หญิงสาวหน้าเจื่อนเล็กน้อย ทำเป็นไม่สนใจเขาลู่สือเยี่ยนพูดขึ้นมาว่า “มานี่”ริมฝีปากของหลินเซียงเม้มเข้าหากัน เรื่องก่อนหน้านี้ยังไม่ทันได้สะสาง ทำไมต้องทำตามคำสั่งของเขาด้วย?เธอจึงหันหลังกลับไป ยิ้มให้ฉินโหย่วหานเบา ๆ “รบกวนพี่หานช่วยไปส่งฉันหน่อยแล้วกันนะคะ”ฉินโหย่วหานเลิกคิ้ว “ส่งสาวสวยกลับบ้านทั้งที ผมยินดีมากเลยครับ จะเรียกว่ารบกวนได้ยังไง”ว่าแล้วก็เปิดประตูรถสีหน้าของลู่สือเยี่ยนมืดมนลง มองหลินเซียงไม่วางตาในขณะนั้น เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ฉินโหย่วหานก็ดังขึ้น เขาหยิบขึ้นมาดู ดวงตาที่เฉียบคมราวสุนัขจิ้งจอกปรากฏความเย็นชาขึ้นมา“ฮัลโหล?”หลินเซียงมองเขา ไม่ได้ก้าวขึ้นรถทันทีฉินโหย่วหานฟังอีกฝ่ายพูด สีหน้าดูไม่ดีเลย “เข้าใจแล้วครับ”เขาวางสายแล้วหันไปมองหลินเซียง สีหน้าของความรู้สึกผิดปรากฏขึ้น “ขอโทษนะ ผมคงไปส่งคุณไม่ได้แล้ว พอดีที่บ้านมีเรื่องด่วน ผมต้องรีบไป”หลินเซียงกะพริบตาปริบ “งั้นคุณรีบไปเถอะค่ะ ฉันเรียกรถกลับเองก็ได้”ฉินโหย่วหานพูด “ผมจะหาคนไปส่งคุณ”หลินเซียงส่ายหัวพร้อมรอยยิ้ม “ไม่เป็นไรค่ะ แถวนี้มีรถอยู่ริมถนนเยอะแยะ คุณรีบไปทำธุระด่วนเถอะ”ฉินโห
หลินเซียงถามกลับ “งั้นนายติดต่อ เซวียนเซวียนได้หรือเปล่า?”ฉีจื่อเหิงส่ายหัว “ติดต่อไม่ได้เลย ตั้งแต่ เซวียนเซวียนเจอพ่อแม่ที่แท้จริงแล้ว เธอก็ติดต่อแค่กับคุณแม่ผู้อำนวยการบ้างเป็นบางครั้ง พวกเราคนอื่น ๆ ไม่มีช่องทางการติดต่อเธอเลย”คิ้วของหลินเซียงขมวดเป็นปมดูเหมือนว่าหลิวอวี้เฟินจะได้รับการประกันตัวโดยครอบครัวของเซวียนเซวียน รู้มาว่าตระกูลของเธอค่อนข้างมีอิทธิพล การจะตามตัวไม่ใช่เรื่องง่ายในเมื่อเป็นอย่างนั้น พ่อแม่ที่แท้จริงของเธอคือใครกันแน่? เธอคงไม่มีวันรู้ใช่ไหม?ฉีจื่อเหิงเห็นเธอเงียบไป จึงถามว่า “หลินเซียง เธอเป็นอะไรหรือเปล่า?”หลินเซียงกลับมามีสติอีกครั้ง จึงส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่มีอะไร เธอหายไปแบบนี้แล้ว คงไม่กลับมาง่าย ๆ นายจะทำยังไงต่อไป?”ฉีจื่อเหิงส่ายหัวด้วยความสับสน “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”ท้องฟ้าเริ่มสว่างหลินเซียงมองดูนาฬิกา แล้วพูดว่า “ฉันจะไปสถานีตำรวจ ดูซิว่าพอได้ความอะไรมาบ้าง”ฉีจื่อเหิงพูด “งั้นเดี๋ยวฉันไปกับเธอ”“ไม่ต้องเลย นายอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเถอะ หลิวอวี้เฟินหายตัวไป แต่ที่นั่นยังต้องมีคนอยู่ดูแล” หลินเซียงส่ายหน้าฉีจื่อเหิงพยักหน้า
