“ยายซอ นี่แกกล้ามากนะ แกกล้าขัดใจฉัน...กรี๊ดดดดด!!!” เสียงกรีดร้องของธัญชยาดังลั่นห้องนอน เสียงของบุตรสาวคนโปรดทำให้ลินดารีบเดินมาดู ซึ่งสวนทางกับณัฐชยาเข้าพอดี ยังไม่ทันจะได้ถามว่าณัฐชยาไปทำอะไรให้ธัญชยาโกรธถึงร้องกรี๊ดออกมาแบบนี้ เสียงกรี๊ดของธัญชยาก็ดังลั่นอีกครั้ง คราวนี้ลินดาไม่สนใจณัฐชยาแม้แต่น้อย กลับจ้ำอ้าวไปยังห้องธัญชยาทันที“พิณ...พิณเป็นอะไรลูก”“คุณแม่ ยายซอมันขัดใจลูก”“ขัดใจเรื่องอะไร ใจเย็นๆ ก่อน” ลินดาเอ่ยปลอบบุตรสาวคนโปรดให้หายโกรธเกรี้ยว เพราะถามอะไรตอนนี้คงฟังไม่รู้เรื่อง ส่วนณัฐชยานั้นพอกลับมาในห้องได้ก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียง ซุกหน้ากับหมอนแล้วร้องไห้ออกมาด้วยความอัดอั้น ตั้งแต่เด็กทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของเธอ ธัญชยาก็มักจะขอไปเสมอ แต่ไม่คิดว่าวันนี้พี่สาวฝาแฝดจะขอได้แม้กระทั่งคนรักของน้องสาวเสียงกรีดร้องของธัญชยาทำให้ป้าอ้วนพอจะเดาได้ว่าต้องเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นแน่นอน และคนที่จะต้องรองรับอารมณ์ของ ธัญชยาจะมีใครไปได้นอกเสียจากณัฐชยา นั่นทำให้ป้าอ้วนรีบขึ้นมาดูคุณหนูเล็กของบ้านทันที มืออุ่นๆ ที่วางลงบนบ่าทำให้ณัฐชยาสะดุ้ง ก่อนจะหันกลับมามอง“ป้าอ้วน” ณัฐชยาโผเข้ากอด
“คุณแม่” ณัฐชยารู้ว่ามารดานั้นเข้าใจสถานะระหว่างเธอกับติณณ์ดี แต่ทำไมครั้งนี้ถึงถามออกมาแบบนี้กัน แต่คำถามนั้น ณัฐชยาก็พอรู้คำตอบดี จึงมองไปยังพี่สาวฝาแฝดที่นั่งนิ่งประหนึ่งไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น ความเจ็บปวดเล่นงานณัฐชยาจนแทบหายใจไม่ออก ณัฐชยาไม่ได้เอ่ยแม้แต่ประโยคเดียวว่าเธอกับติณณ์นั้นไม่ได้เป็นอะไรกัน ลินดากลับพูดตัดความ ไม่สนใจความรู้สึกของบุตรสาวคนเล็กเลยแม้แต่น้อย “ถ้าไม่ได้คิดอะไรก็หลีกทางให้พี่พิณเขาไปซะ แม่ว่าซอไม่เหมาะกับติณนักหรอก”“ใช่...พี่ติณเขาเหมาะกับฉัน แกก็เจียมตัวไว้ซะ” ธัญชยาเอ่ยเสริมขึ้นอีกคน หญิงสาวนั่งไขว่ห้างมองณัฐชยาราวกับคนอื่น “แต่ซอ…”“หรือแกคิดจะกล้าขัดคำสั่งคนเป็นแม่อย่างฉัน” ยังไม่ทันที่ณัฐชยาจะได้พูด ลินดาก็เอ่ยขัดจนบุตรสาวต้องรีบแย้ง “ซอไม่ได้คิดแบบนั้น”“ไม่ได้คิดก็ดี เพราะอย่าลืมว่าฉันเป็นแม่ที่อุ้มท้องแกมาถึงเก้าเดือน แถมตอนคลอดแกยังทำให้ฉันเกือบตายมาแล้ว ฉันพูดอะไรแกก็ต้องเชื่อแล้วทำตาม ห้ามมีข้อแม้” สิ่งที่ได้ยินทำให้ณัฐชยาอึ้ง “คุณแม่!”“ทำไม แกมองฉันแบบนี้หมายความว่ายังไงกันไม่ทราบ ไม่พอใจอย่างนั้นเหรอ แกมีสิทธิ์ที่จะไม่พอใจแม่อย่างฉันเหรอซ
