“พิณรักพี่ติณนะคะ รักมานานแล้ว” ธัญชยาสวมกอดติณณ์ไว้แน่น ความเข้าใจผิดครั้งนี้ส่งผลให้ติณณ์ดิ้นไม่หลุดเอง ซึ่งธัญชยานั้นยิ้มกริ่ม ทั้งๆ ที่เมื่อคืนติณณ์เมาจนหลับสนิท และทั้งๆ ที่เธอพยายามปลุกเร้าอารมณ์ชายหนุ่มให้ลุกโชนขึ้นมา แต่ติณณ์น้อยก็ยังไม่ผงาดสู้อยู่ดี “พี่เสียใจ” สีหน้าของติณณ์นั้นกังวลมากถึงมากที่สุด เขาไม่น่าเมาจนขาดสติแบบนี้เลยจริงๆ “พี่ติณอย่าโทษตัวเองเลยนะคะ เพราะถ้าหาคนผิด พิณเองที่ผิด ผิดที่เผลอตัวเผลอใจจนลงเอยแบบนี้” น้ำเสียงสั่นระริกเอ่ยขึ้น “พิณ” “พิณมีความจริงบางอย่างจะบอกพี่ติณ คือเรื่องนี้พิณเก็บมาคนเดียวนานแล้ว แต่ไม่กล้าพูดจริงๆ” น้ำเสียงและสีหน้าของ ธัญชยาแสดงออกว่าเธอนั้นเป็นกังวลมาก “ความจริง” สีหน้าของติณณ์นั้นงุนงงมาก เพราะไม่รู้ว่าตนยังไม่รู้ความจริงเรื่องอะไรอีก “เรื่องที่ซอมีคู่หมั้น พิณรู้มานานแล้วนะคะ แต่ยายซอขู่พิณไว้ว่าห้ามพูดออกไป ห้ามบอกใครโดยเฉพาะพี่ติณ พิณเป็นคนขี้สงสาร ขี้กลัวด้วย ก็เลยยอมทำตามที่น้องขอ ตลอดเวลาที่ผ่านมาพิณสงสารพี่ติณมาก อยากบอกความจริงให้รู้ แต่ใจนั้นก็คิดเสมอว่ายายซอจะรักพี่ติณจากใจจริง พิณจึงทนมองอย่างสงสารและเจ็บปวดแทน
“แม่ว่าหมั้นไว้ก่อนก็ไม่เสียหายนะลูกพิณ ลูกจะได้มีเวลาศึกษาดูใจกับติณไปอีกหน่อย”“แต่พิณอยากแต่งงานกับพี่ติณนี่คะคุณแม่” “แม่เข้าใจ แต่ในเมื่อคุณพ่อไม่อนุญาต เราจะทำอะไรได้ลูก” ลินดาโล่งอกด้วยซ้ำที่สามีพูดแบบนั้นออกไป เพราะลึกๆ แล้วเธอไม่อยากให้ ธัญชยาแต่งงานกับติณณ์ตั้งแต่แรก เนื่องจากกลัวว่าบุตรสาวต้องลำบากหากแต่งงานกับคนที่ฐานะด้อยกว่ามากแบบนี้ความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่ได้ทำลงไปเนื่องจากขาดสติ นั่นทำให้ติณณ์ไม่แตะเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์อีกเลย เมื่อผิดหวังในรักแรกอย่างเจ็บปวด ทั้งๆ ที่รักใครรักจริง จนกลายเป็นความเจ็บชนิดฝังใจ จากชายหนุ่มผู้อ่อนโยนก็กลายเป็นคนแค้นลึก จากหัวใจที่มีไว้เพื่อรัก ตอนนี้หัวใจของติณณ์กลับมีแต่ความชิงชังที่มีให้ณัฐชยา ติณณ์ให้มารดาไปพูดเรื่องหมั้นหมายระหว่างตนกับธัญชยาทันที นัยนางุนงงและคิดว่านี่เร็วไป แต่สุดท้ายเธอก็ตามใจบุตรชายไปสู่ขอธัญชยาให้ โดยคิดมาตลอดว่าธัญชยาคือณัฐชยา เพราะนัยนานั้นไม่รู้มาก่อนว่าณัฐชยามีพี่สาวฝาแฝด ของหมั้นหมายนัยนาก็หามาให้อย่างสมน้ำสมเนื้อ เธอนำเครื่องประดับเพชรและทองที่บิดาและสามีเคยซื้อไว้ให้ รวมถึงเงินสดอีกก้อนมาหมั้นหมายธัญช