หลินเซียงยังคงกังวลอยู่บ้าง “เป็นเพื่อนกับลู่สือเยี่ยนได้ นิสัยคงไม่ได้ดีไปกว่ากันหรอก ถ้าทำให้เขาโกรธขึ้นมาจริง ๆ เธอต้องรีบหนีไปให้ทันล่ะ”“สบายใจได้เลย” ซ่งซ่งมีท่าทีร่าเริง ดูเหมือนว่ายังหลอกคนไม่จุใจหลินเซียงลุกขึ้น แล้วพูดว่า “ฉันคงต้องใช้เวลาอีกสองสามวันถึงจะกลับไป หวังว่าฉันกลับไปแล้ว ถึงตอนนั้นเธอจะยังปลอดภัยดี”ซ่งซ่งบ่นอุบอิบ “ที่รัก เธอจะไม่อวยพรให้ฉันสมปรารถนาหน่อยเหรอ?”หลินเซียงหัวเราะ “ได้สิ ฉันหวังว่าเธอจะเล่นงานฟู่จิ่นซิ่วนั่นจนเสียผู้เสียคนไปข้าง ทำให้เขารัก รักจนถึงขั้นคลั่งไคล้ ยอมเจ็บยอมตายเพื่อเธอ ชนกำแพงเพื่อเธอ”ซ่งซ่ง “ฟังดูน่ากลัวไปหน่อยนะ”หลินเซียงหัวเราะ แล้วพูดว่า “เอาล่ะ ไม่คุยด้วยแล้ว ฉันยังมีธุระต้องทำต่อ”“โอเคจ้า จุ๊บ จุ๊บ”หลังจากวางสายแล้ว หลินเซียงลุกขึ้นไปอาบน้ำ พอออกมาก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้งเธอเหลือบมอง เป็นสายเรียกเข้าจากฉีจื่อเหิง เธอรับสาย “ฮัลโหล?”เสียงหัวเราะเบา ๆ ของฉีจื่อเหิงดังลอยมา “หลินเซียง นอนหลับสบายดีไหม?”“อืม” หลินเซียงตอบ “มีอะไรหรือเปล่า?”ฉีจื่อเหิงเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “ฉันคิดว่าจะรับช่วงดูแล
หลินเซียงยิ้มเล็กน้อย ไม่ได้ตอบกลับคำพูดนั้นใช้เวลาไม่นานก็มาถึงลานตั้งแคมป์ ฉีจื่อเหิงขนของลงจากรถไปยังเต็นท์ที่พวกเขาอยู่ หลินเซียงคอยช่วยอยู่ด้านหลังพอจัดการทุกอย่างเสร็จ หลินเซียงก็พับแขนเสื้อขึ้น “ฉันช่วยนะ”ฉีจื่อเหิงยิ้มบาง “ได้ แต่ระวังด้วยนะ ระวังมือไหม้”“อืม”ทั้งสองคนช่วยกันทำงานอย่างขะมักเขม้น ไม่นานกลิ่นหอมของบาร์บีคิวก็ลอยมาหลินเซียงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูป แล้วส่งให้ซ่งซ่งซ่งซ่ง [ยังไงจ๊ะ ยังไง? มือที่ถ่ายติดมาใช่ผู้ชายหรือเปล่า? ที่รักของฉัน ในที่สุดเธอก็เปิดใจให้กว้าง เริ่มคบกับหนุ่มคนใหม่แล้วเหรอ?]หลินเซียงรีบเก็บโทรศัพท์ ไม่ให้ฉีจื่อเหิงเห็น ไม่งั้นคงน่าอายแย่ฉีจื่อเหิงย่างเนื้อเสียบไม้เสร็จแล้ว หยิบมาหนึ่งไม้แล้วยื่นให้เธอ “ลองชิมดูสิ”หลินเซียงถือเนื้อเสียบไม้ไว้ทั้งสองข้าง ทำให้ไม่มีมือว่างไปรับ จึงอ้าปากกัด“อืม อร่อยดี”ดวงตาของฉีจื่อเหิงเป็นประกาย ใบหูแดงก่ำ ยืนอยู่ข้างเธอ เริ่มทำตัวไม่ถูกหลินเซียงเห็นเขายังยืนอยู่ข้าง ๆ จึงถามด้วยความสงสัย “เป็นอะไรหรือเปล่า?”“ปะ เปล่า…”ฉีจื่อเหิงพูดด้วยท่าทางกระอักกระอ่วน แล้วถามว่า “เธออยากกินอีกไหม
