“จื่อจื่อ วันนี้ยังไม่อาจเดินทางต่อได้ ฮองเฮาทรงประชวร หากเร่งเดินทางเกรงว่าจะทำให้อาการป่วยไข้ยิ่งแย่ลงไป”จื่อจื่อเหลือบตามองหลันเล่อที่ริมฝีปากแล้วดวงตาแดงระเรื่อด้วยพิษไข้“จื่อจื่อน้อมบัญชาฝ่าบาท”ก้าวขาจากไป“ท่านอาหลันเล่อขอโทษ”น้ำเสียงออดอ้อน…………………………………………………………………………………….“ข้าขอโทษ ไท่จือข้าไม่ได้ ตั้งใจ” ต้าหมิงคุน ผลักร่างบางออกห่างเมื่อลี่หลันเล่อช่วยดึงตัวเขาออกมาจากชั้นเก็บตำราในห้องเก็บตำรา ที่ล้มลงมาทับร่างสูงของต้าหมิงคุนจนรู้สึกเจ็บปวดที่ท่อนขาและไม่อาจขยับมันได้ ด้านนอกมืดมิดไร้ซึ่งสรรพเสียง“เจ้า ทำให้ข้าต้องพบกับโชคร้ายและจะต้องพบกับเรื่องโชคร้ายเมื่อต้องพบกับเจ้า”“ไท่จือเป็นท่านที่ดึงตัวข้าเข้ามาในนี้ จนห้องถูกปิดจากด้านนอก” ต้าหมิงคุนยิ้มมุมปาก“เจ้าทำตัวไม่น่าไว้ใจ วังหลวงไม่ใช่ที่วิ่งเล่น เจ้ายามโพล้เพล้ยังกล้าเข้ามาในวังหลวงด้วยสาเหตุใดกันแน่”“ขะขะข้า” จะบอกอย่างไรว่าแอบเข้ามาเพื่อตั้งใจวางของขวัญวันเกิด หยกสีขาวแกะสลักรูปกระต่ายน้อยน่าเอ็นดู ที่ตั้งใจทำขึ้นมาให้กับต้าหมิงคุนด้วยมือของตัวเอง เผื่อว่าวันพรุ่งนี้ที่เป็นวันคล้ายวันเกิดต้าหมิงคุนจะตื่นขึ
ต้าหมิงคุนขยับกายด้วยความหนาวเหน็บ ลี่หลันเล่อเองก็ไม่ต่างกันในเมื่อคืนนี้อากาศหนาวยิ่งนักด้านนอกนั่นหิมะขาวโปรยปรายกลบฝังรอยเท้าของคนทั้งสอง ขันทีข้างกายก็หาได้สนใจจื่อจื่อออกไปนอกวังหลวงวันนี้เขากลับไปที่ตะะกูลถังกินดื่มกับบิดาและมารดานานๆ ครั้งแล้วใครเล่าที่จะรู้ว่าไท่จือหายไปลี่หลันเล่อขยับเข้าใกล้ต้าหมิงคุน ทีละนิดเมื่อร่างสูงนอนขดด้วยความหนาว อาภรณ์บางเบาไร้เครื่องกันหนาวของทั้งสองคนจึงช่วยอะไรไม่ได้มาก“หนาว ...หนาว”ไขว่คว้าร่างบางมากอดไว้แน่น ทั้งๆที่ดวงตาปิดสนิท“ปะปล่อย”“......”ไร้ซึ่งเสียงตอบรับทั้งๆที่ลี่หลันเล่อใจเต้นไม่เป็นจังหวะ มือข้างหนึ่งยังกุมที่ขาอีกข้างกอดรัดลี่หลันเล่อไว้แน่น แม้จะตื่นตกใจแต่กลับรู้สึกถึงความอบอุ่นของอ้อมกอด ขยับกายยกมือสั่นเทาขึ้นกอดรอบเอวหนา หลับตาลงเสียจะได้ไม่ต้องรู้สึกละอายใจ ต้าหมิงคุนซุกหน้าอยู่กับซอกคอขาวหลับไหลไปเช่นกันตะวันโผล่ขึ้นที่ขอบฟ้านานแล้ว ทว่าไร้วี่แววของไท่จือ ไปขอพรในวันคล้ายวันประสูติกับฝ่าบาทขันทีนางในต่างวิ่งหากันให้วุ่นไปทั่ววังหลวง“เจอหรือไม่”เจอกันก็เอ่ยปากถามไถ่แต่ไม่มีวี่แวว“ไม่”“พบไท่จือหรือไม่”“ไม่”ขันทีน
