ไร้ทางเลือก เวลาในคืนนั้นยาวนานอยู่สักหน่อย และหญิงใบ้ไม่อาจข่มตาหลับ นางพลิกตัวไปมาพลางคอยมองไปรอบ ๆ ตัว ภายในถ้ำที่นางนอนอยู่กับสตรีอีกสองคน ส่วนเมิ่งถูแยกไปนอนที่อื่น กระทั่งเช้ามืด อวิ๋นมู่หลันรีบลุกขึ้น นางบอกคนของเมิ่งถูว่าจะช่วยทำอาหาร ด้วยมีทั้งกระต่ายที่เสี่ยวเฮยคาบมาให้ หน่อไม้กับมันสีม่วงรสหวานและหอม นอกจากนั้นนางยังได้นางฟ้าเต้าหู้ (ใบเฉาก๊วยเขียว/ของไทยคล้ายใบหมาน้อยนำมาทำวุ้นเขียว) มาจำนวนหนึ่งด้วย จึงตั้งใจทำเป็นอาหารรสชาติจัดจ้าน เปรี้ยว เผ็ด เพราะคนของเมิ่งถูเก็บพริกป่า มะเขือสด ทั้งยังมีผลไม้เปรี้ยวกับองุ่นมาเพิ่ม อวิ๋นมู่หลันปรุงอาหารง่าย ๆ คือผัดกระต่ายกับสมุนไพรที่หาได้ในป่า ส่วนมันม่วงนางเผาไฟจนสุกกำลังดี ทว่ามีสิ่งที่นางคิดจะใส่ในอาหารที่ทำขึ้นนั่นก็คือเห็ดเหลือง และอีกอย่างที่นางพบเมื่อตอนเดินไปล้างหน้า มันคือยอดอ่อนของใบชา ซึ่งอยากชงให้พวกเขาได้กินด้วยสองสิ่งนี้เมื่อรวมกันจะช่วยขับพิษได้ ขณะที่กำลังเพลินใจในการทำอาหารนางก็ย้อนนึกถึงคำพูดของกวนเฉินหลาง “หญิงใบ้... หัวใจของเจ้า
หลังม่านน้ำตก! ปิ่นไม้สีดำที่แกะเป็นรูปดอกมู่หลันปักอยู่ที่ผมอวิ๋นมู่หลัน ด้วยไม่มีกระจกทองเหลืองนางจึงไม่รู้ว่าเหมาะกับตนเองหรือไม่ ทว่าจากสายตาของเมิ่งถู นางคาดเดาได้ว่าสตรีที่มีโลหิตทมิฬคงเป็นที่พึงใจแก่เขาอยู่บ้าง “เมื่อเป็นมิตรสหายผู้หนึ่ง... คงไม่รังเกียจที่จะรับปิ่นไม้นี้ไว้” อวิ๋นมู่หลันส่ายหน้าช้า ๆ น้ำตาเหมือนจะไหลคลอหน่วยอีกหน ‘มิได้ ข้าเพียงแต่ ระลึกถึงความหลัง ยามอยู่กับบิดาและพี่ใหญ่ พวกเขาดีต่อข้ายิ่งนัก’ “มู่หลัน เจ้านับว่าโชคดีที่ยังมีคนรออยู่ จงอย่าทำให้ใครผิดหวัง ครอบครัวสำคัญเหนือสิ่งใด” เมิ่งถูเอ่ยจบเขาก็โน้มตัวมาใกล้ ๆ หญิงใบ้ เป็นตอนนั้นที่นางกับเขาต่างได้ยินเสียงหัวใจของกันและกัน ด้วยมีแรงปรารถนามากล้น และเขาคิดว่าหากไม่กระทำตอนนี้ เมิ่งถูไม่อาจรู้ได้ว่าภายภาคหน้าเขาจะมีโอกาสหรือไม่ ริมฝีปากหยักสวยจุมพิตที่หน้าผากของนาง ทั้งอ่อนหวานและมากด้วยความห่วงใยล้ำลึก ‘อ๊ะ... องค์ชาย... ทะ… ท่าน’ “ข้าย่อมรู้ ชายหญิงมิควรใกล้ชิด แต่เราเป็นสหายกัน ไยต้องใส่