หลินเซียงหรี่ตาลง แล้วพูดว่า “หล่อ อ่อนโยน เจ้ากี้เจ้าการบ้างบางครั้ง แต่ต้องดีกับฉันมาก ๆ เลย แล้วก็เชื่อฟังทุกอย่าง…”ขณะที่เธอกำลังบรรยาย ใบหน้าของลู่สือเยี่ยนก็ปรากฏขึ้นในหัวของเธอไม่ใช่ หน้าของอาเยี่ยนต่างหากเขายิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน ดวงตาเป็นประกายด้วยความรักและความอ่อนโยน ที่ทำให้คนจมปลักได้อย่างไม่ยากเย็นนั่นคืออาเยี่ยนที่สูญเสียความทรงจำอาเยี่ยนของเธอดวงตาของฉีจื่อเหิงเป็นประกายยิ่งกว่าเดิม กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ก็เห็นหลินเซียงลุกขึ้นยืนพรวดพราด แต่เธอดื่มเหล้าไปมาก ทำให้มึนหัว ขณะที่ลุกขึ้นร่างกายก็ซวนเซเล็กน้อย“ระวัง!”ฉีจื่อเหิงรีบลุกขึ้นไปประคองเธอ ทำให้เธอเซไปอยู่ในอ้อมกอดของเขาภาพนี้ถูกผู้ชายที่อยู่ไม่ไกลเห็นเข้า“ขอโทษที…”หลินเซียงที่แก้มแดงก่ำมองฉีจื่อเหิง ดวงตาใสแจ๋วแสดงความรู้สึกผิดเล็กน้อยเธอดื่มหนักไปหน่อยอาจเป็นเพราะปกติแล้วเธอไม่ค่อยดื่มเหล้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประเภทนี้ เธอดื่มแค่ครึ่งขวดก็ยังพอไหว แต่ถ้าเกินหนึ่งขวด เธอจะเมาจนควบคุมตัวเองไม่ได้ใบหูของฉีจื่อเหิงแดงและร้อนฉ่า พยุงเธอเอาไว้พลางพูดว่า “เธอเมาแล้ว ให้ฉันพาเธอเข้าไปนอนพักใ
ฉีจื่อเหิงเบิกตาโตอย่างไม่เชื่อ มองพวกเขา "เธอ… พวกคุณ..."ลู่สือเยี่ยนจูบมุมปากของหลินเซียงเบา ๆ แล้วพูดว่า "หลินเซียงที่รัก บอกเขาไปซิว่าผมเป็นใคร"หลินเซียงตอนนี้เอาแต่มองหน้าเขา เหมือนลืมความเจ็บปวดที่เขาเคยทำไปหมด จำได้แค่ว่าเขาคืออาเยี่ยน"สามีฉันเอง..."เธอพูดแผ่วเบา ด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานลู่สือเยี่ยนยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ มองไปที่ฉีจื่อเหิง "ยังไม่ไปอีก ตั้งใจจะอยู่ดูเราสองคนพลอดรักกันอยู่ตรงนี้หรือไง?"สีหน้าของฉีจื่อเหิงแข็งค้างเหมือนถูกฟ้าผ่า!สามี!เธอมีเจ้าของแล้ว!เธอแต่งงานแล้ว!แต่ก่อนหน้านี้ เธอเพิ่งจะบอกเขาชัด ๆ ว่าเธอไม่มีแฟนฉีจื่อเหิงรับไม่ได้ มองหลินเซียงที่อยู่ในอ้อมแขนของลู่สือเยี่ยน คิดว่าเธอกำลังหลอกเขา!ในเมื่อตัวเองแต่งงานแล้ว ทำไมถึงไม่บอกเขาตามตรง?ทำให้เขาเสียเวลาและความรู้สึกไปเสียเปล่า!เขาหันหลังเดินออกไปลู่สือเยี่ยนสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงบนสีหน้าของฉีจื่อเหิงทั้งหมด ในดวงตาปรากฎรอยยิ้มเยาะเย้ยเล็กน้อย สายตามองกลับมาที่ใบหน้าของหลินเซียงฤทธิ์แอลกอฮอล์เริ่มทำงาน ใบหน้าขาวผ่องของเธอตอนนี้แดงก่ำ นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนใสแจ๋ว ตอนนี้เปียกชื้นแ