“พูดออกมา ให้ผมรับฟัง” ถึงจะได้ยินแบบนี้ แต่ณัฐชยาก็นั่งร้องไห้อยู่นาน ก่อนจะตัดสินใจเล่าเรื่องราวผ่านม่านน้ำตาของความเสียใจให้ชายหนุ่มฟัง ซึ่งขณะนั้นณัฐชยาเองก็ยังคงร้องไห้ไม่หยุด สิ่งที่ได้ฟังทำให้ไรอันนับถือหัวใจของณัฐชยามาก รู้ว่าเธอรักและเสียสละทุกอย่างเพื่อคนที่เธอรักทั้งนั้น โดยเฉพาะชายหนุ่มที่ชื่อติณณ์ ณัฐชยาคือคนเสียสละทั้งๆ ที่ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นก็ได้ ยิ่งได้รู้ไรอันก็ยิ่งชื่นชอบเธอมากขึ้น เมื่อได้เล่าความในใจออกไปให้ใครสักคนฟัง ความอัดอั้นที่ถาโถมเข้าหาจนทำให้หัวใจและร่างกายอ่อนแอของณัฐชยาก็ค่อยๆ รู้สึกดีขึ้น จนเธอสามารถยิ้มได้“คุณยิ้มแล้ว รู้ไหมรอยยิ้มของคุณทำให้โลกใบนี้สดใสขึ้นเป็นกอง”“ขอบคุณนะคะที่อยู่รับฟังเรื่องไร้สาระของฉัน” “ผมยินดี” ไรอันตอบจากใจจริง เพราะต่อให้ผู้หญิงคนอื่นนั่งร้องไห้ เขาก็ไม่รู้ว่าจะสามารถเข้าไปปลอบโยนเธอเหมือนกับที่ทำเมื่อครู่ได้ไหม “ขอบคุณค่ะ”“อ้อ...จริงสิ เรายังไม่ได้แนะนำตัวกันเลย ผมชื่อไรอัน” น้ำเสียง ขี้เล่นของไรอันช่วยทำให้บรรยากาศที่เต็มไปด้วยน้ำตาเมื่อครู่สดใสขึ้นมาได้ “ซอค่ะ น่าอายชะมัดที่อยู่ๆ ซอก็มาร้องไห้ต่อหน้าไรอันแบบนี้”
“วันนี้เราไปไหนกันดีคะพี่ติณ” เสียงออดอ้อนของธัญชยาเอ่ยถาม วันนี้เธอมานั่งรอคู่หมั้นหนุ่มตั้งแต่ที่เขายังไม่เลิกงานด้วยซ้ำ การมาของธัญชยาสร้างความแตกตื่นให้หลายๆ คน โดยเฉพาะบรรดาหนุ่มๆ ในออฟฟิศ ที่มองเธอตาเป็นมัน ก่อนจะรู้สึกอิจฉาติณณ์ขึ้นมาในทันทีที่มีแฟนหน้าตาและหุ่นราวกับนางแบบ“ตามใจพิณเลยครับ”“ถ้าตามใจพิณ งั้นเราไปที่บ้านพิณดีกว่า วันนี้คุณพ่อคุณแม่ไม่อยู่ด้วย ไปงานการกุศล กว่าจะกลับคงเที่ยงคืน พี่ติณไปอยู่เป็นเพื่อนพิณนะคะ”“ครับ” เสียงทุ้มๆ เอ่ยรับ ธัญชยาคล้องแขนคู่หมั้นหนุ่มไปยังรถป้ายแดงคันใหม่ที่เธอเพิ่งถอยมาจากโชว์รูมสดๆ ร้อนๆ วันนี้ ก่อนจะยื่นกุญแจให้ติณณ์“วันนี้พี่ติณขับรถนะคะ” พูดจบธัญชยาก็เดินอ้อมไปนั่งฝั่งข้างๆ คนขับ ติณณ์มองกุญแจรถในมือ อยู่ๆ ชายหนุ่มก็ถอนหายใจออกมา ก่อนจะเปิดประตูขึ้นไปนั่งแล้วขับรถออกไปจากหน้าออฟฟิศ กระทั่งถึงบ้านเพ็ญประเสริฐ ป้าอ้วนรู้ทุกอย่างแต่จำเป็นต้องเก็บซ่อนความจริงไว้ ยิ่งได้เห็นว่าตอนนี้ติณณ์กับธัญชยาเป็นคู่หมั้นกัน ป้าอ้วนก็เจ็บปวดแทนณัฐชยา แต่ก็ต้องทำทุกอย่างให้เหมือนเดิม บนโต๊ะอาหารวันนี้มีเพียงติณณ์กับธัญชยาสองคน เมื่อทานอาหารอิ่มหนุ
