“เราไปไหว้พระขอพรกัน” ลี่หลันเล่อ รีบก้าวเดินลงไปก่อนใคร นักบวชชราเดินมาหยุดที่ลี่หลันเล่อ“แม่นางน้อยผู้นี้ กำลังจะเผชิญบาปเคราะห์ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง”ลี่หลันเล่อหุบยิ้ม นักบวชชราหันมองต้าหมิงคุน“คุณชายท่านนี้สิ่งที่ท่านทำกับนาง จะสร้างบาปเคราะห์ให้กับนางและสร้างบาดแผลให้กับท่าน”ต้าหมิงคุนยิ้ม“ขอบคุณไต้ซือที่ตักเตือนแต่ข้ากับนางไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกัน”ก้าวเดินเข้าไปด้านในดึงมือเมิ่งเม่ยให้ตามเข้าไปด้วยตรงหน้ารูปแกะสลักของพระโพธิสัตว์“ไท่จือท่านตั้งใจพาข้ามาขอพรอย่างนั้นหรือ”หันไปยิ้มกับเมิ่งเม่ย ที่ประนมมือ“เจ้าอธิษฐานว่าอย่างไร”เมิ่งเม่ยยิ้มเอียงอาย“เกรงว่าจะไม่ต่างจากไท่จือ”“ข้าอธิษฐานให้ข้าได้เคียงคู่กับเจ้า”เมิ่งเม่ยก้มหน้าเขินอายยิ่งกว่าเดิมลี่หลันเล่อ ทรุดกายลงด้านหลัง ประนมมืออธิษฐานในใจเมิ่งเม่ยก้มลงกราบเงยหน้าขึ้นก่อนจะมองหาลี่หลันเล่อ“คุณหนูลี่เจ้าอธิษฐานว่าอย่างไร”ลี่หลันเล่อก้มลงกราบก่อนเงยหน้าขึ้นมองเมิ่งเม่ยกับต้าหมิงคุนที่กุมมือเมิ่งเม่ยอยู่“ข้า อธิษฐานให้ข้า ข้า…”“เจ้าก็คงอธิษฐานให้ ไท่จือมีใจกับเจ้า”ลี่หลันเล่อยิ้มบางๆ“ข้าอธิษฐานแบบไหนก็ไม่แปลกแต
เมิ่งเม่ยบ่นเบาๆ“ไปกันเถิด”ต้าหมิงคุนไม่ต่อคำรีบชวนเมิ่งเม่ยกลับวังหลวง…………………………………………………………………เอื้อมมือตั้งใจจะลูบหลังให้เมื่อเห็นว่าหลันเล่อสำลักน้ำแต่คิดได้ว่าไม่อาจแตะตัวหลันเล่อตามข้อตกลง อาภรณ์ถูกสวมอย่างเรียบร้อย“ฮัดเช๊ย ฮัดเซ๊ย” หลันเล่อส่งเสียงจาม ต้าหมิงคุนถอดเสื้อคลุม ออกทว่าช้าไปกว่าถงหมิ่นที่ห่มเสื้อคลุมของเขาในมือให้กับหลันเล่อเสียก่อนแล้ว“ข้าบอกกี่ครั้งแล้ว ว่าไม่ให้แช่น้ำนานเช่นนี้ องค์หญิงรองท่านแต่ไหนแต่ไรมักจะ เป็นหวัดบ่อยๆ เพราะชอบแช่น้ำ” ต้าหมิงคุนรีบผูกเชือกรัดเสื้อคลุมอย่างรวดเร็วไม่ให้เห็นว่าเขาช้ากว่าถงหมิ่น“ข้าแค่ อยากจะแช่น้ำเสียบ้างหลายวันมานี้ไม่เคยได้อาบน้ำ”“อืม หากไปถึงแคว้นหานองค์หญิงคงจะแช่น้ำเย็นบ่อยๆ ไม่ได้เพราะที่นั่นอากาศค่อนข้างเย็น”“ความจริงข้าสำลักน้ำ ฮัดเช๊ยยย”ถงหมิ่นเลิกคิ้วสูง“นั่นอย่างไรเล่าข้าจะสอนเจ้าว่ายน้ำก็ไม่ยอมถึงต้องเป็นแบบนี้”“หานจง หานจง”หานจงวิ่งเข้ามา พร้อมกับจื่อจื่อที่เพิ่งจะมาถึงเหมือนกัน“หา สมุนไพรแก้หวัดให้ฮองเฮาด้วย นางเป็นหวัด”หานจงประสานมือ“ยาอีกแล้วหรือ ไม่น้าท่านอาข้าไม่ชอบดื่มยา”ส่งเสียงออดอ้อน ถงหม