“นะคะพี่ติณ ไม่นานหรอก พิณไม่อยากกินคนเดียว”“ได้ครับ” เพราะเกรงใจทำให้ติณณ์ตอบรับคำชวนนั้นของธัญชยา และคิดว่าจะอยู่ด้วยไม่นาน “ขอบคุณนะคะ” ธัญชยายิ้มหวานกับคำตอบของติณณ์ แม้จะรู้ว่าชายหนุ่มตอบรับเพราะความเกรงใจ แต่ถึงอย่างนั้นหญิงสาวก็ไม่สน ธัญชยาพยักหน้าให้เด็กรับใช้ในบ้านเอาของว่างซึ่งเตรียมไว้ก่อนหน้าที่เธอจะชวนติณณ์มาเสิร์ฟติณณ์นั้นดูกระอักกระอ่วนใจแต่ก็เลยตามเลย ชายหนุ่มนั่งเป็นตุ๊กตาให้ธัญชยาป้อนของว่างนั่นนี่ จากที่คิดว่าจะอยู่ไม่นานชายหนุ่มกลับถูกธัญชยารั้งตัวไว้ได้นานกว่าที่คิด โดยหารู้ไม่ว่าตอนนี้มีสายตาของ ณัฐชยามองดูอยู่ห่างๆ ด้วยความเจ็บปวด น้ำตานองหน้าแต่จำต้องเก็บซ่อนความอ่อนแอไว้ลึกสุด พยายามทำใจกับสิ่งที่ได้เกิดขึ้น ณัฐชยาก้มหน้ากลับห้องเพราะไม่อาจทนมองภาพบาดตาบาดใจได้อีกต่อไป กว่าที่ธัญชยาจะยอมปล่อยให้ติณณ์กลับ ชายหนุ่มก็นั่งทานของว่างกับเธออยู่นาน เพราะหญิงสาวชวนเขาคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้อย่างไม่สนใจต่อปฏิกิริยาของชายหนุ่มที่บอกว่าเขานั้นรีบก็ตามที ก้าวออกจากบ้านเพ็ญประเสริฐได้เพียงไม่กี่ก้าว ติณณ์ก็รีบโทรศัพท์หาณัฐชยาทันที หญิงสาวนั่งมองโทรศัพท์ที่ขึ้นสายเรียก
เหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมณัฐชยาถึงต้องไปเรียนต่อยังต่างประเทศแบบไม่ทันตั้งรับแบบนี้ ดูเหมือนจะมีแค่ลินดา ธัญชยา และณัฐชยาเท่านั้นที่รู้ และคนที่เสียใจที่สุดคือณัฐชยา เพราะรู้ว่ามารดาและพี่สาวต้องการส่งเธอไปพ้นๆ จากติณณ์มากกว่า หรือคิดอีกแง่ทุกคนที่บ้านต้องการผลักไสเธอ ยิ่งคิดน้ำตาก็ยิ่งไหลนองหน้า เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นก็ทำให้เธอรีบปาดน้ำตา“ซอ...พ่อเองนะลูก” เสียงที่ได้ยินทำให้ณัฐชยารีบก้าวไปเปิดประตูให้บิดา“ค่ะคุณพ่อ”“พ่อเข้าไปได้ไหมลูก” มนตรีมองหน้าบุตรสาว “ได้ค่ะ” ณัฐชยาเดินเกี่ยวแขนบิดาเข้ามาในห้องนอน กระทั่งนั่งบนโซฟาหญิงสาวก็ยังคงเกาะแขนไว้ไม่ยอมปล่อย“แม่บอกว่าซออยากไปเรียนต่อต่างประเทศ”“ค่ะ” น้ำเสียงสั่นๆ เอ่ยรับ ก่อนจะพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล แต่ก็ยากเหลือเกิน การเป็นลูกชังไม่ว่าจะทำตัวดีแค่ไหน ก็คงได้เป็นแค่ลูกชังวันยังค่ำ“คิดดีแน่แล้วนะ”“คิดดีแล้วค่ะ ซอไม่อยู่ คุณพ่อต้องดูแลตัวเองดีๆ นะคะ” ณัฐชยากอดบิดาไว้ ใจจริงเธอก็ไม่อยากไปไหนไกลๆ แต่ก็ขัดคำสั่งของมารดาไม่ได้ “พ่อน่ะไม่เป็นไรหรอก คนที่บ้านออกเยอะแยะ แต่คนที่พ่อห่วงคือลูกนะซอ เพราะลูกจะต้องไปอยู่ที่นู่นคนเดียว” แม
เนื่องจากลึกๆ จันทานั้นไม่ต้องการให้พี่สาวตามหาใครทั้งสิ้น เนื่องจากเธอหวังและหวงสมบัติของวาสนามาก อยากได้มาเป็นของตนทั้งหมด หากทนายจอมพลตามตัวนัยนากับลูกพบ ถ้าวาสนาตายไปสมบัติที่ควรเป็นของเธอ ของลูกก็ต้องหลุดลอยไปต่อหน้าต่อตา เธอยอมให้เป็นแบบนั้นไม่ได้ แต่ความในใจใครเลยจะกล้าพูดว่าแอบแช่งชักหักกระดูกกันทุกลมหายใจ “โธ่...คุณพี่ ทำไมพูดแบบนั้นล่ะคะ คุณพี่ต้องอยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้น้องกับเด็กๆ ในบ้านอีกนาน เป็นร้อยๆ ปีเลยก็ยังไหว”“ให้อยู่ถึงร้อยปี ฉันก็เป็นภาระของเธอนะจันทา” คุณหญิงวาสนามองไปยังน้องสาวต่างมารดา “ไม่หรอกค่ะ น้องยินดีดูแลคุณพี่อยู่แล้ว”“ว่าแต่วันนี้ลมอะไรหอบเธอมาหาพี่ถึงที่นี่ได้จ๊ะ” คำถามของวาสนาทำให้จันทายิ้ม ก่อนจะมองไปยังทนายจอมพล คุณหญิงวาสนาจึงเปิดทางให้น้องได้คุย “วันนี้กลับไปก่อนนะจอมพล มีข่าวอะไรคืบหน้าก็รีบมารายงานฉันด้วย” “ครับคุณหญิง” ทนายจอมพลเอ่ยรับ ก่อนจะขอตัวกลับออกไป เมื่อเห็นว่าอยู่สองคนกับพี่สาว จันทาก็ลงไปนั่งข้างๆ “คุณพี่” ประโยคหวานๆ เอ่ยเรียกอย่างเคย“คราวนี้เท่าไหร่อีกล่ะ” “แหม...คุณพี่นี่รู้ใจน้องจริงๆ คราวนี้น้องขอสองล้านนะคะ น้องจะเอา
“ซอมีคู่หมั้นอยู่แล้วจริงๆ จ้ะติณ คู่หมั้นของซอเป็นลูกชายของเพื่อนสนิทคุณลุงมนตรี” ประโยคโกหกของลินดาที่บอกกับติณณ์ ว่าแท้จริงแล้วณัฐชยานั้นมีคู่หมั้นคู่หมายอยู่แล้ว เรื่องเท็จนี้ถูกกำหนดให้เป็นเรื่องจริงยิ่งขึ้นเมื่อธัญชยาเอ่ยเสริม“ซอใจร้ายกับพี่ติณมากเกินไปแล้วนะ หนำซ้ำก่อนไป ซอบอกพิณว่าที่คบกับพี่ติณก็แค่แก้เหงา คั่นเวลาเท่านั้นเอง” “ป้าผิดหวังกับลูกสาวคนนี้จริงๆ เชียว ทำไมถึงได้ล้อเล่นกับความรู้สึกดีๆ ของติณแบบนี้ก็ไม่รู้ ป้าขอโทษแทนซอด้วยนะติณ ป้า...” ลินดายกมือขึ้นวางทาบอกราวกับทุกข์ใจอย่างแสนสาหัส แต่พอติณณ์เผลอสองแม่ลูกกลับส่งยิ้มให้กันและกัน “แล้วที่พิณพูด ก่อนซอไป หมายความว่ายังไงครับ” แม้จะเจ็บปวดแต่ติณณ์ก็ยังคงจับใจความได้ในบางส่วนจนเกิดความสงสัย “อ้อ...คือตอนนี้ซอไม่ได้อยู่เมืองไทยแล้วนะคะ”“อะไรนะครับ แล้วซอไปไหน” “ซอบินไปเรียนต่อต่างประเทศพร้อมคู่หมั้นแล้วเมื่ออาทิตย์ก่อนนะติณ ได้ข่าวว่าเรียนจบโทก็จะแต่งงานแต่งการกันที่นั่นเลย เผลอๆ คงไม่กลับมาเมืองไทยอีกแล้ว” ลินดาเอ่ยตอบเป็นชุด “คู่หมั้น!” สิ่งที่ได้ยินทำให้ติณณ์ช็อก เพราะเขานั้นรักและจริงจังกับณัฐชยามาก ถึงขั้น