ลู่สือเยี่ยนจ้องมองเธออย่างไม่วางตา แม้ว่าเขาจะเห็นคลิปวงจรปิดตอนที่เธอเจอเขาครั้งแรกซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลายครั้งแล้วก็ตาม เขาก็ยังไม่แน่ใจว่าเธอรู้ตัวตนของเขาหรือเปล่าถ้ารู้ เธอก็ต้องเป็นคนที่วางแผนแยบยลมาก อยู่ด้วยกันมาตั้งปีหนึ่งเขายังไม่ทันสังเกตเห็นเลย!แต่ถ้าไม่รู้...เขาไม่กล้าคิดต่อ และไม่กล้าเชื่อใจง่าย ๆนัยน์ตาสีดำสนิทของเขาฉายประกายแสงอ่อน ลมหนาวพัดมา หลินเซียงหนาวสั่นจึงรีบเข้าไปซุกอยู่ในอ้อมกอดเขา “อาเยี่ยน หนาวจัง กอดฉันหน่อยสิ”ความตึงเครียดในใจทำให้เขารู้สึกอึดอัด แต่เมื่อเห็นสภาพของเธอในตอนนี้ เขาก็ใจแข็งไม่ลงที่จะทำให้เธอรู้ตัวที่จริงแล้ว เขาหลงใหลในความอ่อนหวานและน่ารักของเธอในตอนนี้ลู่สือเยี่ยนระงับความคิดฟุ้งซ่าน รวบตัวเธอเข้าสู่อ้อมกอดแน่น สัมผัสถึงอุณหภูมิอันอบอุ่นจากร่างเธอ ดวงตามืดลงเล็กน้อย“ประธานลู่ครับ”ในขณะนั้นเอง รองผู้ว่าการก็เดินเข้ามา เมื่อเห็นลู่สือเยี่ยนกำลังกอดผู้หญิงคนหนึ่ง เขาก็ตกใจเล็กน้อย แต่ก็เก็บอาการอย่างรวดเร็ว“คืนนี้คุณจะพักที่นี่ หรือกลับไปที่เฝ่ยชุ่ยจูครับ?”รองผู้ว่าการถามเสียงเบาลู่สือเยี่ยนตอบ “กลับไปที่เฝ่ยชุ่ยจู”ที่
หลินเซียงกำมือเล็กน้อยขณะที่ถูกพาขึ้นรถ เธอรู้สึกตัวแล้วแต่ไม่ได้ลืมตาขึ้นมาทันที ฉีจื่อเหิงจากไปแล้ว เวลานี้ดึกมาก เธอไม่สามารถกลับไปที่โรงแรมได้ด้วยตัวเอง ได้แต่แสร้งทำเป็นหลับต่อไปดูเหมือนจะมีเหตุผลอื่น แต่เธอไม่อยากคิดมากนักเธอพูดเสียงเบาว่า “ใช่ ทำไม?”“หลินเซียง คุณโกหกผมเพื่อที่จะอาศัยรถคนอื่นกลับที่พักฟรี ๆ คุณกล้าทำแบบนี้กับผมได้ยังไง?” ลู่สือเยี่ยนเกือบจะตะคอกออกมาเพราะความโมโหหลินเซียงมองเขา “ฉันไม่ได้ขอบคุณแล้วหรอกเหรอ? คุณยังต้องการอะไรอีก? หรือว่าต้องให้ฉันคุกเข่ากราบคุณ?”ลู่สือเยี่ยน “…”ผู้หญิงคนนี้ช่างมีฝีมือในการยั่วโมโหคนจริง ๆ!หลินเซียงเห็นสีหน้าที่มืดมนลงเรื่อย ๆ ของเขา จึงยิ้มมุมปากเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ลู่สือเยี่ยน ก็แค่ส่งสาวสวยตัวคนเดียวกลับโรงแรม ถ้าคุณจะโกรธเพราะเรื่องแค่นี้ งั้นคุณก็ใจแคบเกินไปแล้วล่ะ”พูดจบเธอก็หันหลังเดินจากไปลู่สือเยี่ยน “…”เขาหัวเราะออกมาจริง ๆ เพราะความโมโห!เธอหน้าด้านขนาดไหนถึงพูดออกมาได้หน้าตาเฉย?ลู่สือเยี่ยนยืนอยู่ที่เดิมนานพอสมควรจึงกลับขึ้นรถซ่งจั่วรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่ไม่ปกติอย่างชัดเจน จึงค่อย ๆ สตาร์ทรถแล้
หลินเซียง “ฮ่า ฮ่า ตลกดี”ลู่สือเยี่ยน “ชอบก็ดีแล้ว”สุดท้ายหลินเซียงอดไม่ได้ที่จะเบ้ปาก ก่อนจะรีบดึงแขนออก แล้วเดินไปที่ประตูลู่สือเยี่ยนรูปร่างสูงใหญ่เดินตามหลังเธอ แม้เธอจะเดินเร็วแค่ไหน เขาก็ยังตามทันได้อย่างไม่ยากเย็น ท่าทางราวกับกำลังเดินเล่นอยู่หลินเซียง “…”ช่วงขายาวนี่มันดีจริง ๆ!คนอื่นที่เห็นเหตุการณ์นี้ต่างพากันงุนงง หวังกงหันไปถามซ่งจั่ว “คุณซ่งครับ นี่มันอะไรกัน?”เกิดอะไรขึ้น?