กวนเฉินหลางหัวเราะและมองคนงามของเขา นางพิเศษเสียจริง ไม่เหมือนใครจนเขาอดชื่นชมไม่ได้ “กุนซือโจว อยากพบข้าจริง ๆ ท่านจะไม่อนุญาตหรือ” “หากเขามีเหตุผลเพียงพอ ข้าถึงจะให้บัณฑิตอ่อนแอได้ยลโฉมหญิงอัปลักษณ์ของอาหลันสักเล็กน้อย” “แม่ทัพกวน!” “เสียงดังเช่นนี้ หรือว่าอาหลัน... อยากให้ข้าเอาใจเจ้าหนัก ๆ อย่างเช่นในอ่างอาบน้ำอีก!” อวิ๋นมู่หลันหน้าแดงระเรื่อ ถึงเขายังบาดเจ็บอยู่ แต่นางจะไม่ยั้งมือแล้วจึงตบตีทั้งกัดใบหูเขาอย่างหมั่นไส้ “อาหลัน ๆ ๆ เจ้าอย่าเอานิสัยเสี่ยวเฮยมาใช้!” เขาส่งเสียงดุไม่จริงจังและหัวเราะเสียงห้าวใหญ่ ฟังดูก็รู้ว่าขบขันที่นางล้อเล่นกับเขาแรง ๆ “ฮึ เป็นท่านที่สอนให้ข้าทำเช่นนี้!” นางเอ่ยจบจึงหยิกเนื้อตัวเขาจนพอใจ กระทั่งเผลอหัวเราะเสียงคิกคักและเขาพลอยมีความสุขไปด้วย จากนั้นด้านนอกก็มีเสียงตงหลิวแจ้งว่าโจวจื่อเว่ยมาขอพบกวนเฉินหลางกับอวิ๋นมู่หลัน “ฮึ ดูเหมือนกุนซือโจวอยากให้ข้าเฉือนซี่โครงของเขาออกแล้วมาโรยเกลือย่างกินกับนารีแดง!” อวิ๋นมู่หล
นางมองไปยังหลิวตง อีกฝ่ายเองมีสีหน้าไม่สู้ดี ปกติไม่ได้ใส่ใจเรื่องพวกนี้นัก แต่พอได้ยินว่าอาหารชั้นเลวกำลังจะถูกนำไปให้เชลยศึกชาวหนานหยางนางจึงรู้สึกว่าหัวใจหดเกร็ง “พวกมันทำให้พี่น้องอยู่อย่างลำบาก รองแม่ทัพเหนี่ยวถูกคุมตัวกลับเมืองหลวง และข้าได้ยินว่ามันคือองค์ชายไร้แผ่นดิน สมควรแล้วที่จะได้กิน หิน ทราย ที่ปนอยู่ในโจ๊ก ถึงไม่ใช่ยาพิษ แต่มันคงปวดท้องจนตาย และถ่ายออกมาเป็นเลือด ห้า ๆ ๆ” ลูกมือคนหนึ่งเอ่ย พลางเติมหลายสิ่งที่สกปรกลงไป กระนั้นมีคนไม่เห็นด้วยอยู่บ้าง ทว่าไม่กล้าขัดใจนาง เพราะสตรีผู้นี้มีพ่อครัวหนุนหลัง อวิ๋นมู่หลันสูดลมหายใจลึก นางจะปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปได้หรือ ในเมื่อคนซึ่งถูกกล่าวถึงคือเมิ่งถู และถึงจะเป็นคนอื่นนางก็ให้กินของที่เป็นอันตรายเช่นนี้ไม่ได้! “แม่นางหลัน มิใช่หน้าที่ของท่าน” เนื่องจากกวนเฉินหลางต้อง การปกปิดฐานะที่แท้จริงของหญิงสาว เขาจึงให้ลูกน้องเรียกนางว่าแม่นางหลัน อวิ๋นมู่หลันถลึงตาใส่อีกฝ่าย เมื่อก่อนนางไม่รู้ว่าอาหารสำหรับนักโทษแย่ยิ่งกว่าของเสียที่เททิ้งเช่นนี้ นอกจากนั้นงานครัวที่นี่ยังไม