บุรุษทั้งสองล้วนอยู่ในกำมือข้า สิ่งที่เกิดขึ้นสร้างความตื่นตะลึงให้ทั้งกวนเฉินหลางและเมิ่งถู ซึ่งพอองค์ชายขยับตัวปลายแหลมของมีดสั้นก็ทำให้เขาเจ็บแปลบ เพราะมันสร้างบาดแผลตรงลำคอเขา จากนั้นก็มีเลือดไหลซึม แน่นอนหญิงใบ้ไม่ใช่แค่ข่มขู่ หากแต่นางกระทำเรื่องดังกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยวและกล้าหาญโดยใช้เมิ่งถูเป็นตัวประกัน! ดวงตาคมกริบของกวนเฉินหลางมองอวิ๋นมู่หลัน เขาจดจ้องราวกับอยากประเมินความต้องการนาง ยามนั้นกวนเฉินหลางแทบไม่เชื่อภาพที่ปรากฏเบื้องหน้า ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะเคยเห็นนางปลิดชีพซ่งเถียนทหารชั่วเลี้ยงสุนัขมาแล้ว หญิงใบ้เป็นสตรีที่เขายากจะคาดเดาความคิดนางได้!ยามนั้นมือเรียวสวยที่จับมีดสั้นไม่ได้สั่น ดวงตากลมโตจ้องตอบโต้กวนเฉินหลาง แสดงให้เขาเห็นว่าหากก้าวเข้ามาใกล้อีกนิดเมิ่งถูสิ้นลมหายใจเป็นแน่ กวนเฉินหลางถอนลมหายใจร้อน ๆ ก่อนส่ายหน้าช้า ๆ เขาพยายามใจเย็น เมื่อเห็นว่าหญิงใบ้กำลังสู้อย่างคนเบาปัญญา “หญิงใบ้ สติเจ้ายังดีหรือไม่ อยากตายพร้อมกับมันหรือ” อวิ๋นมู่หลันส่ายหน้าช้า ๆ กวนเฉินหลางประเมินนางต่ำเสียทุ
ฝ่ายโจวจื่อเว่ยรู้ว่ายามนี้เขาเครียดหนักกว่าครั้งไหน ๆ ซึ่งก่อนหน้านี้ หลังจากส่งจดหมายผ่านนกพิราบสื่อสารเขามั่นใจว่าค่ายกลปรมาจารย์จางมีทางออกหลายทาง แต่เขาเลือกด้านที่เป็นป่าไผ่ ด้วยมีหน้าผาสูงและจุดเชื่อมต่อกับแผ่นดินของหนานหยาง ดังนั้นโจวจื่อเว่ยจึงมาดักรอแม่ทัพหนุ่มที่นี่พร้อมทหารฝีมือดีและเตรียมช่วยเหลือกวนเฉินหลางเพื่อนำเมิ่งถูและเชลยที่รอดชีวิตกลับค่ายทหาร แต่ไม่นึกว่าเหนี่ยวซีกังจะโผล่มาและทำให้ทุกอย่างเสียแผน “ข้าบอกท่านแล้วอย่าวู่วาม” โจวจื่อเว่ยต่อว่าเหนี่ยวซีกัง แต่อีกฝ่ายเพียงแค่ยักไหล่ ด้วยกุนซือระดับสี่มีความสามารถใดมาขัดขวางเขา และหลังจากไปส่งเหล่าขุนนางและองค์ชายต่างสกุลที่เมืองหลวงเรียบร้อย เหนี่ยวซีกังรีบรุดหน้ากลับมาค่ายหทาร เมื่อรู้ว่าโจวจื่อเว่ยออกมาข้างนอกจึงติดตามอย่างเร่งด่วน “วู่วามอันใด ข้าไม่อยากเสียเวลาต่างหาก เมิ่งถูมีค่าหัวสูงจะให้ผู้อื่นจับเป็นตัวประกันได้หรือ” เอ่ยจบเหนี่ยวซีกังจึงเล็งธนูไปที่ร่าง อวิ๋นมู่หลัน เขาจงใจฆ่านางให้ตายจากนั้นจะได้พาเมิ่งถูกลับเมืองหลวง เมื่อทำเช่นนี้ก็ร
หลางจึงเพลี่ยงพล้ำ กระนั้นเขาก็ถีบพื้นพาหญิงใบ้ขึ้นที่สูง ดาบในมือกวัดแกว่งไม่หยุด ทว่าหากใช้กำลังมากเข้าเขากลับพ่นเลือดกองใหญ่ออกมา ด้วยฝ่ามือเมิ่งถูก่อนหน้านี้ข่มธาตุในร่างกายเขา หากใช้กำลังเกินไปเลยส่งผลร้าย ขณะที่ปัดป้องอาวุธลับของเหนี่ยวซีกังเขาเลยไม่ทันระวังจินฉานอสูรที่มุ่งร้ายตน มันหมายมั่นปล่อยเหล็กในใส่เขา