กลิ่นเหล้าลอยมาพร้อมกับการจูบเพียงฝ่ายเดียว แต่ก็ไม่ได้ทำให้ธัญชยาเสียความรู้สึกแต่อย่างใด ความช่ำชองของเธอมีความหมาย เพราะไม่นานก็สามารถส่งลิ้นเล็กๆ เข้าไปในโพรงปากของติณณ์ได้ โดยที่ธัญชยานั้นใช้มือบีบคางของชายหนุ่มให้ปากหยักห่างออกจากกัน เพื่อที่เธอจะสัมผัสเขาให้ได้มากขึ้น แต่เหมือนธัญชยาจะไม่หยุดเพียงแค่จูบเท่านั้น หญิงสาวใช้ปากร้อนๆ จูบติณณ์ต่ำลงมาเรื่อยๆ กระทั่งถึงแผงอก หน้าท้อง และขอบกางเกงยีนส์ที่เห็นไรขนลากยาวผ่านเข้าไปด้านล่างใต้กางเกง ความซุกซนของธัญชยาก็ทำให้เธออยากเห็นบางสิ่งบางอย่างที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้กางเกงยีนส์ตัวนี้ว่าจะมีขนาดใหญ่โตมากแค่ไหน แค่คิดเธอก็รุ่มร้อนไปทั่วทั้งร่างกาย ธัญชยาเม้มริมฝีปากเข้าหากัน ก่อนที่มือจะเริ่มทำตามที่สมองสั่ง ด้วยการปลดเข็มขัดและกระดุมกางเกงยีนส์ออกทีละเม็ด...ทีละเม็ดกระทั่งถึงเม็ดสุดท้าย พร้อมกับรั้งกางเกงยีนส์ อันเดอร์แวร์สีขาวสะอาดลงต่ำจนหลุดออกไปจากขาของชายหนุ่มอย่างไม่ลังเล “พิณขอนะคะ” เสียงหอบกระเส่าของธัญชยาดังขึ้น ก่อนที่เธอจะใช้มือลูบไล้ความเป็นชายของติณณ์ไปมาเพื่อปลุกให้ตื่นตัว แม้สัมผัสแรกของมือท่อนเนื้อจะยังคงสงบนิ่ง แต่เมื่อ
“พิณรักพี่ติณนะคะ รักมานานแล้ว” ธัญชยาสวมกอดติณณ์ไว้แน่น ความเข้าใจผิดครั้งนี้ส่งผลให้ติณณ์ดิ้นไม่หลุดเอง ซึ่งธัญชยานั้นยิ้มกริ่ม ทั้งๆ ที่เมื่อคืนติณณ์เมาจนหลับสนิท และทั้งๆ ที่เธอพยายามปลุกเร้าอารมณ์ชายหนุ่มให้ลุกโชนขึ้นมา แต่ติณณ์น้อยก็ยังไม่ผงาดสู้อยู่ดี “พี่เสียใจ” สีหน้าของติณณ์นั้นกังวลมากถึงมากที่สุด เขาไม่น่าเมาจนขาดสติแบบนี้เลยจริงๆ “พี่ติณอย่าโทษตัวเองเลยนะคะ เพราะถ้าหาคนผิด พิณเองที่ผิด ผิดที่เผลอตัวเผลอใจจนลงเอยแบบนี้” น้ำเสียงสั่นระริกเอ่ยขึ้น “พิณ” “พิณมีความจริงบางอย่างจะบอกพี่ติณ คือเรื่องนี้พิณเก็บมาคนเดียวนานแล้ว แต่ไม่กล้าพูดจริงๆ” น้ำเสียงและสีหน้าของ ธัญชยาแสดงออกว่าเธอนั้นเป็นกังวลมาก “ความจริง” สีหน้าของติณณ์นั้นงุนงงมาก เพราะไม่รู้ว่าตนยังไม่รู้ความจริงเรื่องอะไรอีก “เรื่องที่ซอมีคู่หมั้น พิณรู้มานานแล้วนะคะ แต่ยายซอขู่พิณไว้ว่าห้ามพูดออกไป ห้ามบอกใครโดยเฉพาะพี่ติณ พิณเป็นคนขี้สงสาร ขี้กลัวด้วย ก็เลยยอมทำตามที่น้องขอ ตลอดเวลาที่ผ่านมาพิณสงสารพี่ติณมาก อยากบอกความจริงให้รู้ แต่ใจนั้นก็คิดเสมอว่ายายซอจะรักพี่ติณจากใจจริง พิณจึงทนมองอย่างสงสารและเจ็บปวดแทน
