหานยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ ใบหน้าของเขาเขียวช้ำอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาดูโทรมมากหลินเซียงนั่งลงข้างเตียง แล้วถามว่า “คุณบาดเจ็บสาหัสเลยใช่ไหม?”ฉินโหย่วหานไอแล้วตอบว่า “ไม่เป็นไรมาก แค่กระดูกหักไปสองสามท่อนเอง”หลินเซียงหายใจติดขัด รู้สึกผิดมากขึ้น “ขอโทษ…”“เอาเถอะ ไม่ว่าใครเห็นคุณเป็นลมอยู่ข้างถนนก็ต้องช่วย แล้วผมก็เต็มใจเอง คุณไม่ต้องรู้สึกผิด ถ้าคุณรู้สึกไม่สบายใจจริง ๆ งั้นก็ทำอาหารให้ผมกินเถอะ รับผิดชอบเรื่องอาหารในช่วงที่ผมนอนโรงพยาบาลนี้ เป็นไง?”เขามองเธอด้วยรอยยิ้ม น้ำเสียงแผ่วเบา ดวงตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนหลินเซียงพยักหน้า “ได้ ฉันจะขุนคุณให้อ้วนเลย!”มุมปากของฉินโหย่วหานกระตุกเล็กน้อยหลินเซียงรู้ว่าคำพูดของเธอฟังดูไม่ค่อยดี จึงลูบจมูกแล้วพูดว่า “ฉันจะทำอาหารบำรุงร่างกาย เพื่อให้กระดูกของคุณสมานเร็วขึ้น”“ได้”ฉินโหย่วหานตอบตกลงฉินโหย่วหานมองใบหน้าซีดเซียวของเธอ และถามว่า “เขาไม่ได้ทำร้ายคุณจริง ๆ ใช่ไหม
เมื่อเห็นความเป็นปฏิปักษ์อย่างชัดเจนในดวงตาของเฉียวหร่าน หลินเซียงจึงพูดว่า “อย่าเข้าใจผิดนะคะ ฉันแต่งงานแล้ว”ได้ยินดังนั้น เฉียวหร่านก็ลดความระแวงลงทันที และพูดว่า “อ๋อ แต่งงานแล้วนี่เอง แล้วมาที่นี่ทำไม? ไม่กลัวสามีคุณเข้าใจผิดเหรอ?”หลินเซียง “…”นี่มันวงจรความคิดอะไรกัน?เฉียวหร่านพูดว่า “คุณไปเถอะ มีฉันอยู่ที่นี่ก็พอแล้ว”ถึงท่าทีจะดีขึ้นบ้าง แต่เธอก็ยังไม่ชอบให้หลินเซียงอยู่ที่นี่“เฉียวหร่าน!”ฉินโหย่วหานขมวดคิ้ว เฉียวหร่านไล่คนอื่นต่อหน้าเขาแบบนี้ ไม่มีมารยาทเอาซะเลย!เฉียวหร่านมองเขาด้วยแววตาเศร้าหมอง หันตัวไปทางอื่นอย่างน้อยใจหลินเซียงยิ้มบาง ๆ ปละพูดว่า “พี่หาน ฉันไปก่อนนะ คุณพักผ่อนให้ดี ๆ”ฉินโหย่วหานพูดว่า “เดี๋ยวผมให้คนขับรถไปส่ง”“ไม่ต้องค่ะ ฉันจะไปตลาดก่อน” หลินเซียงพูดพร้อมรอยยิ้มฉินโหย่วหานได้ยินดังนั้นก็หัวเราะขึ้นมา “งั้นก็ได้ ระหว่างทางระวังตัวด้วยนะ”“ค่ะ”หลินเซียงออกจากห้องไป เฉียวหร่านก็หันไปมองฉินโหย่วหานทันที “พี่หาน เธอเป็นใครกันแน่? ตัวเองแต่งงานแล้วทำไมยังมาหาพี่อีก?”สีหน้าของฉินโหย่วหานแสดงความเหนื่อยหน่ายออกมา “เฉียวหร่าน เธอไม่ใช่เด็
