แชร์

บทที่ 2 : งามล่มเมือง

ผู้เขียน: Luffy.g
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-27 18:27:24

บทที่ 2 : งามล่มเมือง

ฤดูใบไม้ร่วงเปลี่ยนสวนหลังจวนของอัครมหาเสนาบดีชิงหยวนเปาให้กลายเป็นสีทอง แสงแดดยามเย็นสาดส่องผ่านใบไม้ร่วงที่ปลิวไปตามสายลมอบอุ่น บรรยากาศเงียบสงบยิ่งเพิ่มความงามให้กับบรรยากาศ

ชิงอี้หรานในวัยสิบแปดปี ยืนอยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้ หญิงสาวสวมชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อนลายปักดอกไม้สีขาว เส้นผมดำขลับถักเป็นเกล้าแนบเนียน ใบหน้างดงามดั่งเทพธิดา ดวงตาคมหวาน ริมฝีปากเรียวบางสีชมพูอ่อน ชิงอี้หรานเติบโตขึ้นเป็นหญิงสาวที่งดงามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ผิวขาวเนียนราวกับหยก และดวงตาที่เปล่งประกายเหมือนดวงดาวยามค่ำคืน ชิงอี้หรานเป็นดั่งหญิงงามล่มเมืองที่ทำให้หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ต่างหลงใหล พวกเขาต่างพากันหมายปองและฝันอยากได้เป็นภรรยา อีกทั้งอำนาจบารมีของบิดานาง อัครมหาเสนาบดีชิงหยวนเปา ยิ่งเพิ่มความปรารถนาในใจของพวกเขา

"อี้หราน ข้าต้องการให้เจ้าอยู่ในจวน อย่าไปไหนไกลนะ" ชิงหยาง พี่ชายคนโต เอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง ขณะที่พวกชายหนุ่มนั่งอยู่ในเรือนรับรอง

ชิงอี้หรานยิ้มหวาน "ทำไมกันเจ้าคะ พี่หยาง ข้าอยากเดินเล่นในสวนไปถึงหน้าประตูจวนเท่านั้นเอง"

ชิงหลง พี่ชายคนที่สอง เดินเข้ามาพร้อมกับจดหมายในมือ "อี้หราน เจ้ารู้หรือไม่ว่า มีบุตรของเจ้ากรมพิธีแอบลอบส่งจดหมายเกี้ยวพาเจ้า ข้ากับพี่หยางต้องคอยระวังไม่ให้พวกนั้นเข้ามาใกล้เจ้า"

ชิงเฟย พี่ชายคนที่สาม เดินเข้ามาอีกคน "ใช่แล้ว ข้าได้ยินข่าวว่าเขาตั้งใจจะมาเจอเจ้าที่สวนนี้ ข้ากับพี่ชายทั้งสองจึงต้องหาวิธีข่มขวัญให้เขาหนีกระเจิง"

ชิงอี้หรานหัวเราะเบา ๆ "พวกท่านพี่นี่ช่างเป็นห่วงข้าเสียจริง ข้าไม่คิดว่ามีใครกล้าหรอก"

ชิงหยางพยักหน้า "เขาคงไม่รู้หรือไม่ก็ไม่สนใจ แต่หลังจากนี้ ข้าจะดูแลเจ้าอย่างเข้มงวดกว่านี้ พวกเราจะไม่ยอมให้ใครมาแตะต้องเจ้า"

ในบ่ายวันนั้นทั้งสามพี่น้องจึงวางแผนข่มขวัญชายหนุ่มผู้นั้น

“พี่หยาง ข้าว่าเราต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว” ชิงหลงกล่าวด้วยความโมโห

“ใช่ พวกเราต้องสอนบทเรียนให้เขาเข้าใจ” ชิงเฟยเห็นด้วย

พี่ชายทั้งสามรอคอยบุตรของเจ้ากรมพิธีที่หน้าจวนเจ้ากรมพิธีการ เมื่อเห็นหนุ่มน้อยหน้าตาพอไปวัดไปวาได้ ชิงหยางย่างก้าวเข้าไปหยุดชายหนุ่มไว้

“เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงมาเกี้ยวพาน้องสาวของเรา” ชิงหยางพูดด้วยเสียงดุดัน

“ข้า... ข้าแค่...” หนุ่มน้อยตอบด้วยเสียงสั่นเครือ

“หากเจ้าคิดจะมาเกี้ยวพาน้องสาวของเรา เจ้าต้องผ่านพวกเราไปก่อน!” ชิงหลงพูดเสริม

ชิงเฟยยิ้มเย็น “เจ้าไม่รู้หรือว่าการเข้าใกล้ชิงอี้หรานคือการเล่นกับไฟ”

หนุ่มน้อยคนนั้นหน้าซีดเผือด และรีบวิ่งหนีเข้าจวนไปอย่างรวดเร็ว

ข่าวการข่มขวัญบุตรของเจ้ากรมพิธีแพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวง ทุกคนทราบว่าหญิงงามจากตระกูลชิงนั้นมีพี่ชายสามคนที่พร้อมจะปกป้องหญิงสาว แม้ว่าจะเป็นบุตรของขุนนางสูงศักดิ์ก็ไม่อาจเข้ามาใกล้ชิดได้

"ท่านพี่ ข้าไม่ต้องการให้ท่านต้องทำเรื่องลำบากเพราะข้า" ชิงอี้หรานพูดเสียงเบา "ข้าเพียงอยากใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเท่านั้น"

ชิงหยางยิ้ม "เจ้าไม่ต้องกังวล พวกเราจะปกป้องเจ้าเสมอ ไม่ว่าจะแบบใด เราจะไม่ให้ใครมาทำร้ายเจ้า"

