“คุณแม่ต้องรักพิณคนเดียวนะคะ ห้ามรักยายซอ ไม่งั้นพิณจะไม่รักคุณแม่เหมือนที่พิณไม่รักคุณพ่อ” คำพูดเอาแต่ใจของ ธัญชยา ทำให้อีกคนเจ็บช้ำ นั่นคือน้องสาวฝาแฝดที่ชื่อณัฐชยา เพราะหญิงสาวเองก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของพี่สาวจึงขึ้นมาดู
แต่สุดท้ายกลับได้ยินประโยคเสียดแทงความรู้สึกเข้าอย่างจัง เป็นประโยคที่เธอน่าจะชินชา แต่ได้ยินเมื่อไหร่ความเจ็บปวดก็จู่โจมเสียทุกครั้งไป “จ้ะๆ แม่รักพิณคนเดียวอยู่แล้วลูก” ลินดาคว้าลูกรักมากอดแน่น เพราะรักถึงได้ตามใจแบบนี้ แม้จะรู้ว่าผิดแต่ก็ยังทำ เพราะเคยชินและไม่อยากให้ธัญชยาสู้เพื่อนๆ ไม่ได้ พ่อแม่รังแกลูกเป็นยังไง ตอนนี้ลินดากำลังทำแบบนั้นกับธัญชยาจริงๆ ณัฐชยาก้มหน้ามองพื้นแล้วหมุนตัวกลับออกไปจากหน้าห้องพี่สาว ขอบตาร้อนผ่าวเพราะความเสียใจ เมื่อเดินลงไปชั้นล่างเด็กรับใช้อีกคนจึงเข้ามาบอกว่ามีแขกมาขอพบ เมื่อเดินไปหาจึงเห็นว่าเป็นติณณ์ ชายหนุ่มที่เธอกำลังคบหาดูใจอยู่นั่นเอง “พี่ติณ ไหนบอกไปทำกิจกรรมที่ต่างจังหวัดกับบริษัทไงคะ แล้วมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” สีหน้าแปลกใจของณัฐชยาทำให้ชายหนุ่มยิ้ม ติณณ์ไปต่างจังหวัดกับที่บริษัทจริงๆ แต่กำหนดกลับเลื่อนขึ้นมา เขาจึงได้พบหน้าณัฐชยาเร็วขึ้นอีกหนึ่งวัน “ไปแต่ก็กลับมาแล้ว” “เอ้! ยังไงกัน ไปแต่กลับมาแล้ว” คนฟังงงเล็กน้อย “เลื่อนวันกลับน่ะครับ ก็เลยรีบบึ่งมาหาคนแถวนี้ก่อนเข้าบ้าน” “แน่ะ...เดี๋ยวเถอะ” เมื่อโตเป็นสาวย่อมมีเรื่องความรักเข้ามาเกี่ยวข้อง ณัฐชยาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น เธอรักกับติณณ์ ชายหนุ่มเป็นเพื่อนรุ่นพี่ของเพื่อนเธอ ซึ่งเพื่อนคนนี้แนะนำให้ทั้งสองได้รู้จักกันเมื่อหลายปีก่อน นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการคบหากันและสนับสนุนกันในทุกๆ เรื่อง ติณณ์ไปมาหาสู่ณัฐชยาอย่างจริงใจ เข้าออกบ้านหญิงสาวเพื่อให้ผู้ใหญ่ได้เห็นว่าเขาไม่ได้ทำอะไรเสียหาย อยู่ในสายตาผู้ใหญ่เสมอ อย่างเช่นวันนี้ที่ชายหนุ่มแวะเวียนมาหาเธอที่บ้าน แม้ฐานะของพวกเขาสองคนจะต่างกันมาก แต่ติณณ์ก็มั่นใจว่าอนาคตเขาจะสร้างรากฐานของตัวเองให้มั่นคงและดูแลณัฐชยาให้เธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบายหากตัดสินใจอยู่กับเขาไปตลอดชีวิต ซึ่งชายหนุ่มหวังให้เป็นแบบนั้น พอจบมาเขาก็เข้าทำงานในบริษัทชื่อดัง เก็บเล็กผสมน้อยจนเริ่มมีเงินก้อน เนื่องจากลึกๆ แล้วชายหนุ่มอยากมีธุรกิจส่วนตัวเป็นของเขาเอง “แล้วนี่พี่ติณกินอะไรมาหรือยังคะ” “ยังครับ” “งั้นอยู่กินก๋วยเตี๋ยวลุยสวนกับซอก่อนนะ ป้าอ้วนกำลังทำ” ณัฐชยาเอ่ยชวน เพราะอยากอยู่คุยกับติณณ์อีกหน่อย ชายหนุ่มไปค่ายอาสามาหลายวัน พักนี้จึงไม่ค่อยได้คุยกันมากนัก “ครับ” เสียงทุ้มๆ เอ่ยรับ ก่อนจะหยิบอะไรบางอย่างจากกระเป๋าแล้วยื่นมาให้ณัฐชยา นั่นคือขวดแก้วเล็กๆ ขวดหนึ่งที่ปิดฝาผูกโบว์ ภายในมีทราย น้ำ และเปลือกหอยขนาดเล็กคู่หนึ่ง “อะไรคะ” “ของฝากจากทะเลประจวบครับ” ติณณ์ส่งยิ้มมาให้ สายตามองณัฐชยาสลับกับขวดแก้วในมือเธอ ทุกครั้งที่ชายหนุ่มไปที่ไหนไกลๆ อยากให้ณัฐชยาไปด้วย แต่เธอไม่สามารถไปได้ ติณณ์ก็มักจะทำแบบนี้เสมอ ชายหนุ่มมักจะเก็บความทรงจำใส่ขวดแก้วแล้วนำมาฝากเธอ “ทรายกับเปลือกหอย” “ที่เห็นคือน้ำทะเลนะครับ พี่อยากเก็บสิ่งที่เห็นมาฝากซอ” คำพูดหวานๆ ของติณณ์ทำให้คนฟังยิ้ม เพราะไม่ว่าจะไปที่ไหนชายหนุ่มมักจะคิดถึงเธอเสมอ “ขอบคุณนะคะ” “ชอบไหม” “ชอบค่ะ น่ารักดี” ขณะตอบณัฐชยาก็มองขวดแก้วในมือ เพราะเขย่าขวดแก้ว ทรายเม็ดละเอียดก็ลอยขึ้นตามน้ำมองผิวเผินก็เหมือนหิมะ “ไม่ใช่ของฝาก แต่หมายถึงพี่ ซอชอบพี่ไหม” “บ้า...อยู่ๆ พี่ติณมาถามซอแบบนี้ได้ยังไงกัน” ใบหน้าของณัฐชยานั้นแดงก่ำเพราะเขินอาย หญิงสาวเริ่มทำตัวไม่ถูกกับแววตาที่ติณณ์ส่งมาให้ ก่อนที่สงครามความรักจะจบลงเมื่อเห็นป้าอ้วนเดินถือถาดก๋วยเตี๋ยวลุยสวนมาให้ เพราะอากาศนอกบ้านกำลังเย็นสบาย ทำให้ณัฐชยาชวนติณณ์ออกไปนั่งเล่นและทานของว่างที่สวนแทน โดยมีป้าอ้วนนั่งคุยกับหนุ่มสาวอีกคน เนื่องจากไม่อยากให้คนอื่นๆ มองณัฐชยาในทางที่ไม่ดี ซึ่งติณณ์ก็เข้าใจ ทั้งสามพูดคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้อย่างสนุกสนาน ท่วมกลางบรรยากาศเย็นๆ ของฤดูหนาวที่นานๆ จะมาเยือนกรุงเทพฯ สักครั้ง ในขณะที่ทั้งสามกำลังหัวเราะอยู่นั้น กลับมีแววตาคู่หนึ่งที่แสดงออกถึงความไม่พอใจมากมองมา นั่นคือแววตาของธัญชยา เพราะนิสัยอยากได้อะไรแล้วต้องได้ สิ่งที่เป็นของณัฐชยาต้องเป็นของเธอ ณัฐชยาไม่มีสิทธิ์ได้ใครหรืออะไรที่ดีกว่าก่อนคนเป็นพี่อย่างเธอ ณัฐชยาต้องรับของที่เหลือเดนจากเธอแล้วเท่านั้น ตลอดเวลาที่ณัฐชยาคบหากับติณณ์ ธัญชยาเองก็ชอบชายหนุ่มอยู่ไม่น้อยเช่นกัน เพราะติณณ์นั้นมีใบหน้าที่หล่อเหลา หุ่นก็ดี แถมยังเป็นหนุ่มตามสเปคของธัญชยาก็ว่าได้ แต่ความชอบก็มาพร้อมๆ กับความที่ต้องการช่วงชิงเอาชนะณัฐชยา “ติณเขาต้องเป็นของฉัน ไม่ใช่เธอยายซอ”“ติณเขาต้องเป็นของฉัน ไม่ใช่เธอยายซอ” ธัญชยาเอ่ยอย่างมาดมั่น ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอนั้นเฝ้ามองติณณ์อยู่ เธอหลงใหลแค่รูปลักษณ์ภายนอก หลงเสน่ห์ในความหล่อของเขาตั้งแต่แรกเห็นก็ว่าได้ และไม่มีสิ่งไหนที่คนอย่างธัญชยาต้องการแล้วไม่ได้มาครอบครองกระทั่งเห็นว่าติณณ์กำลังจะกลับ ธัญชยาก็รีบคว้ากระเป๋าพร้อมกุญแจรถมาถือไว้ ก่อนจะรีบเดินไปยังรถแล้วขับออกไปจากบ้าน โดยจุดประสงค์ของเธอคือขับตามติณณ์ไปนั่นเอง เสียงบีบแตรที่ดังขึ้นจากด้านหลังทำให้ติณณ์หันไปมอง ธัญชยาเลี้ยวรถสปอร์ตมูลค่าหลายสิบล้านที่มารดาซื้อให้เข้ามาจอดหน้าชายหนุ่มไว้ แล้วเปิดประตูลงมาคุยด้วย“พี่ติณจะไปไหนคะ ขึ้นรถสิเดี๋ยวพิณไปส่ง”“ไม่เป็นไรครับ พี่กลับเองได้” เพราะเกรงใจทำให้ติณณ์เลือกที่จะปฏิเสธ อีกเหตุผลหนึ่งคือชายหนุ่มพอจะเดาออกว่าธัญชยานั้นคิดยังไงกับเขา จึงพยายามทำตัวออกห่างให้มากที่สุด ไม่อยากได้ชื่อว่าพญาเทครัว ได้ทั้งพี่ทั้งน้อง เพราะในใจเขานั้นมีเพียงณัฐชยาคนเดียวและจะมีเพียงเธอตลอดไป “ไม่ต้องเกรงใจเลยค่ะ พิณยินดี ไปค่ะ ขึ้นรถ” แทนที่จะปล่อยให้ชายหนุ่มกลับเอง แต่ธัญชยากลับคล้องแขนของติณณ์ไว้พร้อมกับลากชายหนุ่มขึ้นรถ จากนั้