“ท่านอา ข้านานๆ...จะมีสหายสักคน”“เจ้าเป็นฮองเฮาและเป็นฮองเฮาของข้า ขอให้เจ้าจำข้อนี้ไว้ให้ดี จะต้องวางตัวให้เหมาะที่จะเป็นฮองเฮา”เสียงเข้มจนหลันเล่อสลดลงในทันทีวังหลวงแคว้นหาน“พระนาง”“ฝ่าบาทพักค้างแรมที่ด่านชายแดน คงอีกหลายวันจึงจะถึงวังหลวง”“เหตุใดฝ่าบาทไม่เร่งเดินทางกลับวังหลวง”ถามด้วยความสงสัย“พระนาง คนของเราที่ส่งไปสอดแนมฝ่าบาท ส่งข่าวมาว่า...ฝ่าบาททรงตามใจฮองเฮายิ่งนัก นางอยากเล่นน้ำอยากค้างแรมก็ต้องตามใจ ไม่ยอมเร่งเดินทาง”“ฮองเฮา นางบ้าใครกัน คือฮองเฮา”สาวใช้รีบคุกเข่าจนศีรษะจรดพื้น“ ข้าน้อยได้ยินคนเขาพูดกันว่า ฝ่าบาททรงแต่งตั้งฮองเฮามาจากเผ่าปาเอ่อถัวก่อนแล้ว และนำนางกลับมาที่แคว้นหานด้วยนั่นเองที่เป็นสาเหตุที่ทำให้การเดินทางล้าช้า” ดวงตากลมเบิกโพลงด้วยความรู้สึกโกรธอย่างที่สุดจนแทบจะกรีดร้องออกมาดังๆ แต่ด้วยความเป็นเมิ่งเม่ยจึง ได้แต่กัดฟันจนเป็นสันนูน“เตรียมการเดินทาง ข้าตั้งใจออกไปรับฝ่าบาทด้วยตัวเอง”“พระนางงง…. จะออกไปรับทำไมเจ้าคะในเมื่อฝ่าบาทกำลังเดินทางมาที่นี่”“ข้าจะได้ไปร่วมแสดงความยินดีกับฝ่าบาทเรื่องฮองเฮา แล้วอีกอย่างเป็นการให้เกียรติฮองเฮา เพราะข้ามา
“จื่อจื่อ วันนี้ยังไม่อาจเดินทางต่อได้ ฮองเฮาทรงประชวร หากเร่งเดินทางเกรงว่าจะทำให้อาการป่วยไข้ยิ่งแย่ลงไป”จื่อจื่อเหลือบตามองหลันเล่อที่ริมฝีปากแล้วดวงตาแดงระเรื่อด้วยพิษไข้“จื่อจื่อน้อมบัญชาฝ่าบาท”ก้าวขาจากไป“ท่านอาหลันเล่อขอโทษ”น้ำเสียงออดอ้อน…………………………………………………………………………………….“ข้าขอโทษ ไท่จือข้าไม่ได้ ตั้งใจ” ต้าหมิงคุน ผลักร่างบางออกห่างเมื่อลี่หลันเล่อช่วยดึงตัวเขาออกมาจากชั้นเก็บตำราในห้องเก็บตำรา ที่ล้มลงมาทับร่างสูงของต้าหมิงคุนจนรู้สึกเจ็บปวดที่ท่อนขาและไม่อาจขยับมันได้ ด้านนอกมืดมิดไร้ซึ่งสรรพเสียง“เจ้า ทำให้ข้าต้องพบกับโชคร้ายและจะต้องพบกับเรื่องโชคร้ายเมื่อต้องพบกับเจ้า”“ไท่จือเป็นท่านที่ดึงตัวข้าเข้ามาในนี้ จนห้องถูกปิดจากด้านนอก” ต้าหมิงคุนยิ้มมุมปาก“เจ้าทำตัวไม่น่าไว้ใจ วังหลวงไม่ใช่ที่วิ่งเล่น เจ้ายามโพล้เพล้ยังกล้าเข้ามาในวังหลวงด้วยสาเหตุใดกันแน่”“ขะขะข้า” จะบอกอย่างไรว่าแอบเข้ามาเพื่อตั้งใจวางของขวัญวันเกิด หยกสีขาวแกะสลักรูปกระต่ายน้อยน่าเอ็นดู ที่ตั้งใจทำขึ้นมาให้กับต้าหมิงคุนด้วยมือของตัวเอง เผื่อว่าวันพรุ่งนี้ที่เป็นวันคล้ายวันเกิดต้าหมิงคุนจะตื่นขึ
ต้าหมิงคุนขยับกายด้วยความหนาวเหน็บ ลี่หลันเล่อเองก็ไม่ต่างกันในเมื่อคืนนี้อากาศหนาวยิ่งนักด้านนอกนั่นหิมะขาวโปรยปรายกลบฝังรอยเท้าของคนทั้งสอง ขันทีข้างกายก็หาได้สนใจจื่อจื่อออกไปนอกวังหลวงวันนี้เขากลับไปที่ตะะกูลถังกินดื่มกับบิดาและมารดานานๆ ครั้งแล้วใครเล่าที่จะรู้ว่าไท่จือหายไปลี่หลันเล่อขยับเข้าใกล้ต้าหมิงคุน ทีละนิดเมื่อร่างสูงนอนขดด้วยความหนาว อาภรณ์บางเบาไร้เครื่องกันหนาวของทั้งสองคนจึงช่วยอะไรไม่ได้มาก“หนาว ...หนาว”ไขว่คว้าร่างบางมากอดไว้แน่น ทั้งๆที่ดวงตาปิดสนิท“ปะปล่อย”“......”ไร้ซึ่งเสียงตอบรับทั้งๆที่ลี่หลันเล่อใจเต้นไม่เป็นจังหวะ มือข้างหนึ่งยังกุมที่ขาอีกข้างกอดรัดลี่หลันเล่อไว้แน่น แม้จะตื่นตกใจแต่กลับรู้สึกถึงความอบอุ่นของอ้อมกอด ขยับกายยกมือสั่นเทาขึ้นกอดรอบเอวหนา หลับตาลงเสียจะได้ไม่ต้องรู้สึกละอายใจ ต้าหมิงคุนซุกหน้าอยู่กับซอกคอขาวหลับไหลไปเช่นกันตะวันโผล่ขึ้นที่ขอบฟ้านานแล้ว ทว่าไร้วี่แววของไท่จือ ไปขอพรในวันคล้ายวันประสูติกับฝ่าบาทขันทีนางในต่างวิ่งหากันให้วุ่นไปทั่ววังหลวง“เจอหรือไม่”เจอกันก็เอ่ยปากถามไถ่แต่ไม่มีวี่แวว“ไม่”“พบไท่จือหรือไม่”“ไม่”ขันทีน
“เจ้าดูแลมัน ข้าจะดูแลเจ้า”คำพูดขาดหายไปในลำคอเมื่อต้องกลืนก้อนแข็งๆลงในลำคอ…………………………………………………………….“ไท่จือคุณหนูลี่ตายแล้ว”ต้าหมิงคุนขมวดคิ้ว“จื่อจื่อ นางตายได้อย่างไร”“ไท่จือ สิ่งที่นางต้องเผชิญที่ผ่านมา หนักเกินกว่าที่หญิงอ่อนแอคนหนึ่งจะรับได้”“ไปรับศพนางกลับมา ที่นี่”“ไท่จือไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว ในเมื่อนางไม่อยู่แล้ว”“ไปรับนางกลับมาได้ยินไหม ข้าบอกให้ไปรับนางกลับมา”ตวาดลั่นก่อนจะทรุดกายลงนั่งกับเก้าอี้ เมิ่งเม่ยย่อกายลงตรงหน้างดงาม งดงามเหมือนทุกครั้งที่เขาเคยเห็นไม่ว่าจะมองกี่ครั้งก็ตามเขารู้สึกว่าช่างงดงาม เหลือเกิน แต่ครั้งนี้กลับรู้สึกว่า ร่างงดงามตรงหน้าไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าว่าน่ามองใบหน้าของนางเหมือนกำลังยิ้มหยันให้กับบางอย่าง“เจ้า...เจ้า ไม่ได้เป็นอะไรหรือนี่ เมิ่งเม่ย”“หลังจากที่ถูกโจรป่าดักปล้น เกี้ยวของเมิ่งเม่ยกับหลันเล่อ เราสองคนต่างแยกย้ายกันหนี เมิ่งเม่ยเดินหลงเข้าไปในป่าลึกจนกระทั่งหมดสติไป ฟื้นขึ้นมาอีกทีก็...ก็ เดินเลัดเลาะหาทางออกจากป่าโดยหลงออกไปนอกเขตวังหลวง อาศัยข้าวปลาของคนที่นั่น พอมีพ่อค้าจากต่างแดนเดินทางเข้ามาในวังหลวง เมิ่งเม่ยอาศัยเกี้ยวของพ
ก่อนที่จะกระดกยาจนหมดถ้วย ริมฝีปากแดงเลอะเปรอะไปด้วยยาที่ดื่มเข้าไปต้าหมิงคุนเอื้อมมือบางเหมือนเมื่อสตรีเช็ดริมฝีปากให้เบาๆ หลันเล่อจ้องตาคมตาไม่กะพริบความอ่อนโยนที่ได้รับทำเอาใบหน้าแดงระเรื่อ ต้าหมิงคุนเองก็จ้องใบหน้างามอย่างไม่อาจละสายตา โน้มตัวลงช้าๆตาสบตาที่มีแววตาใสซื่อขี้เล่น จุมพิตเบาๆซับรอยเปื้อนที่ริมฝีปากออกเสีย รสหวานจากยากับรสหวานจากรสจูบผสมปนเป อยากจะทำมากกว่านี้แต่ด้วยแววตาที่ตื่นตกใจทำเอา ต้าหมิงคุนถอนหายใจยาวกดริมฝีปากเบาๆที่ริมฝีปากก่อนจะค่อยๆถอนริมฝีปากออกช้าๆ ตายังคงสบตาหวานนิ่ง“ท่านอา มะมะมันไม่เลอะแล้ว...”