แต่ซ่งจั่วไม่ตอบคำถามเขา กลับชี้ไปที่แบบแปลนในจุดหนึ่งแล้วถามว่า “ตรงนี้คืออะไรครับ?”หวังกงรีบอธิบายอย่างตั้งใจทันทีแบบนี้ก็ไม่มีใครสนใจลู่สือเยี่ยนและหลินเซียงอีกต่อไปหลังออกจากพื้นที่ก่อสร้าง หลินเซียงเดินไปยังสถานีรถไฟใต้ดินลู่สือเยี่ยนยังคงเดินตามหลังเธอ เสียงฝีเท้าที่หนักแน่นดังขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนเหยียบย่ำอยู่บนหัวใจหลินเซียงรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูกทั้งคู่หย่ากันแล้ว ทำไมเขายังคงรั้งเธอไว้ไม่ปล่อย?เธอหันไปมองเขา “คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?”ลู่สือเยี่ยนล้วงมือลงในกระเป๋าเสื้อโค้ต ท่าทางสง่างามแต่ดูผ่อนคลายในเวลาเดียวกัน ได้ยินดังนั้นจึงยิ้มเล็กน้อย และพูดว่า “นั่งรถไฟใต
หลินเซียงหันไปมองทันที พบเพียงอาคารที่กำลังก่อสร้างหลายหลังโดยไม่มีสิ่งอื่นใดแต่สายตาที่มองมานั้นช่างจริงจังเหลือเกินหลินเซียงไม่คิดว่าตัวเองจะรู้สึกผิดพลาดแดดร้อนจัดส่องลงมาบนตัวเธอ เธอกลับรู้สึกหนาวเย็นเล็กน้อยตอนนี้เป็นฤดูใบไม้ร่วงแล้ว เธอจึงรวบเสื้อโค้ตสีเบจที่สวมอยู่แล้วเดินเร็วไปข้างหน้า ที่นี่ไม่ปลอดภัย จึงควรตรวจสอบให้เสร็จแล้วจากไปโดยเร็ว...รถหรูหลายคันจอดอยู่ที่ประตูทางเข้าพื้นที่ก่อสร้าง หัวหน้าคนงานมีสีหน้าอ่อนน้อมถ่อมตน ก่อนจะยื่นหมวกนิรภัยให้“ประธานลู่ครับ ที่นี่อันตราย ทำไมท่านถึงมาเองล่ะครับ?”ลู่สือเยี่ยนรูปร่างสูงโปร่งสง่างาม สวมโค้ตสีดำ ทั้งตัวดูสง่างามและเย็นชา ท่าทางการเคลื่อนไหวทุกอย่างแสดงถึงความสูงส่ง คิ้วเข้มบนใบหน้าหล่อเหลาแผ่พลังอำนาจอันร้ายกาจซ่งจั่วรับหมวกนิรภัยแล้วส่งให้เขาลู่สือเยี่ยนสวมหมวกไปพลางพูดไปพลางว่า “ผมมาไม่ได้เหรอ?”หวังกงถึงกับสะอึกไปครู่หนึ่งลู่สือเยี่ยนดูเหมือนยังหนุ่ม แต่ใครจะคิดว่านิสัยจะเข้าใจยากถึงเพียงนี้แต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไรต่อ ลู่สือเยี่ยนก็เดินเข้าไปข้างในแล้วซ่งจั่วยิ้มบาง และพูดว่า “ที่นี่เป็นพื้นที่ที่ด
ไอ้ผู้ชายบ้าคนนี้เป็นหมูหรือไง?กินเก่งขนาดนี้เลยเหรอ?นั่นกับข้าวสองอย่างกับซุปอีกชามเลยนะ!อาหารสำหรับสองวันของเธอถูกเขากินหมดแล้ว!หลินเซียงยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่ พรุ่งนี้ต้องไปเปลี่ยนรหัสที่ชั้นล่าง ไม่ให้เขาขึ้นมาได้!แล้วก็เปลี่ยนลูกบิดประตูด้วย!ตอนนี้เธอมีเงินเหลือเฟือ!หลินเซียงโมโหมาก เดินเข้าไปในห้องครัวเพื่อดูสภาพ แล้วก็เห็นกับข้าวที่อุ่นไว้บนเตาความโมโหของหลินเซียงชะงักไปชั่วขณะหึ!เธอยิ้มเยาะ แล้วหยิบกับข้าวที่อุ่นไว้มากินต่อเธอหิวจริง ๆ…วันรุ่งขึ้นหลินเซียงจ้างช่างมาเปลี่ยนลูกบิดประตู เปลี่ยนรหัสลิฟต์ แล้วค่อยไปทำงานวันนี้ซืออวี่มาเร็วมาก แต่กลับดูอิดโรยหลินเซียงถามด้วยความสงสัย “เป็นอะไรคะ? ช่วงนี้นอนไม่หลับเหรอ?”