เพราะไม่ต้องการให้ณัฐชยาต้องมาเป็นกังวลเรื่องที่ตนไปทานข้าวกับธัญชยา ติณณ์จึงไม่ได้บอกเรื่องนี้ให้หญิงสาวรู้แต่อย่างใด คิดว่าอีกไม่นานธัญชยาคงเลิกตามตอแยเขาเอง แต่กลับผิดคาด เนื่องจากหญิงสาวยังคงใช้วิธีเดิมๆ นั่นคือการดักพบชายหนุ่ม ทุกครั้งที่ติณณ์ไปบ้านณัฐชยา ธัญชยากลับทำเหมือนไม่สนใจ ต่างคนต่างอยู่ แต่เมื่อไหร่ที่ชายหนุ่มกลับเธอจะต้องออกไปข้างนอกเสียทุกครั้ง และขับรถไปดักรอชายหนุ่มที่เดิม จากนั้นก็ลากตัวไปกินข้าว ดูหนัง หรือแม้กระทั่งช้อปปิ้ง ซื้อนั่นซื้อนี้ให้จนติณณ์อึดอัด จึงพูดขึ้น“พี่ว่าพิณทำแบบนี้ไม่ถูก”“แบบไหนคะ” ทั้งๆ ที่เข้าใจความหมายประโยคที่ติณณ์พูด แต่ธัญชยากลับเลือกที่จะแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ “ก็แบบที่ทำอยู่ทุกวันนี้ พี่รู้สึกอัดอัด ที่เราทำเหมือนกับเป็น...”“กิ๊ก” ธัญชยาต่อคำให้ติณณ์เสร็จสรรพ หญิงสาวเบ้ปากนิด “พี่ติณณ์คิดมากไปหรือเปล่า พิณไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นกับพี่สักหน่อย ที่พิณพาพี่ไปไหนมาไหนด้วยก็เพราะช่วงนี้พิณรู้สึกเบื่อเพื่อนกลุ่มเดิมๆ ก็เท่านั้นเอง”“ไม่คิดก็ดีแล้วครับ เพราะพี่ไม่อยากให้ซอไม่สบายใจหากรู้เรื่องนี้”“ดูพี่ติณจะรักซอมากเลยนะคะ”“ครับ” คำตอบรับตรงไ
ใบหน้าหล่อเหลาเฝ้าซุกไซ้ปรนเปรอให้ธัญชยาเสียวซ่านไปทั้งร่างกาย จูบก็เร่าร้อนและมีพลังจนทำให้หญิงสาวครางไม่ได้หยุด ลำคอเล็กๆ เอียงให้บัณฑิตได้สัมผัส ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่ปฏิเสธคำเชิญนั้น ก่อนจะอ้าปากร้อนๆ หยอกเย้าใบหูของเธอจนได้ยินเสียงคราง มือหนากอบกุมหน้าอกอวบ ก่อนจะค่อยๆ จูบต่ำลงไปเรื่อยๆ จนถึงหน้าอกทั้งสองข้างที่ตอนนี้ชูชัน“ดูดหน้าอกฉันสิ” ธัญชยาเอ่ยขอ แววตาของเธอแพรวพราว และมีหรือที่บัณฑิตจะใจร้ายไม่ทำตามที่เธอขอ ชายหนุ่มอ้าปากร้อนๆ รับเม็ดยอดเข้าไปดูดดุน จนธัญชยาแอ่นอกขึ้นรับสลับเสียงครางซี้ด ร่างบางกระตุกรับจังหวะลิ้นและการดูดของบัณฑิต ชายหนุ่มใช้ทั้งปากทั้งมือกระตุ้นอารมณ์ของเธอจนกระเจิดกระเจิง ก่อนที่บัณฑิตจะไล้จูบต่ำลงไปเรื่อยๆ กระทั่งถึงสะดือสวยขาทั้งสองข้างของธัญชยาแยกห่างออกจากกันอย่างรู้งาน บัณฑิตจึงแทรกอยู่ตรงกลางลำตัวเธอได้ง่ายขึ้น ก่อนที่จะจูบหนักๆ ลงไปบนเนินสล้างที่ปกคลุมด้วยแพรไหม นิ้วลูบไล้กลีบกุหลาบดอกงามที่ฉ่ำไปด้วยเกสรน้ำหวาน ก่อนที่บัณฑิตจะเปลี่ยนจากนิ้วมาเป็นริมฝีปากและลิ้นร้อนๆ สัมผัสนั้นทำให้ธัญชยาสะดุ้งเฮือกทันที ก่อนจะครางกระเส่าออกมา“แบงค์ ฉันทรมานนะ” แม้จะ
“เหรอจ๊ะ ป้าก็ครูพักลักจำเอามาดัดแปลง ไม่ได้เรียนอะไรเป็นจริงเป็นจังหรอก อร่อยก็ทานเยอะๆ นะ คนทำจะได้ชื่นใจ” “ค่ะคุณป้า” ณัฐชยาเอ่ยรับ ความอร่อยของอาหารชาววังทำให้หญิงสาวเจริญอาหารมาก รวมถึงนัยนาและติณณ์เองก็มีความสุขที่เห็นณัฐชยาอร่อยกับอาหารเหล่านี้ เมื่ออิ่มจากของคาวก็ตามด้วยของหวาน บัวลอยสามสีมะพร้าวอ่อน ที่รสชาติหวานมันยิ่งทานก็ยิ่งอร่อย เมื่อทานอิ่มณัฐชยาก็ช่วยเก็บโต๊ะ ล้างจาน ก่อนที่ติณณ์จะพาหญิงสาวออกไปเดินเล่นที่สวนเล็กๆ ริมรั้วหน้าบ้าน ซึ่งมีพรรณไม้หายากหลายชนิดไว้ให้ชม กลิ่นหอมของดอกแก้วกำลังลอยมาตามลมมาเตะจมูก ก่อนที่ร่างบางจะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกติณณ์คว้ามือไปกุมไว้ มือชายหนุ่มนั้นเย็นไม่แพ้กับมือของเธอสักเท่าไหร่นัก“ซอ...