ชิงหลงเสริม "ใช่แล้ว อี้หราน เจ้าคือแก้วตาดวงใจของตระกูลชิง พวกเราจะทำทุกอย่างเพื่อให้เจ้ามีความสุข"

ชิงเฟยยิ้มแล้วกล่าว "และหากมีใครกล้าลองดีอีก ข้าจะเป็นคนแรกที่จัดการพวกมัน"

ชิงอี้หรานยิ้มกว้าง รู้สึกขอบคุณในความรักและการปกป้องของพี่ชายทั้งสาม หญิงสาวรู้สึกปลอดภัยและมั่นใจว่าพวกเขาจะอยู่เคียงข้างนางเสมอ

เวลาผ่านไป ชื่อเสียงของชิงอี้หรานและพี่ชายทั้งสามเป็นที่รู้จักทั่วเมืองหลวง แม้ว่าหลายคนจะหลงใหลในความงามของชิงอี้หราน แต่ก็ไม่กล้าเข้ามาใกล้เพราะเกรงกลัวพี่ชายของนาง ชิงอี้หรานจึงกลายเป็นดั่งดอกไม้ที่งดงามแต่ไม่อาจแตะต้อง

บทที่เกี่ยวข้อง

  • หนี้รักราชันสีเลือด   บทที่ 3 : หัวใจที่พบรัก

    บทที่ 3 : หัวใจที่พบรักชิงอี้หรานที่ถูกเลี้ยงดูดั่งหญิงสาวหลังม่าน นานวันเข้าชิงอี้หรานเริ่มอยากรู้อยากเห็นเรื่องราวภายนอก แคว้นโย่วเป็นแคว้นที่เจริญรุ่งเรือง มีเสียงเล่าขานถึงความสวยงามและความครึกครื้นของตลาดนัด ทำให้หญิงสาวอดใจไม่ไหวที่จะออกไปเห็นด้วยตาตนเอง“ซิวเอ๋อ ข้าอยากไปเที่ยวตลาดในเมืองหลวง เราจะทำอย่างไรดี” ชิงอี้หรานถามสาวใช้คนสนิทซิวเอ๋อคิดครู่หนึ่งก่อนตอบ “คุณหนู ถ้าเราจะไป ต้องแอบออกไปตอนเช้า แล้วกลับมาก่อนฟ้ามืด”ชิงอี้หรานพยักหน้า “ตกลง พรุ่งนี้ตอนเช้าเราจะออกไป”วันรุ่งขึ้น ชิงอี้หรานและซิวเอ๋อแอบออกจากบ้านแต่เช้า เดินทางไปยังตลาดนัดในเมืองหลวง เมื่อถึงที่นั่น ชิงอี้หรานรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่เห็น รอบข้างเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความครึกครื้น หญิงสาวเดินชมสินค้าต่างๆ ด้วยความประทับใจเสียงคึกคักของตลาดดังก้องไปทั่วทุกสารทิศ ผู้คนหลากหลายสัญจรไปมาอย่างหนาแน่น ทั้งพ่อค้าแม่ขายที่ตะโกนเชิญชวนให้ลูกค้าซื้อสินค้าของตน และผู้คนที่เดินชมตลาดอย่างสนุกสนานชิงอี้หราน ในชุดกระโปรงยาวสีเขียวเข้ม มีผ้าคลุมศีรษะสีขาวปิดบังใบหน้างดงาม เดินเคียงข้างสาวใช้ที่หญิงสาวไว้ใจที่สุด

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-27
  • หนี้รักราชันสีเลือด   บทที่ 4 : การพบพานอีกครั้งในอาราม

    บทที่ 4 : การพบพานอีกครั้งในอารามหลังเหตุการณ์ในตลาด ชิงอี้หรานได้แต่เฝ้าคิดถึงหนิงซีโย่ว ทุกคืนวันหญิงสาวรำลึกถึงสายตาคมกริบและเสียงห่วงใยของชายหนุ่ม ด้วยความรักที่เกิดขึ้นในใจหญิงสาวตั้งแต่แรกพบวันหนึ่งชิงอี้หรานตัดสินใจเดินทางไปไหว้พระยังอารามบนเขาเพื่อหาความสงบในใจ อารามนี้ตั้งอยู่ในป่าลึก ล้อมรอบด้วยธรรมชาติที่งดงามและสงบเงียบ หญิงสาวรู้สึกสงบใจและหวังว่าการมาไหว้พระในครั้งนี้จะทำให้ลืมความฟุ้งซ่านในหัวออกไปได้บ้างขณะที่ชิงอี้หรานพักอยู่ในอาราม หญิงสาวได้ยินเสียงครางเบาๆ มาจากที่ไกลๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น จึงเดินเข้าไปใกล้ ชิงอี้หรานพบชายหนุ่มผู้หนึ่งนอนอยู่ใต้ต้นไม้ในสภาพที่บาดเจ็บ หญิงสาวรีบเข้าไปดูใกล้ ๆ และพบว่าชายหนุ่มดังกล่าวคือหนิงซีโย่ว ชิงอี้หรานรู้สึกตกใจและห่วงใยในทันทีเมื่อพามาถึงห้อง ชิงอี้หรานเห็นว่าบาดแผลของหนิงซีโย่วค่อนข้างลึก หญิงสาวรู้ว่าต้องรีบรักษา ด้วยบ้านชิงอี้หรานมีแต่ผู้ชายที่ประดาบฟาดฟันจนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเสมอ ทำให้นางค่อนข้างเชี่ยวชาญในการรักษาแผล“ซิวเอ๋อ ไปเอาน้ำร้อนมาให้ข้าเร็ว” ชิงอี้หรานสั่งสาวใช้หญิงสาวหยิบขวดยาที่พกอยู่ออกมาและหันไปหา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-27
  • หนี้รักราชันสีเลือด   บทที่ 5 : ความรักเบ่งบาน

