“เราไปไหว้พระขอพรกัน” ลี่หลันเล่อ รีบก้าวเดินลงไปก่อนใคร นักบวชชราเดินมาหยุดที่ลี่หลันเล่อ“แม่นางน้อยผู้นี้ กำลังจะเผชิญบาปเคราะห์ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง”ลี่หลันเล่อหุบยิ้ม นักบวชชราหันมองต้าหมิงคุน“คุณชายท่านนี้สิ่งที่ท่านทำกับนาง จะสร้างบาปเคราะห์ให้กับนางและสร้างบาดแผลให้กับท่าน”ต้าหมิงคุนยิ้ม“ขอบคุณไต้ซือที่ตักเตือนแต่ข้ากับนางไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกัน”ก้าวเดินเข้าไปด้านในดึงมือเมิ่งเม่ยให้ตามเข้าไปด้วยตรงหน้ารูปแกะสลักของพระโพธิสัตว์“ไท่จือท่านตั้งใจพาข้ามาขอพรอย่างนั้นหรือ”หันไปยิ้มกับเมิ่งเม่ย ที่ประนมมือ“เจ้าอธิษฐานว่าอย่างไร”เมิ่งเม่ยยิ้มเอียงอาย“เกรงว่าจะไม่ต่างจากไท่จือ”“ข้าอธิษฐานให้ข้าได้เคียงคู่กับเจ้า”เมิ่งเม่ยก้มหน้าเขินอายยิ่งกว่าเดิมลี่หลันเล่อ ทรุดกายลงด้านหลัง ประนมมืออธิษฐานในใจเมิ่งเม่ยก้มลงกราบเงยหน้าขึ้นก่อนจะมองหาลี่หลันเล่อ“คุณหนูลี่เจ้าอธิษฐานว่าอย่างไร”ลี่หลันเล่อก้มลงกราบก่อนเงยหน้าขึ้นมองเมิ่งเม่ยกับต้าหมิงคุนที่กุมมือเมิ่งเม่ยอยู่“ข้า อธิษฐานให้ข้า ข้า…”“เจ้าก็คงอธิษฐานให้ ไท่จือมีใจกับเจ้า”ลี่หลันเล่อยิ้มบางๆ“ข้าอธิษฐานแบบไหนก็ไม่แปลกแต
เมิ่งเม่ยบ่นเบาๆ“ไปกันเถิด”ต้าหมิงคุนไม่ต่อคำรีบชวนเมิ่งเม่ยกลับวังหลวง…………………………………………………………………เอื้อมมือตั้งใจจะลูบหลังให้เมื่อเห็นว่าหลันเล่อสำลักน้ำแต่คิดได้ว่าไม่อาจแตะตัวหลันเล่อตามข้อตกลง อาภรณ์ถูกสวมอย่างเรียบร้อย“ฮัดเช๊ย ฮัดเซ๊ย” หลันเล่อส่งเสียงจาม ต้าหมิงคุนถอดเสื้อคลุม ออกทว่าช้าไปกว่าถงหมิ่นที่ห่มเสื้อคลุมของเขาในมือให้กับหลันเล่อเสียก่อนแล้ว“ข้าบอกกี่ครั้งแล้ว ว่าไม่ให้แช่น้ำนานเช่นนี้ องค์หญิงรองท่านแต่ไหนแต่ไรมักจะ เป็นหวัดบ่อยๆ เพราะชอบแช่น้ำ” ต้าหมิงคุนรีบผูกเชือกรัดเสื้อคลุมอย่างรวดเร็วไม่ให้เห็นว่าเขาช้ากว่าถงหมิ่น“ข้าแค่ อยากจะแช่น้ำเสียบ้างหลายวันมานี้ไม่เคยได้อาบน้ำ”“อืม หากไปถึงแคว้นหานองค์หญิงคงจะแช่น้ำเย็นบ่อยๆ ไม่ได้เพราะที่นั่นอากาศค่อนข้างเย็น”“ความจริงข้าสำลักน้ำ ฮัดเช๊ยยย”ถงหมิ่นเลิกคิ้วสูง“นั่นอย่างไรเล่าข้าจะสอนเจ้าว่ายน้ำก็ไม่ยอมถึงต้องเป็นแบบนี้”“หานจง หานจง”หานจงวิ่งเข้ามา พร้อมกับจื่อจื่อที่เพิ่งจะมาถึงเหมือนกัน“หา สมุนไพรแก้หวัดให้ฮองเฮาด้วย นางเป็นหวัด”หานจงประสานมือ“ยาอีกแล้วหรือ ไม่น้าท่านอาข้าไม่ชอบดื่มยา”ส่งเสียงออดอ้อน ถงหม
