“คุณหนูของป้า อย่าคิดมากนะคะ” คำปลอบโยนของป้าอ้วนฟังดูอบอุ่น ณัฐชยาได้ยินคำปลอบแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ
“ซอไม่ได้คิดมากแล้วนะคะป้า แต่บางทีก็อดไม่ได้จริงๆ” คำตอบที่ได้ยินทำให้ป้าอ้วนส่งยิ้มมา แววตาเอ็นดูมองหญิงสาวที่ตนนั้นรักเหมือนลูกแท้ๆ ก็ไม่ปาน จำได้ว่าแม้ธัญชยากับณัฐชยาจะเป็นฝาแฝด แต่ก็แทบจะไม่มีเค้าโครงความเหมือน ตอนเด็กๆ ณัฐชยานั้นตัวผอมบางผิวคล้ำ เสื้อผ้าไม่เคยมีชุดใหม่ๆ มีเพียงชุดที่พี่สาวไม่ชอบแล้วเท่านั้น ส่วนธัญชยาเป็นเด็กน่ารักน่าชัง ผิวขาวอมชมพูแก้มยุ้ย ลินดาอุ้มไปทางไหนก็มีแต่คนชมชอบ ของใช้ล้วนแต่มียี่ห้อขายตามห้าง กระทั่งทั้งคู่โตเป็นสาวสะพรั่ง ตอนนี้รูปร่าง หน้าตากลับยิ่งเหมือน จนหลายคนแยกไม่ออกว่าใครคือธัญชยาหรือณัฐชยา มนตรีเองก็กลัวว่าลูกสาวคนเล็กจะมีปมด้อยเรื่องมารดา จึงมอบความรักให้ณัฐชยามากเช่นกัน แต่ลึกๆ แล้วณัฐชยานั้นอยากได้ความรัก ความห่วงใย การโอบกอด คำชื่นชม รอยยิ้มจากผู้เป็นแม่อยู่ไม่น้อย แต่ในเมื่อไม่ได้ตามที่ต้องการจึงพยายามไม่คิดมาก แค่ได้อยู่ใกล้ๆ ก็มากพอแล้ว “ซอหิวแล้ว ป้าอ้วนมีอะไรให้ซอกินบ้างคะ” “ก๋วยเตี๋ยวลุยสวนเป็นยังไงคะ ของโปรดคุณซอ เดี๋ยวป้ายกมาให้ทาน” “ได้ค่ะ” เสียงสดใสของณัฐชยาเอ่ยรับ ป้าอ้วนยกมือขึ้นลูบใบหน้านวลของหญิงสาวเบาๆ ก่อนจะปลีกตัวไปยังครัวเพื่อทำก๋วยเตี๋ยวลุยสวน แต่ใจนั้นก็อดคิดเรื่องในอดีตไม่ได้เช่นกัน “คุณดานะคุณดา คุณซอเธอก็ออกจะน่ารักขนาดนี้ ทำไมถึงยังชังได้ลงคอ” เพราะคำว่าลูกชังนี่กระมัง ถึงทำให้ณัฐชยานั้นเจียมตัวและเข้มแข็ง ตั้งแต่จำความได้ณัฐชยาพยายามทำทุกอย่างให้แม่ยิ้มและรักเธอ ไม่ว่าจะเรื่องนิสัยก็เรียบร้อยอ่อนหวาน การเรียนก็ได้ที่หนึ่งทุกครั้ง เป็นนักเรียนที่ได้รับความชื่นชมจากคุณครูเสมอ สอบชิงทุนได้จึงมีโอกาสเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนไปเรียนต่อยังต่างประเทศอยู่บ่อยครั้ง และยังสอบเข้ามหาวิทยาลัยรัฐบาลชื่อดังได้อีก สร้างความภาคภูมิใจให้มนตรีมาก แต่ลินดากลับไม่รู้สึกภูมิใจหรือเอ่ยชมลูกสาวคนเล็กแม้แต่ครั้งเดียว ผิดกับธัญชยาแฝดผู้พี่ ที่มีนิสัยเอาแต่ใจ อยากได้อะไรก็ต้องได้เพราะถูกมารดาตามใจตั้งแต่เด็กๆ ใช้เงินฟุ่มเฟือย ใช้ของมียี่ห้อตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าทั้งที่ไม่ได้หาเงินเอง ติดเพื่อน ติดแฟชั่น ใช้ชีวิตตรงกันข้ามกับณัฐชยาโดยสิ้นเชิง ไม่มีหัวเรื่องเรียนสักเท่าไหร่นัก จึงเรียนมหาวิทยาลัยเอกชนที่ค่าเทอมนั้นแพงกว่าณัฐชยาหลายเท่าตัว แต่ถึงอย่างนั้นลินดาก็เต้มใจที่จะจ่าย โดยหารู้ไม่ว่าตอนนี้ลินดากำลังรังแกลูกสาวทางอ้อม เพราะทำให้ธัญชยาไม่มีภูมิคุ้มกันอื่นใดนอกเสียจากความรักอันท่วมท้น และดูเหมือนจะมากเกินความจำเป็นจากมารดาด้วยซ้ำกรี๊ดดดดดดด!!!!!