เธอซื้อซี่โครงหมูและข้าวโพด รวมถึงผักอื่น ๆ อีกเล็กน้อยพอหลินเซียงกลับมาแล้วก็เริ่มตุ๋นซุปขณะนั่งอยู่บนโซฟา เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาส่งข้อความหาซ่งซ่งหลินเซียง: [ฉันขายบ้านแล้ว ตอนนี้ขอมาพักอยู่บ้านเธอชั่วคราวนะ]ซ่งซ่ง: [ไม่เป็นไร อย่าพูดว่าชั่วคราวเลย อยู่ที่นี่ตลอดไปยังได้!]หลินเซียง: [แล้วเธอจะกลับมาเมื่อไหร่?]ซ่งซ่ง: [ฉันอาจจะอยู่ที่นี่อีกสักพัก ทิวทัศน์ที่เมืองถงเฉิงสวยมาก กลับไปแล้วจะซื้อของฝากให้เธอนะ]หลินเซียง: [ได้ จะรอนะ]…เพิ่งออกจากการแชทกับซ่งซ่ง โทรศัพท์ของลู่สือเยี่ยนก็โทรเข้ามาเธอรับสายด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฮัลโหล?”ลู่สือเยี่ยนพูดว่า “จะกลับมาเมื่อไหร่?”หลินเซียงถาม “กลับไปไหน?”ลู่สือเยี่ยน “วิลล่าอ่าวสีคราม ผมอยู่ที่นี่ตลอด”หลินเซียง “แล้วเกี่ยวอะไรกับฉัน?”ลู่สือเยี่ยน “…”ลมหายใจของเขาหนักหน่วงขึ้นแม้จะอยู่ไกลกัน แต่ก็ยังรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงอารมณ์ของเขาได้“หลินเซียง เรายังไม่ได้หย่ากันนะ”“หึ!” หลินเซียงหัวเราะเยาะ “กฎหมายข้อไหนกำหนดว่าคนที่แต่งงานกันต้องอยู่ด้วยกัน?”ลู่สือเยี่ยน “…”หลินเซียงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ถ้าไม่มีอะไร
หลินเซียงได้ยินดังนั้นก็ประหลาดใจเล็กน้อย แล้วพูดว่า “ไม่ต้องแล้วค่ะพี่หาน ฉันกินข้าวเรียบร้อยแล้ว”ฉินโหย่วหานลอกว่า “งั้นไปกินของว่างก็ได้ หลินเซียง ผมดีใจกับคุณจริง ๆ”หลินเซียงกล่าวว่า “งั้นก็รอให้ทุกคนมีเวลาก่อน แล้วเราค่อยไปกินข้าวด้วยกันเถอะค่ะ”นั่นหมายความว่า เธอจะไม่กินข้าวกับฉินโหย่วหานตามลำพังฉินโหย่วหานเงียบไปชั่วขณะครู่ใหญ่จึงพูดว่า “หลินเซียง คุณไม่จำเป็นต้องปฏิเสธความหวังดีของคนอื่นอย่างเด็ดขาด ทุกอย่างควรจะเผื่อลู่ทางไว้บ้าง”ใจของหลินเซียงรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย พูดไม่ออกว่ารู้สึกอย่างไร เธอยิ้มรับ “พี่หาน ฉันรู้ค่ะ”ฉินโหย่วหาน “อืม ถ้าอยากผ่อนคลายก็ไปที่บาร์ของผมได้ เหล้าที่นั่นคุณดื่มได้ไม่อั้น”หลินเซียง “ได้ค่ะ ไว้ฉันจะไปกับซ่งซ่ง แล้วดื่มเหล้าของคุณให้หมดบาร์!”ฉินโหย่วหาน “ยินดีเลย”ทั้งสองคนคุยกันสักพัก แล้ววางสายหลินเซียงนั่งอยู่บนโซฟา มองเพดานที่สวยงาม รู้สึกอยากดื่มขึ้นมาจริง ๆแต่ซ่งซ่งยุ่งกลับมากเธอเดินไปเปิดตู้เย็นแล้วถึงกับอึ้งไปเห็นว่าในตู้เย็นเต็มไปด้วยวัตถุดิบสดใหม่ เป็นของที่เธอชอบทั้งนั้น มือที่จับขอบประตูตู้เย็นของเธอกำแน่นขึ้นค
