"หากคุณหนูผอมลงคุณหนูของอี้เหลียวจะสวยที่สุดและท่านอ๋องก็จะรักคุณหนูใส่ใจคุณหนูเหมือนที่ทำกับคุณหนูรองคุณหนูไม่อยากเป็นภรรยาที่ท่านอ๋องรักใคร่ยืนเคียงข้างท่านอ๋องอย่างสบายใจให้คนคอยแซ่ซ้องว่าเป็นคู่แท้จากสวรรค์หรือเจ้าคะ"
อี้เหลียวอธิบายเสียยืดยาวหวังเปลี่ยนใจจิงเชียวได้
"ข้าสัญญาต่อไปข้าจะกินน้อยลง แต่ ตอนนี้ขอแค่ได้เห็นพี่อ๋องฟู่ทุกวันได้ใกล้ชิดเขาไม่ขอให้เขามารักหรือสนใจข้า ก็ข้าอ้วนออกอย่างนั้น และมันคือเรื่องจริงที่ตอนนี้ข้าไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้ให้เขามีความสุขกับน้องรองไปก็ดีแล้วฮ่าๆๆๆๆ ลูกของพวกเขาจะต้องน่ารักที่สุดจริงไหมอี้เหลียวพ่อองอาจหล่อเหลาที่สุดส่วนจิงชินนางก็งดงามเกินใคร”
บำเพ็ญเพียรถึงสามภพสามชาติหรือไรคุณหนูใหญ่ของอี้เหลียวจึงเป็นคนดีเพียงนี้ จิงชินงดงามก็จริงทว่านางเป็นคนที่อ่านยากไม่น้อย ต่างจากจิงเชียวที่เปิดเผยจริงใจ
"เจ้าคะ"อี้เหลียวไม่อยากจะพูดมากกว่านี้
"อี้เหลียวมานี่"
อี้เหลียวขยับตัวมาใกล้ จิงเชียวยกท่อนแขนมหึมาขึ้นสวมกอดอี้เหลียว
"โอะๆๆ คุณหนูระวังเจ้าคะ อี้เหลียวจะหายใจไม่ออก"
มืออ้วนคลายอ้อมแขนออกกอดไว้หลวมๆ
"ขอบใจเจ้านะอี้เหลียวที่หวังดีกับข้า แค่นี้ข้าก็ดีใจแล้วทุกคนแวดล้อมต่างดีกับข้า ทั้งๆ ที่ข้าอ้วนน่าเกลียดเพียงนี้"
อี้เหลียวอึ้งยกมือขึ้นโอบแผ่นหลังของจิงเชียวได้เพียงหนึ่งส่วนจากสามส่วน
"คุณหนูของอี้เหลียว น่าเอ็นดูเพียงนี้ ใครอยู่ใกล้จะต้องหลงรักและมีความสุขในสิ่งที่คุณหนูเป็น ทุกอย่างที่หลอมรวมเป็นคุณหนูทำให้ความคิดฝ่ายต่ำพ่ายแพ้"
จิงเชียวพยักหน้าขึ้นลง
เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างด้วยนางปีนี้ก็แค่สิบเจ็ดปี
อีกวัน ที่ห้องครัวในจวนราชครูต่างวุ่นวายแต่เช้า ทำอาหารให้จิงเชียวเพื่อตุนไว้ก่อนที่จะเสวยกับอ๋องฟู่หวังว่ากินไปแล้วจะกินได้น้อยลงต่อหน้าเขา
"ข้าว่านะ อี้เหลียวถึงวันนี้ข้าจะกินน้อยแค่ไหนแม้ว่าจะตบตาพี่อ๋องฟู่ได้แต่เมื่อข้าเข้าไปอยู่ในจวนอ๋องแล้วเขาก็ต้องเห็นข้ากินอยู่ดี”
“คุณหนูก็ควรหัดกินให้น้อยลงเจ้าคะ หรือไม่ก็ทำเหมือนตอนนี้ยามที่ต้องเสวยกับท่านอ๋องก็กินให้น้อยลงหน่อย แล้วค่อยมาแอบกินยามที่อยู่เพียงลำพัง นายหญิงกับนายท่านห่วงคุณหนูเรื่องนี้มาก เห็นในครัวพูดกันว่านายท่านคัดคนให้ไปรับใช้คุณหนูที่จวนอ๋องจำนวนไม่น้อยให้คอยทำอาหารให้คุณหนู กลัวว่าคนที่จวนอ๋องจะไม่ทันใจและทำอาหารไม่ถูกปากคุณหนู"
"ข้าทำทุกคนลำบากอีกแล้วหรือ"วางของกินลง
ห้องรับรองแขกที่บัดนี้อ๋องฟู่ในอาภรณ์สีขาวสะอาดตาคลุมทับด้วยเสื้อคลุมสีดำขลิบทอง มองดูงามสง่า เรือนผมรวมเรียบตึงไว้สวมกวานที่เป็นการสวมกวาน ซานเจียบ่งบอกว่าเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวสามารถเข้าร่วมงานพิธีการต่างๆ ได้แล้ว แล้วยังเท่ากับการให้เกียรติกับบ้านฉินเพราะการสวมกวานจะสวมใส่ไปในงานพิธีสำคัญหรืองานสำคัญเท่านั้นใบหน้าหล่อเหลายังเรียบเฉยวางท่าทีสูงส่ง เสี่ยวฝานยืนอยู่ข้างๆ จิงชินสวมใส่อาภรณ์สีฟ้าขับผิวขาวให้ขาวน่ามองใบหน้าแต่งแต้มแต่พอดีด้วยโทนสีชมพูหวานเข้ากับอาภรณ์สีฟ้า นั่งบนเก้าอี้ตรงกันข้ามกับสามบุรุษรวมทั้งท่านฉิน
“ท่านพี่อ๋องฟู่ ท่านพ่อ ข้ามาแล้ว”
