หลินเซียงยังคงกังวลอยู่บ้าง “เป็นเพื่อนกับลู่สือเยี่ยนได้ นิสัยคงไม่ได้ดีไปกว่ากันหรอก ถ้าทำให้เขาโกรธขึ้นมาจริง ๆ เธอต้องรีบหนีไปให้ทันล่ะ”“สบายใจได้เลย” ซ่งซ่งมีท่าทีร่าเริง ดูเหมือนว่ายังหลอกคนไม่จุใจหลินเซียงลุกขึ้น แล้วพูดว่า “ฉันคงต้องใช้เวลาอีกสองสามวันถึงจะกลับไป หวังว่าฉันกลับไปแล้ว ถึงตอนนั้นเธอจะยังปลอดภัยดี”ซ่งซ่งบ่นอุบอิบ “ที่รัก เธอจะไม่อวยพรให้ฉันสมปรารถนาหน่อยเหรอ?”หลินเซียงหัวเราะ “ได้สิ ฉันหวังว่าเธอจะเล่นงานฟู่จิ่นซิ่วนั่นจนเสียผู้เสียคนไปข้าง ทำให้เขารัก รักจนถึงขั้นคลั่งไคล้ ยอมเจ็บยอมตายเพื่อเธอ ชนกำแพงเพื่อเธอ”ซ่งซ่ง “ฟังดูน่ากลัวไปหน่อยนะ”หลินเซียงหัวเราะ แล้วพูดว่า “เอาล่ะ ไม่คุยด้วยแล้ว ฉันยังมีธุระต้องทำต่อ”“โอเคจ้า จุ๊บ จุ๊บ”หลังจากวางสายแล้ว หลินเซียงลุกขึ้นไปอาบน้ำ พอออกมาก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้งเธอเหลือบมอง เป็นสายเรียกเข้าจากฉีจื่อเหิง เธอรับสาย “ฮัลโหล?”เสียงหัวเราะเบา ๆ ของฉีจื่อเหิงดังลอยมา “หลินเซียง นอนหลับสบายดีไหม?”“อืม” หลินเซียงตอบ “มีอะไรหรือเปล่า?”ฉีจื่อเหิงเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “ฉันคิดว่าจะรับช่วงดูแล
หลินเซียงยิ้มเล็กน้อย ไม่ได้ตอบกลับคำพูดนั้นใช้เวลาไม่นานก็มาถึงลานตั้งแคมป์ ฉีจื่อเหิงขนของลงจากรถไปยังเต็นท์ที่พวกเขาอยู่ หลินเซียงคอยช่วยอยู่ด้านหลังพอจัดการทุกอย่างเสร็จ หลินเซียงก็พับแขนเสื้อขึ้น “ฉันช่วยนะ”ฉีจื่อเหิงยิ้มบาง “ได้ แต่ระวังด้วยนะ ระวังมือไหม้”“อืม”ทั้งสองคนช่วยกันทำงานอย่างขะมักเขม้น ไม่นานกลิ่นหอมของบาร์บีคิวก็ลอยมาหลินเซียงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูป แล้วส่งให้ซ่งซ่งซ่งซ่ง [ยังไงจ๊ะ ยังไง? มือที่ถ่ายติดมาใช่ผู้ชายหรือเปล่า? ที่รักของฉัน ในที่สุดเธอก็เปิดใจให้กว้าง เริ่มคบกับหนุ่มคนใหม่แล้วเหรอ?]หลินเซียงรีบเก็บโทรศัพท์ ไม่ให้ฉีจื่อเหิงเห็น ไม่งั้นคงน่าอายแย่ฉีจื่อเหิงย่างเนื้อเสียบไม้เสร็จแล้ว หยิบมาหนึ่งไม้แล้วยื่นให้เธอ “ลองชิมดูสิ”หลินเซียงถือเนื้อเสียบไม้ไว้ทั้งสองข้าง ทำให้ไม่มีมือว่างไปรับ จึงอ้าปากกัด“อืม อร่อยดี”ดวงตาของฉีจื่อเหิงเป็นประกาย ใบหูแดงก่ำ ยืนอยู่ข้างเธอ เริ่มทำตัวไม่ถูกหลินเซียงเห็นเขายังยืนอยู่ข้าง ๆ จึงถามด้วยความสงสัย “เป็นอะไรหรือเปล่า?”“ปะ เปล่า…”ฉีจื่อเหิงพูดด้วยท่าทางกระอักกระอ่วน แล้วถามว่า “เธออยากกินอีกไหม