แต่อวิ๋นมู่หลัน กลับใช้ร่างนางขวางไว้! แต่เดิมจินฉานมีจิตมุ่งร้ายต่อคนที่เจ้าของออกคำสั่ง การที่มันปล่อยเหล็กในใส่อวิ๋นมู่หลันไม่ใช่เพราะทำงานผิดพลาด หากเป็นเพราะกวนเฉินหลางกับอวิ๋นมู่หลันมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกัน อีกทั้งนางยังเคยกัดฝ่ามือเขา เลือดชายหนุ่มบางส่วนอยู่ในร่างกายนาง และเขาใช้เลือดของตนทาที่โลหิตทมิฬด้วย ดังนั้นคนทั้งสองจึงเหมือนมีจิตวิญญาณเดียวกัน จินฉานจึงไม่อาจปล่อยผู้ใดผู้หนึ่งให้รอดเมิ่งถูเห็นภาพดังกล่าวหัวใจพลันหดเกร็ง เขาเรียกจินฉานกลับ คืน ทว่ามันกลับถูกดาบยาวในมือของกวนเฉินหลางฟันขาดเป็นสองท่อน แต่แทนที่มันจะตายกลับกลายเป็นว่าในร่างดังกล่าวยังมีจินฉานอีกตัวและมันบินหลบหนีไป! จากนั้นองค์ชายหนุ่มคิดจะเข้าไปช่วยอว
“แม่ทัพกวน... ท่านเป็นหนี้ชีวิตข้าอีกครั้งแล้ว!” นั่นคือเสียงของนาง มันเกิดขึ้นเพราะพิษจินฉานกระจายตัวทั่วร่าง และข่มพิษเดิมที่นางเคยได้รับลง เสียงนั้นหวานไพเราะหากแต่หนักแน่น ทั้งยังดังย้ำย้อนในหัวพร้อมรอยยิ้มของผู้มีชัยชนะเหนือเขา “หญิงใบ้ เจ้าอย่าหวังว่าจะจากข้าไปได้ ลมหายใจ ทั้งร่างกายและวิญญาณนี้ ล้วนตกอยู่ในกำมือข้า หากข้าสั่งให้เจ้าอยู่ เจ้าก็ต้องอยู่มิอาจหลบหนีไปที่ใด” ชายหนุ่มย้อนคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในป่าไผ่ พอเขาเอื้อมมือไปสัมผัสมือเรียวสวยก็สะท้านไปทั้งใจ ร่างอวิ๋นมู่หลันเย็นจัดมิต่างจากแช่อยู่ในถ้ำน้ำแข็ง “ข้าจะดูดพิษออกจากร่างนาง พวกเจ้าเตรียมเข็มเงิน สมุนไพรสิบชนิดกับโสม แล้วต้มน้ำแกงสำหรับเพิ่มธาตุหยางในร่างกายข้า” “ท่านแม่ทัพ นั่นเป็นการรักษาของชาวหนานหยาง” โจวจื่อเว่ยก้าวเข้ามาในกระโจมอีกคน และเขาร้อนใจจนแทบยืนอยู่ไม่เป็นสุข “จินฉานเป็นของหนานหยาง หากไม่ใช่วิธีนี้ เจ้ายังคิดว่าอา หลันจะมีชีวิตรอดหรือ” สิ่งที่โจวจื่อเว่ยตกใจอย่างที่สุดยามนี้กลับไม่ใช่ความตั้งใจของกวน
หนึ่งปีก่อน เมิ่งถูตัวร้อนเพราะพิษไข้ สาเหตุเกิดจากเขาถูกจินฉานอสูรกัด ถึงปกป้องตนด้วยถุงมือทองคำ แต่สัตว์ที่เขาเลี้ยงยากจะควบคุมได้ มันมีจิตใจเป็นของตน ทั้งยังดื่มกินเลือดของสัตว์พิษอื่น ๆ รวมถึงเลือดเมิ่งถู เขานอนป่วยมาเกือบครึ่งเดือนนับแต่หลบออกจากหนานหยางแผ่นดินซึ่งลุกเป็นไฟ ก่อนจะเหลือเพียงซากปรักหักพังและคราบน้ำตา หนานหยางถูกสองแคว้นร่วมมือกันที่จะยึดเอาไปเป็นของตน บิดาเขาสู้อย่างกล้าหาญ สุดท้ายก็สิ้นลมหายใจพร้อมเหล่าทหารนับหมื่นชีวิต ส่วนพี่น้องคนอื่นต่างสูญหายไปคนละทิศละทาง จนป่านนี้ยังตามข่าวไม่ได้ ส่วนเขาได้รับการช่วยเหลือจากราชครูโต้ว ซึ่งพาเขาไปพักใกล้ ๆ เมืองซ่ง และนั่นจึงทำให้เขาเริ่มรวบรวมกำลังชาวหนานหยางจนมีช่องทางที่พอมองเห็นว่าการสร้างแผ่นดินที่ล่มสลายไปให้คืนกลับคงไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไป บิดาเขามีกองทัพทหารฝีมือดี เป็นหน่วยลับถูกฝึกไว้เกือบสามหมื่นนาย รอเพียงเขาหาป้ายคำสั่งพบก็จะใช้งานได้ รวมถึงกลุ่มนักพรตและชาวเผ่านอกด่านซึ่งรวมจำนวนทั้งหมด เขามีกองทัพขนาดย่อมเกือบห้าหมื่นชีวิต เพียงแต่ว่าเขาต้องสร้างตนให้เ
ยอดบุรุษช่วยสาวงาม อวิ๋นมู่หลันกระทำในสิ่งที่เชื่อมั่นมาตลอด การช่วยเหลือผู้อื่นที่ตกอยู่ในความลำบากเป็นสิ่งที่ดี มารดาสอนเช่นนั้นนับแต่นางจำความได้ และของที่นางซื้อหาได้แม่นมคอยช่วยเหลือจัดการเป็นธุระ รวม ถึงภรรยาพี่ใหญ่ กระนั้นกว่าจะสั่งให้ขนย้ายออกมาได้ก็ยากเอาการ เพราะต้องใช้ช่องทางลับด้านทิศใต้ของเมืองซ่ง “คุณหนู อย่างไรเรื่องนี้ออกหน้าเองคงไม่ดี ให้บ่าวแล้วก็พวกนักแสดงงิ้วทำเถิดเจ้าค่ะ” แม่นมว่าแล้วเตรียมจัดการทุกอย่างให้อวิ๋น มู่หลัน “อย่างไร ขอข้าเห็นด้วยตาว่าสิ่งที่นำไปนี้ถึงมือผู้ยากไร้จริง ๆ” “ได้เจ้าค่ะ เช่นนั้นสวมผ้านี้ปิดหน้าและหมวกตาข่ายดีหรือไม่” อวิ๋นมู่หลันรับสองสิ่งนั้นมาแล้วอดหัวเราะไม่ได้ “ข้ามาช่วย เหลือผู้อื่น มิใช่โจร เหตุใดต้องปกปิดตัวตน อีกอย่างก็ปลอมตัวเป็นบุรุษแล้วด้วย” ยามนี้นางกลายเป็นหนุ่มน้อย เกล้าผมรวบตึง สวมเสื้อผ้าทะมัดทะแมงอย่างพวกพ่อค้าเร่ตามที่นักแสดงงิ้วเตรียมให้ เมื่อแต่งกายเช่นนี้นางมิวายถูกสาวใช้ชมว่ามีสง่าราศีและหล่อเหลาราวคุณชายน้อยเจ้าสำราญ
อวิ๋นมู่หลันนึกเสียดายเหลือเกิน ในขณะกวนเฉินหลางถูกเมิ่งถูจับตัวไว้หลังจากเกือบเอาชีวิตไม่รอดจากปูม่วงก้ามหนาม เขาควรได้ รับการลงโทษให้หนักกว่านี้ และจะดีมากหากฝ่ายนั้นสามารถทำให้บุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของนางตายด้าน ไม่ต้องมีพละกำลังล้นเหลือยามขึ้นเตียง “อา... ฮูหยิน ห่างกันหนึ่งปีเต็ม เหมือนข้าได้พบดรุณีน้อย แสนบริสุทธิ์ เจ้างามหมดจดทุกส่วน ผิวเนียนนุ่ม จุดหวานล้ำก็เป็นสีชมพู!” คำชื่นชมเขาแปลกประหลาดอยู่สักหน่อย และอวิ๋นมู่หลันขัดเขินจนหน้าแดงระเรื่อ มือไม้นางอ่อนไปหมด และสามีนางเป็นแมวหรอกหรือ ไฉนเดี๋ยวใช้ลิ้นสาก ๆ โลมเลียกลีบฉ่ำหวาน สลับการส่งแรงดูดล้ำลึก จนนางดิ้นพล่านอย่างเผลอไผล ลิ้นของเขาช่ำชอง และดูเหมือนคลั่งรักนางหนักจนชวนให้ตื่นตระหนก! ส่วนมือใหญ่ ๆ นั้นนวดเฟ้นหน้าอกอวบสวยที่เด้งไหวรองรับสัมผัสที่ซ่านสยิว กวนเฉินหลางมีนิ้วมือยอดเยี่ยม ทั้งยังลงแรงสม่ำเสมอพลอยให้นางซ่านใจจนความหวานในแอ่งเนื้อนิ่มซึมเอ่อไม่หยุด “ฮูหยิน ไม่อยากลองกระทำสิ่งแปลกใหม่บางหรือ ขี่ม้าก็แล้ว ท่าสุนัขหรือให้ข้าอุ้มเจ้าก็ทำได้ยอดเยี่ยม เราจะได้ปลดปล่
อวิ๋นมู่หลันมองคนตัวโตในชุดเกราะ และมือหนึ่งนั้นอุ้มอี้เหยาเอาไว้ ท่าทางเขาเก้ ๆ กัง ๆ คงเพราะไม่เคยอุ้มเด็กมาก่อน แต่แสดงให้เห็นว่าเอ็นดูและห่วงใยลูกชายคนเล็กของนางเพียงใด ฝ่ายอี้เหยาก็ช่างรู้ความ ปกติไม่ใช่คนมักคุ้นคนแปลกหน้า แต่เด็กน้อยในยามนี้อมยิ้มอยู่น้อย ๆ ดวงตามีประกายแจ่มใส คอยมองบิดาราวกับนิยมในความสง่างามและกล้าหาญ ทั้งที่ร่างกายกวนเฉินหลางแผ่ไอเย็นออกมา ผู้ใดเห็นแล้วไฉนจะไม่ครั่นคร้าม “ท่านพี่... เหยาเอ๋อร์ คงเพลียแล้ว ส่งมาให้ข้าเถิด” นางเอ่ยพร้อมพยายามจับตัวลูกชายอีกคนให้ออกมาพบผู้เป็นบิดา แต่อี้หยางเข้าไปหลบอยู่ในกระโปรงนาง พอจะจับตัวเขาก็ร้องโวยวายสลับการข่มขู่ นิสัยเช่นนี้นาน ๆ จะเกิดขึ้น “มะ… ไม่! ขะ… ไม่ไป!” “โอ้ ฮูหยิน เด็กอีกคนนั้น เจ้ายังไม่ได้คลอดเขาออกมาหรอกหรือ” กวนเฉินหลางถามแล้วจึงหัวเราะร่วน ลูกชายคนโตของเขาดูเหมือนไม่อยากพบหน้าคนเป็นบิดา ช่างพิลึกดีแท้ “ปกติก็ร่าเริง แต่ไม่รู้ด้วยเหตุใด หยางเอ๋อร์ถึงหลบหน้าท่านพี่เช่นนี้” กวนเฉินหลางมองภาพตรงหน้าและชอบใจ เขามีบุตรชายสองคน ต่อไปนี้คงมีหล
“มู่หลัน เจ้าไม่สมควรยุ่งเกี่ยวกับการทำศึก กระนั้นเจ้าก็นับว่าเป็นท่านหญิง มีสายเลือดทั้งสองแคว้น หากช่วยปราบคนชั่วได้ นับว่าประเสริฐแล้ว” “เช่นนั้น อาจารย์จะให้ข้าเรียกพวกเขามาช่วยในเรื่องนี้” นางหมายถึงกองกำลังที่ใช้ชีวิตอย่างสันโดษ “ไม่ใช่เจ้า หากเป็นเขา องค์ชายแห่งหนานหยาง” อวิ๋นมู่หลันได้ยินชื่อนั้นนางจึงแจ้งใจว่าเมิ่งถูยังไม่ตาย และนี่คงเป็นโอกาสที่นางจะได้ตอบแทนเขา แม้มิใช่กระทำด้วยตนเอง แต่นางรู้ว่าเมิ่งถูย่อมเข้าใจ “จะไม่มีการนองเลือดใช่หรือไม่ท่านอาจารย์” “แค่ตีสุนัขให้ขาหักและเนรเทศไปให้ไกลเท่านั้น สามีเจ้ากับองค์ชายหนานหยางทำข้อตกลงเรื่องนี้เอาไว้ ซึ่งมันสำคัญยิ่งนัก” “สวรรค์นับว่าเมตา เมิ่งถูยังมีชีวิตรอด!” “ศิษย์รัก ให้ดีเจ้าควรเรียกเขาว่าจูเจียนไต้ซือ!” กวนเฉินหลางเผชิญหน้าอยู่กับทหารของเหนี่ยวซีกัง ดวงตาคมกริบจ้องเขม็ง เขาเห็นว่าทหารและมือสังหารของเหนี่ยวซีงกัง ตึงกำลังรอบ ๆ ศาลเจ้าถัวซาน ประเมินแล้วคงมีจำนวนไม่ต่ำกว่าสิบหมื่นนาย และยังมีอยู่ด้านนอกอีกจำนวนมิน้อย และส่วนที่มากสุดในยามนี้