อี้เหลียวพยุงร่างตุ๊ต๊ะของจิงเชียวเข้ามาในห้อง ฮูหยินฉินตามมาติดๆ
อ๋องฟู่เพียงพยักหน้าขึ้นลง
“ยกเก้าอี้ของคุณหนูเข้ามา”
คนรับใช้บุรุษสองสามคนช่วยกันยกเก้าอี้ไม้ตัวใหญ่ที่ทำพิเศษเพื่อจิงเชียว เสี่ยวฝานเลิกคิ้ว
“เรารอเจ้านะลูกพ่อ งานแต่งกำหนดจัดขึ้นในอีกสามวัน เจ้าไม่ต้องยุ่งยากฝ่าบาทพระราชทานอนุญาตเป็นกรณีพิเศษเจ้าจะได้ไม่ต้องลำบากในงานพิธี แค่ส่งเกี้ยว ไปยังจวนอ๋อง แล้วของขวัญพิเศษจากพระหัตถ์ของฝ่าบาทก็ให้ส่งให้เจ้าที่จวนอ๋องในทันทีฝ่าบาทมอบของขวัญชิ้นพิเศษสำหรับจิงเชียวน้อยของฝ่าบาทด้วยนะ”จิวเชียวยิ้มตาหยี คางสามชั้นห้อยลงมาเหมือนเดิม
จิงชินก้มหน้าเสีย
“ท่านลุงข้า ความจริงอยากให้มีงานพิธีเพื่อเป็นเกียรติกับบ้านฉิน และ…..ว่าที่ชายาทั้งสองของข้า”จิงเชียวยิ้ม
“ ไม่จำเป็น ไม่จำเป็น ข้าหาถือสาพี่อ๋องฟู่ไม่ต้องกังวล ฮ่าๆๆๆ”จิงเชียวพูดขึ้น
ท่านฉินถอนหายใจ จิงชินก้มหน้ามองมือตัวเอง
“เช่นนั้นก็ให้จิงชินนางร่วมในพิธีเพียงลำพัง ส่วนจิงเชียวคงจะยืนร่วมพิธีไม่ไหว ท่านอ๋องจะได้สบายใจว่า ได้แต่ง”
ฮูหยินจิงหราน เอ่ยปากขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
ฟู่อ๋องฉวีช่ายยิ้มบางๆ ไม่ได้โต้แย้งอะไร
“ได้หรือไม่ จิงเชียวเจ้ายินดีหรือไม่หากจะให้น้องสาวของเจ้าเข้าร่วมพิธีแต่งงานเพียงลำพังส่วนเจ้า ก็รอที่จวนอ๋อง”
ฟู่อ๋องเหลือบตามองกิริยาของจิงเชียวที่ยิ้มแก้มปริ ดวงตาสุกสกาวไม่มีท่าทีว่าจะขุ่นเคืองแม้แต่น้อย
“ดีเลยค่ะท่านพ่อ ข้าไม่อยากเป็นตัวถ่วงน้อง ข้ายืนไม่ไหวก็ควรให้น้องร่วมพิธีส่วนข้าจะร่วมพิธีหรือไม่ก็ไปนั่งรอที่จวนอ๋องแล้ว แล้วแต่งหรือไม่คนเขาก็รู้กันทั่วแม้แต่ฝ่าบาทยังประทานของขวัญพิเศษสำหรับข้า แค่นี้จิงเชียวก็ดีใจมากแล้ว”
การหารือจบลงง่ายดายสินสอดไม่ได้สำคัญทว่าฟู่อ๋องก็ตั้งใจมอบสินสอดเสียมากมายเพราะแต่งถึงสองชายาในคราวเดียวอาหารกลางวันยกมาขึ้นโต๊ะ ไม่ได้มีของที่จิงเชียวโปรดปรานแม้แต่อย่างเดียวถึงกระนั้นจิงเชียวก็ยัง รู้ว่าท้องของตัวนางเองร้องโครกครากฟู่อ๋อง ท่านฉิน ฮูหยินฉินและจิงเชียว จิงชินนั่งร่วมโต๊ะท่านฉินกับฮูหยินฉินใช้ตะเกียบคีบหมูชิ้นเล็กในผัดผักแปดอย่างให้กับจิงเชียวเสียพร้อมกัน“ขอบคุณท่านพ่อกับท่านแม่”อ๋องฟู๋กลับคีบเอาผักวางในถ้วยข้าวให้กับจิงเชียว“ขอบคุณพี่อ๋องฟู่”ฝืนใจ คีบผักใส่ปากเคี้ยวราวกับว่าเอร็ดอร่อย ฟู่อ๋องหันไปคีบหมูส่งให้จิงชินบ้าง“เจ้าผอมเกินไป”จิงชินก้มหน้าเขินอาย“ขอบคุณท่านอ๋อง”เสียงหวานราวกับน้ำผึ้งสด พร้อมกับรอยยิ้มตรึงใจอาหารมื้อนั้นผ่านไปราวกับว่าเวลามันผ่านไปช้าเหลือเกิน จิงเชียวหิวจนตาลายแต่กินได้เพียงน้อยนิดสามวันผ่านไปอาภรณ์แดงที่ห่อหุ้มร่างกาย อวบอ้วนนั้นมองไปราวกับโคมไฟสีแดงที่ประดับอยู่หน้าจวนและบริเวณทั่วไปในจวน“คุณหนูเจ้าขาของอร่อยมาแล้วเจ้าค่ะ”อี้เหลียวยกอาหารเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้ม“วันนี้มีงานมงคลของกินมากมาย อีกสักพักจะถึงเวลาเข้าหอแล้ว คุณหนูจะต้อง