    บทที่ 5 : ความรักเบ่งบานความใกล้ชิดระหว่างชิงอี้หรานและหนิงซีโย่วยิ่งทำให้ทั้งสองผูกสมัครรักใคร่กันมากขึ้น ชิงอี้หรานยังคงปิดบังฐานะของตนเองเพราะกลัวว่าเหล่าพี่ชายทั้งหลายจะทำให้ชายหนุ่มขวัญหนีดีฝ่อ ขณะที่หนิงซีโย่วเองก็ไม่ได้บอกฐานะที่แท้จริงของเขา นอกจากชื่อแซ่ หนิงซีโย่วเองก็ไม่ต้องการให้ชิงอี้หรานรู้ถึงความยุ่งยากในชีวิตของชายหนุ่มในอารามที่เงียบสงบและมีบรรยากาศที่อบอุ่น ชิงอี้หรานดูแลอาการบาดเจ็บของหนิงซีโย่วอย่างดี หญิงสาวนำยาสมุนไพรมาใช้ในการรักษาแผล หนิงซีโย่วนอนพักฟื้นอยู่ในห้องที่ห้อมล้อมด้วยกลิ่นหอมของสมุนไพรและการดูแลเอาใจใส่ของชิงอี้หราน"ท่านหนิงซีโย่ว ท่านรู้สึกดีขึ้นบ้างหรือยัง" ชิงอี้หรานเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ขณะที่หญิงสาวนั่งข้างเตียงชายหนุ่มหนิงซีโย่วมองหญิงสาวด้วยสายตาอบอุ่น "ข้ารู้สึกดีขึ้นมาก ขอบคุณเจ้ามาก หยวนเอ๋อ"ชิงอี้หรานยิ้มเบา ๆ "ข้าช่วยท่านเพียงเล็กน้อย ท่านอย่าได้เกรงใจ"หนิงซีโย่วพยักหน้า แต่ในใจของหนิงซีโย่วกลับรู้สึกไม่สบายใจ ชายหนุ่มมีความลับมากมายที่ไม่สามารถเปิดเผยให้ผู้ใดล่วงรู้ ขณะที่ชิงอี้หรานกำลังเปลี่ยนผ้าพันแผล หนิงซีโย่วจึงเอ่ยถามขึ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-27
  • หนี้รักราชันสีเลือด   บทที่ 6 : ความหลังของหนิงซีโย่ว

    บทที่ 6 : ความหลังของหนิงซีโย่วหนิงซีโย่ว องค์ชายห้าแห่งแคว้นโย่ว กำเนิดโดยสนมอวี๋หนิว สนมอวี๋หนิวนั้นเป็นเพียงหญิงสามัญชนที่ฮ่องเต้ทรงพบระหว่างการเสด็จเยี่ยมราษฎรแบบไม่เปิดเผยตน ฮ่องเต้รักใคร่สนมอวี๋หนิวเป็นอันมาก เนื่องจากอวี๋หนิวเป็นเพียงหญิงสามัญ มิได้ข้องเกี่ยวกับราชกิจ ทั้งยังไม่มักใหญ่ใฝ่สูง ทำให้หญิงสาวเป็นดั่งหยาดทิพย์ที่ชโลมจิตใจยามพระองค์อ่อนล้าเมื่อครั้งแรกที่ฮ่องเต้ได้พบสนมอวี๋หนิว นางกำลังช่วยเหลือผู้คนในหมู่บ้านที่ยากจน ความงดงามและจิตใจที่บริสุทธิ์ของหญิงสาวทำให้พระองค์หลงใหล ฮ่องเต้จึงตัดสินใจพาอวี๋หนิวกลับวังหลวง แม้จะมีเสียงทัดทานมากมายจากราชสำนัก แต่พระองค์ก็ยังเลื่อนตำแหน่งให้นางเป็นสนมชั้นเอกสนมอวี๋หนิวนำความสุขมาให้แก่ฮ่องเต้ ช่วงเวลาที่อยู่กับหญิงสาว พระองค์เสมือนได้ถอดหัวโขนเป็นดั่งคนรักทั่วไป ไม่ต้องกังวลเรื่องการเมืองหรืออำนาจ เมื่อสนมอวี๋หนิวคลอดหนิงซีโย่ว ฮ่องเต้ยิ่งรู้สึกผูกพันและโปรดปรานหญิงสาวมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ความโปรดปรานที่มากย่อมนำมาซึ่งเภทภัยใหญ่หลวงเช่นกันหนึ่งปีหลังจากการคลอดหนิงซีโย่ว สนมอวี๋หนิวก็หมดสติและสิ้นลมหายใจอย่างปริศนา ความเศร้าโ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-27
  • หนี้รักราชันสีเลือด   บทที่ 7 : ความลับอันน่าตกใจ