มืออุ่นลูบเรือนผมเบาๆ ดึงร่างบางมากอดแนบแน่นบางอย่างในกายร้อนฉ่าเก็บกดอารมณ์เสน่หาไว้ภายใน“ดื่มยาได้ง่ายเพียงนี้ พรุ่งนี้ก็คงดีขึ้น”ต้าหมิงคุนเบือนหน้าหนีทั้งๆอยากจะกอดร่างบางไว้อย่างนั้น อยากจะทำมากกว่านั้น แต่เป็นใจที่เต้นตึกตัก“เราเร่งเดินทางเถิด หลันเล่ออยากให้ถึงแคว้นหานเสียที”เปลี่ยนเรื่องคุยด้วยเขินอายยิ่งนัก“รอให้เจ้าดีขึ้นกว่านี้ ยังไม่จำเป็นต้องเร่งรีบอะไร ข้า ..ห่วงว่าเจ้าจะแย่กว่านี้ ต้องรอดูว่าเจ้าดีขึ้นเราจึงจะเร่งเดินทางอีกครั้ง”ก้าวขาออกจ
เมิ่งเม่ยกรีดร้องเมื่อกลับถึงบ้านตระกูลถัง ต่อหน้าจื่อจื่อที่เอาแต่ส่ายหน้าระอาใจ“พี่ใหญ่ท่านได้ยินไหม ได้ยินสิ่งที่ข้าต้องการไหม”“เมิ่งเม่ยเจ้าแต่เดิมรู้จักสะกดกลั้นอารมณ์โกรธ มาวันนี้ทำไมถึงได้เปิดเผยความรู้สึกออกมาเสียสิ้น”“ข้าไม่ทนอีกต่อไปแล้ว เป็นท่าน ท่านยอมทนหรือไรในเมื่อกำลังจะแต่งกับไท่จือตำแหน่งไท่จือเฟยลอยเด่นอยู่ตรงหน้า แต่จู่จู่ไท่จือกับเฉยชาไม่ยอมแต่งกับท่านทั้งๆที่หาฤกษ์ไว้แล้วจะให้ข้าสะกดกลั้นอารมณ์ได้อย่างไรในเมื่อสิ่งที่ข้าใฝ่ฝันกำลังจะหลุดลอย”“เจ้าใจเย็นก่อนเรื่องนี้ไว้ข้าถามไท่จืออีกครั้ง”“หากพี่ใหญ่ไม่ช่วยข้า ข้าจะให้ท่านพ่อเข้าเฝ้าฝ่าบาทเสีย ไท่จือจะรู้สึกผิดอะไรหนักหนากะอีแค่ลี่หลันเล่อต้องตาย อีกอย่างบิดากับมารดาและคนในตระกูลลี่ก็ได้รับความเป็นธรรมส่งมอบทุกอย่างคืนให้แล้วจะคร่ำควรญเสียใจไปทำไม กันเห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านั้นไท่จือไม่ได้รู้สึกชอบพอ ลี่หลันเล่อแม้แต่น้อย”“เจ้าคิดอย่างนั้นหรือ เจ้าคิดว่าสิ่งที่เจ้าเห็นมันคือเรื่องจริง เจ้าคิดว่าไท่จือแค่รู้สึกผิดอย่างนั้นหรือ เคยได้ยินไหมว่า…บางคนพยายามจะเกลียดเพราะกลบเกลื่อนความรักจับจิต” เมิ่งเม่ยขมวดคิ้ว“ไ
หกเดือนผ่านไป“ฮองเฮาทรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นๆ ปี”เสียงแซ่ซ้องสรรเสริญดังขึ้น ทั่วท้องพระโรงขุนนางชั้นผู้ใหญ่ก้าวขาออกมาด้านหน้า“บัดนี้แคว้นหานสงบร่มเย็นด้วยพระบารมีของฮองเฮา แม้ฝ่าบาทจะสวรรคตไปไม่นานทว่าบ้านเมืองกับ เจริงรุ่งเรืองการค้าขายกับต่างแคว้นล้วนดีตามไปด้วย ชาวบ้านล้วนอยู่เย็นเป็นสุข ยิ้มแย้มถ้วนหน้าจึงมีฎีกาส่งเข้ามาในวังหลวงมากมายชื่นชมสรรเสริญ”ยื่นพานใส่ฎีกามากมายตรงหน้าขันทีมารับไปส่งให้เอ่อหลันเล่อ“ข้าตั้งใจไหว้พระขอพรที่วัดบุปผาแดง ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับท่านอา.. ฝ่าบาทงานในราชสำนักยกให้จื่อจื่อคอยจัดการแทน”น้ำตารื้นขอบตา“ฮ่องเต้ แคว้นใต้เสด็จเยี่ยมเยือนที่แคว้นหาน ประสงค์จะทำบุญถวายเป็นพระราชกุศลให้กับฝ่าบาทในวาระครบรอบหกเดือนเช่นกัน”“อืม ฝ่าบาทหยางซานชิงก็ไม่เคยลืมเรื่องนี้”“ข้าน้อยได้ป่าวประกาศให้ราษฎรทั่วแคว้นร่วมไว้อาลัยและงดให้มีการจัดเก็บภาษี สร้างโรงทานเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลอีกทาง”เอ่อหลันเล่อยิ้มบางๆ“ฮองเฮาข้าน้อยส่งถงหมิ่นกับหานจงคอยอารักขา”จื่อจื่อประสานมือ“ขอบใจท่านองครักษ์”สองข้างทางมีพุ่มดอกเหมยกุ้ยฮวาเบ่งบานงดงามบนป้ายหลุมศพของ ...ต้าหมิง
“ข้าไม่เคยรักเจ้าเมิ่งเม่ย”ต้าหมิงคุนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ“ไม่ไม่จริงฝ่าบาทรักข้าฝ่าบาทเลยลงทัณฑ์นาง” ต้าหมิงคุน ขยับตัวด้วยความยากลำบาก“หมอหลวง ตามหมอหลวง”หลันเล่อตะโกนลั่น“เจ้าอภัยให้ข้าแล้วใช่ไหม”“ไม่ฝ่าบาทอย่าอภัยให้นางนางเป็นคนที่ ทำร้ายเมิ่งเม่ยได้ยินไหมฝ่าบาทรักเมิ่งเม่ยฝ่าบาทจะต้องเกลียดนาง”“คนที่ข้ารักคือหลันเล่อได้ยินไหมเมิ่งเม่ย คนที่ข้ารักก่อนหน้านั้นคือลี่หลันเล่อและตอนนี้คนที่ข้ารักคือเอ่อหลันเล่อ”กระอักเลือดสดสดออกมา หลันเล่อกอดร่างเปื้อนเลือดสะอื้นไห้ เมิ่งเม่ยยิ้มหยัน“ฝ่าบาทไม่รักเจ้าได้ยินไหมเมิ่งเม่ยได้ยินไหมเจ้ามันนางแพศยา เจ้ารู้ดีว่าฝ่าบาทไม่เคยรักเจ้า”เมิ่งเม่ยตะโกนดังลั่นสติเลื่อนลอย คล้ายดังคนเมา ชี้มีดไปตรงหน้าเอ่อหลันเล่อ“เจ้ากลับมาทำไม กลับมาทำไมทั้งๆ ที่ข้ากับฝ่าบาทกำลังจะลงเอยด้วยดี ฝ่าบาทกำลังจะลืมเจ้า นางมารเจ้ากลับมาทำไม”“เมิ่งเม่ยส่งมีดให้ข้า”จื่อจื่อค่อยๆ ขยับกายเข้าใกล้“ไม่พี่ใหญ่ข้าฆ่าคนที่นางรักนาง จะต้องทวงแค้นข้าเหมือนที่ผ่านมา พี่ใหญ่ข้าเกลียดนางได้ยินไหมแต่เพราะสวรรค์ไม่เคยเข้าข้างข้า มีข้าจะต้องมีนางแล้วยังให้นางเหนือกว่าข้า
“ข้าไม่อาจทนเห็นความขัดแย้งและข้า..ข้าไม่อาจดูดายที่จะให้ท่านอาฝ่าบาทโดดเดี่ยวเพียงลำพัง”“หลันเล่อเจ้าปล่อยให้พวกเขาทำร้ายข้า คลุมตัวข้าหรือ เรามิใช่พี่น้องกันหรือไร”สายตาแสดงความผิดหวังหลันเล่อก้มหน้า“ฝ่าบาท หลันเล่อมีบางอย่างอยากจะขอ ปล่อยพี่ใหญ่ไปเสีย”ต้าหมิงคุน พยักหน้าไปมา“ข้าไม่คิดจะกล่าวโทษเขาอยู่แล้วเพียงแค่เขากลับใจ อย่างไรความสัมพันธ์สองแคว้นยังเป็นเหมือนเดิมเพราะท่านน้ายังอยู่ที่นั่นและเจ้ายังอยู่ที่นี่”“ข้ายินดีคุมตัวเขากลับปาเอ่อถัวด้วยตัวเอง”หยางซานชิงอาสา เหลือบตามองหลันเล่อด้วยความรู้สึกเสียดายและเสียใจที่ไม่อาจเคียงข้างนางได้หลันเล่อทรุดกายลงข้างๆ หลันตี้“พี่ใหญ่ กลับไปที่ปาเอ่อถัวเสียเถิด”หลันตี้สะบัดมือจ้องหน้าหลันเล่อด้วยสายตาเกลียดชังอย่างที่หลันเล่อไม่เคยเห็นมาก่อน“เจ้ากับข้าขาดกันตั้งแต่วันนี้ ข้าทำทุกอย่างเพื่อปาเอ่อถัวให้รุ่งเรืองแต่เจ้ากับเห็นแก่ผู้อื่น”หลันเล่อสะอื้นอย่างแรง“ข้าผิดเอง หลันเล่อไปอาจเกลียดชังได้เท่าที่ลี่หลันเล่อต้องการหลันเล่อไม่อาจ...