การหารือจบลงง่ายดายสินสอดไม่ได้สำคัญทว่าฟู่อ๋องก็ตั้งใจมอบสินสอดเสียมากมายเพราะแต่งถึงสองชายาในคราวเดียวอาหารกลางวันยกมาขึ้นโต๊ะ ไม่ได้มีของที่จิงเชียวโปรดปรานแม้แต่อย่างเดียวถึงกระนั้นจิงเชียวก็ยัง รู้ว่าท้องของตัวนางเองร้องโครกครากฟู่อ๋อง ท่านฉิน ฮูหยินฉินและจิงเชียว จิงชินนั่งร่วมโต๊ะท่านฉินกับฮูหยินฉินใช้ตะเกียบคีบหมูชิ้นเล็กในผัดผักแปดอย่างให้กับจิงเชียวเสียพร้อมกัน“ขอบคุณท่านพ่อกับท่านแม่”อ๋องฟู๋กลับคีบเอาผักวางในถ้วยข้าวให้กับจิงเชียว“ขอบคุณพี่อ๋องฟู่”ฝืนใจ คีบผักใส่ปากเคี้ยวราวกับว่าเอร็ดอร่อย ฟู่อ๋องหันไปคีบหมูส่งให้จิงชินบ้าง“เจ้าผอมเกินไป”จิงชินก้มหน้าเขินอาย“ขอบคุณท่านอ๋อง”เสียงหวานราวกับน้ำผึ้งสด พร้อมกับรอยยิ้มตรึงใจอาหารมื้อนั้นผ่านไปราวกับว่าเวลามันผ่านไปช้าเหลือเกิน จิงเชียวหิวจนตาลายแต่กินได้เพียงน้อยนิดสามวันผ่านไปอาภรณ์แดงที่ห่อหุ้มร่างกาย อวบอ้วนนั้นมองไปราวกับโคมไฟสีแดงที่ประดับอยู่หน้าจวนและบริเวณทั่วไปในจวน“คุณหนูเจ้าขาของอร่อยมาแล้วเจ้าค่ะ”อี้เหลียวยกอาหารเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้ม“วันนี้มีงานมงคลของกินมากมาย อีกสักพักจะถึงเวลาเข้าหอแล้ว คุณหนูจะต้อง
การหารือจบลงง่ายดายสินสอดไม่ได้สำคัญทว่าฟู่อ๋องก็ตั้งใจมอบสินสอดเสียมากมายเพราะแต่งถึงสองชายาในคราวเดียวอาหารกลางวันยกมาขึ้นโต๊ะ ไม่ได้มีของที่จิงเชียวโปรดปรานแม้แต่อย่างเดียวถึงกระนั้นจิงเชียวก็ยัง รู้ว่าท้องของตัวนางเองร้องโครกครากฟู่อ๋อง ท่านฉิน ฮูหยินฉินและจิงเชียว จิงชินนั่งร่วมโต๊ะท่านฉินกับฮูหยินฉินใช้ตะเกียบคีบหมูชิ้นเล็กในผัดผักแปดอย่างให้กับจิงเชียวเสียพร้อมกัน“ขอบคุณท่านพ่อกับท่านแม่”อ๋องฟู๋กลับคีบเอาผักวางในถ้วยข้าวให้กับจิงเชียว“ขอบคุณพี่อ๋องฟู่”ฝืนใจ คีบผักใส่ปากเคี้ยวราวกับว่าเอร็ดอร่อย ฟู่อ๋องหันไปคีบหมูส่งให้จิงชินบ้าง“เจ้าผอมเกินไป”จิงชินก้มหน้าเขินอาย“ขอบคุณท่านอ๋อง”เสียงหวานราวกับน้ำผึ้งสด พร้อมกับรอยยิ้มตรึงใจอาหารมื้อนั้นผ่านไปราวกับว่าเวลามันผ่านไปช้าเหลือเกิน จิงเชียวหิวจนตาลายแต่กินได้เพียงน้อยนิดสามวันผ่านไปอาภรณ์แดงที่ห่อหุ้มร่างกาย อวบอ้วนนั้นมองไปราวกับโคมไฟสีแดงที่ประดับอยู่หน้าจวนและบริเวณทั่วไปในจวน“คุณหนูเจ้าขาของอร่อยมาแล้วเจ้าค่ะ”อี้เหลียวยกอาหารเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้ม“วันนี้มีงานมงคลของกินมากมาย อีกสักพักจะถึงเวลาเข้าหอแล้ว คุณหนูจะต้อง
อี้เหลียวมือไม้สั่นคุณหนูจิงเชียวอยู่ในโลกงดงามของนางอย่างมีความสุข แต่คุณหนูรองที่ทำเหมือนทองเนื้อดีกลับมาทำให้คุณหนูจิงเชียวของอี้เหลียวรู้สึกเจ็บปวดและยังต้องเอ่ยปากยกโทษให้คุณหนูรองผู้นี้อีกหรือ“หืมมม ทำไมต้องมีชายาเอกชายารอง แล้วเจ้าจะเก็บท่านพี่อ๋องฟู่ไว้ทำไมข้าไม่ได้หวงเจ้าเสียหน่อย ท่านพี่อ๋องฟู่เป็นสามีของเราทั้งสองคนเท่าๆ กัน ข้าให้เจ้าไปเลยก็ได้ แต่ไม่ได้สิท่านพ่อจะดุเอา แต่จิงชินเจ้ารู้ไหมเขาก็ดีกับข้าแม้ข้าจะอ้วนจนเขากอดไม่มิดเขาก็ยังกอดข้า น้องรองเจ้าอย่าคิดมากไปเลย ข้าเสียอีกเมื่อคืนเป็นห่วงกลัวว่าเจ้าจะกลัวเพราะแปลกที่เลยคะยั้นคะยอให้ท่านพี่อ๋องฟู่ไปนอนกับเจ้าคอยปลอบเจ้าให้หายกลัว ดีใจจังท่านพี่อ๋องฟู่เชื่อข้า ยอมไปค้างกับเจ้าดังที่ข้าบอก ข้าละนึกกลัวว่าท่านพี่อ๋องฟู่จะปล่อยให้เจ้านอนคนเดียวยามดึกแอบออกมาเสียอีก”น้ำเสียงไม่ได้แสดงว่าอยากจะโอ้อวดอะไรเหมือนกำลังเล่าเรื่องทั่วไปเสียมากกว่า อี้เหลียวเบือนหน้ากลั้นขำนี่สิถึงจะเรียกว่าทองแท้ตกน้ำก็ไม่ไหลตกไฟก็ไม่ไหม้จิงชินตาลุกวาวเพราะเมื่อคืนได้ยินชัดเรื่องที่อ๋องฟู๋พูดว่า..พี่สาวเจ้าบอกว่าเจ้ากลัวความมืด…“เช่นนั้นข้าก็