    บทที่ 7 : ความลับอันน่าตกใจหลังจากที่ชิงอี้หรานและหนิงซีโย่วแยกย้ายกันจากอารามชิงอี้หรานกลับมายังบ้านของตน หญิงสาวยังคงคิดถึงหนิงซีโย่วและความรู้สึกที่นางมีต่อเขา“ท่านหนิงซีโย่ว ข้าหวังว่าท่านจะปลอดภัย ข้าจะรอวันที่เราจะได้พบกันอีกครั้ง” ชิงอี้หรานเหม่อมองท้องฟ้าพร้อมพูดกับตนเองในขณะที่หนิงซีโย่วเดินทางกลับไปยังพระตำหนักของเขาหนิงซีโย่วนั่งอยู่ในห้องอักษร ชายหนุ่มเริ่มพิจารณาข้อมูลที่เขาได้รับมา พลางคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเบาะแสสำคัญที่เขาได้ค้นพบ จากเบาะแสนี้ทำให้ชายหนุ่มรู้ว่าความตายของมารดาไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เป็นแผนการที่ถูกวางไว้ล่วงหน้า ขณะที่หนิงซีโย่วเคร่งเครียดกับเบาะแสอยู่นั้น พลันความคิดของหนิงซีโย่วกลับนึกถึงชิงอี้หราน ความอ่อนโยนและงดงามที่ชายหนุ่มได้สัมผัสในช่วงเวลาสั้น ๆ กลับทำให้เขารู้สึกอบอุ่นหัวใจ เมื่อย้อนคิดเช่นนี้ หนิงซีโย่วก็พลันยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัวคืนหนึ่ง หนิงซีโย่วได้แอบเข้าไปในหอสมุดหลวงเพื่อค้นหาหลักฐานเกี่ยวกับการตายของมารดา ชายหนุ่มพบหนังสือบันทึกที่ถูกเก็บซ่อนอยู่ในห้องลับของหอสมุด ในบันทึกนั้นมีการกล่าวถึงการวางแผนลอบสังหารสนมอวี๋หนิว โดยม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-27
  • หนี้รักราชันสีเลือด   บทที่ 8 : ใกล้ชิดในสวนหลวง

    บทที่ 8 : ใกล้ชิดในสวนหลวงในค่ำคืนฉลองวันประสูติขององค์ฮองเฮา งานเลี้ยงภายในวังหลวงถูกจัดขึ้นอย่างเอิกเกริก ทั้งราชสำนักและขุนนางชั้นสูงต่างมาร่วมงานเฉลิมฉลองกันอย่างคับคั่ง ทุกคนในวังหลวงต่างสวมใส่เสื้อผ้าอันหรูหราและประดับประดาเครื่องประดับอย่างงดงาม ท่ามกลางแสงไฟที่สว่างไสวและเสียงดนตรีที่ก้องกังวาน งานเลี้ยงในครั้งนี้จะขาดบุคคลสำคัญอย่างครอบครัวตระกูลชิงไปไม่ได้ พวกเขาได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานเลี้ยงดังกล่าวเช่นกันพระราชวังยามค่ำคืนถูกประดับประดาไปด้วยโคมไฟสีแดงสดใสที่แขวนเรียงรายตามทางเดินและเสาต่าง ๆ แสงโคมไฟสะท้อนแสงเงางามบนพื้นหินอ่อน ทำให้บรรยากาศทั้งงานดูอบอุ่นและหรูหรา กลิ่นหอมของดอกไม้สดที่ประดับตามโต๊ะและประตูใหญ่แผ่กระจายไปทั่ว ทำให้ทุกคนรู้สึกสดชื่นในลานกว้างกลางพระราชวัง ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานเลี้ยง วันประสูติของฮองเฮา ตกแต่งด้วยธงสีทองและผ้าลายดอกไม้สวยงาม แขกผู้มีเกียรติและขุนนางน้อยใหญ่ต่างเดินเข้ามาในงานด้วยชุดคลุมหรูหราประดับด้วยผ้าไหมและลายปักอย่างละเอียด ทุกคนต่างพากันมอบของขวัญและกล่าวคำอวยพรต่อฮองเฮาโต๊ะอาหารยาวถูกจัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ บนโต๊ะมีอาหารเลิศ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-27
  • หนี้รักราชันสีเลือด   บทที่ 9 : ตัวตนเปิดเผย

    บทที่ 9 : ตัวตนเปิดเผยหลังจากใช้เวลาสักพักในสวนสวยที่สงบเงียบ ชิงอี้หรานก็ขอตัวกลับเข้าไปในงานเลี้ยงในวังหลวงอีกครั้ง หญิงสาวกลับเข้าสู่ตำหนัก“อี้หราน เจ้าหายไปไหนมา พวกเข้าร้อนใจจนเกือบจะออกตามหาเจ้า” ชิงหลงพี่ชายคนรองกระซิบถามอย่างห่วงใย“ข้าเพียงออกไปเดินเล่นเท่านั้น ท่านพี่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกเจ้าค่ะ” ชิงอี้หรานกล่าวตอบพร้อมคีบอาหารเข้าปาก ทำท่าทางประหนึ่งมิได้มีสิ่งใดเกิดขึ้นสักพักหนึ่ง พลันเสียงขันทีที่ประกาศขึ้นอย่างก้องกังวานดึงความสนใจของทุกคนในงาน"องค์ชายห้าเสด็จ!"เสียงขันทีทำให้ทุกสายตาหันไปยังประตูตำหนัก ฮ่องเต้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์แสดงสีหน้าดีใจ เมื่อเห็นบุตรชายของสนมอันเป็นที่รักเสด็จมา หนิงซีโย่วเดินเข้ามาด้วยท่วงท่าสง่างาม สายตาของชายหนุ่มมองไปรอบ ๆ และประสานเข้ากับชิงหยวนเปา อัครเสนาบดีผู้ทรงอำนาจ สายตานั้นล้ำลึก มิอาจคาดเดาได้ แต่ก็หาได้มีความเป็นมิตรแต่อย่างใดทันใดนั้น หนิงซีโย่วเหลือบไปเห็นหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างกายชิงหยวนเปา ใจของชายหนุ่มพลันตกตะลึงอย่างยิ่งยวด "หยานเอ๋อ!" หนิงซีโย่วร้องเรียกในใจ หญิงสาวที่เขารู้สึกผูกพันอย่างลึกซึ้งกำลังยืนเคียงข้างชายชั่วที่ช