ตัดใจจากคนที่ทำร้ายทำลายตัวเองในครั้งก่อนได้ เพราะที่หลันเล่อเห็นคือฝ่าบาทที่ใจดีที่สุด”หยางซาน
ถงหมิ่นหอบเอาร่างบางไว้ในอ้อมแขน“อาจารย์ เรามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”ใบหน้าและแววตาใสซื่อถงหมิ่นยิ้มอ่อนโยน“เรากำลังจะกลับวังหลวง”เอ่ยปากด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนวังหลวงต้าหมิงคุนนั่งบนบัลลังก์มังกรด้วยท่าทีองอาจ แผลรอยมีดที่อกข้างซ้ายยังสร้างความเจ็บปวดให้ตลอดเวลา“รอคอยการมาของพวกเราช่างเป็นนกรู้เสียจริง”หลันตี้พูดขึ้นดังๆ ก้าวขาเข้ามาในท้องพระโรงโอ่อ่า“ความจริงความขัดแย้งนี้เป็นเพียงของท่านคนเดียวหลันตี้ไท่จือ ข้ายังคงยึดถือความสัมพนธ์อันดีระหว่างสองแคว้นในเมื่อท่านน้าก็ยังอยู่ที่ปาเอ่อถัวหลันตี้ขมวดคิ้ว“หลันเล่อเล่านางอยู่ที่ไหนกัน ท่านอย่าบอกว่าคุมตัวนางไว้เสียแล้ว”ต้าหมิงคุน ยิ้มเศร้าๆ“ท่าน ให้นางมาอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งหลันเล่อที่แสนจะพิสุทธิ์ ท่านจงใจให้นางต้องพบกับความขัดแย้งอย่างเลี่ยงไม่ได้”“นางเป็นคนปาเอ่อถัวจะเกิดหรือจะตายก็เป็นคนปาเอ่อถัว”“ท่านคิดดังคนเห็นแก่ตัว ท่านเองหาได้สนใจว่าหลันเล่อจะต้องพบเจอกับสิ่งใดดีเป็นข้าที่รู้ทันไม่ได้สั่งให้ลงทัณฑ์นางอย่างที่ท่านต้องการ แต่ถึงกระนั้นสุนัขป่าหากอยากจะกินลูกแกะก็ต้องหาทางกินจนได้ ไม่ว่าข้าจะทำเช่นไรท่านก็จะต้องส่งทัพ
“ไท่จือชอบกลิ่นหอมของดอกเหมยกุ้ยฮวา”ลี่หลันเล่อยิ้มหวานเมื่อได้ยินเมิ่งเม่ยพูดแบบนั้น สวรรค์ลิขิตไว้แล้วแม้แต่ดอกไม้ต้าหมิงคุนยังชมชอบเหมือนกันกับหลันเล่อ“ข้าเองก็ชอบดอกเหมยกุ้ยฮวา”เมิ่งเม่ยยิ้ม“เจ้าก็ นำน้ำอบกลิ่นดอกเหมยกุ้ยฮวาอบอาภรณ์ของเจ้าแล้วสวมมันไปพบไท่จือจะดีไหม”ลี่หลันเล่อยิ้มเอียงอาย“ข้าไม่กล้าเกรงว่าไท่จือจะไม่อยากพบข้า”“ในครั้งแรกเจ้าก็ไม่กล้าแล้วเช่นไรจะชนะใจไท่จือ ข้ารึอุตส่าห์บอกกับไท่จือว่าเย็นนี้มีคน .. อยากพบไท่จือน่านะ คุณหนูลี่เจ้าไปพบไท่จือข้าจะได้ไม่ผิดคำพูด”“ก็ได้ แต่ยามค่ำมืดออกไปพบบุรุษไม่น่าอายไปหน่อยหรือ”“คุณหนูลี่เจ้าน่ะชอบไท่จือมิใช่หรือ”ลี่หลันเล่อพยักหน้าหงึกหงัก“เจ้าชอบไท่จือก็ไม่เห็นว่าจะน่าอายตรงไหนคุณหนูลี่เปิดเผยจริงใจอยู่แล้วมิใช่หรือ”ค่ำคื่นมืดมิดอาภรณ์สีม่วงอ่อนพร้อมกับกลิ่นดอกเหมยกุ้ยฮวา