บทส่งท้าย เหนี่ยวซีกังประกาศกร้าวออกไปก่อนที่ร่างเขาจะโงนเงนไปมา “พวกเจ้าบังอาจใช้พิษกับข้า ช่างไร้ยางอาย” เขาเอ่ยจบจึงสัมผัสหน้าอกข้างซ้ายตน รู้สึกถึงความบีบรัดจนแน่นไปหมด เขาจึงรีบสกัดจุดเพื่อไม่ให้ตนต้องสิ้นใจตายก่อนที่จะพบชัยชนะ จากนั้นเขาก็กระอักเลือดกองโต เมื่อพอเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ก็เห็นอาชาตัวโตสีขาว ผู้ที่นั่งอยู่ด้านบนด้วยความองอาจคือชายในชุดเกราะน่าเกรงขาม คนผู้นั้นจะเป็นใครได้หากไม่ใช่กวนเฉินหลาง! เหนี่ยวซีกังคลั่งจัด ก่อนหน้านั้นเขาได้ข่าวว่าอีกฝ่ายหายสาบสูญ หลังจากเข้าไปช่วยหรงอู่เยว่ออกจากถ้ำใต้บาดาล ถึงเรื่องนี้ไม่ได้แพร่งพรายให้คนนอกล่วงรู้ ทว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บุรุษผมขาวผู้เป็นแม่ทัพหน่วยอินทรีทองคำก็ไม่เคยเปิดเผยตัว แล้วเหตุใดยามนี้ถึงกล้าบุกเดี่ยวเข้ามาที่ศาลเจ้าถัวซาน หรือทั้งหมดเป็นแผนล่อเสือออกจากถ้ำ บัดซบ คนสกุลกวนใช้แผนล่อลวงอย่างไร้เกียรติเช่นนี้ด้วยหรือ! “ฮ่า ๆ ๆ แต่แรกที่ได้ยินว่า มีรูปวาดท่านแม่ทัพและหุ่นไม้แกะสลักเพื่อนำมาบูชา ทั้งตุ๊กตาดินเผา ข้าก็นึกชมชอบมิน้อย ที่ท่านตายไปยังมีคนสรรเสริญอยู
เมื่ออวิ๋นมู่หลันคลายความกังวลเรื่องอี้เหยาลง นางกับทุกคนจึงเข้าไปอยู่รวมกันในเรือนรับรองของศาลเจ้า ซึ่งมีขนาดใหญ่ และประตูด้าน หน้าทำขึ้นจากเหล็กแข็งแรง และยามนี้ทุกคนมิได้ทำตัวเฉกเช่นการถูกจับเป็นตัวประกัน แม้ตอนนี้จะมีกำลังทหารประชิดพื้นที่โดยรอบ พร้อมเสียงที่ตะโกนอยู่ด้านนอก “น้องหลันอย่าวิตกอันใด” โจวจื่อเว่ยเป็นคนพูด แต่หน้าเขากลับซีดเผือดมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นเต็มหน้าผาก “ใต้เท้าโจว นั่งลงบ้างเถิด ท่านเดินรอบศาลเจ้าเกือบครึ่งชั่วยามแล้ว!” อวิ๋นมู่หลันกลับรู้สึกเป็นห่วงเขาเสียเอง โจวจื่อเว่ยไม่ยอมนั่ง เขายังกังวลใจอยู่มิน้อย เสียงด้านนอกดังต่อเนื่อง อีกทั้งหลิวอู้บอกว่าทหารและมือสังหารของเหนี่ยวซีกังที่ล้อมพื้นที่แห่งนี้เอาไว้มีนับสองหมื่นนาย ส่วนทหารของเขาที่เดินทางมายังศาลเจ้าถัวซานมีเพียงสามพันนาย และบางส่วนยังรออยู่ด้านนอกศาลเจ้าถัวซาน “น้องหลัน เจ้าจะให้พี่นั่งได้อย่างไร ถึงรู้ว่าปลอดภัย แต่เรื่องนี้เสี่ยงอันตรายยิ่งนัก เรามีโอกาสชนะไม่มาก” โจวจื่อเว่ยเอ่ยจบก็ถอนหายใจติด ๆ กัน “แต่เป็นใต้เท้าโจวที่บอกให้ข