"อี้เหลียวแล้วเจ้าว่าท่านพี่อ๋องฟู่จะดีใจไหมที่ข้ายอมทำเพื่อเขาโดยการอดอาหาร”อี้เหลียว นิ่งงันด้วยไม่อาจเดาใจได้ว่าฟู่อ๋องจะรู้สึกเช่นไรเมื่อเห็นว่าหญิงอ้วนที่เป็นชายาเอก ยอมลำบากเพื่อเขาหรืออาจจะแค่นึกขำที่อีกคนพยายามในสิ่งที่แทบจะเป็นไปไม่ได้“ก็ ก็คงดีใจเจ้าคะหรือไม่ก็อาจแค่ รู้ว่าคุณหนูตั้งใจทำเพื่อท่านอ๋องแต่ไม่รู้ว่าคุณหนูจริงจังแค่ไหน”“จริงจังสิข้าจริงจังแน่นอน”เช่นนั้นคุณหนูจะต้องออกไปเดินเสียหน่อย กินน้อยขยับตัวบ้างจึงจะได้ผอมลง”จิงเชียวพยักหน้าขึ้นลง“จริงด้วยข้ากำลังจะตายแล้วปวดหลังและตะคลิวกำลังจะกินแขนขาข้า”อี้เหลียวมาพยุงจิงเชียวให้เดินออกไปจากห้องที่ภายนอกเป็นสวนสวย ที่ตกแต่งอย่างดงาม เข้ากับตัวเรือนพักของจิงเชียวที่อยู่ตรงกลาง ทางเดินถูกปูด้วยหินกวาดสีขาวตัดกับตัวเรือนสีหน้าตาลปนแดงดอกไม้หลากหลายสีสัน เบ่งบานแข่งกัน“ท่านพี่อ๋องฟู่กลับจากวังหลวงหรือยัง”“คุณหนูอยากจะพบท่านอ๋องหรือเจ้าค่ะ”"ข้า…ข้าแค่รู้สึกว่าเหมือนอยู่บ้านเดียวกันกับท่านพี่อ๋องฟู่แต่ก็เหมือนไม่อยู่บ้านเดียวกัน"อี้เหลียวถอนหายใจ"ไปรับท่านอ๋องกันเถิดค่ะป่านนี้คงใกล้จะถึงจวนอ๋องแล้ว"พยุงร่างอ้วนไปที่
กลัวว่าจิงเชียวจะคิดมากจึงหาทางโน้มน้าวจิตใจ“จริงของเจ้านะอี้เหลียว แสดงว่าอี้เหลียวเป็นเทพเซียนบนสวรรค์ใช่ไหมจึงยอมช่วยข้าอย่างไม่ลังเล ไม่กลัวว่าข้าจะล้มทับเหมือนที่น้องรองพูด”อี้เหลียวถอนหายใจคุณหนูจิงเชียวไม่ใช่คนโง่ค่ำคืนมืดมิดอี้เหลียวดับไฟห้องทั้งๆที่จิงเชียวยังนอนลืมตาโพลง“อี้เหลียว ข้านอนไม่หลับ ข้าอยากจะไปถามท่านพี่อ๋องฟู่เสียตอนนี้เลยว่าหากข้าผอมกว่านี้แล้วข้าจะล้มเขาจะรับข้าไหม”อี้เหลียวถอนหายใจในเมื่อเรื่องนี้คงฝังใจจิงเชียวไม่น้อยครั้งแรกในงานแซยิดท่านฉินนั้นพอจะอภัยได้ แต่ครั้งที่สองนี้ สองครั้งแล้วนะนางยังจะอภัยก็นับว่าโง่งม“นอนเถิดเจ้าค่ะเมื่อเย็นกินเข้าไปน้อยเกรงว่าจะ ทำให้หิวตอนดึกรีบนอนเสียจะได้ไม่หิว”จิงเชียวเม้มปากอ้วน“ข้าจะไปที่ห้องท่านพี่อ๋องฟู่”ลุกขึ้นนั่งห้อยข้ากับแท่นนอน“คุณหนูจะไปทำไมเจ้าค่ะไปถามก็น่าจะรู้คำตอบ ท่านอ๋องก็คงบอกว่าจะรับหากคุณหนูตัวผอมกว่านี้ เมื่อบ่ายท่านอ๋องก็พูดไว้ชัดเจนแล้วว่าอยากช่วยก็ไม่อาจช่วย”จิงเชียวหยิบเสื้อคลุมกันหนาวยื่นส่งอี้เหลียวมาสวมให้“คุณหนูแน่ใจหรือเจ้าค่ะ”“ข้า อยากฟังจากปากท่านพี่อ๋องฟู่ในตอนที่อยู่กันเพียงลำพังสอ
“ดีข้าจะถามแบบไม่เกรงใจแล้วนะ บอกไว้ก่อนข้าไม่ใช่คนโกหกข้าเห็นนางจริงๆ แล้วก็ข้าแค่มานี่เพราะอยากถามคำถามหนึ่งจริงๆ ไม่ได้อยากจะ มาเพราะว่าท่านไม่ไปหาข้า หรือเพราะว่าข้า….คิดถึงหรือว่าอะไรทั้งนั้น แต่ข้าแค่อยากจะถามว่า ถามว่า…..