“เจ้าดูแลมัน ข้าจะดูแลเจ้า”คำพูดขาดหายไปในลำคอเมื่อต้องกลืนก้อนแข็งๆลงในลำคอ…………………………………………………………….“ไท่จือคุณหนูลี่ตายแล้ว”ต้าหมิงคุนขมวดคิ้ว“จื่อจื่อ นางตายได้อย่างไร”“ไท่จือ สิ่งที่นางต้องเผชิญที่ผ่านมา หนักเกินกว่าที่หญิงอ่อนแอคนหนึ่งจะรับได้”“ไปรับศพนางกลับมา ที่นี่”“ไท่จือไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว ในเมื่อนางไม่อยู่แล้ว”“ไปรับนางกลับมาได้ยินไหม ข้าบอกให้ไปรับนางกลับมา”ตวาดลั่นก่อนจะทรุดกายลงนั่งกับเก้าอี้ เมิ่งเม่ยย่อกายลงตรงหน้างดงาม งดงามเหมือนทุกครั้งที่เขาเคยเห็นไม่ว่าจะมองกี่ครั้งก็ตามเขารู้สึกว่าช่างงดงาม เหลือเกิน แต่ครั้งนี้กลับรู้สึกว่า ร่างงดงามตรงหน้าไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าว่าน่ามองใบหน้าของนางเหมือนกำลังยิ้มหยันให้กับบางอย่าง“เจ้า...เจ้า ไม่ได้เป็นอะไรหรือนี่ เมิ่งเม่ย”“หลังจากที่ถูกโจรป่าดักปล้น เกี้ยวของเมิ่งเม่ยกับหลันเล่อ เราสองคนต่างแยกย้ายกันหนี เมิ่งเม่ยเดินหลงเข้าไปในป่าลึกจนกระทั่งหมดสติไป ฟื้นขึ้นมาอีกทีก็...ก็ เดินเลัดเลาะหาทางออกจากป่าโดยหลงออกไปนอกเขตวังหลวง อาศัยข้าวปลาของคนที่นั่น พอมีพ่อค้าจากต่างแดนเดินทางเข้ามาในวังหลวง เมิ่งเม่ยอาศัยเกี้ยวของพ
ก่อนที่จะกระดกยาจนหมดถ้วย ริมฝีปากแดงเลอะเปรอะไปด้วยยาที่ดื่มเข้าไปต้าหมิงคุนเอื้อมมือบางเหมือนเมื่อสตรีเช็ดริมฝีปากให้เบาๆ หลันเล่อจ้องตาคมตาไม่กะพริบความอ่อนโยนที่ได้รับทำเอาใบหน้าแดงระเรื่อ ต้าหมิงคุนเองก็จ้องใบหน้างามอย่างไม่อาจละสายตา โน้มตัวลงช้าๆตาสบตาที่มีแววตาใสซื่อขี้เล่น จุมพิตเบาๆซับรอยเปื้อนที่ริมฝีปากออกเสีย รสหวานจากยากับรสหวานจากรสจูบผสมปนเป อยากจะทำมากกว่านี้แต่ด้วยแววตาที่ตื่นตกใจทำเอา ต้าหมิงคุนถอนหายใจยาวกดริมฝีปากเบาๆที่ริมฝีปากก่อนจะค่อยๆถอนริมฝีปากออกช้าๆ ตายังคงสบตาหวานนิ่ง“ท่านอา มะมะมันไม่เลอะแล้ว...”มืออุ่นลูบเรือนผมเบาๆ ดึงร่างบางมากอดแนบแน่นบางอย่างในกายร้อนฉ่าเก็บกดอารมณ์เสน่หาไว้ภายใน“ดื่มยาได้ง่ายเพียงนี้ พรุ่งนี้ก็คงดีขึ้น”ต้าหมิงคุนเบือนหน้าหนีทั้งๆอยากจะกอดร่างบางไว้อย่างนั้น อยากจะทำมากกว่านั้น แต่เป็นใจที่เต้นตึกตัก“เราเร่งเดินทางเถิด หลันเล่ออยากให้ถึงแคว้นหานเสียที”เปลี่ยนเรื่องคุยด้วยเขินอายยิ่งนัก“รอให้เจ้าดีขึ้นกว่านี้ ยังไม่จำเป็นต้องเร่งรีบอะไร ข้า ..ห่วงว่าเจ้าจะแย่กว่านี้ ต้องรอดูว่าเจ้าดีขึ้นเราจึงจะเร่งเดินทางอีกครั้ง”ก้าวขาออกจ