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-27
  • หนี้รักราชันสีเลือด   บทที่ 10 : การล่อลวง

    บทที่ 10 : การล่อลวงภายหลังจากงานเลี้ยงสิ้นสุดลง หนิงซีโย่วกลับมาที่ตำหนักของตน ใจเขายังคงเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย การได้รับรู้ว่าหญิงสาวที่ตนมอบใจให้ กลับกลายเป็นบุตรสาวของศัตรูที่หนิงซีโย่วไม่อาจอยู่ร่วมแผ่นดินด้วยได้ ความคิดที่จะล้างแค้นต่อครอบครัวชิงหยวนเปาไม่เคยหายไปจากใจชายหนุ่ม หลังจากหนิงซีโย่วครุ่นคิดอยู่นาน ชายหนุ่มตัดสินใจวางแผนการในการทำลายล้างครอบครัวตระกูลชิง โดยเป้าหมายแรกที่ชายหนุ่มพุ่งเป้าก็คือบุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนของชิงหยวนเปา “ชิงอี้หราน”ยามค่ำคืนในวันต่อมา ดวงจันทร์เต็มดวงส่องแสงนวลจ้าท่ามกลางท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว แสงจันทร์สะท้อนกับน้ำในสระและพื้นหินอ่อนทำให้บรรยากาศรอบ ๆ งดงามราวกับภาพวาดสายลมเย็นเบา ๆ พัดผ่านต้นไม้และดอกไม้ในสวน กลิ่นหอมหวานของดอกมะลิและดอกเหมยลอยเข้ามาทางหน้าต่างห้องนอนของชิงอี้หราน หน้าต่างห้องนอนเปิดกว้างรับลม แสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาทำให้ห้องนอนสว่างด้วยแสงสีเงินอ่อน ๆภายในห้องนอนตกแต่งอย่างงดงาม เตียงนอนใหญ่ปูด้วยผ้าไหมสีขาวและหมอนปักลายดอกไม้ สะท้อนความหรูหราและงดงาม บนโต๊ะข้างเตียงมีโคมไฟน้ำมันตั้งอยู่ ให้แสงสว่างเพียงพอที่จะม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-27

บทล่าสุด

  • หนี้รักราชันสีเลือด   บทที่ 64 : จบบริบูรณ์

    บทที่ 64 : จบบริบูรณ์ หลังจากการต่อสู้และความวุ่นวายในราชสำนักได้สงบลง หนิงซีโย่วได้สร้างความประหลาดใจให้กับเหล่าขุนนางในราชสำนักด้วยการประกาศเรียกตัวครอบครัวสกุลชิงเข้าวัง ในท้องพระโรงที่ประดับประดาด้วยผ้าไหมสีทองและภาพจิตรกรรมที่งดงามบัดนี้เสียงดังเซ็งแซ่อย่างต่อเนื่อง เหล่าขุนนางต่างเฝ้ารอดูเรื่องราวที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างสงสัยใคร่รู้ พวกเขาต่างพากันคาดเดาเหตุการณ์ต่าง ๆ บ้างมีสีหน้าดีใจ บ้างมีสีหน้าหนักใจปะปนกันไปเมื่อทุกคนพร้อมหน้าในท้องพระโรง ขันทีก็ออกประกาศราชโองการ “ด้วยฝ่าบาทมีพระกรุณาแต่งตั้งใต้เท้าชิงหยวนเปากลับคืนสู่ตำแหน่งอัครมหาเสนาบดี บุตรชายทั้งสามล้วนมากความสามารถ แต่งตั้งชิงหยางบุตรชายคนโตเป็นแม่ทัพบูรพา และชิงเฟยบุตรชายคนเล็กเป็นรองแม่ทัพดูแลกองทัพรักษาดินแดน แต่งตั้งชิงหลงบุตรชายคนรองเป็นที่ปรึกษาราชกิจ จบราชโองการ”เมื่อสิ้นเสียงราชโองการ ขุนนางทั้งหลายล้วนจับต้นชนปลายไม่ถูกเมื่อเรื่องราวกลับพลิกผันเปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังมือ หลายคนพยายามเหลือบมองหนิงซีโย่วด้วยไม่อาจคาดเดาความคิดของฮ่องเต้ผู้เอาแต่ใจคนนี้ได้ คงมีเพียงหลีซานที่ยังคงรักษาท่าทีสุขุม ชาย