ไฟถนนสว่างไสว ส่องสว่างครึ่งใบหน้าของลู่สือเยี่ยน คิ้วและดวงตาที่ลึกซึ้งของเขาถูกบดบังด้วยความมืดในรถ ทำให้มองไม่เห็นสีหน้าของเขาในตอนนี้เขาถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “งั้นคืนนี้คุณมีที่อยู่ไหม?”หลินเซียงตอบ “ฉันไปหาซ่งซ่งก็ได้ หรือไปพักโรงแรมก็ได้ เมืองอวิ๋นเฉิงออกจะใหญ่ขนาดนี้ แล้วฉันก็รวยขนาดนี้ จะไม่มีที่อยู่ได้ยังไง”“เหอะ!”ไม่รู้ว่าประโยคไหนทำให้ลู่สือเยี่ยนหัวเราะ เขาหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดว่า “เฟิงหลินหย่วนโอนกลับเป็นชื่อของคุณแล้ว คืนนี้คุณกลับไปที่นั่นก็ได้”หลินเซียงประหลาดใจ “ทำเรื่องเร็วขนาดนั้นเลยเหรอ?”ลู่สือเยี่ยน “ผมยังใจดีพาคุณไปส่งได้ด้วยนะ”หลินเซียง “ไม่ต้อง”พูดจบเธอก็หันหลังเดินจากไปลู่สือเยี่ยนพูดตามหลังเธอ “เราหย่ากันแล้ว กลัวว่าผมจะจับคุณกินเหรอ?”หลินเซียงไม่หันกลับมา “เราไม่มีความสัมพันธ์กันแล้ว ควรรักษาระยะห่างไว้บ้าง อย่าให้คนเข้าใจผิด แล้วมาโทษฉัน สร้างความเดือดร้อนให้ฉันอีก”ลู่สือเยี่ยนไม่พูดอะไรอีก ดวงตาที่มืดมนจ้องมองแผ่นหลังที่ผอมบางของเธอ จนกระทั่งเธอขึ้นรถกระจกรถของเขาค่อย ๆ เลื่อนขึ้น สีหน้าเปลี่ยนไปทันที เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาฟู่จิ่น
เซี่ยหว่านถือกล่องข้าวเดินเข้าไปในห้องทำงานซ่งจั่วเห็นดังนั้น รีบพูดว่า “คุณเซี่ย ข้างในมีแขกอยู่ คุณรอสักครู่แล้วค่อยเข้าไปดีไหมครับ?”เซี่ยหว่านมองเขา สีหน้าของเขาดูมีพิรุธเล็กน้อย แววตาของเธอฉายประกายบางอย่างก่อนพูดขึ้น “เที่ยงแล้ว จะมีแขกที่ไหนอีก?”พูดจบ เธอก็เดินเข้าไปในห้องทำงานทันทีซ่งจั่วมองดูแผ่นหลังของเธอพลางขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้ขัดขวางเซี่ยหว่านผลักประตูห้องทำงานเข้าไป เห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ ลู่สือเยี่ยน กำลังก้มลงพูดอะไรบางอย่างกับเขา ท่าทางของทั้งสองคนดูสนิทสนมกันมากเซี่ยหว่านเห็นภาพนั้น ดวงตาของเธอก็ลุกวาวไปด้วยความโกรธทันที!“สือเยี่ยน ใครน่ะ?”ลู่สือเยี่ยนสีหน้าเปลี่ยนไป เหลือบมองเซี่ยหว่าน “ทำไมไม่เคาะประตู?”เซี่ยหว่านกำกล่องข้าวแน่น เดินเข้าไปอีกสองก้าวแล้วพูดว่า “สือเยี่ยน อย่าลืมเรื่องที่คุณย่าพูดนะ”ลู่สือเยี่ยนหันไปมองผู้หญิงคนนั้น และบอกว่า “นั่งรอก่อน”เจียงอินอินมองเซี่ยหว่าน รู้สึกได้ถึงความเป็นศัตรูของเซี่ยหว่านที่มีต่อตัวเอง เธอเลิกคิ้วเล็กน้อยเธอรู้จักเซี่ยหว่านก่อนหน้านี้ลู่สือเยี่ยนเคยจะหย่ากับหลินเซียงเพื่อเซี่ยหว่านที่แท้เป็