บทลงโทษที่น่าละอาย ภายในคุกใต้ดิน เสียงเงียบและความวังเวงในพื้นที่แห่งนั้นชวนให้ขนหัวลุก ก่อนหน้านี้ราว ๆ ครึ่งชั่วยามเพิ่งมีร่างหนึ่งถูกลากออกไปฝัง สาเหตุเพราะทนความทรมานไม่ไหว คนผู้นั้นเป็นชาวเหนือ คือไส้ศึกที่ลักลอบเข้ามายังต้าเหอ และถูกวางยาพิษจนเลือดไหลออกจากทวารทั้งเจ็ด ซึ่งกำลังมีการสืบสวนอย่างเร่งด่วน สำหรับเมิ่งถูแล้ว เขาได้รับการลงโทษนับว่าสาหัสทีเดียว แม้ไม่ได้ถูกถอดเล็บหรือตัดชิ้นส่วนในร่างกายทิ้ง ทว่าการโบยด้วยแส้เพื่อ ให้เขาคลายความลับต่าง ๆ โดยเฉพาะเรื่องกองกำลังลับของหนานหยาง ก็ทำให้ร่างกายชายหนุ่มเต็มไปด้วยบาดแผล “สักวัน ข้าจะต้องทำให้เลือดต้าเหอหลั่งแผ่นดิน!” เมิ่งถูคิดถึงหลายสิ่งก่อนหัวเราะให้ความอ่อนด้อยของตน แต่เดิมบิดาเขาเป็นฮ่องเต้ผู้มีความปรีชาสามารถ พี่น้องคนอื่นก็เช่นกัน ทว่าทั้ง หมดล้วนเป็นคนดีเกินไป สุดท้ายจึงจากเขาไปก่อนวัยอันควรพร้อมแผ่นที่ล่มสลาย ขณะที่จมจ่อมอยู่ในความคิดตน เสียงเห่าของสุนัขลอยมาเข้าหู ยามนั้นเมิ่งถูนึกฉงนมิน้อย และมั่นใจว่ามันคือสุนัขตัวเดียวกันที่อยู่กับ อวิ๋นมู่หลัน
อวิ๋นมู่หลันยืนนิ่ง ๆ อยู่หน้าห้องขัง ซึ่งก่อนเข้ามาเสี่ยวเฮยได้วิ่งนำทางนาง มันเห่าอยู่สองสามครั้งเสียงดังก้องไปหมด และนางให้หลิวตงปรามมัน เพราะไม่ต้องการรบกวนทั้งผู้คุมและนักโทษคนอื่น แต่เสี่ยวเฮยยังคำรามในลำคอราวกับมันไม่ชอบใจบางสิ่ง เมื่อนางหยิบแป้งปั้นก้อนกลมที่ผสมเนื้อไก่สับและตับหมูอวดมัน เสี่ยวเฮยก็ส่ายหางรัว ๆ และยอมสงบลงแต่โดยดี ดวงตากลมโตของเสี่ยวเฮยจ้องผู้เป็นนาย ถ้าหากมันสื่อสารด้วยภาษามนุษย์ได้ คงแจ้งบางสิ่งที่มันรู้แก่อวิ๋นมู่หลันแล้ว หญิงสาวยืนอยู่เช่นนั้นเกือบหนึ่งอึดใจ เกิดความอึดอัดขึ้นอย่างประหลาด อีกทั้งรู้สึกห่วงใยเมิ่งถู ด้วยเขายังนั่งหันหลังให้กรงขัง และแม้จะเห็นเพียงแผ่นหลังที่มีเลือดแห้งเกรอะกรังติดกับเสื้อนักโทษ แต่นางก็ร้าวไหวทั้งใจ เป็นฝีมือกวนเฉินหลางหรอกหรือที่ทำร้ายเมิ่งถูถึงเพียงนี้ ผู้คุมที่รู้จักกับหลิวตงใช้กระบองเหล็กฟาดใส่กรงขังแล้วเอ่ยเสียงดังว่า “นักโทษ... ได้เวลาอาหาร” เสียงอีกฝ่ายดัง แต่เมิ่งถูไม่ได้ขยับตัว เขายังนั่งนิ่ง ๆ หายใจในจังหวะสม่ำเสมอ
กวนเฉินหลางพาหญิงสาวขี่ม้าอกจากค่ายทหารในระยะทางราว ๆ ห้าสิบลี้ สถานที่ดังกล่าวเป็นสวนด้านหลังของอารามสำนักชี ครั้งหนึ่งมารดาเขาเคยบวชที่นี่เมื่อหลายปีก่อน หญิงสาวไม่ได้ยั่วล้อหรือปั่นหัวกวนเฉินหลางอีก นางสงบอยู่มาก คอยมองเขาตลอด ส่วนเสี่ยวเฮยนางปล่อยให้มันวิ่งเล่นโดยกำชับให้หลิวตงดูแลพร้อมห้ามไม่ให้ก่อเรื่อง