เมื่อเข้ามาในห้องของคอนโดมิเนียมได้ ธัญชยาก็ถูกรุกเร้า ปลุกปั่นอารมณ์อย่างหนักโดยบัณฑิตและชายอีกคนที่ธัญชยาไม่รู้แม้แต่ชื่อ เพียงแค่พอใจรูปลักษณ์ภายนอกที่หล่อเหลาของเขาเท่านั้นเอง กลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้งอยู่ในโพรงปากที่สลับจูบกันไปมาอย่างเร่าร้อน ธัญชยาถูกพาตัวไปยังเตียงในห้องนอน เสื้อผ้าของเธอถูกถอดออกทีละชิ้นสองชิ้นกระทั่งเปลือยเปล่า บัณฑิตมองหน้าเพื่อนสนิทก่อนจะส่งยิ้มให้กัน ทั้งสองหนุ่มผลัดกันปลุกอารมณ์ของธัญชยา บัณฑิตจูบเธอพร้อมกับนวดเฟ้นหน้าอก ส่วนเพื่อนสนิทตอนนี้กำลังไล้จูบตั้งแต่สะดือของธัญชยาต่ำลงไปจนถึงเนื้อนวลที่สล้างท้าทายสายตาและสัมผัส ขาทั้งสองข้างถูกจับให้แยกห่างออกจากกัน ก่อนที่ใบหน้าของชายคนดังกล่าวจะซุกไซ้เข้าหาความนุ่มนิ่มที่เปียกชื้นไปด้วยหยาดน้ำค้าง“ผู้หญิงอะไร สวยไปหมดแบบนี้” คำเอ่ยชมดังมาจากเพื่อนของบัณฑิต ลิ้นร้อนชื้นตวัดรัวไปมาบนกลีบกุหลาบ พร้อมกับส่งนิ้วเข้าไปสำรวจช่องทางรักซึ่งตอดรัดอย่างเป็นจังหวะ ธัญชยาครางกระเส่าที่ถูกจู่โจม รุกหนักถึงขนาดนี้ เสียงจูบดังขึ้นเป็นระยะๆ หน้าอกถูกบัณฑิตดูดดุนจนเม็ดยอดแข็งเป็นไต มือเขาก็ไม่ยอมหยุดนิ่ง เดี๋ยวก็ลูบไล้ส่วนนั้นส
แม้จะเลิกรากันไป แต่ใช่ว่าติณณ์นั้นจะทนกับความรักที่แสนเจ็บปวดได้ ชายหนุ่มนั่งมองรูปถ่ายเก่าๆ ระหว่างเขาและณัฐชยา แต่ละรูปต่างบอกเล่าเรื่องราวในตัวของมันเอง อยู่ๆ ความคิดก็หวนไปยังรูปที่ชัชชัยส่งให้ ติณณ์ขยี้รูปในมือจนยับไม่เป็นท่า แต่ก็ใช่ว่าติณณ์จะลืมณัฐชยาได้ เพราะหญิงสาวนั้นก็ยังคงคิดถึงชายหนุ่มอยู่ไม่น้อย ถึงอย่างนั้นเธอก็ต้องอยู่กับปัจจุบัน เพราะคงทำได้แค่คิดถึงเท่านั้น ความสัมพันธ์ระหว่างชายหนุ่มกับคู่หมั้นสาวก็ค่อยเป็นค่อยไปจากวันก็เป็นอาทิตย์ เดือนและหลายเดือน ติณณ์ไม่เคยแตะต้องธัญชยาอย่างที่ตั้งใจไว้ว่าให้ถึงวันแต่งงานก่อน ส่วนหญิงสาวในเมื่อคู่หมั้นไม่ยอมแตะเนื้อต้องตัวเธอ ทั้งๆ ที่ทำได้เนื่องจากได้ชื่อว่าเป็นคู่หมั้นกันแล้วก็ตามธัญชยาจึงให้ชายคนอื่นแตะเนื้อต้องตัวเธอแทน บางครั้งธัญชยาก็พูดจากระทบกระเทียบชายหนุ่มด้วยการหยิบเอาเรื่องของณัฐชยามาพูดซ้ำๆ ยิ่งตอกย้ำให้ติณณ์นั้นเจ็บปวด และทางออกของชายหนุ่มคือการประชดประชันที่เข้าทางธัญชยาพอดี ด้วยอารมณ์ชั่ววูบที่ถูกยั่วยุ บวกกับต้องการทำให้ณัฐชยาเจ็บปวดที่ล้อเล่นกับความรักของเขา ติณณ์จึงตัดสินใจขอธัญชยาแต่งงาน“จริงเหรอคะพี่ติณ เ