หลินเซียงหรี่ตาลง แล้วพูดว่า “หล่อ อ่อนโยน เจ้ากี้เจ้าการบ้างบางครั้ง แต่ต้องดีกับฉันมาก ๆ เลย แล้วก็เชื่อฟังทุกอย่าง…”ขณะที่เธอกำลังบรรยาย ใบหน้าของลู่สือเยี่ยนก็ปรากฏขึ้นในหัวของเธอไม่ใช่ หน้าของอาเยี่ยนต่างหากเขายิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน ดวงตาเป็นประกายด้วยความรักและความอ่อนโยน ที่ทำให้คนจมปลักได้อย่างไม่ยากเย็นนั่นคืออาเยี่ยนที่สูญเสียความทรงจำอาเยี่ยนของเธอดวงตาของฉีจื่อเหิงเป็นประกายยิ่งกว่าเดิม กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ก็เห็นหลินเซียงลุกขึ้นยืนพรวดพราด แต่เธอดื่มเหล้าไปมาก ทำให้มึนหัว ขณะที่ลุกขึ้นร่างกายก็ซวนเซเล็กน้อย“ระวัง!”ฉีจื่อเหิงรีบลุกขึ้นไปประคองเธอ ทำให้เธอเซไปอยู่ในอ้อมกอดของเขาภาพนี้ถูกผู้ชายที่อยู่ไม่ไกลเห็นเข้า“ขอโทษที…”หลินเซียงที่แก้มแดงก่ำมองฉีจื่อเหิง ดวงตาใสแจ๋วแสดงความรู้สึกผิดเล็กน้อยเธอดื่มหนักไปหน่อยอาจเป็นเพราะปกติแล้วเธอไม่ค่อยดื่มเหล้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประเภทนี้ เธอดื่มแค่ครึ่งขวดก็ยังพอไหว แต่ถ้าเกินหนึ่งขวด เธอจะเมาจนควบคุมตัวเองไม่ได้ใบหูของฉีจื่อเหิงแดงและร้อนฉ่า พยุงเธอเอาไว้พลางพูดว่า “เธอเมาแล้ว ให้ฉันพาเธอเข้าไปนอนพักใ
ฉีจื่อเหิงเบิกตาโตอย่างไม่เชื่อ มองพวกเขา "เธอ… พวกคุณ..."ลู่สือเยี่ยนจูบมุมปากของหลินเซียงเบา ๆ แล้วพูดว่า "หลินเซียงที่รัก บอกเขาไปซิว่าผมเป็นใคร"หลินเซียงตอนนี้เอาแต่มองหน้าเขา เหมือนลืมความเจ็บปวดที่เขาเคยทำไปหมด จำได้แค่ว่าเขาคืออาเยี่ยน"สามีฉันเอง..."เธอพูดแผ่วเบา ด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานลู่สือเยี่ยนยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ มองไปที่ฉีจื่อเหิง "ยังไม่ไปอีก ตั้งใจจะอยู่ดูเราสองคนพลอดรักกันอยู่ตรงนี้หรือไง?"สีหน้าของฉีจื่อเหิงแข็งค้างเหมือนถูกฟ้าผ่า!สามี!เธอมีเจ้าของแล้ว!เธอแต่งงานแล้ว!แต่ก่อนหน้านี้ เธอเพิ่งจะบอกเขาชัด ๆ ว่าเธอไม่มีแฟนฉีจื่อเหิงรับไม่ได้ มองหลินเซียงที่อยู่ในอ้อมแขนของลู่สือเยี่ยน คิดว่าเธอกำลังหลอกเขา!ในเมื่อตัวเองแต่งงานแล้ว ทำไมถึงไม่บอกเขาตามตรง?ทำให้เขาเสียเวลาและความรู้สึกไปเสียเปล่า!เขาหันหลังเดินออกไปลู่สือเยี่ยนสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงบนสีหน้าของฉีจื่อเหิงทั้งหมด ในดวงตาปรากฎรอยยิ้มเยาะเย้ยเล็กน้อย สายตามองกลับมาที่ใบหน้าของหลินเซียงฤทธิ์แอลกอฮอล์เริ่มทำงาน ใบหน้าขาวผ่องของเธอตอนนี้แดงก่ำ นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนใสแจ๋ว ตอนนี้เปียกชื้นแ