เสียงกรีดร้องที่ดังออกมาจากห้องนอนของธัญชยา ทำให้ ลินดารีบเข้าไปดูลูกสาว ก่อนจะเห็นว่าธัญชยานั้นขว้างปาข้าวของซะจนกระจัดกระจายเกลื่อนเต็มพื้นไปหมด สีหน้าก็ดูโกรธเกรี้ยวราวกับจะไปกินเลือดกินเนื้อใคร ลินดาเข้าไปโอบกอดลูกสาวไว้ แต่ธัญชยาก็สะบัดตัวให้หลุดจากอ้อมกอดนั้นของมารดาอย่างรำคาญ แต่ถึงอย่างนั้นลินดาก็ยังคงไม่ยอมปล่อยมือ “คุณแม่อย่าจับตัวพิณได้ไหม พิณรำคาญ” “ได้ลูกได้ ” ลินดาเอ่ยรับ ใจนั้นรู้สึกแปล๊บๆ กับคำพูดที่ได้ยินนี้ไม่น้อย “เป็นเพื่อนประสาอะไร ถึงมาดูถูกกันแบบนี้ อย่าให้เจออีกนะ จะด่าให้ลืมบรรพบุรุษเลย คอยดู” คำพูดของธัญชยาทำให้มารดาที่ได้ฟังถึงกับคิ้วขมวด “ลูกพิณ ไม่เอา ไม่พูดแบบนี้นะลูก พูดจาไม่เพราะ ไม่สมเป็นผู้ดีเลยนะคะลูก” “ก็พิณโมโหนี่คะคุณแม่” แทนที่จะหยุดพูด แต่ท่าทางของธัญชยากลับดูกระฟัดกระเฟียดและบ่นด้วยประโยคหยาบๆ อีกหลายประโยค “โมโหเรื่องอะไร ไหนเล่าให้แม่ฟังซิ” น้ำเสียงน่าฟังของลินดาเอ่ยถาม เพราะอยากให้ธัญชยานั้นลดความโกรธลงมา ขืนเธอใส่อารมณ์ไปด้วยอีกคน วันนี้คงไม่ได้รู้สาเหตุที่ทำให้ธัญชยาโมโหก็เป็นได้ “ก็วันนี้พิณจะไปซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมใบใหม่กับเพื่อน แต่พอพิณหยิบบัตรเครดิตออกมา เพื่อนๆ กลับบอกว่าบัตรเครดิตของพิณวงเงินคงไม่เพียงพอ พิณอายมาก อายจนต้องรีบกลับมาบ้านเนี่ยค่ะ” “โธ่...แม่ก็นึกว่าเรื่องอะไร เดี๋ยวแม่ให้บัตรเครดิตแบบไม่จำกัดวงเงินลูกใช้ใบหนึ่ง คราวนี้ลูกพิณของแม่จะอารมณ์ดีขึ้นได้หรือยัง” “จริงเหรอคะคุณแม่” จากสีหน้าบึ้งตึงเพราะโมโห พอได้ยินว่ามารดาจะให้บัตรเครดิตแบบไม่กำหนดวงเงินมาใช้ธัญชยาก็ตาโตเป็นไข่ห่านทันที “จริงสิ แม่จะโกหกลูกไปทำไม อีกอย่างแม่ก็ไม่ค่อยได้ใช้อยู่แล้ว ลูกอยากได้อะไรก็ซื้อ ลูกจะได้เป็นที่หนึ่ง ไม่มีใครกล้าว่าอะไรอีก” แม้จะรู้ว่านี่คือสิ่งที่ไม่ควร แต่ลินดาก็ยังทำ เพราะอยากเห็น ธัญชยานั้นมีแต่ความสุข “ขอบคุณนะคะ พิณรักคุณแม่มากที่สุด” “แม่ก็รักลูกพิณมากเหมือนกันจ้ะ”“คุณแม่ต้องรักพิณคนเดียวนะคะ ห้ามรักยายซอ ไม่งั้นพิณจะไม่รักคุณแม่เหมือนที่พิณไม่รักคุณพ่อ” คำพูดเอาแต่ใจของ ธัญชยา ทำให้อีกคนเจ็บช้ำ นั่นคือน้องสาวฝาแฝดที่ชื่อณัฐชยา เพราะหญิงสาวเองก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของพี่สาวจึงขึ้นมาดู แต่สุดท้ายกลับได้ยินประโยคเสียดแทงความรู้สึกเข้าอย่างจัง เป็นประโยคที่เธอน่าจะชินชา แต่ได้ยินเมื่อไหร่ความเจ็บปวดก็จู่โจมเสียทุกครั้งไป “จ้ะๆ แม่รักพิณคนเดียวอยู่แล้วลูก” ลินดาคว้าลูกรักมากอดแน่น เพราะรักถึงได้ตามใจแบบนี้ แม้จะรู้ว่าผิดแต่ก็ยังทำ เพราะเคยชินและไม่อยากให้ธัญชยาสู้เพื่อนๆ ไม่ได้ พ่อแม่รังแกลูกเป็นยังไง ตอนนี้ลินดากำลังทำแบบนั้นกับธัญชยาจริงๆ ณัฐชยาก้มหน้ามองพื้นแล้วหมุนตัวกลับออกไปจากหน้าห้องพี่สาว ขอบตาร้อนผ่าวเพราะความเสียใจ เมื่อเดินลงไปชั้นล่างเด็กรับใช้อีกคนจึงเข้ามาบอกว่ามีแขกมาขอพบ เมื่อเดินไปหาจึงเห็นว่าเป็นติณณ์ ชายหนุ่มที่เธอกำลังคบหาดูใจอยู่นั่นเอง“พี่ติณ ไหนบอกไปทำกิจกรรมที่ต่างจังหวัดกับบริษัทไงคะ แล้วมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” สีหน้าแปลกใจของณัฐชยาทำให้ชายหนุ่มยิ้ม ติณณ์ไปต่างจังหวัดกับที่บริษัทจริงๆ แต่กำหนดกลับเลื่อนขึ้นมา เขาจึงได้พบ