“รับไปเถอะ อย่าขัดใจคนแก่เลยนะ”“ขอบพระคุณมากค่ะคุณยาย” ณัฐชยาเอ่ยขอบคุณพร้อมทั้งยกมือไหว้คุณหญิงวาสนา“รักติณให้มากๆ นะซอ มีอะไรก็ถนอมน้ำใจกันและกันให้มาก แต่งงานอยู่กินกันก็เหมือนเป็นคนคนเดียวกัน หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัย”“ค่ะ”“อ้อ...อีกข้อ มีเหลนให้ยายอุ้มเร็วๆ นะ ยายแก่แล้ว” คำพูดของคุณหญิงวาสนาทำให้ณัฐชยาขัดเขิน หญิงสาวเริ่มทำตัวไม่ถูก เพราะไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร คุณหญิงวาสนานึกเอ็นดูหลานสะใภ้คนนี้อย่างบอกไม่ถูก แม้จะเพิ่งเคยพบหน้ากัน แต่กลับรู้สึกว่าถูกชะตาเมื่อมีโอกาสได้พบหน้า คุณหญิงวาสนาจึงอยู่กับบุตรสาวให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งขณะนั้นคนของเจริญเองก็เฝ้าสังเกตอยู่ห่างๆ เพื่อรอโอกาส พร้อมกับโทรศัพท์ไปรายงานผู้เป็นนายทุกระยะ ว่าตอนนี้บรรดาเป้าหมายกำลังทำอะไรอยู่“ว่าไงบ้างคุณ”“เราไปช้ากว่านังคุณหญิงนั่นก้าวหนึ่ง” เจริญบีบโทรศัพท์เครื่องที่ใช้คุยกับลูกน้อ
“ติณครับ ทั้งชื่อเล่นและชื่อจริง”“ชื่อเพราะเหลือเกินนะ” คุณหญิงวาสนายิ้มกว้าง นัยนาเข้าใจตั้งชื่อบุตรชาย เพราะนี่คือชื่อของสามีเธอ ผู้มีศักดิ์เป็นตาของติณณ์นั่นเอง นัยนาที่ตอนนี้กำลังอยู่ในครัวกับสะใภ้ แต่ขณะที่กำลังจัดโต๊ะ หูกลับได้ยินบุตรชายพูดคุยกับใครที่หน้าบ้านแว่วๆ จึงเอ่ยถามทั้งๆ ที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาดู“ใครมาเหรอติณ”“คุณยายคนนี้บอกว่ามาขอพบแม่ครับ” คำตอบของบุตรชาย ทำให้นัยนาเงยหน้าขึ้นมอง เมื่อเห็นว่าเป็นใคร จานในมือถึงกับร่วงพร้อมอุทานออกมาอย่างตกใจและคาดไม่ถึงว่าจะได้พบมารดา“คุณแม่!”“แม่คะ” ณัฐชยาเข้าไปพยุงร่างของนัยนาไว้ เนื่องจากมีอาการเซเล็กน้อย ส่วนติณณ์รีบเข้าไปช่วยพยุงอีกคน“แม่...เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”“เปล่าลูกเปล่า” นัยนาเอ่ยตอบบุตรชาย ก่อนจะมองหน้าสองคนสลับกันไปมา ติณณ์รับรู้ได้ในทันทีว่าจะต้องมีเรื่องราวบางอย่างที่ไม่ปกติเกิดขึ้นแน่นอน และก็จร