เมื่อกวนเฉินหลางยื่นมือให้นางจับเพื่อจะพาก้าวขึ้นบันไดสูงและชัน นางส่ายหน้าช้า ๆ “ข้าแข็งแรงพอ เป็นท่านมากกว่าที่จะวิ่งตามข้าทันหรือไม่” “อาหลัน... ถึงจะเห็นว่าข้าผมหงอก แต่ยังมีแรงล้นเหลือ และยังแข็งแรงมาก มากพอทำให้เจ้าตัวเล็ก ๆ ถือกำเนิด และออกมาเล่นเป็นเพื่อนเสี่ยวเฮย” ดวงตากลมโตส่งค้อนให้กวนเฉินหลาง และหวิดเอื้อมมือไปหยิกสีข้างคนตัวโต แต่เป็นเพราะจุดนั้นมีสายตาของแม่ชีและผู้อื่นคอยมองพวกเขา “ทะ… ท่าน... ช่างเป็นคนไร้ยางอาย พื้นที่นี้สมควรต้องระวังปากและการกระทำมิใช่หรือ” กวนเฉินหลางพยักหน้าให้นาง ก่อนกล่าวตอบ “ปีศาจกวนเข้าใจทุกอย่างแล้ว ตอนนี้ข้าชักรู้สึกเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว หรือเป็นเพราะว่าส
คืนนั้นอวิ๋นมู่หลันไม่ได้กลับค่าย และกวนเฉินหลางก็ดีกับนางเหลือเกิน เขาพาชมเมืองเล็ก ๆ ที่มีอาหารอร่อย ทั้งยังมีโรงละครที่น่าตื่นใจ นอกจากมีนางรำเอวอ่อน การแสดงวิชาปามีดกับฟาดแส้ที่น่าตื่นตาตื่นใจ ยังมีหุ่นกระบอกเคลื่อนไหวด้วยมือให้ชมด้วย หญิงสาวนึกว่าตนย้อนกลับคืนสู่วัยเด็ก นางยิ้มอยู่ตลอดและคนตัวโตก็เอาใจ คอยป้อนของหวานให้กินไม่ขาดปาก “ท่านแม่ทัพ... ข้ากินเองได้” “เห็นอาหลันชอบ ข้าจึงอยากเอาใจ” เขาพูดง่าย ๆ เช่นนั้น แต่นางกลับสะเทิ้นอาย ยามนี้หัวใจไปอยู่กับคนผมขาวหน้าดุ มองอย่างไรเขาก็เป็นบุรุษที่นางพึงใจ แม้ลึก ๆ มีอคติอยู่ ทว่ากวนเฉินหลางช่วยนางหลายหน จริงอยู่บุรุษผู้นี้ไม่ใช่คนดี และยังขึ้นชื่อว่าปีศาจ ทว่าปีศาจย่อมมีหัวใจและเลือดเนื้อ หลังจากเพลินใจในโรงละคร เขาพานางไปเลือกซื้อผ้า และเครื่อง ประดับที่ตลาดกลางคืนติดคลองสายยาว แสงไฟและเสียงดนตรีกับผู้คนที่เดินขวักไขว่ให้ความบันเทิงใจ อวิ๋นมู่หลันไม่คาดคิดว่า จะมีโอกาสเดินเคียงข้างผู้ชายตัวโตมาก่อนจึงค่อนข้างประหม่า แต่เป็นกวนเฉินหลางที่ดูแลนางอ
คืนที่พระจันทร์ถูกก้อนเมฆบดบังแสง เหนี่ยวซีกังโถมแรงของเขาและแทรกความใหญ่โตเข้าสู่เนื้อนิ่มของนาง ทั้งคู่คลอเคลียกันในโรงพักม้าซึ่งมีทั้งกลิ่นฟางกลิ่นหญ้า มันให้ความรู้สึกที่แสนประหลาด น่าตื่นกลัว ชั้นต่ำ ทว่ากลับเพิ่มความสยิวร้อนแรงทั้งนางกับเขา “อยากไปเมืองหลวงกับข้าหรือไม่” “ตะ… แต่... ข้าคือหยวนม่าน บุตรสาวของเจ้าเมืองซ่ง ผู้ที่ต้องแต่งเป็นอนุของแม่ทัพกวน!” “กังวลใจอันใด ยามนี้เจ้าอยู่กับข้า ย่อมเป็นสตรีของซีกัง