  • หนี้รักราชันสีเลือด   บทที่ 63 : ข้ายินดีให้เจ้าลงโทษข้าทุกค่ำคืน

    บทที่ 63 : ข้ายินดีให้เจ้าลงโทษข้าทุกค่ำคืนในตำหนักบรรทมที่เงียบสงบ แสงจันทร์ส่องแสงอ่อนๆ ผ่านหน้าต่างทำให้ห้องดูมีมนต์ขลัง หนิงซีโย่วและชิงอี้หรานนั่งหันหน้าเข้าหากันบนเตียงผ้าไหมเนื้อนุ่ม สายลมยามค่ำคืนพัดเข้ามาทำให้ผ้าม่านปลิวไหว เสียงหอบหายใจของทั้งสองดังชัดในความเงียบ สายตาทั้งคู่ประสานกันด้วยความโหยหา ความตึงเครียดต่าง ๆ ค่อย ๆ บรรเทาลงหนิงซีโย่วมองชิงอี้หรานด้วยความรู้สึกผสมผสานทั้งความรักและความรู้สึกผิด ในขณะที่เขากำลังคิดจะพูดอะไรบางอย่างออกมา พลันทหารองครักษ์สามสี่นายก็ก้าวเข้ามาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ชิงอี้หรานทำหน้าตื่นตระหนก เธอสะดุ้งขึ้นอย่างแรง เบี่ยงตัวไปข้างหนึ่งและปกป้องหนิงซีโย่วไว้ข้างหลัง มือบางล้วงกริชสั้นชูขึ้นมา ดวงตาของเธอกวาดมองทหารเหล่านั้นด้วยความแข็งกร้าว ความหวาดระแวงทำให้หญิงสาวพลันกล่าวออกไปด้วยเสียงอันดัง "พวกเจ้าบังอาจนัก"องครักษ์คุกเข่าลง "หม่อมฉันได้ยินเสียงจากภายนอกจึงเข้ามาตรวจสอบพ่ะย่ะค่ะ"หนิงซีโย่วทำหน้าเคร่งครึม พลันตวาดไล่ทหารทั้งหมดให้ออกไป "พวกเจ้าถอยออกไปเสีย ไม่มีคำสั่งข้า ห้ามใครเข้ามารบกวนอีก" เหล่าองครักษ์รีบเร่งเดินจากไปอย่างหวาด

  • หนี้รักราชันสีเลือด   บทที่ 62 : เป็นเจ้าที่คิดถึงข้าหรือเป็นเพราะข้าคิดถึงเจ้ากันแน่

    บทที่ 62 : เป็นเจ้าที่คิดถึงข้าหรือเป็นเพราะข้าคิดถึงเจ้ากันแน่ท่ามกลางเงามืดและแสงจันทร์ที่สาดส่อง ชิงหยางและชิงเฟยใช้ประสบการณ์และความชำนาญในการหลบเลี่ยงการสังเกตของผู้คน ทั้งคู่พาชิงอี้หรานเคลื่อนที่ผ่านเงามืดและตรอกที่เล็กแคบและมืดมิดของพระราชวังอย่างเงียบกริบ ท้องฟ้ามืดมิดแสงจันทร์ที่แทรกซึมผ่านยอดไม้ใหญ่สร้างแสงสลัวบนทางเดินที่พวกเขาเคลื่อนที่ไปช่วยให้พวกเขาเห็นทางไปยังตำหนักของหนิงซีโย่วได้ชัดเจนขึ้น เส้นทางที่พวกเขาเดินผ่านนั้นเงียบสงบอย่างน่าประหลาด ชิงอี้หรานไม่อาจห้ามใจได้ที่จะรู้สึกแปลกใจกับความเงียบงันนี้ ไม่มีเสียงของทหารยาม ไม่มีเสียงขององค์รักษ์ ราวกับทุกอย่างถูกระงับเวลาไว้ท่ามกลางความมืดและความเงียบ ชิงหยางกระซิบถามชิงอี้หรานด้วยความเป็นห่วงที่แฝงไว้ในน้ำเสียงที่เบาและอ่อนโยน "อี้หราน เจ้ารู้สึกยังไงบ้าง พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับเขาแล้วใช่ไหม" เสียงของเขาเบาและอ่อนโยน พยายามลดความกังวลใจที่นางมีชิงอี้หรานเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะพยักหน้าช้าๆ คำตอบของนางแทบจะไม่มีเสียง "ข้าพร้อม ข้าต้องเห็นเขา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม" คำพูดของหญิงสาวดูมั่นคงแต่ก็ประหนึ่งมีอะไรบางอย่างที

  • หนี้รักราชันสีเลือด   บทที่ 61 : ข้าจะห่วงหาเขาทำไมกัน

    บทที่ 61 : ข้าจะห่วงหาเขาทำไมกันหนึ่งวันก่อนการเดินทาง ทุกอย่างถูกเตรียมพร้อมจนสิ้น ชิงอี้หรานนั่งเหม่อลอยอยู่ที่สวนภายในบ้าน สวนที่เคยเต็มไปด้วยความสดใสและความงดงามของดอกไม้บัดนี้กลับดูเศร้าหมองตามความรู้สึกของนาง ใบหน้าของนางดูหม่นหมอง แววตาเศร้าสร้อยยิ่งนัก เสียงนกร้องขับกล่อม ลมที่พัดผ่านเบาๆ ทำให้บรรยากาศยิ่งเหงาหงอยชิงหยาง ชิงหลง ชิงเฟยต่างมองหน้ากันไปมา พวกเขารับรู้เรื่องจากหลีซานเกี่ยวกับการที่หญิงสาวปฏิเสธชายหนุ่ม ทำให้พวกเขาต่างเข้าใจดีว่าภายในใจหญิงสาวมีใครที่แอบซ่อนไว้ ทั้งสามจึงได้แต่อดเป็นห่วงน้องสาวของตนชิงหลงมีสีหน้าเคร่งขรึมอย่างรู้สึกเป็นห่วงน้องสาว เขาหยุดมองชิงอี้หรานอยู่พักใหญ่ ก่อนจะหันไปถามทั้งสองด้วยเสียงเคร่งเครียด "พวกเราปล่อยให้เป็นเช่นนี้จะดีหรือ"ชิงหยางได้แต่ส่ายหน้า เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงกังวล "อี้หรานแม้ภายนอกจะดูเรียบร้อยอ่อนโยน แต่พวกเจ้าก็รู้ดีว่านางดื้อรั้นมากเพียงใด"ชิงเฟยรีบถามกลับ "หรือเราควร...เอ่อ...ควรช่วยพวกเขากันดี"ชิงหยางได้ยินคำถามนี้ก็หันมองหน้าน้องชายด้วยสายตาโกรธขึ้ง "ชิงเฟย เจ้านี่นะ" เขาตำหนิด้วยเสียงเข้มชิงเฟยยกมือขึ้นลูบลำคอไปมา