“โอเคๆ ฉันเข้าใจ เอาเป็นว่าฉันไม่ได้ถามอะไรไปแล้วกัน”“ขอบคุณครับ งั้นผมขอตัวกลับก่อน”“เชิญ” จันทาเอ่ยรับห้วนๆ ทนายจอมพลจึงกลับออกไป เมื่อเสียงรถเคลื่อนตัวออกจากบ้านแล้ว เบญจาและสามีก็ออกมาหามารดาเพื่อถามข่าวว่าได้เรื่องอะไรจากทนายจอมพลไหม จันทารู้สึกเพียงเอะใจในคำตอบของทนายพี่สาวว่าต้องรู้อะไรไม่มากก็น้อย เพียงแต่ไม่ยอมพูด ทั้งๆ ที่เธอให้เงินเปิดปากไปก้อนใหญ่“แต่ผมมีแผนสำรองครับคุณแม่” เจริญยิ้ม เพราะเขาเองก็ได้สืบประวัติครอบครัวของทนายจอมพลมาบ้างพอสมควร ในสมองตอนนี้จึงคิดแผนล้วงความลับขึ้นมาได้แผนหนึ่ง“แผนอะไรคะคุณ” เบญจารีบถามสามีทันที“ก็ในเมื่อเราล้วงความลับจากไอ้ทนายปากแข็งนั่นตรงๆ ไม่ได้ เราก็ใช้เมียมันเป็นเครื่องมือก็หมดเรื่อง เดี๋ยวผมจัดการเอง รับรองได้ข่าวแน่นอน”“ดีมาก เป็นถึงลูกเขยฉัน ต้องฉลาดแบบนี้สิ” จันทาเอ่ยชมบุตรเขย ทำให้เจริญหน้าบานที่เอาอกเอาใจแม่ยายได้ โดยลึกๆ ก็หวัง
“พี่ติณเป็นอะไรไหมคะ ไหนขอซอดูหน่อย” สีหน้าของ ณัฐชยาแสดงออกว่าเป็นห่วง ก่อนจะจับมือที่ติณณ์ยกขึ้นมาปิดใบหน้าตัวเองออก เพื่อจะดูให้ว่าอะไรเข้าตา คนเจ้าเล่ห์กลอกตาไปมาเพื่อให้ณัฐชยาดูว่ามีอะไรทั้งๆ ที่เขานั้นสบายดีทุกอย่าง แต่ไม่นานณัฐชยาก็รับรู้ถึงความผิดปกติ เพราะติณณ์นอนกอดเธอนิ่ง นั่นทำให้หัวใจเธอเต้นรัวและหวั่นไหว ก่อนจะผละออกจากอ้อมกอดเขา“เจ้าเล่ห์”“พี่เปล่า” เสียงทุ้มๆ เอ่ยขึ้น แต่แววตานั้นเจ้าเล่ห์อย่างที่ ณัฐชยาพูดจริงๆ“ปล่อยนะคะ แล้วก็ลงไปจากเตียงด้วย ซอง่วงจะนอนแล้ว”“พี่ก็ง่วงมากแล้วเหมือนกัน งั้นเรามานอนด้วยกันนะ”“ไม่เอา” ณัฐชยาใช้กำปั้นยันตัวชายหนุ่มไว้ พร้อมกับผลักให้เขาออกห่าง แต่กลับไม่ได้ผล ติณณ์อาศัยว่าตนมีแรงมากกว่ารั้งเธอเข้ามากอดได้สำเร็จ ณัฐชยานอนฟังเสียงเต้นของหัวใจชายหนุ่มนิ่งราวกับรูปปั้น เธอไม่คุ้นชินกับสัมผัสใกล้ชิดแบบนี้เท่าไหร่นัก แม้จะเคยคบหากันมาก่อนก็ตาม แต่จะว่าไปตอนนี้เธอกับติณณ์ก็เกิ
“ใครโทรมาครับ”“เพื่อนค่ะ” หญิงสาวเอ่ยตอบโดยที่ไม่หันมองหน้าติณณ์ด้วยซ้ำ“สนิทกันมากไหม”“มาก” ณัฐชยาตอบลากเสียงยาว ติณณ์มองเธอด้วยแววตาดุๆ บ่งบอกว่าไม่พอใจ“สนิทมากเท่าพี่หรือเปล่า”“มากกว่า” พูดจบณัฐชยาก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปโดยมีติณณ์ตามมาไม่ห่าง ทั้งคู่เหมือนพ่อแง่แม่งอน แม้จะโกรธเคืองกัน แต่ภายในแววตาก็ยังคงแฝงไว้ด้วยความรัก ป้าอ้วนอยากเห็นทั้งคู่ปรับความเข้าใจกัน ไม่อยากให้เข้าใจผิดเพราะมือที่สามคืนนั้นติณณ์นอนค้างที่บ้านของณัฐชยา แต่หญิงสาวก็ตั้งแง่ไม่ยอมพูดด้วยง่ายๆ ไล่ชายหนุ่มไปนอนบนโซฟา ซึ่งติณณ์ก็ไม่ค้านอะไร ยอมทำตามที่ณัฐชยาบอกทุกอย่าง แต่ตกกลางคืนชายหนุ่มกลับได้ยินเสียงสะอื้นไห้ จนต้องลุกมาดู จึงรู้ว่าที่มาของเสียงสะอื้นนั้นดังมาจากณัฐชยา“ซอ...เป็นอะไร ร้องไห้ทำไม” “เปล่าค่ะ ซอไม่ได้เป็นอะไร” ณัฐชยาพลิกตัวนอนตะแคงข้าง หัน