ใต้เท้าระดับสามผู้ดูแลหน่วยบูรพา!” เขาว่าอย่างไม่ยี่หระต่ออำนาจของกวนเฉินหลาง ยามนี้ถึงฝ่ายนั้นอยู่เหนือเขาหนึ่งขั้น แต่กลับไม่ได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้เช่นเดิม อีกทั้งยังบังอาจขวางทางรัชทายาท ดังนั้นอนาคตกวนเฉินหลางยังจะสดใสอีกหรือ “เช่นนั้น ชีวิตนี้ของผู้น้อยคงต้องฝากใต้เท้าชี้นำ” นางว่าแล้วจึงช้อนสายตามองเขา ก่อนถูกชายหนุ่มจับให้หันหลังเข้าผนังคอกม้า จากนั้นเขาก็เริ่มขยับสะโพกรัวแรง พร้อมส่งเสียงสั่นพร่า ทั้งหยาบคายสลับการตบตีบั้นท้ายนาง ก่อนบีบปลายคางบังคับให้นางหันหน้ามาจูบแลกลิ้น อวิ๋นหยวน
อาหลันฟ้าประทาน กวนเฉินหลางมาถึงเรือนหลังดังกล่าวในอีกสองวันต่อมาและเป็นช่วงดึก ซึ่งเขาไม่อยากกวนอวิ๋นมู่หลัน ด้วยคิดว่านางคงเหนื่อยจากการเดินทางและยังต้องรับมือพี่สาวแสนอำมหิตคนนั้น ทว่าภายในห้องพัก นางกลับนั่งอ่านหนังสือรอเขาอยู่ “เหตุใดยังไม่เข้านอน” เขาถามสาวงามของตน หญิงสาวยิ้มเต็มวงหน้าก่อนแสร้งทำเป็นหน้าบึ้งเพราะนางรู้ว่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นมีเบื้องลึกเบื้องหลังจากฝีมือปีศาจกวน “ตอบข้ามา ท่านแม่ทัพมีแผนใดกัน” “แผน... อันใด?” คนตัวโตแกล้งทำไขสือ “ฮึ ข้าเป็นน้องสาวบุญธรรมกุนซือโจว ย่อมต้องอ่านความคิดท่านออก” “เช่นนั้น เจ้าคิดว่าข้ามีสิ่งใดในใจ” เมื่อถูกเขาท้าทายนางจึงกล่าวว่า “ท่านแม่ทัพ จงใจให้ข้าพักโรงเตี๊ยมแห่งนั้น และรู้ว่าพี่รองจะมารอซีกังที่นั่น” “สมแล้วที่เป็นสตรีที่ข้าพึงพอใจ เจ้าฉลาด ทั้งยังมีเล่ห์เหลี่ยมจนน่ากลัว” “ที่เป็นเช่นนั้นล้วนเกิดจากการที่ท่านทำให้ข้าไม่อาจไว้ใจผู้ใดง่าย ๆ” “ฮ่า ๆ ๆ นับว่า เจ้าเป็นแม่เสือตัวจริง ต่อไปข้าคงวางใจ
“กินสิ มีวิธีกินตั้งหลายอย่างที่จะทำให้อาหลัน สนุกไปด้วย” แก้มนวลใสของนางแต้มสีแดงระเรื่อ พอเขาจูบแรง ๆ ที่ซอกคอ อวิ๋นมู่หลันก็เผลอส่งเสียงคราวหวานล้ำ “ท่านพี่... อายไป๋อิงบ้าง” อวิ๋นมู่หลันเอ่ยไม่ทันจบดี เสี่ยวเฮยก็โผล่เข้ามาก่อกวนอีกตัว ชายหนุ่มหัวเราะเสียงทุ้ม เขาชอบใจทั้งยังเป็นสุข ชีวิตเช่นนี้คือสิ่งที่ตามหามานาน ภาพในวัยเด็กย้อนกลับคืนให้เห็น เขาชอบธรรมชาติ เลี้ยงสุนัขหลายตัวและสนุกกับการวาดรูปเขียนกลอน “เสี่ยวเฮยคงอิจฉาข้าที่จะทำให้อาหลันมีทายาท เป็นเจ้าก้อนแป้งขาว ๆ อวบ ๆ แสนน่ารักก่อนมัน” “มิได้ สตรีย่อมตั้งครรภ์แปดถึงเก้าเดือน” “นับว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม หากเราเริ่มจากวันนี้ ปลายปี ข้าก็จะได้อุ้มลูกชายที่ทั้งกล้าหาญและเฉลียวฉลาด” “หากเป็นเด็กผู้หญิงเล่า ท่านพี่จะพึงใจหรือไม่” “ไม่ว่าชายหรือหญิง ขอให้เกิดจากสตรีที่ชื่ออวิ๋นมู่หลัน นับว่าเป็นสิ่งที่ฟ้าประทานมาให้แก่สกุลกวน” เมื่อเขาบอกด้วยใบหน้าเปี่ยมสุขนางยิ่งขวยเขินกว่าเดิม “เอ เมื่อครู่อาหลันบอกว่า กินอ
บุรุษย่อมไม่เขินอายสตรี เรือนหลังเล็กนั้นมีกลิ่นอับอยู่สักหน่อย และร่างสตรีนั่งอยู่ข้างเสามีบาดแผลหลายแห่ง กระนั้นก็เริ่มตกสะเก็ด ทั้งได้รับการรักษาที่ดี ทั้งหมดเกิดขึ้นจากการที่นางหลบหนีบุรุษร้ายกาจหลวนคุน ก่อนที่โชคชะตาจะพลิกผันเมื่อมีคนผู้หนึ่งยื่นมือเข้าช่วยไว้ อวิ๋นหยวนม่านกรีดร้องราวกับคนเสียสติ ด้วยยังไม่หายตื่นตกใจเมื่อมีคนก้าวมายืนตรงหน้า แต่น้ำเสียงอีกฝ่ายทั้งการที่เขาให้คนดูแลนางอย่างดีเป็นสิ่งที่ทำให้นางรู้ว่าโลกนี้ไม่ได้โหดร้ายจนเกินไป “หึ ๆ ๆ แต่เจ้าไม่ใช่นาง ไม่มีความคล้ายคลึงสักนิด!” เขาเอ่ยแล้วจึงสั่งให้คนดูแลอวิ๋นหยวนม่าน ซึ่งเป็นหมอที่ท่าทางแปลก ๆ ใส่ยาบนแผลนาง และสั่งสตรีอีกสองคนที่มือหนักทั้งหยาบกร้านช่วยเช็ดเนื้อตัว “ช่วยข้าไว้ด้วยเหตุใด” นางเอ่ยถามคนพวกนั้น สายตาจ้องบุรุษที่โดดเด่นท่ามกลางคนแปลกหน้า “เจ้าไม่สมควรตายด้วยน้ำมือผู้อื่น ชีวิตนี้จงอยู่เพื่อทดแทนบุญคุณที่มู่หลัน... ไม่ใช่สิ หลันเอ๋อร์ที่ดีต่อเจ้าเถิด” “รู้จักน้องหกด้วยหรือ และท่าทางเจ้าเหมือนคนต่างแคว้น ท
กวนเฉินหลางได้รับขนมแป้งนุ่มที่ผสมฟักทอง ส่วนไส้ข้างในเป็นถั่วเหลืองกับหัวผักกาด รสชาติกลมกล่อมหอมกลิ่นน้ำมันงาทั้งยังทำให้เขานึกถึงความหลัง “ไม่ใช่ของอาหลันหรอกรึ แล้วเหตุใดรสชาติถึงคุ้นลิ้นนัก” ชายหนุ่มถามคนที่นำเข้ามาซึ่งก็คือหลิวอู้ อีกฝ่ายมีสีหน้ายุ่งยากใจ เขารอหลานชายนำของมาจากเรือนใต้เท้าโจว ทว่าวันนี้ไม่ทราบว่าเหตุใดถึงล่าช้า และจู่ ๆ มีพ่อบ้านผู้หนึ่งมาแจ้งเขา พร้อมของฝากพิเศษมอบให้กวนเฉินหลาง คราแรกเขาไม่คิดจะนำมาให้แม่ทัพหนุ่ม กวนเฉินหลางไม่ชอบรับสิ่งของใดจากผู้อื่นตั้งแต่ไหนแต่ไร เขาห่วงเรื่องนี้จะนำพาความยุ่งยากมาให้ แต่เมื่อรู้ว่าคนที่ส่งมาจากสกุลเตียว ตัวหลิวอู้ก็เคยรับใช้ที่นั่นมาก่อนเขาจึงจำใจนำอาหารมาให้ผู้เป็นนาย “มิได้ขอรับท่านแม่ทัพ เป็นสิ่งที่สกุลเตียวฝากมา” สีหน้ากวนเฉินหลางเครียดขรึม ก่อนถามด้วยเสียงที่เข้มกว่าปกติ “เจ้ามีหน้าที่เป็นธุระให้ผู้อื่นตั้งแต่เมื่อใด” ยังไม่ทันที่กวนเฉินหลางจะได้ดุหลิวอู้เสียงฝีเท้าโจวจื่อเว่ยซึ่งแจ้งให้คนได้ยินรู้ว่าเขากำลังร้อนใจก็ดังขึ้น พร้อมการปร