เยื้องย่างเข้ามายังที่นัดหมายร่างตะคุ่มของต้าหมิงคุนเลิกคิ้วสูง“เจ้า ไปห่างๆ ข้า”ต้าหมิงคุนผลักร่างบางของลี่หลันเล่อลงไปกองกับพื้น“บังอาจนัก ข้าแพ้กลิ่นดอกเหมยกุ้ยฮวา”ร่างสูงเซถลาถอยหลังล้มลงไปบนพื้นทันที“ช่วยด้วยใครก็ได้ช่วยด้วย”จื่อจื่อวิ่งออก
“พระนางอย่าได้แค้นเคืองอีกเลยท่านไม่มีอะไรที่จะไปต่อกรกับฮองเฮา”สะบัดมือฟาดลงใบหน้าของนางกำนัลข้างกาย“ข้ามีทุกอย่างเหนือกว่านางเหนือกว่านางมาตลอด ยกจอกยาขึ้นกระดกรวดเดียวหมดถ้วยแม้รสชาติของยาในถ้วยจะขมเพียงใดแต่เมิ่งเม่ยกลับรู้สึกว่าแม้จะฝืนใจเพียงใดก็ต้องทำหยางซานชิงกระตุกบังเหียนม้าให้หยุดอยู่ตรงนั้นไม่ยอมขยับกายป้ายหลุมศพ เห็นเด่นชัดแต่ไกล“ลี่หลันเล่อ พร่ำเพ้อคะนึงหา”ด้านหน้ามีช่อดอกเหมยกุ้ยฮวาเก่าใหม่วางเรียงรายบนเนินดินจนแทบจะมองไม่เห็นพื้นดินเบื้องล่างรอบเนินดินกลับพบดอกเหมยกุ้ยฮวางอกงามชูดอกสีแดงสดแข่งกันอวดโฉมงดงาม“ฝ่าบาทใกล้จะถึงวังหลวงแคว้นหานแล้วที่นี่เนินเหมยกุ้ยฮวามักจะไม่ให้ใครย่างกรายเข้ามา”“ทำไมกัน”“ว่ากันว่าบริเวณนี้และอีกกว่าสิบลี้ไม่ให้ผู้คนสัญจรเพราะเป็นที่ฝังศพของ..คุณหนูลี่ ต้าหมิงคุนฮ่องเต้อยากให้นางอยู่อย่างสงบห้ามใครย่างกรายอีกทั้งต้าหมิงคุนเมื่อมีโอกาสมักจะมาที่นี่เป็นประจำจึงต้องกันไว้เพื่อความปลอดภัย”หยางซานชิงเอื้อมมือหยิบดอกเหมยกุ้ยฮาขึ้นมาดอมดม“ต้องใช้ดอกเหมยกุ้ยฮวา มากมายเพียงใดในการนี้”“ว่ากันว่าดินแดนทางเหนือของแคว้นหานมีทุ่งดอกเหมยกุ้ยฮวา
“โบยนางจนกว่าข้าจะพอใจ”“ลี่…หลันเล่อเจ้าทำไมกลายเป็นคนใจร้ายเช่นนี้ ไม่เห็นแก่ความสัมพันของเราบ้างหรือ”หันหน้าหันหลังหาคนช่วยนางกำนัลที่เคยรับใช้ใกล้ชิดก็เพียงแค่ก้มหน้ามองพื้นไม่กล้าทัดทาน“เมิ่งเม่ยแล้วเจ้าเล่าเห็นแก่ความสัมพันธ์ของเราบ้างหรือไม่ ตระกูลลี่บ้านแตก อีกทั้งความเจ็บช้ำที่ข้าได้รับเล่า กลับกันหากเจ้ามาเป็นข้าเจ้ายังจะแค่โบยข้าหรือไร”ก้าวขาออกไปในทันที“ลี่ ลี่หลันเล่อไม่เอาเจ้าจะปบ่อยให้ข้าถูกโบยแบบนี้ไม่ได้ลี่หลันเล่อกลับมาก่อน”ขันทีลงไม้ที่กลางหลังของถังเมิ่งเม่ยสุดแรง จะด้วยบุญบารมีหรือความแค้นส่วนตัวที่ก่อนหน้านั้นเมิ่งเม่ยเคยกดขี่หรืออาจเป็นเพราะ บัญชาของฮองเฮาไม่อาจรู้ได้ ซึ่งหลายคนในวังหลวงต่างรู้ดีว่าอย่าทำให้เมิ่งเม่ยโกรธ ร่างบางสะท้อนขึ้นลงตามแรงหวดร่างกายแทบแตกออกเป็นเสี่ยงๆ“ลี่หลันเล่อได้โปรด ฮองเฮา อย่าทำแบบนี้ข้าทนรับความเจ็บปวดไม่ได้ ได้โปรดข้ากลัวแล้วปล่อยข้าไปลี่หลันเล่อได้โปรด”ส่งเสียงคร่ำครวญแม้ใครผ่านมาได้ยินในตอนนี้ย่อมที่จะอดสงสารเสียไม่ได้“ลี่หลันเล่อข้ากลัวแล้ว …ต่อไปข้าไม่กล้ากับเจ้าแล้ว”ร่างบางกระตุกตามแรงหวดของไม้พลองสุดท้ายก็แน่นิ่ง ลี่