เทพสงครามเคลื่อนขุนเขาแยกน้ำทะเล ประตูด้านหน้าของศาลเจ้าเปิดต้อนรับขบวนองค์ชายแปด อวิ๋นมู่หลันแปลกใจยิ่งนัก คราแรกนางคาดหวังจะเห็นกองกำลังนับสิบพันชีวิต ทว่าภาพตรงหน้านี้กลับเหนือความคาดหมาย! กระนั้นอวิ๋นมู่หลันที่ร้อนใจเรื่องอี้เหยาถูกลักพาตัวไปนั้นก็คลายความกังวลลงหลายส่วนเมื่อโจวจื่อเว่ยปรากฏตัว และนอกจากเขายังมีองค์ชายแปดที่มาพร้อมเสี่ยวเฮย ยามนั้นน้ำตานางเอ่อคลอหน่วย หัวใจคล้ายได้รับการเยียวยา เสี่ยวเฮยโตเต็มวัย มันเป็นหนุ่มเต็มตัวทั้งยังมีเกราะอ่อนสวมทับไว้ ความซุกซนหายไป ทว่าเมื่อเจอนางมันก็พุ่งเข้ามาหา แสดงความดีใจจนนางหวิดจะเสียน้ำตาอีกหน ยามนี้พวงหางใหญ่ ๆ ส่ายไหว พร้อมส่งเสียงเห่าทักทาย “เป็นเจ้าสินะ ที่เลี้ยงองครักษ์ตัวนี้ให้ข้าเป็นอย่างดี” หรงอู่เยว่เอ่ย และเขาเป็นบุรุษที่เปี่ยมด้วยเมตตา ใบหน้าก็อ่อนเยาว์มาก อวิ๋นมู่หลันหันไปมองโจวจื่อเว่ยเพื่อให้เขาอธิบายสิ่งต่าง ๆ ให้นางฟัง “หลันเอ๋อร์ ยามนี้เสี่ยวเฮยคือองครักษ์ประจำตัวองค์ชายแปด รับตำแหน่งขุนนางขั้นสี่!” ได้ยินเช่นนั้น อวิ๋นมู่หลันทั้งดีใจและประหวั่นใจมิ
เจ้าจะตายด้วยน้ำมือผู้อื่นมิได้ อวิ๋นมู่หลันรับรูปวาดจากหมิงซีมาดู นางฉงนใจ แล้วตามด้วยความรู้สึกตื้นตัน ซึ่งต้องกลั้นก้อนสะอื้นอย่างลำบาก “ปีศาจกวน...” “เอ่อ ผู้คนต่างเรียกท่านแม่ทัพว่า เทพเจ้าแห่งสงครามขอรับฮูหยิน” หลิวตงแก้ไขให้ถูกต้องและเขายิ้มดีใจ ส่วนคนติดตามอวิ๋นมู่หลันรวมถึงคนงานในศาลเจ้าต่างส่งเสียงโห่ร้องเมื่อเห็นว่าที่ถนนมีขบวนของทหารอันเป็นกองทัพอินทรีทองคำกำลังทยอยเดินเข้ามาในประตูศาลเจ้าถัวซาน ซึ่งตั้งสูงตระหง่านราวกับภูเขาขนาดย่อมล้อมศาลเจ้าแห่งนี้เอาไว้ และจำนวนทหารเหล่านั้นมีกำลังราว ๆ สามพันนาย ซึ่งนับว่าน้อยอยู่มาก “แม่ทัพกวนเดินทางมาด้วยหรือไม่” อวิ๋นมู่หลันถาม และมือนางสั่น หัวใจเต้นแรง แต่นางตั้งใจมาที่นี่เพื่อไหว้ขอพรให้กวนเฉินหลางรวมถึงบิดากับพี่ชาย โดยไม่คาดคิดว่าจะได้พบผู้เป็นสามี! “ข้ากำลังให้คนไปสืบข่าว ฮูหยินอย่าเพิ่งร้อนใจ อย่างไรหากท่านแม่ทัพเดินทางมาด้วย ต้องได้พบกันแน่!” ได้ยินหลิวตงเอ่ย นางจึงหันไปมองเบื้องหน้า ยามนั้นพยายามเหลือเกินที่จะมองหาบุรุษร่างสูงใหญ่อันเป็นที่รักของตน