ซืออวี่หาว “ใช่แล้ว สองวันนี้ยุ่งมาก ฮอร์โมนแปรปรวนหมด ไม่สวยแล้ว”หลินเซียงหัวเราะ “งั้นก็กลับไปพักผ่อนเถอะค่ะ”ซืออวี่ส่ายหัว “ไม่ อยู่ที่นี่ก็พักได้”หลินเซียง “…”สุดยอดเลยเธอดึงเก้าอี้นั่งลง มีนมกล่องหนึ่งอยู่ตรงหน้า พอมองขึ้นไปก็เห็นสวี่ซิงเย่ยิ้มเขินอายเล็กน้อย“ผมซื้อนมมา แต่ลืมไปว่าตัวเองแพ้นม ถ้าคุณไม่รังเกียจก็ช่วยผมดื่มใ
หลินเซียงโมโหจนอยากจะเตะคน!“ปล่อย!”ลู่สือเยี่ยนก้มมองเธอ เดินเข้าไปพร้อมกับพูดว่า “ไม่ปล่อย ถ้าปล่อยเดี๋ยวคุณก็ตีผมสิ”หลินเซียงมองเขาด้วยความโมโห ไม่ใช่แค่ “เดี๋ยวก็” แต่เป็น “แน่ ๆ!”ผู้ชายคนนี้น่าทุบจริงๆ!เขาเดินสำรวจไปรอบ ๆ บ้านก็ไม่พบผู้ชายแปลกหน้าคนไหน ความเย็นชาของลู่สือเยี่ยนก็ลดลง เขาโอบหลินเซียงไปที่ห้องครัว เมื่อเห็นกับข้าวบนโต๊ะอาหารก็เลิกคิ้วเล็กน้อยเขาบีบเอวเธอเบา ๆ กระซิบว่า “คุณไม่ได้บอกว่าไม่ได้ทำกับข้าวหรือไง?”หลินเซียง “ฉันแค่ไม่อยากให้คุณเข้ามา ไม่อยากให้คุณกิน ฟังไม่ออกหรือไง?”ลู่สือเยี่ยน “ฟังออก แต่ผมไม่ทำตาม”หลินเซียง “…”น่าโมโหมาก!ผู้ชายคนนี้หน้าด้านจริง ๆ!เมื่อเห็นสีหน้าบึ้งตึงของเธอ อารมณ์ของลู่สือเยี่ยนกลับดีขึ้นโดยไม่รู้ตัว เขาปล่อยเธอ แล้วดึงเก้าอี้มานั่งข้าง ๆ หยิบตะเกียบขึ้นมากินช้อนส้อมนั้นเป็นของหลินเซียงข้าวในนั้น เธอกินไปคำหนึ่งแล้วด้วยซ้ำเมื่อเห็นท่าทางที่ไม่เกรงใจของเขา หลินเซียงกอดอก ถามว่า “ลู่สือเยี่ยน คุณหมายความว่ายังไง?”“หืม?”ลู่สือเยี่ยนกินข้าวไปด้วย เงยหน้ามองเธอ เหมือนกับว่าไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเธอหมายความว่าอ
หลินเซียงได้ยินดังนั้นก็ประหลาดใจเล็กน้อย แล้วพูดว่า “ไม่ต้องแล้วค่ะพี่หาน ฉันกินข้าวเรียบร้อยแล้ว”ฉินโหย่วหานลอกว่า “งั้นไปกินของว่างก็ได้ หลินเซียง ผมดีใจกับคุณจริง ๆ”หลินเซียงกล่าวว่า “งั้นก็รอให้ทุกคนมีเวลาก่อน แล้วเราค่อยไปกินข้าวด้วยกันเถอะค่ะ”นั่นหมายความว่า เธอจะไม่กินข้าวกับฉินโหย่วหานตามลำพังฉินโหย่วหานเงียบไปชั่วขณะครู่ใหญ่จึงพูดว่า “หลินเซียง คุณไม่จำเป็นต้องปฏิเสธความหวังดีของคนอื่นอย่างเด็ดขาด ทุกอย่างควรจะเผื่อลู่ทางไว้บ้าง”ใจของหลินเซียงรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย พูดไม่ออกว่ารู้สึกอย่างไร เธอยิ้มรับ “พี่หาน ฉันรู้ค่ะ”ฉินโหย่วหาน “อืม ถ้าอยากผ่อนคลายก็ไปที่บาร์ของผมได้ เหล้าที่นั่นคุณดื่มได้ไม่อั้น”หลินเซียง “ได้ค่ะ ไว้ฉันจะไปกับซ่งซ่ง แล้วดื่มเหล้าของคุณให้หมดบาร์!”ฉินโหย่วหาน “ยินดีเลย”ทั้งสองคนคุยกันสักพัก แล้ววางสายหลินเซียงนั่งอยู่บนโซฟา มองเพดานที่สวยงาม รู้สึกอยากดื่มขึ้นมาจริง ๆแต่ซ่งซ่งยุ่งกลับมากเธอเดินไปเปิดตู้เย็นแล้วถึงกับอึ้งไปเห็นว่าในตู้เย็นเต็มไปด้วยวัตถุดิบสดใหม่ เป็นของที่เธอชอบทั้งนั้น มือที่จับขอบประตูตู้เย็นของเธอกำแน่นขึ้นค