“ฝ่าบาทพอได้แล้ว ที่ผ่านมาฝ่าบาทกักขังตัวเองกับคำว่าสำนึกนึกผิดต่อคุณหนูลี่อีกทั้งยังทรมานทั้งร่างกายและจิตใจ จื่อจื่อไม่เห็นว่าจะได้ประโยชน์อะไรในเมื่อฮองเฮา ตอนนี้แม้จะไม่รู้ว่านางคือคุณหนูลี่หรือไม่ แต่ทว่าความเคียดแค้นเกลียดชังนั้น ฝ่าบาทจะทำอย่างไรให้มันหายไป”“เจ้ายิ่งพูดแบบนี้ ข้ายิ่งรู้สึกผิดที่ผ่านมาทุกข์ตรมแค่ไหนข้าไม่เคยอยากให้นางรู้ แค่เพียงข้ารู้ว่ามันยังน้อยไปกับสิ่งที่นางได้รับ จื่อจื่อขอร้องอย่าได้ไม่พอใจฮองเฮานางก็ควรจะโกรธข้าเกลียดข้าในเมื่อข้าทำกับนางไว้ไม่น้อย อีกสองวัน ส่งคนอารักขาฮองเฮากลับเผ่าปาเอ่อถัวเสียหากนางต้องการจะกลับไปที่นั่น”“ฝ่าบาท..หากส่งฮองเฮากลับไปตอนนี้ทุกอย่างที่ทำมาล้วนล้มเหลว”“จะมีประโยชน์อะไรในเมื่อข้าตอนนี้ไร้แรงกายแรงใจในทุกเรื่องจะอยู่หรือตายไม่ต่างกัน เรื่องของบ้านเมือง ข้าคงต้องปล่อยไปตามยถากรรมเช่นกัน”“ข้าน้อยไม่คิดว่า ฝ่าบาทจะจมอยู่กับเรื่องราวในอดีตเช่นนี้”“ข้าเคยหวังมาตลอด ว่าพบนางอีกครั้งเพื่อได้ ชดใช้ให้กับนางตอนนี้ก็สาสมยิ่งแล้ว”"นางเจ็บปวดข้าเจ็บช้ำก็ถูกแล้ว นางไม่กล้าให้ข้าตายเพียงแค่อยากเห็นว่าข้าต้องเจ็บปวดเช่นนาง""ฝ่าบาท
“ข้อตกลงระหว่างเรา”หลันตี้ยกจอกสุราตรงหน้า“ข้าไม่ยอมทุกอย่างเพียงแค่หลันเล่อ ยอมที่จะเคียงข้างข้า”“หลันเล่อเป็นชาวปาเอ่อถัวทั้งตัวและหัวใจ ข้าคิดว่านางคงพอจะเข้าใจสิ่งที่ข้าและเสด็จแม่ตั้งใจมอบให้นาง”“ข้าหยางซานชิงรับรองว่าจะดูแลนางอย่างดี อีกทั้งมอบตำแหน่งฮองเฮาให้นาง”หลันตี้ยิ้มมุมปาก“รีบยกทัพเถิด”หยางซานชิงเร่งเร้า“กลัวว่าหลันเล่อจะเปลี่ยนใจหรือว่ากลัวว่าข้าจะเปลี่ยนใจกัน เสด็จพ่อกับสนมลู่ฟางบัดนี้ไม่มีอำนาจในการตัดสินใจมีเพียงข้าเท่านั้นที่เหล่าทหารให้ความย้ำเกรง”“เช่นนั้นจึงหายห่วง”“ข้ากับท่านยกทัพเข้าตีวังหลวงแคว้นหานเร็ววัน คนของข้าส่งข่าวหลันเล่อนาง ทำร้ายต้าหมิงคุน อาการสาหัสบอกได้ชัดว่านางยังมีความเป็นชนเผ่าปาเอ่อถัว ไม่เสียแรงที่ข้าคาดหวังในตัวนาง การไปของเราครั้งนี้ ต้าหมิงคุนจะต้องคาดไม่ถึง”“หากสามารถยึดวังหลวงแคว้นหานได้ ตำแหน่งฮ่องเต้แคว้นหานข้ายกให้ท่านองค์ชายใหญ่ ขอเพียงท่านช่วยพูดกับหลันเล่อ”“แน่นอน ข้าสัญญาแค่เพียงยึดวังหลวงแคว้นหานได้”ยกจอกสุราชูขึ้นตรงหน้าหยางซานชิงยกจอกสุรากระดกลงคออย่ารวดเร็ว………………………………………………………………………….“เห็นหรือไม่ ต้าหมิงคุน ว่าส