ลู่สือเยี่ยนจ้องมองเธออย่างไม่วางตา แม้ว่าเขาจะเห็นคลิปวงจรปิดตอนที่เธอเจอเขาครั้งแรกซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลายครั้งแล้วก็ตาม เขาก็ยังไม่แน่ใจว่าเธอรู้ตัวตนของเขาหรือเปล่าถ้ารู้ เธอก็ต้องเป็นคนที่วางแผนแยบยลมาก อยู่ด้วยกันมาตั้งปีหนึ่งเขายังไม่ทันสังเกตเห็นเลย!แต่ถ้าไม่รู้...เขาไม่กล้าคิดต่อ และไม่กล้าเชื่อใจง่าย ๆนัยน์ตาสีดำสนิทของเขาฉายประกายแสงอ่อน ลมหนาวพัดมา หลินเซียงหนาวสั่นจึงรีบเข้าไปซุกอยู่ในอ้อมกอดเขา “อาเยี่ยน หนาวจัง กอดฉันหน่อยสิ”ความตึงเครียดในใจทำให้เขารู้สึกอึดอัด แต่เมื่อเห็นสภาพของเธอในตอนนี้ เขาก็ใจแข็งไม่ลงที่จะทำให้เธอรู้ตัวที่จริงแล้ว เขาหลงใหลในความอ่อนหวานและน่ารักของเธอในตอนนี้ลู่สือเยี่ยนระงับความคิดฟุ้งซ่าน รวบตัวเธอเข้าสู่อ้อมกอดแน่น สัมผัสถึงอุณหภูมิอันอบอุ่นจากร่างเธอ ดวงตามืดลงเล็กน้อย“ประธานลู่ครับ”ในขณะนั้นเอง รองผู้ว่าการก็เดินเข้ามา เมื่อเห็นลู่สือเยี่ยนกำลังกอดผู้หญิงคนหนึ่ง เขาก็ตกใจเล็กน้อย แต่ก็เก็บอาการอย่างรวดเร็ว“คืนนี้คุณจะพักที่นี่ หรือกลับไปที่เฝ่ยชุ่ยจูครับ?”รองผู้ว่าการถามเสียงเบาลู่สือเยี่ยนตอบ “กลับไปที่เฝ่ยชุ่ยจู”ที่
หลินเซียงกำมือเล็กน้อยขณะที่ถูกพาขึ้นรถ เธอรู้สึกตัวแล้วแต่ไม่ได้ลืมตาขึ้นมาทันที ฉีจื่อเหิงจากไปแล้ว เวลานี้ดึกมาก เธอไม่สามารถกลับไปที่โรงแรมได้ด้วยตัวเอง ได้แต่แสร้งทำเป็นหลับต่อไปดูเหมือนจะมีเหตุผลอื่น แต่เธอไม่อยากคิดมากนักเธอพูดเสียงเบาว่า “ใช่ ทำไม?”“หลินเซียง คุณโกหกผมเพื่อที่จะอาศัยรถคนอื่นกลับที่พักฟรี ๆ คุณกล้าทำแบบนี้กับผมได้ยังไง?” ลู่สือเยี่ยนเกือบจะตะคอกออกมาเพราะความโมโหหลินเซียงมองเขา “ฉันไม่ได้ขอบคุณแล้วหรอกเหรอ? คุณยังต้องการอะไรอีก? หรือว่าต้องให้ฉันคุกเข่ากราบคุณ?”ลู่สือเยี่ยน “…”ผู้หญิงคนนี้ช่างมีฝีมือในการยั่วโมโหคนจริง ๆ!หลินเซียงเห็นสีหน้าที่มืดมนลงเรื่อย ๆ ของเขา จึงยิ้มมุมปากเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ลู่สือเยี่ยน ก็แค่ส่งสาวสวยตัวคนเดียวกลับโรงแรม ถ้าคุณจะโกรธเพราะเรื่องแค่นี้ งั้นคุณก็ใจแคบเกินไปแล้วล่ะ”พูดจบเธอก็หันหลังเดินจากไปลู่สือเยี่ยน “…”เขาหัวเราะออกมาจริง ๆ เพราะความโมโห!เธอหน้าด้านขนาดไหนถึงพูดออกมาได้หน้าตาเฉย?ลู่สือเยี่ยนยืนอยู่ที่เดิมนานพอสมควรจึงกลับขึ้นรถซ่งจั่วรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่ไม่ปกติอย่างชัดเจน จึงค่อย ๆ สตาร์ทรถแล้