“พ่อดีใจที่ติณพูดออกมาแบบนี้ ซอคือผู้ถูกกระทำที่น่าสงสารที่สุด” มนตรีถอนหายใจออกมาหนักๆ คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะเกิดเรื่องบ้าๆ แบบนี้ขึ้นภายในครอบครัวของเขาได้ หลังคุยกับมนตรีเรียบร้อย ติณณ์ก็ขึ้นไปหาณัฐชยาบนห้องนอน“คุณติณ”“ซอเป็นยังไงบ้างครับป้าอ้วน” เสียงทุ้มๆ เอ่ยถามกับป้าอ้วนที่นั่งเฝ้าณัฐชยาอยู่ข้างๆ“หลับมาหลายชั่วโมงแล้วค่ะ จนป่านนี้ก็ยังไม่ตื่น”“ผมเฝ้าซอต่อเองครับ ป้าอ้วนไปพักเถอะ”“ค่ะ” ป้าอ้วนเอ่ยรับ ก่อนจะปลีกตัวออกไปเพื่อให้ทั้งสองอยู่ด้วยกัน ป้าอ้วนไม่ได้สงสารเพียงแค่ณัฐชยาเท่านั้น ยังสงสารติณณ์ด้วยที่ต้องตกเป็นเครื่องมือของธัญชยาแบบนี้ เนื่องจากป้าอ้วนเองก็รู้นิสัยใจคอของธัญชยาดีว่าเป็นคนแบบไหน ที่อยากแต่งงานกับติณณ์เพียงเพราะต้องการเอาชนะณัฐชยา แต่เมื่อได้มาครองแล้วกลับทอดทิ้งและผลักไสติณณ์คืนให้ณัฐชยาอีกส่วนณัฐชยานั้นก็ดีเกินไป ถูกมารดา ถูกพี่สาวแท้ๆ ทำร้ายจิตใจมาตั้งแต่เด็กๆ จนโตป่านน
โชคชะตาของคนเรานั้นไม่แน่ไม่นอนเสมอ ณัฐชยาตื่นขึ้นมาในเช้าวันที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง หญิงสาวกะพริบตาปริบๆ มองเพดานห้อง ก่อนจะหันมองติณณ์ที่นอนอยู่ข้างๆ นั่นทำให้เธอน้ำตาไหลนองหน้าทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับเขาเมื่อคืน สุดท้ายสิ่งที่ได้ตอบแทนกลับมาคือความเจ็บช้ำทั้งกายและใจ ณัฐชยาสับสนว่านี่เกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่ ทำไมมารดาและพี่สาวถึงทำกับเธอแบบนี้ เมื่อสงสัยจึงต้องการหาคำตอบณัฐชยาค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียง เพียงแค่เท้าสัมผัสกับพื้นพรมเพื่อทรงตัว ความเจ็บปวดก็วิ่งสู่บริเวณกลางลำตัวจนเธอต้องนิ่วหน้า ก่อนจะข่มความเจ็บปวดไว้แล้วเดินเข้าไปอาบน้ำ หยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวม แม้จะเป็นชุดแต่งงานที่ยังคงเปียกชื้นของธัญชยาพี่สาวก็ตามที หัวใจเธอบอบช้ำขณะยืนมองตัวเองอยู่หน้ากระจก สิ่งที่เสียไปไม่อาจเรียกคืนได้อีกแล้ว ก่อนจะพาตัวเองออกจากห้องน้ำ ยืนมองติณณ์ที่ตอนนี้ยังคงหลับสนิท“ซอรักพี่ติณนะคะ” แม้จะรักแต่ก็ใช่ว่าจะสามารถครอบครองได้ ติณณ์นั้นได้ชื่อว่าแต่งงานกับธัญชยาแล้ว ถึงคนที่ถูกส่งตัวเข้าหอจะเป็นเธอก็ตามที ณัฐชยายืนปาดน้ำตา ก่