“ท่านอา ข้านานๆ...จะมีสหายสักคน”“เจ้าเป็นฮองเฮาและเป็นฮองเฮาของข้า ขอให้เจ้าจำข้อนี้ไว้ให้ดี จะต้องวางตัวให้เหมาะที่จะเป็นฮองเฮา”เสียงเข้มจนหลันเล่อสลดลงในทันทีวังหลวงแคว้นหาน“พระนาง”“ฝ่าบาทพักค้างแรมที่ด่านชายแดน คงอีกหลายวันจึงจะถึงวังหลวง”“เหตุใดฝ่าบาทไม่เร่งเดินทางกลับวังหลวง”ถามด้วยความสงสัย“พระนาง คนของเราที่ส่งไปสอดแนมฝ่าบาท ส่งข่าวมาว่า...ฝ่าบาททรงตามใจฮองเฮายิ่งนัก นางอยากเล่นน้ำอยากค้างแรมก็ต้องตามใจ ไม่ยอมเร่งเดินทาง”“ฮองเฮา นางบ้าใครกัน คือฮองเฮา”สาวใช้รีบคุกเข่าจนศีรษะจรดพื้น“ ข้าน้อยได้ยินคนเขาพูดกันว่า ฝ่าบาททรงแต่งตั้งฮองเฮามาจากเผ่าปาเอ่อถัวก่อนแล้ว และนำนางกลับมาที่แคว้นหานด้วยนั่นเองที่เป็นสาเหตุที่ทำให้การเดินทางล้าช้า” ดวงตากลมเบิกโพลงด้วยความรู้สึกโกรธอย่างที่สุดจนแทบจะกรีดร้องออกมาดังๆ แต่ด้วยความเป็นเมิ่งเม่ยจึง ได้แต่กัดฟันจนเป็นสันนูน“เตรียมการเดินทาง ข้าตั้งใจออกไปรับฝ่าบาทด้วยตัวเอง”“พระนางงง…. จะออกไปรับทำไมเจ้าคะในเมื่อฝ่าบาทกำลังเดินทางมาที่นี่”“ข้าจะได้ไปร่วมแสดงความยินดีกับฝ่าบาทเรื่องฮองเฮา แล้วอีกอย่างเป็นการให้เกียรติฮองเฮา เพราะข้ามา
“จื่อจื่อ วันนี้ยังไม่อาจเดินทางต่อได้ ฮองเฮาทรงประชวร หากเร่งเดินทางเกรงว่าจะทำให้อาการป่วยไข้ยิ่งแย่ลงไป”จื่อจื่อเหลือบตามองหลันเล่อที่ริมฝีปากแล้วดวงตาแดงระเรื่อด้วยพิษไข้“จื่อจื่อน้อมบัญชาฝ่าบาท”ก้าวขาจากไป“ท่านอาหลันเล่อขอโทษ”น้ำเสียงออดอ้อน…………………………………………………………………………………….“ข้าขอโทษ ไท่จือข้าไม่ได้ ตั้งใจ” ต้าหมิงคุน ผลักร่างบางออกห่างเมื่อลี่หลันเล่อช่วยดึงตัวเขาออกมาจากชั้นเก็บตำราในห้องเก็บตำรา ที่ล้มลงมาทับร่างสูงของต้าหมิงคุนจนรู้สึกเจ็บปวดที่ท่อนขาและไม่อาจขยับมันได้ ด้านนอกมืดมิดไร้ซึ่งสรรพเสียง“เจ้า ทำให้ข้าต้องพบกับโชคร้ายและจะต้องพบกับเรื่องโชคร้ายเมื่อต้องพบกับเจ้า”“ไท่จือเป็นท่านที่ดึงตัวข้าเข้ามาในนี้ จนห้องถูกปิดจากด้านนอก” ต้าหมิงคุนยิ้มมุมปาก“เจ้าทำตัวไม่น่าไว้ใจ วังหลวงไม่ใช่ที่วิ่งเล่น เจ้ายามโพล้เพล้ยังกล้าเข้ามาในวังหลวงด้วยสาเหตุใดกันแน่”“ขะขะข้า” จะบอกอย่างไรว่าแอบเข้ามาเพื่อตั้งใจวางของขวัญวันเกิด หยกสีขาวแกะสลักรูปกระต่ายน้อยน่าเอ็นดู ที่ตั้งใจทำขึ้นมาให้กับต้าหมิงคุนด้วยมือของตัวเอง เผื่อว่าวันพรุ่งนี้ที่เป็นวันคล้ายวันเกิดต้าหมิงคุนจะตื่นขึ
ต้าหมิงคุนขยับกายด้วยความหนาวเหน็บ ลี่หลันเล่อเองก็ไม่ต่างกันในเมื่อคืนนี้อากาศหนาวยิ่งนักด้านนอกนั่นหิมะขาวโปรยปรายกลบฝังรอยเท้าของคนทั้งสอง ขันทีข้างกายก็หาได้สนใจจื่อจื่อออกไปนอกวังหลวงวันนี้เขากลับไปที่ตะะกูลถังกินดื่มกับบิดาและมารดานานๆ ครั้งแล้วใครเล่าที่จะรู้ว่าไท่จือหายไปลี่หลันเล่อขยับเข้าใกล้ต้าหมิงคุน ทีละนิดเมื่อร่างสูงนอนขดด้วยความหนาว อาภรณ์บางเบาไร้เครื่องกันหนาวของทั้งสองคนจึงช่วยอะไรไม่ได้มาก“หนาว ...หนาว”ไขว่คว้าร่างบางมากอดไว้แน่น ทั้งๆที่ดวงตาปิดสนิท“ปะปล่อย”“......”ไร้ซึ่งเสียงตอบรับทั้งๆที่ลี่หลันเล่อใจเต้นไม่เป็นจังหวะ มือข้างหนึ่งยังกุมที่ขาอีกข้างกอดรัดลี่หลันเล่อไว้แน่น แม้จะตื่นตกใจแต่กลับรู้สึกถึงความอบอุ่นของอ้อมกอด ขยับกายยกมือสั่นเทาขึ้นกอดรอบเอวหนา หลับตาลงเสียจะได้ไม่ต้องรู้สึกละอายใจ ต้าหมิงคุนซุกหน้าอยู่กับซอกคอขาวหลับไหลไปเช่นกันตะวันโผล่ขึ้นที่ขอบฟ้านานแล้ว ทว่าไร้วี่แววของไท่จือ ไปขอพรในวันคล้ายวันประสูติกับฝ่าบาทขันทีนางในต่างวิ่งหากันให้วุ่นไปทั่ววังหลวง“เจอหรือไม่”เจอกันก็เอ่ยปากถามไถ่แต่ไม่มีวี่แวว“ไม่”“พบไท่จือหรือไม่”“ไม่”ขันทีน
“เจ้าดูแลมัน ข้าจะดูแลเจ้า”คำพูดขาดหายไปในลำคอเมื่อต้องกลืนก้อนแข็งๆลงในลำคอ…………………………………………………………….“ไท่จือคุณหนูลี่ตายแล้ว”ต้าหมิงคุนขมวดคิ้ว“จื่อจื่อ นางตายได้อย่างไร”“ไท่จือ สิ่งที่นางต้องเผชิญที่ผ่านมา หนักเกินกว่าที่หญิงอ่อนแอคนหนึ่งจะรับได้”“ไปรับศพนางกลับมา ที่นี่”“ไท่จือไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว ในเมื่อนางไม่อยู่แล้ว”“ไปรับนางกลับมาได้ยินไหม ข้าบอกให้ไปรับนางกลับมา”ตวาดลั่นก่อนจะทรุดกายลงนั่งกับเก้าอี้ เมิ่งเม่ยย่อกายลงตรงหน้างดงาม งดงามเหมือนทุกครั้งที่เขาเคยเห็นไม่ว่าจะมองกี่ครั้งก็ตามเขารู้สึกว่าช่างงดงาม เหลือเกิน แต่ครั้งนี้กลับรู้สึกว่า ร่างงดงามตรงหน้าไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าว่าน่ามองใบหน้าของนางเหมือนกำลังยิ้มหยันให้กับบางอย่าง“เจ้า...เจ้า ไม่ได้เป็นอะไรหรือนี่ เมิ่งเม่ย”“หลังจากที่ถูกโจรป่าดักปล้น เกี้ยวของเมิ่งเม่ยกับหลันเล่อ เราสองคนต่างแยกย้ายกันหนี เมิ่งเม่ยเดินหลงเข้าไปในป่าลึกจนกระทั่งหมดสติไป ฟื้นขึ้นมาอีกทีก็...ก็ เดินเลัดเลาะหาทางออกจากป่าโดยหลงออกไปนอกเขตวังหลวง อาศัยข้าวปลาของคนที่นั่น พอมีพ่อค้าจากต่างแดนเดินทางเข้ามาในวังหลวง เมิ่งเม่ยอาศัยเกี้ยวของพ