  • หนี้รักราชันสีเลือด   บทที่ 60 : ไม่ว่าจะรักหรือแค้น ข้าก็มิอาจตอบรับผู้ใดได้อีก

    บทที่ 60 : ไม่ว่าจะรักหรือแค้น ข้าก็มิอาจตอบรับผู้ใดได้อีก ในระหว่างที่ครอบครัวสกุลชิงเตรียมตัวสำหรับการเดินทางไกล แขกประจำบ้านสกุลชิงคงไม่พ้นหลีซาน ชายหนุ่มที่คอยแวะเวียนมาพูดคุย ถามไถ่ รวมถึงช่วยตระเตรียมข้าวของอยู่เสมอแรกเริ่มเมื่อหลีซานถูกกักตัวอยู่ที่จวนของเขา ชายหนุ่มรู้สึกเป็นห่วงครอบครัวสกุลชิงอย่างมาก แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากนักนอกจากสืบถามข่าวคราวจากคนใกล้ชิด แต่ข่าวที่ได้รับมามักน้อยนิดและไร้ประโยชน์จนทำให้เขาเครียดและวิตกกังวลกระทั่งราชโองการประกาศเรื่องการปลดชิงอี้หรานออกจากตำแหน่งฮองเฮา ในช่วงแรกที่ได้รับข่าวดังกล่าวหลีซานรู้สึกตื่นตระหนกอย่างมาก ภาพความเป็นไปได้ที่ชิงอี้หรานอาจถูกทำร้ายหรือถูกกักขังวนเวียนอยู่ในหัวของเขา ความห่วงใยที่มีต่อหญิงสาวทำให้เขาไม่อาจนอนหลับได้อย่างสงบ ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบรัด แม้ภายหลังจวนของเขาเองจะไม่ถูกทหารควบคุมเช่นเดิม แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความกังวลในใจของเขาลดน้อยลงเลย เขาหวังว่าจะมีข่าวคราวเกี่ยวกับชิงอี้หรานที่ปลอดภัย แต่ความเงียบงันอย่างผิดปกติยิ่งทำให้เขาอยู่ไม่เป็นสุขจนกระทั่งวันหนึ่ง ข่าวดีที่เขารอคอย

  • หนี้รักราชันสีเลือด   บทที่ 59 : เรื่องราวระหว่างท่านและข้าขอให้เป็นเพียงฝันชั่วข้ามคืนหนึ่งเถิด

    บทที่ 59 : เรื่องราวระหว่างท่านและข้าขอให้เป็นเพียงฝันชั่วข้ามคืนหนึ่งเถิด ภายในตำหนักที่เงียบสงบ ชิงอี้หรานพักฟื้นอยู่เกือบเดือน ตั้งแต่คืนนั้นหนิงซีโย่วก็ไม่เคยมาหาหญิงสาวอีกเลย ข่าวคราวเรื่องการกบฏถูกปิดเงียบไม่ปรากฏให้ผู้ใดได้รู้ เฉกเช่นไม่เคยเกิดเรื่องราวใดมาก่อน หลังจากนั้นไม่นานหนิงซีโย่วมีราชโองการปลดชิงอี้หรานออกจากตำแหน่งฮองเฮาชิงอี้หรานนั่งอยู่ที่หน้าต่างทอดสายตามองออกไปภายนอก รู้สึกเหมือนดวงตาของนางได้มองทะลุผ่านทุกสิ่ง หัวใจของนางเหมือนถูกดึงออกไปจากร่างกาย มีเพียงความเมินเฉยและความว่างเปล่าเพียงเท่านั้นซิวเอ๋อเดินเข้ามาหานายหญิงของตนด้วยความห่วงใย "คุณหนู ฝ่าบาทมิได้มาหาท่านตั้งแต่คืนนั้นอีกเลย ท่านยังคิดถึงฝ่าบาทอยู่หรือไม่"ชิงอี้หรานยังคงมองออกไปด้านนอกอย่างเหม่อลอย "ความคิดถึงนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความแค้น ข้ารู้ว่าทั้งตัวข้าและซีโย่ว ไม่ว่าจะรักหรือแค้นก็ไม่อาจอยู่ร่วมกันอีก จากกันวันนี้ก็คงดีกว่าต้องประหัตประหารกันจนใครคนใดคนหนึ่งต้องตายจาก"ซิวเอ๋อมองหญิงสาวด้วยความสงสาร "คุณหนู โปรดทบทวนอีกสักคราเถิด บางทีท่านและฝ่าบาทอาจจะสามารถหาทางแก้ไขแล

  • หนี้รักราชันสีเลือด   บทที่ 58 : หนี้ระหว่างท่านและข้า ปล่อยให้มันพัวพันเช่นนี้ไปเถิด