เมิ่งเม่ยกรีดร้องเมื่อกลับถึงบ้านตระกูลถัง ต่อหน้าจื่อจื่อที่เอาแต่ส่ายหน้าระอาใจ“พี่ใหญ่ท่านได้ยินไหม ได้ยินสิ่งที่ข้าต้องการไหม”“เมิ่งเม่ยเจ้าแต่เดิมรู้จักสะกดกลั้นอารมณ์โกรธ มาวันนี้ทำไมถึงได้เปิดเผยความรู้สึกออกมาเสียสิ้น”“ข้าไม่ทนอีกต่อไปแล้ว เป็นท่าน ท่านยอมทนหรือไรในเมื่อกำลังจะแต่งกับไท่จือตำแหน่งไท่จือเฟยลอยเด่นอยู่ตรงหน้า แต่จู่จู่ไท่จือกับเฉยชาไม่ยอมแต่งกับท่านทั้งๆที่หาฤกษ์ไว้แล้วจะให้ข้าสะกดกลั้นอารมณ์ได้อย่างไรในเมื่อสิ่งที่ข้าใฝ่ฝันกำลังจะหลุดลอย”“เจ้าใจเย็นก่อนเรื่องนี้ไว้ข้าถามไท่จืออีกครั้ง”“หากพี่ใหญ่ไม่ช่วยข้า ข้าจะให้ท่านพ่อเข้าเฝ้าฝ่าบาทเสีย ไท่จือจะรู้สึกผิดอะไรหนักหนากะอีแค่ลี่หลันเล่อต้องตาย อีกอย่างบิดากับมารดาและคนในตระกูลลี่ก็ได้รับความเป็นธรรมส่งมอบทุกอย่างคืนให้แล้วจะคร่ำควรญเสียใจไปทำไม กันเห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านั้นไท่จือไม่ได้รู้สึกชอบพอ ลี่หลันเล่อแม้แต่น้อย”“เจ้าคิดอย่างนั้นหรือ เจ้าคิดว่าสิ่งที่เจ้าเห็นมันคือเรื่องจริง เจ้าคิดว่าไท่จือแค่รู้สึกผิดอย่างนั้นหรือ เคยได้ยินไหมว่า…บางคนพยายามจะเกลียดเพราะกลบเกลื่อนความรักจับจิต” เมิ่งเม่ยขมวดคิ้ว“ไ
หนึ่งปีผ่านไปเนินดินนอกวังหลวง ช่อดอกเหมยกุ้ยสีแดงสด (กุหลาบแดง) ถูกวางลงบนเนินดิน มีป้ายชื่อสลักจากแผ่นไม้ ลี่หลันเล่อ บนนั้น“ไท่จือกำลังจะมืดค่ำแล้ว”จื่อจื่อประสานมือกล่าวคำพูดเบาๆ“เจ้ากลับไปเสียข้ายังอยากอยู่ที่นี่อีกสักประเดี๋ยว”“แต่ที่นี่ค่อนข้างห่างไกลวังหลวง”“หากข้ามาเพียงลำพังเจ้าก็ไม่ต้องห่วง”“ไท่จือ นางตายไปแล้ว เมื่อไหร่ไท่จือจะลืมเลือนนางเสียที”“ข้ามีเรื่องจะพูดกับนางมากมาย คำขอโทษที่คิดไว้ตั้งขวบปีที่จะพูดกับนาง แล้วไหนจะเรื่องเล่ามากมายที่ตั้งใจจะเล่าให้นางฟัง”จื่อจื่อกลืนน้ำลายลงคอยากเย็น“ข้าผิดเอง เมื่อมีนางข้ากลับมองไม่เห็นค่าของนางแต่พอนางไม่อยู่ ข้ากลับรู้สึกว่าบางอย่างหายไป จื่อจื่อหากเป็นเจ้าจะทำอย่างไร”จื่อจื่อถอนหายใจ“ไท่จือชดเชยให้กับบิดาและคนในตระกูลลี่แล้วจื่อจื่อคิดว่าหากนางอยู่บนสวรรค์รับรู้ได้คงจะอภัยให้ไท่จือแล้ว”“ไม่มีทางนางไม่มีทางอภัยให้ข้า ข้ารู้ดีเจ้ากลับไปเสียข้าขออยู่ที่นี่เพียงลำพัง”จื่อจื่อประสานมือ ก้าวเดินถอยห่างออกมาสังเกตการณ์ไม่ไกลนัก“คุณหนูลี่ ไม่สิหลันเล่อ เจ้าชอบแทนตัวเองแบบนั้น ข้าไม่ขอให้เจ้าอภัยให้ข้า ข้าเพียงอยากให้ตอนนี