ความเกลียดชังและเจ็บปวดแสนสาหัสจากความรักที่ได้รับ กลับไม่สามารถทำให้ติณณ์นั้นเลิกรัก เลิกคิดถึงณัฐชยาได้เลยแม้แต่น้อย แม้เรื่องจะผ่านมาหลายเดือน แต่ชายหนุ่มก็ยังคงตัดใจจากเธอไม่ขาด จนบางครั้งชายหนุ่มยังเผลอเรียกชื่อณัฐชยาผิดสลับกับ ธัญชยา จนทำให้ว่าที่เจ้าสาวหมั่นไส้ หาเรื่องโกหกหมั่นใส่ความน้องสาวฝาแฝดอย่างณัฐชยาต่างๆ นานา เพื่อให้ติณณ์มีแต่ความเกลียดชังเท่านั้น “น่าเบื่อ...น่าเบื่อ” เสียงบ่นดังมาจากธัญชยา แม้จะใกล้วันแต่งงาน แต่เธอกลับไม่มีความสุขเลยแม้แต่น้อย งานแต่งงานในฝันที่เธอวาดหวังไว้กำลังจะเป็นจริงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า แต่ทำไมเธอถึงได้รู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูกความรักระหว่างเธอและติณณ์ดูเหมือนว่าจะจืดจางลงไปอย่างง่ายดาย ธัญชยาไม่เคยคบใครนานเท่านี้มาก่อน และเพิ่งรู้ว่าติณณ์เป็นผู้ชายที่น่าเบื่อมาก ชีวิตของเขาตอนนี้มีแต่งานและงาน ไม่มีความโรแมนติก อย่างที่เธอต้องการให้เป็น ชีวิตเขาดูไร้ซึ่งสีสันชวนให้ตื่นเต้น หนำซ้ำเธอยังไม่ได้มีอะไรกับเขาอย่างที่ต้องการอีก ธัญชยาเริ่มมองหาข้อเสียของติณณ์ ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนเธอมองว่าเป็นข้อดี ติณณ์ไม่ชอบเที่ยวกลางคืน ผิดกับธัญชยาที่เที่ย
เย็นวันนั้นแบรดขับรถสปอร์ตสุดหรูมูลค่าสิบกว่าล้านมารับธัญชยาที่บ้าน ยังดีที่มนตรีออกไปกินเลี้ยงกับลูกค้าจึงไม่เห็น ลินดายืนมองว่าที่ลูกเขยคนใหม่อย่างสนอกสนใจ ความหล่อ ความรวยของแบรดเป็นไปตามที่ธัญชยาบอกจริงๆ ป้าอ้วนเองก็สังเกตเห็นอีกคน แต่ทำได้แค่ยืนถอนหายใจ รู้สึกสงสารทั้งณัฐชยาและติณณ์ ที่ถูกลินดาและธัญชยาพรากความรักไปแบบนี้ สถานที่ดินเนอร์ระหว่างธัญชยากับแบรดก็สุดหรูหรา ชายหนุ่มจองโต๊ะชั้นบนสุดของโรงแรมชื่อดัง ที่สามารถนั่งมองวิวกรุงเทพฯ ได้แบบสามร้อยหกสิบองศาก็ว่าได้ อาหารที่นำมาเสิร์ฟก็ล้วนราคาแสนแพงที่ติณณ์ไม่มีวันทำให้ธัญชยาได้ ข้อเปรียบเทียบระหว่างแบรดและติณณ์เกิดขึ้นมากมายจนธัญชยาไม่อยากใส่ใจ สมองตอนนี้เธอมีไว้คิดแค่เรื่องของแบรดเท่านั้น แบรดมอบช่อดอกไม้ช่อใหญ่ให้ทันทีที่ธัญชยานั่งบนเก้าอี้ “มีความสุขไหมครับฮันนี่”“ค่ะ” เสียงสดใสของธัญชยาเอ่ยรับ สีหน้าของหญิงสาวนั้นแสดงออกว่าเธอมีความสุขมาก แบรดเซอร์ไพรส์เธอได้ในทุกๆ ครั้งที่พบกัน ทำให้ธัญชยาราวกับเป็นเจ้าหญิง“ทานนี้หน่อยนะครับ ผมสั่งพิเศษให้พิณโดยเฉพาะ” พูดจบแบรดก็ตักอาหารจานพิเศษให้ธัญชยา หญิงสาวยิ้มหวานรับความน่ารักของ