หนึ่งนางเสือ หนึ่งหงส์งาม อวิ๋นมู่หลันไม่ได้ไปส่งพี่รองขึ้นเกี้ยว นางให้สาวใช้มอบของบางสิ่งแก่อีกฝ่าย เป็นเครื่องประดับ ผ้าแพร ขนมมงคล จากนั้นก็มีสิ่งที่ต้องการซื้อหาในตลาด ทั้งยังอยากเปิดหูเปิดตา เนื่องจากช่วงเวลานี้มีเรือสินค้าเข้ามาเทียบท่า “แม่นางหลัน จะขนทั้งหมดนี้กลับเรือนเลยหรือขอรับ” หญิงสาวยิ้มก่อนส่ายหน้าช้า ๆ นางมีเงินและตั๋วแลกเงินที่กวนเฉินหลางมอบไว้ให้ รวมถึงสองวันก่อนโจวจื่อเว่ยบอกว่า ในฐานะน้อง สาวบุญธรรมนางย่อมต้องมีกินมีใช้อย่างสมฐานะ ดังนั้นเขาจึงมอบหลายสิ่งแก่นาง โดยเฉพาะตำลึงเงินและทองแท่ง ซึ่งออกจะมากเกินไป ดังนั้นนางจึงอยากแบ่งปันผู้อื่น หลังจากได้ยินพ่อบ้านเอ่ยถึง เด็ก ๆ ที่ยากไร้ และคนที่อยู่ด้านนอกกำแพงเมืองที่อพยพมาจากอำเภออื่น ช่วงนี้มีปัญหาภัยน้ำป่าไหลเข้าสู่เมืองเนื่องจากเขื่อนแตก และยังถูกซ้ำเติมด้วยโจรป่า “ข้าเพียงแค่อยากแจกจ่ายของให้ชาวบ้าน พวกเขาคงคลายหนาวและอิ่มท้องขึ้นกว่าเดิม” “แม่นางหลันหมายถึงเสื้อผ้าแล้วก็อาหารแห้งพวกนี้” “ถูกต้อง แบ่งให้ทุกคนได้กินและสวมใส่ ข้าช่วยได้ไม่มาก ท
ส่งตัวไปบ้านบรรพบุรุษ กวนเฉินหลางเอ่ยถามแล้วแต่นางแสร้งถลึงตาโต ๆ ใส่เขา ขำอยู่หรอก และหญิงสาวรู้สึกซ่านใจมิน้อย ด้วยกวนเฉินหลางเป็นบุรุษที่ทำให้ว้าวุ่นใจได้ตลอดเวลา “สำหรับแม่ทัพกวน คงมีสตรีหลายคนที่อยากทำหน้าที่นั้นมิขาด” อวิ๋นมู่หลันไม่ได้อยากเป็นสตรีงี่เง่าคอยหาเรื่องทะเลาะคนรัก แต่จะมีผู้หญิงสักกี่คนเมื่อรู้ว่าชายที่ตนมอบใจให้กำลังจะแต่งงาน นอกเหนือจากนั้นดวงใจเขายังเคยมีหญิงสาวที่แสนเพียบพร้อม และเขารักปักใจนางมาเนิ่นนาน สตรีที่เป็นถึงพระชายาเอกรัชทายาท ซึ่งยามนี้ฝ่ายนั้นได้ทะลายกรงทองแล้วหลบหนีออกจากเมืองหลวงเพื่อมาหากวนเฉินหลาง! “เหลวไหล ข้ามีแต่อาหลันในใจเท่านั้น” คำพูดเขาสร้างความมั่นใจแก่นาง ว่ากวนเฉินหลางต้องการให้นางเป็นสตรีของเขาจริง ๆ กระนั้นนางยังอดระแวงและสงสัยใคร่รู้ไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องเจียงเฟย ด้วยอวิ๋นมู่หลันพอจะมีหูมีตาคอยรายงานเรื่องต่าง ๆ ซึ่งมั่นใจว่าเจียงเฟยกำลังหาทางเรียกร้องความสนใจจากแม่ทัพหนุ่ม “พรุ่งนี้ท่านต้องแต่งอนุเข้าเรือน” “เจ้าสมควรกล่าวให้ถูก แต่งนางตามคำสั่งรัชทายาทและหยวนม่านจะถูกส่งต