ไฟถนนสว่างไสว ส่องสว่างครึ่งใบหน้าของลู่สือเยี่ยน คิ้วและดวงตาที่ลึกซึ้งของเขาถูกบดบังด้วยความมืดในรถ ทำให้มองไม่เห็นสีหน้าของเขาในตอนนี้เขาถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “งั้นคืนนี้คุณมีที่อยู่ไหม?”หลินเซียงตอบ “ฉันไปหาซ่งซ่งก็ได้ หรือไปพักโรงแรมก็ได้ เมืองอวิ๋นเฉิงออกจะใหญ่ขนาดนี้ แล้วฉันก็รวยขนาดนี้ จะไม่มีที่อยู่ได้ยังไง”“เหอะ!”ไม่รู้ว่าประโยคไหนทำให้ลู่สือเยี่ยนหัวเราะ เขาหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดว่า “เฟิงหลินหย่วนโอนกลับเป็นชื่อของคุณแล้ว คืนนี้คุณกลับไปที่นั่นก็ได้”หลินเซียงประหลาดใจ “ทำเรื่องเร็วขนาดนั้นเลยเหรอ?”ลู่สือเยี่ยน “ผมยังใจดีพาคุณไปส่งได้ด้วยนะ”หลินเซียง “ไม่ต้อง”พูดจบเธอก็หันหลังเดินจากไปลู่สือเยี่ยนพูดตามหลังเธอ “เราหย่ากันแล้ว กลัวว่าผมจะจับคุณกินเหรอ?”หลินเซียงไม่หันกลับมา “เราไม่มีความสัมพันธ์กันแล้ว ควรรักษาระยะห่างไว้บ้าง อย่าให้คนเข้าใจผิด แล้วมาโทษฉัน สร้างความเดือดร้อนให้ฉันอีก”ลู่สือเยี่ยนไม่พูดอะไรอีก ดวงตาที่มืดมนจ้องมองแผ่นหลังที่ผอมบางของเธอ จนกระทั่งเธอขึ้นรถกระจกรถของเขาค่อย ๆ เลื่อนขึ้น สีหน้าเปลี่ยนไปทันที เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาฟู่จิ่น
เซี่ยหว่านถือกล่องข้าวเดินเข้าไปในห้องทำงานซ่งจั่วเห็นดังนั้น รีบพูดว่า “คุณเซี่ย ข้างในมีแขกอยู่ คุณรอสักครู่แล้วค่อยเข้าไปดีไหมครับ?”เซี่ยหว่านมองเขา สีหน้าของเขาดูมีพิรุธเล็กน้อย แววตาของเธอฉายประกายบางอย่างก่อนพูดขึ้น “เที่ยงแล้ว จะมีแขกที่ไหนอีก?”พูดจบ เธอก็เดินเข้าไปในห้องทำงานทันทีซ่งจั่วมองดูแผ่นหลังของเธอพลางขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้ขัดขวางเซี่ยหว่านผลักประตูห้องทำงานเข้าไป เห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ ลู่สือเยี่ยน กำลังก้มลงพูดอะไรบางอย่างกับเขา ท่าทางของทั้งสองคนดูสนิทสนมกันมากเซี่ยหว่านเห็นภาพนั้น ดวงตาของเธอก็ลุกวาวไปด้วยความโกรธทันที!“สือเยี่ยน ใครน่ะ?”ลู่สือเยี่ยนสีหน้าเปลี่ยนไป เหลือบมองเซี่ยหว่าน “ทำไมไม่เคาะประตู?”เซี่ยหว่านกำกล่องข้าวแน่น เดินเข้าไปอีกสองก้าวแล้วพูดว่า “สือเยี่ยน อย่าลืมเรื่องที่คุณย่าพูดนะ”ลู่สือเยี่ยนหันไปมองผู้หญิงคนนั้น และบอกว่า “นั่งรอก่อน”เจียงอินอินมองเซี่ยหว่าน รู้สึกได้ถึงความเป็นศัตรูของเซี่ยหว่านที่มีต่อตัวเอง เธอเลิกคิ้วเล็กน้อยเธอรู้จักเซี่ยหว่านก่อนหน้านี้ลู่สือเยี่ยนเคยจะหย่ากับหลินเซียงเพื่อเซี่ยหว่านที่แท้เป็