“ติณเขาต้องเป็นของฉัน ไม่ใช่เธอยายซอ” ธัญชยาเอ่ยอย่างมาดมั่น ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอนั้นเฝ้ามองติณณ์อยู่ เธอหลงใหลแค่รูปลักษณ์ภายนอก หลงเสน่ห์ในความหล่อของเขาตั้งแต่แรกเห็นก็ว่าได้ และไม่มีสิ่งไหนที่คนอย่างธัญชยาต้องการแล้วไม่ได้มาครอบครองกระทั่งเห็นว่าติณณ์กำลังจะกลับ ธัญชยาก็รีบคว้ากระเป๋าพร้อมกุญแจรถมาถือไว้ ก่อนจะรีบเดินไปยังรถแล้วขับออกไปจากบ้าน โดยจุดประสงค์ของเธอคือขับตามติณณ์ไปนั่นเอง เสียงบีบแตรที่ดังขึ้นจากด้านหลังทำให้ติณณ์หันไปมอง ธัญชยาเลี้ยวรถสปอร์ตมูลค่าหลายสิบล้านที่มารดาซื้อให้เข้ามาจอดหน้าชายหนุ่มไว้ แล้วเปิดประตูลงมาคุยด้วย“พี่ติณจะไปไหนคะ ขึ้นรถสิเดี๋ยวพิณไปส่ง”“ไม่เป็นไรครับ พี่กลับเองได้” เพราะเกรงใจทำให้ติณณ์เลือกที่จะปฏิเสธ อีกเหตุผลหนึ่งคือชายหนุ่มพอจะเดาออกว่าธัญชยานั้นคิดยังไงกับเขา จึงพยายามทำตัวออกห่างให้มากที่สุด ไม่อยากได้ชื่อว่าพญาเทครัว ได้ทั้งพี่ทั้งน้อง เพราะในใจเขานั้นมีเพียงณัฐชยาคนเดียวและจะมีเพียงเธอตลอดไป “ไม่ต้องเกรงใจเลยค่ะ พิณยินดี ไปค่ะ ขึ้นรถ” แทนที่จะปล่อยให้ชายหนุ่มกลับเอง แต่ธัญชยากลับคล้องแขนของติณณ์ไว้พร้อมกับลากชายหนุ่มขึ้นรถ จากนั้
เพราะไม่ต้องการให้ณัฐชยาต้องมาเป็นกังวลเรื่องที่ตนไปทานข้าวกับธัญชยา ติณณ์จึงไม่ได้บอกเรื่องนี้ให้หญิงสาวรู้แต่อย่างใด คิดว่าอีกไม่นานธัญชยาคงเลิกตามตอแยเขาเอง แต่กลับผิดคาด เนื่องจากหญิงสาวยังคงใช้วิธีเดิมๆ นั่นคือการดักพบชายหนุ่ม ทุกครั้งที่ติณณ์ไปบ้านณัฐชยา ธัญชยากลับทำเหมือนไม่สนใจ ต่างคนต่างอยู่ แต่เมื่อไหร่ที่ชายหนุ่มกลับเธอจะต้องออกไปข้างนอกเสียทุกครั้ง และขับรถไปดักรอชายหนุ่มที่เดิม จากนั้นก็ลากตัวไปกินข้าว ดูหนัง หรือแม้กระทั่งช้อปปิ้ง ซื้อนั่นซื้อนี้ให้จนติณณ์อึดอัด จึงพูดขึ้น“พี่ว่าพิณทำแบบนี้ไม่ถูก”“แบบไหนคะ” ทั้งๆ ที่เข้าใจความหมายประโยคที่ติณณ์พูด แต่ธัญชยากลับเลือกที่จะแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ “ก็แบบที่ทำอยู่ทุกวันนี้ พี่รู้สึกอัดอัด ที่เราทำเหมือนกับเป็น...”“กิ๊ก” ธัญชยาต่อคำให้ติณณ์เสร็จสรรพ หญิงสาวเบ้ปากนิด “พี่ติณณ์คิดมากไปหรือเปล่า พิณไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นกับพี่สักหน่อย ที่พิณพาพี่ไปไหนมาไหนด้วยก็เพราะช่วงนี้พิณรู้สึกเบื่อเพื่อนกลุ่มเดิมๆ ก็เท่านั้นเอง”“ไม่คิดก็ดีแล้วครับ เพราะพี่ไม่อยากให้ซอไม่สบายใจหากรู้เรื่องนี้”“ดูพี่ติณจะรักซอมากเลยนะคะ”“ครับ” คำตอบรับตรงไ