ใครบ้างโตขึ้นมาได้โดยไม่ต้องเอาบางอย่างเข้าแลก?คุณย่าลู่มองเขาด้วยสายตาแปลกประหลาด ครู่ใหญ่จึงถอนหายใจเบาๆ “ก็ได้ ฉันไม่บังคับให้เธอกับหว่านหว่านแต่งงานกันทันทีหรอก แต่สถานะว่าที่คู่หมั้นของหลานกับเธอนั้นเปลี่ยนไม่ได้ แล้วฉันก็ยอมรับแค่เธอคนเดียวเท่านั้นเป็นหลานสะใภ้”ลู่สือเยี่ยน “สะใภ้ของหลานคนไหน?”คุณย่าลู่ขมวดคิ้ว “ตอนนี้ฉันมีหลานชายแค่เธอคนเดียว!”ลู่สือเยี่ยน “งั้น ถ้าตระกูลลู่มีหลานชายเพิ่มอีกคน เธอก็ไม่ต้องแต่งงานกับผมแล้วใช่ไหมครับ?”“แก!”คุณย่าลู่โกรธจนตัวสั่น เครื่องตรวจจับการเต้นของหัวใจเริ่มส่งเสียงดัง สีหน้ายิ่งซีดลงไปเรื่อย ๆลู่สือเยี่ยนลุกขึ้นยืน “จากนี้ไปงานผมจะยุ่งมาก จะไม่มาทำให้คุณย่าปวดหัวอีก พูดตามตรงแล้ว ตอนที่คุณย่าสติเลอะเลือนเพ้อเจ้อยังน่ารักซะกว่า”พูดจบก็ไม่มองสีหน้าของคุณย่าลู่ เดินจากไปทันทีหมอและพยาบาลวิ่งเข้ามาเป็นกลุ่ม ตรวจสอบอาการของคุณย่าลู่ ช่วยปรับความดันโลหิตให้เธอตอนที่เซี่ยหว่านเข้ามา เห็นคุณย่าลู่หน้าซีด กำลังหายใจหอบ“คุณย่าลู่ เป็นไปคะ?”เธอปรี่เข้าไป วางมือทาบอกของคุณย่าลู่ ถามด้วยความเป็นห่วงคุณย่าลู่เห็นเธอเข้ามาก็คว้ามื
ซ่งซ่ง “สบายใจได้เลย ไอ้บ้านั่นแกล้งฉันไม่ลงหรอก พอฉันเบื่อก็จะถีบหัวส่งเอง”หลินเซียงรู้สึกไม่ค่อยดีกลัวที่สุดคือซ่งซ่งจะเล่นจนพลาด ทำให้ฟู่จิ่นซิ่วน้อยใจ เขาอาจจะเลวร้ายกว่าลู่สือเยี่ยนเสียอีกหลินเซียงบอกความกังวลของเธอ “ยังไงก็ระวังตัวด้วยนะ”ซ่งซ่ง “ได้ ๆ รู้แล้ว”หลินเซียง “งั้นฉันไม่รบกวนเวลาทำงานแล้ว ไปก่อนนะ บาย”“จุ๊บ จุ๊บ”…หลินเซียงกลับไปที่สตูดิโอโดยตรงสภาพจิตใจของเธอเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงสวี่ซิงเย่เป็นคนแรกที่สังเกตเห็น จึงถามด้วยรอยยิ้มว่า “เรื่องอะไรทำให้คุณมีความสุขขนาดนี้ครับ?”หลินเซียงประหลาดใจ “เห็นได้ชัดขนาดนั้นเลยเหรอ?”สวี่ซิงเย่พยักหน้า “ชัดแจ๋วเลย ก่อนหน้านี้คุณทำงานไม่เคยยิ้ม วันนี้ยิ้มตลอดเวลา”หลินเซียงลูบหน้า แล้วพูดว่า “อืม ปิดการขายได้น่ะ เซ็นสัญญาเสร็จเรียบร้อย ใกล้จะรวยแล้ว ก็เลยมีความสุข”สวี่ซิงเย่ “งั้นก็ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ”“ขอบคุณ”หลินเซียงยิ้มเล็กน้อย แล้วหันไปเปิดคอมพิวเตอร์เธอมองไปรอบ ๆ ออฟฟิศ พบว่าวันนี้ซืออวี่ไม่ได้มา แต่เธอก็ไม่ได้ใส่ใจ แล้วเริ่มทำงานทันทีที่โรงพยาบาลลู่สือเยี่ยนโยนใบหย่าลงตรงหน้าคุณย่าลู่ ดึ