รังเกียจพี่ไหม ที่พี่ไม่มีอะไรเลย”“พี่ติณมีอะไรมากกว่าคนอื่นตั้งเยอะ อีกอย่างของภายนอกบางทีก็สร้างความสุขให้เราไม่ได้” คำพูดของณัฐชยาทำให้คนฟังใจชื้นขึ้นมา แต่ลึกๆ ก็ยังกังวลเรื่องฐานะของตัวเองที่แตกต่างกับ ณัฐชยามากเกินไปจนกดดันตัวเอง แต่ติณณ์ก็จะพยายามทำทุกอย่างให้ณัฐชยานั้นมีความสุข “สร้างความสุขไม่ได้ แต่ก็สร้างความสบายได้”“งั้นเราก็มาสร้างด้ว
“ยายซอ นี่แกกล้ามากนะ แกกล้าขัดใจฉัน...กรี๊ดดดดด!!!” เสียงกรีดร้องของธัญชยาดังลั่นห้องนอน เสียงของบุตรสาวคนโปรดทำให้ลินดารีบเดินมาดู ซึ่งสวนทางกับณัฐชยาเข้าพอดี ยังไม่ทันจะได้ถามว่าณัฐชยาไปทำอะไรให้ธัญชยาโกรธถึงร้องกรี๊ดออกมาแบบนี้ เสียงกรี๊ดของธัญชยาก็ดังลั่นอีกครั้ง คราวนี้ลินดาไม่สนใจณัฐชยาแม้แต่น้อย กลับจ้ำอ้าวไปยังห้องธัญชยาทันที“พิณ...พิณเป็นอะไรลูก”“คุณแม่ ยายซอมันขัดใจลูก”“ขัดใจเรื่องอะไร ใจเย็นๆ ก่อน” ลินดาเอ่ยปลอบบุตรสาวคนโปรดให้หายโกรธเกรี้ยว เพราะถามอะไรตอนนี้คงฟังไม่รู้เรื่อง ส่วนณัฐชยานั้นพอกลับมาในห้องได้ก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียง ซุกหน้ากับหมอนแล้วร้องไห้ออกมาด้วยความอัดอั้น ตั้งแต่เด็กทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของเธอ ธัญชยาก็มักจะขอไปเสมอ แต่ไม่คิดว่าวันนี้พี่สาวฝาแฝดจะขอได้แม้กระทั่งคนรักของน้องสาวเสียงกรีดร้องของธัญชยาทำให้ป้าอ้วนพอจะเดาได้ว่าต้องเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นแน่นอน และคนที่จะต้องรองรับอารมณ์ของ ธัญชยาจะมีใครไปได้นอกเสียจากณัฐชยา นั่นทำให้ป้าอ้วนรีบขึ้นมาดูคุณหนูเล็กของบ้านทันที มืออุ่นๆ ที่วางลงบนบ่าทำให้ณัฐชยาสะดุ้ง ก่อนจะหันกลับมามอง“ป้าอ้วน” ณัฐชยาโผเข้ากอด
“คุณแม่” ณัฐชยารู้ว่ามารดานั้นเข้าใจสถานะระหว่างเธอกับติณณ์ดี แต่ทำไมครั้งนี้ถึงถามออกมาแบบนี้กัน แต่คำถามนั้น ณัฐชยาก็พอรู้คำตอบดี จึงมองไปยังพี่สาวฝาแฝดที่นั่งนิ่งประหนึ่งไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น ความเจ็บปวดเล่นงานณัฐชยาจนแทบหายใจไม่ออก ณัฐชยาไม่ได้เอ่ยแม้แต่ประโยคเดียวว่าเธอกับติณณ์นั้นไม่ได้เป็นอะไรกัน ลินดากลับพูดตัดความ ไม่สนใจความรู้สึกของบุตรสาวคนเล็กเลยแม้แต่น้อย “ถ้าไม่ได้คิดอะไรก็หลีกทางให้พี่พิณเขาไปซะ แม่ว่าซอไม่เหมาะกับติณนักหรอก”“ใช่...พี่ติณเขาเหมาะกับฉัน แกก็เจียมตัวไว้ซะ” ธัญชยาเอ่ยเสริมขึ้นอีกคน หญิงสาวนั่งไขว่ห้างมองณัฐชยาราวกับคนอื่น “แต่ซอ…”“หรือแกคิดจะกล้าขัดคำสั่งคนเป็นแม่อย่างฉัน” ยังไม่ทันที่ณัฐชยาจะได้พูด ลินดาก็เอ่ยขัดจนบุตรสาวต้องรีบแย้ง “ซอไม่ได้คิดแบบนั้น”“ไม่ได้คิดก็ดี เพราะอย่าลืมว่าฉันเป็นแม่ที่อุ้มท้องแกมาถึงเก้าเดือน แถมตอนคลอดแกยังทำให้ฉันเกือบตายมาแล้ว ฉันพูดอะไรแกก็ต้องเชื่อแล้วทำตาม ห้ามมีข้อแม้” สิ่งที่ได้ยินทำให้ณัฐชยาอึ้ง “คุณแม่!”“ทำไม แกมองฉันแบบนี้หมายความว่ายังไงกันไม่ทราบ ไม่พอใจอย่างนั้นเหรอ แกมีสิทธิ์ที่จะไม่พอใจแม่อย่างฉันเหรอซ