“ฮัลโหล”เสียงของฉีจื่อเหิงดังขึ้น “เธอเป็นไงบ้าง?”หลินเซียงตอบกลับ “ฉันไม่เป็นไร แต่เรื่องเมื่อคืน…”ฉีจื่อเหิงรีบพูด “ขอโทษ ตอนนั้นฉันร้อนใจเกินไป ไม่ได้สร้างความลำบากใจให้เธอใช่ไหม?”“ไม่เลย” น้ำเสียงของหลินเซียงราบเรียบฉีจื่อเหิงเงียบไปครู่หนึ่งจึงพูดว่า “มีเรื่องหนึ่ง ฉันไม่รู้จะบอกเธอยังไงดี”หลินเซียงสงสัยเล็กน้อย “เรื่องอะไรเหรอ?”ฉีจื่อเหิงตะกุกตะกักอยู่นาน ในที่สุดก็พูดว่า “คือว่า… ฉันจะรับช่วงบริหารสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้ต่อ คราวนี้ต้องยื่นเอกสารให้ทางภาครัฐอนุมัติก่อน แต่ฉันยื่นเอกสารไปวันนี้แล้วถูกปฏิเสธกลับมา พอไปถามเพื่อน เพื่อนบอกว่าเป็นเพราะนักธุรกิจจากเมืองอวิ๋นมากดดันผู้ใหญ่อีกทีหนึ่ง”เขาหยุดชั่วครู่ แล้วพูดด้วยความสับสน “ฉันไม่รู้ว่าฉันไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจ หลินเซียง เธอกับเขาเป็นสามีภรรยากัน… งั้นช่วยไปถามเขาให้หน่อยได้ไหม?”ได้ยินดังนั้น สีหน้าของหลินเซียงก็เย็นชาลงลู่สือเยี่ยนกดดันเจ้าหน้าที่ที่นี่ ไม่ให้ฉีจื่อเหิงรับช่วงบริหารสถานเลี้ยงเด็กกำพร้างั้นเหรอ?ทำไม?ฉีจื่อเหิงเป็นแค่คนธรรมดา พวกเขาไม่มีความขัดแย้งกันทางผลประโยชน์ซะหน่อยฉีจื่อเหิ
หลินเซียงพยายามดิ้นรน แต่ก็ดิ้นไม่หลุด ใบหน้าเล็กแสดงสีหน้าเย็นชา เธอถามกลับ “แล้วจะให้มาเพราะเรื่องอะไรล่ะ? ฉันต้องถามให้รู้เรื่องชัดเจน ว่าทำไมคุณถึงจ้องจะเล่นงานฉีจื่อเหิง เขาไม่ได้ไปทำอะไรให้คุณไม่พอใจสักหน่อย”“ทำสิ”ลู่สือเยี่ยนพูดเสียงเย็นชาหลินเซียงตกใจ “เมื่อไหร่?”ลู่สือเยี่ยนปล่อยมือ แล้วมองเธอด้วยความเย็นชา “ทำไมผมต้องบอกคุณด้วย? คุณเป็นอะไรกับเขา? มาถามผมในฐานะอะไร?”“คุณ…”หลินเซียงหายใจติดขัด มองท่าทางที่ไม่ยอมอ่อนข้อของเขา รู้สึกพูดไม่ออกและหมดหนทาง!พอเป็นแบบนี้แล้วเธอทำอะไรไม่ได้เลย!และดูท่าแล้ว เขาคงไม่ปล่อยฉีจื่อเหิงไปง่าย ๆ แน่ ทั้งหมดเป็นเพราะเธอที่ทำให้ฉีจื่อเหิงต้องเดือดร้อน เธอต้องจัดการเรื่องนี้ให้จบหลินเซียงหายใจเข้าลึก ก่อนจะปรับน้ำเสียงให้ฟังดูดีขึ้น แล้วถามว่า “ลู่สือเยี่ยน ถ้าเขาทำผิดอะไร หรือไปทำให้คุณไม่พอใจ ฉันขอโทษแทนเขา คุณเป็นถึงประธานบริษัทดีเคกรุ๊ป ควรใจกว้างต่อเพื่อนมนุษย์ อย่าถือสาหาความเขาเลยนะ”แต่ทันทีที่เธอพูดจบ สีหน้าของลู่สือเยี่ยนก็เย็นชายิ่งกว่าเดิม เขาหัวเราะเยาะ “คุณขอโทษแทนเขา? คิดว่าตัวเองเป็นใคร? แล้วเขาเป็นใคร?”หลินเ
ซ่งซ่งนอนไม่หลับ พลิกตัวไปมาอยู่บนเตียง ทั้งตื่นเต้นและกังวลใจ เมื่อคิดว่าตัวเองกำลังจะออกจากเมืองอวิ๋น ออกไปจากฟู่จิ่นซิ่ว คนที่น่ารังเกียจนั่น เธอก็รู้สึกตื่นเต้นแทบแย่แทบนับเวลาถอยหลัง“ปัง ปัง ปัง!”แต่ในขณะนั้นเอง เสียงเคาะประตูดังสนั่นก็ดังขึ้นซ่งซ่งตกใจ รีบลุกขึ้นมองออกไปข้างนอก เด็กผู้หญิงก็ตกใจตื่นเช่นกัน “ใครน่ะ?”ในใจของซ่งซ่งมีความรู้สึกไม่ดีแวบเข้ามา หรือว่าเขาจะตามทันแล้ว?เร็วขนาดนี้เลยเหรอ?