ใครบ้างโตขึ้นมาได้โดยไม่ต้องเอาบางอย่างเข้าแลก?คุณย่าลู่มองเขาด้วยสายตาแปลกประหลาด ครู่ใหญ่จึงถอนหายใจเบาๆ “ก็ได้ ฉันไม่บังคับให้เธอกับหว่านหว่านแต่งงานกันทันทีหรอก แต่สถานะว่าที่คู่หมั้นของหลานกับเธอนั้นเปลี่ยนไม่ได้ แล้วฉันก็ยอมรับแค่เธอคนเดียวเท่านั้นเป็นหลานสะใภ้”ลู่สือเยี่ยน “สะใภ้ของหลานคนไหน?”คุณย่าลู่ขมวดคิ้ว “ตอนนี้ฉันมีหลานชายแค่เธอคนเดียว!”ลู่สือเยี่ยน “งั้น ถ้าตระกูลลู่มีหลานชายเพิ่มอีกคน เธอก็ไม่ต้องแต่งงานกับผมแล้วใช่ไหมครับ?”“แก!”คุณย่าลู่โกรธจนตัวสั่น เครื่องตรวจจับการเต้นของหัวใจเริ่มส่งเสียงดัง สีหน้ายิ่งซีดลงไปเรื่อย ๆลู่สือเยี่ยนลุกขึ้นยืน “จากนี้ไปงานผมจะยุ่งมาก จะไม่มาทำให้คุณย่าปวดหัวอีก พูดตามตรงแล้ว ตอนที่คุณย่าสติเลอะเลือนเพ้อเจ้อยังน่ารักซะกว่า”พูดจบก็ไม่มองสีหน้าของคุณย่าลู่ เดินจากไปทันทีหมอและพยาบาลวิ่งเข้ามาเป็นกลุ่ม ตรวจสอบอาการของคุณย่าลู่ ช่วยปรับความดันโลหิตให้เธอตอนที่เซี่ยหว่านเข้ามา เห็นคุณย่าลู่หน้าซีด กำลังหายใจหอบ“คุณย่าลู่ เป็นไปคะ?”เธอปรี่เข้าไป วางมือทาบอกของคุณย่าลู่ ถามด้วยความเป็นห่วงคุณย่าลู่เห็นเธอเข้ามาก็คว้ามื
ซ่งซ่ง “สบายใจได้เลย ไอ้บ้านั่นแกล้งฉันไม่ลงหรอก พอฉันเบื่อก็จะถีบหัวส่งเอง”หลินเซียงรู้สึกไม่ค่อยดีกลัวที่สุดคือซ่งซ่งจะเล่นจนพลาด ทำให้ฟู่จิ่นซิ่วน้อยใจ เขาอาจจะเลวร้ายกว่าลู่สือเยี่ยนเสียอีกหลินเซียงบอกความกังวลของเธอ “ยังไงก็ระวังตัวด้วยนะ”ซ่งซ่ง “ได้ ๆ รู้แล้ว”หลินเซียง “งั้นฉันไม่รบกวนเวลาทำงานแล้ว ไปก่อนนะ บาย”“จุ๊บ จุ๊บ”…หลินเซียงกลับไปที่สตูดิโอโดยตรงสภาพจิตใจของเธอเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงสวี่ซิงเย่เป็นคนแรกที่สังเกตเห็น จึงถามด้วยรอยยิ้มว่า “เรื่องอะไรทำให้คุณมีความสุขขนาดนี้ครับ?”หลินเซียงประหลาดใจ “เห็นได้ชัดขนาดนั้นเลยเหรอ?”สวี่ซิงเย่พยักหน้า “ชัดแจ๋วเลย ก่อนหน้านี้คุณทำงานไม่เคยยิ้ม วันนี้ยิ้มตลอดเวลา”หลินเซียงลูบหน้า แล้วพูดว่า “อืม ปิดการขายได้น่ะ เซ็นสัญญาเสร็จเรียบร้อย ใกล้จะรวยแล้ว ก็เลยมีความสุข”สวี่ซิงเย่ “งั้นก็ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ”“ขอบคุณ”หลินเซียงยิ้มเล็กน้อย แล้วหันไปเปิดคอมพิวเตอร์เธอมองไปรอบ ๆ ออฟฟิศ พบว่าวันนี้ซืออวี่ไม่ได้มา แต่เธอก็ไม่ได้ใส่ใจ แล้วเริ่มทำงานทันทีที่โรงพยาบาลลู่สือเยี่ยนโยนใบหย่าลงตรงหน้าคุณย่าลู่ ดึ