ใบหน้าหล่อเหลาเฝ้าซุกไซ้ปรนเปรอให้ธัญชยาเสียวซ่านไปทั้งร่างกาย จูบก็เร่าร้อนและมีพลังจนทำให้หญิงสาวครางไม่ได้หยุด ลำคอเล็กๆ เอียงให้บัณฑิตได้สัมผัส ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่ปฏิเสธคำเชิญนั้น ก่อนจะอ้าปากร้อนๆ หยอกเย้าใบหูของเธอจนได้ยินเสียงคราง มือหนากอบกุมหน้าอกอวบ ก่อนจะค่อยๆ จูบต่ำลงไปเรื่อยๆ จนถึงหน้าอกทั้งสองข้างที่ตอนนี้ชูชัน“ดูดหน้าอกฉันสิ” ธัญชยาเอ่ยขอ แววตาของเธอแพรวพราว และมีหรือที่บัณฑิตจะใจร้ายไม่ทำตามที่เธอขอ ชายหนุ่มอ้าปากร้อนๆ รับเม็ดยอดเข้าไปดูดดุน จนธัญชยาแอ่นอกขึ้นรับสลับเสียงครางซี้ด ร่างบางกระตุกรับจังหวะลิ้นและการดูดของบัณฑิต ชายหนุ่มใช้ทั้งปากทั้งมือกระตุ้นอารมณ์ของเธอจนกระเจิดกระเจิง ก่อนที่บัณฑิตจะไล้จูบต่ำลงไปเรื่อยๆ กระทั่งถึงสะดือสวยขาทั้งสองข้างของธัญชยาแยกห่างออกจากกันอย่างรู้งาน บัณฑิตจึงแทรกอยู่ตรงกลางลำตัวเธอได้ง่ายขึ้น ก่อนที่จะจูบหนักๆ ลงไปบนเนินสล้างที่ปกคลุมด้วยแพรไหม นิ้วลูบไล้กลีบกุหลาบดอกงามที่ฉ่ำไปด้วยเกสรน้ำหวาน ก่อนที่บัณฑิตจะเปลี่ยนจากนิ้วมาเป็นริมฝีปากและลิ้นร้อนๆ สัมผัสนั้นทำให้ธัญชยาสะดุ้งเฮือกทันที ก่อนจะครางกระเส่าออกมา“แบงค์ ฉันทรมานนะ” แม้จะ
“เหรอจ๊ะ ป้าก็ครูพักลักจำเอามาดัดแปลง ไม่ได้เรียนอะไรเป็นจริงเป็นจังหรอก อร่อยก็ทานเยอะๆ นะ คนทำจะได้ชื่นใจ” “ค่ะคุณป้า” ณัฐชยาเอ่ยรับ ความอร่อยของอาหารชาววังทำให้หญิงสาวเจริญอาหารมาก รวมถึงนัยนาและติณณ์เองก็มีความสุขที่เห็นณัฐชยาอร่อยกับอาหารเหล่านี้ เมื่ออิ่มจากของคาวก็ตามด้วยของหวาน บัวลอยสามสีมะพร้าวอ่อน ที่รสชาติหวานมันยิ่งทานก็ยิ่งอร่อย เมื่อทานอิ่มณัฐชยาก็ช่วยเก็บโต๊ะ ล้างจาน ก่อนที่ติณณ์จะพาหญิงสาวออกไปเดินเล่นที่สวนเล็กๆ ริมรั้วหน้าบ้าน ซึ่งมีพรรณไม้หายากหลายชนิดไว้ให้ชม กลิ่นหอมของดอกแก้วกำลังลอยมาตามลมมาเตะจมูก ก่อนที่ร่างบางจะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกติณณ์คว้ามือไปกุมไว้ มือชายหนุ่มนั้นเย็นไม่แพ้กับมือของเธอสักเท่าไหร่นัก“ซอ...รังเกียจพี่ไหม ที่พี่ไม่มีอะไรเลย”“พี่ติณมีอะไรมากกว่าคนอื่นตั้งเยอะ อีกอย่างของภายนอกบางทีก็สร้างความสุขให้เราไม่ได้” คำพูดของณัฐชยาทำให้คนฟังใจชื้นขึ้นมา แต่ลึกๆ ก็ยังกังวลเรื่องฐานะของตัวเองที่แตกต่างกับ ณัฐชยามากเกินไปจนกดดันตัวเอง แต่ติณณ์ก็จะพยายามทำทุกอย่างให้ณัฐชยานั้นมีความสุข “สร้างความสุขไม่ได้ แต่ก็สร้างความสบายได้”“งั้นเราก็มาสร้างด้ว
“ยายซอ นี่แกกล้ามากนะ แกกล้าขัดใจฉัน...กรี๊ดดดดด!!!” เสียงกรีดร้องของธัญชยาดังลั่นห้องนอน เสียงของบุตรสาวคนโปรดทำให้ลินดารีบเดินมาดู ซึ่งสวนทางกับณัฐชยาเข้าพอดี ยังไม่ทันจะได้ถามว่าณัฐชยาไปทำอะไรให้ธัญชยาโกรธถึงร้องกรี๊ดออกมาแบบนี้ เสียงกรี๊ดของธัญชยาก็ดังลั่นอีกครั้ง คราวนี้ลินดาไม่สนใจณัฐชยาแม้แต่น้อย กลับจ้ำอ้าวไปยังห้องธัญชยาทันที“พิณ...พิณเป็นอะไรลูก”“คุณแม่ ยายซอมันขัดใจลูก”“ขัดใจเรื่องอะไร ใจเย็นๆ ก่อน” ลินดาเอ่ยปลอบบุตรสาวคนโปรดให้หายโกรธเกรี้ยว เพราะถามอะไรตอนนี้คงฟังไม่รู้เรื่อง ส่วนณัฐชยานั้นพอกลับมาในห้องได้ก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียง ซุกหน้ากับหมอนแล้วร้องไห้ออกมาด้วยความอัดอั้น ตั้งแต่เด็กทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของเธอ ธัญชยาก็มักจะขอไปเสมอ แต่ไม่คิดว่าวันนี้พี่สาวฝาแฝดจะขอได้แม้กระทั่งคนรักของน้องสาวเสียงกรีดร้องของธัญชยาทำให้ป้าอ้วนพอจะเดาได้ว่าต้องเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นแน่นอน และคนที่จะต้องรองรับอารมณ์ของ ธัญชยาจะมีใครไปได้นอกเสียจากณัฐชยา นั่นทำให้ป้าอ้วนรีบขึ้นมาดูคุณหนูเล็กของบ้านทันที มืออุ่นๆ ที่วางลงบนบ่าทำให้ณัฐชยาสะดุ้ง ก่อนจะหันกลับมามอง“ป้าอ้วน” ณัฐชยาโผเข้ากอด