ถ้าข้าไม่อ้วนท่านอ๋องท่านจะทำแบบนี้……กับข้าไหม”จิงเชียวสะอื้นไปพูดไปน้ำเสียงขาดห้วง ฟู่อ๋องชะงักงันสีหน้าเปลี่ยนไปทันที“พี่สาวเรื่องนี้เอาไว้พูดกันอีกที ท่านอย่าคิดมากไปหน่อยเลยเสียสุขภาพเปล่าๆ ข้าพาท่านส่งห้องดีไหม”จิงชินรีบเข้ามาพยุงจิงเชียว ที่สะบัดตัวอ้วนๆ จนพุงกระเพื่อม“ถอดหน้ากากของเจ้าออกมาซะจิงชิน ข้าทำอะไรให้เจ้าไม่พอใจ ข้าไม่ดีกับเจ้าหรือไร คิดอย่างไรกับข้าก็บอกมาเลยทั้งสองคน ข้าพร้อมแล้วที่จะฟัง เลิกเสแสร้งได้แล้ว”“พี่สาวท่านจงใจกดดันท่านอ๋องกับข้า ท่านใช้นิสัยเดิมเมื่ออยู่ที่บ้านฉินไม่ได้ท่านลืมไปแล้วหรือว่าที่นี่คือจวนอ๋อง ท่านควรจะพูดให้ดีกว่านี้ มิใช่ทำท่าทีขึงขังโกรธเคือง สามีก็คือสามีเปรียบดังฮ่องเต้ แล้วท่านอ๋องเองเลือกอะไรได้จะบอกว่าแต่งหรือไม่แต่งกับท่านได้ด้วยหรือในเมื่อเป็นบัญชาฝ่าบาท และเป็นท่านพ่อที่…ยัดเยียดท่านให้กับท่านอ๋อง ข้า อ
สะอื้นดังๆ หูตาที่อวบอ้วนยิ่งบวมเป่งเพราะเอาแต่ปาดน้ำตาที่ไหลมาราวกับเขื่อนแตกก้าวขาตรงไปยังหุบเหวแห่งนั้นอย่างไม่ลังเล สะอื้นอย่างหนักพวกเจ้าอย่าตัดสินปัญหาคนอื่นว่าเป็นเรื่องเล็ก หากจิงเชียวคิดได้ว่าต้องรักตัวเองรักพ่อแม่ไม่ยอมตาย แล้วเรื่องบางเรื่องก็ไม่อาจดำเนินต่อไปได้สถานที่ต้องห้าม แม้จะอยู่ไม่ไกลจากเขตวังหลวงเท่าใดนักหากแต่เป็นสถานที่ต้องห้ามบ้างว่ามีวิญญาณที่คอยดูดกลืนพลังชีวิตของผู้คน บ้างว่ามีแต่คนที่ตายแล้วเท่านั้นที่เคยมาที่นี่“ท่านพ่อ ท่านแม่ อี้เหลียว ข้าลาก่อนข้าจะลองกระโดดลงไปดูว่าร่างอ้วนๆ ของข้าจะแหลกเหลวหรือไม่ ชีวิตอ้วนๆ ของข้าไม่มีความหมายใดแล้ว ท่านพี่อ๋องฟู่ที่ข้ารักและศรัทธา กลับมองข้าไร้ค่าน่ารังเกียจ”หลับตาลงช้าๆ ไม่กล้ามองไปยังหุบเหวลึกที่มืดมนเบื้องล่าง“ฮึกๆๆๆๆ ท่าน อย่างไรก็คงไม่มาห้ามข้า หากชาติหน้ามีจริงข้าหวังจะได้พบท่านอีกเช่นเคยหวังจะได้รักท่านอีกเช่นเคย แต่หวังว่าข้าจะไม่อ้วนเหมือนในชาตินี้”ขยับเท้าไปยืนหน้าผา สูดลมหายใจเข้าลึกๆ“ชาติหน้าข้าจะต้องผอมกว่านี้ใช่ไหมฮึบๆๆๆๆๆๆ”หลับตาปี้ก่อนจะกระโดดลงไปสู่เวิ้งอากาศที่ไม่อาจแบกรับร่างอ้วนเกินขีดจำ
ฟู่ฉวีช่ายอ๋องท่านอ๋องหนุ่มผู้ซึ่งเป็นน้องต่างมารดาของฮ่องเต้จึงได้เพียงตำแหน่งอ๋องมีแม่เป็นเพียงสนมที่ไม่เป็นที่โปรดปรานทว่าฮ่องเต้กลับรักราวกับลูกด้วยฟู่ฉวีชาย ช่วยงานราชสำนักหนักเบาได้ไม่น้อย มีความทรงจำที่งดงามในวัยเด็กร่วมกันกับจิงเชียวเรียกได้ว่าจิงเชียวคือรักแรกของเขาเช่นกัน แต่เป็นคนที่เก็บซ่อนความรู้สึกได้เก่งมาก มีความลับที่ไม่อาจเปิดเผยมากมาย แต่ก็พยายามที่จะชนะใจจิงเชียวให้ได้ฉินจิงเชียวหญิงอ้วนที่รักแรกรักเดียวคือฟู่ฉวีช่าย เป็นที่รักใคร่ของคนรอบข้างถูกตามใจมาตั้งแต่เด็กแต่ก็นิสัยน่ารักสดใสไม่ได้มีนิสัยเอาแต่ใจเหมือนเด็กที่ถูกตามใจทั่วไปจึงเป็นที่รักใคร่ของคนทั่วไปแม้จะอ้วนก็ไม่มีใครมองว่าคือสิ่งที่เป็นเรื่องใหญ่ทุกคนมองข้าม เพราะจิงเชียวน่ารักสดใสกับคนรอบข้างเสมอ อีกทั้งยังเป็นคนจิตใจดีมีเมตตากับคนทั่วไปโดยเฉพาะฉินจิงชิน ปัญหาคงไม่เกิดหากฟู่อ๋องไม่หมางเมินจนทำให้จิงเชียวกระโดดหน้าผาจนพบกับกัวหลงหลงผู้ที่จะมาเปลี่ยนแปลงทุกอย่างกัวหลงหลงองค์ชายเผ่าจิ้งจอกที่ชอบหนีเที่ยวแต่บังเอิญ วันนั้นหลงทางกับองครักษ์ (ลู่เยว่)และมาพบกับจิงเชียวที่มีเมตตาช่วยเหลือเขาโดยการนำตัวจิ