เธอลุกจากเตียงพูดว่า “ฉันไปดูเอง พวกเธออย่าออกมาล่ะ”เด็กผู้หญิงกังวลใจ “ซ่งซ่ง จะไม่เป็นไรใช่ไหม?”ซ่งซ่งพยักหน้า “ไม่ต้องห่วง ไม่มีอะไรหรอก”เธอสวมเสื้อผ้าออกจากบ้าน “ใคร?”เธอถามอย่างระมัดระวัง“ซ่งซ่ง ฉันเอง รีบออกมาเร็ว!”เสียงของหลินเซียงดังขึ้นที่หน้าประตูซ่งซ่งชะงัก รีบไปเปิดประตู “ที่รัก กลับมาทำไม?”เธอไม่ได้กลับบ้านไปแล้วเหรอ?พอคำนวณเวลาแล้ว ตอนนี้ควรจะถึงเฟิงหลินหย่วนแล้วสิหลินเซียงจับข้อมือเธอ สีหน้ากระวนกระวาย “ฉันเห็นรถของฟู่จิ่นซิ่ว เขาหาเธอเจอแล้ว ไปกันเร็ว!”เมื่อได้ยินดังนั้น ซ่งซ่งก็ตกตะลึง “หาฉันเจอแล้ว? หาฉันเจอได้ยังไง?”การเคลื่อนไหวขอ
หลินเซียงใส่ขนมปังกรอบลงในถุง จัดเตรียมให้เรียบร้อย พลางพูดว่า “เวลาจำกัด ฉันเลยทำแค่อาหารที่เก็บรักษาง่ายและรสชาติใช้ได้ ให้เธอมีอะไรรองท้องระหว่างทาง”เมื่อได้ยินแบบนั้น ซ่งซ่งก็กะพริบตา แล้ววิ่งเข้ามากอดเธอ “ที่รัก ทำไมน่ารักแบบนี้นะ หรือพวกเราหนีไปด้วยกันเลยดีไหม!”หลินเซียงยิ้ม “พอแล้ว ไปล้างหน้าเร็ว ฉันจะไปส่งเธอที่ชานเมือง”รถบัสรอบแรกมาถึงพรุ่งนี้เช้า ซ่งซ่งต้องไปรอตั้งแต่คืนนี้แต่ซ่งซ่งส่ายหน้า “ไม่ต้อง ฉันติดต่อคนไว้แล้ว เธอพักผ่อนที่บ้านเถอะ ฉันไม่เป็นไร”หลินเซียงพูดว่า “ไม่ได้ ถ้าฉันไม่ไปส่งเธอด้วยตัวเอง ฉันไม่สบายใจ”ซ่งซ่งมองสีหน้าจริงจังของเธอ รู้ว่าเธอตัดสินใจแล้ว จึงกอดเธออีกครั้ง “ฮือ ฮือ ไม่อยากจากเธอเลย”หลินเซียงพาเธอไปที่ห้องน้ำ ดูแลเธอขณะล้างหน้าล้างตา ตรวจสอบสิ่งของที่จำเป็นอาหาร เครื่องดื่ม และของใช้ส่วนตัวง่าย ๆ ล้วนเป็นแบบใช้แล้วทิ้งอืม เกือบครบแล้วหลังจากจัดของเสร็จ ทั้งสองคนก็อยู่ด้วยกันอีกพักหนึ่ง ก่อนจะออกเดินทางตอนตีสองเมืองอวิ๋นในยามดึกเงียบสงบ ถนนแทบไม่มีรถสัญจร ผู้คนยิ่งไม่มีหลินเซียงขับรถไปทางชานเมือง ส่วนซ่งซ่งก็พูดถึงความหวังในอน
หลินเซียง “…”แม้ว่าครั้งที่แล้วจะสังเกตเห็นความผิดปกติของคนทั้งสอง แต่เมื่อได้ยินสิ่งที่ซ่งซ่งพูดออกมาในตอนนี้ เธอก็พูดอะไรไม่ออกการที่เรื่องราวพัฒนามาถึงจุดนี้ จริง ๆ แล้วมีร่องรอยให้เห็นฟู่จิ่นซิ่วให้ความสนใจกับซ่งซ่งมากเกินไป และซ่งซ่งก็ไม่ได้ระวังตัวเพียงแต่…ตอนนี้เพิ่งจะคิดได้ จะสายเกินไปหรือเปล่า?หลินเซียงพูดความกังวลของตัวเองออกมาซ่งซ่งเข้ามาใกล้ และกระซิบว่า “ที่รัก ฉันวางแผนไว้แล้ว ฉันจะไม่นั่งเครื่องบินหรือรถไฟ แต่จะนั่งรถบัสไป เป็นรถบัสแบบที่วิ่งตามท้องถนนในชนบท ตราบใดที่ฉันออกจากเมืองอวิ๋นไปได้อย่างปลอดภัย ถึงเขาจะอยากหาฉันก็หาไม่เจอ”หลินเซียงขมวดคิ้ว “แต่แบบนั้นไม่ปลอดภัยนะ”ซ่งซ่ง “ตอนนี้ฉันยังต้องสนใจเรื่องความปลอดภัยอยู่อีกเหรอ? ถ้ายังอยู่ในเมืองอวิ๋น ฉันก็ไม่ปลอดภัยอยู่ดี ฉันเลยต้องคิดแล้วตัดสินใจไปแบบกะทันหัน เขาคงเดาไม่ได้ว่าฉันจะไปเมื่อไหร่”หลินเซียงยังคงรู้สึกไม่ดี เปลี่ยนมาถามว่า “แล้วงานของเธอล่ะ?”ซ่งซ่งพูดว่า “ฉันขอลาออกแล้ว และวันนี้ก็เริ่มส่งใบสมัครงาน สร้างภาพลวงตาว่าฉันแค่อยากเปลี่ยนงานเฉยๆ”เธอวางแผนทุกอย่างไว้แล้ว หลินเซียงไม่รู้จะพูดอะ