“แบรด...ฉันต้องการคุณ” ธัญชยาหลับตาพริ้มเอ่ยถึงสามี ริมฝีปากหยักเม้มเข้าหากันแน่น มือข้างหนึ่งลูบไล้นวดเฟ้นหน้าอกตัวเองทั้งสองข้างสลับกันไปมา ส่วนอีกข้างลูบไล้กุหลาบดอกงามที่พรั่งพร้อมสำหรับการต้อนรับแก่นเนื้ออันทรงพลังของแบรด เสียงครางดังขึ้นเป็นระยะ แต่ความใจร้อนทำให้ธัญชยาส่งนิ้วเข้าสู่ร่างกายตัวเองพร้อมกับดึงเข้าออก แรงเสียดสีจากนิ้วพอทำให้เธอพอใจได้บ้าง แต่ไม่มากเท่าสิ่งที่หวังจังหวะนั้นอลันเปิดประตูเข้ามาภายในห้องพอดี หนุ่มใหญ่วัยสี่สิบกว่าปียืนมองภาพของธัญชยาที่นอนหลับตาพริ้มช่วยตัวเองบนโซฟาด้วยความตะลึง รูปร่างของเธอช่างสวยงาม ยิ่งได้เห็นความเร่าร้อนตรงหน้าก็ยิ่งกระตุ้นให้เกิดความต้องการมากขึ้นเท่านั้น อลันก้าวเข้าไปหาเธอแล้วนั่งลงปลายโซฟา“แบรดคะ ช่วยพิณด้วย พิณไม่ไหวแล้ว” เสียงครางที่ฟังไม่ค่อยได้ศัพท์ดังมาจากธัญชยา เธอเข้าใจผิดคิดว่าอลันคือแบรดไปแล้ว ใบหน้าสวยยังคงพริ้มหลับเพื่อรอให้สามีปรนเปรอ อลันลูบไล้ธัญชยาตั้งแต่ปลายเท้า สัมผัสนั้นทำให้หญิงสาวสะท้าน ความเสียวซ่านมากมายวิ่งปรู๊ดขึ้นจากปลายเท้าเข้าสู่กระดูกสัน
“รับไปเถอะ อย่าขัดใจคนแก่เลยนะ”“ขอบพระคุณมากค่ะคุณยาย” ณัฐชยาเอ่ยขอบคุณพร้อมทั้งยกมือไหว้คุณหญิงวาสนา“รักติณให้มากๆ นะซอ มีอะไรก็ถนอมน้ำใจกันและกันให้มาก แต่งงานอยู่กินกันก็เหมือนเป็นคนคนเดียวกัน หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัย”“ค่ะ”“อ้อ...อีกข้อ มีเหลนให้ยายอุ้มเร็วๆ นะ ยายแก่แล้ว” คำพูดของคุณหญิงวาสนาทำให้ณัฐชยาขัดเขิน หญิงสาวเริ่มทำตัวไม่ถูก เพราะไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร คุณหญิงวาสนานึกเอ็นดูหลานสะใภ้คนนี้อย่างบอกไม่ถูก แม้จะเพิ่งเคยพบหน้ากัน แต่กลับรู้สึกว่าถูกชะตาเมื่อมีโอกาสได้พบหน้า คุณหญิงวาสนาจึงอยู่กับบุตรสาวให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งขณะนั้นคนของเจริญเองก็เฝ้าสังเกตอยู่ห่างๆ เพื่อรอโอกาส พร้อมกับโทรศัพท์ไปรายงานผู้เป็นนายทุกระยะ ว่าตอนนี้บรรดาเป้าหมายกำลังทำอะไรอยู่“ว่าไงบ้างคุณ”“เราไปช้ากว่านังคุณหญิงนั่นก้าวหนึ่ง” เจริญบีบโทรศัพท์เครื่องที่ใช้คุยกับลูกน้อ