“คุณแม่” ณัฐชยารู้ว่ามารดานั้นเข้าใจสถานะระหว่างเธอกับติณณ์ดี แต่ทำไมครั้งนี้ถึงถามออกมาแบบนี้กัน แต่คำถามนั้น ณัฐชยาก็พอรู้คำตอบดี จึงมองไปยังพี่สาวฝาแฝดที่นั่งนิ่งประหนึ่งไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น ความเจ็บปวดเล่นงานณัฐชยาจนแทบหายใจไม่ออก ณัฐชยาไม่ได้เอ่ยแม้แต่ประโยคเดียวว่าเธอกับติณณ์นั้นไม่ได้เป็นอะไรกัน ลินดากลับพูดตัดความ ไม่สนใจความรู้สึกของบุตรสาวคนเล็กเลยแม้แต่น้อย “ถ้าไม่ได้คิดอะไรก็หลีกทางให้พี่พิณเขาไปซะ แม่ว่าซอไม่เหมาะกับติณนักหรอก”“ใช่...พี่ติณเขาเหมาะกับฉัน แกก็เจียมตัวไว้ซะ” ธัญชยาเอ่ยเสริมขึ้นอีกคน หญิงสาวนั่งไขว่ห้างมองณัฐชยาราวกับคนอื่น “แต่ซอ…”“หรือแกคิดจะกล้าขัดคำสั่งคนเป็นแม่อย่างฉัน” ยังไม่ทันที่ณัฐชยาจะได้พูด ลินดาก็เอ่ยขัดจนบุตรสาวต้องรีบแย้ง “ซอไม่ได้คิดแบบนั้น”“ไม่ได้คิดก็ดี เพราะอย่าลืมว่าฉันเป็นแม่ที่อุ้มท้องแกมาถึงเก้าเดือน แถมตอนคลอดแกยังทำให้ฉันเกือบตายมาแล้ว ฉันพูดอะไรแกก็ต้องเชื่อแล้วทำตาม ห้ามมีข้อแม้” สิ่งที่ได้ยินทำให้ณัฐชยาอึ้ง “คุณแม่!”“ทำไม แกมองฉันแบบนี้หมายความว่ายังไงกันไม่ทราบ ไม่พอใจอย่างนั้นเหรอ แกมีสิทธิ์ที่จะไม่พอใจแม่อย่างฉันเหรอซ
“นะคะพี่ติณ ไม่นานหรอก พิณไม่อยากกินคนเดียว”“ได้ครับ” เพราะเกรงใจทำให้ติณณ์ตอบรับคำชวนนั้นของธัญชยา และคิดว่าจะอยู่ด้วยไม่นาน “ขอบคุณนะคะ” ธัญชยายิ้มหวานกับคำตอบของติณณ์ แม้จะรู้ว่าชายหนุ่มตอบรับเพราะความเกรงใจ แต่ถึงอย่างนั้นหญิงสาวก็ไม่สน ธัญชยาพยักหน้าให้เด็กรับใช้ในบ้านเอาของว่างซึ่งเตรียมไว้ก่อนหน้าที่เธอจะชวนติณณ์มาเสิร์ฟติณณ์นั้นดูกระอักกระอ่วนใจแต่ก็เลยตามเลย ชายหนุ่มนั่งเป็นตุ๊กตาให้ธัญชยาป้อนของว่างนั่นนี่ จากที่คิดว่าจะอยู่ไม่นานชายหนุ่มกลับถูกธัญชยารั้งตัวไว้ได้นานกว่าที่คิด โดยหารู้ไม่ว่าตอนนี้มีสายตาของ ณัฐชยามองดูอยู่ห่างๆ ด้วยความเจ็บปวด น้ำตานองหน้าแต่จำต้องเก็บซ่อนความอ่อนแอไว้ลึกสุด พยายามทำใจกับสิ่งที่ได้เกิดขึ้น ณัฐชยาก้มหน้ากลับห้องเพราะไม่อาจทนมองภาพบาดตาบาดใจได้อีกต่อไป กว่าที่ธัญชยาจะยอมปล่อยให้ติณณ์กลับ ชายหนุ่มก็นั่งทานของว่างกับเธออยู่นาน เพราะหญิงสาวชวนเขาคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้อย่างไม่สนใจต่อปฏิกิริยาของชายหนุ่มที่บอกว่าเขานั้นรีบก็ตามที ก้าวออกจากบ้านเพ็ญประเสริฐได้เพียงไม่กี่ก้าว ติณณ์ก็รีบโทรศัพท์หาณัฐชยาทันที หญิงสาวนั่งมองโทรศัพท์ที่ขึ้นสายเรียก