“แล้วหากข้าอ้วนขึ้นเล่า”“ความจริงข้าชอบจิงเชียวในแบบอ้วนนะอย่างน้อยนางก็มีสายตาไว้มองข้าคนเดียว ถึงความคิดของข้าจะเห็นแก่ตัวไปก็ตามแต่ข้าไม่ชอบให้ใครมองเจ้าไม่ชอบให้ใครชมเจ้าว่างดงามไม่ชอบให้เจ้า มองคนอื่น”“จิงเชียวก็ไม่ชอบให้ท่านพี่อ๋องฟู่มองคนอื่นเหมือนกัน”ตาสบตาฟู่อ๋องจุมพิตที่ริมฝีปากอย่างอ่อนโยน กัวหลงหลงที่ยืนอยู่ด้านหลังห้องยกสุราขึ้นกรอกลงปากจนหมดถุง ยิ้มเศร้าๆ หมาเชาเชาตัวสีขาวส่งเสียงร้องงื๊ดง๊าด กัวหลงหลงก้าวเดินจากไป“ไปกันเถอะลู่เยว่”“โฮ่งๆๆ”ลู่เยว่ท้วง“ไม่ไม่จำเป็นต้องกล่าวลานางหรอก ข้าพร้อมจะไปแล้ว นางก็พร้อมที่จะยิ้มรับความสุขแล้ว”สายลมพัดผ่านพวงหางทั้งเก้า กัวหลงหลงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พรุ่งนี้จิงเชียวจะถามหาเขาไหมนะพรุ่งนี้นางจะ ยังมีเขาในความทรงจำไหมนะ“อย่าเพิ่ง ท่านพี่อ๋องฟู่จิงเชียวสงสัยว่าท่านทำไมไม่ร่วมแท่นนอนกับน้องรองจิงชินทั้งๆ ที่นางงดงามเพียงนั้น”ฟู่อ๋องถอนหายใจทั้งที่เขากำลังทาบทับร่างอุ่นของจิงเชียวแต่นางกับพูดเรื่องนี้ขึ้นมา“เพราะข้ารอเจ้าอย่างไรเล่าจิงเชียว เพราะข้ารักเจ้าอย่างไรเล่าจิงเชียวไม่ว่าจะกี่หญิงงามก็ไม่อาจทำให้ข้าเปลี่ยนใจ ข้ามีใจให้จิงเช
ก่อนหน้านั้น“ฮ่องเต้เสด็จๆๆๆๆๆ”จิงเชียวหรืออิงเอ่อร์นั่งบีบมือเย็นเฉียบอยู่บนแท่นนอน ใต้แท่นนอนมีกัวหลงหลงที่กลายร่างเป็นงู คอยระวังระไวหากจิงเชียวร้องขอความช่วยเหลือเขาคงต้องตัดใจกัดอู้หลงฮ่องเต้ให้จมเขี้ยวอย่างแน่นอน“จิงเชียวน้อย เจ้ากำลังเล่นอะไรอยู่”คิ้วสวยขมวดเข้าหากัน กัวหลงหลงอ้าปากค้าง พึมพำเบาๆ“เจ้าอ๋องนั่นจะต้องเอาเรื่องนี้ไปบอกอู้หลงฮ่องเต้แน่”“ฉินเกอลนลานเข้ามาพบข้าบอกว่าเจ้าคือจิงเชียวน้อย ที่กลับมาอีกครั้งจากความตาย”จิงเชียวเงยหน้าขึ้นช้าๆ กัวหลงหลงส่ายหน้าไปมา“ฝ่าบาทรู้เรื่องนี้แล้ว”“ตั้งใจปิดบังฟู่อ๋อง ตามหารักแท้หรือไรฮ่าาาา”จิงเชียวก้มหน้ายิ้ม“ฝ่าบาท โปรดอภัยจิงเชียวไม่ได้ตั้งใจหลอกลวงเบื้องสูง”คุกเข่าลงกับพื้น“ข้าเห็นเจ้าในครั้งแรกก็รู้สึกว่าดวงตาของเจ้าเหมือนของใครสักคนที่ข้ารู้จัก ในที่สึกจึงรู้ว่าเป็นของจิงเชียวน้อย บิดาเจ้ายินดีกว่าใครอยากจะเข้ามาพบเจ้าเสียให้ได้แต่ ข้าห้ามไว้ตั้งใจจะวางแผนจัดการกับคนปากแข็งเช่นฟู่อ๋อง ข้าส่งคนสอดแนมตอนที่เจ้าหายไป อยากรู้ว่าฟู่อ๋องเสียใจหรือไม่เมื่อเจ้าไม่อยู่”“แล้วท่านพี่อ๋องฟู่เสียใจไหมเพคะที่จิงเชียวไม่อยู่”กัวหล
เขย่าประตูแต่ทว่ากับใส่กลอนแน่นหนาฟู่อ๋องใช้ไหล่กระแทกประตูด้วยแรงทั้งหมดจนกระทั่งบานประตูหลุดออกจากกันพุ่งตัววิ่งเข้าหาจิงเชียวที่นอนบนแท่นนอนหนา“อิงเอ่อร์ ไม่สิจิงเชียวเจ้าเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น”จิงเชียวเงยหน้าขึ้นช้าๆ จ้องมองใบหน้าหล่อเหลาทว่ามีสีหน้าวิตกกังวล มองอ้อมแขนที่กอดรัดไว้แน่น“ท่านพี่อ๋องฟู่ท่านรู้ว่าเป็นข้าหรือ” ฟู่อ๋องเลิกคิ้วสูง“เมื่อกี้เจ้ากรีดร้องเป็นอะไรไป”“จริงด้วยงู มีงูในผ้าห่มของข้าข้าเอาหมอนฟาดมันจนตัวงอ แต่มันก็ไม่ยอมไปไหน”ฟู่อ๋องอุ้มจิงเชียวไปวางไว้ที่เก้าอี้“ข้าจะไล่งูให้” กัวหลงหลงที่กลายร่างเป็นงูตัวสีดำขมวดคิ้ว พุ่งตัวเข้าหาจิงเชียว“กรี๊ดดดด”ฟู่อ๋องเองก็ถลาเข้าหาจิงเชียวกอดรวบร่างบางไว้แนบอก“ฟู่อ๋องฉวีช่าย”เสียงดังราวกับอาญาสิทธิ์ดังขึ้นอู้หลงฮ่องเต้ก้าวขามาในห้องทันได้เห็นภาพที่ฟู่อ๋องกอดรวบจิงเชียวไว้ทั้งตัวพอดี“ฝะฝะฝ่าบาท”ฟู่อ๋องรีบปล่อยอ้อมกอดประสานมือตรงหน้าสำนึกผิด“ฟู่อ่องสมควรตายล่วงเกินพระสนม”“หือ พระสนม ใครบอกว่านางเป็นสนมของข้า”ฟู่อ๋องมีสีหน้างงงันกัวหลงหลงพุ่งตัวออกไปด้านนอกกลายร่างเป็นกัวหลงหลงใทันที“พิษรักเล่นงานจนถึงกับทนไม่ไ