“ติณครับ ทั้งชื่อเล่นและชื่อจริง”“ชื่อเพราะเหลือเกินนะ” คุณหญิงวาสนายิ้มกว้าง นัยนาเข้าใจตั้งชื่อบุตรชาย เพราะนี่คือชื่อของสามีเธอ ผู้มีศักดิ์เป็นตาของติณณ์นั่นเอง นัยนาที่ตอนนี้กำลังอยู่ในครัวกับสะใภ้ แต่ขณะที่กำลังจัดโต๊ะ หูกลับได้ยินบุตรชายพูดคุยกับใครที่หน้าบ้านแว่วๆ จึงเอ่ยถามทั้งๆ ที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาดู“ใครมาเหรอติณ”“คุณยายคนนี้บอกว่ามาขอพบแม่ครับ” คำตอบของบุตรชาย ทำให้นัยนาเงยหน้าขึ้นมอง เมื่อเห็นว่าเป็นใคร จานในมือถึงกับร่วงพร้อมอุทานออกมาอย่างตกใจและคาดไม่ถึงว่าจะได้พบมารดา“คุณแม่!”“แม่คะ” ณัฐชยาเข้าไปพยุงร่างของนัยนาไว้ เนื่องจากมีอาการเซเล็กน้อย ส่วนติณณ์รีบเข้าไปช่วยพยุงอีกคน“แม่...เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”“เปล่าลูกเปล่า” นัยนาเอ่ยตอบบุตรชาย ก่อนจะมองหน้าสองคนสลับกันไปมา ติณณ์รับรู้ได้ในทันทีว่าจะต้องมีเรื่องราวบางอย่างที่ไม่ปกติเกิดขึ้นแน่นอน และก็จร
“โอเคๆ ฉันเข้าใจ เอาเป็นว่าฉันไม่ได้ถามอะไรไปแล้วกัน”“ขอบคุณครับ งั้นผมขอตัวกลับก่อน”“เชิญ” จันทาเอ่ยรับห้วนๆ ทนายจอมพลจึงกลับออกไป เมื่อเสียงรถเคลื่อนตัวออกจากบ้านแล้ว เบญจาและสามีก็ออกมาหามารดาเพื่อถามข่าวว่าได้เรื่องอะไรจากทนายจอมพลไหม จันทารู้สึกเพียงเอะใจในคำตอบของทนายพี่สาวว่าต้องรู้อะไรไม่มากก็น้อย เพียงแต่ไม่ยอมพูด ทั้งๆ ที่เธอให้เงินเปิดปากไปก้อนใหญ่“แต่ผมมีแผนสำรองครับคุณแม่” เจริญยิ้ม เพราะเขาเองก็ได้สืบประวัติครอบครัวของทนายจอมพลมาบ้างพอสมควร ในสมองตอนนี้จึงคิดแผนล้วงความลับขึ้นมาได้แผนหนึ่ง“แผนอะไรคะคุณ” เบญจารีบถามสามีทันที“ก็ในเมื่อเราล้วงความลับจากไอ้ทนายปากแข็งนั่นตรงๆ ไม่ได้ เราก็ใช้เมียมันเป็นเครื่องมือก็หมดเรื่อง เดี๋ยวผมจัดการเอง รับรองได้ข่าวแน่นอน”“ดีมาก เป็นถึงลูกเขยฉัน ต้องฉลาดแบบนี้สิ” จันทาเอ่ยชมบุตรเขย ทำให้เจริญหน้าบานที่เอาอกเอาใจแม่ยายได้ โดยลึกๆ ก็หวัง
“พี่ติณเป็นอะไรไหมคะ ไหนขอซอดูหน่อย” สีหน้าของ ณัฐชยาแสดงออกว่าเป็นห่วง ก่อนจะจับมือที่ติณณ์ยกขึ้นมาปิดใบหน้าตัวเองออก เพื่อจะดูให้ว่าอะไรเข้าตา คนเจ้าเล่ห์กลอกตาไปมาเพื่อให้ณัฐชยาดูว่ามีอะไรทั้งๆ ที่เขานั้นสบายดีทุกอย่าง แต่ไม่นานณัฐชยาก็รับรู้ถึงความผิดปกติ เพราะติณณ์นอนกอดเธอนิ่ง นั่นทำให้หัวใจเธอเต้นรัวและหวั่นไหว ก่อนจะผละออกจากอ้อมกอดเขา“เจ้าเล่ห์”“พี่เปล่า” เสียงทุ้มๆ เอ่ยขึ้น แต่แววตานั้นเจ้าเล่ห์อย่างที่ ณัฐชยาพูดจริงๆ“ปล่อยนะคะ แล้วก็ลงไปจากเตียงด้วย