บรรยากาศในลิฟต์ค่อนข้างแปลกประหลาดมีความเย็นชาปะปนกับความผ่อนคลาย บรรยากาศที่กดดันแผ่ซ่านไปทั่ว แต่เมื่อปะทะกับฉินโหย่วหานและหลินเซียง มันก็หายไปความรู้สึกแปลกประหลาดที่อธิบายไม่ได้ ทำให้รู้สึกอึดอัดลิฟต์เคลื่อนขึ้นไปอย่างราบรื่น ไม่นานประตูลิฟต์ก็เปิดออก ลู่สือเยี่ยนก้าวออกไปด้วยสีหน้าเย็นชาเป็นอย่างมากฉินโหย่วหานมองตามแผ่นหลังของเขา เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจ เขาไม่ทำอะไรเลย นี่ไม่เหมือนนิสัยปกติของเขาหรือว่าเขาจะยอมปล่อยหลินเซียงแล้วจริง ๆ?ประตูลิฟต์ปิดลง สายตาของฉินโหย่วหานจับจ้องไปที่ใบหน้าของหลินเซียง แต่เห็นเธอมองประตูลิฟต์อย่างเหม่อลอยไม่ใช่สิ่งที่เธอมองน่าจะเป็นลู่สือเยี่ยนเพียงแต่ตอนนี้ประตูลิฟต์ปิดลง บดบังสายตาของเธอไว้ในดวงตาของฉินโหย่วหานมีความเย็นชาเพิ่มขึ้น เขาถามว่า “คิดอะไรอยู่?”ขนตาของหลินเซียงสั่นเล็กน้อย “ฉันแค่คิดว่า ในเรื่องนี้ เขากำลังรับบทบาทเป็นอะไร”ฉินโหย่วหานกล่าวว่า “ไม่ว่าเขาจะแสดงบทบาทไหน ก็ไม่เกี่ยวกับพวกเราแล้ว”หลินเซียงเหม่อลอยไปครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “คุณพูดถูก”เธอและลู่สือเยี่ยนหย่ากันแล้วดังนั้นจึงไม่มีความเกี่
ฉินโหย่วหานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “บอกเรื่องที่คุณรู้ทั้งหมดให้ผมฟังหน่อย”หลินเซียงพยักหน้า เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เขาฟังอย่างละเอียดครู่หนึ่ง ฉินโหย่วหานก็หัวเราะเบา ๆหลินเซียงมองเขา “เป็นอะไรไป?”ฉินโหย่วหานพูดว่า “หลินเซียง ผมขอเดาแบบบ้า ๆ เลยนะ”“พูดมาก่อนค่ะ” หลินเซียงมองเขาอย่างจริงจัง ในดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัยฉินโหย่วหานจอดรถข้างทาง เอามือวางบนพวงมาลัย บนใบหน้าหล่อเหลาและอ่อนโยนปรากฏรอยยิ้มขบขัน “คุณว่ามีความเป็นไปได้ไหม ที่มีคนปลอมตัวเป็นจ้าวข่ายไปทำเรื่องพวกนั้น แล้วโยนความผิดให้เขา?”เมื่อได้ยินดังนั้น ดวงตาของหลินเซียงก็เบิกกว้างขึ้นเรื่อย ๆ มือของเธอกำขนมปังกรอบแน่นความเป็นไปได้นี้ เธอไม่เคยคิดถึงมาก่อน!เมื่อคิดดูให้ดี ไม่ว่าจะเป็นวิดีโอหรือรูปถ่ายที่ลู่สือเยี่ยนให้เธอดู ‘จ้าวข่าย’ คนนั้นสวมหมวกและหน้ากากตลอดเวลา มองจากรูปร่างก็คิดว่าเป็นจ้าวข่ายได้ไม่ยากแต่ถ้าไม่ใช่ล่ะ?ถ้าเป็นแค่คนที่มีรูปร่างคล้ายกับจ้าวข่ายมาก ๆ ล่ะ?เมื่อนึกถึงห้องใต้ดินที่มืดมิด จ้าวข่ายที่ล้มลุกคลุกคลานอยู่บนพื้น พยายามอธิบายด้วยความเจ็บปวดเขาพูดมาตลอดว่าเขาไม่ได้ขโมย เ