หลินเซียงรู้สึกสงสัยเล็กน้อย “ทำไมจดล็อบบี้ไม่ได้เหรอคะ?”เจ้าหน้าที่กล่าวว่า “คุณผู้หญิง วันนี้ที่ล็อบบี้คนเยอะ เชิญทั้งสองท่านไปชั้นบนดีกว่า”หลินเซียงเหลือบมองไปที่เคาน์เตอร์รับเรื่องหย่า เห็นว่าคนแน่นจริง ๆอย่างนี้นี่เอง สมัยนี้การแต่งงานส่วนใหญ่คงไปกันไม่รอดสินะ?เธอไม่คิดอะไรมาก รีบตามเจ้าหน้าที่ขึ้นไปชั้นบนในห้องทำงานของนายทะเบียน ทั้งสองคนกรอกเอกสารเพิ่มเติม แล้วก็เข้าสู่เรื่องการแบ่งทรัพย์สินลู่สือเยี่ยนหยิบสัญญาฉบับหนึ่งให้เธอ “นี่คือค่าชดเชยให้คุณ”หลินเซียงรับมาดู พอเห็นชื่อบางชื่อ ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างบ้านที่เฟิงหลินหย่วน เขากลับยกให้เธอบ้านหลังนั้นเธอขายไปแล้วไม่ใช่เหรอ?เขาซื้อคืนมาเมื่อไหร่?หรือว่าเป็นอีกหลังหนึ่ง?นั่นเป็นบ้านหลังใหญ่หลังแรกที่เขาให้เธอ มีความทรงจำดี ๆ เธอยังคงชอบมันอยู่เธอมองลงไปด้านล่าง ยังมีค่าชดเชยการหย่าอีกห้าสิบล้านเยี่ยมไปเลย เธอกลายเป็นมหาเศรษฐีแล้วลู่สือเยี่ยนจ้องมองเธออย่างลึกซึ้ง “มีอะไรสงสัยไหม?”หลินเซียงส่ายหัว “ไม่มีค่ะ”จากนั้นก็ถึงขั้นตอนการเซ็นชื่อไม่นาน นายทะเบียนก็มอบใบหย่าให้ทั้งสองคนแต่ลู่สือเยี่ยนไม
หลินเซียงกลับไปที่สตูดิโอสวี่ซิงเย่เห็นสีหน้าที่ผิดปกติของเธอ จึงถามว่า “หลินเซียง คุณไม่สบายหรือเปล่าครับ?”หลินเซียงส่ายหัว “เปล่า อาจจะแค่พักผ่อนไม่เพียงพอ”สวี่ซิงเย่กังวลเล็กน้อย “ยังมีอะไรที่ยังทำไม่เสร็จอยู่ไหมครับ? ให้ผมช่วยก็ได้ ผมจะช่วยคุณเอง”หลินเซียง “ไม่มีแล้ว ขอบคุณมาก”สวี่ซิงเย่ยังอยากจะพูดอะไรอีก ซืออวี่ก็เดินเข้ามา “เสี่ยวสวี่ ออกไปข้างนอกกับฉันหน่อย!”สวี่ซิงเย่พยักหน้า “ได้ครับ”ช่วงนี้ ซืออวี่มักจะพาสวี่ซิงเย่ออกไปข้างนอก เขามีความสามารถ แถมยังดื่มเหล้าเก่ง ถนัดการเข้าร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ทางธุรกิจมากมาย ด้วยความสามารถของเขาทำให้ดึงดูดทรัพยากรได้มาก ตอนนี้เริ่มทำแบบร่างโครงการด้วยตัวเองแล้วหลินเซียงมองตามพวกเขาออกไป ในใจเกิดความสงสัยเล็กน้อยช่วงนี้งานเลี้ยงเยอะเกินไปหรือเปล่า?ก่อนหน้านี้ไม่เห็นจะเป็นแบบนี้เลยสวี่ซินหรานพูดขึ้นมาทันที “หึ ก่อนหน้านี้บอสมักจะพาเธอออกไป ให้ความสำคัญกับเธอมาก ตอนนี้เป็นไงล่ะ ดูเหมือนความสามารถของสวี่ซิงเย่จะโดดเด่นกว่าเธอนะ”หลินเซียง “งั้นเธอมีดีอะไรบ้างล่ะ?”สวี่ซินหรานอึ้ง ไม่คิดว่าเธอจะโต้กลับหลินเซียงมองเธออย่