ซอง่วงจะนอนแล้ว”“พี่ก็ง่วงมากแล้วเหมือนกัน งั้นเรามานอนด้วยกันนะ”“ไม่เอา” ณัฐชยาใช้กำปั้นยันตัวชายหนุ่มไว้ พร้อมกับผลักให้เขาออกห่าง แต่กลับไม่ได้ผล ติณณ์อาศัยว่าตนมีแรงมากกว่ารั้งเธอเข้ามากอดได้สำเร็จ ณัฐชยานอนฟังเสียงเต้นของหัวใจชายหนุ่มนิ่งราวกับรูปปั้น เธอไม่คุ้นชินกับสัมผัสใกล้ชิดแบบนี้เท่าไหร่นัก แม้จะเคยคบหากันมาก่อนก็ตาม แต่จะว่าไปตอนนี้เธอกับติณณ์ก็เกิ
“ใครโทรมาครับ”“เพื่อนค่ะ” หญิงสาวเอ่ยตอบโดยที่ไม่หันมองหน้าติณณ์ด้วยซ้ำ“สนิทกันมากไหม”“มาก” ณัฐชยาตอบลากเสียงยาว ติณณ์มองเธอด้วยแววตาดุๆ บ่งบอกว่าไม่พอใจ“สนิทมากเท่าพี่หรือเปล่า”“มากกว่า” พูดจบณัฐชยาก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปโดยมีติณณ์ตามมาไม่ห่าง ทั้งคู่เหมือนพ่อแง่แม่งอน แม้จะโกรธเคืองกัน แต่ภายในแววตาก็ยังคงแฝงไว้ด้วยความรัก ป้าอ้วนอยากเห็นทั้งคู่ปรับความเข้าใจกัน ไม่อยากให้เข้าใจผิดเพราะมือที่สามคืนนั้นติณณ์นอนค้างที่บ้านของณัฐชยา แต่หญิงสาวก็ตั้งแง่ไม่ยอมพูดด้วยง่ายๆ ไล่ชายหนุ่มไปนอนบนโซฟา ซึ่งติณณ์ก็ไม่ค้านอะไร ยอมทำตามที่ณัฐชยาบอกทุกอย่าง แต่ตกกลางคืนชายหนุ่มกลับได้ยินเสียงสะอื้นไห้ จนต้องลุกมาดู จึงรู้ว่าที่มาของเสียงสะอื้นนั้นดังมาจากณัฐชยา“ซอ...เป็นอะไร ร้องไห้ทำไม” “เปล่าค่ะ ซอไม่ได้เป็นอะไร” ณัฐชยาพลิกตัวนอนตะแคงข้าง หัน
“พ่อดีใจที่ติณพูดออกมาแบบนี้ ซอคือผู้ถูกกระทำที่น่าสงสารที่สุด” มนตรีถอนหายใจออกมาหนักๆ คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะเกิดเรื่องบ้าๆ แบบนี้ขึ้นภายในครอบครัวของเขาได้ หลังคุยกับมนตรีเรียบร้อย ติณณ์ก็ขึ้นไปหาณัฐชยาบนห้องนอน“คุณติณ”“ซอเป็นยังไงบ้างครับป้าอ้วน” เสียงทุ้มๆ เอ่ยถามกับป้าอ้วนที่นั่งเฝ้าณัฐชยาอยู่ข้างๆ“หลับมาหลายชั่วโมงแล้วค่ะ จนป่านนี้ก็ยังไม่ตื่น”“ผมเฝ้าซอต่อเองครับ ป้าอ้วนไปพักเถอะ”“ค่ะ” ป้าอ้วนเอ่ยรับ ก่อนจะปลีกตัวออกไปเพื่อให้ทั้งสองอยู่ด้วยกัน ป้าอ้วนไม่ได้สงสารเพียงแค่ณัฐชยาเท่านั้น ยังสงสารติณณ์ด้วยที่ต้องตกเป็นเครื่องมือของธัญชยาแบบนี้ เนื่องจากป้าอ้วนเองก็รู้นิสัยใจคอของธัญชยาดีว่าเป็นคนแบบไหน ที่อยากแต่งงานกับติณณ์เพียงเพราะต้องการเอาชนะณัฐชยา แต่เมื่อได้มาครองแล้วกลับทอดทิ้งและผลักไสติณณ์คืนให้ณัฐชยาอีกส่วนณัฐชยานั้นก็ดีเกินไป ถูกมารดา ถูกพี่สาวแท้ๆ ทำร้ายจิตใจมาตั้งแต่เด็กๆ จนโตป่านน