“รู้ได้อย่างไรว่าในเครื่องเสวยมียาปลุกกำหนัด”ถามทั้งที่ตัวเขาเองก็เอะใจอยู่แล้ว แล้วอีกอย่างท่าทีของจิงชินเมื่อเห็นเครื่องเสวยร่วงเกลื่อนพื้นนางทำสีหน้าราวกับจะฆ่าจะแกงกัวหลงหลง“ก็นะข้ามีความสามารถพิเศษเรื่องที่สามารถ สัมผัสกลิ่นได้ดีกว่าคนทั่วไป”ฟู่อ๋องเลิกคิ้วสูง“ขอบคุณ แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ในเมื่อท่านองครักษ์มีทีท่าว่าหมายปองจิงเชียวทำไมท่านองครักษ์ถึงยอม …ช่วยข้าหรือว่าตั้งใจจะให้ข้า ออกหน้าแทนชิงตัวจิงเชียวมาจากฝ่าบาทกันแน่”“ช่างจินตนาการมองคนอื่นในแง่ร้ายสิ้นดี คนอย่างอ๋องฟู่รูปงามทว่าช่างคิดเล็กคิดน้อย”ฟู่อ๋องถอนหายใจ“ไปกันเถอะ ข้าต้องรีบไปอารักขาจิงเชียวแล้ว”ก้าวเดินนำจวนฟู่อ๋อง“ไท่จือ ท่านท่านมาถึงนี่”อู้ตี้ไท่จือเดินเซด้วยความเมามาย หลบอยู่ในห้องบรรทมของจิงชิน“จิงชินข้าคิดถึงเจ้า”พุ่งตัวเข้ากอดรัดจิงชินที่เบี่ยงตัวหลบ“เจ้ารังเกียจข้าหรือหรือว่าเปลี่ยนเป้าหมายแล้วหรือเห็นท่านอาดีกว่าข้าใช่ไหม”จิงชินถอนหายใจ“ท่านจือที่นี่เป็นจวนอ๋องไท่จือกล้ามาถึงนี่ แล้วมาทำเรื่องแบบนี้หากใครมาเห็นเข้า”“ก่อนนั้นข้าก็มาพบเจ้าที่นี่เป็นประจำไม่เคยมีปัญหาทำไมวันนี้ถึงได้คิดจะมีปัญหาไม่
“อะฮ้า จวนท่านอ๋องฟู่นี่มีเครื่องเสวยแต่ละอย่างน่ากินทั้งนั้น”กัวหลงๆ เปิดประตูเข้ามาราวกับบสนิทชิดเชื้อเสียเต็มประดาทรุดกายลงนั่ง“หือ แต่ละอย่างน่ากินทั้งนั้น”ก้มลงสูดดมกลิ่นอาหารก่อนจะขมวดคิ้ว หางทั้งเก้าปรากฏเลือนรางก่อนจะรีบร่ายมนตร์บังตาเสียใหม่“เจ้าเข้ามาได้อย่างไรผ่านองครักษ์เข้ามาได้อย่างไร”“หือข้าเป็นสหายลืมไปแล้วหรือท่านอ๋อง ข้ามาเพื่อจะมาเตือนว่าท่านจะต้องรีบไปอารักขาพระสนมคนใหม่ของฝ่าบาท”“ท่านองครักษ์ ท่านอ๋องเสวยเย็นแล้วจึงจะรีบไป”กัวหลงหลงยิ้ม เดินมาหยิบ กระบี่ที่วางไว้บนที่วางกระบี่ที่ทำจากงาช้าง“กระบี่นี่เนื้อดีอีกทั้งยัง เหมาะมือ”ไม่พูดเปล่าร่ายรำกระบี่ราวกับห้องนั้นเป็นสนามประลองตวัดคมกระบี่ไปด้านหน้าด้านหลัง“ระวังหน่อย เพล้งๆๆๆๆ”ฟู่อ๋องที่พูดยังไม่ทันขาดคำ ร่างสูงของกัวหลงหลงหันหลังกลับมาวาดกระบี่ในมือกวาดเอาเครื่องเสวยบนโต๊ะร่วงลงเกลื่อนพื้น“ขะขะข้าขอโทษ โอ๊ยแย่แล้วข้าผิดไปแล้วข้าทำมันพังอีกแล้วใช่ไหมข้าแย่จริงเชียว”รีบถลาเข้าไปเก็บชามและถ้วยเครื่องเสวยที่ร่วงเกลื่อนพื้น จิงชินกัดฟันจนเป็นสันนูนบ้านฉิน“ท่านพี่ในที่สุดสวรรค์ก็เข้าข้างเรา”ฮูหยินจิงหรานป