“พี่รักซอนะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างเราสองคน พี่ก็ยังรักซอไม่เปลี่ยนแปลง” คำว่ารักจากติณณ์นั้นมีค่ามาก ณัฐชยาโอบกอดชายหนุ่มไว้ แล้วจูบเขาเบาๆ เป็นการขอบคุณ ติณณ์ข่มใจให้อดทนเพื่อรอเวลาให้ณัฐชยาปรับตัว ก่อนที่เขาจะค่อยๆ ขยับสะโพกอีกครั้ง คราวนี้ต่อให้มีช้างทั้งโขลงก็คงฉุดความต้องการเขาไม่ได้แน่ กระทั่งสามารถส่งตัวเองเข้าหาเธอได้ลึกสุด ความเจ็บปวดในครั้งแรกที่ณัฐชยาได้รับ ตอนนี้แปรเปลี่ยนมาเป็นความเสียวซ่านเกินบรรยายณัฐชยาครางกระเส่าดูน่าอายกับเสียงที่เกิดขึ้นนี้ แววตาเธอพร่าเลือนและคุมความต้องการของตัวเองไม่ได้จริงๆ แก่นกายของติณณ์กำลังดำดิ่งอยู่ในช่องทางรักที่ตอดรัดเป็นจังหวะ สะโพกสอบบิดเกร็งยามส่งตัวเองเข้าหาเธอ มีทั้งเร่าร้อน ดุดัน และอ่อนหวานชวนให้สะท้าน แม้จะเป็นเซ็กซ์ครั้งแรกแต่ณัฐชยาก็เร่าร้อน ส่วนหนึ่งคงมาจากยาที่ธัญชยาให้เธอกินเข้าไป และส่วนหนึ่งคือความรู้สึกที่แท้จริงของเธอเอง“ซอจ๋า...ซอ” ติณณ์เอ่ยเรียกชื่อณัฐชยาด้วยน้ำเสียงขาดๆ หายๆ ขณะที่ขยับสะโพกเขาก็โน้มตัวลงไปดูดดุนหน้าอกเธอ บางครั้งก็มอบจูบให้ ติณณ์ส่งณัฐ
“ซอเป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นไหม”“ไม่” ณัฐชยาส่ายหน้าให้ เธอคิดว่าหากแช่น้ำเย็นๆ จะช่วยให้อาการประหลาดๆ ที่เกิดขึ้นลดน้อยลงไป แต่กลับไม่เป็นแบบนั้น เพียงแค่สบตาติณณ์เธอก็ยังมีความร้อนวูบวาบอยู่เช่นเคย ณัฐชยาขาดความยับยั้งชั่งใจ เธอคว้าลำคอติณณ์โน้มชายหนุ่มให้มาใกล้ ก่อนจะเป็นฝ่ายจูบเขาก่อน แม้จะจูบไม่เป็นแต่ก็คงไม่ยากอะไรหากเธอจะทำ นั่นส่งผลให้เส้นความอดทนของติณณ์ขาดผึงลงทันทีติณณ์อุ้มณัฐชยาขึ้นจากอ่างจากุชชี่ พร้อมทั้งถอดชุดแต่งงานที่เปียกชื้นออก เมื่อร่างกายไร้อาภรณ์ห่อหุ้มณัฐชยาก็ยิ่งเขินอายจนร่างกายแดงก่ำตั้งแต่ใบหน้าจรดปลายเท้าก็ว่าได้ เธอยกมือขึ้นมาปิดหน้าอกตัวเองไว้ แรงเสียดสีของเสื้อผ้าดูจะสู้สัมผัสจากมือของติณณ์ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ติณณ์ค่อยๆ วางณัฐชยาลงบนเตียง ก่อนจะรั้งผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเธอไว้“รู้ใช่ไหมว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น”“ซอรู้”“พี่จะไม่หยุดจนกว่าซอจะบอกให้หยุด”“ค่ะ” เสียงแหบพร่าเอ่ยรับ เพราะร