โชคชะตาของคนเรานั้นไม่แน่ไม่นอนเสมอ ณัฐชยาตื่นขึ้นมาในเช้าวันที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง หญิงสาวกะพริบตาปริบๆ มองเพดานห้อง ก่อนจะหันมองติณณ์ที่นอนอยู่ข้างๆ นั่นทำให้เธอน้ำตาไหลนองหน้าทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับเขาเมื่อคืน สุดท้ายสิ่งที่ได้ตอบแทนกลับมาคือความเจ็บช้ำทั้งกายและใจ ณัฐชยาสับสนว่านี่เกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่ ทำไมมารดาและพี่สาวถึงทำกับเธอแบบนี้ เมื่อสงสัยจึงต้องการหาคำตอบณัฐชยาค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียง เพียงแค่เท้าสัมผัสกับพื้นพรมเพื่อทรงตัว ความเจ็บปวดก็วิ่งสู่บริเวณกลางลำตัวจนเธอต้องนิ่วหน้า ก่อนจะข่มความเจ็บปวดไว้แล้วเดินเข้าไปอาบน้ำ หยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวม แม้จะเป็นชุดแต่งงานที่ยังคงเปียกชื้นของธัญชยาพี่สาวก็ตามที หัวใจเธอบอบช้ำขณะยืนมองตัวเองอยู่หน้ากระจก สิ่งที่เสียไปไม่อาจเรียกคืนได้อีกแล้ว ก่อนจะพาตัวเองออกจากห้องน้ำ ยืนมองติณณ์ที่ตอนนี้ยังคงหลับสนิท“ซอรักพี่ติณนะคะ” แม้จะรักแต่ก็ใช่ว่าจะสามารถครอบครองได้ ติณณ์นั้นได้ชื่อว่าแต่งงานกับธัญชยาแล้ว ถึงคนที่ถูกส่งตัวเข้าหอจะเป็นเธอก็ตามที ณัฐชยายืนปาดน้ำตา ก่
“พี่รักซอนะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างเราสองคน พี่ก็ยังรักซอไม่เปลี่ยนแปลง” คำว่ารักจากติณณ์นั้นมีค่ามาก ณัฐชยาโอบกอดชายหนุ่มไว้ แล้วจูบเขาเบาๆ เป็นการขอบคุณ ติณณ์ข่มใจให้อดทนเพื่อรอเวลาให้ณัฐชยาปรับตัว ก่อนที่เขาจะค่อยๆ ขยับสะโพกอีกครั้ง คราวนี้ต่อให้มีช้างทั้งโขลงก็คงฉุดความต้องการเขาไม่ได้แน่ กระทั่งสามารถส่งตัวเองเข้าหาเธอได้ลึกสุด ความเจ็บปวดในครั้งแรกที่ณัฐชยาได้รับ ตอนนี้แปรเปลี่ยนมาเป็นความเสียวซ่านเกินบรรยายณัฐชยาครางกระเส่าดูน่าอายกับเสียงที่เกิดขึ้นนี้ แววตาเธอพร่าเลือนและคุมความต้องการของตัวเองไม่ได้จริงๆ แก่นกายของติณณ์กำลังดำดิ่งอยู่ในช่องทางรักที่ตอดรัดเป็นจังหวะ สะโพกสอบบิดเกร็งยามส่งตัวเองเข้าหาเธอ มีทั้งเร่าร้อน ดุดัน และอ่อนหวานชวนให้สะท้าน แม้จะเป็นเซ็กซ์ครั้งแรกแต่ณัฐชยาก็เร่าร้อน ส่วนหนึ่งคงมาจากยาที่ธัญชยาให้เธอกินเข้าไป และส่วนหนึ่งคือความรู้สึกที่แท้จริงของเธอเอง“ซอจ๋า...ซอ” ติณณ์เอ่ยเรียกชื่อณัฐชยาด้วยน้ำเสียงขาดๆ หายๆ ขณะที่ขยับสะโพกเขาก็โน้มตัวลงไปดูดดุนหน้าอกเธอ บางครั้งก็มอบจูบให้ ติณณ์ส่งณัฐ