“นอนเสีย จะได้หายไวไว”วางร่างเล็กลงบนแท่นนอน อย่างทะนุถนอม“แล้วท่านอาเล่า”ยกมือขึ้นลูบที่ศีรษะให้เบาๆ“นอนเสีย ข้าออกไปคุยกับจื่อจื่ออีกสักพัก แล้วจะกลับมาเฝ้าเจ้าตามสัญญา”“คะคะความจริงท่านอาฝ่าบาทไม่ต้องมาเฝ้าหลันเล่อก็ได้…หลันเล่อคุ้นชินการนอนเพียงลำพัง”“ที่วังหลวง ที่แคว้นหานที่นั่นเจ้าจะต้องนอนต้องกินกับข้าอยู่เคียงข้างข้า ไม่ว่าจะยามหลับหรือยามตื่นหากยังไม่คุ้นชินก็ควรจะต้องทำให้คุ้นเสียตั้งแต่ตอนนี้”“ไม่ไม่ได้นะท่านอาฝ่าบาทแล้วข้อตกลงของเราที่ข้าอุตส่าห์ร่างขึ้นมาเสียยืดยาว ท่านอาจะไม่ยึดถือข้อตกลงจะไม่ แย่ไปหน่อยหรือ”“นอนเสีย อย่างไรข้าก็ไม่ลืมข้อตกลง หากว่าเจ้าไม่ยินยอม ข้าต้าหมิงคุนยินดีตามใจเจ้าทุกอย่าง”จุมพิตที่หน้าผากเบาๆ หลันเล่อหลับตาพริ้ม ต้าหมิงคุนจ้องมองขนตางอนงามดำสนิทก่อนจะโน้มตัวลงจุมพิตที่ปากอย่างอ่อนโยน“ทะ..ท่านอา”ริมฝีปากอุ่นยังบดเบียดนุ่มนวล ไม่ทำให้รู้สึกเจ็บปวดหรือว่าคุกคามแต่กลับทำให้รู้สึกว่าไร้เรี่ยวแรงจนต้องยึดร่างสูงไว้“ข้อตกลงนั่น จะทำให้เราไม่ได้ใกล้ชิดกันแบบนี้”กระซิบข้างหูเบาๆหลันเล่อหน้าแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย ต้าหมิงคุนจุมพิตที่หน้าผ
สะบัดเสียงลุกขึ้น ในเมื่อในใจเจ็บปวดยิ่งนัก สาวใช้วางของว่างลงตรงหน้าพอดี แต่ลี่หลันเล่อก้าวขาออกจากศาลา มือใหญ่คว้าแขนไว้แน่น“ไร้มารยาท”ก้มมองมือที่คว้าข้อมือไว้“แม่นางลี่ เราสองคนไปได้หรือยัง”หยางซานซินก้าวขาเขามาร่างสูงหล่อเหลาไร้ที่ติแววตาเอาเรื่องอีกคน“คุณชาย หลันเล่อกำลังจะไปพบท่านเหตุใดไม่รอที่หน้าบ้าน หลันเล่อเสร็จธุระแล้วไม่ได้มีอะไรสำคัญ”ต้าหมิงคุนผู้ยังอ่อนเยาว์อารมณ์ร้อนดังไฟสุม ดึงมือบางไว้ไม่ยอมปล่อย หยางซานซินมองมือที่ถูกคว้าไว้แน่น“ไท่จือ ไท่จือแค้วนหาน มักนิยมหักหาญน้ำใจหญิงงามข้าเห็นว่าท่านหลายวัน เอาใจแม่นางน้อยนางหนึ่งวันนี้กลับกกลอกกลิ้งมาแสดงท่าที …หวงแหน.. แม่นางลี่ที่...เต็มใจจะไปกับข้า”หยางซานชิงงัดคำพูดที่ทำให้ต้าหมิงคุนเลือดขึ้นหน้า“หยุดปากพล่อยๆของเจ้าใครกันหึงหวง”เลือดขึ้นหน้าจริงๆหยางซานซินยิ้มยียวน“ไม่ยากไม่ยาก อยากให้ข้าหุบปากไท่จือแค่เพียงปล่อยนางไปกับข้า ข้ากับแม่นางลี่เรานัดแนะที่จะไปไปเที่ยว …ด้วยกันในวันนี้ไท่จือแคว้นหานมิได้อัตคัดหญิงงามเช่นไรจึงต้องลงทุนแย่งชิงกับข้าให้เสียเกียรติ” ปล่อยมือลี่หลันเล่อในทันทีหยางซานซิงยิ้ม ถือวิสาสะคว