    บทที่ 58 : หนี้ระหว่างท่านและข้า ปล่อยให้มันพัวพันเช่นนี้ไปเถิด ชิงอี้หรานยังคงหลับใหลไม่ได้สติ เสียงลมหายใจเบา ๆ ของนางเป็นเพียงเสียงเดียวที่ทำให้รู้ว่านางยังคงมีชีวิต หนิงซีโย่วที่ยังนั่งเฝ้าอาการหญิงสาวไม่ห่าง เขาไม่อาจละสายตาจากใบหน้าที่บัดนี้ยังคงซีดเซียว ใบหน้าที่เคยงดงามและเปล่งปลั่งกลับกลายเป็นภาพที่ทำให้เขารู้สึกปวดใจยิ่งนักตลอดชีวิตชายหนุ่มทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างเพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้กับมารดาของเขา ความแค้นที่ก่อตัวอยู่ในใจเขามาตลอด ทำให้เขามุ่งมั่นสู่เป้าหมายไม่ยอมถอย แต่ทว่าเวลานี้ที่เขาได้แก้แค้นสำเร็จ ใจเขากลับมิได้รู้สึกยินดีหรือโล่งใจ สิ่งที่เหลืออยู่ในใจของเขาก็มีเพียงความรู้สึกผิดและความสูญเสียที่ไม่มีวันหวนกลับ เขาต้องสูญเสียลูก เขาต้องสูญเสียหัวใจรักของชิงอี้หราน ความคิดมากมายวกวนในหัวจนหัวใจเขาปวดหนึบ หากเขามีโอกาสอีกสักครั้ง ขอเพียงอีกสักครั้งหนึ่ง ผลลัพธ์จะเป็นเฉกเช่นนี้หรือไม่น้ำตาของหนิงซีโย่วไหลรินอย่างเงียบงัน เขาหวังว่าชิงอี้หรานจะตื่นขึ้นมา สบตากับเขาและรับรู้ถึงความรักที่เขามีให้เธอ ถึงแม้จะเป็นไปไม่ได้ เขายังคงหวังว่าเสียงของเขา เสียงที

  • หนี้รักราชันสีเลือด   บทที่ 57 : ความสูญเสีย

    บทที่ 57 : ความสูญเสียในระหว่างที่กำลังชุลมุนอยู่นั้น ชิงหยวนเปาก็ก้าวเข้ามาภายในห้องโดยมีชิงหลงประคองร่างที่แทบจะไร้เรี่ยวแรงของเขา ชายชราเห็นภาพตรงหน้าเขาเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ในทันที ชิงหยวนเปารีบปรี่เข้ามาคุกเข่าต่อหน้าหนิงซีโย่ว “ฝ่าบาท โปรดไว้ชีวิตบุตรชายของข้าด้วย ทั้งหมดเป็นข้าที่ผิดเอง ทั้งหมดเป็นหนี้ที่ข้าต้องชดใช้”หนิงซีโย่วมองหน้าชิงหยวนเปาด้วยสายตาเคียดแค้น ชายหนุ่มกำหมัดแน่น ความโกรธแค้นพลุ่งพล่านในใจเขา“ท่านพ่อ ท่านจะไปขอร้องคนอย่างมันทำไมกันเล่า ข้ายอมตายดีกว่าจะต้องทนอยู่อย่างไร้ศักดิ์ศรีเช่นนี้” ชิงหยางร้องออกมา“หุบปากของเจ้าซะ” ชิงหยวนเปาหันมาตวาดใส่ลูกชายคนโต เสียงของเขาเต็มไปด้วยความโกรธและความผิดหวัง“ฝ่าบาท เป็นเพราะหม่อมฉันเอง เป็นหม่อมฉันที่ปิดบังความผิดของตน บุตรชายบุตรสาวของข้าจึงได้กระทำเรื่องราวที่โง่เขลาเช่นนี้ออกไป ฝ่าบาท หม่อมฉันขอร้องสักครั้งเถิด ได้โปรดละเว้นบุตรชายของข้าด้วย” ชิงหยวนเปากล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เขาคุกเข่าลงต่ำกว่าที่เคย โขกศีรษะครั้งแล้วครั้งเล่า ยอมทิ้งศักดิ์ศรีและความมีเกียรติทั้งหมดเพื่อขอความเมตตาหนิงซีโย่วมองด้วยแวว

  • หนี้รักราชันสีเลือด   บทที่ 56 : จุดพลิกผันของแผนการ

    บทที่ 56 : จุดพลิกผันของแผนการ ขณะเดียวกันในวังหลวง ชิงหยางและชิงเฟยนำกำลังทหารมุ่งตรงไปยังตำหนักของหนิงซีโย่ว เสียงฝีเท้าของทหารดังก้องไปทั่วบริเวณ บรรยากาศรอบข้างเต็มไปด้วยความตึงเครียดและความกังวล องครักษ์ต่างมองหน้ากันพากันรู้สึกหวาดระแวง แต่เมื่อชิงหยางชูป้ายคำสั่งของชิงอี้หรานขึ้นแสดง องครักษ์ต่างพากันนิ่งงัน ไม่มีใครกล้าแตะต้องหรือขัดขืนพวกเขา“พวกเรามาที่นี่ตามคำสั่งของฮองเฮาเพื่อปกป้องฝ่าบาท” ชิงหยางกล่าวเสียงแข็ง พยายามสร้างความน่าเชื่อถือในคำพูดของตนองครักษ์หลายคนลังเล แต่ด้วยป้ายคำสั่งที่พวกเขาชูอยู่นั้น ทำให้พวกเขาจึงเลือกเปิดทางให้ชิงหยางและชิงเฟยนำทหารเข้าไปยังตำหนักของหนิงซีโย่วได้สำเร็จ ทั้งสองบุกเข้าไปยังตำหนักของหนิงซีโย่วได้สำเร็จ ทหารฝั่งสกุลชิงบางส่วนต่างกรูกันเข้ามาในห้องนอนของหนิงซีโย่ว บางส่วนปิดล้อมตำหนักของหนิงซีโย่วไว้จากด้านนอกเมื่อเข้าไปในห้องนอนของหนิงซีโย่ว ชิงหยางและชิงเฟยมองเห็นหนิงซีโย่วนอนอยู่บนเตียง ใบหน้าซีดเซียวและมีผ้าพันแผลที่หน้าอก พวกเขายิ้มเยาะกันในใจ คิดว่าวันนี้จะเป็นวันที่พวกเขาสามารถล้างแค้นและทวงศักดิ์ศรีของสกุลชิงกลับมา

DMCA.com Protection Status