ลูกหมา ลูกข้า และลูกของเรา หญิงสาวอารมณ์ดีจนนางยังประหลาดใจ ถึงพรุ่งนี้กวนเฉินหลางจะแต่งอนุเข้าเรือนนอก และอีกฝ่ายยังเป็นพี่สาวนาง แต่พอรับรู้เรื่องเสี่ยวเฮยอวิ๋นมู่หลันกลับเลิกสนใจการขึ้นเกี้ยวของอวิ๋นหยวนม่านไปเสียนี่ ซึ่งเรื่องนี้ส่งผลทำให้คนที่กำลังจะได้เป็นเจ้าบ่าวเครียดจัดจนนั่งไม่ติด กวนเฉินหลางร้อนใจ ยิ่งเห็นนางยิ้มและมองเขาราวกับไม่เห็นว่ามีตัวตน หัวใจบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ก็เหมือนถูกเหล็กร้อน ๆ นาบเข้าใส่จนทุกข์ทรมาน “อาหลันไม่สนใจข้าแล้วหรืออย่างไร” กวนเฉินหลางพยายามระงับความฉุนเฉียว เขาเก็บอารมณ์ก็แล้ว แต่ใบหน้ากลับถมึงทึง ดวงตาข้างที่มีพิษโลหิตทมิฬคล้ายจะกำเริบขึ้น ผมสีขาวส่งไอเย็นจัดแผ่ขยาย ยามนี้คำว่าปีศาจกวนยังคงน้อยไปหากใช้ขนานนามเขา ร่างสูงใหญ่ก้าวเข้าไปยังเรือนโจวจื่อเว่ย พอกุนซือหนุ่มเห็นเขาก็พยายามเรียกหาพ่อบ้านและคนของตนมาอยู่ใกล้ ๆ ที่เป็นเช่นนั้นด้วยกลัวจะถูกกวนเฉินหลางหาเรื่องระบายอารมณ์ใส่นั่นเอง “เหตุใดนางถึงเย็นชาต่อข้า!” กวนเฉินหลางถามเสียงเข้ม ก่อนจ้องไปยังคนที่อยู่ในห้องนั้น แสดงออกว่าต้องการคาดคั้นให้ผ
ใบหน้าอวิ๋นมู่หลันบึ้งตึง นางกำลังสับสนมิน้อย ตนกำลังขุ่นใจต่อพฤติกรรมเสี่ยวเฮยหรือว่าเป็นกวนเฉินหลางกันแน่! “แต่มันจะเป็นได้เช่นไร เสี่ยวเฮยยังไม่ถึงปีด้วยซ้ำ จะข่มหมาตัวเมียเป็นแล้วหรือ” อวิ๋นมู่หลันเลี้ยงเสี่ยวเฮยมาพักใหญ่ ดูอย่างไรมันก็ซุกซนเฉกเช่นเด็กเล็ก ๆ แต่นั่นแหละ นางอยู่กับเสี่ยวเฮยทุกวัน อาจไม่ทันสังเกตว่ามันตัวโตเกินวัย ตอนนี้หากเทียบอายุคนคงเท่ากับเด็กผู้ชายวัยสิบสี่สิบห้าปี “แม่นางหลัน เสี่ยวเฮยของท่านเป็นหนุ่มแล้วจริง ๆ ตอนนี้น้ำหนักเท่ากับสตรีผู้หนึ่ง ความสูงมากกว่าสามฉื่อ* (1 ฉื่อ* ประมาณ 22.7-23.1 เซนติเมตร)ภายหน้าหากโตเต็มวัย เกรงว่าคงมีตัวเท่า ๆ กับลูกม้าโลหิต และข้าอาจสู้แรงไม่ไหวด้วยซ้ำ” หลิวตงอธิบายให้นางฟัง หน้าที่ตอนนี้ของเขาคือเลี้ยงเสี่ยวเฮยให้ดี พร้อมฝึกให้เป็นสุนัขที่ฉลาดรอบรู้ในการป้องกันภัย ซึ่งเป็นคำสั่งกวนเฉินหลาง อวิ๋นมู่หลันคิดภาพตาม อย่างไรนางแค่ต้องการเลี้ยงแค่สุนัข มิใช่อยากให้เสี่ยวเฮยเป็นนักล่าหรือใช้เพื่อการศึก นางรู้ว่ากวนเฉินหลางมีหน่วยพิเศษฝึกสุนัขไว้เป็นหน่วยลอบโจมตีศัตรู ซึ่งสุนัขเหล่าน