คุณย่าลู่ขู่จะตาย! สีหน้าของลู่สือเยี่ยนเปลี่ยนไปทันทีเซี่ยหว่านรีบเข้าไป พร้อมกับร้องไห้พูดว่า “คุณย่าลู่ค่ะ อย่าพูดอย่างนั้นเลย ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าสุขภาพของคุณแล้วค่ะ เราไปตรวจกันก่อนดีไหมคะ?”คุณย่าลู่มองเธอด้วยความปลื้มปิติ “หว่านหว่าน เธอนี่เป็นเด็กดีจริง ๆ ตระกูลลู่เป็นหนี้เธอมากเกินไปแล้ว ถ้าฉันไม่ทำอะไรสักอย่าง สู้ตายไปยังไม่เจ็บช้ำเท่า”เซี่ยหว่านร้องไห้จนพูดไม่ออก!สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นมาทันทีลู่สือเยี่ยนไม่ยอม คุณย่าลู่ก็ยิ่งหน้าซีดลงเรื่อย ๆ เธอจับจ้องราวกับจะคาดคั้นรอการตัดสินใจของเขาหลินเซียงเดินเข้าไป มองลู่สือเยี่ยนแล้วพูดว่า “เราไปหย่ากันก่อนเถอะ สุขภาพของย่าสำคัญกว่า”คุณย่าลู่มองลู่สือเยี่ยนด้วยความกระวนกระวายลู่สือเยี่ยนหันไปมองหลินเซียงอย่างรวดเร็ว กระตุกมุมปาก “ผลลัพธ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้ คุณคงพอใจแล้วใช่ไหม?”หลินเซียงเม้มริมฝีปาก พูดว่า “แต่สุขภาพของย่าสำคัญกว่า”ลู่สือเยี่ยนพยักหน้า “ได้ หย่าก็หย่า”คุณย่าลู่ก็โล่งใจขึ้นมาทันที นอนลงบนเตียงแล้วหลับไปหมอและพยาบาลพาคุณย่าลู่ไปห้องตรวจเซี่ยหว่านเช็ดน้ำตาบนใบหน้า มองลู่สือเยี่ยนแล้วพูดว่า “สือเยี่
คุณย่าลู่ “จะมีใครทำร้ายเธอได้ยังไง? นั่นเป็นแค่การคาดเดาของเธอเท่านั้น”“เหอะ!”ลู่สือเยี่ยนหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดต่อ “คุณย่าครับ คนคนหนึ่งที่เพิ่งฟื้นขึ้นมาแต่ความจำเสื่อม จะไปอยู่บนถนนได้ยังไง? คนดูแลที่บ้านเราล่ะ? หายหัวไปไหนหมด?”คุณย่าลู่เงียบไปลู่สือเยี่ยนพูดต่อ “ตอนนั้นเธอเป็นคนที่ช่วยผม พาผมกลับบ้าน ถ้าไม่ใช่เธอ วันนี้ย่าก็คงไม่ได้เจอหน้าผมแล้ว”คุณย่าลู่มองหลินเซียง แล้วพูดขึ้นมาทันทีว่า “ความจริงเป็นแค่เรื่องบังเอิญหรือเปล่า ตอนนี้ยังสรุปไม่ได้ ถ้าเกิดเธอรู้ตัวตนของหลานตั้งแต่แรกล่ะ?”“ฉันไม่รู้ค่ะ”หลินเซียงรู้สึกว่าเธอควรจะพูดอะไรสักอย่างเธอมองคุณย่าลู่อย่างสงบ “คุณย่าคะ ฉันไม่รู้ว่าทำไมคุณย่าถึงได้เกลียดฉันขนาดนี้ แต่เมื่อก่อนย่าไม่ใช่แบบนี้ แถมยังชอบฉันมาก ถึงกับบอกเขาว่า ถ้าเขาทำร้ายฉัน คุณย่าจะช่วยฉันตีเขา ฉันยังจำคำพูดพวกนั้นได้อยู่เลย”เธอหายใจออกเบา ๆ แล้วพูดต่อ “แต่แน่นอนค่ะ คุณย่าจำไม่ได้ งั้นก็ไม่สำคัญแล้ว ฉันไม่รู้จักตัวตนของเขาตั้งแต่แรก จนกระทั่งเขาได้ความทรงจำกลับมา แล้วมาเปิดตัวในที่ที่ฉันทำงานอยู่ ฉันถึงได้รู้จักตัวตนของเขา”คุณย่าลู่เงียบไป ใบหน้