สับเปลี่ยนคุณชาย ด้านล่างของศาลเจ้าแห่งนั้นเป็นลานโล่ง ปลูกดอกไม้ต้นไม้ประดับหนาตา ทั้งยังมีสวนหิน รูปแกะสลัก บ่อปลาสวยงาม ด้านบนเป็นพื้นที่หวงห้าม คือศาลบรรพชนของการรวมแผ่นดินหลายแคว้นเข้าด้วยกันในอดีต และต้องขึ้นบันไดเกือบสองพันขั้น อีกทั้งไม่อนุญาตให้คนทั่วไปล่วงล้ำ เพราะเป็นที่สำหรับการปฏิบัติธรรม ดังนั้นบริเวณลานกว้างด้านล่างจึงมีหอพระ ศาลเจ้าประจำเดือนเกิด สิบสองหลัง ทั้งรูปปั้นเทพเซียนให้คนได้ขอพรหลายองค์ ทว่าวันนี้มีหลายสิ่งผิดปกติ เทศกาลไหว้เทพเจ้าแห่งเขาถัวซานซึ่งทุกปีคึกคัก ยามนี้กลับนับจำนวนคนมากราบไหว้ได้ ที่เป็นเช่นนั้น ด้วยมีการแจ้งข่าวให้ชาวบ้านรู้ว่าศาลเจ้าแห่งนี้ตกอยู่ในการควบคุมของกบฏที่คิดปองร้ายต่อองค์ชายแปด คนที่ไม่เกี่ยวข้องจึงถูกเจ้าหน้าที่กันตัวไว้ด้านนอกประตูศาลเจ้าเพื่อไม่ให้ต้องเสียเลือดเสียเนื้อ สตรีนางหนึ่งก้าวมาจากหลังโรงครัว ขาข้างซ้ายนางเดินเหินไม่สะดวกด้วยถูกคนใจร้ายทุบตี บางครั้งปวดจนต้องหวีดร้องด้วยความทรมาน ทว่าสวรรค์ยังเมตตาให้ได้รับการรักษาจากยาของนักพรตพอที่ จะช่วยให้คลายเจ็บปวด เขาถัวซานเป็นสถานที่ซึ่งมีการ
หนึ่งปีกว่าผ่านไป อวิ๋นมู่หลันสังหรณ์ใจไม่ดีเอาเสียเลย และอี้หยางกับอี้เหยาร้องไห้โยเยหนัก แม่นมกับหมอตำแยต่างดูแลจนเหนื่อยอ่อน และเด็กน้อยดื่มนมแล้ว หากแต่ดูเหมือนไม่ใช่เพราะหิว แต่อาจมีบางสิ่งที่ทำให้พวกเขาใจเสีย กระทั่งอวิ๋นมู่หลันสลับอุ้มลูกคนโตกับคนเล็ก พวกเขาจึงเบาเสียงลง “ฮูหยิน ข้าติดตามข่าวกับท่านอาแล้วยังไม่มีสิ่งใดตอบกลับ กระนั้นจดหมายฉบับสุดท้ายที่ได้รับคือ แม่ทัพกวนพบสถานที่ซึ่งองค์ชายแปดถูกจับตัวไป และกำลังหาทางช่วยเหลือ ส่วนเสี่ยวเฮย มันอยู่กับท่านแม่ทัพขอรับ” สิ่งที่หลิวตงแจ้งเป็นข่าวนานแล้ว ซึ่งยังไม่มีสิ่งใดคืบหน้า และนั่นทำให้คนเป็นภรรยากับแม่ของลูกฝาแฝด ห่วงสามีใจจะขาด กวนเฉินหลางออกรบตั้งแต่ลูกยังไม่ลืมตาขึ้นมาดูโลก ตอนนี้พวกเขาเริ่มหัดเดิน และกำลังส่งเสียงสื่อสารความหมายทีละคำ แต่ฟังแล้วเหมือนบ่นงึมงำ ทว่าเพียงเท่านั้นทุกคนที่อยู่ใกล้อี้หยาง อี้เหยาก็หลงรักเด็กทั้งสองคนหมดหัวใจ “ยามนี้มีข่าวลือมากมายเหลือเกินว่า กำลังจะเกิดการเปลี่ยน แปลงในวังหลวง แน่นอนเรื่องนี้ย่อมเกี่ยวข้องกับท่านแม่ทัพ ถึงเราไม่ทราบข่าวใด แต่ข