“รับไปเถอะ อย่าขัดใจคนแก่เลยนะ”“ขอบพระคุณมากค่ะคุณยาย” ณัฐชยาเอ่ยขอบคุณพร้อมทั้งยกมือไหว้คุณหญิงวาสนา“รักติณให้มากๆ นะซอ มีอะไรก็ถนอมน้ำใจกันและกันให้มาก แต่งงานอยู่กินกันก็เหมือนเป็นคนคนเดียวกัน หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัย”“ค่ะ”“อ้อ...อีกข้อ มีเหลนให้ยายอุ้มเร็วๆ นะ ยายแก่แล้ว” คำพูดของคุณหญิงวาสนาทำให้ณัฐชยาขัดเขิน หญิงสาวเริ่มทำตัวไม่ถูก เพราะไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร คุณหญิงวาสนานึกเอ็นดูหลานสะใภ้คนนี้อย่างบอกไม่ถูก แม้จะเพิ่งเคยพบหน้ากัน แต่กลับรู้สึกว่าถูกชะตาเมื่อมีโอกาสได้พบหน้า คุณหญิงวาสนาจึงอยู่กับบุตรสาวให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งขณะนั้นคนของเจริญเองก็เฝ้าสังเกตอยู่ห่างๆ เพื่อรอโอกาส พร้อมกับโทรศัพท์ไปรายงานผู้เป็นนายทุกระยะ ว่าตอนนี้บรรดาเป้าหมายกำลังทำอะไรอยู่“ว่าไงบ้างคุณ”“เราไปช้ากว่านังคุณหญิงนั่นก้าวหนึ่ง” เจริญบีบโทรศัพท์เครื่องที่ใช้คุยกับลูกน้อ
“ติณครับ ทั้งชื่อเล่นและชื่อจริง”“ชื่อเพราะเหลือเกินนะ” คุณหญิงวาสนายิ้มกว้าง นัยนาเข้าใจตั้งชื่อบุตรชาย เพราะนี่คือชื่อของสามีเธอ ผู้มีศักดิ์เป็นตาของติณณ์นั่นเอง นัยนาที่ตอนนี้กำลังอยู่ในครัวกับสะใภ้ แต่ขณะที่กำลังจัดโต๊ะ หูกลับได้ยินบุตรชายพูดคุยกับใครที่หน้าบ้านแว่วๆ จึงเอ่ยถามทั้งๆ ที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาดู“ใครมาเหรอติณ”“คุณยายคนนี้บอกว่ามาขอพบแม่ครับ” คำตอบของบุตรชาย ทำให้นัยนาเงยหน้าขึ้นมอง เมื่อเห็นว่าเป็นใคร จานในมือถึงกับร่วงพร้อมอุทานออกมาอย่างตกใจและคาดไม่ถึงว่าจะได้พบมารดา“คุณแม่!”“แม่คะ” ณัฐชยาเข้าไปพยุงร่างของนัยนาไว้ เนื่องจากมีอาการเซเล็กน้อย ส่วนติณณ์รีบเข้าไปช่วยพยุงอีกคน“แม่...เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”“เปล่าลูกเปล่า” นัยนาเอ่ยตอบบุตรชาย ก่อนจะมองหน้าสองคนสลับกันไปมา ติณณ์รับรู้ได้ในทันทีว่าจะต้องมีเรื่องราวบางอย่างที่ไม่ปกติเกิดขึ้นแน่นอน และก็จร
“โอเคๆ ฉันเข้าใจ เอาเป็นว่าฉันไม่ได้ถามอะไรไปแล้วกัน”“ขอบคุณครับ งั้นผมขอตัวกลับก่อน”“เชิญ” จันทาเอ่ยรับห้วนๆ ทนายจอมพลจึงกลับออกไป เมื่อเสียงรถเคลื่อนตัวออกจากบ้านแล้ว เบญจาและสามีก็ออกมาหามารดาเพื่อถามข่าวว่าได้เรื่องอะไรจากทนายจอมพลไหม จันทารู้สึกเพียงเอะใจในคำตอบของทนายพี่สาวว่าต้องรู้อะไรไม่มากก็น้อย เพียงแต่ไม่ยอมพูด ทั้งๆ ที่เธอให้เงินเปิดปากไปก้อนใหญ่“แต่ผมมีแผนสำรองครับคุณแม่” เจริญยิ้ม เพราะเขาเองก็ได้สืบประวัติครอบครัวของทนายจอมพลมาบ้างพอสมควร ในสมองตอนนี้จึงคิดแผนล้วงความลับขึ้นมาได้แผนหนึ่ง“แผนอะไรคะคุณ” เบญจารีบถามสามีทันที“ก็ในเมื่อเราล้วงความลับจากไอ้ทนายปากแข็งนั่นตรงๆ ไม่ได้ เราก็ใช้เมียมันเป็นเครื่องมือก็หมดเรื่อง เดี๋ยวผมจัดการเอง รับรองได้ข่าวแน่นอน”“ดีมาก เป็นถึงลูกเขยฉัน ต้องฉลาดแบบนี้สิ” จันทาเอ่ยชมบุตรเขย ทำให้เจริญหน้าบานที่เอาอกเอาใจแม่ยายได้ โดยลึกๆ ก็หวัง