“ตกใจมากใช่ไหม?” ซ่งจั่วมองสีหน้าตกตะลึงของเขาแล้วยิ้มขมขื่น“แหงล่ะ พวกเราทุกคนคิดว่าเซี่ยหว่านเป็นคนช่วยท่านประธานลู่จริง ๆ ถือว่าเธอเป็นผู้มีบุญคุณอย่างมาก แต่ต่อมาพวกเราก็รู้ความจริง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของตัวเอง เธอทำได้ทุกวิถีทาง”ซ่งจั่วเก็บแท็บเล็ต “ซือเยี่ยน สิ่งที่นายยึดมั่นมานานผิดทั้งหมด”“ทำไมเป็นแบบนี้?” ซือเยี่ยนพึมพำกับตัวเอง “ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้?”ลู่สือเยี่ยนมองเขาอย่างเย็นชา “อยู่กับฉันมานานขนาดนี้ หัวคิดไม่มีความก้าวหน้าเลยสักนิด”ซือเยี่ยนตัวสั่น มองลู่สือเยี่ยนด้วยสายตาอ้อนวอน “ท่านประธานลู่ครับ ผมรู้ตัวแล้วว่าผิด ผมสำนึกผิดจริง ๆ ได้โปรดให้โอกาสผมอีกครั้ง…”เสียงของเขาเริ่มสั่นเครือ ตัวสั่นสะท้านอย่างรุนแรงเพราะเขารู้ว่าลู่สือเยี่ยนจะไม่ให้โอกาสเขาอีกลู่สือเยี่ยนมองเขาอย่างเย็นชา แล้วพูดกับซ่งจั่วว่า “ตัดเอ็นข้อมือข้อเท้าเขาซะ แล้วเอาไปทิ้งที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำ”“ครับ”ซ่งจั่วรู้สึกสงสาร แต่นี่เป็นคำสั่งของลู่สือเยี่ยนลู่สือเยี่ยนหันหลังเดินจากไปซือเยี่ยนมองตามลู่สือเยี่ยนที่จากไปด้วยสีหน้าสิ้นหวัง ในดวงตาเต็มไปด้วยความเสียใจ!…หลินเซียงออกมา
สวีซินหรานหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรออก ในระหว่างนั้น สายตาของเธอมองไปยังหลินเซียงที่อยู่ไม่ไกลนัก ในดวงตาปรากฏความเคียดแค้น“ฮัลโหล คุณเซี่ย ช่วยฉันหน่อยได้ไหม? ฉันอยากฆ่าหลินเซียง นังสารเลวนั่น!”…ซืออวี่สังเกตเห็นความผิดปกติของหลินเซียงเธอเย็นชามาก ไม่สนใจอะไรเลย แต่ก็ยังคงทำงานที่ได้รับมอบหมายได้เป็นอย่างดีซืออวี่บอกข่าวนี้กับลู่สือเยี่ยนในขณะนั้น ลู่สือเยี่ยนกำลังดูสิ่งที่ซ่งจั่วได้มาจากการสืบสวน คิ้วขมวดแน่นฉินโหย่วหานจับเซี่ยหว่านขังไว้ในตู้คอนเทนเนอร์ ถือเป็นการแก้แค้นแทนหลินเซียง แต่สิ่งนี้เกี่ยวข้องอะไรกับการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของเธอกัน?ลู่สือเยี่ยนพูดเสียงต่ำ “จับตาดูซือเยี่ยนไว้ เขาดูไม่ปกติ”ซ่งจั่วชะงัก “คงไม่ใช่มั้งครับ เขาคอยปกป้องคุณหลินมาตลอดไม่ใช่เหรอ?”ลู่สือเยี่ยนพูดอย่างเย็นชา “บอกให้ไปก็ไป ทำไมต้องพูดมาก?”ซ่งจั่ว “ครับ”การตรวจสอบพฤติกรรมของซือเยี่ยนเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา แต่เมื่อเขาเห็นสิ่งที่ได้จากการตรวจสอบ เขาก็ตกใจมากช่วงเย็น ซ่งจั่วก็นำหลักฐานที่ได้มาส่งให้ลู่สือเยี่ยนเขามองลู่สือเยี่ยนอย่างหวาดหวั่น มือที่กำแน่นมีเหงื่อออกลู่สือเยี่ย