ก่อนที่จะกระดกยาจนหมดถ้วย ริมฝีปากแดงเลอะเปรอะไปด้วยยาที่ดื่มเข้าไปต้าหมิงคุนเอื้อมมือบางเหมือนเมื่อสตรีเช็ดริมฝีปากให้เบาๆ หลันเล่อจ้องตาคมตาไม่กะพริบความอ่อนโยนที่ได้รับทำเอาใบหน้าแดงระเรื่อ ต้าหมิงคุนเองก็จ้องใบหน้างามอย่างไม่อาจละสายตา โน้มตัวลงช้าๆตาสบตาที่มีแววตาใสซื่อขี้เล่น จุมพิตเบาๆซับรอยเปื้อนที่ริมฝีปากออกเสีย รสหวานจากยากับรสหวานจากรสจูบผสมปนเป อยากจะทำมากกว่านี้แต่ด้วยแววตาที่ตื่นตกใจทำเอา ต้าหมิงคุนถอนหายใจยาวกดริมฝีปากเบาๆที่ริมฝีปากก่อนจะค่อยๆถอนริมฝีปากออกช้าๆ ตายังคงสบตาหวานนิ่ง“ท่านอา มะมะมันไม่เลอะแล้ว...”มืออุ่นลูบเรือนผมเบาๆ ดึงร่างบางมากอดแนบแน่นบางอย่างในกายร้อนฉ่าเก็บกดอารมณ์เสน่หาไว้ภายใน“ดื่มยาได้ง่ายเพียงนี้ พรุ่งนี้ก็คงดีขึ้น”ต้าหมิงคุนเบือนหน้าหนีทั้งๆอยากจะกอดร่างบางไว้อย่างนั้น อยากจะทำมากกว่านั้น แต่เป็นใจที่เต้นตึกตัก“เราเร่งเดินทางเถิด หลันเล่ออยากให้ถึงแคว้นหานเสียที”เปลี่ยนเรื่องคุยด้วยเขินอายยิ่งนัก“รอให้เจ้าดีขึ้นกว่านี้ ยังไม่จำเป็นต้องเร่งรีบอะไร ข้า ..ห่วงว่าเจ้าจะแย่กว่านี้ ต้องรอดูว่าเจ้าดีขึ้นเราจึงจะเร่งเดินทางอีกครั้ง”ก้าวขาออกจ
เมิ่งเม่ยกรีดร้องเมื่อกลับถึงบ้านตระกูลถัง ต่อหน้าจื่อจื่อที่เอาแต่ส่ายหน้าระอาใจ“พี่ใหญ่ท่านได้ยินไหม ได้ยินสิ่งที่ข้าต้องการไหม”“เมิ่งเม่ยเจ้าแต่เดิมรู้จักสะกดกลั้นอารมณ์โกรธ มาวันนี้ทำไมถึงได้เปิดเผยความรู้สึกออกมาเสียสิ้น”“ข้าไม่ทนอีกต่อไปแล้ว เป็นท่าน ท่านยอมทนหรือไรในเมื่อกำลังจะแต่งกับไท่จือตำแหน่งไท่จือเฟยลอยเด่นอยู่ตรงหน้า แต่จู่จู่ไท่จือกับเฉยชาไม่ยอมแต่งกับท่านทั้งๆที่หาฤกษ์ไว้แล้วจะให้ข้าสะกดกลั้นอารมณ์ได้อย่างไรในเมื่อสิ่งที่ข้าใฝ่ฝันกำลังจะหลุดลอย”“เจ้าใจเย็นก่อนเรื่องนี้ไว้ข้าถามไท่จืออีกครั้ง”“หากพี่ใหญ่ไม่ช่วยข้า ข้าจะให้ท่านพ่อเข้าเฝ้าฝ่าบาทเสีย ไท่จือจะรู้สึกผิดอะไรหนักหนากะอีแค่ลี่หลันเล่อต้องตาย อีกอย่างบิดากับมารดาและคนในตระกูลลี่ก็ได้รับความเป็นธรรมส่งมอบทุกอย่างคืนให้แล้วจะคร่ำควรญเสียใจไปทำไม กันเห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านั้นไท่จือไม่ได้รู้สึกชอบพอ ลี่หลันเล่อแม้แต่น้อย”“เจ้าคิดอย่างนั้นหรือ เจ้าคิดว่าสิ่งที่เจ้าเห็นมันคือเรื่องจริง เจ้าคิดว่าไท่จือแค่รู้สึกผิดอย่างนั้นหรือ เคยได้ยินไหมว่า…บางคนพยายามจะเกลียดเพราะกลบเกลื่อนความรักจับจิต” เมิ่งเม่ยขมวดคิ้ว“ไ