“พี่ติณเป็นอะไรไหมคะ ไหนขอซอดูหน่อย” สีหน้าของ ณัฐชยาแสดงออกว่าเป็นห่วง ก่อนจะจับมือที่ติณณ์ยกขึ้นมาปิดใบหน้าตัวเองออก เพื่อจะดูให้ว่าอะไรเข้าตา คนเจ้าเล่ห์กลอกตาไปมาเพื่อให้ณัฐชยาดูว่ามีอะไรทั้งๆ ที่เขานั้นสบายดีทุกอย่าง แต่ไม่นานณัฐชยาก็รับรู้ถึงความผิดปกติ เพราะติณณ์นอนกอดเธอนิ่ง นั่นทำให้หัวใจเธอเต้นรัวและหวั่นไหว ก่อนจะผละออกจากอ้อมกอดเขา“เจ้าเล่ห์”“พี่เปล่า” เสียงทุ้มๆ เอ่ยขึ้น แต่แววตานั้นเจ้าเล่ห์อย่างที่ ณัฐชยาพูดจริงๆ“ปล่อยนะคะ แล้วก็ลงไปจากเตียงด้วย ซอง่วงจะนอนแล้ว”“พี่ก็ง่วงมากแล้วเหมือนกัน งั้นเรามานอนด้วยกันนะ”“ไม่เอา” ณัฐชยาใช้กำปั้นยันตัวชายหนุ่มไว้ พร้อมกับผลักให้เขาออกห่าง แต่กลับไม่ได้ผล ติณณ์อาศัยว่าตนมีแรงมากกว่ารั้งเธอเข้ามากอดได้สำเร็จ ณัฐชยานอนฟังเสียงเต้นของหัวใจชายหนุ่มนิ่งราวกับรูปปั้น เธอไม่คุ้นชินกับสัมผัสใกล้ชิดแบบนี้เท่าไหร่นัก แม้จะเคยคบหากันมาก่อนก็ตาม แต่จะว่าไปตอนนี้เธอกับติณณ์ก็เกิ
“ใครโทรมาครับ”“เพื่อนค่ะ” หญิงสาวเอ่ยตอบโดยที่ไม่หันมองหน้าติณณ์ด้วยซ้ำ“สนิทกันมากไหม”“มาก” ณัฐชยาตอบลากเสียงยาว ติณณ์มองเธอด้วยแววตาดุๆ บ่งบอกว่าไม่พอใจ“สนิทมากเท่าพี่หรือเปล่า”“มากกว่า” พูดจบณัฐชยาก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปโดยมีติณณ์ตามมาไม่ห่าง ทั้งคู่เหมือนพ่อแง่แม่งอน แม้จะโกรธเคืองกัน แต่ภายในแววตาก็ยังคงแฝงไว้ด้วยความรัก ป้าอ้วนอยากเห็นทั้งคู่ปรับความเข้าใจกัน ไม่อยากให้เข้าใจผิดเพราะมือที่สามคืนนั้นติณณ์นอนค้างที่บ้านของณัฐชยา แต่หญิงสาวก็ตั้งแง่ไม่ยอมพูดด้วยง่ายๆ ไล่ชายหนุ่มไปนอนบนโซฟา ซึ่งติณณ์ก็ไม่ค้านอะไร ยอมทำตามที่ณัฐชยาบอกทุกอย่าง แต่ตกกลางคืนชายหนุ่มกลับได้ยินเสียงสะอื้นไห้ จนต้องลุกมาดู จึงรู้ว่าที่มาของเสียงสะอื้นนั้นดังมาจากณัฐชยา“ซอ...เป็นอะไร ร้องไห้ทำไม” “เปล่าค่ะ ซอไม่ได้เป็นอะไร” ณัฐชยาพลิกตัวนอนตะแคงข้าง หัน
“พ่อดีใจที่ติณพูดออกมาแบบนี้ ซอคือผู้ถูกกระทำที่น่าสงสารที่สุด” มนตรีถอนหายใจออกมาหนักๆ คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะเกิดเรื่องบ้าๆ แบบนี้ขึ้นภายในครอบครัวของเขาได้ หลังคุยกับมนตรีเรียบร้อย ติณณ์ก็ขึ้นไปหาณัฐชยาบนห้องนอน“คุณติณ”“ซอเป็นยังไงบ้างครับป้าอ้วน” เสียงทุ้มๆ เอ่ยถามกับป้าอ้วนที่นั่งเฝ้าณัฐชยาอยู่ข้างๆ“หลับมาหลายชั่วโมงแล้วค่ะ จนป่านนี้ก็ยังไม่ตื่น”“ผมเฝ้าซอต่อเองครับ ป้าอ้วนไปพักเถอะ”“ค่ะ” ป้าอ้วนเอ่ยรับ ก่อนจะปลีกตัวออกไปเพื่อให้ทั้งสองอยู่ด้วยกัน ป้าอ้วนไม่ได้สงสารเพียงแค่ณัฐชยาเท่านั้น ยังสงสารติณณ์ด้วยที่ต้องตกเป็นเครื่องมือของธัญชยาแบบนี้ เนื่องจากป้าอ้วนเองก็รู้นิสัยใจคอของธัญชยาดีว่าเป็นคนแบบไหน ที่อยากแต่งงานกับติณณ์เพียงเพราะต้องการเอาชนะณัฐชยา แต่เมื่อได้มาครองแล้วกลับทอดทิ้งและผลักไสติณณ์คืนให้ณัฐชยาอีกส่วนณัฐชยานั้นก็ดีเกินไป ถูกมารดา ถูกพี่สาวแท้ๆ ทำร้ายจิตใจมาตั้งแต่เด็กๆ จนโตป่านน
โชคชะตาของคนเรานั้นไม่แน่ไม่นอนเสมอ ณัฐชยาตื่นขึ้นมาในเช้าวันที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง หญิงสาวกะพริบตาปริบๆ มองเพดานห้อง ก่อนจะหันมองติณณ์ที่นอนอยู่ข้างๆ นั่นทำให้เธอน้ำตาไหลนองหน้าทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับเขาเมื่อคืน สุดท้ายสิ่งที่ได้ตอบแทนกลับมาคือความเจ็บช้ำทั้งกายและใจ ณัฐชยาสับสนว่านี่เกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่ ทำไมมารดาและพี่สาวถึงทำกับเธอแบบนี้ เมื่อสงสัยจึงต้องการหาคำตอบณัฐชยาค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียง เพียงแค่เท้าสัมผัสกับพื้นพรมเพื่อทรงตัว ความเจ็บปวดก็วิ่งสู่บริเวณกลางลำตัวจนเธอต้องนิ่วหน้า ก่อนจะข่มความเจ็บปวดไว้แล้วเดินเข้าไปอาบน้ำ หยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวม แม้จะเป็นชุดแต่งงานที่ยังคงเปียกชื้นของธัญชยาพี่สาวก็ตามที หัวใจเธอบอบช้ำขณะยืนมองตัวเองอยู่หน้ากระจก สิ่งที่เสียไปไม่อาจเรียกคืนได้อีกแล้ว ก่อนจะพาตัวเองออกจากห้องน้ำ ยืนมองติณณ์ที่ตอนนี้ยังคงหลับสนิท“ซอรักพี่ติณนะคะ” แม้จะรักแต่ก็ใช่ว่าจะสามารถครอบครองได้ ติณณ์นั้นได้ชื่อว่าแต่งงานกับธัญชยาแล้ว ถึงคนที่ถูกส่งตัวเข้าหอจะเป็นเธอก็ตามที ณัฐชยายืนปาดน้ำตา ก่
“พี่รักซอนะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างเราสองคน พี่ก็ยังรักซอไม่เปลี่ยนแปลง” คำว่ารักจากติณณ์นั้นมีค่ามาก ณัฐชยาโอบกอดชายหนุ่มไว้ แล้วจูบเขาเบาๆ เป็นการขอบคุณ ติณณ์ข่มใจให้อดทนเพื่อรอเวลาให้ณัฐชยาปรับตัว ก่อนที่เขาจะค่อยๆ ขยับสะโพกอีกครั้ง คราวนี้ต่อให้มีช้างทั้งโขลงก็คงฉุดความต้องการเขาไม่ได้แน่ กระทั่งสามารถส่งตัวเองเข้าหาเธอได้ลึกสุด ความเจ็บปวดในครั้งแรกที่ณัฐชยาได้รับ ตอนนี้แปรเปลี่ยนมาเป็นความเสียวซ่านเกินบรรยายณัฐชยาครางกระเส่าดูน่าอายกับเสียงที่เกิดขึ้นนี้ แววตาเธอพร่าเลือนและคุมความต้องการของตัวเองไม่ได้จริงๆ แก่นกายของติณณ์กำลังดำดิ่งอยู่ในช่องทางรักที่ตอดรัดเป็นจังหวะ สะโพกสอบบิดเกร็งยามส่งตัวเองเข้าหาเธอ มีทั้งเร่าร้อน ดุดัน และอ่อนหวานชวนให้สะท้าน แม้จะเป็นเซ็กซ์ครั้งแรกแต่ณัฐชยาก็เร่าร้อน ส่วนหนึ่งคงมาจากยาที่ธัญชยาให้เธอกินเข้าไป และส่วนหนึ่งคือความรู้สึกที่แท้จริงของเธอเอง“ซอจ๋า...ซอ” ติณณ์เอ่ยเรียกชื่อณัฐชยาด้วยน้ำเสียงขาดๆ หายๆ ขณะที่ขยับสะโพกเขาก็โน้มตัวลงไปดูดดุนหน้าอกเธอ บางครั้งก็มอบจูบให้ ติณณ์ส่งณัฐ
“ซอเป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นไหม”“ไม่” ณัฐชยาส่ายหน้าให้ เธอคิดว่าหากแช่น้ำเย็นๆ จะช่วยให้อาการประหลาดๆ ที่เกิดขึ้นลดน้อยลงไป แต่กลับไม่เป็นแบบนั้น เพียงแค่สบตาติณณ์เธอก็ยังมีความร้อนวูบวาบอยู่เช่นเคย ณัฐชยาขาดความยับยั้งชั่งใจ เธอคว้าลำคอติณณ์โน้มชายหนุ่มให้มาใกล้ ก่อนจะเป็นฝ่ายจูบเขาก่อน แม้จะจูบไม่เป็นแต่ก็คงไม่ยากอะไรหากเธอจะทำ นั่นส่งผลให้เส้นความอดทนของติณณ์ขาดผึงลงทันทีติณณ์อุ้มณัฐชยาขึ้นจากอ่างจากุชชี่ พร้อมทั้งถอดชุดแต่งงานที่เปียกชื้นออก เมื่อร่างกายไร้อาภรณ์ห่อหุ้มณัฐชยาก็ยิ่งเขินอายจนร่างกายแดงก่ำตั้งแต่ใบหน้าจรดปลายเท้าก็ว่าได้ เธอยกมือขึ้นมาปิดหน้าอกตัวเองไว้ แรงเสียดสีของเสื้อผ้าดูจะสู้สัมผัสจากมือของติณณ์ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ติณณ์ค่อยๆ วางณัฐชยาลงบนเตียง ก่อนจะรั้งผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเธอไว้“รู้ใช่ไหมว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น”“ซอรู้”“พี่จะไม่หยุดจนกว่าซอจะบอกให้หยุด”“ค่ะ” เสียงแหบพร่าเอ่ยรับ เพราะร