“นะคะพี่ติณ ไม่นานหรอก พิณไม่อยากกินคนเดียว”“ได้ครับ” เพราะเกรงใจทำให้ติณณ์ตอบรับคำชวนนั้นของธัญชยา และคิดว่าจะอยู่ด้วยไม่นาน “ขอบคุณนะคะ” ธัญชยายิ้มหวานกับคำตอบของติณณ์ แม้จะรู้ว่าชายหนุ่มตอบรับเพราะความเกรงใจ แต่ถึงอย่างนั้นหญิงสาวก็ไม่สน ธัญชยาพยักหน้าให้เด็กรับใช้ในบ้านเอาของว่างซึ่งเตรียมไว้ก่อนหน้าที่เธอจะชวนติณณ์มาเสิร์ฟติณณ์นั้นดูกระอักกระอ่วนใจแต่ก็เลยตามเลย ชายหนุ่มนั่งเป็นตุ๊กตาให้ธัญชยาป้อนของว่างนั่นนี่ จากที่คิดว่าจะอยู่ไม่นานชายหนุ่มกลับถูกธัญชยารั้งตัวไว้ได้นานกว่าที่คิด โดยหารู้ไม่ว่าตอนนี้มีสายตาของ ณัฐชยามองดูอยู่ห่างๆ ด้วยความเจ็บปวด น้ำตานองหน้าแต่จำต้องเก็บซ่อนความอ่อนแอไว้ลึกสุด พยายามทำใจกับสิ่งที่ได้เกิดขึ้น ณัฐชยาก้มหน้ากลับห้องเพราะไม่อาจทนมองภาพบาดตาบาดใจได้อีกต่อไป กว่าที่ธัญชยาจะยอมปล่อยให้ติณณ์กลับ ชายหนุ่มก็นั่งทานของว่างกับเธออยู่นาน เพราะหญิงสาวชวนเขาคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้อย่างไม่สนใจต่อปฏิกิริยาของชายหนุ่มที่บอกว่าเขานั้นรีบก็ตามที ก้าวออกจากบ้านเพ็ญประเสริฐได้เพียงไม่กี่ก้าว ติณณ์ก็รีบโทรศัพท์หาณัฐชยาทันที หญิงสาวนั่งมองโทรศัพท์ที่ขึ้นสายเรียก
เหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมณัฐชยาถึงต้องไปเรียนต่อยังต่างประเทศแบบไม่ทันตั้งรับแบบนี้ ดูเหมือนจะมีแค่ลินดา ธัญชยา และณัฐชยาเท่านั้นที่รู้ และคนที่เสียใจที่สุดคือณัฐชยา เพราะรู้ว่ามารดาและพี่สาวต้องการส่งเธอไปพ้นๆ จากติณณ์มากกว่า หรือคิดอีกแง่ทุกคนที่บ้านต้องการผลักไสเธอ ยิ่งคิดน้ำตาก็ยิ่งไหลนองหน้า เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นก็ทำให้เธอรีบปาดน้ำตา“ซอ...พ่อเองนะลูก” เสียงที่ได้ยินทำให้ณัฐชยารีบก้าวไปเปิดประตูให้บิดา“ค่ะคุณพ่อ”“พ่อเข้าไปได้ไหมลูก” มนตรีมองหน้าบุตรสาว “ได้ค่ะ” ณัฐชยาเดินเกี่ยวแขนบิดาเข้ามาในห้องนอน กระทั่งนั่งบนโซฟาหญิงสาวก็ยังคงเกาะแขนไว้ไม่ยอมปล่อย“แม่บอกว่าซออยากไปเรียนต่อต่างประเทศ”“ค่ะ” น้ำเสียงสั่นๆ เอ่ยรับ ก่อนจะพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล แต่ก็ยากเหลือเกิน การเป็นลูกชังไม่ว่าจะทำตัวดีแค่ไหน ก็คงได้เป็นแค่ลูกชังวันยังค่ำ“คิดดีแน่แล้วนะ”“คิดดีแล้วค่ะ ซอไม่อยู่ คุณพ่อต้องดูแลตัวเองดีๆ นะคะ” ณัฐชยากอดบิดาไว้ ใจจริงเธอก็ไม่อยากไปไหนไกลๆ แต่ก็ขัดคำสั่งของมารดาไม่ได้ “พ่อน่ะไม่เป็นไรหรอก คนที่บ้านออกเยอะแยะ แต่คนที่พ่อห่วงคือลูกนะซอ เพราะลูกจะต้องไปอยู่ที่นู่นคนเดียว” แม