เช้าสดใส จิงเชียวนอนบิดขี้เกียจบนแท่นนอนอุ่นนุ่มเมื่อคืนหลับสบายไม่น้อย นางกำนัลยกชามน้ำอุ่นเข้ามาในห้อง“พระสนม”จิงเชียวยิ้มหวานหยดท้องพระโรงขุนนางหลายฝ่ายต่างรออยู่หน้าบัลลังก์อู้หลงปิดปากหาว ก้าวเดินมานั่งที่บัลลังก์ กัวหลงหลงก้าวตามมาติดๆ ก้มหน้ามองพื้นทางเดินมากกว่าเหมือนกลัวว่าจะสะดุดล้ม“ถวายพระพรฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นๆ ปี”เสียงแซ่ซ้องจากคนทั้งหมดในท้องพระโรงอู้ตี้ยิ้ม เมื่ออู้หลงฮ่องเต้ปิดปากหาวอีกครั้ง“เสด็จพ่อ เมื่อคืนที่ผ่านมาคงจะทรงเกษมสำราญไม่น้อย”อู้หลงยิ้มมุมปาก“ฟู่อ๋องไปไหนเสีย”ฟู่อ๋องก้าวเดินมาตรงหน้าเด่นสง่าประสานมือ“ป่านนี้ฟู่อ๋องยังไม่พบชายาเอกที่หายไปอีกหรือหรือว่าเลิกล้มความตั้งใจในการตามหาชายาเอกจิงเชียวน้อยเสียแล้ว”อู้หลงพูดขึ้นดังๆ ฟู่อ๋องก้มหน้า“ฟู่อ๋องส่งคนลงไปที่หุบเหวปราบเซียนค้นทุกซอกทุกมุมพบเพียงความว่างเปล่า จึงได้สั่งให้ลดกำลังคนในการค้นหา”อู้หลงถอนหายใจ“ข้าเองก็คงเลิกล้มคำสั่งเรื่องการแต่งตั้งชายาเอกตอนนี้จะแต่งตั้งใครอย่างไรก็คงแล้วแต่อ๋องฟู่ เพราะนานมากแล้วที่ชายาเอกหายตัวไป”้“ฝ่าบาท ตอนนี้ยังไม่พบนางข้าจึงคิดว่าการแต่งตั้งชายาเอก
“ท่านก็ไปเสียเองสิท่านเองก็ชื่นชอบนางท่านเองก็มีใจให้คุณหนูอิงเอ่อร์มิใช่หรอกหรือ แม้กระทั่งเข้ามาในวังหลวงนางยังใช้แซ่ของท่านในการสมัครเข้ามาคัดตัวนางในก็ควรเป็นท่านองครักษ์ที่จะต้องทำเพื่อนาง”กัวหลงหลงกัดฟันแน่น“นี่ ฟู่อ๋องข้ามองท่านผิดไป ข้ารึอุตส่าห์ช่วยท่านให้รอดพ้นเงื้อมมือไท่จือแต่ท่านกับทำทีเหมือนว่านางไม่….สำคัญกับท่านกระนั้น”“ช่วยข้ารึ ข้าไม่ได้ขอร้องนี่”กัวหลงหลงยกมือขึ้นตั้งใจจะซัดเข้าใส่ใบหน้าหล่อเหลาของฟู่อ๋องด้วยโทสะทว่ากับกำหมัดแน่น"ท่านไม่ทำข้าทำเอง ข้าไม่ยอมให้จิงเชียวเอ๊ย อิงเอ่อร์นางต้องเป็นสนมของฝ่าบาทเป็นแน่”“คิดหรือว่าวิธีนี้จะได้ผล ท่านตั้งใจเอาคอของท่านไปพาดไว้บนแท่นประหารอย่างนั้นหรือ”“เจ้าคนขี้ขลาด ข้าคิดว่าท่านจะชอบนางพร้อมยอมทำเพื่อนางแต่ดูท่านสิทำอะไรได้”กัวหลงหลงพูดไปก็เหมือนกับว่าตัวเองเพราะตัวเขาเมื่อเข้ามาอยู่ในวังกลับไม่สามารถใช้มนตร์ต่างๆ ได้ด้วยวังหลวงล้วนมีเครื่องรางและที่สำคัญป้ายหยกข้างกายอู้หลงนั่นยิ่งทำให้อ่อนแรง“หากท่านคุกเข่าต่อหน้าฝ่าบาทเรื่องที่ขอประทานอนุญาตรับนางเป็นฮูหยิน นั้นเท่ากับท่านกล้าแย่งแม้กระทั่งสนมของฮ่องเต้ ตอนนี้ท่าน
อู้ตี้ปากไวเท่าความคิด ทำเอาเหล่าหญิงงามต่างหัวเราะขบขัน จิงเชียวกัดเม้มริมฝีปากแน่นฟู่อ๋องอมยิ้มกับดอกท้อสีแดงสดตรงกลางผ้าสีขาวสะอาดดอกท้อสีแดงโดดเด่นบนนั้นเหมือน จิงเชียวในตอนนี้ยิ่งแน่ใจว่านี่คือจิงเชียวน้อยของเขาที่กี่ปีก็ไม่เคยเปลี่ยนนางปักได้เพียงดอกท้อสีแดงตั้งแต่เก้าขวบกัวหลงหลงดึงเอาผ้าขาวจากมือฟู่อ๋อง"งดงาม งดงามจริงๆ ช่างเป็นดอกท้อที่แตกต่างแต่มีมนต์ขลังพวกท่านเห็นไหม ไม่ใช่ใครจะปักลวดลายแบบนี้ได้ง่ายๆ งดงามแต่เรียบง่าย ธรรมดาแต่น่าจดจำ"หญิงงามที่กำลังซุบซิบต่างเงียบเสียงมองไปที่ดอกท้อสีแดงสดเพียงดอกเดียวนั้น"ท่านองครักษ์ท่านเลอะเลือนไปแล้วหรือ เช่นไรจึงได้กล่าวชื่นขมเพียงแค่คนที่ทำอะไรง่ายๆอย่างนี้ นางไร้ความสามรถท่านยังเอ่ยชมเห็นว่านางมีใบหน้างดงามเป็นต่อพวกเราหรือไร"บุตรีของขุนนางใหญ่แซ่จือกล่าวติเตือนกัวหลงหลง"หืม. ..พวกเจ้าล้วนคิดว่าลวดลายงดงาม เท่านั้นที่จะผ่านการคัดเลือก จริงๆแล้วการที่ใครสักคนใส่ใจงานที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จสิ้น รู้จักพลิกแพงนั่นนับว่าหลักแหลมยิ่งแล้ว เขาสั่งให้ปักจึงปัก ลวดลายสะท้อนความเป็นตัวตนนางเป็นง่ายๆ ทว่าก็ทำตามกฎ"อู้หลงฮ่องเต้ก้าวเข