เขามองซ่งจั่วอย่างเย็นชา “เธอเป็นอะไรไป?”ซ่งจั่วทำหน้างง “ผม ผมไม่รู้ครับ”ตอนเจอหลินเซียงที่โรงพยาบาลก่อนหน้านี้ เธอยังไม่เป็นแบบนี้ แต่หลินเซียงตอนนี้ เรียกได้ว่าเย็นชาและไม่เป็นมิตรอย่างมากช่วงนี้เกิดอะไรขึ้นกับเธอ?ลู่สือเยี่ยนพูดเสียงเย็น “ไปสืบมาให้ชัดเจน”“ครับ” ซ่งจั่วพยักหน้าลู่สือเยี่ยนไม่ออกไป แต่ไปที่ชั้นใต้ดิน ราวกับนึกอะไรขึ้นมาได้จึงพูดว่า “เรียกซือเยี่ยนมาพบฉัน”“ครับ”ดีเค กรุ๊ปทันทีที่ลู่สือเยี่ยนเข้าไปในห้องส่วนตัวของประธาน ซือเยี่ยนก็เคาะประตูห้อง“เข้ามา”ซือเยี่ยนเปิดประตูเข้าไป สีหน้าค่อนข้างเกร็ง “ท่านประธานลู่”ลู่สือเยี่ยนนั่งลงบนเก้าอี้ ถามด้วยเสียงเย็นชา “นายติดตามหลินเซียงมาตลอด เห็นความผิดปกติของเธอบ้างไหม?”ดวงตาของซือเยี่ยนกะพริบเล็กน้อย เมื่อคืนเขาไม่ได้ติดตามหลินเซียงตลอดเวลา แต่เรื่องก่อนหน้านี้ก็ยังพอจะตอบคำถามได้“ฉินโหย่วหานไปรับคุณหลิน แล้วทั้งสองคนไปที่ชายหาด ที่เดียวกับที่ที่คุณหลินถูกจับตัวไปครั้งก่อน” ซือเยี่ยนเริ่มเล่าเมื่อได้ยินดังนั้น ลู่สือเยี่ยนก็หรี่ตาลงเล็กน้อย “พวกเขาไปที่นั่นทำไม?”ซือเยี่ยน “ผม ผมไม่ทราบครับ ผมอย
สีหน้าของหลินเซียงชะงักไปเล็กน้อย นิ้วที่กำโทรศัพท์แน่นขึ้น เสียงพูดแห้งผาก “ฉันเหมือนจะไม่เคยพูดว่าเขารักฉันนี่คะ”เซี่ยซือซือถอนหายใจ “หลินเซียง พวกเราแพ้แล้ว”หลินเซียงหลับตาลง “ขอโทษนะคะ คุณเซี่ย แผนการฉันดันไปดึงคุณลงมาซวยด้วย ถ้ามันสร้างความเสียหายอะไรให้คุณ คุณบอกฉันได้เลย”เซี่ยซือซือหัวเราะขมขื่น “ไม่ ไม่มีอะไรเสียหาย ฉันเต็มใจร่วมมือกับคุณเอง ไม่ว่าผลที่ตามมาจะเป็นยังไง ฉันก็ต้องรับผิดชอบ”หลินเซียงพูดอะไรไม่ออก เพราะพวกเขาไม่เคยคิดว่าเรื่องราวจะดำเนินไปในทิศทางนี้ไม่เคยคิดเลยว่าลู่สือเยี่ยนจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเซี่ยหว่านทำไมกัน?คำถามนี้ เธอคิดไม่ตกมาตลอดทำไมเขาต้องช่วยเซี่ยหว่าน?ในใจของหลินเซียง ตอนนี้มีความรู้สึกอยากจะไปหาลู่สือเยี่ยน ถามเขาว่านี่มันหมายความว่ายังไงกันแน่เสียงของเซี่ยซือซือดังขึ้น “หลินเซียง ฉันขอจัดการเรื่องของตัวเองก่อน มีความคืบหน้าอะไร เราค่อยติดต่อกันใหม่”“ค่ะ”หลังจากวางสายหลินเซียงยังคงอยู่ในสภาพเหม่อลอยไม่รู้ทำไม เสียงของเซี่ยซือซือถึงดังก้องอยู่ในหูเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าลู่สือเยี่ยนรักเธอจริงเหรอ?เคยรักจริง ๆ บ้างหรือเปล่า?