“รับไปเถอะ อย่าขัดใจคนแก่เลยนะ”“ขอบพระคุณมากค่ะคุณยาย” ณัฐชยาเอ่ยขอบคุณพร้อมทั้งยกมือไหว้คุณหญิงวาสนา“รักติณให้มากๆ นะซอ มีอะไรก็ถนอมน้ำใจกันและกันให้มาก แต่งงานอยู่กินกันก็เหมือนเป็นคนคนเดียวกัน หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัย”“ค่ะ”“อ้อ...อีกข้อ มีเหลนให้ยายอุ้มเร็วๆ นะ ยายแก่แล้ว” คำพูดของคุณหญิงวาสนาทำให้ณัฐชยาขัดเขิน หญิงสาวเริ่มทำตัวไม่ถูก เพราะไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร คุณหญิงวาสนานึกเอ็นดูหลานสะใภ้คนนี้อย่างบอกไม่ถูก แม้จะเพิ่งเคยพบหน้ากัน แต่กลับรู้สึกว่าถูกชะตาเมื่อมีโอกาสได้พบหน้า คุณหญิงวาสนาจึงอยู่กับบุตรสาวให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งขณะนั้นคนของเจริญเองก็เฝ้าสังเกตอยู่ห่างๆ เพื่อรอโอกาส พร้อมกับโทรศัพท์ไปรายงานผู้เป็นนายทุกระยะ ว่าตอนนี้บรรดาเป้าหมายกำลังทำอะไรอยู่“ว่าไงบ้างคุณ”“เราไปช้ากว่านังคุณหญิงนั่นก้าวหนึ่ง” เจริญบีบโทรศัพท์เครื่องที่ใช้คุยกับลูกน้อ
“ติณครับ ทั้งชื่อเล่นและชื่อจริง”“ชื่อเพราะเหลือเกินนะ” คุณหญิงวาสนายิ้มกว้าง นัยนาเข้าใจตั้งชื่อบุตรชาย เพราะนี่คือชื่อของสามีเธอ ผู้มีศักดิ์เป็นตาของติณณ์นั่นเอง นัยนาที่ตอนนี้กำลังอยู่ในครัวกับสะใภ้ แต่ขณะที่กำลังจัดโต๊ะ หูกลับได้ยินบุตรชายพูดคุยกับใครที่หน้าบ้านแว่วๆ จึงเอ่ยถามทั้งๆ ที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาดู“ใครมาเหรอติณ”“คุณยายคนนี้บอกว่ามาขอพบแม่ครับ” คำตอบของบุตรชาย ทำให้นัยนาเงยหน้าขึ้นมอง เมื่อเห็นว่าเป็นใคร จานในมือถึงกับร่วงพร้อมอุทานออกมาอย่างตกใจและคาดไม่ถึงว่าจะได้พบมารดา“คุณแม่!”“แม่คะ” ณัฐชยาเข้าไปพยุงร่างของนัยนาไว้ เนื่องจากมีอาการเซเล็กน้อย ส่วนติณณ์รีบเข้าไปช่วยพยุงอีกคน“แม่...เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”“เปล่าลูกเปล่า” นัยนาเอ่ยตอบบุตรชาย ก่อนจะมองหน้าสองคนสลับกันไปมา ติณณ์รับรู้ได้ในทันทีว่าจะต้องมีเรื่องราวบางอย่างที่ไม่ปกติเกิดขึ้นแน่นอน และก็จร
“โอเคๆ ฉันเข้าใจ เอาเป็นว่าฉันไม่ได้ถามอะไรไปแล้วกัน”“ขอบคุณครับ งั้นผมขอตัวกลับก่อน”“เชิญ” จันทาเอ่ยรับห้วนๆ ทนายจอมพลจึงกลับออกไป เมื่อเสียงรถเคลื่อนตัวออกจากบ้านแล้ว เบญจาและสามีก็ออกมาหามารดาเพื่อถามข่าวว่าได้เรื่องอะไรจากทนายจอมพลไหม จันทารู้สึกเพียงเอะใจในคำตอบของทนายพี่สาวว่าต้องรู้อะไรไม่มากก็น้อย เพียงแต่ไม่ยอมพูด ทั้งๆ ที่เธอให้เงินเปิดปากไปก้อนใหญ่“แต่ผมมีแผนสำรองครับคุณแม่” เจริญยิ้ม เพราะเขาเองก็ได้สืบประวัติครอบครัวของทนายจอมพลมาบ้างพอสมควร ในสมองตอนนี้จึงคิดแผนล้วงความลับขึ้นมาได้แผนหนึ่ง“แผนอะไรคะคุณ” เบญจารีบถามสามีทันที“ก็ในเมื่อเราล้วงความลับจากไอ้ทนายปากแข็งนั่นตรงๆ ไม่ได้ เราก็ใช้เมียมันเป็นเครื่องมือก็หมดเรื่อง เดี๋ยวผมจัดการเอง รับรองได้ข่าวแน่นอน”“ดีมาก เป็นถึงลูกเขยฉัน ต้องฉลาดแบบนี้สิ” จันทาเอ่ยชมบุตรเขย ทำให้เจริญหน้าบานที่เอาอกเอาใจแม่ยายได้ โดยลึกๆ ก็หวัง