เสี่ยวเฮยเกี้ยวรัก เย็นวันนี้โจวจื่อเว่ยไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง เขาเป็นหนุ่มทั้งแท่งย่อมมีอารมณ์พิศวาสต่อสตรีอย่างไม่ต้องสงสัย ทว่าภาพที่เห็นอย่างไม่ได้ตั้งใจในห้องอาบน้ำ แทนที่จะชวนให้รู้สึกหวามไหวและขาที่สามพองขยาย เขากลับต้องรีบเบือนหน้าหนี เตรียมหุนหันหลบออกไปเพื่อไม่ให้ตนตกอยู่ในสถานการณ์ชวนอึดอัด เรื่องที่เกิดขึ้นนี้สาเหตุมาจากสตรีนางนั้นกำลังแช่ร่างอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวของเขาอย่างสำราญใจ “อุ๊ย นะ… นั่น ทะ… ท่านกลับมาแล้วหรือ?” “เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้เช่นไร!” “โอ้ อ๊ะ ใต้เท้าโจว... ขะ… ข้า ไม่ได้ตั้งใจ” “แต่เจ้าเปลื้องอาภรณ์ อยากให้ข้าต้องเป็นบุรุษไร้ยางอายหรืออย่างไร!” “มิได้ ข้าเพียงแต่เหนียวตัว ที่เรือนของข้าบังเอิญเหลือเกินที่อ่างไม้แตกและยังประตูพัง ข้ามิอาจเปิดเผยเนื้อตัวให้ผู้อื่นเห็น ข้าถามสาวใช้แล้ว นางบอกว่าท่านไปทำงานนอกเมืองอีกสองวันถึงจะกลับ ดังนั้นข้าจึงมาที่นี่” ถึงนางยกเหตุผลมาอ้าง แต่สมควรแล้วหรือที่ต้องมาใช้ถังไม้ร่วม กับเขา ซึ่งหากเขาเหี้ยมโหดและใจคออำมหิตสักหน่อย อวิ
อวิ๋นมูหลันก้าวมาอยู่ที่สวนหิน ใจนั้นเต้นแรงไม่หยุด ก่อนหน้าไม่ได้คิดทำตัวร้ายกาจต่อพี่สาว ทว่าธาตุแท้อีกฝ่ายแสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่าเป็นภัยใหญ่หลวงต่อชีวิตนาง หากนางยังอ่อนแอคิดเมตตาศัตรูอยู่ร่ำไป อวิ๋นมู่หลันคงไม่อาจรับมือผู้ประสงค์ร้ายต่อตนได้ การเป็นสตรีข้างกายกวนเฉินหลางมิใช่เรื่องง่าย หากอยากมีชีวิตรอด ย่อมต้องมีจิตใจเด็ดเดี่ยว ถึงขั้นอำมหิตในบางครั้ง เมื่อใคร่ครวญให้ดีอวิ๋นมู่หลันจึงแจ้งใจว่า แม้อีกฝ่ายมีสายเลือดเดียวกัน ทว่าอวิ๋นหยวนม่านไม่เคยเห็นน้องสาวคนนี้อยู่ในสายตา น้องหกผู้เร่ร่อนมาอาศัยจวนเจ้าเมืองเช่นนาง เป็นเพียงเบี้ยล่างหรือสิ่งของที่ อวิ๋นหยวนม่านไม่เคยต้องการ และคิดหาทางทำลายทิ้งตลอดมา นิสัยเจ้าคิดเจ้าแค้นสั่งสมความริษยาเอาไว้ในอกย่อมมาจากอนุฉุยสตรีที่มาจากสกุลใหญ่ “เจ้าอย่าหวังว่าจะมีชีวิตที่ดีกว่าข้ามู่หลัน เจ้าเป็นได้แค่ลูกของนักแสดงละครเร่ข้างถนน มีเลือดของบิดาอยู่ในตัวหรือเปล่ายังไม่แน่ชัด อย่าคิดเทียบชั้นข้าเลย” “ตะ… แต่ ข้าเป็นลูกท่านพ่อ!” “ฮึ เจ้าเอาสิ่งใดมาอ้าง แค่จดหมายและตราประ