“พี่ติณเป็นอะไรไหมคะ ไหนขอซอดูหน่อย” สีหน้าของ ณัฐชยาแสดงออกว่าเป็นห่วง ก่อนจะจับมือที่ติณณ์ยกขึ้นมาปิดใบหน้าตัวเองออก เพื่อจะดูให้ว่าอะไรเข้าตา คนเจ้าเล่ห์กลอกตาไปมาเพื่อให้ณัฐชยาดูว่ามีอะไรทั้งๆ ที่เขานั้นสบายดีทุกอย่าง แต่ไม่นานณัฐชยาก็รับรู้ถึงความผิดปกติ เพราะติณณ์นอนกอดเธอนิ่ง นั่นทำให้หัวใจเธอเต้นรัวและหวั่นไหว ก่อนจะผละออกจากอ้อมกอดเขา“เจ้าเล่ห์”“พี่เปล่า” เสียงทุ้มๆ เอ่ยขึ้น แต่แววตานั้นเจ้าเล่ห์อย่างที่ ณัฐชยาพูดจริงๆ“ปล่อยนะคะ แล้วก็ลงไปจากเตียงด้วย ซอง่วงจะนอนแล้ว”“พี่ก็ง่วงมากแล้วเหมือนกัน งั้นเรามานอนด้วยกันนะ”“ไม่เอา” ณัฐชยาใช้กำปั้นยันตัวชายหนุ่มไว้ พร้อมกับผลักให้เขาออกห่าง แต่กลับไม่ได้ผล ติณณ์อาศัยว่าตนมีแรงมากกว่ารั้งเธอเข้ามากอดได้สำเร็จ ณัฐชยานอนฟังเสียงเต้นของหัวใจชายหนุ่มนิ่งราวกับรูปปั้น เธอไม่คุ้นชินกับสัมผัสใกล้ชิดแบบนี้เท่าไหร่นัก แม้จะเคยคบหากันมาก่อนก็ตาม แต่จะว่าไปตอนนี้เธอกับติณณ์ก็เกิ
“ใครโทรมาครับ”“เพื่อนค่ะ” หญิงสาวเอ่ยตอบโดยที่ไม่หันมองหน้าติณณ์ด้วยซ้ำ“สนิทกันมากไหม”“มาก” ณัฐชยาตอบลากเสียงยาว ติณณ์มองเธอด้วยแววตาดุๆ บ่งบอกว่าไม่พอใจ“สนิทมากเท่าพี่หรือเปล่า”“มากกว่า” พูดจบณัฐชยาก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปโดยมีติณณ์ตามมาไม่ห่าง ทั้งคู่เหมือนพ่อแง่แม่งอน แม้จะโกรธเคืองกัน แต่ภายในแววตาก็ยังคงแฝงไว้ด้วยความรัก ป้าอ้วนอยากเห็นทั้งคู่ปรับความเข้าใจกัน ไม่อยากให้เข้าใจผิดเพราะมือที่สามคืนนั้นติณณ์นอนค้างที่บ้านของณัฐชยา แต่หญิงสาวก็ตั้งแง่ไม่ยอมพูดด้วยง่ายๆ ไล่ชายหนุ่มไปนอนบนโซฟา ซึ่งติณณ์ก็ไม่ค้านอะไร ยอมทำตามที่ณัฐชยาบอกทุกอย่าง แต่ตกกลางคืนชายหนุ่มกลับได้ยินเสียงสะอื้นไห้ จนต้องลุกมาดู จึงรู้ว่าที่มาของเสียงสะอื้นนั้นดังมาจากณัฐชยา“ซอ...เป็นอะไร ร้องไห้ทำไม” “เปล่าค่ะ ซอไม่ได้เป็นอะไร” ณัฐชยาพลิกตัวนอนตะแคงข้าง หัน
“พ่อดีใจที่ติณพูดออกมาแบบนี้ ซอคือผู้ถูกกระทำที่น่าสงสารที่สุด” มนตรีถอนหายใจออกมาหนักๆ คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะเกิดเรื่องบ้าๆ แบบนี้ขึ้นภายในครอบครัวของเขาได้ หลังคุยกับมนตรีเรียบร้อย ติณณ์ก็ขึ้นไปหาณัฐชยาบนห้องนอน“คุณติณ”“ซอเป็นยังไงบ้างครับป้าอ้วน” เสียงทุ้มๆ เอ่ยถามกับป้าอ้วนที่นั่งเฝ้าณัฐชยาอยู่ข้างๆ“หลับมาหลายชั่วโมงแล้วค่ะ จนป่านนี้ก็ยังไม่ตื่น”“ผมเฝ้าซอต่อเองครับ ป้าอ้วนไปพักเถอะ”“ค่ะ” ป้าอ้วนเอ่ยรับ ก่อนจะปลีกตัวออกไปเพื่อให้ทั้งสองอยู่ด้วยกัน ป้าอ้วนไม่ได้สงสารเพียงแค่ณัฐชยาเท่านั้น ยังสงสารติณณ์ด้วยที่ต้องตกเป็นเครื่องมือของธัญชยาแบบนี้ เนื่องจากป้าอ้วนเองก็รู้นิสัยใจคอของธัญชยาดีว่าเป็นคนแบบไหน ที่อยากแต่งงานกับติณณ์เพียงเพราะต้องการเอาชนะณัฐชยา แต่เมื่อได้มาครองแล้วกลับทอดทิ้งและผลักไสติณณ์คืนให้ณัฐชยาอีกส่วนณัฐชยานั้นก็ดีเกินไป ถูกมารดา ถูกพี่สาวแท้ๆ ทำร้ายจิตใจมาตั้งแต่เด็กๆ จนโตป่านน
โชคชะตาของคนเรานั้นไม่แน่ไม่นอนเสมอ ณัฐชยาตื่นขึ้นมาในเช้าวันที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง หญิงสาวกะพริบตาปริบๆ มองเพดานห้อง ก่อนจะหันมองติณณ์ที่นอนอยู่ข้างๆ นั่นทำให้เธอน้ำตาไหลนองหน้าทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับเขาเมื่อคืน สุดท้ายสิ่งที่ได้ตอบแทนกลับมาคือความเจ็บช้ำทั้งกายและใจ ณัฐชยาสับสนว่านี่เกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่ ทำไมมารดาและพี่สาวถึงทำกับเธอแบบนี้ เมื่อสงสัยจึงต้องการหาคำตอบณัฐชยาค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียง เพียงแค่เท้าสัมผัสกับพื้นพรมเพื่อทรงตัว ความเจ็บปวดก็วิ่งสู่บริเวณกลางลำตัวจนเธอต้องนิ่วหน้า ก่อนจะข่มความเจ็บปวดไว้แล้วเดินเข้าไปอาบน้ำ หยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวม แม้จะเป็นชุดแต่งงานที่ยังคงเปียกชื้นของธัญชยาพี่สาวก็ตามที หัวใจเธอบอบช้ำขณะยืนมองตัวเองอยู่หน้ากระจก สิ่งที่เสียไปไม่อาจเรียกคืนได้อีกแล้ว ก่อนจะพาตัวเองออกจากห้องน้ำ ยืนมองติณณ์ที่ตอนนี้ยังคงหลับสนิท“ซอรักพี่ติณนะคะ” แม้จะรักแต่ก็ใช่ว่าจะสามารถครอบครองได้ ติณณ์นั้นได้ชื่อว่าแต่งงานกับธัญชยาแล้ว ถึงคนที่ถูกส่งตัวเข้าหอจะเป็นเธอก็ตามที ณัฐชยายืนปาดน้ำตา ก่
“พี่รักซอนะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างเราสองคน พี่ก็ยังรักซอไม่เปลี่ยนแปลง” คำว่ารักจากติณณ์นั้นมีค่ามาก ณัฐชยาโอบกอดชายหนุ่มไว้ แล้วจูบเขาเบาๆ เป็นการขอบคุณ ติณณ์ข่มใจให้อดทนเพื่อรอเวลาให้ณัฐชยาปรับตัว ก่อนที่เขาจะค่อยๆ ขยับสะโพกอีกครั้ง คราวนี้ต่อให้มีช้างทั้งโขลงก็คงฉุดความต้องการเขาไม่ได้แน่ กระทั่งสามารถส่งตัวเองเข้าหาเธอได้ลึกสุด ความเจ็บปวดในครั้งแรกที่ณัฐชยาได้รับ ตอนนี้แปรเปลี่ยนมาเป็นความเสียวซ่านเกินบรรยายณัฐชยาครางกระเส่าดูน่าอายกับเสียงที่เกิดขึ้นนี้ แววตาเธอพร่าเลือนและคุมความต้องการของตัวเองไม่ได้จริงๆ แก่นกายของติณณ์กำลังดำดิ่งอยู่ในช่องทางรักที่ตอดรัดเป็นจังหวะ สะโพกสอบบิดเกร็งยามส่งตัวเองเข้าหาเธอ มีทั้งเร่าร้อน ดุดัน และอ่อนหวานชวนให้สะท้าน แม้จะเป็นเซ็กซ์ครั้งแรกแต่ณัฐชยาก็เร่าร้อน ส่วนหนึ่งคงมาจากยาที่ธัญชยาให้เธอกินเข้าไป และส่วนหนึ่งคือความรู้สึกที่แท้จริงของเธอเอง“ซอจ๋า...ซอ” ติณณ์เอ่ยเรียกชื่อณัฐชยาด้วยน้ำเสียงขาดๆ หายๆ ขณะที่ขยับสะโพกเขาก็โน้มตัวลงไปดูดดุนหน้าอกเธอ บางครั้งก็มอบจูบให้ ติณณ์ส่งณัฐ
“ซอเป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นไหม”“ไม่” ณัฐชยาส่ายหน้าให้ เธอคิดว่าหากแช่น้ำเย็นๆ จะช่วยให้อาการประหลาดๆ ที่เกิดขึ้นลดน้อยลงไป แต่กลับไม่เป็นแบบนั้น เพียงแค่สบตาติณณ์เธอก็ยังมีความร้อนวูบวาบอยู่เช่นเคย ณัฐชยาขาดความยับยั้งชั่งใจ เธอคว้าลำคอติณณ์โน้มชายหนุ่มให้มาใกล้ ก่อนจะเป็นฝ่ายจูบเขาก่อน แม้จะจูบไม่เป็นแต่ก็คงไม่ยากอะไรหากเธอจะทำ นั่นส่งผลให้เส้นความอดทนของติณณ์ขาดผึงลงทันทีติณณ์อุ้มณัฐชยาขึ้นจากอ่างจากุชชี่ พร้อมทั้งถอดชุดแต่งงานที่เปียกชื้นออก เมื่อร่างกายไร้อาภรณ์ห่อหุ้มณัฐชยาก็ยิ่งเขินอายจนร่างกายแดงก่ำตั้งแต่ใบหน้าจรดปลายเท้าก็ว่าได้ เธอยกมือขึ้นมาปิดหน้าอกตัวเองไว้ แรงเสียดสีของเสื้อผ้าดูจะสู้สัมผัสจากมือของติณณ์ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ติณณ์ค่อยๆ วางณัฐชยาลงบนเตียง ก่อนจะรั้งผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเธอไว้“รู้ใช่ไหมว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น”“ซอรู้”“พี่จะไม่หยุดจนกว่าซอจะบอกให้หยุด”“ค่ะ” เสียงแหบพร่าเอ่ยรับ เพราะร